Categories
Special Content

33 ปีที่เฝ้ารอ “สคูเดตโต” สมัยที่สาม ? นาโปลีเฉียดล่มสลายยุคโพสต์-มาราโดนา

ยูเวนตุส มหาอำนาจลูกหนังอิตาลีแห่งทศวรรษ 2010 ไม่สามารถครองตำแหน่งสคูเดตโตเป็นสมัยที่ 10 ติดต่อกันเมื่ออินเตอร์ มิลาน ขึ้นเถลิงบัลลังก์แทนในซีซัน 2020-21 ตามด้วยเอซี มิลาน ในซีซันต่อมา และทั้งสองฤดูกาล ทีมม้าลายจบด้วยอันดับสี่ของตารางกัลโช เซเรีย อา และซีซันนี้ สถานการณ์ของพวกเขายิ่งย่ำแย่ แต่แชมป์มีโอกาสสูงมากที่จะเปลี่ยนมือไปอยู่กับนาโปลี ซึ่งครองสคูเดตโตเพียงสองสมัย และครั้งหลังสุดคือปี 1990 หรือ 33 ปีที่แล้ว

นาโปลีเพิ่งผงาดเหนือแผ่นดินรูปท็อปบู๊ทช่วงกลางทศวรรษ 1980 เมื่อทุ่มเงินมหาศาลซื้อดีเอโก มาราโดนา มาจากบาร์เซโลนา เพียงเจ็ดปีที่มี G.O.A.T ชาวอาร์เจนไตน์อยู่ในทีม นาโปลีครองแชมป์เซเรีย อา 2 สมัย, แชมป์อิตาเลียน คัพ 1 สมัย และแชมป์ยูฟา คัพ 1 สมัย แต่หลังจากมาราโดนาโดนแบน 15 เดือนเพราะถูกตรวจพบสารโคเคน “เดอะ บลูส์” ไม่เพียงฟอร์มในสนามย่ำแย่ ฐานะการเงินยังตกต่ำถึงขั้นล้มละลาย ต้องลงไปเตะระดับเทียร์สามในซีซัน 2004-05 แต่โชคดีสโมสรได้ อูเรลิโอ เด ลอเรนติส พระเอกขี่ม้าขาวจากวงการภาพยนตร์เข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤติทันที

นาโปลีใช้เวลาเพียงสามปีกลับขึ้นมาเซเรีย อา ในซีซัน 2007-08 แต่ยังต้องปรับตัวจูนทีมช่วง 2-3 ปีแรกก่อนผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ มีโอกาสใกล้เคียงแชมป์ลีกมากที่สุดในซีซัน 2017-18 กับตำแหน่งรองแชมป์ ที่แม้ทำแต้มรวมสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรคือ 91 คะแนน แต่ยังเป็นรองยูเวนตุสอยู่ 4 คะแนน

แน่นอน “สคูเดตโต” ย่อมเป็นเป้าหมายความสำเร็จของเด ลอเรนติส ที่มุ่งมั่นทำให้นาโปลียิ่งใหญ่สมฐานะทีมที่มีฐานแฟนบอลจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของอิตาลี และรั้งอันดับห้าของสโมสรเซเรีย อา ที่มีรายได้สูงสุดจากตัวเลข 182 ล้านเหรียญสหรัฐในซีซัน 2017-18

จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นเมื่อนาโปลีแต่งตั้ง ลูเซียโน สปัลเล็ตติ คุมทีมแทนเจนนาโร กัตตูโซ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2021 สปัลเล็ตติพาทีมจบซีซันแรกด้วยอันดับ 3 บนตารางเซเรีย อา ตามหลังแชมป์ เอซี มิลาน 7 คะแนน แต่ทิ้งอันดับ 4-5 ยูเวนตุสและลาซิโอถึง 9 และ 15 คะแนนตามลำดับ

สปัลเล็ตติประเดิมงานฤดูกาล 2021-22 ได้สวยหรูเก็บชัยชนะ 7 นัดรวด แต่เหมือนมีลางบอกเหตุก่อนนัดที่ 8 รถคันโปรด “เฟียต แพนดา” ของเขาโดนขโมย แม้ยังชนะนัดที่ 8 แต่สถิติหยุดแค่นั้นเพราะนัดต่อมา นาโปลีเสมอโรมา 0-0 ที่กรุงโรม ซ้ำร้ายต่อมาสปัลเล็ตติเจอปัญหานักเตะหลักเจ็บระนาวรวมถึงกองหน้า วิคเตอร์ โอซิมเฮน แถมผู้เล่นบางส่วนต้องไปแข่งขันแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ ทำให้ผลงานในสนามดร็อปลงจนแฟนบอลกลุ่มอัลตราทำป้ายขู่ว่า ถ้าอยากได้แพนดาที่หายไปคืนมา สปัลเล็ตติควรลาออกไปเสีย ซึ่งสื่อนำไปอำขำๆว่า เป็นตัวกระตุ้นให้สปัลเล็ตติรีดกึ๋นเค้นความสามารถของลูกทีมจนสถานการณ์ดีขึ้นจนปิดจ็อบปีแรกด้วยอันดับสาม

โมเมนตัมยังส่งผลต่อเนื่องถึงซีซันต่อมา ซึ่งขณะนี้เตะมา 23 จาก 38 นัด นาโปลีแพ้นัดเดียวเพราะโดนอินเตอร์ มิลาน เฉือน 0-1 เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเสมอ 2 นัด ชนะมากถึง 20 นัด มี 62 คะแนน ทิ้งห่างรองจ่าฝูง ทีมงูใหญ่ 15คะแนน อีกทั้งยังได้ 56 ประตู เสีย 15 ประตู ผลต่างบวก 41 ประตู ตัวเลขดีที่สุดในเซเรีย อา ทั้งสามหมวดหมู่

ล่าสุดนาโปลีถูกยกเป็นเต็งหนึ่งที่จะครองตำแหน่งสคูเดตโตเป็นสมัยที่สาม และมีโอกาสไม่น้อยที่จะเก็บแต้มทะลุหลักร้อย หรืออย่างน้อยควรทำลายสถิติสูงสุดเดิมของสโมสรคือ 91 คะแนน

ประวัติศาสตร์สโมสรเริ่มต้นที่กะลาสีเรืออังกฤษ

สโมสรนาโปลี มีชื่อเต็มว่า Società Sportiva Calcio Napoli (S.S.C. Napoli) ตั้งอยู่ในเมืองเนเปิลส์ (หรือนาโปลีในภาษาอิตาเลียน) เมืองหลวงของแคว้น Campania ทางตอนใต้ของอิตาลี เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศรองจากโรมและมิลาน ถ้ามองอิตาลีเป็นรองเท้าบู๊ท เนเปิลส์จะตั้งอยู่บริเวณหน้าแข้ง นาโปลีมีฉายาว่า Gli Azzurri (The Blues), Ciucciarelli (The Little Donkeys)

นาโปลีมีจุดเริ่มต้นเมื่อเกือบ 120 ปีที่แล้วจาก Naples Foot-Ball & Cricket Club (Naples FBC) สโมสรฟุตบอลแห่งแรกในเนเปิลส์ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1905 โดยวิลเลียม พอธส์ กะลาสีเรือชาวอังกฤษ กับเพื่อน เฮคเตอร์ เอ็ม เบยอน และคนท้องถิ่นกลุ่มหนึ่ง รวมถึงอเมดีโอ ซัลซี ที่เป็นประธานสโมสรคนแรก

ต่อมา กลุ่มชาวต่างชาติได้แยกตัวออกจากสโมสรในปี 1911 และก่อตั้งสโมสรใหม่ชื่อว่า Unione Sportiva Internazionale Napoli (U.S. Internazionale Napoli) แต่ช่วงกลางปี 1914 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และหลังจากฟุตบอลกลับมาแข่งต่อ สภาพเศรษฐกิจและวิกฤติการเงินทำให้สองสโมสรยุบรวมกันในชื่อ Foot-Ball Club Internazionale-Naples หรือ FBC Internaples เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1922 โดยสีชุดแข่งเป็นส่วนผสมระหว่างเสื้อสีฟ้าของเนเปิลส์และกางเกงสีขาวของนาโปลี

สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น Associazione Calcio Napoli เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 1926 ในยุคจิออร์จิโอ อัสคาเรลลี เป็นประธานสโมสร ซึ่งเชื่อว่าถูกกดดันจากรัฐบาลฟาสซิสต์ใหม่ที่ต้องการให้สโมสรมีชื่อแสดงความเป็นอิตาเลียน ก่อนเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1964 เป็น Società Sportiva Calcio Napoli จวบจนปัจจุบัน

ครึ่งศตวรรษแรกบนถนนลูกหนังเซเรีย อา-บี

ยุคแรกเริ่ม นาโปลีไม่ประสบความสำเร็จอะไร ต้องรอถึงปี 1962 จึงสามารถคว้าถ้วยโคปปา อิตาเลีย ซึ่งเพิ่งจัดแข่งขันเป็นปีที่ 15 หลังจากเฉือนสปาล 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ ส่วนสคูเดตโตต้องรอถึงปี 1987

ในส่วนของประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีกหากเริ่มจากยุคกัลโช เซเรีย อาและบี ซึ่งเริ่มฤดูกาล 1929-30 เป็นปีแรกเมื่อนำ Divisione Nazionale ซึ่งแบ่งเป็นสองกลุ่มๆละ 16 ทีม นำผลอันดับตารางคะแนนฤดูกาล 1928-29 มาจัดทีมลงแข่งขัน Divisione Nazionale Serie A (เทียร์หนึ่ง) และ Divisione Nazionale Serie B (เทียร์สอง) โดยนาโปลีจบอันดับ 8 ร่วมกับลาซิโอ ทั้งคู่เตะเพลย์ออฟเสมอ 2-2 หลังต่อเวลา แต่แมตช์เป็นโมฆะเนื่องจากสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (เอฟไอจีซี) ให้ทั้งสองเข้าไปเล่นเซเรีย อา เพื่อเพิ่มโควตาให้กับสโมสรจากภาคใต้

แม้ไม่เคยสัมผัสแชมป์แต่นาโปลีทำผลงานในเซเรีย อา ได้ไม่เลว เคยขึ้นสูงสุดอันดับสามในซีซัน 1933–34 ดาวเด่นของยุคนี้คือ อัตติลา ซาลลุสโตร ซึ่งเล่นให้นาโปลีระหว่างปี 1926 – 1937 สถิติรวมทุกรายการ 266 นัด 108 ประตู ปัจจุบันรั้งอันดับ 5 ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร

หลังได้อันดับ 15 รองบ๊วยฤดูกาล 1941-42 นาโปลีก็ตกไปเล่นเซเรีย บี หนึ่งซีซัน ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนซีซันแรกที่กลับมาหลังสงตราม ฟุตบอลลีกอิตาลี ซีซัน 1945-46 ถูกแบ่งใหม่เป็นสองกลุ่มคือ ภาคเหนือ เซเรีย อา และ ภาคกลาง-ภาคใต้ เซเรีย อา-บี ซึ่งนาโปลีจบอันดับหนึ่งของกลุ่มร่วมกับบารี ได้เตะเซเรีย อา ซีซัน 1946-47 โดยอัตโนมัติ

เล่นได้เพียงสองซีซัน นาโปลีก็ตกไปอยู่เซเรีย บี แต่ใช้เวลาสองซีซันเช่นกันกลับขึ้นมาอยู่เซเรีย อา หลังจากครองแชมป์เซเรีย บี ซีซัน 1949-50 ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรหากไม่นับ Campionato Centro-Sud Serie A-Bทัวร์นาเมนท์พิเศษหลังสงครามที่ครองร่วมกับบารี

นับจากนั้น นาโปลีก็อยู่ในลีกสูงสุดเป็นส่วนใหญ่ (ยกเว้นซีซัน 1961-62, 1963-64 และ 1964-65 ที่ร่วงไปลีกรอง) จนถึงยุคทองเมื่อได้ดีเอโก มาราโดนา เข้ามากลางทศวรรษ 1980 

ยุคทองกับมาราโดนา เจ็ดปี ห้าแชมป์

ก่อนหน้าการมาถึงของดีเอโก มาราโดนา กลางปี 1984 นาโปลีครองแชมป์อิตาเลียน คัพ สองสมัยในปี 1962 และ 1976แต่เพียงเจ็ดปีที่มีมาราโดนา “เดอะ บลูส์” ครองตำแหน่งสคูเดตโต ซึ่งรอคอยมานาน 61 ปี ในซีซัน 1986-87, 1989-90 แชมป์โคปปา อิตาเลีย ซีซัน 1986-87 แชมป์ยูฟา คัพ ซีซัน 1988-89 และแชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย ปี 1990

ช่วงสองปีที่บาร์เซโลนา แม้มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน มาราโดนายังมีผลงาน 38 ประตูจาก 58 นัด แต่ด้วยความขัดแย้งกับฝ่ายบริหารโดยเฉพาะโจเซป หลุยส์ นูนเนซ ประธานสโมสร ทำให้เขาขอย้ายออกจากทีม และเป็นนาโปลีที่ยอมทุ่มเงินราว 10.48 ล้านปอนด์ ซื้อไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1984 โดยมาราโดนาเดินทางถึงเมืองเนเปิลส์และปรากฏตัวต่อสายตาคนทั้งโลกในฐานะนักเตะนาโปลีครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม มีแฟนบอลมากถึง 75,000 คน รอต้อนรับเขาที่สนามซาน เปาโล

ไม่เพียงมาราโดนา นาโปลียังสร้างทีมใหม่ผ่านนักเตะอย่างซีโร แฟร์รารา, ซัลวาตอเร บาญนี และแฟร์นานโด เด นาโปลี จนทีมลาน้อยทะยานขึ้นอันดับสามของซีซัน 1985-86 แต่สิ่งที่เหนือกว่ายังมาไม่ถึง ด้วยมาราโดนา, บรูโน กีออร์ดาโน และกาเรกา สามแนวรุกที่ถูกตั้งฉายาว่า Ma-Gi-Ca (มนต์วิเศษ) พานาโปลีไปถึงจุดพีคของประวัติศาสตร์สโมสร เป็นทีมที่สามที่ทำ “ดับเบิลแชมป์” สำเร็จในซีซัน 1986-87 ชนะเลิศเซเรีย อา ห่างยูเวนตุส 3 แต้ม และถลุงอตาลันตา 4-0 ในนัดแชมป์โคปปา อิตาเลีย

ฤดูกาลต่อมา นาโปลีได้เพียงรองแชมป์เซเรีย อา ตามหลังเอซี มิลาน 3 คะแนน และผ่านไปเล่นยูฟา คัพ ซีซัน 1988-89 ซึ่งมาราโดนาและผองเพื่อนสามารถปักธงบนสังเวียนยุโรปได้สำเร็จ ผ่านพีเอโอเค, โลโกโมทีฟ ไลปซิก, บอร์กโดซ์, ยูเวนตุส และบาเยิร์น มิวนิก เข้าไปชิงแชมป์กับซตุ๊ตการ์ตในเดือนพฤษภาคม 1989 นาโปลีชนะด้วยสกอร์รวม 5-4 ขณะที่เซเรีย อา นาโปลีได้รองแชมป์เป็นปีที่สองติดต่อกัน ถูกอินเตอร์ มิลาน ทิ้งขาด 11 แต้ม

นาโปลีครองสคูเดตโตสมัยที่สองในฤดูกาล 1989-90 โดยเฉือนมิลานเพียงสองคะแนน แต่ในปี 1991 มาราโดนาถูกตรวจพบว่าใช้โคเคน โดนโทษแบนนานถึง 15 เดือน ตั้งแต่เมษายน 1991 ถึงมิถุนายน 1992 ซึ่งมาราโดนาอ้างว่าเป็นการแก้แค้นของเอฟไอจีซี ที่เขาและอาร์เจนตินาเขี่ยอิตาลีตกรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 1990 ที่เมืองเนเปิลส์ โดยก่อนหน้าลงสนาม มาราโดนาขอร้องแฟนบอลเจ้าถิ่นช่วยเชียร์อาร์เจนตินา

นับจากถูกตัดสินโทษแบนครั้งนั้น มาราโดนาก็ไม่ได้เล่นให้นาโปลีอีกเลยก่อนย้ายไปเล่นให้เซบีญาในซีซัน 1992-93 แม้มีข่าวว่าเรอัล มาดริด และมาร์กเซย์ ต้องการตัวเขา มาราโดนาใช้เวลาอาชีพค้าแข้งที่เหลือในอาร์เจนตินากับนีเวลส์ โอลด์บอยส์ (1993 – 1994) และโบคา จูเนียร์ส (1995 – 1997)

ไร้มาราโดนา ทีมเสื่อมถอยทั้งการเล่นและการเงิน

ยุคโพสต์-มาราโดนา เริ่มในซีซัน 1991-92 นาโปลียังจบด้วยอันดับสี่บนตารางเซเรีย อา ก่อนเข้าช่วงขาลงจนกระทั่งรั้งก้นตารางของซีซัน 1997-98 ร่วงไปเล่นเซเรีย บี สองปี และกลับขึ้นมาอยู่ลีกสูงสุดในซีซัน 2000-01 แต่จบด้วยอันดับรองโหล่ ตกไปลีกรองอีกครั้งแถมรอบนี้ไหลลงไปถึงเทียร์สาม

หลังฤดูกาลแรกที่ไม่มีมาราโดนา นาโปลีเริ่มเสื่อมถอยทั้งผลงานในสนามและสภาพการเงิน นักเตะแกนหลักอย่างจิอันฟรังโก โซลา, ดาเนียล ฟอนเซกา, ซีโร แฟร์รารา และกาเรกา ต่างจากไปช่วงปี 1993 – 1994 แฟนๆพอมีรอยยิ้มบ้างกับบอลถ้วย เข้ารอบสามยูฟา คัพ ซีซัน 1994-95, เข้าชิงโคปปา อิตาเลียน ซีซัน 1996-97 แต่แพ้วิเซนซา 1-3 ต่างกับฟุตบอลลีกที่ย่ำแย่จนกระทั่งฤดูกาล 1997-98 นาโปลีชนะแค่สองนัด ร่วงลงไปเซเรีย บี สองซีซัน กลับขึ้นมาเซเรีย อา หนึ่งซีซัน และลงไปอีกครั้งในซีซัน 2001-02 

เดือนสิงหาคม 2004 นาโปลีถูกประกาศล้มละลาย อูเรลิโอ เด ลอเรนติส มหาเศรษฐีโปรดิวเซอร์หนังคนดัง ขี่ม้าขาวกอบกู้วิกฤติช่วยไม่ให้นาโปลีกลายเป็นตำนานทีมลูกหนังแห่งเนเปิลส์ แม้ต้องเปลี่ยนไปใช้ชื่อ “นาโปลี ซอคเกอร์” ชั่วคราวและโดนปรับตกไปอยู่เซเรีย ซี1/บี แม้ฤดูกาล 2003-04 จะจบด้วยอันดับ 13 ของเซเรีย บี ก็ตาม

ถึงตกไปอยู่เทียร์สาม นาโปลียังมีแฟนๆติดตามให้กำลังใจอย่างเหนียวแน่น มีคนดูเฉลี่ยต่อนัดมากกว่าทีมส่วนใหญ่ในเซเรีย อา เคยสร้างสถิติคนดูสูงสุดในประวัติศาสตร์เซเรีย ซี ถึง 51,000 คนในหนึ่งนัด

แฟนบอลให้กำลังใจ “เด ลอเรนติส” ให้กำลังเงิน

นาโปลีครองแชมป์เซเรีย ซี1/บี ฤดูกาล 2005-06 ใช้เวลาเพียงสองปีขึ้นมาเซเรีย บี และกลับไปใช้ชื่อสโมสร Società Sportiva Calcio Napoli อีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2006 “เดอะ บลูส์” จบซีซัน 2006-07 ด้วยอันดับสอง กลับขึ้นมาอยู่บนเซเรีย อา อีกครั้งหลังใช้เวลาอยู่ในลีกรองนานหกปี

ลีกสูงสุดสามซีซันแรก นาโปลีจบด้วยอันดับ 8,12 และ 6 ซึ่งได้สิทธิแข่งยูโรปา ลีก ซีซัน 2010-11 แม้หยุดเส้นทางรอบ 32 ทีมสุดท้าย แต่ภายใต้การคุมทีมของวอลเตอร์ มาซซาร์รี นาโปลีรั้งอันดับสามบนตารางเซเรีย อา

ซีซัน 2011-12 นาโปลีได้อันดับห้าของเซเรีย อา แต่ตะลุยถึงนัดชิงโคปปา อิตาเลีย เจอกับยูเวนตุส เจ้าของตำแหน่งสคูเดตโตไร้พ่ายปีนั้น นาโปลีชนะ 2-0 ครองแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่สี่ ซึ่งรอคอยมานาน 25 ปี ทีมลาน้อยยังชนะเลิศเพิ่มอีกสองครั้งในซีซัน 2013-14 ชนะฟิออเรนตินา 3-1 และซีซัน 2019-20 เสมอยูเวนตุส 0-0 ก่อนชนะดวลจุดโทษ 4-2

สำหรับเซเรีย อา นาโปลีเป็นรองแชมป์ ฤดูกาล 2012-13 ตามหลังยูเวนตุส 9 คะแนน และนับจากนั้นเป็นเวลาเก้าปี นาโปลีหลุดอันดับท็อป-5 แค่ปีเดียว โดยเป็นรองแชมป์ 3 ครั้ง, อันดับสาม 3 ครั้ง, อันดับห้า 2 ครั้ง และอันดับเจ็ด 1 ครั้ง

เครดิตต้องยกให้เต็มๆสำหรับการบริหารงานและเงินของเด ลอเรนติส ที่ไม่ใช่มหาเศรษฐีสายเปย์ แถมยังวางแผนและคิดรอบคอบเสียจนแฟนบอลมองว่าเป็นเจ้าของทีมที่มัธยัสถ์(หรือขี้เหนียว)เกินเหตุ

ฟาบริซิโอ โรมาโน นักข่าวคนดังเคยให้สัมภาษณ์ว่า เด ลอเรนติส และผู้อำนวยการ คริสเตียโน จิอันโตลี ร่วมกันตัดสินใจขายนักเตะที่เป็นขวัญใจของแฟนบอลและว่าที่ตำนานสโมสร ซึ่งเป็นความเสี่ยงอย่างเช่น อเรนโซ อินซิเญ, คาลิดู คูลิบาลี, ดรีส์ เมอร์เทนส์ และฟาเบียน รูอิซ

สำหรับฝั่งขาเข้าเนื่องจากนาโปลีเป็นทีมระดับกลางของยุโรป จึงไม่มีแรงดึงดูดสตาร์ดังด้วยเงินและชื่อเสียง กลุ่มนักเตะใหม่จึงได้แก่ คิม มิน-แจ เซ็นเตอร์แบ็ควัย 26 ทีมชาติเกาหลีใต้ ซึ่งเล่นสามปีในจีนก่อนย้ายมาอยู่เฟเนอร์บาห์เช, มาเธียส โอลิเวรา แบ็คซ้ายทีมชาติอุรุกวัยที่ข่วยให้เตกาเฟรอดตกชั้นลาลีกา, เลโอ ออสติการ์ด เซ็นเตอร์แบ็คชาวนอร์เวย์ของไบรท์ตัน ซึ่งสร้างผลงานได้ดีระหว่างที่เจนัวเซ็นยืมหกเดือนครึ่ง รวมถึงยืมตัวต็องกี อึนดอมเบเล จากสเปอร์ส, โจวานนี ซิเมโอเน จากเวโรนา และจีอาโกโม รัสปาโดรี จากซาสซูโอโล โดยตัวความหวังใหม่จริงๆคือ ควิชา ควารัทสเคเลีย ปีกดาวรุ่งทีมชาติจอร์เจีย ซึ่งซื้อจากดีนาโม บาตูมิ ด้วยสนนราคาเพียง 10 ล้านยูโร ส่วนหนึ่งเพราะสงครามในยูเครน

นั่นทำให้ตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้ว นาโปลีสามารถลดค่าเหนื่อยผู้เล่นลงได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และทำกำไรได้ 13 ล้านยูโร แต่ที่สำคัญกว่าคือ การบริหารตลาดนักเตะรอบใหญ่ครั้งนั้นทำให้สปัลเล็ตติได้นักเตะที่ใช่สำหรับแนวทางของเขา ซึ่งชื่นชอบเกมบุกที่มีการครองบอลเป็นรากฐาน โดยกุนซือวัย 63 ปี ชอบระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 ที่มี inverted wingers โดยปีกตัวในทั้งสองฝั่งคือ ควารัทสเคเลีย และมัตเตโอ โปลิตาโน ถือเป็นกุญแจสำคัญที่นำความสำเร็จมาสู่นาโปลีในซีซันนี้ และต้องไม่ลืม วิคเตอร์ โอซิมเฮน ศูนย์หน้าเนื้อหอมทีมชาติไนจีเรีย ซึ่งเฉพาะบอลลีกทำไป 18 ประตู 4 แอสซิสต์จาก 19 นัด

ถ้าเปรียบมาราโดนาเป็นคนนำนาโปลีไปสู่ยุคโชติช่วงชัชวาล เด ลอเรนติส ถือเป็นบุคคลที่กอบกู้สโมสรขึ้นมาจากซากปรักหักพังนับจากล้มละลายในปี 2004 ไม่เพียงพากลับเซเรีย อา อย่างรวดเร็วเพียงสามปี แต่ยังบริหารนาโปลีจนใกล้ที่จะครองสคูเดตโตสมัยที่สามที่รอนานกว่าสามทศวรรษ

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Our Work

รวมกิจกรรม ความสนุกสนาน ประทับใจ และโมเมนท์แห่งความสุขจาก ครีเอทีพ อีเวนท์ในปี 2565 โดย KMD

ตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหากนับย้อนไปถึงช่วงต้นปี สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง และตระหนักอย่างหนักหน่วงอยู่ คือ เรื่องของโควิด-19 และมาตรการรับมืออันทำให้การจะสร้างสรรค์งานออกมาแต่ละชิ้น แต่ละกิจกรรมจะต้องสอดคล้องล้อไปกับสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยให้มากที่สุด แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา ตรงกันข้าม กับเป็นช่องว่างที่ทำให้เรา “ไข่มุกดำ” หรือ KMD ได้มีโอกาสสร้างสรรค์งานออกมาในรูปแบบธีมต่าง ๆ ร่วมกับพาร์ตเนอร์จนเกิดอีเวนท์อันเป็นกิจกรรมการตลาดที่ตื่นเต้น มันส์ เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข สนุกสนาม ลงตัว win-win กันถ้วนหน้า

ปีนี้ 2566 ก็เช่นกัน “KMD” พร้อมเสิร์ฟความสนุกให้เพื่อน ๆ อย่างต่อเนื่องแน่นอน แต่ก่อนจะเริ่มต้นระเบิดความมันส์ผ่านกิจกรรมแรกของปี 2566 หรือปีกระต่ายนี้ไปด้วยกัน เราขอรวบรวมงานในปีที่ผ่านมา มาให้ร่วมทบทวนภาพจำกันอีกครั้ง ตามนี้เลยค่ะ

1.เริ่มต้นกันที่ อีเวนท์ของ ลาลีกา กับการจัดงานขอบคุณพันธมิตรทางการค้า, สื่อมวลชนกีฬาสายฟุตบอล, อินฟลูเอนเซอร์ และยูทูปเบอร์ฟุตบอลชั้นนำในคอนเซปต์ “LaLiga Great Rivalries” โดยมีตัวแทนจากหอการค้าสเปนในประเทศไทยเข้าร่วมงานด้วย โดยครีเอตเป็นอีเวนต์เล็ก ๆ แบบอบอุ่น รักษาระยะห่าง Social Distancing ป้องกัน Covid-19 ตามมาตรการรัฐ

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/laliga-great-rivalries/

LaLiga Great Rivalries

2.“LaLiga Global Network” เป็นชื่อของโครงการสำหรับงานถัดมาที่จัดขึ้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี ลาลีกาเข้ามาปักฐานการทำงานในประเทศไทย ถือเป็นโอกาสอันดี ที่ ลาลีกา ได้เชิญสื่อมาร่วมร่วมฉลองความสำเร็จ โดยได้รับเกียรติ Conference Call สายตรงจากกรุงมาดริด โดย คุณออสการ์ มาโย กรรมการบริหารลาลีกา ร่วมกับคุณ จอร์โจ้ ปอมปิลี รอสซี ตัวแทนลาลีกาในประเทศไทย จัดงานที่ Pit8 Motorsport Cafe กรุงเทพฯ

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/laliga-global-network/

LaLiga Global Network

3.ถัดจากงานที่สื่อมวลชน หรืออินฟลูเอนเซอร์ได้พบปะกันไปแล้ว ขอขยับอีเวนต์ให้ใหญ่ขึ้นอีกนิด ด้วยการเปิดโอกาสให้แฟนฟุตบอลได้เข้ามาร่วมสนุกไปด้วยกัน บวกกับช่วงต้นปีกระแสแคมปิ้งกำลังมาแรง พอ ๆ กับสถานการณ์รับมือกับ โควิด-19 ทำให้เกิดความคิดจะนำกิจกรรมชมฟุตบอลมาผสมผสานกับการออกแคมป์ กางเต็นท์ขึ้นเพื่อให้กิจกรรม outdoor จนเกิดเป็นงานอีเวนต์เชียร์บอลสุดคูล LaLiga Football Camping ที่ APO Camp Life จังหวัดนครนายก ในรูปแบบแคมป์ริมน้ำเป็นครั้งแรก

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/laligafootballcamping/

LaLiga Football Camping

4.เมื่องานแคมป์ปิ้งที่ผ่านมามันเวิร์ก และได้รับการตอบรับที่ดี จึงทำให้เกิดอีเวนต์ครีเอท ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดประสบการณ์ใหม่กับงานสุดพิเศษ ล่องเรือ ปาร์ตี้ จัดเต็มพรีวิว เกมคู่บิ๊กแมตช์ ในชื่อ “ElClásico Boat Party Exclusive Trip” ที่ถูกเนรมิตขึ้นร่วมกับพันธมิตร เจ้าเดิม ลาลีกา สร้างสรรค์การทำกิจกรรมร่วมกับแฟนบอลขึ้นในยุคสถานการณ์โควิด -19 ในรูปแบบที่ไม่ใช่แค่การชมฟุตบอลในสนามเท่านั้น 

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/elclasico-boat-party-exclusive-trip-2/

ElClásico Boat Party Exclusive Trip

5.อีเวนท์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จนดำเนินมาถึงอีเวนท์สำหรับโค้งสุดท้ายของลาลีกาในฤดูกาล 2021/22 ไม่พลาดจัดกิจกรรมต่อยอดการสร้างประสบการณ์ให้กับแฟนฟุตบอล โดยครั้งนี้มาในคอนเซ็ปต์ “LaLiga Pool Party” กิจกรรม outdoor ดูบอล ฟังเพลง ริมสระน้ำ Rooftop bar ใจกลางกรุงเทพมหานคร พร้อมเป็นสักขีพยานชม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ยิงสลุต ฉลองแชมป์ลาลีกา 2021/22

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/laliga-pool-party-2/

LaLiga Pool Party

6.หลังจากเต็มอิ่มกับงานดูบอลไปแล้ว ก็พักเบรกเล็กน้อยกับงานเล็ก ๆ เรียบง่าย และอบอุ่น กับงาน เปิดตัว LaLiga Pass แอพพลิเคชั่นสำหรับแฟนฟุตบอลสเปน ที่มีฟุตบอลสดให้ดูครบทุกนัดทั้ง LaLiga Santander และ LaLiga Smartbank  นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์การแข่งขัน, ประตูสุดสวย, บทสัมภาษณ์สุดพิเศษ และเนื้อหาอื่น ๆ ที่มานำเสนอทุกวัน 

แต่หนึ่งจุดขายของ แอพพลิเคชั่นนี้ในประเทศไทย คือ รายการ LaLiga Pass Show ที่มีกูรูฟุตบอลสเปน สลับกันมาร่วมดำเนินรายการ พูดคุยเกี่ยวกับฟุตบอลสเปนแบบอัดแน่น เจาะลึกเบื้องหน้าเบื้องหลังกันแบบแตกต่าง นำโดย เจมส์ ลาลีกา, ขวัญ ลามาเซีย, ลูกชิ้น จากเพจ เสพติดบอลสเปน, เบน บาร์ซ่า เข้าเส้น by แฟนพันธุ์แท้บาร์ซ่า ฯลฯ

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/laliga-pass/

ลาลีกา เปิดตัว LaLiga Pass ใช้กลยุทธ์ PR แบบเรียบง่าย อบอุ่น และกันเอง เชิญสื่อกีฬาดินเนอร์ พูดคุย และออนไลน์มีตติ้งกับผู้บริหารจากสปน

7.และก่อนจะเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ของ ลาลีกา สเปน “ไข่มุกดำ” มีโอกาสได้ดูแลจัดอีเวนท์ ซึ่งประเทศไทยถูกเลือกเป็น 1 ใน 8 ประเทศทั่วโลก จัดงาน เปิดตัวลูกฟุตบอล “PUMA ORBITA LaLiga” ต้อนรับซีซั่นใหม่ 2022/23 ที่ Ari Football สยามสแควร์ ซอย 6

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/puma-orbita-laliga/

PUMA ORBITA LaLiga

8.อีเวนท์ถัดมา เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อแฟนฟุตบอลโดยเฉพาะ ก่อนเปิดฤดูกาล 2022/2023 ของลาลีกา ด้วยการระเบิดศึกความมันส์ กับศึกลูกหนังทัวร์นาเม้นท์พิเศษครั้งแรก!! ภายใต้งาน “LaLiga Futbol Cup by M88 2022” ที่สนาม kpc soccer km.9 เทพารักษ์ จ. สมุทรปราการ ชวนแฟนบอลมาเตะบอลกระชับมิตร เชื่อมความสัมพันธ์ ความสามัคคี ที่เต็มไปด้วยความสนุกเเละมิตรภาพเเบบครอบครัว ลาลีกา

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/laliga-futbol-cup-2022/

LaLiga Futbol Cup by M88 2022

9.อีเวนท์เปิดตัวฟุตบอล ลาลีกา สเปน ฤดูกาลใหม่ 2022-23 ผ่านเทคโนโลยีการถ่ายทอดสดอันทันสมัยที่สุดในโลก พร้อมเชิญสื่อกีฬาร่วมพูดคุยแบบเรียบง่ายและกันเอง ภายใต้อีเวนท์ “WHAT HAPPENS IN LALIGA STAYS WITH YOU” ณ ร้านอาหาร Reunion ชั้น 5 ตึก D.O.M. ปากซอยวิภาวดี 20

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/laliga-is-back-for-the-2022-23-season/

WHAT HAPPENS IN LALIGA STAYS WITH YOU

10.เดินทางมาถึง 2 งานสุดท้ายของปี ที่จัดต่อเนื่องกัน เพราะเป็นงานสำหรับศึก ElClasico โดยงานแรกจัดกิจกรรมสุดพิเศษ ภายใต้งาน “ElClasico Expo powered by LaLiga Pass” นำถ้วย ออฟฟิเชียล ลาลีกา โทรฟี ส่งตรงจากสเปน มาให้แฟนบอลได้ยลโฉมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ถึงประเทศไทย พร้อมโหมโรงก่อนศึกคู่บิ๊กแมตช์ ระหว่าง “เรอัล มาดริด” ปะทะ “บาร์เซโลน่า”

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาพิเศษ ที่ได้พบกับ 4 กูรูเบอร์ต้นบอลสเปน เจมส์ ลาลีกา, ลูกชิ้น เสพติดบอลสเปน, ขวัญ ลามาเซีย และ เบน บาร์ซ่า เข้าเส้น by แฟนพันธุ์แท้บาร์ซ่า ที่มาพูดคุยถึงรวมถึงที่มาที่ไปของการก้าวเข้าสู่ความเป็นคอบอลสเปน รวมทั้งเกมคู่ดังกล่าว ที่จะทำศึกฟาดแข้งกันในวันที่ 16 ตุลาคม นี้ 

และไม่ใช่เพียงกูรูทั้ง 4 ท่านเท่านั้น ยังมี อันเดรส ตูเญซ ดาวเตะต่างชาติที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของไทยลีก (ปัจจุบันเล่นให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งให้ความอนุเคราะห์ตัวนักเตะมาร่วมงาน) และเป็นอดีตนักเตะเซลตา ในลีกลาลีกา สเปน มาร่วมพูดคุยประสบการณ์ส่วนตัวเกือบ 10 ปีในแดนกระทิงดุอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/elclasico-expo-powered-by-laliga-pass/

ElClasico Expo powered by LaLiga Pass

11.ปิดท้ายกันที่อีเวนต์สุดพิเศษ “ElClasico VIP Party powered by beIN Sports” กิจกรรมที่ชวนมาพบกับประสบการณ์การดูบอล ฟังดนตรีสดจากศิลปิน ชีส เดอะ วอยซ์ วิเคราะห์เกมโดยสุดยอดกูรู กิน ดื่มสุดชิลล์ เอนจอยกิจกรรมพร้อมของรางวัลจัดเต็มสนุก ในโดมกลางกรุงเทพมหานคร Pearl Bangkok ชมบิ๊กแมตช์ ElClasico ไปด้วยกันกับแขก VIP, สื่อมวลชน, อินฟลูอินเซอร์ และแฟนบอลผู้โชคดี ซึ่งผลการแข่งขันเกมนี้ จบลงด้วยชัยชนะของ “เรอัล มาดริด” ที่เอาชนะ “บาร์เซโลน่า” ไปถึง 3-1

อ่านเพิ่มเติม คลิก https://khaimukdam.com/our-work/elclasico-vip-party-powered-by-bein-sports/

ElClasico VIP Party

กิจกรรมที่ผ่านมาเหล่านี้ น่าจะสร้างความสุข สนุกสนาน ความมันส์แบบเต็มเปี่ยมให้กับเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดี เราพร้อมที่จะส่งต่อ มอบความสุขแบบนี้ให้ทุกคนรวมถึง “ผู้สนับสนุน” ที่สนใจอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และปีถัด ๆ ไป สำหรับใครที่ไม่อยากพลาด อย่าลืมกดติดตามทุกช่องทางของ ไข่มุกดำ ไว้ได้เลย รับรองว่า เด็ดทุกงาน !!

รวมถึงผู้สนับสนุนที่สนใจให้เราได้ดูแลทุกขั้นตอนการทำกิจกรรมการตลาดเช่นนี้ แบบ ลาลีกา ก็สามารถติดต่อเราได้เช่นกันค่ะ

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย

Categories
Our Work

ElClasico VIP Party : ครั้งแรก! ลาลีกา จัดกิจกรรมรับศึก “ElClasico” เต็มอิ่ม ประสบการณ์ และอรรถรสการรับชมแมตช์สุดยิ่งใหญ่ลีกสเปน จบเกม เรอัล มาดริด ถล่ม บาร์เซโลน่า 3-1

ผ่านไปแล้วกับงานสุดพิเศษ ที่ลาลีกา ประเทศไทย จัดให้ตามคำเรียกร้องของแฟนบอล “ElClasico VIP Party powered by beIN Sports” 16 ตุลาคม 2565 ในงานพบกับประสบการณ์การดูบอล ฟังดนตรีสดจากศิลปิน ชีส เดอะ วอยซ์ วิเคราะห์เกมโดยสุดยอดกูรู กิน ดื่มสุดชิลล์ เอนจอยกิจกรรมพร้อมของรางวัลจัดเต็มสนุก ในโดมกลางกรุงเทพมหานคร Pearl Bangkok ชมบิ๊กแมตช์ ElClasico ไปด้วยกันกับแขก VIP, สื่อมวลชน, อินฟลูอินเซอร์ และแฟนบอลผู้โชคดี ซึ่งผลการแข่งขันเกมนี้ จบลงด้วยชัยชนะของ “เรอัล มาดริด” ที่เอาชนะ “บาร์เซโลน่า” ไปถึง 3-1

บรรยากาศภายในงานสุดคึกคัก มีผู้คนเข้าร่วมงานถูกรับเชิญ และถูกเลือกผ่านกิจกรรมกว่า 200คน ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากสถานทูตสเปน, หอการค้าสเปน, อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง สื่อมวลชนสายกีฬา และแฟนฟุตบอลที่ร่วมสนุกลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมงานจากกิจกรรมออนไลน์ นำโดย เจมส์ ลาลีกา, ขวัญ ลามาเซีย, เบน บาร์ซ่าเข้าเส้น by แฟนพันธุ์แท้บาร์ซ่า และ ลูกชิ้น เสพติดบอลสเปน 4 กูรูฟุตบอลสเปน ที่มาร่วมพูดคุยวิเคราะห์เกมการแข่งขัน ทั้งก่อนเกม ช่วงพักครึ่ง และหลังเกม

นอกจากนี้ยังมี ต่อ ณ ระนอง, เดอะนัทซัดหมดแมกซ์, มายด์เปี๊ยกบางใหญ่, แตง Top4Official, แม็ก3เม็ด, ซันนี่ ธัญญารัตน์ พร้อมทีม Ari, สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ นำมาโดยนายกสมาคมฯ วันกล้า ขวัญแก้ว และเหล่าพาร์ตเนอร์ของงาน ที่มาร่วมสนุก สร้างสีสัน และความมันส์ไปด้วยกัน

งานนี้ได้นั่งชิลล์ กิน ดื่ม ฟรี!! ผ่อนคลายไปกับดนตรีสดเพราะ ๆ จาก ชีส เดอะวอยซ์ ในช่วงหัวค่ำ พร้อมทานอาหารร่วมกัน ดื่มเครื่องดื่มอีกเล็กน้อย เข้ากับบรรยากาศภายในงาน และอากาศด้านนอกโดมในวันนี้ที่เย็นขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูลงตัวมาก

ภายในงานยังมีโซนโชว์เสื้อของ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด พร้อมลูกฟุตบอล PUMA ORBITA LaLiga ฤดูกาลนี้, โซนสตรอรี่ บอกเล่าเรื่องราวของ 2 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน กับศึก เอล กลาซิโก้ เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โซนเล่นเกม เตะฟุตบอลกรง และอีกหนึ่งไฮไลท์เลยคือ โซนโชว์ถ้วย ออฟฟิเชียล ลาลีกา โทรฟี ส่งตรงจากสเปน

ก่อนจะถึงช่วงเวลาสำคัญชมฟุตบอล เวลา 21.15 น. ภาพการเชียร์บอลร่วมกันของกลุ่มแฟนบอล สร้างสีสันและความคึกคักให้กับงานเป็นอย่างมาก จังหวะสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ความรู้สึกต่อเกมการแข่งขัน ทุกคนแสดงออกมา อย่างชัดเจน และคำตอบรับจากงานนี้ ทำให้รู้เลยว่า ทุกคนเอนจอยกับกิจกรรมนี้มาก

หลังจบฟุตบอล และพูดคุยหลังเกมกับกูรูฟุตบอลสเปนทั้ง 4 ท่าน ก็ปิดท้ายงานด้วยการลุ้นรางวัล lucky draw มากมาย นำโดย ลูกฟุตบอล PUMA ORBITA LaLiga, กระเป๋าถุงผ้า กระบอกน้ำ ลูกฟุตบอล ส่งตรงจาก beIN Sports และเสื้อที่ระลึก ElClasico

กิจกรรมนี้ ถือเป็นการนำประสบการณ์ดี ๆ สร้างการรับรู้ถึงฟุตบอล ลาลีกา สเปน และสร้างสัมพันธ์กับแฟนบอลให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ จะเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกแน่นอน โปรดติดตามกันต่อไป

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Our Work

โหมโรงก่อนศึกฟาดแข้ง “ElClásico” ยลโฉมถ้วยลาลีกา ส่งตรงจากสเปน พูดคุยกับกูรูฟุตบอลสเปน และ อันเดรส ตูเญซ อดีตนักเตะเซลตา ในลีกลาลีกา สเปน

เมื่อวันที่ 8-9 ตุลาคม 2565 : ลาลีกา ประเทศไทย จัดกิจกรรมสุดพิเศษ ภายใต้งาน “ElClasico Expo powered by LaLiga Pass” นำถ้วย ออฟฟิเชียล ลาลีกา โทรฟี ส่งตรงจากสเปน มาให้แฟนบอลได้ยลโฉมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ถึงประเทศไทย โหมโรงก่อนศึกคู่บิ๊กแมตช์ ระหว่าง “เรอัล มาดริด” ปะทะ “บาร์เซโลน่า”

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาพิเศษ ที่ได้พบกับ 4 กูรูเบอร์ต้นบอลสเปน เจมส์ ลาลีกา, ลูกชิ้น เสพติดบอลสเปน, ขวัญ ลามาเซีย และ เบน บาร์ซ่า เข้าเส้น by แฟนพันธุ์แท้บาร์ซ่า ที่มาพูดคุยถึงรวมถึงที่มาที่ไปของการก้าวเข้าสู่ความเป็นคอบอลสเปน รวมทั้งเกมคู่ดังกล่าว ที่จะทำศึกฟาดแข้งกันในวันที่ 16 ตุลาคม นี้

และไม่ใช่เพียงกูรูทั้ง 4 ท่านเท่านั้น ยังมี อันเดรส ตูเญซ ดาวเตะต่างชาติที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของไทยลีก (ปัจจุบันเล่นให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งให้ความอนุเคราะห์ตัวนักเตะมาร่วมงาาน) และเป็นอดีตนักเตะเซลตา ในลีกลาลีกา สเปน มาร่วมพูดคุยประสบการณ์ส่วนตัวเกือบ 10 ปีในแดนกระทิงดุอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีอินฟลูเอนเซอร์ฟุตบอล สื่อมวลชน และแฟนฟุตบอล มาร่วมสนุกกันอีกมากมาย ภายในงานมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกันด้วย ไม่ว่าจะเป็น โซนเล่นเกม EA Sports FIFA game, เกมนั่งเตะฟุตบอล, เกมยิงประตูประลองความแม่นยำ, พร้อมแจกเสื้อฟุตบอลพร้อมลายเซ็นตำนานระดับ อิเกร์ คาซิญาส เสื้อทีเชิ้ตที่ระลึกศึก ElClásico ร่วมไปถึงกิจกรรมลุ้นรางวัลอื่น ๆ อีกด้วย

และที่ขาดไม่ได้เลย กับแอพพลิเคชั่น  อย่าง LaLiga Pass Zone ที่ได้รับการตอบรับจากแฟน ๆ ฟุตบอลสเปน เป็นอย่างดี เพราะทุกคนได้ทำความรู้จักกับแอพพลิเคชั่น หนึ่งเดียวของลาลีกา สเปน ที่พร้อมให้ดาวน์โหลดฟรี เพื่อรับชมรายการ LaLiga Pass Thailand หรือสมัครสมาชิกเพื่อชมสดทุกแมตช์ ลาลีกา ได้ทุกที่ ทุกเวลา

สุดท้าย สามารถตามเข้ามารับชม LaLiga Pass ที่นี่ได้เลย https://watch.laliga.com