Categories
Football Business

ระเบิดศึก ครั้งแรก! ฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์พิเศษ “LaLiga Futbol Cup” ชวนเตะบอล 7 คน พร้อมรับความสนุกและมิตรภาพแบบครอบครัวลาลีกา

คอบอลอย่างเราพลาดได้อย่างไร หยิบสตั๊ด รวมเพื่อน มาเตะบอลกัน! กับกิจกรรมดีบอกต่อ ที่เปิดโอกาสให้ร่วมสนุกกับการแข่งขันฟุตบอล ภายใต้งาน “LaLiga Futbol Cup by M88 2022” งานที่จะชวนทุกท่าน ที่ชื่นชอบในการเตะบอล ออกกำลังกาย รวมทีมมาร่วมสนุกไปด้วยกัน กับการแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเมนท์พิเศษ ที่เต็มไปด้วยความสนุกเเละมิตรภาพเเบบครอบครัว ลาลีกา เตะบอลมันส์ Fun ให้สุด !

ฟุตบอลทัวร์นาเมนท์พิเศษ ครั้งแรก โดยลาลีกาครั้งนี้ เป็นการแข่งขันแบบ 7 คน ส่งชื่อเพื่อนร่วมทีมได้ทั้งหมด 10 คน ไม่จำกัดอายุ เพียงแค่คุณพร้อมที่จะลุย ก็สามารถสมัครเข้ามาได้เลย เปิดรับสมัครเพียง 20 ทีมเท่านั้น !! 

ภายในงานจะมีเสื้อฟุตบอลสกรีนโลโก้ทีมใน ลาลีกา สเปน 20 สโมสรแจกให้ใส่เพื่อทำการแข่งขันฟรี! โดยทำการจับสลากหน้างานว่า แต่ละทีมจะได้เสื้อสกรีนโลโก้สโมสรอะไร และมีน้ำดื่มให้ฟรี ทีมละ 2 แพ็ค 24 ขวด ซึ่งทัวร์นาเมนท์นี้ มีถ้วยรางวัลให้สำหรับผู้ชนะเลิศอันดับ 1, 2 และ 3 รวมถึงรางวัลทีมแฟร์เพลย์ อวอร์ด และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม

นอกจากนี้ในงานยังมีอาหารให้ทานฟรีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ ทานคล่องคอ หรือดับร้อนด้วยไอศกรีมโบราณ หอม หวาน เย็นชื่นใจ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีบูธกิจกรรมจาก M88 ที่พร้อมจะมอบความสุขให้กับทุกท่าน และกองเชียร์ผู้ติดตามได้ร่วมมันส์กันอีกด้วย

กติกาการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม

1. สแกน QR Code หรือ คลิกที่ลิงนี้ https://bit.ly/3bcpubH แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน

2. แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ และ E-mail 

3. ส่งภาพถ่ายที่แสดงความเป็น “ทีม” ของคุณ กับลาลีกาเข้ามาในแบบฟอร์ม

สำหรับการประกาศผลว่าทีมไหนจะได้เข้าร่วมกิจกรรม จะทำการประกาศใน วันที่ 30 มิถุนายน 2565 (เวลา 15.00-16.00 น.)  ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป (หากไม่สามารถติดต่อได้เจ้าหน้าที่ขอสงวนสิทธิ์ให้กับผู้โชคดีทีมลำดับถัดไป)

หมายเหตุ : 

1. จำนวนทีมที่รับทั้งหมด 20 ทีม ทีมละ 10 คน

2. สมัครมาเป็นทีม โดยตัวแทนทีมลงทะเบียนครั้งเดียว แล้วใส่ชื่อสมาชิกในทีมได้เลย 10 คน

3. ค่ามัดจำทีม จำนวน  1,500 บาท สำหรับการลงทะเบียนเข้าร่วมทัวร์นาเมนท์ **

** หากไม่ได้รับการคัดเลือกจะโอนกลับในวันที่ 1 ก.ค.2565 สำหรับทีมที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมแข่งขัน และมารายงานตัวในวันที่จัดแข่งขัน จะได้รับเงินคืน โดยจะโอนเงินคืนให้กับหัวหน้า หรือตัวแทนทีมในวันถัดไปหลังจบงาน (กรณีที่โดนใบแดงทางผู้จัดขออนุญาตยึดมัดจำ)

4. สำหรับทีมที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมทัวร์นาเมนท์นี้ ต้องทำการถ่ายรูป ผลตรวจ ATK คู่กับบัตรประจำตัวประชาชน มายื่น ณ จุดลงทะเบียนหน้างาน 

.

*กรุณาทำตามทุกขั้นตอน*

– ผลตรวจจะต้องเป็นลบ (ไม่พบเชื้อ) 

– ผลตรวจจะต้องทำการตรวจไม่เกิน 24 ชั่วโมงก่อนเข้างาน

สถานที่ : สนามฟุตบอล kpc soccer km.9 (สนามฟุตบอลในร่ม)

พิกัด : https://goo.gl/maps/H4qY5sSs3s8bSDKu9

วันที่ : 2 กรกฏาคม 2565 

เวลา : 09.00 – 17.00 น.

สุดท้ายนี้ อย่าลืม ! แอดไลน์ @khaimukdam กันไว้นะคะ เพื่อไม่ให้พลาดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ และสามารถเข้ามาพูดคุย สอบถามกันได้

แล้วเตรียมตัว เตรียมใจ ฟิตร่างกาย มาโชว์ฝีเท้ากับพวกเราได้เลย

Categories
Our Work

1 ใน 8 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทย ถูกเลือก! ลาลีกา จับมือ พูม่า เปิดตัวลูกฟุตบอล “PUMA ORBITA LaLiga” ต้อนรับซีซั่นใหม่ 2022/23

จากการศึกษาจนเป็นที่ยอมรับจาก ลาลีกา ว่า ประเทศไทยมีฐานแฟนฟุตบอลจำนวนมาก และมีความสามารถเป็น 1 ในชาติหลักศูนย์กลางการสื่อสาร และทำกิจกรรมการตลาดของลีกฟุตบอลสเปนได้จนลาลีกาได้เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 5 ปี ล่าสุด ลาลีกา ได้จับมือกับ พูม่าแบรนด์กีฬาระดับโลก จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ลูกฟุตบอลดีไซน์ใหม่  25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 โดยใช้ชื่อว่า “พูม่า ออร์บิต้า ลาลีกา” (PUMA ORBITA LaLiga) เพื่อเผยโฉมลูกหนังที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอล LaLiga Santander และ LaLiga Smartbank สำหรับฤดูกาล 2022/23 โดย มร.ออสการ์ มาโย กรรมการบริหารลาลีกา และ มร. แดเนียล โมเรโน่ หัวหน้าฝ่ายการตลาดของพูม่า ได้เป็นตัวแทนงานเปิดตัวในประเทศสเปนพร้อมกับอีก 7 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ เกาหลีใต้, อียิปต์, ฟิลิปปินส์,เม็กซิโก, ไนจีเรีย, แอฟริกาใต้ และประเทศไทย ได้สิทธิ์ถูกเลือกเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ณ Ari Football สยามสแควร์ ซอย 6 

การออกแบบครั้งนี้ มาในคอนเซปต์ลูกฟุตบอลที่สะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลในเกมฟุตบอล, ความมีเสน่ห์ และการหลอมรวมจิตวิญญาณระหว่างนักเตะและแฟนบอลให้เป็นหนึ่งเดียว ลักษณะของลูกบอล จะมีสีสันและเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับลาลีกา โดยมีลวดลายซิกแซก มีทั้งโทนสีขาวผสมกับสีบานเย็น และสีดำผสมด้วยสีฟ้ากับสีเหลือง โดยจะมีทั้งลูกบอลปกติ และลูกบอลสำหรับใช้ในการแข่งขันช่วงฤดูหนาว เพื่อให้ผู้เล่นสามารถมองเห็นลูกฟุตบอลได้ชัดเจนขึ้น

พูม่า ออร์บิต้า ลาลีกา ออกแบบด้วยรูปทรงขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ 8 ชิ้นมาเชื่อมต่อกัน เพื่อลดจำนวนตะเข็บลง และให้ให้สามารถเชื่อมต่อกับลูกฟุตบอลได้ดีขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ลูกฟุตบอลคงยังคงมีรูปทรงกลม และการดูดซึมน้ำที่น้อยลง ขณะที่ลูกฟุตบอลรุ่นนี้ จะมีการเพิ่มหนังแบบ POE เพื่อให้นักเตะสามารถควบคุมลูกฟุตบอลได้ดีขึ้น มีการส่งและการยิงที่แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ พื้นผิว PU 3D 1.2 มิลลิเมตร ยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพการเคลื่อนที่ในอากาศ ทำให้มีความทนทานเพิ่มขึ้น ผ่านการรับรองมาตรฐานจากฟีฟ่า ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นการออกแบบให้อำนวยความสะดวกในการใช้งานเพื่อนักฟุตบอลได้อย่างแท้จริง

คำว่า “ORBITA” หมายถึง ศูนย์กลางแห่งเกมลูกหนัง ที่สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ตลอดเวลา การเปิดตัวในครั้งนี้ มาพร้อมกับนักฟุตบอลชื่อดังของลาลีกา อาทิ แยน โอบลัค, อองตวน กรีซมันน์, เมมฟิส เดปาย, สเตฟาน ซาวิช และยูนุส มูซาห์

สำหรับในประเทศไทย เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Puma, LaLiga และ Ari ภายใต้ชื่อว่า “LAUNCH PUMA ORBITA THAILAND” จัดงาน เปิดตัวลูกฟุตบอลของ “Puma” ที่ร้าน Ari Football สาขา สยามสแควร์ ซอย 6 โดยมี นายธเนศ โฆษิตวุฒิโสภณ รองประธานฝ่ายการตลาด Ari Football เป็นตัวแทนในการเปิดงาน กล่าวว่า “ยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการเปิดตัวลูกฟุตบอลในครั้งนี้อันเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกกับลาลีกา ทั้งนี้ทาง Ari พร้อมที่จะสนับสนุน และร่วมกิจกรรมดี ๆ แบบนี้กับลาลีกาอีกอย่างแน่นอนในอนาคต”

ภายในงานมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ นักฟุตบอล และสื่อมวลชน มาร่วมเปิดตัวลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการ อาทิ “ซันนี่” ธัญญารัตน์ เนาวรัตน์พงษ์ แฟนบอลสาวสาวกหงส์แดง และ “วอร์มอัพ” ภาสวัฒน์ วงศ์ษา, “เอก” เอกชัย สำเหร่ แบ็คขวามากประสบการณ์จากสโมสร โปลิศ เทโร, “บอล” จักรพันธ์ พรใส ปีกตัวจี๊ดจากทีม ราชบุรี มิตรผล, “บอล” ชัยวัฒน์ บุราณ และ “เป้” นพพล พลคำ สองนักเตะแห่ง สมุทรปราการ ซิตี้ ฯลฯ จากทางฝั่ง Ari และครอบครัวสื่อฝั่งลาลีกาที่มาร่วมงานเป็นประจำ อย่างเช่น เจมส์ ลาลีกา, ขวัญ ลามาเซีย, พีชชงพีชชี่, ทีมงาน SoccerSuck, ทีมงาน Top4Official, ดูบอลกับแนท, เดอะนัทซัดหมดแมกซ์, ต่อ ณ ระนอง ฯลฯ

ช่วงเวลาก่อนการเปิดตัวลูกฟุตบอลได้มีการพูดคุยถึงเรื่องฟุตบอลกันเล็กน้อยอย่างอบอุ่น สนุกสนาน ระหว่าง พิธีกร “ท็อปไข่มุกดำ” ในฐานะตัวแทนคุณจอร์โจ ปอมปิลี่ รอสซี่ จากลาลีกา ซึ่งติดโควิด-19 ไม่สามารถมาร่วมงานได้, คุณธเนศ โฆษิตวุฒิโสภณ หรือ “ซันชิโร่” รองประธานฝ่ายการตลาด Ari Football และ “เอก” เอกชัย สำเหร่ พรีเซ็นเตอร์คนแรก ๆ ของ Ari ซึ่ง เอกชัย ได้พูดถึงลูกฟุตบอลที่ใช้ในการเล่นฟุตบอลอาชีพว่า “ส่วนตัวมองว่าคุณสมบัติของลูกฟุตบอล มีความสำคัญในการเล่น พื้นฐานเช่น ลูกฟุตบอลถ้าเกิดมีหนังหนาเกินไป หรืออุ้มน้ำ ช่วงฝนตก มันจะส่งผลเวลาเราเตะ ลูกบอลจะหนักมากขึ้น ส่วนเรื่องน้ำหนักของลูกบอลก็มีผล เพราะถ้าเบาเกินไปก็ไม่ดี หนักเกินไปก็เตะไม่ไหว”

นอกจากนี้ยังได้พบกับ 2 กูรู อย่าง เจมส์ ลาลีกา และ ขวัญ ลามาเซีย ที่มาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวบทสนทนาลูกหนังสเปนอย่างสนุกสนาน ทั้งเรื่องโค้ช นักฟุตบอล แผนการเล่น และปัจจัยการลุ้นแชมป์ต่าง ๆ รวมไปถึงภาพรวมเกมการแข่งขันในฤดูกาลนี้ และการเตรียมทีมสำหรับซีซั่นหน้าอีกด้วย

สามารถติดตามกิจกรรมแจกลูกฟุตบอล Puma Orbita Laliga ได้ทางช่องทางของ Ari, SoccerSuck และขวัญ ลามาเซีย รวมถึงเกาะติดทุกงานอีเวนต์ของลาลีกาได้แบบใกล้ชิดทางช่องทาง ไข่มุกดำ หรือไลน์แอด @khaimukdam นะคะ

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Our Work

ลาลีกา เปิดตัว LaLiga Pass ใช้กลยุทธ์ PR แบบเรียบง่าย อบอุ่น และกันเอง เชิญสื่อกีฬาดินเนอร์ พูดคุย และออนไลน์มีตติ้งกับผู้บริหารจากสเปน

ลาลีกา เปิดตัว LaLiga Pass เรียบร้อยแล้วด้วยกลยุทธ์ PR แบบเรียบง่าย โดยเชิญสื่อกีฬา, influencers และ KOLs สายฟุตบอลกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ 20 คนมาร่วมรับประทานอาหารเย็น พูดคุยกับตัวแทนลาลีกาในประเทศไทย และมีสายตรงออนไลน์จากสเปนทักทายโดยผู้บริหารลาลีกาเข้ามาตอบคำถามแบบเอ๊กซ์คลูซีฟพิเศษ โดยเฉพาะกับตลาดประเทศไทย ต่อยอดกิจกรรมการตลาดหลากหลายกิจกรรมที่ทำอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปีที่ผ่านมา

กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดย ลาลีกา หนึ่งใน “ลีกหลัก” ยุโรปลีกเดียวที่มีตัวแทนมาประจำการในประเทศไทย และได้ริเริ่มโปรเจคต์หลากหลายตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไล่จากงานกางเต็นท์ดูบอล จังหวัดนครนายก ต่อด้วยล่องเรือปาร์ตี้ พรีวิว ชมวิว ก่อนเกมเอลกลาซิโก และล่าสุด Pool Party ดูบอล ฟังเพลงฉลองแชมป์ให้กับ เรอัล มาดริด บน Rooftop bar ริมสระน้ำ ล้วนหวังจะมอบประสบการณ์ให้แฟนบอลไทยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับลาลีกามากยิ่งขึ้นในมิติที่มากกว่าแค่การชมเกมฟุตบอล

ล่าสุด วันที่ 5 พ.ค. 2565 ลาลีกา ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม OTT (Over-the-top) เป็นครั้งแรกในอาเซียน พิเศษเฉพาะประเทศไทย และอินโดนีเซีย เป็นแอพพลิเคชั่น ชื่อว่า “LaLiga Pass” ให้แฟนฟุตบอลสเปนได้เข้าถึง และเตรียมเปิดอีกประสบการณ์ใกล้ชิดลีกที่รัก ทีมที่โปรดได้มากกว่าเดิม พร้อมเต็มอิ่มด้วยฟุตบอลสดครบทุกนัดทั้ง LaLiga Santander และ LaLiga Smartbank รวมถึงคอนเทนท์พิเศษอื่น ๆ แบบ non-stop 24/7 อย่างจุใจ

LaLiga Pass จะรองรับการรับชมผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (บริการ OTT หรือ Over-The-Top) ได้ทุกแพลทฟอร์ม เช่น สมาร์ทโฟน และสมาร์ททีวี เปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นี่! ประเทศไทย และอินโดนีเซีย 2 ชาติเท่านั้นในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2021/22 ก่อนจะดำเนินการเต็มรูปแบบในฤดูกาลใหม่ 2022/23 ต่อไป 

สำหรับการเปิดตัวในประเทศไทย ได้ความร่วมมือจากอินฟลูเอนเซอร์, KOLs และสื่อแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ช่วยกันประชาสัมพันธ์ มานั่งทานข้าว พูดคุยถึงเรื่องฟุตบอลสเปน (Media Dining Session) ร่วมกับคุณจอร์โจ้ ปอมปิลี่ รอสซี่ ตัวแทนลาลีกา ในประเทศไทย และทดลองดาวน์โหลดบริการ LaLiga Pass ร่วมกัน ที่ ร้านอาหาร Reunion (ชั้น 5 ตึก DOM : Delight Of Motorcyclist ) วิภาวดี 20

บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น พี่ ๆ เพื่อน ๆ สื่อได้มาเจอกัน หลังจากนั้นได้มีการวิดีโอคอลพูดคุยอย่างเป็นกันเอง กับผู้บริหารลาลีกาประเทศสเปน คุณอัลเฟรโด้ แบร์เมโจ้ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ดิจิทัลของลาลีกา ในช่วงเวลา 5 โมงเย็นในบ้านเรา (ตรงกับเวลาเที่ยงของสเปน)

คุณอัลเฟรโด้ กล่าวว่า “หนึ่งในกุญแจสำคัญ คือการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับฟุตบอลสเปน ในภาษาท้องถิ่นของตัวเอง เพื่อให้สามารถเข้าถึงคอนเทนท์ที่มีคุณภาพ ที่ปรับให้เข้ากับรสนิยม และความต้องการของแฟนฟุตบอลในประเทศนั้น ๆ”

“เราเชื่อว่า LaLiga Pass และเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ถือเป็นก้าวสำคัญของเรา และจะเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับแฟน ๆ ที่ต้องการจะเข้าถึงฟุตบอลลาลีกา และเนื้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง”

“การเลือกประเทศไทยก็เพราะ ฐานแฟนบอลที่มีจำนวนมาก และความสัมพันธ์อันดียาวนานกับพาร์ตเนอร์ในประเทศไทยโดยเฉพาะในส่วนการถ่ายทอดสด (เช่นกับ ทรู) และก็เพื่อจะเพิ่มออฟชั่นในการติดตามให้กับแฟน ๆ และให้แฟนบอลได้ใกล้ชิดกับลาลีกามากยิ่งขึ้น”

นี่น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี ที่บ่งบอกถึงการเติบโตของ ‘ลาลีกา’ เมื่อความนิยมฟุตบอลสเปนเพิ่มขึ้น การพัฒนาหรือเกิดขึ้นใหม่ของแพลตฟอร์มที่พร้อมเข้าถึง สร้างความสนุกสนานและอำนวยความสะดวกให้แฟนฟุตบอลถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้แฟนบอลใกล้ชิดกับลาลีกาได้มากขึ้น

โดย LaLiga Pass พัฒนาขึ้นโดย LaLiga Tech ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ลาลีกาตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะร่วมกับ LaLiga Digital แฟน ๆ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลทั้ง LaLiga Santander และ LaLiga Smartbank ครบทุกแมตช์ โดยเลือกรับชมได้ตามความต้องการของแต่ละคน

พิเศษสุดเฉพาะผู้ใช้งาน LaLiga Pass ในแต่ละแมตช์เดย์ จะมี 3 คู่ ที่มีการบรรยายการแข่งขันเป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ (เช่น ภาษาไทยสำหรับแฟนบอลไทย) นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์การแข่งขัน, ประตูสุดสวย, บทสัมภาษณ์สุดพิเศษ และเนื้อหาอื่น ๆ ที่มานำเสนอทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือ 24/7 กันเลยทีเดียว โดยรายการ Local Content ตรงกับความต้องการแฟนบอลไทยจะมีแน่นอนในอนาคต

สำหรับ LaLiga Pass ในช่วงแรกของการเปิดตัว จะนำเสนอเป็นภาษาท้องถิ่นทั้งภาษาบาซาฮา และภาษาไทย นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ และภาษาสเปน พร้อมใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ ทั้งระบบ iOS และ Android ไปจนถึงเว็บ และสมาร์ททีวี อีกทั้งจะขยายไปยังแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ในอนาคตอันใกล้

คุณออสการ์ มาโย กรรมการบริหารลาลีกา กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้พยายามปรับปรุงประสบการณ์ของแฟน ๆ ที่ติดตามฟุตบอลสเปนจากพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก และตอนนี้เราต้องการก้าวไปอีกขั้น โดยให้แฟน ๆ สามารถรับชมคอนเทนท์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และบอกเล่าเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับลาลีกาและสโมสรต่าง ๆ ในประเทศเหล่านั้นด้วย”

นี่เป็นเพียงก้าวแรก ๆ สำหรับการเริ่มต้นของ “LaLiga Pass” ที่จะมาสร้างความสนุกสนานให้กับแฟน ๆ ทั่วโลกแบบเฉพาะเจาะจงตามวิถีวัฒนธรรมของแต่ละชาติ ผสมผสานกับคอนเทนท์ฟุตบอลสเปนจากลาลีกาอย่างกลมกล่อมโดยโชคดีที่ประเทศไทยได้ถูกเลือกเป็น 1 ในไม่กี่ชาติดังกล่าวนั้น

.

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย

Categories
Our Work

LaLiga Pool Party กิจกรรม Outdoor ดูบอล ฟังเพลง บรรยากาศริมสระน้ำ วิว Rooftop bar ร่วมฉลองแชมป์ลาลีกา 2021/22 สมัยที่ 35! เรอัล มาดริด ถล่ม เอสปันญอล 4-0

โค้งสุดท้ายของฤดูกาลแบบนี้ ลาลีกา ประเทศไทย ไม่พลาดจัดกิจกรรมสุดชิค และชิลล์ ต่อยอดการสร้างประสบการณ์ให้กับแฟนฟุตบอล โดยครั้งนี้มาในคอนเซ็ปต์ “LaLiga Pool Party” กิจกรรม outdoor ดูบอล ฟังเพลง ริมสระน้ำ Rooftop bar ใจกลางกรุงเทพมหานคร พร้อมเป็นสักขีพยานชม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ยิงสลุต ฉลองแชมป์ลาลีกา 2021/22

กิจกรรมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจคต์การจัดอีเวนต์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยเน้นสถานที่โปร่ง โล่ง สบาย และจำนวนผู้ร่วมแบบเหมาะสม ตรวจ ATK กันทุกคนก่อนย่างเท้าเข้างาน

อีเวนต์ลักษณะนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เริ่มจากงาน LaLiga Football Camping ที่จังหวัดนครนายก ครั้งแรก! กับการกางเต็นท์ ฟังเพลง ชมดาว ดูบอล เดือน ก.พ.ที่ผ่านมาที่ได้รับผลตอบรับเกินความคาดหมาย ต่อด้วยงาน ElClasico Boat Trip ในเดือนถัดมาที่มอบประสบการณ์ใหม่ให้คอบอลด้วยการ ล่องเรือคุยฟุตบอล พรีวิวเกมคู่บิ๊กแมตช์ “เอลกลาสซิโก” เรอัล มาดริด ปะทะ บาร์เซโลน่า ที่ได้รับความสนใจอย่างมากเช่นกัน

และล่าสุดที่ผ่านมา เมื่อวันเสาร์ ที่ 30 เม.ย.2565 สำหรับงานนี้ LaLiga Pool Party แน่นอนว่าเมื่อมีข่าวโปรโมทออกไป แฟนฟุตบอลทั้งหน้าใหม่ และหน้าเก่า ต่างให้ความสนใจ และสอบถามเข้ามากันมากมาย

ผู้เข้าร่วมงานกว่า 100 คน ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน, อินฟลูเอนเซอร์ และแฟนบอลที่ถูกคัดเลือกเข้ามาจากกิจกรรมออนไลน์ให้แสดงความเป็นตัวตนคุณกับลาลีกา ทั้งหมดได้ผ่านการตรวจ ATK และลงทะเบียนก่อนเข้างาน ซึ่งใครที่ผ่านการลงทะเบียนในจุดนี้ ก็จะได้สิทธิ์ และโอกาสลุ้นชิงของรางวัลมากมาย นำโดยเสื้อแข่งขันของแท้ บาร์เซโลนา, เอสปันญอล, เรอัลมาดริด และเสื้อจั๊มเปอร์ใส่เท่ห์ รุ่นพิเศษ ElClásico รวมจำนวน 5 ตัว

คอนเซ็ปต์ของงานนี้ คือ เปลี่ยนบรรยากาศนั่งนอนดูบอลอยู่บ้าน แล้วออกมาสนุกไปกับการดูบอลมันส์ ฟังดนตรีร่วมกิจกรรมสนุก ริมสระน้ำบน Rooftop bar พร้อมผ่อนคลายไปกับเสียงดนตรีจากนักร้อง นักดนตรี มาบรรเลงเพลงเพราะ ๆ ขับกับเสียงแซคโซโฟนให้ฟังแบบลื่นหู ต่อด้วยการมิกซ์เพลงสุดมันส์จาก DJ สุดหล่อ และรับประทานดินเนอร์ กิน ดื่ม ฟรี! ท่ามกลางแสงไฟอบอุ่น และวิวเมืองหลวง 360 องศา สุดโรแมนติกยามค่ำคืน

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาน ความชื่นมื่น ที่ทุกคนแสดงออกมาให้เห็นทั้งจากสีหน้า รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ สาวกลูกหนังสเปนได้ร่วมสนุกไปกับ แขกรับเชิญพิเศษ , KOLs และอินฟลูเอนเซอร์ สายฟุตบอลเพียบ !! นำโดย เจมส์ ลาลีกา, และ ขวัญ ลามาเซีย 2 กูรูฟุตบอลสเปน ที่มาร่วมพูดคุยวิเคราะห์เกมระหว่าง “เรอัลมาดริด” ปะทะ “เอสปันญอล” ทั้งก่อนเกมและระหว่างพักครึ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุก มีจังหวะให้ลุ้น ให้เฮกันเป็นระยะ ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า เรอัล มาดริด คว้าชัยเหนือเอสปันญอล 4-0คว้าแชมป์ลาลีกา สมัยที่ 35 ของสโมสรไปครอง

นอกจากนี้ยังมี เดอะนัทซัดหมดแมกซ์, มายด์เปี๊ยกบางใหญ่, เพจเสพติดบอลสเปน, เพจดูบอลกับแนท, ทีมงาน Top4Official  ฯลฯ ที่มาร่วมสนุกสร้างสีสันความมันส์ริมสระน้ำไปพร้อมกันอีกด้วย

“ขอบคุณทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ และมีส่วนร่วมในประสบการณ์ดี ๆ มากกว่าแค่เกมฟุตบอลไปด้วยกัน ฟุตบอลลาลีกา แม้จะใกล้จบแล้ว แต่ยังมีลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรป และหนีตกชั้นกันอยู่ เพิ่มเติมจากวันนี้ คือ ลาลีกา เตรียมเปิดตัวแอพพลิเคชั่น LaLiga Pass เพื่อติดตามการถ่ายทอดสด และคอนเทนท์อื่น ๆ แบบเอ๊กซ์คลูซีฟ โดยตรงจากลาลีกาให้ทดลองดาวน์โหลดกันอีกด้วย ก็ฝากไว้ด้วยครับ”

จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี ตัวแทนลาลีกา ในประเทศไทย กล่าว

กิจกรรมนี้ เป็นการนำประสบการณ์ดี ๆ สร้างการรับรู้ถึงฟุตบอล ลาลีกา สเปน และสร้างสัมพันธ์กับแฟนบอลให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทย โดยลาลีกาเองได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ และมีทั้งตัวแทน และออฟฟิศประจำอยู่ประเทศไทยมากกว่า 5 ปีแล้ว

สำหรับแฟนบอลลาลีกา และแฟนบอลทั่วไปที่หากสนใจข่าวสารกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ สามารถติดตามได้โดยการแอดเพิ่มเพื่อน LINE OA: @khaimukdam หรือผ่านทางทุกช่องทางของ “ไข่มุกดำ” เพื่อคุณจะไม่พลาดทุกกิจกรรมการร่วมสนุกดี ๆ ในอนาคตได้ต่อไป

📝 : ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Football Business

ราล์ฟ รังนิก กับการปฏิวัติเงียบบอร์ดบริหารฯ ความสำเร็จเบื้องหลังที่รอการพิสูจน์

บางทีตัวแปรสำคัญอันดับแรกที่ทำให้สโมสรฟุตบอลประสบความสำเร็จและผงาดอยู่แถวหน้าของวงการอาจไม่ใช่การเข้ามาของผู้จัดการทีมที่เก่งฉกาจ แต่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวทางบริหารของเจ้าของสโมสร

เหมือนกับที่ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจยกเลิกวัฒนธรรม The Boot Room ที่นำความยิ่งใหญ่มาสู่แอนฟิลด์ระหว่างทศวรรษ 1960ถึงต้นทศวรรษ 1990 หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งขายสโมสรให้กับชาวต่างชาติอย่าง ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2007 ก่อนตกมาอยู่ในมือของ ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน นักการเมืองและนักธุรกิจชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งแต่ปี 2008 จนถึงปัจจุบัน รวมถึง โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ที่เทคโอเวอร์ เชลซี เมื่อปี 2003

ด้วยเหตุนี้ แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  จึงเริ่มมีความหวังเล็กๆที่จะปีนกลับขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งนับตั้งแต่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ล้างมือในอ่างทองคำหลังจบซีซั่น 2012-13 แม้เจ้าของสโมสรยังคงเป็นตระกูลเกลเซอร์แห่งสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่ มัลคอล์ม เกลเซอร์ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในเดือนกันยายน 2003

ช่วง 8 ฤดูกาลในยุค โพสต์-เฟอร์กี้ ปีศาจแดงคว้าแชมป์มาครอง 3 รายการคือ ลีกคัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูโรป้า ลีก แต่กับลีกระดับเทียร์หนึ่ง พวกเขาทำได้ดีที่สุดคือ รองแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย แถมเคยร่วงลงไปอยู่อันดับ 7 ในสมัย เดวิด มอยส์ และอันดับ 6 อีกสองครั้ง ส่วนซีซั่นปัจจุบัน พวกเขามีโอกาสรูดม่านด้วยอันดับ 6, 7 หรือกระทั่ง 8

เดวิด มอยส์ บุรุษผู้ถูกเลือก อาจเป็นความผิดพลาดเพราะฝีมือและบารมีไม่ถึง แต่กุนซือระดับ หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ กึ๋นคงไม่ใช่ข้ออ้าง แม้มีความพยายามคืนสู่จิตวิญญาณแห่งปีศาจแดงด้วยการมอบหมายงานให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ก็ยังล้มเหลว

เป้าถล่มย้ายจากผู้จัดการทีมสู่บอร์ดบริหาร

เป็นที่น่าสังเกตว่าช่วงหลัง เสียงด่าทอของแฟนบอลเปลี่ยนทิศจากผู้จัดการทีมไปยังบอร์ดบริหารและเจ้าของทีม ถึงขั้นเคยมีการประท้วงขับไล่ในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด จนแมตช์แดงเดือดต้องเลื่อนออกไป รวมทั้งสับแหลกการบริหารที่ผิดพลาด วางเป้าหมายผลกำไรทางธุรกิจเหนือความสำเร็จของทีมฟุตบอล เจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่มีความรู้ในกีฬาลูกหนัง การดื้อดึงซื้อนักเตะที่กุนซือไม่ได้ต้องการ การต่อสัญญานักเตะที่ไม่ใช้งานเพียงเพื่อเพิ่มมูลค่า การกระหายเงินจนเข้าร่วมก่อตั้ง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก  เป็นต้น 

“ภัย” เริ่มขยับใกล้ตระกูลเกลเซอร์เข้ามาเรื่อยๆ จนมหาเศรษฐีจากเมืองลุงแซมต้อง “คิดใหม่ ทำใหม่” เพื่อพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คืนสู่ความยิ่งใหญ่ ซึ่งจะทำให้การธุรกิจของพวกเขากลับมาสงบสุขอีกครั้ง

ปลายเดือนพฤศจิกายน 2021 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยกเลิกสัญญากับ โซลชาร์ ท่ามกลางการกดดันของแฟนๆและสื่อมวลชน แต่พลาดได้ตัว อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือมือดีที่เพิ่งตอบตกลงคุมทีม ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ก่อนหน้าไม่กี่สัปดาห์ โดยมอบหมายให้ ไมเคิล คาร์ริก คุมทีมเพียง 3 นัด ก่อนสร้างเซอร์ไพรส์แต่งตั้ง ราล์ฟ รังนิก ปรามาจารย์ลูกหนังชาวเยอรมัน ทำหน้าที่จนจบซีซั่นก่อนนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาสโมสรเป็นเวลาสองปี

คงไม่มีใครแปลกใจหาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปล่อยให้คาร์ริกคุมทีมช่วงที่เหลือของซีซั่นเพื่อรอเจรจาช่วงซัมเมอร์กับเป้าหมายที่ตกเป็นข่าวอย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส, ซีเนอดีน ซีดาน หรือกระทั่งรังนิกเอง

เท็ดดี้ เชอริงแฮม อดีตศูนย์หน้าทีมปีศาจแดง ให้ความเห็น “คุณตัดสินใจปลดผู้จัดการทีม แล้วให้คาร์ริกทำหน้าที่ชั่วคราว แล้วแทนเขาด้วยผู้จัดการทีมชั่วคราวอีกคนหนึ่ง สำหรับผมแล้ว เป็นการกระทำที่น่าตกใจเอามากๆสำหรับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก”

“นั่นทำให้นักเตะขาดความมั่นใจและไร้ความต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักเตะคนไหนที่กำลังเจอช่วงเวลาที่เลวร้าย ก็เหมือนกับโดนทอดทิ้งไร้อนาคต เขารู้ดีว่านายใหญ่จะต้องไปภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า” 

“เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุณต้องการให้ทุกคนมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับผมแล้ว มันวุ่นวายตั้งแต่บนลงล่าง นักเตะได้แค่เล่นไปในสนาม ผมคงรับมือกับสถานการณ์ไร้สาระแบบนี้ไม่ได้”

เหมือนอย่างที่เชอริงแฮมพูดไว้ รังนิกไม่สามารถใส่สไตล์ “เกเก้น เพรสซิ่ง” ให้กับลูกทีมใหม่ ผลงานในสนามก็ลุ่มๆดอนๆ ตกรอบ เอฟเอ คัพ และ แชมเปี้ยนส์ลีก อันดับบนตารางพรีเมียร์ลีกก็ไหลลงจนอาจได้เพียงโควต้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก สภาพทีมเหมือนเล่นให้ครบโปรแกรมเพื่อรอนายใหญ่คนใหม่เข้ามารับหน้าที่อย่างถาวร

รังนิกชี้ปัญหาที่ถูกมองข้ามผ่านเพรสคอนเฟอเรนซ์

แม้ผลแข่งอาจดูย่ำแย่ที่สุดในบรรดาผู้จัดการทีมยุคหลังเฟอร์กูสัน แต่ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดของรังนิกกลับอยู่ที่การให้สัมภาษณ์หลังเกมและวาระต่างๆ

รังนิกมักอธิบายเหตุผลการทำอะไรไม่ทำอะไรระหว่างเกม 90 นาทีในเชิงเทคนิคและแทคติคอย่างเช่น ทำไมถึงเปลี่ยนตัวนักเตะคนนี้ออกส่งคนนั้นเข้า จุดไหนที่นักเตะไม่สามารถทำตามแผนที่วางไว้ก่อนเกม พูดเหมือนเป็นคอมเมนเตเตอร์หรือครูที่กำลังสอนนักเรียนผ่านเกมแข่งขันจริงๆ

ท้ายซีซั่น รังนิกเริ่มให้สัมภาษณ์ไปไกลถึงโครงสร้างการบริหารทีม แนวทางการฝึกซ้อม การทำงานของทีมแพทย์ แนวคิดการซื้อขายนักเตะในตลาด คุณลักษณะนักเตะที่พึงมี ฯลฯ ไม่ใช่ความเห็นต่อภาพที่เกิดขึ้นบนสนามหญ้าเท่านั้น ยิ่งช่วงก่อนหน้าและหลัง เอริค เทน ฮาก ได้รับการประกาศเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ รังนิกแสดงวิสัยทัศน์ราวกับกำลังลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ซีอีโอ หรือ ผู้บริหารสูงสุดที่จะเข้ามา “ปฏิวัติ” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สื่อบางสำนักระบุว่า โครงการปรับปรุงสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ครั้งใหญ่เกิดขึ้นก็เพราะฝีปากของเดอะ โปรเฟสเซอร์ นั่นเอง

“เรด อาร์มี่” ทั่วโลกต่างซึมซับคำพูดช่วง 4-5 เดือนของรังนิกไว้ในสมองอย่างไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่เห็นด้วยถึงเวลาแล้วที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เพียง “ไมเนอร์ เชนจ์” แต่ต้อง “ยกเครื่อง” ฐานรากของสโมสรเสียใหม่ ไม่ใช่เพียงจ้างผู้จัดการทีมระดับ เอ พลัส เข้ามาสร้างความสำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว พวกเขาพร้อมให้เวลา 3-4 ปี สำหรับ เทน ฮาก

ความคิดลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจมีแค่ด่าทอระบายอารมณ์กับสไตล์การทำงานของ เอ็ด วู้ดเวิร์ด และบอร์ดบริหารบ้าง จนกระทั่งรังนิกเข้ามาจุดประกายและขายไอเดียนับตั้งแต่ย้ายเข้ามาทำงานในโอลด์ แทรฟฟอร์ด 

เปลี่ยนโครงสร้างฝ่ายปฏิบัติการรอการมาของเทน ฮาก

ล่าสุด รังนิกเซ็นสัญญาคุมทีมชาติออสเตรียโดยเชื่อมั่นว่าสามารถทำงานควบคู่กับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นไปได้หลังจากรังนิกได้ทำหน้าที่ที่ปรึกษาไปเรียบร้อยแล้ว แถมปูทางสะดวกให้กับการทำงานของเทน ฮาก ซึ่งเป็นบุคคลที่เขาออกแรงเชียร์เต็มที่แม้เป็นโปเช็ตติโน่ต่างหากที่บอร์ดบริหารต้องการตัว

มุมมองที่รังนิกพูดออกไปสร้างอิมแพ็คให้กับสโมสรจริงๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญหลายอย่างนอกเหนือก่อนหน้านี้ที่วู้ดเวิร์ดประกาศอำลาเก้าอี้ซีอีโอหลังจบซีซั่น แมตต์ จัดจ์ มือขวาของเขา ก็ยุติบทบาทหัวหน้าฝ่ายพัฒนาองค์กรและหัวหน้าฝ่ายเจรจาซื้อขายนักเตะ หลังจากสโมสรมีคำสั่งปลดหัวหน้าแมวมอง 2 คน โดยมีข่าวลือว่า รังนิกได้แนะนำสโมสรให้ทาบทาม พอล มิทเชลล์ ผู้อำนวยการกีฬาของ โมนาโก เข้ามานั่งเก้าอี้แทนจัดจ์และมีบทบาทสำคัญในตลาดซื้อขายฤดูร้อนนี้

เพราะการแผ้วถางทางเดินเกือบครึ่งปีของรังนิก ทำให้บอร์ดบริหารจำใจเซย์เยสกับเงื่อนไขสุดท้ายของเทน ฮาก นั่นคืออำนาจเด็ดขาดในการซื้อขายนักเตะ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาเลยหลังเฟอร์กูสันอำลาสโมสร อดีตกุนซืออย่างฟาน กัล และมูรินโญ่ ล้วนเคยแฉว่าฝ่ายบริหารไม่ได้ตอบสนองความต้องการของพวกเขา 

รอย คีน อดีตกัปตันทีมปีศาจแดง เห็นด้วยกับทิศทางที่เปลี่ยนแปลงในถิ่นเก่า

“เราเห็นตัวอย่างของ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้รับประโยชน์มากขนาดไหนที่ผู้จัดการทีมมีอำนาจเต็มในทุกภาคส่วน สิ่งที่ผู้จัดการทีมต้องการคือ อำนาจและการควบคุมในสโมสร ทั้ง (เจอร์เก้น) คล็อปป์, เป๊ป (กวาร์ดิโอล่า) และ (โธมัส) ทูเคิล ต่างมีสิ่งนี้ ดังนั้นไม่ว่าใครเข้ามาคุมทีม สโมสรต้องหนุนหลังเขา ให้อำนาจและการควบคุมแก่เขา ให้เขามีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อขายนักเตะ แต่ที่ผมได้ยินช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน มา การตัดสินใจซื้อขายผู้เล่นมาจากคนข้างบน”

ทั้งหมดนี้ แม้รังนิกอาจลัมเหลวกับตัวเลขบนสกอร์บอร์ดและแต้มสะสมในเกมพรีเมียร์ลีก แต่เขาได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงให้กับตระกูลเกลเซอร์และบอร์ดบริหาร จนอาจกล่าวได้ว่า เทน ฮาก มี “แต้มต่อ” ณ จุดสตาร์ท เหนือกว่า มอยส์, ฟาน กัล, มูรินโญ่ และโซลชาร์ พร้อมเวลาให้พิสูจน์ฝีมือ 2-3 ปี

และถ้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถกลับไปยืนโดดเด่นที่แถวหน้าอีกครั้ง ก็จะเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความสำเร็จที่เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงแนวคิดบริหารงานของเบื้องบน

Categories
Football Business

กระเป๋าตุงแค่ไหน ? : เปิดตัวเลข 20 สโมสรพรีเมียร์ลีก จ่ายเงินให้เอเยนต์นักเตะในรอบปี

เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ ได้เปิดเผยยอดเงินของทั้ง 20 สโมสรในพรีเมียร์ลีก ที่ได้จ่ายให้เอเย่นต์นักฟุตบอลไปในช่วง 2 รอบตลาดนักเตะ ทั้งซัมเมอร์ 2021 และเดือนมกราคม 2022

ตัวเลขที่ได้รวบรวมในรอบล่าสุด นับตั้งแต่ 2 กุมภาพันธ์ 2021 ถึง 31 มกราคม 2022 มียอดการซื้อขายนักเตะรวมกันทั้งสิ้น 1.44 พันล้านปอนด์ และเอเย่นต์ได้ส่วนแบ่ง 19 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 272.6 ล้านปอนด์

นับตั้งแต่มีการรวบรวมสถิติเป็นครั้งแรกในปี 2015 จะเห็นได้ว่าจำนวนเงินเข้ากระเป๋าเอเย่นต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี สำหรับยอดเงินในรอบปีนี้ เพิ่มขึ้นจากรอบปีที่แล้ว 4 แสนปอนด์ และเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี เฉพาะ 3 ทีมนี้ มียอดเงินที่ต้องจ่ายให้เอเย่นต์รวมกันถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมด ขณะที่เบรนท์ฟอร์ด ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาด้วยการเพลย์ออฟ จ่ายน้อยที่สุดแค่ 3.5 ล้านปอนด์

จำนวนเงินที่ทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เสียให้บรรดาเอเย่นต์ในรอบ 12 เดือนหลังสุด เป็นจำนวนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับ 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ทั้งเซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมนี, ลาลีกา สเปน และลีกเอิง ฝรั่งเศส

ในปัจจุบันนี้ มีเอเย่นต์นักฟุตบอลมากกว่า 2,000 คน ที่ลงทะเบียนกับเอฟเอ เมื่อมีดีลย้ายสโมสร, ต่อสัญญา หรือยกเลิกสัญญา ก็จะได้รับส่วนแบ่งตามเปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าพวกเขามักจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ

มิโน่ ไรโอล่า เอเย่นต์นักฟุตบอลระดับท็อปของวงการ ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 30 เมษายนที่ผ่านมา ได้อยู่เบื้องหลังนักเตะระดับโลกหลายคน อาทิ ปอล ป็อกบา รวมถึงเออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ตกเป็นข่าวย้ายทีมอย่างหนัก

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า องค์กรลูกหนังอย่าง “ฟีฟ่า” เตรียมจะกำหนดเพดานการใช้จ่าย และออกมาตรการทางกฎหมายใหม่ๆ เพื่อต้องการขจัดปัญหาการกินเงินส่วนต่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับดีลการซื้อขายนักเตะ

ทั้ง 20 สโมสรในลีกสูงสุดของอังกฤษ มียอดการจ่ายเงินให้ “นายหน้าค้านักเตะ” ในช่วงปี 2021-2022เรียงตามลำดับจากมากไปน้อย ดังต่อไปนี้

1. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (35 ล้านปอนด์)

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือทีมแชมป์จ่ายเงินให้เอเย่นต์มากที่สุดในรอบ 12 เดือนล่าสุด และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 ด้วยจำนวนเงิน 35 ล้านปอนด์ มากกว่ารอบปี 2020-2021 ที่จ่ายไป 30.1 ล้านปอนด์

ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ ได้ซื้อนักเตะฝีเท้าดีเข้าสู่ทีมมากมาย เช่น ลีรอย ซาเน่, จอห์น สโตนส์, อิลคาย กุนโดกัน, กาเบรียล เชซุส, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ไคล์ วอล์คเกอร์, อายเมอริค ลาป็อกต์ เป็นต้น

แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซิตี้ ซื้อนักเตะบิ๊กเนมเพียงไม่กี่ราย เมื่อเทียบกับช่วงแรกๆ ที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเข้ามาคุมทีมใหม่ๆ แต่ด้วยจำนวนค่าตัวนักเตะที่สูง ทำให้พวกเขาต้องจ่ายเงินให้นายหน้ามากขึ้นตามไปด้วย

เหตุผลที่ “เรือใบสีฟ้า” ต้องจ่ายเงินให้เอเย่นต์ถึง 35 ล้านปอนด์ภายใน 1 ปี ไม่ใช่แค่การดึงตัวแจ็ค กริลิช เป็นค่าตัวสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการต่อสัญญาบรรดานักเตะในทีมด้วย

2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (29 ล้านปอนด์)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ในเรื่องการเสียค่าใช้จ่ายให้เอเย่นต์นักเตะรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงิน 29 ล้านปอนด์ น้อยกว่าช่วงปี 2020-2021 ที่มีตัวเลข 29.8 ล้านปอนด์

แน่นอนว่า ดีลใหญ่ที่สุดของยูไนเต็ด คือการกลับคืนสู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีฮอร์เก้ เมนเดส จาก Gestifute International Limited เป็นนายหน้าคู่ใจของเขา

นอกจากนี้ ยังมีราฟาเอล วาราน แนวรับชาวฝรั่งเศส ที่มีอ็องโตนี่ พี่ชายของเขา อยู่เบื้องหลังการดึงตัวมาจากเรอัล มาดริด และดีลของเจดอน ซานโช่ ที่ย้ายมาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 78 ล้านปอนด์

และเหตุผลอีกอย่างหนึ่ง ที่มีส่วนทำให้ยอดเงินที่จ่ายให้เอเย่นต์ค่อนข้างสูง คือการต่อสัญญานักเตะตัวหลักในทีม ทั้งฆวน มาต้า ที่ต่อสัญญาไปอีก 1 ปี จนจบซีซั่นนี้ และเอริค ไบญี่ ที่ขยายสัญญาจนถึงปี2024

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/manchesterunited

3. เชลซี (28.2 ล้านปอนด์)

เมื่อช่วงปี 2020-2021 เชลซีคือทีมอันดับ 1 ที่จ่ายเงินให้เอเย่นต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก (35.2 ล้านปอนด์) แต่ในรอบ 12 เดือนหลังสุดที่ผ่านมา พวกเขาอยู่อันดับที่ 3 ด้วยจำนวนเงิน 28.2 ล้านปอนด์

ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ 2 รอบล่าสุด เชลซีมีดีลใหญ่เพียงแค่ 2 ดีลเท่านั้น คือโรเมลู ลูกากู ที่ย้ายมาจากอินเตอร์ มิลาน คืนสู่ทีมเก่า ด้วยค่าตัว 97.5 ล้านปอนด์ และยืมตัวซาอูล นิเกซ จากแอตเลติโก้ มาดริด

ดีลของลูกากู ทำให้เฟเดริโก้ ปาสโตเรลโล่ เอเย่นต์ส่วนตัวของดาวยิงทีมชาติเบลเยียม ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับโรมัน อบราโมวิช อดีตเจ้าของสโมสรมาอย่างยาวนาน ได้รับส่วนแบ่งไปค่อนข้างสูง

นับตั้งแต่ “เสี่ยหมี” เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2003 ทำให้เชลซีเป็นทีมที่จ่ายเงินให้เอเย่นต์มากที่สุดในยุโรป ส่วนการเสริมผู้เล่นในช่วงซัมเมอร์นี้ ขึ้นอยู่กับเจ้าของทีมคนใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อไป

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/ChelseaFC

4. ลิเวอร์พูล (22.1 ล้านปอนด์)

อดีตทีมที่เคยครองตำแหน่งอันดับ 1 ในการเสียเงินให้เอเย่นต์ ถึง 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2018-2020 สำหรับในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล อยู่ในอันดับที่ 4 มียอดค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 22.1 ล้านปอนด์

ตัวเลข 22.1 ล้านปอนด์ของลิเวอร์พูล มาจากดีลใหญ่ถึง 2 ดีล ทั้งอิบราฮิม่า โกนาเต้ กองหลังค่าตัว 36 ล้านปอนด์ จากแอร์เบ ไลป์ซิก และหลุยส์ ดิอาซ ปีกชาวโคลอมเบียจากปอร์โต้ 50 ล้านปอนด์

ส่วนดีลย้ายออก “หงส์แดง” ก็ต้องจ่ายเงินให้เอเยนต์ของแฮร์รี่ วิลสัน ปีกขวาที่ย้ายไปฟูแล่ม, มาร์โก้ กรูยิช กองหลังชาวเซอร์เบียที่ย้ายไปปอร์โต้ และไทโว อโวนิยี่ ที่ย้ายไปยูนิโอน เบอร์ลิน

นอกจากนี้ ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ยังมีการต่อสัญญาใหม่กับนักเตะหลายราย อาทิ อลิสซอน เบ็คเกอร์, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อาเดรียน, ควีวีน เคลเลเฮอร์ และนาธานเนียล ฟิลลิปส์

5. อาร์เซน่อล (18.7 ล้านปอนด์)

อาร์เซน่อล หมดเงินไป 18.7 ล้านปอนด์ กับค่าเอเย่นต์ในช่วง 12 เดือนหลังสุด ติดท็อป 5 ของพรีเยร์ลีก เป็นตัวเลขที่มากกว่าในช่วงระหว่างปี 2020-2021 ที่จ่ายเงินให้เอเย่นต์ทั้งหมด 16.5 ล้านปอนด์

ก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อลไม่ค่อยพึ่งพาเอเย่นต์ชื่อดังที่มีอิทธิพลสูงมากเท่าใดนัก เอเย่นต์ส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นเอเย่นต์ที่มีประวัติการซื้อขายนักเตะกับสโมสรน้อย ทำให้ค่าจ้างเอเย่นต์ยังไม่สูงมาก

แต่ในตลาดนักเตะ 2 รอบล่าสุด “เดอะ กันเนอร์ส” คือทีมที่จ่ายเงินซื้อนักเตะถึง 149 ล้านยูโร มากที่สุดในลีก แลกกับนักเตะ 6 คน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากเป้าหมายของทีมสูงขึ้น

6. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (13.9 ล้านปอนด์)

สเปอร์ จ่ายเงินให้เอเย่นต์ในรอบ 12 เดือนหลังสุดทั้งหมด 13.9 ล้านปอนด์ ต่ำสุดในกลุ่ม “บิ๊ก 6” พรีเมียร์ลีก และเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าช่วงระหว่างปี 2020-2021 ที่จ่ายเงินให้เอเย่นต์ทั้งหมด 16.5 ล้านปอนด์

ถึงแม้ว่าสเปอร์ จะถูกเรียกว่าเป็น 1 ใน 6 สโมสรใหญ่ของพรีเมียร์ลีก แต่สถานะทางการเงินยังเป็นรองอีก 5 ทีมใหญ่ที่อยู่เหนือพวกเขา ยอดเงินที่จ่ายให้เอเย่นต์ในปีที่ผ่านมา ใกล้เคียงกับทีมระดับกลางหลายๆ ทีม

การเสริมทัพของ “ไก่เดือยทอง” ในฤดูกาลนี้ จะเน้นไปที่นักเตะดาวรุ่งที่สามารถใช้งานได้หลายปี ซึ่งพวกเขาก็ทำผลงานได้ดี แต่ในฤดูกาลหน้า ความคาดหวังเรื่องผลงานของสโมสรจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

7. วัตฟอร์ด (12.6 ล้านปอนด์)

ทีมที่จ่ายเงินให้เอเย่นต์มากที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของพรีเมียร์ลีกคือ วัตฟอร์ด คิดเป็นเงิน 12.6 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าเมื่อฤดูกาลก่อน ที่อยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพ โดยใช้ไปแค่ 2.1 ล้านปอนด์ หรือต่างกันถึง 6 เท่า

ฤดูกาลนี้ วัตฟอร์ดได้มีดีลต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งการเสริมนักเตะใหม่, ต่อสัญญา หรือย้ายออกจากทีม รวมกันทั้งหมด 31 คน แต่ถ้านับเฉพาะนักเตะที่ดึงเข้ามา พวกเขาได้เซ็นสัญญาไปทั้งหมด 24 คน

ซึ่งเอเย่นต์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัตฟอร์ดมากที่สุด คือ อาร์เนาด์ บายาต ที่ได้รับความไว้วางใจจากจิโน่ ปอซโซ่ เจ้าของสโมสรชาวอิตาเลียน และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังดีลสำคัญๆ หลายคน

8. เลสเตอร์ ซิตี้ (12 ล้านปอนด์)

เลสเตอร์ ซิตี้ จ่ายเงินให้กับเอเย่นต์ไป 12 ล้านปอนด์ ในรอบ 12 เดือนหลังสุด อยู่ในอันดับที่ 8 ส่วนตัวเลขช่วงระหว่างปี 2020-2021 ใช้เงินไป 12.5 ล้านปอนด์ น้อยกว่ากันแค่ 500,000 ปอนด์เท่านั้น

ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เลสเตอร์ใช้เงินไป 55 ล้านปอนด์ มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ได้นักเตะใหม่ อาทิ พัตสัน ดาก้า, บูบาการี่ ซูมาเร่, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, อเดโมล่า ลุคแมน และไรอัน เบอทรานด์

นอกจากนี้ ยังมีการต่อสัญญาฉบับใหม่กับนักเตะหลายคน เช่นแดนนี่ วอร์ด, ริคาร์โด้ เปเรยร่า, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, เจมส์ จัสติน, มาร์ค อัลไบรท์ตัน และเอลดิน จาคูโปวิช

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/lcfc

9. วูล์ฟแฮมป์ตัน (11.9 ล้านปอนด์)

วูล์ฟแฮมป์ตัน จ่ายเงินค่าเอเย่นต์ในรอบ 12 เดือนล่าสุด เป็นจำนวน 11.9 ล้านปอนด์ อยู่ในอันดับที่ 9 ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งน้อยกว่าช่วงปี 2020-2021 ที่ติดอันดับ 8 ด้วยจำนวนเงิน 12.6 ล้านปอนด์

ในฤดูกาลนี้ วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้เปลี่ยนกุนซือจากนูโน่ เอสปิริโต ซานโต มาเป็นบรูโน่ ลาจ ซึ่งยังคงนโยบาย “โปรตุกีส คอนเน็คชั่น” ดึงนักเตะที่เป็นลูกค้าของฮอร์เก้ เมนเดส เอเย่นต์ชื่อดังเข้าสู่ทีม

ดีลของเยอร์สัน มอสเกร่า กองหลังดาวรุ่งวัย 21 ปี ที่ย้ายมาจากแอตเลติโก นาซิอองนาล สโมสรในโคลัมเบีย มีการเปิดเผยว่า ฮวน ปาโบล อังเคล อดีตดาวยิงแอสตัน วิลล่า เป็นนายหน้าให้กับเขา

10. เอฟเวอร์ตัน (11.5 ล้านปอนด์)

รอบ 12 เดือนหลังสุด เอฟเวอร์ตัน จ่ายเงินให้กับเอเย่นต์ติดอันดับ “ท็อป เทน” ของพรีเมียร์ลีก คิดเป็นเงิน 11.5 ล้านปอนด์ ภายใต้สถานการณ์ที่สโมสรประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างหนักในเวลานี้

ตลาดนักเตะ 2 รอบล่าสุด เอฟเวอร์ตันดึงตัวผู้เล่นใหม่เข้ามาไม่น้อย เช่น เดมาไร เกรย์, แอนดรอส ทาวน์เซ่น, ซาโลมอน รอนดอน, วิตาลี มิโคเลนโก้, นาธาน แพตเตอร์สัน ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค, เดเล่ อัลลี่ เป็นต้น

ส่วนดีลย้ายออกที่สำคัญ เช่นการปล่อยฮาเมส โรดริเกวซ และเบอร์นาร์ด 2 นักเตะที่กินค่าเหนื่อยสูงสุดออกไป รวมถึงลูคัส ดีญ ที่มีนายหน้าคนดังอย่างเคีย จูรับเชี่ยน อยู่เบื้องหลังในการย้ายไปแอสตัน วิลล่า

11. ลีดส์ ยูไนเต็ด (11.4 ล้านปอนด์)

ลีดส์ ยูไนเต็ด มียอดการจ่ายเงินให้กับเอเย่นต์ในรอบ 12 เดือนหลังสุด ทั้งหมด 11.4 ล้านปอนด์ อยู่ในอันดับที่ 11 ของพรีเมียร์ลีก มากกว่าช่วงระหว่างปี 2020-2021 ที่พวกเขาจ่ายไป 7 ล้านปอนด์

ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลีดส์ใช้เงินประมาณ 50 ล้านปอนด์ แลกกับ 3 นักเตะทีมใหญ่ ทั้งแดเนี่ยล เจมส์ จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, จูเนียร์ เฟอร์โป จากบาร์เซโลน่า และแจ็ค แฮร์ริสัน จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้

นอกจากนี้ ยังต่อสัญญาให้กับนักเตะตัวหลัก เช่น อิลลัน เมสลิเย่ร์ (ขยายไปอีก 5 ปี), แพทริค แบมฟอร์ด, สจ๊วต ดัลลัส, อดัม ฟอร์ชอว์ และไทเลอร์ โรเบิร์ต รวมถึงนักเตะอคาเดมี่ และนักเตะที่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก

12. เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (10.5 ล้านปอนด์)

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จ่ายเงินให้กับเอเย่นต์ในรอบ 12 เดือนหลังสุด เป็นจำนวนเงิน 10.5 ล้านปอนด์ อยู่ในอันดับที่ 12 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากรอบปี 2020-2021 ที่เสียค่าใช้จ่ายให้เอเย่นต์ 9.7 ล้านปอนด์

การใช้จ่ายในตลาดนักเตะ 2 รอบล่าสุด เวสต์แฮมได้นักเตะใหม่มา 5 คน ได้แก่ เคิร์ต ซูม่า, นิโกล่า วลาซิช, เคร็ก ดอว์สัน พร้อมยืมตัว 2 นักเตะทั้งอเล็กซ์ คราล และอัลฟองเซ่ อาเรโอล่า

การเซ็นสัญญานักเตะของ “เดอะ แฮมเมอร์ส” ในฤดูกาลนี้ ช่วยยกระดับผลงานได้ดี โดยในเวลานี้ มีลุ้นเล็กๆ ในการติดท็อป 4 พรีเมียร์ลีก และยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก อีกด้วย

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/WestHam

13. แอสตัน วิลล่า (9.6 ล้านปอนด์)

แอสตัน วิลล่า เป็นทีมอันดับที่ 13 ของทีมที่จ่ายเงินให้กับเอเย่นต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกในรอบ 12 เดือนล่าสุด ด้วยจำนวน 9.6 ล้านปอนด์ มากกว่าช่วงปี 2020-2021 ที่ใช้เงินไป 8.9 ล้านปอนด์

การขายแจ็ค กริลิช ไปให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ เป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ ทำให้วิลล่า มีงบประมาณมหาศาลที่จะเสริมตัวผู้เล่นในตลาดนักเตะ 2 รอบล่าสุด

ดีลของเอมิเลียโน่ บูเอนเดีย, ลีออน ไบลี่ย์, ลูคัส ดีญ และแดนนี่ อิงส์ เฉพาะ 4 คนนี้ มีค่าตัวรวมกันประมาณ 115 ล้านปอนด์ อีกทั้งยังยืมตัวฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มาจากบาร์เซโลน่า ในช่วงเดือนมกราคมด้วย

14. คริสตัล พาเลซ (8.9 ล้านปอนด์)

คริสตัล พาเลซ จ่ายเงินไป 8.9 ล้านปอนด์ กับค่าเอเย่นต์ในช่วง 12 เดือนหลังสุด เป็นอันดับที่ 14 ของพรีเยร์ลีก เพิ่มขึ้นจากช่วงระหว่างปี 2020-2021 ที่จ่ายเงินให้เอเย่นต์ทั้งหมด 6.8 ล้านปอนด์

ในตลาดนักเตะ 2 รอบล่าสุด พาเลซใช้เงินซื้อนักเตะไปไม่น้อยกว่า 60 ล้านปอนด์ เช่น ไมเคิล โอลิเซ่, โจอาคิม แอนเดอร์สัน, อ็อดซอนน์ เอดูอาร์, มาร์ค เกฮี, ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า เป็นต้น

ส่วนนักเตะตัวเก๋าอย่างเจมส์ แม็คอาเธอร์ มิดฟิลด์วัย 34 ปี เพิ่งขยายสัญญาออกไป แต่จะไม่ได้เป็นการต่อสัญญาแบบระยะยาว ขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่า เขายังมีประโยชน์กับสโมสรหรือไม่

15. นอริช ซิตี้ (8.7 ล้านปอนด์)

นอริช ซิตี้ มียอดการจ่ายเงินให้กับเอเย่นต์ในรอบ 12 เดือนหลังสุด ทั้งหมด 8.7 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าช่วงระหว่างปี 2020-2021 ที่อยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพ ได้จ่ายค่าเอเย่นต์ไป 6.8 ล้านปอนด์

สำหรับเงินที่ต้องจ่ายให้นายหน้าของนอริชนั้น มาจากการซื้อผู้เล่นเข้ามาถึง 11 คนในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา รวมถึงการปล่อยตัวเอมิเลียโน่ บูเอนเดีย ไปให้แอสตัน วิลล่า ด้วยค่าตัว 33 ล้านปอนด์

นอกจากนี้ การยกเลิกสัญญากับนักเตะหลายคน และการเปลี่ยนแปลงกุนซือจากดาเนียล ฟาร์ก มาเป็นดีน สมิธ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็ถูกนับรวมเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเอเย่นต์ด้วย

16. นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (7.7 ล้านปอนด์)

นิวคาสเซิล ที่เพิ่งมีเจ้าของสโมสรรายใหม่ไปเมื่อเร็วๆ นี้ จ่ายเงินค่าเอเย่นต์ไปเพียง 7.7 ล้านปอนด์ น้อยกว่าช่วงระหว่างปี 2020-2021 ในยุคของไมค์ แอชลี่ย์ อดีตเจ้าของทีมคนก่อน ที่จ่ายไป 11.3 ล้านปอนด์

ในฤดูกาลนี้ นิวคาสเซิลเสริมนักเตะมา 5 คน ค่าตัวรวมกันประมาณ 92 ล้านปอนด์ แต่จะเน้นหนักไปที่ตลาดนักเตะเดือนมกราคม ประกอบด้วยคีแรน ทริปเปียร์, แดน เบิร์น, โจ วิลล็อค, คริส วูด และบรูโน่ กิมาไรส์

เป็นที่น่าแปลกใจว่า ซีซั่นนี้นิวคาสเซิลเสียเงินค่านายหน้าน้อยกว่าซีซั่นที่แล้ว แต่ด้วยความสามารถในการดึงนักเตะที่มากกว่าเดิมในอนาคต พวกเขามีแนวโน้มที่จะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายให้นายหน้าเพิ่มขึ้น

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/newcastleunited

17. ไบรท์ตัน (6.2 ล้านปอนด์)

ไบรท์ตัน ได้จ่ายเงินให้เอเย่นต์ไปทั้งหมด 6.2 ล้านปอนด์ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา มากสุดเป็นอันดับที่ 17 ของพรีเมียร์ลีก น้อยลงจากช่วงระหว่างปี 2020-2021 ที่เสียค่าเอเย่นต์ไป 7.5 ล้านปอนด์

สมัยที่ไบรท์ตัน ยังอยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพ จ่ายเงินให้นายหน้านักเตะไม่ถึง 1 ล้านปอนด์ จนกระทั่งในฤดูกาล 2016/17 เป็นซีซั่นแรกที่พวกเขาจ่ายเงินแตะ 7 หลัก และได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในซีซั่นถัดไป

ดีลใหญ่ของ “เดอะ ซีกัลส์” ในฤดูกาลนี้ ฝั่งขาเข้าคืออิน็อค เอ็มเวปู มาจากซัลซ์บวร์ก ราคา 20 ล้านปอนด์ ส่วนฝั่งขาออก คือการขายเบน ไวท์ เซ็นเตอร์แบ็กชาวอังกฤษไปให้อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัวสูงถึง 50 ล้านปอนด์

18. เบิร์นลี่ย์ (6 ล้านปอนด์)

เบิร์นลีย์ อยู่ในอันดับ 18 ของทีมที่จ่ายเงินให้กับเอเย่นต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ในรอบ 12 เดือนล่าสุด คิดเป็นเงิน 6 ล้านปอนด์ ซึ่งสูงกว่าในช่วงระหว่างปี 2020-2021 ที่เสียเงินไป 4.5 ล้านปอนด์

“เดอะ คลาเร็ตส์” เสริมผู้เล่นเข้ามาหลายคน อาทิ วูท เวกฮอร์สต์, แม็กซ์เวล คอร์เน็ต, นาธาน คอลลินส์ และคอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ พร้อมกับดึงนักเตะฟรีเอเย่นต์อย่างเวย์น เฮนเนสซีย์ และอารอน เลนน่อน

อย่างไรก็ตาม มีผู้เล่นในทีมชุดปัจจุบันอยู่ 10 คน ที่กำลังจะหมดสัญญาหลังจบฤดูกาลนี้ แต่จนถึงเวลานี้ ก็ยังไม่มีนักเตะคนใดตกลงต่อสัญญาใหม่เลย ส่วนแจ็ค คอร์ก และแอชลี่ย์ บาร์นส์ เหลือสัญญาอยู่ 1 ปีเท่านั้น

19. เซาธ์แธมป์ตัน (4.9 ล้านปอนด์)

เซาธ์แธมป์ตัน มียอดการจ่ายเงินให้กับเอเย่นต์ในรอบ 12 เดือนหลังสุด ทั้งหมด 4.9 ล้านปอนด์ มากกว่าเบรนท์ฟอร์ด เพียงทีมเดียวเท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงระหว่างปี 2020-2021 พวกเขาจ่ายไป 6.8 ล้านปอนด์

ดีลใหญ่สุดของ “เดอะ เซนส์” ในตลาดนักเตะ 2 รอบล่าสุด คือ อดัม อาร์มสตรอง ย้ายจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ส่วนขาออก ได้ปล่อยตัวแดนนี่ อิงส์ ไปให้แอสตัน วิลล่า และยานนิค เวสเตอร์การ์ด ไปให้เลสเตอร์ ซิตี้ 

ส่วนกรณีของอเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ย์ ผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีม ที่กำลังจะหมดสัญญาหลังจบซีซั่นนี้ มีรายงานว่าเจ้าตัวกำลังจะตัดสินใจต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปอีก 3 ปี

20. เบรนท์ฟอร์ด (3.5 ล้านปอนด์)

เบรนท์ฟอร์ด ทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 74 ปี ใช้เงินซื้อนักเตะเพียง 30 ล้านปอนด์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เป็นทีมที่จ่ายเงินให้เอเย่นต์น้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก ระหว่างปี 2021-2022

จำนวนเงิน 3.5 ล้านปอนด์ของเบรนฟอร์ด น้อยกว่า 2 ทีมที่เลื่อนชั้นมาด้วยกันทั้งวัตฟอร์ด (12.6 ล้านปอนด์) และนอริช ซิตี้ (8.7 ล้านปอนด์) อีกทั้งน้อยกว่าอันดับ 1 อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ถึง 10 เท่า

ดีลใหญ่ที่สุดของเบรนท์ฟอร์ด คือดีลของคริสตอฟเฟอร์ เอเยอร์ เซ็นเตอร์แบ็กชาวนอร์เวย์ ย้ายจากกลาสโกว์ เซลติก ด้วยค่าตัว 13.5 ล้านปอนด์ เป็นสถิติสูงสุดของสโมสร ในช่วงซัมเมอร์ปี 2021

Author : จักรพันธ์ ภู่ทอง

Photo : The Athletic

อ้างอิง :

https://theathletic.com/3223559/2022/04/02/analysed-premier-league-spent-272m-agents-fees-transfers?source=user-shared-article

https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-10672961/Premier-League-clubs-spent-272MILLION-agents-fees-2021-22.html

https://www.thefa.com/football-rules-governance/policies/intermediaries/intermediaries-transactions

Categories
Football Business

LaLiga Pool Party : ลาลีกา จัดดูบอลมันส์ ดนตรีสด กิจกรรมสนุก ริมสระน้ำ Rooftop bar ใจกลางเมือง ลุ้นเรอัล มาดริด ฉลองแชมป์ลาลีกา 2021/22

ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว กับการลุ้นแชมป์ลาลีกา 2021/22 ของ “ราชันชุดขาว” สาวกทีม เรอัลมาดริด คงจะเหงากันแย่ ถ้าต้องนั่งลุ้นแชมป์ โห่ร้องคนเดียวอยู่บ้าน แต่งานนี้ถ้าไม่อยากเหงา ลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเชียร์บอลด้วยกันจะดีกว่าไหม ร่วมลุ้นรับสิทธิ์เข้างาน นั่งดื่ม กิน ชิลล์ ดูบอลฟรี !! ในกรุงเทพฯ กับกิจกรรมสุดพิเศษที่ทางการตลาดของลีกฟุตบอลสเปน ลาลีกา เขาจัดให้

กิจกรรมนี้เป็นการต่อยอดประสบการณ์  และเสริมสร้างให้คอบอลไทยได้มีส่วนร่วมกับฟุตบอลสเปนโดยจัดงานให้แฟนบอลไทยได้ออกมาเชียร์บอลร่วมกัน ตอกย้ำภาพจากกิจกรรมครั้งก่อนทั้ง ลาลีกา ฟุตบอลแคมป์ จ.นครนายก และลาลีกา ElClasico Boat Trip ล่องเรือดูบอล ชมวิวริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ได้จัดมาแล้ว

โดยครั้งนี้มาในคอนเซ็ปต์ “LaLiga Pool Party” ดูบอลมันส์ ดนตรีสด กิจกรรมสนุก ริมสระน้ำบน Rooftop bar ในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2565 ณ Sora beach Rooftop bar เอกมัย ชวนทุกคนมาเชียร์บอลคู่ระหว่าง เรอัล มาดริด ปะทะ เอสปันญอล เวลา 21.00 น. เพื่อลุ้นทีมชุดขาวว่าจะเก็บอย่างน้อย 1 แต้มคว้าแชมป์ลีกในปีนี้ได้หรือไม่ไปด้วยกันกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายฟุตบอลชื่อดังมากมาย

งานนี้นอกจากจะได้ดูบอลบน Rooftop bar ท่ามกลางแสงไฟสลัวและวิวเมือง 360 องศา สุดโรแมนติกยามค่ำคืนแล้ว ยังได้ผ่อนคลายไปกับเสียงดนตรีสดสุดไพเราะ ต่อด้วยการมิกซ์เพลงจาก DJ พร้อมดินเนอร์ และดื่ม ฟรี! ร่วมกับแขกรับเชิญพิเศษ และอินฟลูเอนเซอร์ สายฟุตบอลเพียบ !! นำโดย เจมส์ ลาลีกา และ ขวัญ ลามาเซีย 2 กูรูฟุตบอล ที่จะมาร่วมพูดคุยวิเคราะห์เกมก่อนเริ่มการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีทั้ง พีชชงพีชชี่, เดอะนัทซัดหมดแมกซ์, มายด์เปี๊ยกบางใหญ่ ฯลฯ ที่จะมาร่วมสนุกสร้างสีสันความมันส์ริมสระน้ำไปด้วยกัน

ความสนุกยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในงานยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก ลุ้นรับรางวัลอีกมากมายเหมือนเช่นเคยจากผู้สนับสนุน M88 ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของลาลีกา

ย้ำว่า.. งานนี้เข้าร่วม ฟรี !! สำหรับผู้ที่สนใจร่วมงาน (จำนวนจำกัด) ที่ทำตามกติการ่วมสนุกอย่างครบถ้วนและถูกต้อง (ทุกท่านจะได้รับการตรวจ ATK โดยไม่มีค่าใช้จ่ายก่อนเข้างาน)

กติกาลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฟรี!

1. สแกน QR Code หรือ คลิกที่ลิงนี้ https://bit.ly/39iGR9Z แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน

2. แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ และ E-mail 

3. ส่งภาพถ่ายที่แสดงความเป็น LaLiga ของคุณมาในแบบฟอร์ม

สำหรับการประกาศผลว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้เข้าร่วมกิจกรรม จะทำการประกาศในวันศุกร์ ที่ 29 เมษายน 2565 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป พร้อมส่งการ์ดเชิญให้ทาง E-Mail

สุดท้ายนี้ อย่าลืม ! แอดไลน์ @khaimukdam กันไว้นะคะ เพื่อไม่ให้พลาดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ และสามารถเข้ามาพูดคุย สอบถามกันได้

แล้วเตรียมตัวไปสนุกด้วยกันนะคะ

👉 กำหนดการงาน LaLiga Pool Party

📌 ณ Sora beach Rooftop bar เอกมัย 12 กรุงเทพฯ

📅 ในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2565

▶︎ 18.00 – ลงทะเบียน พร้อมตรวจ ATK 

▶︎ 18.30 – พิธีกรกล่าวต้อนรับแขกพิเศษทุกคน

▶︎ 18.35 – คุณ จอร์โจ้ ปอมปิลี รอสซี่ กล่าวเปิดงาน และถ่ายภาพรวม

▶︎ 19.00 – รับประทานอาหาร พร้อมฟังดนตรีสด

▶︎ 20.00 – เพลินไปกับการมิกซ์เพลงสนุก ๆ จาก DJ

▶︎ 21.00 – Talk KOLs

▶︎ 21.15 – ดูบอล พร้อมฟังดนตรีสดร่วมกัน

▶︎ 23.00 – จับรางวัล Lucky draw 

.

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย

Categories
Our Work

Lamina Digital Boost : การใช้ช่องทางกีฬาสนับสนุนการสื่อสาร และการทำการตลาดของแบรนด์

การเป็นแบรนด์อันดับ 1 ใช่ว่าจะง่าย ไม่ต้องทำอะไร และสามารถอยู่เฉย ๆ ได้ เพราะความเชื่อว่า คู่แข่งไม่น่าจะไล่ตามได้ทัน! แต่…นั่นไม่ใช่มุมคิดที่ถูกต้อง หรือคิดแบบ “เบอร์ 1” ตัวจริง เฉกเช่น แบรนด์ ลามิน่า ที่เป็นผู้นำ และสร้างความแตกต่างในตลาดฟิล์มติดรถยนต์ หรือฟิล์มบ้าน และอาคาร อยู่ตลอดเวลา ล่าสุด คือ แคมเปญ “Lamina Digital Boost” บูสต์ชีวิต…ให้เป็น 1 เดียวกับโลกดิจิทัล 

โดยในช่วงเกิดการเปลี่ยนถ่าย และโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนคำว่า Transformation หรือ Disruption ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตไปแล้วในแทบทุกมิติ อุตสาหกรรมฟิล์มติดรถยนต์ก็เช่นกันที่ต้องเผชิญกับภาวะการเปลี่ยนแปลงนี้

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นสตอรีระหว่าง Lamina กับการก้าวสู่ช่องทางการสื่อสารกีฬา คงต้องเริ่มจากความสนใจจะขยับเข้าหากลุ่มลูกค้าใหม่ หรือกลุ่มเดิมแต่เป็นการ cross segment ไปที่กลุ่มกีฬาเพื่อสร้างการรับรู้ทางการตลาดให้กว้างขึ้นเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วจากเพจวิเคราะห์บอลจริงจัง โพสต์แรกวันที่ 30 มิถุนายน 2561 (https://web.facebook.com/jingjungfootball/posts/2040054036209836) โพสต์นี้ เป็นการ tied-in โปรดักส์แทรกเข้าไปในช่วงท้ายคอนเทนท์ที่พูดถึงสิทธิในการไว้ผมยาว หรือ ผมสั้น ของกาเบรียล บาติสตูต้า เจ้าของฉายา “บาติโกล์” เสมือนการชิมลางกับ fan base ของทางเพจ

การเริ่มต้นนั้น มองได้ว่าเป็นทั้งการขยับสู่การสื่อสารแบบออนไลน์ หรือก้าวสู่โลกดิจิทัลแบบเต็มตัวได้ด้วยเช่นกัน เพราะไม่เพียงแต่สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรงในช่องทางเฉพาะเจาะจง เช่น ยานยนต์ หรือไลฟ์สไตล์ ในรูปแบบออนไลน์เท่านั้น แต่ยังเป็นการกระโดดข้ามไปสู่ช่องทางอินฟลูเอนเซอร์กีฬาเพื่อขยับการรับรู้ของกลุ่มลูกค้าให้ขยายออกจากพื้นที่เดิม ๆ ของ Lamina อีกด้วย

หากมองภาพรวมของโพสต์ครั้งนั้นทั้งการกดไลค์ กดแชร์ และคอมเมนท์ (Engagement Rate) จัดได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่น่าพอใจ เพราะมีฟีดแบ็คถึง Lamina เกินคาดหมาย ซึ่งตรงนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารที่ดี อย่างน้อยก็ทำให้มีคนพูดถึง หรือรู้จัก Lamina เพิ่มขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ และช่องทางกีฬา

ถัดจากนั้นมา ลามิน่า เดินหน้าต่อยอดการสื่อสารการตลาด และการทำประชาสัมพันธ์ทางช่องทางดิจิทัล และเพิ่มจำนวนการสื่อสารผ่านช่องทางกีฬาออนไลน์ อย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการสื่อสารแบบดั้งเดิม (Traditional Media) ผ่าน โทรทัศน์, วิทยุ และสิ่งพิมพ์ ไม่นับการทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านอีเวนต์ เช่น คอนเสิร์ต หรือมหกรรมแสดงรถยนต์ และสินค้ายานยนต์ ทั้งมอเตอร์โชว์ และมอเตอร์เอ๊กซ์โป ควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง

แคมเปญ “ความห่วงใยใกล้ตัวคุณ” #ก็เขาห่วง สร้างกระแสได้ดี ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 จะแพร่ระบาด และยืนระยะให้ผู้คนจดจำกับแบรนด์ Lamina ณ จุดที่บริษัทครบรอบ 25 ปีในปี พ.ศ.2563 ที่รวมกับความแข็งแกร่งของแบรนด์ และตัวแทนการขายทั่วประเทศทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคจนยอดขายเติบโต และรักษาส่วนแบ่งการตลาดเอาไว้ได้

ในปีนี้ พ.ศ.2565 Lamina กำลังอยู่ในช่วงของการทำแคมเปญใหม่ “Lamina Digital Boost” เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ก้าวผ่านสู่โลกดิจิทัลมากขึ้นทั้งการใช้ชีวิต และเกาะตามเทรนด์โลกที่ความตระหนักในสิ่งแวดล้อมกำลังมาแรง และในอุตสาหกรรมยานยนต์ก็หนีไม่พ้นกระแสยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า (รถ EV) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับการสนับสนุนของภาครัฐให้ประชาชนหันมาใช้รถ EV กันมากขึ้น

Lamina เองเล็งเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ และเดินหน้าสานต่อการเผยแพร่การรับรู้โปรดักส์ผ่านทางช่องทางดิจิทัลสู่กลุ่มเป้าหมายหลัก รวมถึงเลือกใช้ช่องทางกีฬามากขึ้น โดยแคมเปญ “Lamina Digital Boost”  เริ่มเปิดตัวพร้อมปล่อยวิดีโอออกมาเมื่อวันที่ 16มีนาคม 2565 ในช่องทางของตนเอง แล้วมาเริ่มเผยแพร่กับช่องทางกีฬาตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2565 ก่อนจะแถลงข่าวพร้อมเปิดตัวแคมเปญอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Motor Show 2022 ที่ อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา ผนวกเข้ากับสื่อดั้งเดิมเต็มรูปแบบตามที่น่าจะได้เห็นได้ยินกันทางหน้าจอโทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งพิมพ์

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/LaminafilmsHQ

แคมเปญนี้ เฉพาะในส่วนของกีฬา ได้มีการวางกลยุทธ์การสื่อสารที่ครอบคลุมมากขึ้น นำโดยเพจวิเคราะห์บอลจริงจัง และอินฟลูเอนเซอร์กีฬาชื่อดังท่านอื่น ๆ อีกหลายคน

นอกจากนี้ยังขยับขยายสู่ช่องทางกีฬาที่เป็นตัวนักกีฬาเองอีกด้วย เนื่องจากทุกวันนี้นักกีฬาจัดเป็นกลุ่มบุคคลที่โด่งดัง มีชื่อเสียง (Celebrity) ไม่ว่าจะด้วยสไตล์การเล่น การวาดลวดลายในสนาม หรือด้วยเสน่ห์จากบุคลิกภายนอก ที่ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จัก น่าเชื่อถือ และมีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก ในช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก ๆ และไม่มีเกมการแข่งขัน ไปสนามฟุตบอลไม่ได้ หรือปัจจุบันนี้เอง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กลุ่มแฟนคลับเลือกที่จะปรับตัวติดตามนักกีฬา โดยเฉพาะนักเตะทีมชาติไทยผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น 

“เราเริ่มต้นจากการมองที่ตัวตนของแบรนด์เราก่อนว่าเป็นอย่างไร มีกลุ่มเป้าหมายแบบไหนซึ่งส่วนใหญ่ผู้ชายเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก จากนั้นก็มองไปที่ไลฟ์สไตล์ที่พวกเขาชื่นชอบแล้วก็หาแนวทางให้ความเป็นแบรนด์ของเราเชื่อมไปหาพวกเขาได้

ลามิน่า เป็นแบรนด์ที่ดูมีความจริงจัง จริงใจ ดังนั้นช่องทางกีฬาไม่ได้เพียงช่วยในเรื่องขยายฐานลูกค้า และสร้างความแตกต่างให้กับเราได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มความสนุกให้กับแบรนด์ และเป็นอีกเครื่องมือส่งต่อสิ่งดี ๆ ที่เราต้องการให้กับลูกค้าได้อีกด้วย”

คุณธันยาสรวง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา – Assistant IMC Director

ตามที่ได้กล่าวไว้ Lamina ได้ใช้สื่อในการโปรโมทแคมเปญ “Lamina Digital Boost” อย่างหลากหลาย ทั้งสื่อดั้งเดิม ทีวี, วิทยุ มาจนถึงสื่อออนไลน์ รวมไปถึงช่องทางของ Lamina เองด้วยเช่นกัน เพื่อตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำ ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิล์มกรองแสงกันความร้อนทุกประเภท ที่อยู่มายาวนานกว่า 27 ปีในประเทศไทย และได้สร้างสรรค์นวัตกรรมมากมายจนได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำฟิล์มกรองแสงอันดับ 1 ในบ้านเรา ทำให้มั่นใจในเรื่องคุณภาพได้อย่างแท้จริง

จากฟิล์มรถยนต์แบบเดิม สู่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากฟิล์มลามิน่า ที่ออกแบบเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การขับขี่แห่งโลกยุคใหม่  “Lamina Digital EV Boost” จะเข้ามาเป็นฟิล์มกรองแสงซีรีย์ที่ 5 มีการพัฒนาเพื่อรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า และสมาร์ทคาร์อัจฉริยะโดยเฉพาะ ด้วยการผลิตจากนวัตกรรม AiCeramic 100% พร้อมด้วยเทคโนโลยี DigitalBoost ที่ทำให้ได้ฟิล์มกันร้อน กันยูวีที่ดีเยี่ยม รวมถึงช่วยประหยัดพลังงาน ช่วยลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศภายในรถ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแบตเตอรี่ให้ได้นานมากขึ้นกว่าเดิม และยังช่วยบูสต์สัญญาณดิจิทัลต่างๆภายในรถ ทั้ง 5G และ Wifi ให้ทำงานได้อย่างเร็ว แรง ลื่น เสถียร อีกทั้งยังให้วิสัยทัศน์ที่ยอดยเยมในทุกช่วงเวลาและสภาพอากาศ

Lamina Digital EV Boost (New Series) จะเข้ามาเสริมทัพฟิล์มกรองแสงดิจิทัลที่ลามิน่าฟิล์มเป็นผู้นำตลาดอยู่ในปัจจุบัน จากสินค้าที่ทำตลาดแล้ว 4 ซีรีย์ ประกอบด้วย “Lamina Digital Ceramatrix” ฟิล์มเซรามิคแท้ตัวจริงคุณภาพอันดับหนึ่ง “Lamina Digital CM Icon” ฟิล์มเพื่อผู้ใช้รถยุค 5G “Lamina Digital CM One” ฟิล์มเพื่อรถสมาร์ทคาร์ใหม่ป้ายแดงและ “Lamina Digital Mystery” ฟิล์มถนอมดวงตาเพื่อสุขภาพ

โดยเทคโนโลยี “Lamina Digital Boost” มีจุดแข็งคือ:

– เร็ว ตอบสนองทุกฟังก์ชั่นดิจิทัลในรถ สะดวกรวดเร็วแค่ปลายนิ้ว

– แรง รับส่งข้อมูลดิจิทัลภายในรถ โหลดแรงเต็มประสิทธิภาพ

– ลื่น ออนไลน์หลายอุปกรณ์พร้อมกันลื่นไหลไม่มีสะดุด

– เสถียร ลดปัญหาสัญญาณดิจิทัล อ่อน/หลุด/หาย

เทคโนโลยีนี้ จะทำให้ฟิล์มกรองแสงลามิน่า รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณดิจิทัล 5G และ Wifi ภายในรถทุกระบบทั้งระบบอินโฟเทนเมนต์และระบบช่วยเหลือการขับขี่อัตโนมัติได้อย่างดีเยี่ยม

ในส่วนของช่องทางกีฬา เราจะได้เห็นบทบาทการเป็นช่องทาง “สนับสนุน” การสื่อสารการตลาดแคมเปญ “Lamina Digital Boost” ตลอดปีนี้ เพื่อสร้างพลังเสริมในการขับเคลื่อนการทำการตลาดของแบรนด์ควบคู่ไปกับการสื่อสารในช่องทางหลักอื่น ๆ แบบใกล้ชิดเพื่อช่วยเสริมสร้างการรับรู้ และความมั่นใจ พร้อมทั้งตอกย้ำความเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมฟิล์มติดรถยนต์ และกรองแสงกันความร้อนทุกประเภทต่อไป

เรื่อง: ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย

เรียบเรียง: ณัฐวุฒิ ประเทืองศิลป์

Categories
Football Business

กระทบไหล่ เท็ดดี้ เชอริงแฮม กลยุทธ์การตลาดเพื่อประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้กับคุณลูกค้าแฟนบอลของแบรนด์

การสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ประโยคนี้ประโยคเดียวสามารถสร้างสรรค์ให้เกิดกิจกรรมทางการตลาดอันบรรเจิดสุดได้ตราบเท่าที่สมองมนุษย์ และนักการตลาดจะพึงคิดค้นกลยุทธ์ในการเนรมิตให้เกิดประสบการณ์ดังกล่าวขึ้นมา และต้องยอมรับว่า งานอีเวนต์ “Exclusive Meet and Greet with Teddy Sheringham by Supersports” เมื่อวันที่ 24มีนาคม ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ทุกประการ

สำหรับแฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะรู้จัก และจดจำภาพ “น้าหมี” (เรียกตามชื่อหน้า เท็ดดี้ โดยคนไทย) เท็ดดี้ เชอริงแฮม ได้จากการกดประตูตีเสมอ และโหม่ง assist ประตูชัยให้แมนฯยูไนเต็ด พลิกนรกแซงชนะบาเยิร์น มิวนิค ในศึก UCL Final 1999 ช่วงทดเจ็บ 2-1 พร้อมซิว 3 แชมป์ “ทริปเบิ้ล แชมป์” ในซีซั่นนั้น 1998/99 อันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งของดาวเตะรายนี้ทั้งในระดับสโมสร, ทีมชาติ หรือส่วนตัวที่เคยได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของอังกฤษ ฤดูกาล 2000/01 เท่านั้น

เอ็ดเวิร์ด พอล คือ ชื่อหน้า และชื่อกลางที่แท้จริงที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ปัจจุบันอายุ 55 ปี เกิดวันที่ 2 เม.ย.1966 ประสบความสำเร็จในทุกที่ ทุกสโมสรที่ทำหน้าที่ หลัก ๆ คือ มิลล์วอลล์ ที่เริ่มค้าแข้ง, ฟอเรสต์, สเปอร์ส 2 รอบ, แมนฯยูไนเต็ด, ปอร์ตสมัธ และเวสต์แฮม พ่วงด้วยสถิติติดทีมชาติอังกฤษ 51 ครั้ง ยิง 11 ประตู อีกทั้งยังติดทีมชาติผู้ดีถึงอายุ 36 ปีร่วมเล่นฟุตบอลโลก 2002

ด้วยสไตล์การเล่นสง่างาม ใส่เบอร์ 10 มาตลอด และให้สัมภาษณ์ในงาน Meet & Greet นี้ว่า ได้ขอเบอร์ 10 ที่ว่างพอดีจากเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (เดวิด เบคแคม โยกจากเบอร์ 10 ไปเบอร์ 7) เป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าตัวก็มองตนเองเป็นกองหน้าแถว 2 หรือจะเรียกหน้าต่ำ หรือหน้าคอยสนับสนุน หรือคล้ายกับ False 9 ในสมัยปัจจุบัน พร้อมยอมรับ เยอร์เกน คลินส์มันน์ เป็นคู่หัวหอกที่ร่วมเล่นด้วยที่ดีที่สุดในสมัยอยู่กับสเปอร์สที่สอดคล้องว่า เท็ดดี้ ได้พัฒนาสไตล์ และแนวทางการเล่นจากช่วงเวลานั้นกับคลิ้นซี่ได้ดีที่สุดต่อยอดมาสู่แมนฯยูไนเต็ด ในช่วงพีค จนถึงปลายค้าแข้ง

ฉะนั้น นับตั้งแต่มีข่าว เท็ดดี้จะมีงาน “Exclusive Meet and Greet” ผ่านสื่อกีฬา และเหล่า influencers, KOLs สายฟุตบอล รวมถึงเพจ “ไข่มุกดำ” ที่ได้จัดกิจกรรมร่วมสนุก ( https://bit.ly/3wEdWqy ) ได้ผู้โชคดีเป็นคุณ นนทนันท์ คนเที่ยง

และแฟนเพจอีกท่านหนึ่ง คุณ พชรธรณ์ ทรัพย์สิริเทวี ที่ไม่สบาย และทางเพจได้ประสานงานกับผู้จัดงานขอเวลาเพิ่มเพื่อให้เท็ดดี้ เขียนให้กำลังใจ “To.X, Get well soon” กระแสกิจกรรมนี้จึงถือว่า “ปัง” พอสมควร

“การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดทางด้านกีฬาให้กับลูกค้า และแฟนฟุตบอลทุกคน เป็นสิ่งที่ซูเปอร์สปอร์ตให้ความสำคัญสูงสุดเสมอมา ฟุตบอลเป็นประเภทกีฬาหลักสำหรับเรา ภายในพื้นที่ของซูเปอร์สปอร์ต และโซน Futbol X จึงเป็นที่เดียวในประเทศไทยที่จัดเต็มด้วยอุปกรณ์กีฬาฟุตบอล และคอลเลคชั่นสำหรับแฟนๆ ฟุตบอลไว้อย่างครบครัน นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เชื่อมระหว่างซูเปอร์สปอร์ต และแฟนบอลให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ในวันนี้ เราภูมิใจที่ได้จัดกิจกรรมพิเศษอันน่าตื่นตาตื่นใจ ในการนำนักเตะระดับตำนานของพรีเมียร์ลีกมาพบกับแฟน ๆ  และหวังว่าผู้เข้าร่วมงานทุกท่านจะชื่นชอบและมีความสุขไปกับกิจกรรมนี้”

มร. โทนี่ มอร์ตัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด กล่าว

ซึ่งงานนี้มีแฟนคลับผู้โชคดี 80 คนร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางต่าง ๆ เดินทางมาร่วมงาน รวมไปถึงแขกรับเชิญ อินฟลูเอนเซอร์ และสื่อมวลชม ในแวดวงกีฬามากมาย ไม่เฉพาะผู้นำสาวกปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ 

อย่าง “บอ.บู๋” บูรณิจน์ รัตนวิเชียร และ “พีชชี่” วรันทร สมกิจรุ่งโรจน์ เท่านั้น

ทีมการตลาด PPTV นำโดย คุณฤทธิชัย พรหมปราบทุกข์ และพิธีกร ป๊อป วีระพล เต็มโชติโกศล, ทีมงาน “ขอบสนาม” คุณเบลล์, คุณนัท, เกมส์เอง หรือเพจวิเคราะห์บอลจริงจัง, เพจดูบอลกับแนท, SoccerSuck, คุณปฐม อุ่นบริบูรณ์ บรรณาธิการจาก เนชั่น กรุ๊ป, กลุ่ม/แฟนบอลสเปอร์ส ฯลฯ และฯลฯ ต่างพร้อมใจกันมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับงานครั้งนี้ไปด้วยกัน

งานนี้จัดขึ้นโดย ซูเปอร์สปอร์ต ในเครือเซ็นทรัลรีเทล และได้ PPTV เป็น Official Media Partner จัดการออร์กาไนซ์ โดยบริษัทอามันโด้ เปิดโอกาสสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้แฟนฟุตบอล ได้พบปะแบบใกล้ชิดกับ “น้าหมี” เท็ดดี้ เชอริงแฮม อดีตศูนย์หน้าในตำนาน คือ ตัวอย่างกลยุทธ์การตลาดผ่านการทำงานร่วมกับตำนานนักฟุตบอลชื่อเสียงระดับโลกเพื่อโอกาสในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ และจดจำ ผ่านประสบการณ์กับนักเตะ Legend Player แบบที่เงินซื้อไม่ได้

การได้เห็นเหล่า Influencers, KOLs มาร่วมงานจำนวนมาก และแฟนบอลให้การตอบรับเป็นอย่างดีผ่านกิจกรรมคัดเลือกผู้มาร่วมงาน Exclusive Meet & Greet รวมถึงกระแสการประชาสัมพันธ์เป็นการเข้าถึง และ PR Value ผ่านสื่อมูลค่าสูงทั้งก่อน และหลังงานจนทำให้รับรู้ของแบรนด์ Supersports ได้รับการตอบรับเป็นบวก และมีภาพลักษณ์ดีร่วมกับนักเตะระดับโลกจึงน่าจะอธิบายได้ว่า กิจกรรมนี้เป็นอะไรมากกว่าการที่ เท็ดดี้ เชอริงแฮม มาร่วมมอบลายเซ็น และถ่ายรูปให้แฟนบอลกระทบไหล่แบบธรรมดา ๆ แน่นอน

เรื่อง: ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย

เรียบเรียง: ณัฐวุฒิ ประเทืองศิลป์

ขอบคุณรูปภาพจาก : Supersports

Categories
Football Business

GAMBOL X Liverpool FC : ปรากฎการณ์จับแบรนด์สโมสรฟุตบอลระดับโลกของแบรนด์รองเท้าลำลองไทย เพื่อต่อยอด และรักษาความเป็นเบอร์ 1 เอาไว้ยั้งยืนยง

(มี.ค.2565) สร้างกระแส และเกิดแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้างไม่น้อยกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่แกมโบล (GAMBOL) ผู้นำแบรนด์รองเท้าลำลองอันดับหนึ่งในประเทศไทย เปิดตัวการจับมือทางการค้าร่วมกันกับสโมสรฟุตบอลชื่อดังแห่งพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพร้อมการทำการตลาดตามมาให้เป็นฮือฮาก่อนงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา 

แกมโบล ขยับครั้งแรก และเรียกความสนใจจากเหล่าแฟนพันธุ์แท้ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ด้วยการเปิด พรีออเดอร์ คอลเลคชั่น GAMBOL Liverpool FC Limited Edition ลิขสิทธิ์แท้จากสโมสรเพียง 1,892 คู่ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 โดยได้รับความสนใจจากสาวก “หงส์แดง”เกินคาด เพราะรองเท้า Limited Edition ล็อตนี้ถูกจองขายหมดเกลี้ยงภายใน 30 นาทีเท่านั้น!

สำหรับการเปิดตัวเมื่อ 19 มี.ค.นั้น ถือว่าเป็นการใช้โอกาสได้ตรงจังหวะ เพราะกระแสความสำเร็จของทีมหงส์แดง กำลังมาแรง และมีโอกาสลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว อันส่งผลให้แบรนด์สินค้าที่ associate กับสโมสรลิเวอร์พูลได้รับความนิยม ตอบโจทย์ อันส่งผลสู่เป้าหมายเป็นยอดขายที่ดีได้

จากความสำเร็จของการพรีออเดอร์ที่ผ่านมา หากมองในมุมของการตลาด นี่คือโอกาสในการขยายตลาดต่อไปได้ และทำให้เห็นช่องทางจะผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษแบบต่าง ๆ ออกมาอีก เพราะไม่ใช่แค่การเอาใจแฟนบอลของลิเวอร์พูล แต่ยังหมายรวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบรองเท้า ชอบดีไซน์ หรือชอบรองเท้ารูปแบบนี้ที่สามารถตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์หลากหลายได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามก่อนจะมาเป็น GAMBOL X Liverpool FC ในวันนี้ เบื้องหลังต้องผ่านการทำงานหนัก และใช้เวลามากมายไม่น้อยเลยเดียว

“ที่มาที่ไปของคอลเลคชั่นนี้มาจากการที่มองเห็นถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในปัจจุบัน ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ หันมาใส่ใจสุขภาพกัน และการออกกำลังกายกันมากขึ้น จึงใช้โอกาสตรงนี้ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เจาะกลุ่มไปทางกีฬาให้มากขึ้น โดยส่วนตัวชอบเรื่องกีฬาอยู่แล้ว และเป็นแฟนหงส์แดงอยู่แล้วด้วย ทำให้เกิดแนวคิดนี้ และเริ่มหาคอนเนคชั่น เพื่อประสานไปทางลิเวอร์พูล”

คุณนิติ กิจกำจาย ผู้อำนวยการ บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ แกมโบล กล่าว

นอกจากนี้คุณนิติ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทาง GAMBOL รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ถือลิขสิทธิ์ Official Licensee ของ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล เอฟซี (Liverpool FC) และจะได้ทำงานร่วมกันเป็นระยะเวลา 3 ปี (2022-2024) อันทำให้แกมโบลเป็นแบรนด์รองเท้าลำลองรายแรก และรายเดียวของประเทศไทย ที่จะได้ร่วมงานกับสโมสรฟุตบอลจากอังกฤษ”

ทั้งนี้ ด้วยความที่ GAMBOL Liverpool FC Limited Edition มีความโดดเด่น และตอกย้ำตัวตนของแฟนบอล “หงส์แดง” ด้วยลาย YNWA (You’ll Never Walk Alone) ซึ่งบอกถึงสปิริตได้อย่างชัดเจนผ่านความสำเร็จของการพรีออเดอร์ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงแน่นอนว่า จะมีการปล่อย GAMBOL Liverpool FC Special Collection ออกมาอีกหลายรุ่นเพื่อเอาใจแฟนคลับของสโมสรฟุตบอล รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบสวมใส่รองเท้าแตะ ชื่นชอบงานดีไซน์ โดยจะเป็นรูปแบบรองเท้าแตะแบบหนีบ และรองเท้ารัดสัน ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ดีไชน์และลวดลายของแบบรองเท้า เพื่อให้ตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของแฟนคลับสโมสรฟุตบอล

“ด้วยดีไซน์ของรองเท้าที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และใช้นวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัย จีโบลด์ เทคโนโลยี (G-Bold Technology) เอกสิทธิ์เฉพาะของแกมโบล (GAMBOL) ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้รองเท้า นุ่ม ทน เบา สวมใส่สบาย บวกกับชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ของสโมสร Liverpool Fc ที่มีมาอย่างยาวนาน รวมเข้ากับกลุ่มแฟนคลับของสโมสรที่เหนียวแน่น จึงมั่นใจได้ว่าคอลเลคชั่น GAMBOL Liverpool FC Special Collection จะสามารถครองใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแน่นอนในทุกรุ่นที่ผลิตออกมา”

คุณนิติ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับรองเท้าแกมโบลรุ่นพิเศษที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ มีการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยดึงแก่นความเป็นสโมสรลิเวอร์พูล ให้มาเข้ากับแบรนด์ แกมโบล อย่างกลมกลืนที่สุดผ่านแนวคิดซึ่งเกิดจากการคำนึงถึงดีไซน์เสื้อสโมสรในปีที่ผ่านมาประยุกต์เข้ากับลวดลายของรองเท้าให้คงเอกลักษณ์ความเป็นหงส์แดง ในรูปแบบของแบรนด์แกมโบลซึ่งกว่าจะมาเป็น GAMBOL X Liverpool FC ต้องผ่านการดำเนินการที่ยาวนานถึง 7-8 เดือน เพื่อติดต่อสื่อสาร ออกแบบ ปรับปรุงงาน ก่อนจะได้รับอนุมัติจากสโมสรลิเวอร์พูลให้ทำการผลิตได้

ปรากฎการณ์ GAMBOL X Liverpool FC ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะอย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเปิดตัวรองเท้า GAMBOL Liverpool FC Special ถึง 4 รุ่น พร้อมแขกรับเชิญในแวดวงกีฬามากมายไม่เฉพาะแฟนบอลลิเวอร์พูล อย่าง “แจ็คกี้” อดิสรณ์ พึ่งยา หรือนิหน่า สุฐิตา ปัญญายงค์ เท่านั้น แต่เป็นแฟนปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำโดย “บอ.บู๋” บูรณิจน์ รัตนวิเชียร และ “พีชชี่” วรันทร สมกิจรุ่งโรจน์ ก็มาร่วมงานด้วยเช่นกันเพื่อเป็นสีสันไม่แบ่งแยกทีม

โดยเฟสแรก GAMBOL จะเปิดตัวสินค้าสู่ตลาดก่อน 2 รุ่น คือ รุ่น LEGENDS ไซส์ 36-46 ราคา 650.- กับ รุ่น SUPER SUB ไซส์ 36-46 ราคา 890.- เพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่พลาดการสั่งซื้อเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ได้จองก่อน ซึ่งทั้ง 2 รุ่นที่จะปล่อยออกมานี้ จะเริ่มวางตลาดพร้อมกันในวันที่ 1 เม.ย. ที่จะถึงนี้

ขณะที่อีก 2 รุ่นถัดมา ในชื่อว่า RUSH และ HERO ไซส์ 36-44 จะเริ่มวางจำหน่ายช่วงไหน และราคาเท่าไหร่นั้น สามารถรอติดตามที่หน้าเฟสบุ๊คแฟนเพจ GAMBOL กันได้เลย

ส่วนช่องทางในการสั่งซื้อ แบบ Exclusive นั้นทางลูกค้าแฟนบอล และคุณลูกค้าทุก ๆ ท่านที่สนใจสามารถแวะชมได้ที่ Liverpool FC Official Store และ ช่องทางออนไลน์ GAMBOL Online Shop ตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. เลือกช่องทางในการเข้าสู่ระบบ

2. ระบุที่อยู่ที่ใช้ในการจัดส่งและบันทึกเพื่อไปหน้าถัดไป

3. เลือกช่องทางการจัดส่ง และการชำระเงินพร้อมระบุไซส์ในช่องเพิ่มเติม

4. ตรวจสอบรายละเอียดการชำระเงินยืนยันการสั่งซื้อ

5. แจ้งการโอนเงิน โดยแนบหลักฐานการโอนเงิน6. รอตรวจสอบการชำระเงิน คัดลอก URL เพื่อติดตามสถานะ หรือดูที่ GAMBOL Online Shop

เมื่อมองในเรื่องของแนวโน้มของสินค้าลิขสิทธิ์ลิเวอร์พูลในประเทศไทย ปัจจุบันมีร้านค้าอย่างเป็นทางการแล้วถึง 5 สาขา แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน มีแค่สาขาเดียวเท่านั้น ซึ่งตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของคนไทย ที่มีต่อลิเวอร์พูล และฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดี 

สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ แฟนบอลที่แม้ไม่ใช่แฟนหงส์แดง ลิเวอร์พูล หากอยากให้แบรนด์ในไทยได้ลิขสิทธิ์ดี ๆ แบบนี้ อย่างแรกเลยคือ ต้องช่วยกันอุดหนุน ซื้อสินค้าลิขสิทธิ์แท้ เพราะตรงนี้จะมีผลต่อการได้รับการต่อสัญญาเรื่องลิขสิทธิ์ในอนาคต แต่นั้นก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะยังต้องพิจารณาไปถึงเรื่องความเป็นผู้นำ เป็นผู้ชำนาญการในด้านสินค้านั้น ๆ และความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจด้วย ที่จะเข้ามาเป็นข้อพิจารณาที่ทำให้ได้ลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ก็เพื่ออนาคตข้างหน้าที่จะมี Licensee สโมสรรักทีมอื่น กับแบรนด์ GAMBOL หรือแบรนด์สินค้าอื่น ๆ ได้เพิ่มเติมในอนาคต

สำหรับเรื่องแผนการตลาดเพิ่มเติมนับจากนี้ GAMBOL ยังคงเน้นการทำการตลาดภายในประเทศ แต่จะเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้มีมากขึ้น แต่ก็ไม่หยุดยั้งที่จะขยายการทำการตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเน้นไปที่ตลาด CLMV มากขึ้น 

งานนี้ คงต้องติดตามกันดูว่า GABMOL x Liverpool FC จะก้าวไปประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดได้ขนาดไหน และเพียงใด หลังเปิดตัวเรียกกระแสพร้อม ๆ กับโอกาสลุ้น 4 แชมป์ Quadruple ของทีมลิเวอร์พูลได้ดีเหลือเกิน

เรื่อง: ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย