Categories
Our Work

ElClasico VIP Party : ครั้งแรก! ลาลีกา จัดกิจกรรมรับศึก “ElClasico” เต็มอิ่ม ประสบการณ์ และอรรถรสการรับชมแมตช์สุดยิ่งใหญ่ลีกสเปน จบเกม เรอัล มาดริด ถล่ม บาร์เซโลน่า 3-1

ผ่านไปแล้วกับงานสุดพิเศษ ที่ลาลีกา ประเทศไทย จัดให้ตามคำเรียกร้องของแฟนบอล “ElClasico VIP Party powered by beIN Sports” 16 ตุลาคม 2565 ในงานพบกับประสบการณ์การดูบอล ฟังดนตรีสดจากศิลปิน ชีส เดอะ วอยซ์ วิเคราะห์เกมโดยสุดยอดกูรู กิน ดื่มสุดชิลล์ เอนจอยกิจกรรมพร้อมของรางวัลจัดเต็มสนุก ในโดมกลางกรุงเทพมหานคร Pearl Bangkok ชมบิ๊กแมตช์ ElClasico ไปด้วยกันกับแขก VIP, สื่อมวลชน, อินฟลูอินเซอร์ และแฟนบอลผู้โชคดี ซึ่งผลการแข่งขันเกมนี้ จบลงด้วยชัยชนะของ “เรอัล มาดริด” ที่เอาชนะ “บาร์เซโลน่า” ไปถึง 3-1

บรรยากาศภายในงานสุดคึกคัก มีผู้คนเข้าร่วมงานถูกรับเชิญ และถูกเลือกผ่านกิจกรรมกว่า 200คน ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากสถานทูตสเปน, หอการค้าสเปน, อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง สื่อมวลชนสายกีฬา และแฟนฟุตบอลที่ร่วมสนุกลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมงานจากกิจกรรมออนไลน์ นำโดย เจมส์ ลาลีกา, ขวัญ ลามาเซีย, เบน บาร์ซ่าเข้าเส้น by แฟนพันธุ์แท้บาร์ซ่า และ ลูกชิ้น เสพติดบอลสเปน 4 กูรูฟุตบอลสเปน ที่มาร่วมพูดคุยวิเคราะห์เกมการแข่งขัน ทั้งก่อนเกม ช่วงพักครึ่ง และหลังเกม

นอกจากนี้ยังมี ต่อ ณ ระนอง, เดอะนัทซัดหมดแมกซ์, มายด์เปี๊ยกบางใหญ่, แตง Top4Official, แม็ก3เม็ด, ซันนี่ ธัญญารัตน์ พร้อมทีม Ari, สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ นำมาโดยนายกสมาคมฯ วันกล้า ขวัญแก้ว และเหล่าพาร์ตเนอร์ของงาน ที่มาร่วมสนุก สร้างสีสัน และความมันส์ไปด้วยกัน

งานนี้ได้นั่งชิลล์ กิน ดื่ม ฟรี!! ผ่อนคลายไปกับดนตรีสดเพราะ ๆ จาก ชีส เดอะวอยซ์ ในช่วงหัวค่ำ พร้อมทานอาหารร่วมกัน ดื่มเครื่องดื่มอีกเล็กน้อย เข้ากับบรรยากาศภายในงาน และอากาศด้านนอกโดมในวันนี้ที่เย็นขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูลงตัวมาก

ภายในงานยังมีโซนโชว์เสื้อของ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด พร้อมลูกฟุตบอล PUMA ORBITA LaLiga ฤดูกาลนี้, โซนสตรอรี่ บอกเล่าเรื่องราวของ 2 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน กับศึก เอล กลาซิโก้ เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โซนเล่นเกม เตะฟุตบอลกรง และอีกหนึ่งไฮไลท์เลยคือ โซนโชว์ถ้วย ออฟฟิเชียล ลาลีกา โทรฟี ส่งตรงจากสเปน

ก่อนจะถึงช่วงเวลาสำคัญชมฟุตบอล เวลา 21.15 น. ภาพการเชียร์บอลร่วมกันของกลุ่มแฟนบอล สร้างสีสันและความคึกคักให้กับงานเป็นอย่างมาก จังหวะสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ความรู้สึกต่อเกมการแข่งขัน ทุกคนแสดงออกมา อย่างชัดเจน และคำตอบรับจากงานนี้ ทำให้รู้เลยว่า ทุกคนเอนจอยกับกิจกรรมนี้มาก

หลังจบฟุตบอล และพูดคุยหลังเกมกับกูรูฟุตบอลสเปนทั้ง 4 ท่าน ก็ปิดท้ายงานด้วยการลุ้นรางวัล lucky draw มากมาย นำโดย ลูกฟุตบอล PUMA ORBITA LaLiga, กระเป๋าถุงผ้า กระบอกน้ำ ลูกฟุตบอล ส่งตรงจาก beIN Sports และเสื้อที่ระลึก ElClasico

กิจกรรมนี้ ถือเป็นการนำประสบการณ์ดี ๆ สร้างการรับรู้ถึงฟุตบอล ลาลีกา สเปน และสร้างสัมพันธ์กับแฟนบอลให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ จะเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกแน่นอน โปรดติดตามกันต่อไป

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Football Business

สรุปการรับชม “พรีเมียร์ลีก” ฤดูกาลใหม่ 2022/23 ผ่าน 4 วิธีการหลักจาก “กลุ่มทรู”

ปีนี้เป็นปีที่สำคัญของคอบอล เพราะเป็นปี “ฟุตบอลโลก” ซึ่งจะทำการแข่งขันระหว่าง 21 พ.ย. ถึง 18 ธ.ค.2022 อันทำให้ฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลลีกต่าง ๆ ยุโรปเริ่มเร็วกว่าปกติ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็เช่นกันที่จะคิกออฟซีซั่นใหม่ 6 ส.ค. นี้ (พักเบรกให้เวิลด์คัพ 12 พ.ย.) โดยเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังคงเป็นผู้เล่นตัวเก๋า “ทรูวิชั่นส์” ซึ่งครองการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในประเทศไทยมาแทบจะทุกยุคทุกสมัยทั้งทางตรง (ซื้อตรงผ่านพรีเมียร์ลีก) หรือทางอ้อม (ซื้อผ่านเจ้าของสิทธิ์ที่ได้สิทธิ์ตรงจากพรีเมียร์ลีกอีกทอดหนึ่ง)

โดยเมื่อ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์สยามพารากอน ทรู วิชั่นส์ เป็นเจ้าภาพของ “กลุ่มทรู” จัดแถลงข่าวอย่างยิ่งใหญ่เพื่อป่าวประกาศความมันส์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยิงสดต่อไปอีก 3 ฤดูกาลเต็ม ๆ 2022/23 – 2024/25 อย่างเป็นทางการในฐานะ Official Broadcaster 

นอกจากนี้ “กลุ่มทรู” ยังจัดหนักแพ็คเกจหลากหลายเพื่อตอบสนองการรับชมทุกช่องทางผ่านทุก Business Units ของกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มทีวี (ทรู วิชั่นส์), สมาร์ตโฟน (ทรูมูฟ เอช), ทรูไอดี (ระบบอินเทอร์เน็ต – ทรู ออนไลน์) รวมถึงการสื่อสารถึงคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกในรุปแบบสมัยใหม่ผ่าน โซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์ม อย่าง เฟซบุ๊ก, ยูทูป, tiktok, IG ฯลฯ เพื่อให้แฟนฟุตบอลเข้าถึง และมีส่วนร่วมได้มากขึ้น

รวมไปถึงในปีนี้จะมีกิจกรรมร่วมกับแฟนบอลผ่านเกมแฟนตาซี พรีเมียร์ลีก ที่มีคนเล่นทั่วโลกกว่า 9 ล้านคน มาเปิดลีกพิเศษสำหรับคนไทยอย่าง “ทรู วิชั่นส์ ลีก” ที่มีของรางวัลสุดพรีเมี่ยมให้ลุ้นทุกสัปดาห์อีกด้วย

ว่าแล้ว ไปรับชมโปรโมชั่นสำหรับรับชมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในแต่ละช่องทางของ “กลุ่มทรู” กันค่ะ:

1. ทรู วิชั่นส์ หรือกล่องทรู ดีที่สุด มีให้ดูครบถ้วนทุกอย่าง เหมาะสำหรับครอบครัว

– แพ็กเกจแพลตินัม เอชดี เริ่มต้นเพียง 2,155.15 บาท/เดือน ชมฟรี EPL 3 ฤดูกาล (2022/23 – 2024/25 

) และชมฟรี beIN SPORTS  2 ฤดูกาล (2022/23 – 2023/24) พร้อมรับ 1,000 True Point  และ True Black Card

– แพ็กเสริม ทรูพรีเมียร์ ฟุตบอล เอชดี พลัส (True Premier Football HD+) สมาชิกทรู วิชั่นส์ แพลตินัม ชมฟรีตลอด 3 ฤดูกาล สิ้นสุด 31 พฤษภาคม 2568 สมาชิกแพ็กอื่น ๆ พิเศษ ผูกเบอร์ทรูมูฟ เอช เพียง 299 บาทต่อเดือน (จากปกติ 399 บาท)

– แพ็กเสริม “EPL Season Pass” เหมาจ่ายตลอดฤดูกาล พิเศษสุด!! เฉพาะสมาชิกทรู วิชั่นส์ 1 ฤดูกาล เพียง 2,500.- บาท (จากปกติ 3,990 บาท )พร้อมชมฟรี beIN Sports 3 เดือน (90 วัน) หรือสมัคร 3 ฤดูกาล เพียง 7,000.- บาท (จากปกติ 11,970 บาท) สมัครด่วน!! วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2565 เท่านั้น

2. ทรูมูฟ เอช ดูบอลสด ผ่านมือถือ สะดวก สบาย ดูบอลได้ทุกที่ ทุกเวลา

– ดูฟรี! ครบ 380 แมตช์ ตลอดฤดูกาล เพียงเปิดเบอร์ใหม่ หรือย้ายค่าย แบบรายเดือน แพ็กเกจ 5G Ultra Max Speed 1,199 บาทต่อเดือน เล่นเน็ตไม่อั้น เต็มสปีด โทรฟรีไม่อั้นในเครือข่าย โทรนอกเครือข่าย 350 นาที Wi-Fi ฟรีไม่จำกัด

– แพ็กเกจเสริม ดูฟุตบอล ทรูพรีเมียร์ลีก ครบทุกแมตซ์ ตลอดฤดูกาล สำหรับลูกค้าทรูมูฟเอช แบบรายเดือนและเติมเงิน ราคา 2,700 บาท พิเศษ!ราคา Early Bird เพียง 2,200 บาทเท่านั้น เมื่อสมัครภายใน 31 ก.ค.นี้ 

– แพ็กเกจเสริมดูฟุตบอล ทรูพรีเมียร์ลีก พร้อมเน็ตดูทรูไอดีไม่อั้น แบบ 30 วัน ราคา 399บาท, แบบ 7 วัน ราคา 219 บาท

– สิทธิพิเศษ! ลูกค้าทรูมูฟ เอชทั้งแบบรายเดือน และเติมเงิน ทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าปัจจุบัน ดูฟรี ทีมโปรด บนมือถือ ครบทุกแมตช์ ตลอดฤดูกาล (ก็คือ 38 นัดตามทีมโปรด) ผ่านแอปทรูไอดี กับแพ็กเกจทรูอันล็อก ลูกค้าทรูมูฟ เอช รับสิทธิ์ กด *555*56# โทรออก (และติดตามรายละเอียดการเลือกทีมโปรด ได้บนแอปทรูไอดี ส.ค. นี้) มาเป็นลูกค้าทรูมูฟเอชแบบเติมเงินง่ายๆ แค่เปิดซิมใหม่ “ซิมทรูไอดี” เพียง 49.- บาท หรือเปิดซิมรายเดือนแพ็กเกจ 299 บาทขึ้นไป

3. ทรูออนไลน์ ทางเลือกเพื่อการรับชมบนจอทีวี กับไลฟ์สไตล์แบบ OTT ยุคปัจจุบัน

– แพ็กเกจ True Gigatex Fiber 999 บาทต่อเดือน ดูฟรี สดครบทุกแมตช์ มาพร้อมเน็ตบ้านไฟเบอร์1000/500Mbps, ซิมทรูมูฟ เอช 15GB 60 นาที, อุปกรณ์เราเตอร์อัจฉริยะ และ อุปกรณ์กระจายสัญญาณ Gigatex Mesh WiFi, กล่องทรูไอดีทีวี พร้อมดูฟรี TrueID+ 24 เดือน (สำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช รับส่วนลด 200 บาท สมัครราคาพิเศษเพียง 799 บาทต่อเดือน)

– แพ็กเกจ True Gigatex Unlock TV เริ่มเพียง 599 บาทต่อเดือน ดูฟรีทีมโปรด สด ครบทุกแมตช์ ปลด
ล็อกทุกแมตช์ทีมโปรด ตลอดฤดูกาล (ฟรี! 38 นัดเกาะติดทีมรัก) และความบันเทิงทั้งหนังดัง ซีรีส์ฮิต อนิเมะ สารคดีดังระดับโลก คมชัดบนทีวี และดูได้ทุกที่ผ่านมือถือ พร้อมความเร็วเน็ตบ้าน 1000/300Mbps, กล่องทรูไอดีทีวี พร้อมซิมทรูมูฟ เอช 2 ซิม

4. ทรูไอดี เริ่มเพียง 179 บาทต่อวันเท่านั้น ไม่จำกัดค่ายก็รับชมได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และกล่องทรูไอดี ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการเชื่อมต่อเพื่อรับชมโดยใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต ดังนั้นหากใช้กล่องทรูไอดี ควบคู่ไปกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทรูออนไลน์ แพ็คเกจต่าง ๆ (ตามข้อ 3 ข้างต้น) ก็จะได้รับประโยชน์สูงสุด แต่ทว่าหากไม่สะดวกก็สามารถเลือกค่ายได้ตามต้องการ แต่ราคาค่าบริการจะแพงกว่านะคะ

ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ ภาพรวมช่วยให้เพื่อน ๆ คอบอลไปเสาะแสวงหาช่องทางเพื่อติดตาม และรับชมทีมโปรดผ่านลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกได้ในรูปแบบวิธีตามถนัดของตัวเอง

อย่างไรก็ดี ในฐานะแฟนบอลผู้ชาญฉลาด (Smart Supporters) การเจาะศึกษาข้อมูลโปรโมชั่นที่ “กลุ่มทรู” มีอยู่มากมาย กับคอนเทนท์ที่มากมาย (มากกว่าแค่ พรีเมียร์ลีก แต่เป็นแทบทุกลีก และทุกประเภทกีฬาหลัก รวมถึงภาพยนตร์, สารคดี, การ์ตูน ฯลฯ) เพื่อตอบโจทย์การรับชมส่วนตัว หรือครอบครัว หรือที่พักอาศัย หรือตามไลฟ์สไตล์ คือ สิ่งที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุด และอรรถรสดีที่สุดในการติดตามพรีเมียร์ลีก เช่น การ unlock (ทรู ออนไลน์ หรือทรูมูฟ เอช) หรือ season pass ราคาพิเศษ 1 หรือ 3 ฤดูกาลรวด ไปจนถึง “เต็มแมกซ์” ไม่พลาดอะไรแน่นอนกับ ทรู วิชั่นส์ แพลตินัม เอชดี ที่จะได้รับชมความคมชัดในแมตช์ หรือคอนเทนท์พิเศษถึงระดับ 4K ด้วยซ้ำไป

สุดท้าย หวังว่า ข้อมูลครั้งนี้จะช่วยทุกคนได้บ้าง และแน่นอนว่า ขอให้สนุกที่สุดกับพรีเมียร์ลีก ซีซั่นใหม่ 2022/23 กันถ้วนหน้าค่ะ

📝ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Football Business

“ลิเวอร์พูล” กับการไปต่ออีก 4 ปี ของ “สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด”

ในช่วงปลายทศวรรษ 1970s ฟุตบอลอังกฤษได้เปิดรับให้มีสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อแข่งขันของสโมสร ซึ่งลิเวอร์พูล ถือเป็นสโมสรแรก ๆ ที่นำร่อง และเป็นภาพจำในแต่ละยุคสมัย

ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเรื่องสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อรายเดิมที่กำลังจะหมดสัญญา และมีการเจรจากับหลายราย แต่ในที่สุด “สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด” ยังอยู่กับลิเวอร์พูลไปอีก 4 ปี

เรื่องราวของ “หงส์แดง” กับสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กับการไปต่อของ “สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด” วันนี้ SoccerSuck x ไข่มุกดำ จะมาขยายให้ฟังกันครับ

โลกฟุตบอลยุคเก่าถูกทำลายล้าง

24 มกราคม 1976 “เคทเทอริ่ง ทาวน์” สโมสรแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองผู้ดี ที่มีสปอนเซอร์บนเสื้อแข่ง โดยสวมเสื้อที่มีคำว่า “Kettering Tyres” ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจศูนย์บริการยางรถยนต์ อยู่บนหน้าอกลงแข่งขัน

แต่ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ สั่งให้เคทเทอริ่ง ทาวน์ เอาสปอนเซอร์ “Kettering Tyres” ที่อยู่บนหน้าอกเสื้อออกไป เนื่องจากในเวลานั้น ยังไม่มีกฎที่อนุญาตให้ทีมฟุตบอลมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน

ทางเคทเทอริ่ง ทาวน์ ก็พยายามที่จะเลี่ยงบาลี เปลี่ยนเป็น “Kettering T” ที่มาจากคำว่า Town แต่ทางเอฟเอบอกว่า จะปรับเงิน 1,000 ปอนด์ ถ้ายังฝ่าฝืนกฏ สุดท้ายแล้วเคทเทอริ่ง ทาวน์ ก็ยอมเอาออกแต่โดยดี

หลังจากเคสของเคทเทอริ่ง ทาวน์ ผ่านไปไม่นาน ดาร์บี้ เคาน์ตี้ สโมสรในดิวิชั่น 1 กับโบลตัน วันเดอเรอร์ส ทีมระดับดิวิชั่น 2 ตัดสินใจทำหนังสือไปยังเอฟเอ เพื่อขอให้มีสปอนเซอร์ทางธุรกิจ ไปอยู่บนเสื้อแข่งขัน

ที่สุดแล้ว ในเดือนมิถุนายน 1977 เอฟเอจึงอนุมัติให้สโมสรฟุตบอลมีสปอนเซอร์อยู่บนเสื้อได้ แต่ได้เพิ่มเงื่อนไขว่า ถ้ามีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ห้ามสวมชุดแข่งที่มีสปอนเซอร์บนหน้าอกลงแข่งขันโดยเด็ดขาด

ซึ่งสโมสรแรกในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ที่ประเดิมสวมชุดแข่งขันที่มีสปอนเซอร์อยู่บนหน้าอก คือ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในฤดูกาล 1977/78 โดยมี “SAAB” บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสวีเดน เป็นผู้สนับสนุน

ย้อนรอยสปอนเซอร์บนเสื้อ “หงส์แดง”

ลิเวอร์พูล ได้เริ่มสวมเสื้อที่มีสปอนเซอร์อยู่บนหน้าอก ลงแข่งขันในแมตช์อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เมื่อปี 1979 ซึ่งรายชื่อแบรนด์สินค้าทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีดังนี้

👉 Hitachi (1979-1982) : บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังของญี่ปุ่น สปอนเซอร์รายแรกที่อยู่บนหน้าอกเสื้อชุดแข่งของลิเวอร์พูล ในยุคที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างความรุ่งเรือง ช่วงปลายยุค 1970s ถึงต้นยุค 1980s

👉 Crown Paints (1982-1988) : บริษัทผลิตสีทาบ้านจากอังกฤษ เข้ามาเป็นสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อ ช่วงที่ลิเวอร์พูลยังครองความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง ในปีแรกแยกเป็น 2 บรรทัด แต่หลังจากนั้นยุบเหลือบรรทัดเดียว

👉 Candy (1988-1992) : ไม่ได้เกี่ยวกับลูกอม แต่เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากอิตาลี อยู่บนหน้าอกเสื้อในช่วงที่ลิเวอร์พูล เข้าสู่ช่วงท้ายๆ ของความยิ่งใหญ่ในยุค “บูทรูม สต๊าฟฟ์” ก่อนที่จะเผชิญกับขาลง

👉  Carlsberg (1992-2010) : แบรนด์เครื่องดื่มจากประเทศเดนมาร์ก ถึงแม้ในช่วงเวลานั้น ลิเวอร์พูลได้ห่างหายแชมป์ลีกสูงสุดเป็นเวลานาน แต่สปอนเซอร์รายนี้ก็ยังจงรักภักดีกับสโมสรยาวนานถึง 18 ปี

👉 Standard Chartered (2010-ปัจจุบัน) : ธนาคารชื่อดังระดับโลก ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ในยุคที่ลิเวอร์พูล ค่อย ๆ กลับคืนสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง โดยเฉพาะยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่คว้าแชมป์รายการใหญ่ 6 โทรฟี่

สปอนเซอร์หน้าอกเสื้อแข่งขัน ถือเป็นสิ่งที่บันทึกเรื่องราวในแต่ละช่วงเวลาของสโมสรฟุตบอลนั้น ๆ ว่า ได้ผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้าง ซึ่งทั้งสปอนเซอร์และสโมสร ต่างก็ได้รับผลประโยชน์ร่วมกันตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

ตัดสินใจต่อสัญญากับเจ้าเดิมอีก 4 ปี

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีรายงานว่า ลิเวอร์พูลพยายามเจรจากับบริษัทคริปโตเคอเรนซี่ เพื่อมาเป็นสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อของสโมสรรายใหม่ แทนที่รายเดิมที่จะหมดสัญญาในปีหน้า

แต่ในที่สุด ยักษ์ใหญ่แห่งเมอร์ซีย์ไซด์ทีมนี้ ตัดสินใจต่อสัญญากับธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกไปอีก 4 ปี มีผลถึงปี 2027 คาดว่าได้รับเงินปีละ 50 ล้านปอนด์ รวมทั้งสิ้น 200 ล้านปอนด์

บิลล์ วินเทอร์ส ซีอีโอของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด กล่าวว่า “ตอนที่เราเริ่มสนับสนุนลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ปี 2010 นึกไม่ถึงเลยว่าลิเวอร์พูลจะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือกันต่ออีก 4 ปี”

ขณะที่ บิลลี่ โฮแกน ซีอีโอของลิเวอร์พูล กล่าวว่า “การเข้ามาสนับสนุนของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จทั้งในและนอกสนามช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และเราหวังว่าจะได้ร่วมกันสนับสนุนแฟน ๆ ต่อไป”

ส่วนประเด็นที่มีการเจรจากับบริษัทคริปโตเคอเรนซี่ ในการเป็นสปอนเซอร์ใหม่นั้น โฮแกนมองว่า วงการคริปโตเคอเรนซี่ ยังไม่มีการควบคุมที่ชัดเจน และมีความเสี่ยงสูง จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะเจรจาเรื่องนี้

“สำหรับคริปโตเคอเรนซี่แล้ว มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างกว้าง มีองค์ประกอบต่างๆ มากมาย ที่อยู่ในนั้น มันยังเป็นเรื่องใหม่ เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ซึ่งตอนนี้กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

“ผมไม่ได้พูดว่า จะไม่สนใจอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ แต่ผมคิดว่ามันยังไม่ใช่ตอนนี้ ถ้าในอนาคตได้พบกับพันธมิตรที่เหมาะสมในอุตสาหกรรมนั้น ผมจะดูเรื่องนี้อย่างแน่นอน” โฮแกน กล่าวปิดท้าย

การมีสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อ นอกจากจะเป็นการหารายได้เข้าสู่สโมสรแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยให้แฟนฟุตบอลจดจำ และกลายเป็นภาพที่ติดตาจนไม่สามารถลบเลือนออกจากความทรงจำของแฟนฟุตบอลได้

เรียบเรียง: จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://sportslens.com/news/on-this-day-jan-24/

https://www.liverpoolfc.com/news/history-liverpools-shirt-sponsors

https://theathletic.com/3422768/2022/07/14/liverpool-standard-chartered-crypto/

Categories
Football Business

เปิดเบื้องหลังชื่อสนามเหย้า 20 ทีมลาลีกา 2022/23

เหตุผลของการตั้งชื่อสนามฟุตบอลของแต่ละสโมสรนั้น ก็มีที่มาแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะมาจากชื่อสถานที่ตั้ง, ชื่อบุคคลสำคัญ หรือมีเหตุผลอื่นๆ ที่แปลกประหลาด ทำเอาหลายคนคาดไม่ถึง

อย่างเช่นเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า และอัลเมเรีย ได้เปลี่ยนแปลงชื่อสนามแข่งขัน เพื่อต้อนรับการแข่งขันลาลีกา 2022/23 ที่กำลังจะเริ่มขึ้น ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้

สังเวียนแข้งของบาร์ซ่า เปลี่ยนชื่อเป็น “สปอติฟาย คัมป์ นู” ส่วนชื่อรังเหย้าใหม่ของอัลเมเรีย คือ “เพาเวอร์ ฮอร์ส สเตเดี้ยม” ซึ่งทั้ง 2 สโมสร ต่างเปลี่ยนชื่อด้วยเหตุผลเดียวกันคือเรื่อง “ธุรกิจ”

ลาลีกา ได้นำเรื่องราวเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่ของชื่อสนามเหย้าทั้ง 20 สโมสร ในการแข่งขันซีซั่นใหม่มาฝากกัน เพื่อเป็นเกร็ดความรู้สำหรับแฟน ๆ ลูกหนังลีกสเปน

Descripcion de la juada

อัลเมเรีย – เพาเวอร์ ฮอร์ส สเตเดี้ยม

สนามเหย้าของอัลเมเรีย เดิมมีชื่อว่า “เอสตาดิโอ เด ลอส ฆูเอกอส เมดิเตร์ราเนออส” สร้างขึ้นเมื่อปี 2004 เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติในปีต่อมา และตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022 เป็นต้นไป ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เพาเวอร์ ฮอร์ส สเตเดี้ยม” โดยมาจากชื่อของ “Power Horse” แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังจากประเทศออสเตรีย

แอธเลติก บิลเบา – ซาน มาเมส

“ซาน มาเมส” สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1913 ก่อนทุบทิ้งในปี 2010 จากนั้นได้สร้างสนามใหม่ทดแทน และเปิดใช้งานในปี 2013 หรือ 100 ปี หลังจากสร้างสนามแห่งแรก สำหรับชื่อของ “ซาน มาเมส” นั้น มีที่มาจากชื่อของ San Mamés (Saint Mammes) ซึ่งเป็นนักบุญไบแซนไทน์ และเป็นชื่อของโบสถ์ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสนามเหย้าของบิลเบา

แอตเลติโก มาดริด – เอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่

“เอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่” สร้างขึ้นเมื่อปี 1990 แต่ได้ถูกใช้เป็นสนามเหย้าของแอต. มาดริด มาตั้งแต่ปี 2017 แทนที่ บิเซนเต้ กัลเดร่อน รังเหย้าแห่งเดิม พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่” ตามชื่อของ Wanda กลุ่มทุนจากประเทศจีนที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ ส่วนชื่อ “Metropolitano” คือชื่อสนามเหย้าแห่งแรกของสโมสร

บาร์เซโลน่า – สปอติฟาย คัมป์ นู

นี่คือครั้งแรกในรอบ 65 ปี ที่บาร์เซโลน่า ได้มีการเปลี่ยนชื่อสนามเหย้าจาก “คัมป์ นู” มาเป็น “สปอติฟาย คัมป์ นู” โดยชื่อ สปอติฟาย (Spotify) มาจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชื่อดังของประเทศสวีเดน ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ใหม่ให้กับสโมสร เพื่อนำเงินทุนไปดำเนินโครงการ Espai Barca ในการปรับปรุงสนามเหย้า และพื้นที่โดยรอบ

เรอัล เบติส – เอสตาดิโอ เบนิโต บียามาริน

ชื่อสนามเหย้าของเบติส มาจากชื่อของ “เบนิโต บียามาริน” อดีตประธานสโมสรที่ดำรงตำแหน่งในช่วงระหว่างปี 1955 – 1965 และเคยเปลี่ยนชื่อมาเป็น “เอสตาดิโอ มานูเอล รุยซ์ เด โลเปร่า” ตามชื่อของมานูเอล รุยซ์ เด โลเปร่า ที่เข้ามาเป็นประธานสโมสรในช่วงปี 1997 – 2010 แต่ในภายหลัง แฟนบอลของสโมสรได้ลงมติโหวตให้กลับไปใช้ชื่อเดิมอีกครั้ง

กาดิซ – เอสตาดิโอ นูเอโบ มิรันดิลย่า

เดิมมีชื่อว่า “เอสตาดิโอ ราม่อน เด การ์รันซ่า” เป็นชื่อของอดีตนายกเทศมนตรีเมืองกาดิซ ก่อนที่ในปี 2021 แฟนบอลของสโมสร ได้เสนอให้มีการเปลี่ยนชื่อสนามเหย้าใหม่ ผลปรากฏว่า ชื่อที่ได้รับการโหวตมากที่สุด คือ “เอสตาดิโอ นูเอโบ มิรันดิลย่า” ซึ่งมาจาก “Mirandilla” ชื่อสโมสรในอดีต ก่อนเปลี่ยนเป็นกาดิซในปัจจุบัน

เซลต้า บีโก้ – อาบังก้า บาลาอิโดส

สนามเหย้าของเซลต้า บีโก้ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำลากาเรส (Lagares) สร้างขึ้นเมื่อปี 1924 โดยบริษัท Stadium de Balaídos ซึ่งกลายมาเป็นชื่อสนามของสโมสรในเวลาต่อมา จนกระทั่งในปี 2018 ABANCA สถาบันการเงินของประเทศสเปน ได้เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ ทำให้ชื่อสนามในปัจจุบัน มีชื่อว่า “อาบังก้า บาลาอิโดส”

เอลเช่ – เอสตาดิโอ มาร์ติเนซ บาเยโร่

สนาม “เอสตาดิโอ มาร์ติเนซ บาเยโร่” มาจากชื่อของ มานูเอล มาร์ติเนซ บาเยโร่ อดีตประธานสโมสรเอลเช่ (ผู้ล่วงลับ) สร้างขึ้นในปี 1976 และถูกใช้ในการแข่งขันรายการใหญ่อย่างฟุตบอลโลก 1982 มาแล้ว นอกจากนี้ ยังได้รับเลือกจากแฟนฟุตบอลลาลีกา ให้รับรางวัลสนามฟุตบอลที่ดีที่สุด ในฤดูกาล 2013/14

เอสปันญ่อล – อาร์ซีดีอี สเตเดี้ยม

สร้างขึ้นเมื่อปี 2009 เริ่มแรกใช้ชื่อว่า “เอสตาดี้ คอร์เนลล่า-เอล ปราต” เนื่องจากที่ตั้งของสนาม อยู่ระหว่างย่าน Cornellà  กับ El Prat ต่อมาเปลี่ยนเป็น “พาวเวอร์ เอท สเตเดี้ยม” (Power8 Stadium) จนกระทั่งในปี 2016 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “อาร์ซีดีอี สเตเดี้ยม” ซึ่งมาจากตัวอักษร 4 ตัวแรกของชื่อสโมสร “RCD Espanyol”

เกตาเฟ่ – โคลิเซียม อัลฟอนโซ เปเรซ

สนาม “โคลิเซียม อัลฟอนโซ เปเรซ” มาจากชื่อของ อัลฟอนโซ เปเรซ อดีตกองหน้าทีมชาติสเปน ยุค 1990s ที่เกิด และเติบโตในย่านเกตาเฟ่ ชานกรุงมาดริด เขาเริ่มต้นจากการเป็นนักเตะเยาวชนของเกตาเฟ่ ต่อมาได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของเรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และเรอัล เบติส แต่ไม่เคยลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของเกตาเฟ่เลยแม้แต่นัดเดียว

กิโรน่า – เอสตาดี้ มอนตีลีบี้

ที่ตั้งของสนาม อยู่ที่ย่าน Montilivi ในเมืองกิโรน่า ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นคาตาลัน และได้กลายมาเป็นชื่อสนาม “เอสตาดี้ มอนตีลีบี้” ในเวลาต่อมา สร้างขึ้นเมื่อปี 1968 ก่อนที่อีก 2 ปีต่อมา สโมสรกิโรน่าได้ย้ายมาใช้สนามแห่งนี้ เป็นรังเหย้า แทนที่สนาม “เอสตาดิโอ วิสต้า อัลเอเกร” ที่ใช้งานมาเกือบ 50 ปี

เรอัล มายอร์ก้า – บิซิต มายอร์ก้า เอสตาดี้

สนามแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี 1999 เพื่อใช้จัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ที่ประเทศสเปน ภายใต้ชื่อ “เอสตาดิโอ เด ซอน โมอิกซ์” ก่อนที่สโมสรฟุตบอลเรอัล มายอร์ก้า จะมารับช่วงต่อ แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 จึงมีการเปลี่ยนชื่อสนามเป็น “บิซิต มายอร์ก้า เอสตาดี้” โดยความร่วมมือของสภาเมืองมายอร์ก้า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

เรอัล มาดริด – เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว

“ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว” เป็นชื่อของอดีตผู้เล่น, อดีตผู้จัดการทีม และอดีตประธานสโมสรของเรอัล มาดริด ความสำเร็จในยุคที่เขาเป็นประธานสโมสรตั้งแต่ปี 1943 จนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1978 คือแชมป์ลาลีกา 16 สมัย และแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 6 สมัย โดยชื่อของเขาได้ถูกนำไปตั้งเป็นชื่อสนามเหย้าของสโมสร ตั้งแต่ปี 1955 เป็นต้นมา

โอซาซูน่า – เอล ซาดาร์

สนาม “เอล ซาดาร์” ของโอซาซูน่า มาจากชื่อของแม่น้ำ “Sadar” ที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งของสโมสร แต่ในช่วงระหว่างปี 2005 – 2011 เคยถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น “เรย์โน เด นาวาร์ร่า” (Reyno de Navarra) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นนาวาร์ (Navarre) ดินแดนปกครองตนเองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศสเปน

ราโย บาเยกาโน่ – เอสตาดิโอ เด บัลเยกาส

ชื่อสนามเหย้าของราโย บาเยกาโน่ มาจากชื่อ “Vallecas” ซึ่งเป็นย่านที่อยู่ในกรุงมาดริด สร้างขึ้นเมื่อปี 1972 และเคยเป็นสถานที่ที่ใช้จัดแสดงคอนเสิร์ตของวง Queen วงดนตรีร็อกชื่อดังจากอังกฤษ ในปี 1986 อย่างไรก็ตาม ในปี 2018 สนามแห่งนี้เคยถูกระงับไม่ให้ใช้งานเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย

เรอัล โซเซียดัด – เรอาเล่ อารีน่า

ชื่อเดิมคือ “เอสตาดิโอ เด อาโนเอต้า” สร้างขึ้นเมื่อปี 1993 หลังจากทุบทิ้งสนามเหย้าเก่า ที่ใช้งานมานานกว่า 80 ปี จนกระทั่งในปี 2019 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เรอาเล่ อารีน่า” ซึ่งมาจากชื่อของ เรอาเล่ เซกูรอส (Reale Seguros) บริษัทประกันภัยของสเปน ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้กับโซเซียดัด

เซบีย่า – เอสตาดิโอ รามอน ซานเชซ ปิซฆวน

สนามแห่งนี้ มีที่มาจากชื่อของ “รามอน ซานเชซ ปิซฆวน” อดีตประธานสโมสรเซบีย่า ที่ดำรงตำแหน่งถึง 2 รอบ รอบแรกช่วงปี 1932 – 1941 และอีกรอบในปี 1948 – 1956 สนามแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1958 หรือ 2 ปีหลังจากรามอน ซานเชซ ปิซฆวน เสียชีวิต และได้นำชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อสนามเหย้า เพื่อเป็นเกียรติให้กับเขา

บาเลนเซีย – เมสตาย่า

ชื่อรังเหย้าของบาเลนเซีย มาจากชื่อคลองเมสตาย่า (Mestalla) ที่ติดอยู่ทางด้านทิศใต้ของสนาม ในสมัยก่อนแฟนบอลต้องกระโดดข้ามคลองเพื่อไปที่สนาม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “หลยุส์ คาสโนว่า” ตามชื่อของประธานสโมสรที่เข้ามาบริหารในช่วงปี 1969 ถึง 1994 แต่หลังจากนั้นก็กลับไปใช้ชื่อ “เมสตาย่า” ตามเดิม

เรอัล บายาโดลิด – เอสตาดิโอ โฆเซ่ โซรีย่า

ชื่อสนามเหย้าของเรอัล บายาโดลิด มาจากชื่อของ โฆเซ่ โซรีย่า อี โมรัล (José Zorrilla y Moral) กวีชาวเมืองบายาโดลิด ผู้มีผลงานการประพันธ์ไว้มากมาย จนได้รับรางวัลระดับประเทศ และเหรียญเชิดชูเกียรติในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา สนามแห่งนี้ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสังเวียนจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 1982 ที่สเปนเป็นเจ้าภาพ

บียาร์เรอัล – เอสตาดิโอ เด ลา เซรามิก้า

เดิมใช้ชื่อว่า “เอล มาดริกัล” และในปี 2017 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เอสตาดิโอ เด ลา เซรามิก้า” สำหรับชื่อสนามในปัจจุบัน มีที่มาจากอุตสาหกรรมเซรามิค ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของท้องถิ่น รวมทั้งสนามเหย้าของบียาร์เรอัล ถูกตกแต่งด้วยเซรามิคสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำสโมสร ดูโดดเด่นสะดุดตาอีกด้วย

บริบทของฟุตบอล ไม่ได้มีเพียงแค่การแข่งขันในสนามเท่านั้น แต่ผูกติดกับประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนถึงตัวตนของสโมสรนั้นๆ ด้วย นี่คือสิ่งที่แฟนฟุตบอลต้องรู้จัก และเข้าใจความเป็นท้องถิ่นให้มากขึ้น

Categories
Football Business

พรี-ซีซั่น 2022 : เรื่องเงินๆ ทองๆ ของยักษ์ใหญ่ลีกยุโรป

หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กินเวลามากว่า 2 ปี ทำให้สโมสรฟุตบอลชั้นนำจากยุโรป ต้องงดการเดินทางไปเตะอุ่นเครื่อง “พรี-ซีซั่น” ที่ต่างประเทศเป็นการชั่วคราว

ต่อมาเมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้นตามลำดับ ดูเหมือนว่าบรรดาทีมลูกหนังยักษ์ใหญ่ ต่างมีแผนที่จะกลับมาเตะอุ่นเครื่องนอกยุโรป เพื่อหวังชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งการตะลอนทัวร์เพื่อเตะอุ่นเครื่องในปีนี้ มีเกม “บิ๊กแมตช์” ระดับโลก เกิดขึ้นถึง 2 แมตช์ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน คือศึก “แดงเดือด” ในประเทศไทย กับ “เอล กลาซิโก้” ที่สหรัฐอเมริกา

เกมพรี-ซีซั่นในต่างแดนของลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า หรืออื่น ๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อย่างไร วันนี้ SoccerSuckไข่มุกดำ จะมาขยายให้ฟังกันครับ

เปิดตำนาน “แดงเดือด” นอกเมืองผู้ดี

ลิเวอร์พูล กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเจอกันที่ไหน ถือว่าเป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่ สมกับเป็นคู่ปรับที่แย่งชิงความสำเร็จมาตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้ 2 ทีมคู่ปรับตลอดกาล เคยพบกันนอกเกาะอังกฤษมาแล้ว 3 ครั้ง

ครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อปี 1983 ในเกมอุ่นเครื่อง “เทสติโมเนียล แมตช์” ให้บิลลี่ เดรนแนน เลขาธิการสมาคมฟุตบอลไอร์แลนด์ โดยจัดแข่งที่ประเทศไอร์แลนด์เหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายชนะ 4 – 3

ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2014 ในรายการอินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพหรือ “ไอซีซี คัพ” ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ทั้งคู่พบกันในรอบชิงชนะเลิศ ปิศาจแดง เอาชนะได้อีกครั้ง ด้วยสกอร์ 3 – 1

ส่วนครั้งที่ 3 เกิดขึ้นในปี 2018 ในรายการไอซีซี คัพ เช่นเดียวกัน ที่รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางผู้ชมกว่า 1 แสนคน คราวนี้เป็นฝ่ายหงส์แดง ที่ล้างแค้นได้สำเร็จ เอาชนะไป 4 – 1

สำหรับเกมพรี-ซีซั่น “แดงเดือด” ครั้งที่ 4 ศึกอุ่นเครื่องรายการพิเศษ “เดอะ แมตช์ แบงค็อก เซ็นจูรี่ คัพ 2022” ในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ เป็นการพบกันนอกเมืองผู้ดีครั้งแรกในประเทศไทย และทวีปเอเชีย

และหลังจากจบแมตช์ที่กรุงเทพมหานคร ลิเวอร์พูลจะเดินทางต่อไปที่สิงคโปร์, เยอรมัน และออสเตรีย ขณะที่ยูไนเต็ด จะไปต่อที่ออสเตรเลีย และนอร์เวย์ ก่อนที่จะกลับสู่ประเทศอังกฤษ

ขอบคุณภาพ https://web.facebook.com/manchesterunited

ย้อนรอย “เอล กลาซิโก้” ในต่างแดน

ทางด้านเรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า 2 ทีมยักษ์ใหญ่ของ ลาลีกา สเปน ก็เคยมีประวัติศาสตร์การพบกันในเกมอุ่นเครื่อง “พรี-ซีซั่น” นอกแดนกระทิงดุมาแล้ว 3 ครั้ง เท่ากับศึกแดงเดือดนอกอังกฤษ

ครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อปี 1982 ในรายการพิเศษ “เวเนซูเอล่า คัพ” อุ่นเครื่องก่อนฟุตบอลโลก ที่ประเทศเวเนซูเอล่า รอบชิงอันดับ 3 เรอัล มาดริด เอาชนะไป 1 – 0 จากประตูชัยของบิเซนเต้ เดล บอสเก้

ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2017 ในรายการอินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพหรือ “ไอซีซี คัพ” ที่สนามฮาร์ด ร็อก สเตเดี้ยม รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เป็นบาร์เซโลน่า ที่เอาชนะด้วยสกอร์ 3 – 2

ส่วนครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในรายการ “สแปนิช ซูเปอร์ คัพ” ที่ประเทศซาอุดีอารเบีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการพบกันในแมตช์อย่างเป็นทางการ ที่จัดขึ้นนอกประเทศสเปนอีกด้วย

เกมในรอบรองชนะเลิศ ที่สนามคิง ฟาฮัด อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ในกรุงริยาดห์ ผลปรากฏว่า “ราชันชุดขาว” ชนะ “เจ้าบุญทุ่ม” 3 – 2 หลังต่อเวลาพิเศษ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ เป็นผู้ยิงประตูชัยในเกมนี้

และในครั้งที่ 4 ของ “เอล กลาซิโก้” นอกแผ่นดินสเปน จะมีขึ้นที่สนามแอลลีเจียนท์ สเตเดี้ยม ในลาส เวกัส สหรัฐอเมริกา วันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ถือเป็นการกลับมาอุ่นเครื่องที่อเมริกาเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี

EL CLÁSICO 2017 at Santiago Bernabéu
ขอบคุณภาพ https://web.facebook.com/fcbarcelona

ทีมบอลยุโรปได้อะไรจาก “พรี-ซีซั่น”

การเดินทางมาเตะอุ่นเครื่องในต่างประเทศ เป็นวิธีหนึ่งในการทำเงิน เพราะนอกจากจะได้ค่าจ้างแล้ว ยังได้ขยายฐานแฟนบอล ทำให้สโมสรเป็นที่รู้จักมากขึ้น ชนิดที่ไม่ต้องประเมินเลยว่าคุ้มค่าหรือไม่

เท่านั้นยังไม่พอ ได้สายสัมพันธ์กับบริษัทระดับชั้นนำในประเทศนั้น ๆ และมีโอกาสได้มาเป็นสปอนเซอร์ให้กับสโมสรในอนาคตเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเหตุผลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ทั้งสิ้น

หลายทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเน้นเไปที่ทวีปเอเชีย ส่วน 2 ยักษ์ใหญ่ลาลีกา สเปน อย่างเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า จะเน้นเจาะตลาดที่สหรัฐอเมริกา ผ่านรายการอุ่นเครื่องไอซีซี คัพ (ปัจจุบันยกเลิกแล้ว)

ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด คือเกมอุ่นเครื่องไอซีซี คัพ เมื่อปี 2014 ระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับเรอัล มาดริด ที่มิชิแกน สเตเดี้ยม สร้างสถิติมีผู้เข้าชมการแข่งขันสูงสุดถึง 109,138 คน

แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และยักษ์ใหญ่บางทีมในยุโรป ได้ค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 2 ล้านปอนด์ ต่อการจัดแข่งขันฟุตบอลพรี-ซีซั่นในต่างประเทศ 1 นัด

แต่เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา ทั่วโลกมีข้อจำกัดในด้านการเดินทางข้ามประเทศ ทำให้ไม่สามารถจัดเกมพรี-ซีซั่นในต่างแดนได้ ส่งผลกระทบกับทีมฟุตบอลที่ต้องสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ไป

มีรายงานว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีรายได้ในรอบปัญชีปี 2020-2021 (สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2021) ลดลงเกือบ 50 ล้านปอนด์ จาก 279 ล้านปอนด์ เหลือ 232.2 ล้านปอนด์ จากผลกระทบโควิด-19

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สโมสรฟุตบอลในปัจจุบัน เป็น “ธุรกิจ” เต็มรูปแบบ โดยเฉพาะบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ ที่พร้อมจะหาเงินทุกทางที่สามารถทำได้ เพื่อนำผลประโยชน์เข้าสู่สโมสรให้ได้มากที่สุด

ขอบคุณภาพ https://web.facebook.com/fcbarcelona

และมุมคนจ่ายสตางค์ คุ้มค่าแค่ไหน ?

การเชิญสโมสรฟุตบอลชื่อดังของยุโรป มาเตะอุ่นเครื่องในประเทศของตัวเอง ผู้ที่จ่ายเงินเป็นลำดับแรก คือ “เจ้าภาพจัดการแข่งขัน” ซึ่งต้องมีทุนหนามากพอในการจ้างทีมเหล่านี้มาแข่งขัน

กรณีของลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มาเตะอุ่นเครื่องในไทย แน่นอนว่า การจ้าง 2 สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ต้องใช้เงินมหาศาล แต่ก็มีการหารายได้มาจากเงินที่เสียไปเช่นเดียวกัน

ซึ่งคุณวินิจ เลิศรัตนชัย ในฐานะผู้จัด “แมตช์แห่งศตวรรษ” ก็ไม่ได้คาดหวังว่าการลงทุนในครั้งนี้จะต้องคืนทุน แต่ที่แน่ ๆ ขื่อของผู้บริหารเฟรชแอร์ เฟสติวัล ได้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ “แฟนบอล” ในฐานะลูกค้าคนสำคัญ ก็พร้อมที่จะจ่ายเงินแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะรู้ดีว่าโอกาสที่จะได้ดูทีมที่ตัวเองรัก นักเตะที่ตัวเองชอบ แบบไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ คงไม่ได้มีบ่อย ๆ

แต่ก็มีนักเตะระดับบิ๊กเนม หรือซูเปอร์สตาร์บางคน ก็เลือกที่จะไม่เดินทางมากับทีม หรือมาด้วยแต่ไม่ขอลงเล่น เพราะมองว่าการไปอุ่นเครื่องต่างแดน อาจส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายก่อนเปิดซีซั่นใหม่

ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีนักเตะระดับดาวดังลงสนามในเกมอุ่นเครื่อง แต่ชื่อ “แบรนด์” ของสโมสรระดับโลก ที่มาแข่งขันในประเทศของตัวเอง ยังไงก็ดึงดูดแฟนบอลให้เข้ามาชมแบบเต็มสนามได้ไม่ยาก

ซึ่งราคาบัตรเข้าชมการแข่งขัน แมตช์ “แดงเดือด” ในไทย ต่ำสุด 5,000 บาท สูงสุด 25,000 บาท ส่วนเกม “เอล กลาซิโก้” ที่อเมริกา ต่ำสุด 9,000 บาท สูงสุด 32,400 บาท โดยประมาณ (1 USD = 36 THB)

เกมอุ่นเครื่องพรี-ซีซั่นในต่างประเทศ ทีมฟุตบอลได้ผลประโยชน์ทางธุรกิจ ส่วนผู้จัดและแฟนบอล ต่างก็คาดหวังว่า การแข่งขันจะมอบความสุขมาให้ โดยที่ไม่ต้องมาคิดเสียดายเงินที่จ่ายไปในภายหลัง

เรียบเรียง: จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://theathletic.com/3392107/2022/07/01/premier-league-preseason-fixture-revenue/

https://www.si.com/soccer/2022/06/10/soccer-champions-tour-real-madrid-barcelona-clasico-las-vegas

https://www.si.com/soccer/2020/07/02/la-liga-north-america-usa-market-tv-deal-barcelona-real-madrid-icc

https://www.sportingfree.com/football/how-much-money-do-clubs-make-during-pre-season/

https://www.totalsportal.com/football/how-much-do-football-clubs-earn-in-the-preseason-tours/

https://www.thenationalnews.com/business/football-s-preseason-season-is-a-major-money-spinner-for-some-1.616477

Categories
Football Business

เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของ “ลิเวอร์พูล” จากกรณีศึกษา “ไตโว อโวนิยี่”

เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวเล็ก ๆ ที่อาจไม่น่าสนใจสำหรับแฟนบอลอังกฤษส่วนใหญ่ยกเว้นสาวกเจ้าป่า น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งกำลังใจจดจ่อกับประเด็นปรับปรุบขุมกำลังต้อนรับการกลับขึ้นมายังลีกสูงสุดนับจากตกชั้นดิวิชั่น 1 (เดิม) เมื่อปี 1999 หรืออาจรวมถึงเดอะ ค็อป บางส่วนที่คลิกอ่านเพราะสะดุดตาคำว่า ex-Liverpool striker บนพาดหัวข่าวหรือท่อนโปรยนำ

กองเชียร์ที่กำลังรอฟอเรสต์ปิดดีลสัญญายืมตัว ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูจอมหนึบของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งน่าจะช่วยให้ทีมมีโอกาสเสียประตูน้อยลง ต่างตื่นเต้นกับข่าวสโมสรสร้างสถิติซื้อผู้เล่นแพงที่สุดขึ้นมาใหม่ด้วยการทุ่มเงิน 17.5 ล้านปอนด์ คว้าตัว ไตโว อโวนิยี่ ศูนย์หน้าไนจีเรียวัย 24 ปีมาจากยูเนี่ยน เบอร์ลิน ทีมอันดับ 5 ในบุนเดสลีกา เพื่อทะลุทะลวงเกมรับท็อปคลาสของคู่แข่งร่วมลีก

อโวนิยี่เป็น “อดีต” สไตรคเกอร์ของลิเวอร์พูลและมีชื่อเป็นสมาชิกคนหนึ่งของแอนฟิลด์ยาวนานหกปี แต่เขาไม่เคยลงเล่นให้หงส์แดงสักนัดแม้กระทั่งเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นก็ยังไม่มีโอกาส เพราะเกือบทันทีหลังซื้อตัวมาจาก อินพีเรียล ซอคเกอร์ อะคาเดมี่ ปลายเดือนสิงหาคม 2015 ลิเวอร์พูลได้ส่งเขาไปให้เอฟเอสเฟา แฟรงค์เฟิร์ต ยืมตัวในซีซั่น 2015-16

และเหมือนสัญญายืมตัวกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่อโวนิยี่ต้องเซ็นชื่อทุกซีซั่น เขาจึงกลายเป็นนักเตะพเนจรย้ายถิ่นทุกปี ไปให้เล่นให้ เอ็นอีซี ไนจ์เมเกน, รัวยา แล็กแซล มูครง, เคเอเอ เกนท์, ไมน์ซ 05 และ ยูเนี่ยน เบอร์ลิน ตามลำดับ

จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนของชีวิตอโวยินี่ เมื่อยูเนี่ยน เบอร์ลิน พอใจผลงานของศูนย์หน้าไนจีเรียระหว่างยืมตัวในซีซั่น 2020-21 จึงตัดสินใจซื้อขาดจากลิเวอร์พูลเป็นเงิน 6.5 ล้านปอนด์ ซึ่งอโวนิยี่ไม่ทำให้ต้นสังกัดผิดหวัง ช่วงสองปีที่ค้าแข้งในเมืองเบียร์ เขาทำผลงาน 25 ประตู 9 แอสซิสต์จาก 65 นัด ไม่มีเพื่อนร่วมทีมคนไหนทำสกอร์ได้มากเท่าเขาในช่วงเวลานั้น

ศึกลูกหนังบุนเดสลีกา ฤดูกาล 2021-22 ที่ผ่านมา อโวนิยี่ส่งลูกหนังซุกก้นตาข่าย 15 ประตูจาก 31 นัด แถมยังถูกเรียกตัวติดทีมชาติไนจีเรีย 4 นัด ทำ 1 ประตูนับตั้งแต่ประเดิมยูนิฟอร์มอินทรีมรกตในเดือนตุลาคม 2021 ซึ่งด้วยฟอร์มร้อนแรง เขาจึงถูกดึงให้เป็นชิ้นส่วนหนึ่งในการสร้างทีมของ สตีฟ คูเปอร์ กุนซือเวลส์วัย 42 ปี ด้วยค่าตัวที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์น็อตติงแฮม ฟอเรสต์

ฤดูกาลหน้า อโวนิยี่จะได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองบนสังเวียนพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก และแน่นอนจะได้เผชิญหน้ากับทีมเก่า ลิเวอร์พูล ในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคมที่สนามซิตี้ กราวน์ เป็นนัดแรก

สไตล์การเล่นของอโวยินี่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ราชิดี เยกินี่ ตำนานผู้ทำประตูรวมได้มากที่สุดตลอดกาลของไนจีเรีย ขณะที่ เยอร์เกน คล็อปป์ ก็เคยชื่นชมการยิงที่เฉียบคมและพละกำลังของศูนย์หน้าวัย 24 ปีจากกาฬทวีปรายนี้

“หงส์แดง” ทำเงินเฉียดแปดล้านปอนด์จากนักเตะที่ไม่เคยใช้งาน

หาก ไตโว อโวนิยี่ เป็นการลงทุนก็ถือว่าสร้างผลกำไรงามให้กับลิเวอร์พูลถึงแม้ไม่เคยถูกใช้งานในฐานะนักเตะเลยสักนัดเดียว เชื่อหรือไม่ว่า “เดอะ เรดส์” มีรายได้เข้ากองคลังเกือบ 8 ล้านปอนด์จากศูนย์หน้าไนจีเรียผู้นี้

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ขณะอายุ 13 ปี อโวนิยี่ได้รับตำแหน่งเอ็มวีพีหรือผู้เล่นทรงคุณค่าของการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนรายการหนึ่งที่กรุงลอนดอน ซึ่งมี โคคา-โคลา เป็นสปอนเซอร์ บวกกับฟอร์มฉายแววจึงถูกเชิญเข้าร่วมฝึกซ้อมและลงแข่งขันให้กับ อินพีเรียล ซอคเกอร์ อะคาเดมี่

อีกห้าปีต่อมา อโวนิยี่เซ็นสัญญาอาชีพกับลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2015 หลังจากหงส์แดงเคาะราคาซื้อจากอิมพีเรียล ซอคเกอร์ อะคาเดมี่ เป็นเงินประมาณ 400,000 ปอนด์ แต่ถูกปล่อยให้ เอฟเอสเฟา แฟรงค์เฟิร์ต ยืมตัวทันที และคล้อยหลังไม่กี่เดือน เยอร์เกน คล็อปป์ ได้เข้ามาเริ่มงานผู้จัดการทีมในแอนฟิลด์

ตลอดหกฤดูกาล อโวนิยี่ต้องไปเล่นที่อื่นด้วยสัญญายืมตัวทั้งหมด 6 สโมสรไม่ซ้ำกัน ก่อนยูเนี่ยน เบอร์ลิน ขอซื้อขาดในราคา 6.5 ล้านปอนด์ ทำกำไรให้กับลิเวอร์พูลถึง 6.1 ล้านปอนด์ แต่ “ดิ ไอรอน วันส์” ใช้งานศูนย์หน้าไนจีเรียแค่ปีเดียวก็ขายต่อให้น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 17.5 ล้านปอนด์ ฟันกำไรเหนาะ ๆ 11 ล้านปอนด์ แต่สโมสรต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปให้ลิเวอร์พูล

ส่วนหนึ่งในสัญญาเมื่อปี 2021 ระหว่างลิเวอร์พูลกับยูเนี่ยน เบอร์ลิน เป็นเงื่อนไขส่วนแบ่งการขายหรือ Sell-on Clause ทำให้สโมสรเมืองเบียร์ต้องแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ของค่าตัวที่ขายได้ให้กับทีมหงส์แดง ซึ่งเท่ากับ 1.75 ล้านปอนด์นั่นเอง

นั่นเท่ากับว่า ลิเวอร์พูลได้เงินจากอโวยินี่ทั้งทางตรงทางอ้อมรวมกัน 7.85 ล้านปอนด์ ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากการปล่อยยืมให้กับ 6 สโมสรเข้าไปด้วย ลิเวอร์พูลสามารถนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อนักเตะดาวรุ่งแววดีที่ผ่านการพิสูจน์ผลงานแล้วได้หนึ่งคน หรือเก็บสะสมเพื่อเอาไปทุ่มซื้อ จู้ด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ว่าที่ซูเปอร์สตาร์ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในตลาดซัมเมอร์รอบหน้าก็ยังได้

เงื่อนไข “เซลล์-ออน” แหล่งรายได้ส้มหล่นของเหล่าสโมสรเล็ก

เซลล์-ออน มักเป็นแหล่งรายได้ของสโมสรเล็ก ๆ จากการขายนักเตะที่พวกเขามองว่าน่าจะไปได้ไกลในอนาคต ตัวอย่างที่เกิดขึ้นประมาณสองปีที่แล้วกับ แมทท์ โดเฮอร์ตี้ ฟูลแบ็คชาวไอริช ซึ่งย้ายจากวูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ไปอยู่กับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2020 ด้วยค่าตัวระหว่าง 18-21 ล้านปอนด์หลังจากเล่นให้กับวูลฟ์สยาวนานหนึ่งทศวรรษ ลงสนาม 260 นัด

วูลฟ์แฮมป์ตันค้นพบโดเฮอร์ตี้ระหว่างเตะอุ่นเครื่องปรีซีซั่นกับ โบฮีเมี่ยนส์ เอฟซี ทีมในลีกไอร์แลนด์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2010 แม้โดเฮอร์ตี้ไม่เคยเล่นทีมชุดใหญ่ของโบฮีเมี่ยนส์เลยสักนัด แต่ถูกเรียกตัวเข้ามาทดสอบฝีเท้าและได้เซ็นสัญญาสองปีกับทีมหมาป่า ซึ่งจ่ายค่าตัวให้ต้นสังกัดไปครั้งนั้น 75,000 ปอนด์

โดเฮอร์ตี้ย้ายไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับวูลฟ์สและแฟนบอลโบฮีเมี่ยนส์อาจลืมชื่อเขาไปแล้วจนกระทั่งตกเป็นข่าวย้ายไปทีมสเปอร์สด้วยค่าตัว 18-21 ล้านปอนด์ เนื่องจากสัญญาเมื่อสิบปีที่แล้วระหว่างโบฮีเมี่ยนส์กับวูลฟ์สมีเงื่อนไขเซลล์-ออน 10เปอร์เซ็นต์รวมอยู่ด้วย ทำให้โบฮีเมี่ยนส์รับส่วนแบ่งไป 1.8-2.1 ล้านปอนด์ ซึ่งจำนวนอาจดูเล็กน้อยแต่มันคือรายได้ก้อนใหญ่มากของสโมสรไอริชแห่งนี้ที่มีแฟนบอลเป็นเจ้าของ และเมื่อปี 2016 มีรายได้รวมทั้งปีแค่ 945,000 ปอนด์ (ยังไม่หักหนี้สิน)

ยังมีสโมสรเล็กๆอีกหลายทีมที่ได้รับประโยชน์จากเงินส่วนแบ่งการขายอย่างเช่นเมื่อครั้ง อายเมริค ลาปอร์เต้ เซ็นเตอร์แบ็คชาวฝรั่งเศส ย้ายจากแอธเลติค บิลเบา ไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2018 ด้วยค่าตัว 57 ล้านปอนด์

ขณะอายุ 12 ปี ลาปอร์เต้เข้าร่วมทีมเยาวชนอะคาเดมี่ของ อาแฌ็ง ซึ่งแข่งขันในดิวิชั่น 8 ของลีกฝรั่งเศส และใช้เวลาที่นั้นนานสี่ปีก่อนย้ายไปอยู่กับอะคาเดมี่ของแอธเลติก บิลเบา เมื่อปี 2010 ด้วยวัย 16 ปี โดยอาแฌ็งจะได้รับส่วนแบ่ง 1เปอร์เซ็นต์ของการขยายลาปอร์เต้ในอนาคต

เซ็นเตอร์แบ็คดาวรุ่งจากเมืองน้ำหอมสามารถแจ้งเกิดได้สำเร็จบนแผ่นดินกระทิงดุ ลาปอร์เต้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ของบิลเบาระหว่างปี 2012-2018 ลงสนาม 116 นัด ก่อนถูกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซื้อตัวไปในตลาดหน้าหนาวปี 2018 ด้วยราคา 57 ล้านปอนด์ ทำให้เงินเกือบหกแสนปอนด์ถูกโอนเข้าบัญชีของอาแฌ็ง ช่วยให้สโมสรรอดพ้นจากการล้มละลายได้

“หงส์แดง” ลุ้นรอรับเงินจาก “เซลล์-ออน” ในสัญญาอีกหลายราย

เซลล์-ออน ไม่ได้คำนวณจากเปอร์เซ็นต์ของเงินขายนักเตะเท่านั้น แต่อาจคิดจากผลกำไรได้อีกด้วยอย่างเช่น ดาร์วิน นูนเยซ กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติอุรุกวัยที่เพิ่งย้ายไปอยู่ลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวเมื่อรวมเงื่อนไขแอด-ออนแล้วตก 85 ล้านปอนด์ เคยมีเงื่อนไขเซลล์-ออนที่กำหนดว่า เบนฟิก้าต้องจ่าย 20 เปอร์เซ็นต์ของกำไรการขายให้กับ อัลเมเรีย ต้นสังกัดเก่าของนูนเยซในสเปนก่อนย้ายเข้าเบนฟิก้าเมื่อปี 2020 

สัญญาซื้อขายนักฟุตบอลก็คือเอกสารทางกฎหมายอย่างหนึ่งแต่มีเงื่อนไขผูกมัดหลายประเด็น แต่ข้อมูลที่ปรากฏบนหน้าสื่อมักเป็นเพียงค่าตัว ค่าเหนื่อย และระยะเวลา ช่วงหลังๆจะพบอ็อปชั่นซื้อขาด, อ็อปชั่นต่อสัญญา และโบนัสแอด-ออน ซึ่งเป็นเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มตามผลงานของนักเตะหรือสโมสรใหม่ แต่ความจริงแล้วยังมีเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆอีกดังเช่น เซลล์-ออน ที่ถูกหยิบมาพูดถึงจากกรณีของ ไตโว อโวนิยี่

ในอนาคต ลิเวอร์พูลอาจได้เงินส้มหล่นลักษณะนี้อีกเพื่อนำไปใช้จ่ายซื้อนักเตะใหม่เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สองเป้าหมายใหญ่ของสโมสร เพราะเท่าที่ได้รับการเปิดเผยยังมีอดีตผู้เล่นของลิเวอร์พูลมีพันธะเซลล์-ออนกับสโมสรที่ซื้อไปรวม 15 คนคือ

  • หลุยส์ อัลแบร์โต้ (ลาซิโอ) – 30 เปอร์เซ็นต์
  • แดนนี่ วอร์ด (เลสเตอร์) – 20 เปอร์เซ็นต์
  • ไรอัน เคนท์ (เรนเจอร์ส) – 20 เปอร์เซ็นต์
  • ราฟา คามาโช (สปอร์ติ้ง ลิสบอน) – 20 เปอร์เซ็นต์
  • โดมินิค โซแลงเก้ (บอร์นมัธ) – 20 เปอร์เซ็นต์ จากกำไร
  • อัลแลน โรดริเกวส (แอตเลติโก ไมเนียโร)  – 10 เปอร์เซ็นต์
  • ไรอัน บริวสเตอร์ (เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด) – 15 เปอร์เซ็นต์
  • ไค-จานา ฮูเวอร์ (วูลฟ์แฮมป์ตัน) – 15 เปอร์เซ็นต์
  • โอวี่ อียาเรีย (เรดดิ้ง) – 20 เปอร์เซ็นต์
  • เฮอร์บี เคน (บาร์สลีย์) – 15 เปอร์เซ็นต์
  • คามิล กราบารา (โคเปนเฮเกน) – 20 เปอร์เซ็นต์
  • เลียม มิลลาร์ (บาเซิล) – 20 เปอร์เซ็นต์
  • แฮร์รี่ วิลสัน (ฟูแลม) – 15 เปอร์เซ็นต์
  • มาร์โก กรูซิช (ปอร์โต) – 10 เปอร์เซ็นต์

ในอดีต ลิเวอร์พูลเคยได้รับประโยชน์ทั้งจากส่วนแบ่งการขายและเงื่อนไขเซลล์-ออนหมดอายุมาแล้วกับกรณีของ ไอบ์, เซอร์ไก คานอส, แบรด สมิธ, ติอาโก อิลอรี, บ็อบบี้ ดันแคน และ มาริโอ บาโลเตลลี่

ลิเวอร์พูลยังมีช่องทางใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขเซลล์-ออนที่เคยทำไว้กับหลายทีม รวมถึงตัวอย่างที่ไม่ได้พบบ่อยกับการซื้อตัวกลับมาเช่น รายของแฮร์รี่ วิลสัน ปีกชาวเวลส์ ซึ่งฟูแลมเพิ่งซื้อขาดหลังประทับใจผลงานช่วงยืมตัว สมมุติว่าวันหนึ่ง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เจรจาขอซื้อจากฟูแลมที่ค่าตัว 25 ล้านปอนด์ ลิเวอร์พูลสามารถขอซื้อด้วยราคาหลังหักส่วนลด 15เปอร์เซ็นต์ หรือ 21.25 ล้านปอนด์ เพื่อเซ็นสัญญากับอดีตผู้เล่นที่ไม่เคยได้เล่นกับทีมเลยระหว่างมีสัญญาในแอนฟิลด์ระหว่างปี 2015-2022 เพราะถูกปล่อยยืมตลอดเหมือนกับอโวนิยี่ หรือถ้าไม่ต้องการตัวกลับ ลิเวอร์พูลก็ยังได้ส่วนแบ่ง 15เปอร์เซ็นต์เมื่อฟูแล่มขายให้สเปอร์ส

บางทีการซื้อขายนักเตะสักคนหนึ่งใช้เวลาเนิ่นนานเยิ่นเย้อไม่ใช่เพราะตกลงค่าตัวค่าเหนื่อยกันไม่ได้ แต่อาจเป็นเงื่อนไขเล็กๆน้อยๆที่แทรกอยู่ในสัญญาก็เป็นได้

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา

Categories
Football Business

ระเบิดศึก ครั้งแรก! ฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์พิเศษ “LaLiga Futbol Cup” ชวนเตะบอล 7 คน พร้อมรับความสนุกและมิตรภาพแบบครอบครัวลาลีกา

คอบอลอย่างเราพลาดได้อย่างไร หยิบสตั๊ด รวมเพื่อน มาเตะบอลกัน! กับกิจกรรมดีบอกต่อ ที่เปิดโอกาสให้ร่วมสนุกกับการแข่งขันฟุตบอล ภายใต้งาน “LaLiga Futbol Cup by M88 2022” งานที่จะชวนทุกท่าน ที่ชื่นชอบในการเตะบอล ออกกำลังกาย รวมทีมมาร่วมสนุกไปด้วยกัน กับการแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเมนท์พิเศษ ที่เต็มไปด้วยความสนุกเเละมิตรภาพเเบบครอบครัว ลาลีกา เตะบอลมันส์ Fun ให้สุด !

ฟุตบอลทัวร์นาเมนท์พิเศษ ครั้งแรก โดยลาลีกาครั้งนี้ เป็นการแข่งขันแบบ 7 คน ส่งชื่อเพื่อนร่วมทีมได้ทั้งหมด 10 คน ไม่จำกัดอายุ เพียงแค่คุณพร้อมที่จะลุย ก็สามารถสมัครเข้ามาได้เลย เปิดรับสมัครเพียง 20 ทีมเท่านั้น !! 

ภายในงานจะมีเสื้อฟุตบอลสกรีนโลโก้ทีมใน ลาลีกา สเปน 20 สโมสรแจกให้ใส่เพื่อทำการแข่งขันฟรี! โดยทำการจับสลากหน้างานว่า แต่ละทีมจะได้เสื้อสกรีนโลโก้สโมสรอะไร และมีน้ำดื่มให้ฟรี ทีมละ 2 แพ็ค 24 ขวด ซึ่งทัวร์นาเมนท์นี้ มีถ้วยรางวัลให้สำหรับผู้ชนะเลิศอันดับ 1, 2 และ 3 รวมถึงรางวัลทีมแฟร์เพลย์ อวอร์ด และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม

นอกจากนี้ในงานยังมีอาหารให้ทานฟรีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ ทานคล่องคอ หรือดับร้อนด้วยไอศกรีมโบราณ หอม หวาน เย็นชื่นใจ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีบูธกิจกรรมจาก M88 ที่พร้อมจะมอบความสุขให้กับทุกท่าน และกองเชียร์ผู้ติดตามได้ร่วมมันส์กันอีกด้วย

กติกาการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม

1. สแกน QR Code หรือ คลิกที่ลิงนี้ https://bit.ly/3bcpubH แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน

2. แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ และ E-mail 

3. ส่งภาพถ่ายที่แสดงความเป็น “ทีม” ของคุณ กับลาลีกาเข้ามาในแบบฟอร์ม

สำหรับการประกาศผลว่าทีมไหนจะได้เข้าร่วมกิจกรรม จะทำการประกาศใน วันที่ 30 มิถุนายน 2565 (เวลา 15.00-16.00 น.)  ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป (หากไม่สามารถติดต่อได้เจ้าหน้าที่ขอสงวนสิทธิ์ให้กับผู้โชคดีทีมลำดับถัดไป)

หมายเหตุ : 

1. จำนวนทีมที่รับทั้งหมด 20 ทีม ทีมละ 10 คน

2. สมัครมาเป็นทีม โดยตัวแทนทีมลงทะเบียนครั้งเดียว แล้วใส่ชื่อสมาชิกในทีมได้เลย 10 คน

3. ค่ามัดจำทีม จำนวน  1,500 บาท สำหรับการลงทะเบียนเข้าร่วมทัวร์นาเมนท์ **

** หากไม่ได้รับการคัดเลือกจะโอนกลับในวันที่ 1 ก.ค.2565 สำหรับทีมที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมแข่งขัน และมารายงานตัวในวันที่จัดแข่งขัน จะได้รับเงินคืน โดยจะโอนเงินคืนให้กับหัวหน้า หรือตัวแทนทีมในวันถัดไปหลังจบงาน (กรณีที่โดนใบแดงทางผู้จัดขออนุญาตยึดมัดจำ)

4. สำหรับทีมที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมทัวร์นาเมนท์นี้ ต้องทำการถ่ายรูป ผลตรวจ ATK คู่กับบัตรประจำตัวประชาชน มายื่น ณ จุดลงทะเบียนหน้างาน 

.

*กรุณาทำตามทุกขั้นตอน*

– ผลตรวจจะต้องเป็นลบ (ไม่พบเชื้อ) 

– ผลตรวจจะต้องทำการตรวจไม่เกิน 24 ชั่วโมงก่อนเข้างาน

สถานที่ : สนามฟุตบอล kpc soccer km.9 (สนามฟุตบอลในร่ม)

พิกัด : https://goo.gl/maps/H4qY5sSs3s8bSDKu9

วันที่ : 2 กรกฏาคม 2565 

เวลา : 09.00 – 17.00 น.

สุดท้ายนี้ อย่าลืม ! แอดไลน์ @khaimukdam กันไว้นะคะ เพื่อไม่ให้พลาดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ และสามารถเข้ามาพูดคุย สอบถามกันได้

แล้วเตรียมตัว เตรียมใจ ฟิตร่างกาย มาโชว์ฝีเท้ากับพวกเราได้เลย

Categories
Our Work

1 ใน 8 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทย ถูกเลือก! ลาลีกา จับมือ พูม่า เปิดตัวลูกฟุตบอล “PUMA ORBITA LaLiga” ต้อนรับซีซั่นใหม่ 2022/23

จากการศึกษาจนเป็นที่ยอมรับจาก ลาลีกา ว่า ประเทศไทยมีฐานแฟนฟุตบอลจำนวนมาก และมีความสามารถเป็น 1 ในชาติหลักศูนย์กลางการสื่อสาร และทำกิจกรรมการตลาดของลีกฟุตบอลสเปนได้จนลาลีกาได้เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 5 ปี ล่าสุด ลาลีกา ได้จับมือกับ พูม่าแบรนด์กีฬาระดับโลก จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ลูกฟุตบอลดีไซน์ใหม่  25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 โดยใช้ชื่อว่า “พูม่า ออร์บิต้า ลาลีกา” (PUMA ORBITA LaLiga) เพื่อเผยโฉมลูกหนังที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอล LaLiga Santander และ LaLiga Smartbank สำหรับฤดูกาล 2022/23 โดย มร.ออสการ์ มาโย กรรมการบริหารลาลีกา และ มร. แดเนียล โมเรโน่ หัวหน้าฝ่ายการตลาดของพูม่า ได้เป็นตัวแทนงานเปิดตัวในประเทศสเปนพร้อมกับอีก 7 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ เกาหลีใต้, อียิปต์, ฟิลิปปินส์,เม็กซิโก, ไนจีเรีย, แอฟริกาใต้ และประเทศไทย ได้สิทธิ์ถูกเลือกเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ณ Ari Football สยามสแควร์ ซอย 6 

การออกแบบครั้งนี้ มาในคอนเซปต์ลูกฟุตบอลที่สะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลในเกมฟุตบอล, ความมีเสน่ห์ และการหลอมรวมจิตวิญญาณระหว่างนักเตะและแฟนบอลให้เป็นหนึ่งเดียว ลักษณะของลูกบอล จะมีสีสันและเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับลาลีกา โดยมีลวดลายซิกแซก มีทั้งโทนสีขาวผสมกับสีบานเย็น และสีดำผสมด้วยสีฟ้ากับสีเหลือง โดยจะมีทั้งลูกบอลปกติ และลูกบอลสำหรับใช้ในการแข่งขันช่วงฤดูหนาว เพื่อให้ผู้เล่นสามารถมองเห็นลูกฟุตบอลได้ชัดเจนขึ้น

พูม่า ออร์บิต้า ลาลีกา ออกแบบด้วยรูปทรงขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ 8 ชิ้นมาเชื่อมต่อกัน เพื่อลดจำนวนตะเข็บลง และให้ให้สามารถเชื่อมต่อกับลูกฟุตบอลได้ดีขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ลูกฟุตบอลคงยังคงมีรูปทรงกลม และการดูดซึมน้ำที่น้อยลง ขณะที่ลูกฟุตบอลรุ่นนี้ จะมีการเพิ่มหนังแบบ POE เพื่อให้นักเตะสามารถควบคุมลูกฟุตบอลได้ดีขึ้น มีการส่งและการยิงที่แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ พื้นผิว PU 3D 1.2 มิลลิเมตร ยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพการเคลื่อนที่ในอากาศ ทำให้มีความทนทานเพิ่มขึ้น ผ่านการรับรองมาตรฐานจากฟีฟ่า ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นการออกแบบให้อำนวยความสะดวกในการใช้งานเพื่อนักฟุตบอลได้อย่างแท้จริง

คำว่า “ORBITA” หมายถึง ศูนย์กลางแห่งเกมลูกหนัง ที่สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ตลอดเวลา การเปิดตัวในครั้งนี้ มาพร้อมกับนักฟุตบอลชื่อดังของลาลีกา อาทิ แยน โอบลัค, อองตวน กรีซมันน์, เมมฟิส เดปาย, สเตฟาน ซาวิช และยูนุส มูซาห์

สำหรับในประเทศไทย เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Puma, LaLiga และ Ari ภายใต้ชื่อว่า “LAUNCH PUMA ORBITA THAILAND” จัดงาน เปิดตัวลูกฟุตบอลของ “Puma” ที่ร้าน Ari Football สาขา สยามสแควร์ ซอย 6 โดยมี นายธเนศ โฆษิตวุฒิโสภณ รองประธานฝ่ายการตลาด Ari Football เป็นตัวแทนในการเปิดงาน กล่าวว่า “ยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการเปิดตัวลูกฟุตบอลในครั้งนี้อันเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกกับลาลีกา ทั้งนี้ทาง Ari พร้อมที่จะสนับสนุน และร่วมกิจกรรมดี ๆ แบบนี้กับลาลีกาอีกอย่างแน่นอนในอนาคต”

ภายในงานมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ นักฟุตบอล และสื่อมวลชน มาร่วมเปิดตัวลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการ อาทิ “ซันนี่” ธัญญารัตน์ เนาวรัตน์พงษ์ แฟนบอลสาวสาวกหงส์แดง และ “วอร์มอัพ” ภาสวัฒน์ วงศ์ษา, “เอก” เอกชัย สำเหร่ แบ็คขวามากประสบการณ์จากสโมสร โปลิศ เทโร, “บอล” จักรพันธ์ พรใส ปีกตัวจี๊ดจากทีม ราชบุรี มิตรผล, “บอล” ชัยวัฒน์ บุราณ และ “เป้” นพพล พลคำ สองนักเตะแห่ง สมุทรปราการ ซิตี้ ฯลฯ จากทางฝั่ง Ari และครอบครัวสื่อฝั่งลาลีกาที่มาร่วมงานเป็นประจำ อย่างเช่น เจมส์ ลาลีกา, ขวัญ ลามาเซีย, พีชชงพีชชี่, ทีมงาน SoccerSuck, ทีมงาน Top4Official, ดูบอลกับแนท, เดอะนัทซัดหมดแมกซ์, ต่อ ณ ระนอง ฯลฯ

ช่วงเวลาก่อนการเปิดตัวลูกฟุตบอลได้มีการพูดคุยถึงเรื่องฟุตบอลกันเล็กน้อยอย่างอบอุ่น สนุกสนาน ระหว่าง พิธีกร “ท็อปไข่มุกดำ” ในฐานะตัวแทนคุณจอร์โจ ปอมปิลี่ รอสซี่ จากลาลีกา ซึ่งติดโควิด-19 ไม่สามารถมาร่วมงานได้, คุณธเนศ โฆษิตวุฒิโสภณ หรือ “ซันชิโร่” รองประธานฝ่ายการตลาด Ari Football และ “เอก” เอกชัย สำเหร่ พรีเซ็นเตอร์คนแรก ๆ ของ Ari ซึ่ง เอกชัย ได้พูดถึงลูกฟุตบอลที่ใช้ในการเล่นฟุตบอลอาชีพว่า “ส่วนตัวมองว่าคุณสมบัติของลูกฟุตบอล มีความสำคัญในการเล่น พื้นฐานเช่น ลูกฟุตบอลถ้าเกิดมีหนังหนาเกินไป หรืออุ้มน้ำ ช่วงฝนตก มันจะส่งผลเวลาเราเตะ ลูกบอลจะหนักมากขึ้น ส่วนเรื่องน้ำหนักของลูกบอลก็มีผล เพราะถ้าเบาเกินไปก็ไม่ดี หนักเกินไปก็เตะไม่ไหว”

นอกจากนี้ยังได้พบกับ 2 กูรู อย่าง เจมส์ ลาลีกา และ ขวัญ ลามาเซีย ที่มาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวบทสนทนาลูกหนังสเปนอย่างสนุกสนาน ทั้งเรื่องโค้ช นักฟุตบอล แผนการเล่น และปัจจัยการลุ้นแชมป์ต่าง ๆ รวมไปถึงภาพรวมเกมการแข่งขันในฤดูกาลนี้ และการเตรียมทีมสำหรับซีซั่นหน้าอีกด้วย

สามารถติดตามกิจกรรมแจกลูกฟุตบอล Puma Orbita Laliga ได้ทางช่องทางของ Ari, SoccerSuck และขวัญ ลามาเซีย รวมถึงเกาะติดทุกงานอีเวนต์ของลาลีกาได้แบบใกล้ชิดทางช่องทาง ไข่มุกดำ หรือไลน์แอด @khaimukdam นะคะ

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Our Work

ลาลีกา เปิดตัว LaLiga Pass ใช้กลยุทธ์ PR แบบเรียบง่าย อบอุ่น และกันเอง เชิญสื่อกีฬาดินเนอร์ พูดคุย และออนไลน์มีตติ้งกับผู้บริหารจากสเปน

ลาลีกา เปิดตัว LaLiga Pass เรียบร้อยแล้วด้วยกลยุทธ์ PR แบบเรียบง่าย โดยเชิญสื่อกีฬา, influencers และ KOLs สายฟุตบอลกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ 20 คนมาร่วมรับประทานอาหารเย็น พูดคุยกับตัวแทนลาลีกาในประเทศไทย และมีสายตรงออนไลน์จากสเปนทักทายโดยผู้บริหารลาลีกาเข้ามาตอบคำถามแบบเอ๊กซ์คลูซีฟพิเศษ โดยเฉพาะกับตลาดประเทศไทย ต่อยอดกิจกรรมการตลาดหลากหลายกิจกรรมที่ทำอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปีที่ผ่านมา

กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดย ลาลีกา หนึ่งใน “ลีกหลัก” ยุโรปลีกเดียวที่มีตัวแทนมาประจำการในประเทศไทย และได้ริเริ่มโปรเจคต์หลากหลายตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไล่จากงานกางเต็นท์ดูบอล จังหวัดนครนายก ต่อด้วยล่องเรือปาร์ตี้ พรีวิว ชมวิว ก่อนเกมเอลกลาซิโก และล่าสุด Pool Party ดูบอล ฟังเพลงฉลองแชมป์ให้กับ เรอัล มาดริด บน Rooftop bar ริมสระน้ำ ล้วนหวังจะมอบประสบการณ์ให้แฟนบอลไทยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับลาลีกามากยิ่งขึ้นในมิติที่มากกว่าแค่การชมเกมฟุตบอล

ล่าสุด วันที่ 5 พ.ค. 2565 ลาลีกา ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม OTT (Over-the-top) เป็นครั้งแรกในอาเซียน พิเศษเฉพาะประเทศไทย และอินโดนีเซีย เป็นแอพพลิเคชั่น ชื่อว่า “LaLiga Pass” ให้แฟนฟุตบอลสเปนได้เข้าถึง และเตรียมเปิดอีกประสบการณ์ใกล้ชิดลีกที่รัก ทีมที่โปรดได้มากกว่าเดิม พร้อมเต็มอิ่มด้วยฟุตบอลสดครบทุกนัดทั้ง LaLiga Santander และ LaLiga Smartbank รวมถึงคอนเทนท์พิเศษอื่น ๆ แบบ non-stop 24/7 อย่างจุใจ

LaLiga Pass จะรองรับการรับชมผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (บริการ OTT หรือ Over-The-Top) ได้ทุกแพลทฟอร์ม เช่น สมาร์ทโฟน และสมาร์ททีวี เปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นี่! ประเทศไทย และอินโดนีเซีย 2 ชาติเท่านั้นในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2021/22 ก่อนจะดำเนินการเต็มรูปแบบในฤดูกาลใหม่ 2022/23 ต่อไป 

สำหรับการเปิดตัวในประเทศไทย ได้ความร่วมมือจากอินฟลูเอนเซอร์, KOLs และสื่อแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ช่วยกันประชาสัมพันธ์ มานั่งทานข้าว พูดคุยถึงเรื่องฟุตบอลสเปน (Media Dining Session) ร่วมกับคุณจอร์โจ้ ปอมปิลี่ รอสซี่ ตัวแทนลาลีกา ในประเทศไทย และทดลองดาวน์โหลดบริการ LaLiga Pass ร่วมกัน ที่ ร้านอาหาร Reunion (ชั้น 5 ตึก DOM : Delight Of Motorcyclist ) วิภาวดี 20

บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น พี่ ๆ เพื่อน ๆ สื่อได้มาเจอกัน หลังจากนั้นได้มีการวิดีโอคอลพูดคุยอย่างเป็นกันเอง กับผู้บริหารลาลีกาประเทศสเปน คุณอัลเฟรโด้ แบร์เมโจ้ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ดิจิทัลของลาลีกา ในช่วงเวลา 5 โมงเย็นในบ้านเรา (ตรงกับเวลาเที่ยงของสเปน)

คุณอัลเฟรโด้ กล่าวว่า “หนึ่งในกุญแจสำคัญ คือการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับฟุตบอลสเปน ในภาษาท้องถิ่นของตัวเอง เพื่อให้สามารถเข้าถึงคอนเทนท์ที่มีคุณภาพ ที่ปรับให้เข้ากับรสนิยม และความต้องการของแฟนฟุตบอลในประเทศนั้น ๆ”

“เราเชื่อว่า LaLiga Pass และเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ถือเป็นก้าวสำคัญของเรา และจะเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับแฟน ๆ ที่ต้องการจะเข้าถึงฟุตบอลลาลีกา และเนื้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง”

“การเลือกประเทศไทยก็เพราะ ฐานแฟนบอลที่มีจำนวนมาก และความสัมพันธ์อันดียาวนานกับพาร์ตเนอร์ในประเทศไทยโดยเฉพาะในส่วนการถ่ายทอดสด (เช่นกับ ทรู) และก็เพื่อจะเพิ่มออฟชั่นในการติดตามให้กับแฟน ๆ และให้แฟนบอลได้ใกล้ชิดกับลาลีกามากยิ่งขึ้น”

นี่น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี ที่บ่งบอกถึงการเติบโตของ ‘ลาลีกา’ เมื่อความนิยมฟุตบอลสเปนเพิ่มขึ้น การพัฒนาหรือเกิดขึ้นใหม่ของแพลตฟอร์มที่พร้อมเข้าถึง สร้างความสนุกสนานและอำนวยความสะดวกให้แฟนฟุตบอลถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้แฟนบอลใกล้ชิดกับลาลีกาได้มากขึ้น

โดย LaLiga Pass พัฒนาขึ้นโดย LaLiga Tech ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ลาลีกาตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะร่วมกับ LaLiga Digital แฟน ๆ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลทั้ง LaLiga Santander และ LaLiga Smartbank ครบทุกแมตช์ โดยเลือกรับชมได้ตามความต้องการของแต่ละคน

พิเศษสุดเฉพาะผู้ใช้งาน LaLiga Pass ในแต่ละแมตช์เดย์ จะมี 3 คู่ ที่มีการบรรยายการแข่งขันเป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ (เช่น ภาษาไทยสำหรับแฟนบอลไทย) นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์การแข่งขัน, ประตูสุดสวย, บทสัมภาษณ์สุดพิเศษ และเนื้อหาอื่น ๆ ที่มานำเสนอทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือ 24/7 กันเลยทีเดียว โดยรายการ Local Content ตรงกับความต้องการแฟนบอลไทยจะมีแน่นอนในอนาคต

สำหรับ LaLiga Pass ในช่วงแรกของการเปิดตัว จะนำเสนอเป็นภาษาท้องถิ่นทั้งภาษาบาซาฮา และภาษาไทย นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ และภาษาสเปน พร้อมใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ ทั้งระบบ iOS และ Android ไปจนถึงเว็บ และสมาร์ททีวี อีกทั้งจะขยายไปยังแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ในอนาคตอันใกล้

คุณออสการ์ มาโย กรรมการบริหารลาลีกา กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้พยายามปรับปรุงประสบการณ์ของแฟน ๆ ที่ติดตามฟุตบอลสเปนจากพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก และตอนนี้เราต้องการก้าวไปอีกขั้น โดยให้แฟน ๆ สามารถรับชมคอนเทนท์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และบอกเล่าเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับลาลีกาและสโมสรต่าง ๆ ในประเทศเหล่านั้นด้วย”

นี่เป็นเพียงก้าวแรก ๆ สำหรับการเริ่มต้นของ “LaLiga Pass” ที่จะมาสร้างความสนุกสนานให้กับแฟน ๆ ทั่วโลกแบบเฉพาะเจาะจงตามวิถีวัฒนธรรมของแต่ละชาติ ผสมผสานกับคอนเทนท์ฟุตบอลสเปนจากลาลีกาอย่างกลมกล่อมโดยโชคดีที่ประเทศไทยได้ถูกเลือกเป็น 1 ในไม่กี่ชาติดังกล่าวนั้น

.

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย