Categories
Our Work

ลาลีกา จับมือ TikTok จัดงาน “LALIGA Extra Time” สัมผัสประสบการณ์ใหม่
เอาใจคอลูกหนังชาวไทย 

ครั้งแรก!! กับงาน “LALIGA Extra Time – TikTok : Unlocking next-level opportunities for the sports industry in Thailand” ที่ทาง ลาลีกา ลีกฟุตบอลของประเทศสเปน ร่วมกับTikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นชั้นนำระดับโลก จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ณ สำนักงานใหญ่ TikTok อาคาร พาร์ค สีลม เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ แบ่งปันความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในวงการฟุตบอล และครีเอเตอร์ผู้ผลิตคอนเทนต์ด้านฟุตบอล โดยมีผู้ร่วมงานรวมกว่า 100 คน

บรรยากาศก่อนเริ่มการเสวนาบนเวที มีครีเอเตอร์ สื่อมวลชน และผู้ร่วมงาน แวะเวียนมาถ่ายภาพ ทำคอนเทนต์กับเสื้อฟุตบอลลาลีกาทั้ง 8 สโมสร ที่นำมาโชว์ในงาน รวมไปถึงพูดคุยพบปะกันพอหอมปากหอมคอตามประสาคนกีฬา และงานนี้ยังต้องขอบคุณ ลาลีกา และ TikTok ที่นำของที่ระลึกมากมาย มามอบให้ผู้ร่วมงานอีกด้วย ก่อนที่จะเริ่มเปิดเวทีเสวนา ซึ่งมี แนท ดูบอลกับแนทเป็นพิธีกรในวันนี้

ภายในงานเป็นการเสวนา ภายใต้หัวข้อ “โอกาสในการยกระดับอุตสาหกรรมกีฬาในประเทศไทย” โดยมีผู้เชี่ยวชาญในวงการฟุตบอลมาร่วมเสวนา นำโดย “คุณนาธาร รัตนนาคินทร์” หัวหน้าแผนกความสัมพันธ์ต่างประเทศ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, “อิวาน โกดิน่า”ตัวแทนจากลาลีกา, “คุณณมน ติงศภัทิย์” Sports & Gaming Operations Lead, TikTok, สโมสรแอตเลติโก้ มาดริด, สโมสรบาร์เซโลน่า, “คุณชัชวาล การุณยะวนิช” จากอีเอ สปอร์ตส์, “คุณชาลี สมุทรโคจร” จากคาราบาว กรุ๊ป, “คุณวัลลภ ตรีฤกษ์งาม” จาก ซูซูกิ ประเทศไทย รวมถึงครีเอเตอร์ด้านฟุตบอลชื่อดังอย่าง ขอบสนามวาทะลูกหนัง และอื่น ๆ ร่วมการเสวนา

โดย คุณ อิวาน โกดิน่า กรรมการผู้จัดการ LALIGA ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้,ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ได้กล่าวว่า “หลัง 7 ปีที่นี่ ลาลีกา ตระหนักดีถึงพลังของฟุตบอลที่มีมากในประเทศไทยไม่ต่างจากที่สเปน ยิ่งด้วยการจับมือกันกับพันธมิตรอย่าง TikTok ร่วมกับทุกหน่วยงานสำคัญที่มีอิทธิพลสูงในอุตสาหกรรมกีฬา LALIGA EXTRA TIME จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างฐานรากที่จะตอกย้ำความเจริญก้าวหน้าของอนาคตฟุตบอลในประเทศไทย นำโดยโปรเจคต์ที่ถูกพูดถึงไม่ว่าจะเป็น LALIGA ยูธ ทัวร์นาเมนท์ และ TikTok Sports Hub หรืองานโดยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ล้วนยืนยันในสิ่งที่ผมกำลังพูดถึงนี้เป็นอย่างดี”

ขณะที่ทางด้าน นายณมน ติงศภัทิย์ Sports & Gaming Operations Lead, TikTok เผยว่า “จุดเริ่มต้นของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง TikTok และ LILAGA ก่อตัวขึ้นท่ามกลางการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของคอมมูนิตี้กีฬาบนแพลตฟอร์ม TikTok โดยมีการรับชมคอนเทนต์กีฬาบนแพลตฟอร์มในปี 2566 เพิ่มขึ้นถึง 95% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลซึ่งถือเป็นกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่งของคนไทย สะท้อนได้จากจำนวนการรับชมคอนเทนต์กีฬาฟุตบอลบนแพลตฟอร์มอย่าง #TikTokบอลไทย และ #TikTokบอลนอก ซึ่งมียอดวิวกว่า 340 ล้านวิว และ 2 พันล้านวิวตามลำดับในช่วงปีที่ผ่านมา เราเล็งเห็นถึงศักยภาพคอมมูนิตี้กีฬาฟุตบอลบนแพลตฟอร์มจึงริเริ่มความร่วมมือกับ LALIGA เพื่อสนับสนุนวงการฟุตบอล เพราะเราเชื่อว่าทุกวันนี้ขอบเขตของวงการกีฬาไม่ได้ถูกจำกัดความถึงแค่ นักกีฬา สโมสร และสมาคมกีฬาเท่านั้น แต่กำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของวงการกีฬามาโดยตลอดนั้นก็คือ ‘แฟนกีฬา’ และ ‘เหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์สายกีฬา’ ที่ช่วยสร้างความครึกครื้นให้กีฬาฟุตบอลได้รับความนิยมท่วมท้นอย่างทุกวันนี้ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่จุดประกายความร่วมมือนี้ ด้วยเหตุนี้เองเราจึงอยากขอบคุณครีเอเตอร์และผู้ใช้ชาวไทยที่ร่วมกันสร้างคอมมูนิตี้กีฬาที่แข็งแกร่ง ตลอดจนพาร์ทเนอร์คนสำคัญอย่าง LALIGA ที่ร่วมปลดล็อกโอกาสสู่ประสบการณ์จริงนอกแพลตฟอร์ม”

สำหรับเนื้อหาของการเสวนาในช่วงแรก ได้กล่าวถึงวิวัฒนาการของการติดตามคอนเทนต์กีฬา จากมุมมองของ LALIGA และ TikTok รวมถึงมุมมองของสื่อที่ถูกยกให้เป็นสุดยอดครีเอเตอร์ด้านกีฬาแห่งปี อย่าง ขอบสนาม และวาทะลูกหนัง ซึ่งทั้งคู่จะได้มีส่วนร่วมในโครงการ LALIGA Adventure ที่จะได้โอกาสเดินทางไปประเทศสเปน เพื่อสัมผัสบรรยากาศของการแข่งขันฟุตบอลลาลีกา, เข้าเยี่ยมชมสโมสรต่างๆ ในลาลีกา ตลอดจนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวสเปน

ทางด้าน ไจเม่ โอยาบาเมีย ตัวแทนจากสโมสรแอตเลติโก้ มาดริด ได้นำเสนอเกี่ยวกับโครงการ “Atleti Creaters Club” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ทั่วโลก ได้แชร์มุมมองเรื่องฟุตบอลของตัวเอง กับหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดของสเปน

ส่วนการเสวนาในช่วงที่ 2 ได้กล่าวถึงพลังของกีฬาเพื่อการสร้างแบรนด์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การวางกลยุทธ์ในการใช้กีฬาเพื่อทำการตลาด และเปิดเผยเรื่องราวความสำเร็จในระดับโลก จากตัวแทนของอีเอ สปอร์ตส์, คาราบาว กรุ๊ป และซูซูกิ 

นอกจากนี้ มร. จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี ตัวแทนลาลีกาประจำประเทศไทย ได้ประกาศจัดการแข่งขัน LALIGA Youth Tournament รายการการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้

รับชมภาพเพิ่มเติมที่นี่ได้เลยค่ะ https://drive.google.com/drive/u/2/folders/1saaRDUvBz0ePsmsTdcxG7IXUJoz8WaTN

Categories
Special Content

“คิโรนา” ซินเดอเรลลาลูกหนังแห่งคาตาลูญญา

ไม่ว่าคิโรนา ทีมลูกหนังเล็กๆ จะลงเอยศึกลูกหนังลา ลีกา ฤดูกาล 2023-24 อย่างไร แต่เชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 9 เดือนจะได้รับการจารึกไว้ในหน้าต้นๆของประวัติศาสตร์สโมสรและฟุตบอลสเปน พร้อมถูกเล่าขานไปอีกนานในฐานะซินเดอเรลลาลูกหนังแห่งแคว้นคาตาลูญญา

คิโรนา (Girona Futbol Club, S.A.D.) ก่อตั้งสโมสรในเดือนกรกฎาคม 1930 หรือ 93 ปีที่แล้ว ฤดูกาล 2023-24 เป็นเพียงซีซันที่ 4 ที่ Blanquivermells หรือทีมขาวแดง ได้สัมผัสบรรยากาศลีกสูงสุดของสเปน หากย้อนกลับไปปี 1999 คิโรนายังเล่นฟุตบอลเทียร์ 5 หรือระดับเขตกับทีมท้องถิ่นของคาตาลูญญาต่อหน้าผู้ชมเพียง 200 คน จนกระทั่งปี 2008 จึงสามารถกลับมาแข่งขันระดับเทียร์ 2 หรือเซกุนดาหลังจากเล่นอยู่นอกดิวิชันท็อป-2 เกือบครึ่งศตวรรษ

คิโรนาคว้ารองแชมป์เซกุนดา ซีซัน 2016-17 ได้เลื่อนขึ้นมาแข่งขันลา ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่อยู่ได้เพียง 2 ปี ก็หล่นไปอยู่เทียร์ 2 อีกครั้งหลังจากรั้งอันดับ 18 ซีซัน 2018-19

ตลอด 3 ซีซัน คิโรนาได้สิทธิแข่งขันเซกุนดา เพลย์ออฟ ในฐานะทีมอันดับ 5, 5 และ 6 ตามลำดับ แต่เป็นซีซัน 2021-22 ที่ทีมขาวแดงประสบความสำเร็จเมื่อชนะเตเนริเฟ 3-1 (สกอร์รวม) ในรอบชิงชนะเลิศ กลับขึ้นสู่ลา ลีกา เป็นรอบที่ 2 และสร้างเซอร์ไพรส์รูดม่านซีซัน 2022-23 ด้วยอันดับ 10 ตามหลังอันดับ 7 โอซาซูนา ที่ได้สิทธิคอนเฟอเรนซ์ ลีก เพียง 4 คะแนน

ถ้าซีซันที่แล้วเป็นเซอร์ไพรส์ ฤดูกาล 2023-24 ต้องเรียกว่าคือปาฏิหาริย์เมื่อคิโรนาขึ้นแท่นจ่าฝูงของสัปดาห์ที่ 7 หลังออกไปเฉือนบีญาร์เรอัล 2-1 แต่นั่นอาจเทียบไม่ได้เลยกับเกมที่ 16 วันที่ 10 ธันวาคม คิโรนามีชัย “คาตาลูญญา ดาร์บี แมตช์” เหนือแชมป์เก่า บาร์เซโลนา 4-2 หนีรองจ่าฝูง เรอัล มาดริด 2 คะแนน และอยู่หน้าอันดับ 4 บาร์ซา 7 คะแนน

เติบโตภายใต้ร่มเงาใหญ่ของซิตี ฟุตบอล กรุ๊ป

ย้อนกลับไปช่วงพรีซีซัน เป้าหมายของคิโรนาน่ายังเป็นการอยู่รอดในลา ลีกา ด้วยความหวั่นจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ซึ่งซีซัน 2017-18 ที่ขึ้นมาเล่นเทียร์ 1 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พวกเขาจบด้วยอันดับ 10 เช่นกัน ก่อนตกชั้นในซีซันต่อมาด้วยอันดับ 3 จากท้ายตาราง

ขอบคุณภาพ : https://www.theguardian.com/football/2023/dec/02/city-football-group-who-are-the-13-clubs-and-how-are-they-faring

แต่ตอนนี้ เป้าหมายคงถูกเปลี่ยนไปแล้วในความคิดของกลุ่มเจ้าของสโมสรได้แก่ ซิตี ฟุตบอล กรุ๊ป (ซีเอฟจี) บริษัทโฮลดิ้งที่ครอบครองสโมสรฟุตบอลอาชีพ 13 แห่ง อาทิ แมนเชสเตอร์ ซิตี, นิวยอร์ก ซิตี, เมลเบิร์น ซิตี และโยโกฮามา เอฟ.มารินอส เป็นต้น

วันที่ 23 สิงหาคม 2017 ไม่กี่เดือนหลังคิโรนาได้สิทธิเลื่อนชั้นขึ้นลา ลีกา มีการประกาศข่าว ซีเอฟจี บริษัทย่อยของ อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป บริษัทเอกชนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เจ้าของคือ ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน สมาชิกราชวงศ์อาบูดาบี ได้เข้ามาซื้อหุ้นสโมสร 44.3% ก่อนเพิ่มเป็น 47%

มาร์เซโล แคลร์ ประธานสโมสร คลับ โบลิวาร์ ทีมลูกหนังในโบลิเวีย ถือหุ้นสโมสรมากรองลงมาคือ 35% ซึ่งครอบครองตั้งแต่ปี 2020 แคลร์เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับซีเอฟจี และเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับไมอามี อินเตอร์ ทีมลูกหนังในสหรัฐอเมริกาด้วย

คิโรนา ฟุตบอล กรุ๊ป ซึ่งนำทีมบริหารโดย เปเร กวาร์ดิโอลา น้องชายของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมแมนฯซิตี ถือหุ้นสโมสร 16% เปเรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรตั้งแต่ปี 2015 ช่วยกู้วิกฤติล้มละลายของคิโรนา ก่อนมีส่วนสำคัญทำให้ดีลธุรกิจของซีเอฟจีลุล่วงไปด้วยดี

กิเก คาร์เซล ผู้อำนวยการกีฬาของคิโรนา ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของซีเอฟจีว่า “พวกเขาเข้ามาจัดระเบียบสิ่งต่างๆมากขึ้น แน่นอนการได้สิทธิเลื่อนชั้นขึ้นลา ลีกา (ก่อนการเข้ามาของซีเอฟจี) มีส่วนช่วยให้เกิดการพัฒนาหลายสิ่งหลายอย่าง โครงสร้างพื้นฐานภายในเติบโตทันสมัยขึ้นมากๆ เจ้าของสโมสรเป็นคนฟุตบอล พวกเขามีความรู้เรื่องเกมลูกหนัง และได้สร้างโปรเจกต์ที่ดีมีประโยชน์ด้วย”

สไตล์การเล่นที่เป็นเหมือนเงาของแมนฯซิตี

นอกจากซิตี ฟุตบอล กรุ๊ป บุคคลที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์เหลือเชื่อของคิโรนีหนีไม่พ้น มิเกล แองเจิล ซานเชซ มูโนซ หรือ “มิเชล” หัวหน้าโค้ชวัย 48 ปี ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2021 เพียงซีซันแรกเขาพาทีมชนะเตเนริเฟในรอบชิงชนะเลิศ เซกุนดา เพลย์ออฟ เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุด และยังเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย โกปา เดล เรย์ แต่แพ้ต่อราโย บาเยกาโน 1-2

ย้อนกลับไป 2 ปีที่แล้ว 10 นัดแรกในฐานะเฮดโค้ชใหม่ มิเชลคุมทีมคิโรนาเก็บชัยชนะได้แค่ 2 นัดในเซกุนดา ส่งผลให้ตำแหน่งของเขาตกอยู่ในอันตราย คาร์เซลให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ตอนนั้นว่า

“ผมพูดบ่อยๆว่า ทีมกำลังพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นไปในทิศทางที่ผมชื่นชอบ ผลแข่งขันไม่ได้สะท้อนในสิ่งที่พวกเราเห็นในทุกๆนัด ผมเห็นนักฟุตบอลเติบโตและมีพัฒนาการ เราเชื่อมั่นว่าความคิดและวิธีเล่นที่เป็นอยู่สามารถนำทีมไปสู่อะไรบางอย่างที่ดี จริงอยู่ที่ผมเคยไล่โค้ชออกแต่นั่นเนื่องจากผมไม่เห็นความเชื่อมโยงกับผู้เล่นหรือสิ่งที่ผมต้องการให้เกิดขึ้นในสนาม แต่กับมิเชลไม่ได้เป็นอย่างนั้น และไม่กี่เดือนต่อมา คิโรนาก็ได้รับการเลื่อนดิวิชัน”

คิโรนาไม่เพียงเป็นทีมลุ้นแชมป์ลีกสเปน แต่ยังทำประตูได้มากอีกด้วย ซึ่งหลังเตะ 16 นัดแรก คิโรนาทำสกอร์ได้สูงที่สุดในลา ลีกา คือ 38 ประตู ตามด้วยเรอัล มาดริด 34 ประตู และแอตเลติโก มาดริด 32 ประตู คิโรนาอยู่อันดับสูงเกือบทุกสถิติของเกมบุก คาร์เซลมองว่า สไตล์การเล่นของคิโรนาคล้ายคลึงกับแมนฯซิตี

เอริก กราเซีย เซ็นเตอร์แบ็ควัย 22 ปี ที่ยืมมาจากบาร์โซโลนาและเคยเล่นให้แมนฯซิตีระหว่างปี 2018 – 2021 ให้สัมภาษณ์ว่า “ปรัชญาการเล่นของ 2 สโมสรเหมือนกันมากๆ เราพยายามเริ่มตั้งเกมจากแบ็คไลน์, เข้าเพรสให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้เมื่อเสียบอล และเน้นเกมรุก ซึ่งคล้ายกับแมนฯซิตี”

ทั้งนี้เคยมีข่าวว่า มิเชลได้รับการติดต่อเพื่อสืบทอดงานของเป๊ปที่เอติฮัด สเตเดียม อิกนาซิโอ มาส-บากา ซีอีโอของคิโรนา กล่าวถึงความสัมพันธ์ของ 2 กุนซือชาวสเปนว่า “กวาร์ดิโอลาคุยกับมิเชล เวลาที่ว่างจากการทำงาน ทั้งคู่จะคุยเรื่องฟุตบอลกันเพราะต่างมีชีวิตเพื่อฟุตบอล พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เชื่อมโยงกันได้ดี และพูดภาษาเดียวกัน”

มาส-บากาเสริมว่า แม้มีความพยายามเล่นให้เหมือนแมนฯซิตี แต่มีตัวแปรอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่น งบประมาณและขนาดสโมสร ซึ่งมีส่วนพลักดันให้ประสบความสำเร็จได้มากกว่า “งบทำทีมเป็นตัววัดที่ดีเสมอ ใครลงทุนมากมักทำผลงานได้ดีกว่าบนสนาม แต่ก็เยี่ยมนะที่มีสตอรีแบบเรา สโมสรเล็กๆที่กล้าเล่นด้วยวิธีเดียวกันไม่ว่าเจอคู่แข่งท้ายตารางหรือมาดริดและบาร์ซา”

“วัตถุประสงค์ของสโมสรตอนนี้ก็คืออยู่ในลา ลีกา ต่อไปเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ขึ้นเป็นทีมนำ เรารักมันที่ได้เขียนประวัติศาสตร์สโมสรได้น่าตื่นเต้นเร้าใจ แต่เรายึดถือความเป็นจริงด้วย เราตระหนักดีว่ากำลังอยู่ข้างหน้าของจุดที่ควรอยู่จริงๆ”

แต่ด้วยกฎระเบียบด้านการเงินที่เข้มงวดของลา ลีกา คิโรนาจึงระมัดระวังเรื่องการจ่ายเงินเกินตัว ซึ่งตัวเลขลิมิตของคิโรนาอยู่ที่ 52 ล้านยูโรในซีซันนี้ อยู่อันดับ 14 ของลีก อยู่ระหว่างราโยและคาดีซ

ดอกผลจากการดีลที่ฉลาดในตลาดซัมเมอร์

ส่วนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จราวความฝันของคิโรนาคือการคัดเลือกผู้เล่นในตลาดซัมเมอร์ทั้งขาออกขาเข้า โอริโอล โรเมอู กองกลาง ย้ายไปอยู่บาร์เซโลนา, โรดรีโก ริเกลเม (แอตเลติโก มาดริด) และ วาเลนติน กาสเตยานอส (ลาซิโอ) กลับไปอยู่ต้นสังกัดหลังหมดสัญญายืมตัว, ซานเตียโก บูเอโน กองหลัง ไปเล่นให้วูลฟ์แฮมป์ตัน

แต่คิโรนาไม่ได้รู้สึกถึงความเสียหายหรือเสียดายเมื่ออ้าแขนรับ เดลีย์ บลินด์, เอริก กราเซีย, ซาวิโอ และอาร์เต็ม ดอฟบิคเข้ามาสู่คาตาลูญญา ทั้งหมดใช้เวลาน้อยที่จะปรับตัวกับแผนการเล่นของมิเชลได้อย่างลงตัว 

แซม มาร์สเดน คอลัมนิสต์พิเศษของอีเอสพีเอ็น ตั้งข้อสังเกตการทำงานของทีมรีครูทเมนต์ว่า ซาวิโอและยาน เคาโต สองนักเตะบราซิล ถูกยืมมาจากสโมสรในเครือซีเอฟจีคือ ทรัวส์และแมนนซิตี เช่นเดียวกับฤดูกาลที่แล้วที่ยืมกาสเตยานอสผ่านนิวยอร์ก ซิตี ขณะที่ ยันเคล เอร์เรรา เพิ่งเซ็นสัญญา 4 ปีกลางปีนี้หลังจากขอยืมใช้งานจากแมนฯซิตีในฤดูกาล 2022-23 รวมถึง อเล็กซ์ การ์เซีย ดาวมิดฟิลด์ตัวรับ ย้ายมาอยู่ถาวรกับคิโรนา ซึ่งเคยยืมจากแมนฯซิตี 2 ซีซัน

ซาวิโอ กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปี ซึ่งทำ 4 ประตู 5 แอสซิสต์จาก 16 นัดแรกในบอลลีกซีซันนี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งในความสำเร็จของทีมงานคิโรนา คาร์เซลเป็นคนเจอเพชรเม็ดงามในบราซิลก่อนทรัวส์ซื้อซาวิโอจากแอตเลติโก มิไนโร กลางปี 2022 โดยมีรายงานว่า บาร์เซโลนาเป็นทีมหนึ่งที่ให้ความสนใจ ล่าสุดมีการเจรจาเบื้องต้นว่าซาวิโออาจย้ายไปแมนฯซิตีสักวันหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม คิโรนายังต้องแข่งขันในตลาดกับสโมสรชั้นนำของยุโรปเช่นกัน ไม่ได้ใช้เส้นทางเชื่อมโยงในเครือข่ายซีเอฟจีเท่านั้น ตัวอย่างคือ ดอฟบิคและวิคตอร์ ซิกันคอฟ สองนักเตะทีมชาติยูเครนที่มีค่าตัว 7.75 ล้านยูโร และ 5 ล้านยูโรตามลำดับ รวมถึงบลินด์ กองหลังวัย 33 ปี ซึ่งย้ายมาจากบาเยิร์น มิวนิก หลังเคยค้าแข้งที่อาแจ็กซ์ และแมนฯยูไนเต็ด ถูกดึงเข้ามาเพิ่มประสบการณ์ภายในทีมเช่นเดียวกับ ดาบิด โลเปซ และคริสเตียน สตูอานี

ความสุขที่ได้เห็นเสื้อคิโรนาในบาร์เซโลนา

ผู้อำนวยการกีฬาให้สัมภาษณ์กับอีเอสพีเอ็นว่า “เห็นได้ชัดเลยว่าเป้าหมายซีซันนี้เปลี่ยนไปแล้ว เราไม่เคยคาดหวังอะไรอย่าง 38 คะแนนจาก 15 นัดแรก มันสร้างประวัติศาสตร์ และคงไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกเพราะเป็นเรื่องยากมากๆ”

เป้าหมายตอนนี้ก็คือพยายามให้อยู่ในพื้นที่โควตาสโมสรยุโรป (7 อันดับแรก) เพราะจากแต้มที่ได้มาแล้วทำให้เราเชื่อว่าสามารถต่อสู้เพื่อเป้าหมายนั้นได้”

คิโรนาเป็นเมืองตอนเหนือของคาตาลูญญา อยู่ห่างจากบาร์เซโลนาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 99 กิโลเมตร คิโรนาเป็นเมืองเก่าแก่มีเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ถูกใช้เป็นโลเคชันถ่ายทำโปรดักชันมากมายรวมถึงทีวีซีรี่ส์สุดฮิต Game of Thrones

ถ้าเป็นมุมด้านฟุตบอลไม่มีการขับเคี่ยวที่เข้มข้นในแคว้นคาตาลูญญา ที่ผ่านมามีเพียงบาร์เซโลนากับเอสปันญอลที่ลงไปเล่นเซกุนดาในฤดูกาลนี้ จึงเหลือคิโรนาทีมเดียวแถมสร้างความฮือฮาด้วยการบดบาร์ซา 4-2 คาบ้าน

คาร์เซลกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “การที่คิโรนามาอยู่ ณ จุดนี้ ได้ต่อสู้กับบรรดาสโมสรใหญ่ ช่วยดึงให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้น เราสะสมความสำเร็จทีละเล็กละน้อย ปัจจุบันมีเด็กมากมายเดินบนท้องถนนโดยสวมเสื้อทีมคิโรนา ต่างกับเมื่อครั้งผมมาที่เมืองนี้ราว 10 ปีที่แล้ว ไม่เจอใครสักคน ทุกคนสวมเสื้อบาร์ซา และนี่คือสิ่งที่เราพยายามต่อสู้เพื่อให้เติบโตงอกงาม ตอนนี้ผมเห็นเสื้อคิโรนาในบาร์เซโลนาด้วย ซึ่งมีความสำคัญมากเพราะแสดงให้เห็นว่า เราไม่ใช่ทีมฟุตบอลจากชายขอบอีกแล้ว”

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Our Work

เนรมิตศึก ElClasico คอนเซปต์ “สปอร์ต-เทนเมนท์” ย้อมบรรยากาศ แสง สี เสียง จัดเต็ม ดูบอลยักษ์ 8 เมตร ชมบิ๊กแมตช์ยิ่งใหญ่ที่สุดของลาลีกา จบเกม เรอัล มาดริด บุกแซงชนะ บาร์เซโลน่า 2-1

หนึ่งในงานหลักของ “ไข่มุกดำ” (KMD) ในพาร์ต Sport Services ที่เป็นอีกครั้งในความร่วมมือกับลาลีกา ประเทศไทย จัดอีเวนต์ชมฟุตบอลโดยครีเอตคอนเซปต์ การจัดการงานทั้งหมด การวางแผนโปรโมต และประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ออกมาเป็นงานกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจรที่สุดอีกครั้งหนึ่ง

อีเวนต์ศึกแห่งศักดิ์ศรียิ่งใหญ่ที่สุด “เอลกลาสซิโก” บาร์เซโลนา ปะทะ เรอัล มาดริด วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566 จัดขึ้นที่สนามฟุตบอลในร่ม ขอบสนาม อารีนา พระราม 9 โดยประเทศไทยเป็น 1 ในประมาณ 50 ประเทศทั่วโลก ด้วยคอนเซปต์ “สปอร์ต-เทนเทนท์” ย้อมสนามด้วยแสง สี เสียง เต็มพิกัดชมเกมสุดมันส์บนจอยักษ์ 8 เมตร เวทีใหญ่ 15 เมตร พร้อมกิจกรรมร่วมสนุกมากมายก่อน จู๊ด เบลลิงแฮม เป็นตัวแสบพามาดริดบุกแซงชนะ 2-1

ฟุตบอลแมตช์นี้ ถ่ายทอดสดประสบการณ์การรับชมผ่าน LaLiga Plus เว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นลาลีกาอย่างเป็นทางการ โดยเปิดฉากกิจกรรมบนเวทีหลักด้วย ดนตรีแนวป๊อปร็อค จากศิลปินดาวรุ่ง ‘iODEEN’ วงโมเดิร์นป็อปร็อก เป็นออเดิร์ฟเริ่มความมันส์ ตามด้วยกิจกรรมตอบคำถาม จาก ทีมขอบสนาม และพรีวิวเกมโดยสุดยอดกูรูบอลสเปนที่ทุกคนชื่นชอบ เจมส์ ลาลีกา, ขวัญ ลามาเซีย และ เบน บาร์ซ่าเข้าเส้น by แฟนพันธุ์แท้บาร์ซ่า ก่อนเริ่มเชียร์บอลพร้อมกัน เวลา 21.15 น.

“ต้องขอขอบคุณทุก ๆ คนที่มาร่วมงาน และพาร์ตเนอร์ทุกราย ประเทศไทยเป็น 1 ใน 40-50 ประเทศทั่วโลกที่จัดอีเวนต์ชมเกมฟุตบอลนัดนี้ ผมรู้สึกดีใจ และยินดีทุกครั้งที่ได้มีโอกาสสร้างประสบการณ์การเชื่อมโยงระหว่างฟุตบอลสเปนมาให้กับแฟนบอลไทยแบบนี้ และก็จะมีครั้งต่อ ๆ ไปอีกแน่นอน”

จอร์โจ ปอมปิลี รอสซี ตัวแทนลาลีกา ในประเทศไทย กล่าว

เกมส์ และกิจกรรมถูกนำมาให้แฟนบอลกว่า 200 คนที่ลงทะเบียนมาร่วมงานได้สนุกสนานกัน ทั้งจาก EA Sports, เกมยิงประตูล่าแต้ม, Lucky Draw ให้ลุ้นรับรางวัลน้อยใหญ่อีกมากมาย ทั้งเสื้อสกรีนโลโก้ลาลีกา เสื้อกีฬาและเสื้อยืดจาก Ari, รางวัลจาก EA Sport, เสื้อแท้บาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด ปิดท้ายด้วยรางวัลไฮไลท์ เสื้อบาร์เซโลน่า พร้อมลายเซ็นของอดีตนักฟุตบอลบาร์เซโลน่า ‘Gaizka Mendieta’ ซึ่งมาร่วมกิจกรรม Meet and Greet ล่วงหน้า 1 วัน

นอกจากแฟนบอลแล้ว เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ฟุตบอลมากมาย อาทิ เบลล์ ขอบสนาม, เกมส์เอง, มายด์ เปี๊ยกบางใหญ่, แตง Top4Official, ปาล์ม เพจ Real Madrid Thailand Fanclub, เพจ Real Betis Thailand แฟนคลับ, เพจ El Golazo : รู้ลึกบอลสเปน, ดูบอลกับแนท, และเหล่าพาร์ตเนอร์ของงาน ทั้ง ขอบสนาม, Ari, EA Sports และ Mahou ที่มาร่วมสนุก ออกบู๊ธ สร้างสีสัน และความมันส์ไปด้วยกัน

สำหรับศึก ElClasico ที่จัดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากกิจกรรมดูบอลแล้ว ทางลาลีกา ยังจัดฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างสื่อ และอินฟลูเอนเซอร์ฟุตบอล วันที่ 26 ตุลาคม ตามด้วย Meet and Greet ของตำนานฟุตบอลสเปน ‘Gaizka Mendieta’ ในวันถัดมาเพื่อโหมโรงก่อนศึกใหญ่ครั้งนี้

สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจกิจกรรมครั้งต่อไปของ “ไข่มุกดำ” เตรียมพบกับงานกางเต็นท์ ดูบอล ชมดาว ฟังเพลง ในชื่อ Go2Camp ชมเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – ลิเวอร์พูล และโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ – โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ไปด้วยกันที่นครนายก สนใจ…รออีกเล็กน้อยค่ะ

คลิกดูภาพบรรยากาศงานดูบอลที่นี่ได้เลย https://drive.google.com/drive/u/0/folders/1iFoGCbA4p5pXQEd1vuWEBUV6qYJYzN6f

คลิกชมภาพบรรยากาศงานเตะบอลกระชับมิตรระหว่างสื่อ และอินฟลูเอนเซอร์ ที่นี่ https://drive.google.com/drive/u/0/folders/1WA1NCU2nm2IOKOB6UZaNKZpvmRyCEiHb

เรื่อง: ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Column Special Content

ชาบีกับงานสร้าง “บาร์เซโลนา 2.0” ลงมือทันทีหลังคืนสู่บัลลังก์ ลา ลีกา

ชาบี เอร์นานเดซ เคยนิยามสโมสรบาร์เซโลนาไว้หลายวาระว่า เป็นทีมฟุตบอลที่อยู่ยากมากที่สุดในโลก ซึ่งตัวเขาเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วทั้งสถานะหัวหน้าโค้ชในตอนนี้และนักฟุตบอลเมื่อครั้งอดีต (1998 – 2015) ก่อนย้ายไปแขวนสตั๊ดที่กาตาร์ (2015 – 2019) หรืออาจย้อนกลับไปขณะอายุเพียง 11 ขวบที่เขาเข้าไปอยู่ในศูนย์ฝึกเยาวชนลา มาเซีย

ตำนานมิดฟิลด์ทีมชาติสเปน ซึ่งปัจจุบันอายุ 43 ปี ขยายความว่า ชัยชนะอย่างเดียวยังไม่เพียงพอสำหรับบาร์เซโลนา แต่ต้องชนะด้วยจิตวิญญาณหรือดีเอ็นเอของสโมสร

แซม มาร์สเดน ผู้สื่อข่าวพิเศษของอีเอสพีเอ็น สื่อใหญ่ระดับโลก กล่าวว่าคงต้องถกเรื่องนี้กันหลายชั่วโมงและต้องย้อนกลับไปรื้อฟื้นวิวัฒนาการช่วง 35 ปีที่ผ่านมาผ่านยุคสมัยของโยฮัน ครัฟฟ์ และเป๊ป กวาร์ดิโอลา แต่สามารถสรุปลักษณะดีเอ็นเอของบาร์เซโลนาด้วย 3 P’s คือ positioning, possession และ pressure

กล่าวคือ บาร์เซโลนาเป็นทีมที่เน้นการบุกและสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ บิลด์อัพเกมจากแบ็คไลน์ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ, เพรสไฮ, อินเตอร์เพลย์น้อยจังหวะเพียง 1-2 ครั้ง จนทำให้แฟนบอลดูการแข่งขันแบบก้นแทบไม่ติดเก้าอี้ ทำประตูสวยๆที่เหลือเชื่อ แน่นอนต้องชนะแมตช์และคว้าถ้วยชนะเลิศ

ซีซันที่แล้ว (2022-23) ชาบีเพิ่งพาบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ลา ลีกา สมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2019 แต่ได้รับเสียงวิจารณ์มากมายว่า บาร์เซโลนาชุดนี้ไม่ผ่านครบทุกข้อของดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน (KPI : Key Performance Indicator) โดยเฉพาะโกปา เดล เรย์ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ในเดือนมีนาคม 2023 แม้ลูกทีมของชาบีบุกเฉือนเรอัล มาดริด 1-0 ที่ซานติอาโก เบร์นาเบว

นัดนั้น ชาบีจำเป็นต้องปรับรูปแบบการเล่นเพราะนักเตะบาดเจ็บหลายคน ส่งผลให้ทีมราชันชุดขาวครองบอลมากกว่า 60%แม้นัด 2 ที่สปอติฟาย คัมป์ นู บาร์ซาครองบอลเพิ่มขึ้นเป็น 53% แต่โดนทีมเยือนถลุงยับ 0-4

งานใหญ่ที่รอชาบีอยู่หลังจบซีซัน 2022-23 คือ การสร้างทีมบาร์เซโลนาขึ้นมาใหม่ในเวอร์ชัน 2.0 โดยแหล่งข่าวสโมสรเปิดเผยกับอีเอสพีเอ็นว่า ชาบีต้องการให้ทีมพัฒนาการครองบอลให้มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไปนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมแทนโรนัลด์ คูมัน ในเดือนพฤศจิกายน 2021 แม้ซีซันแรก ชาบีสามารถขยับตำแหน่งบนตารางลา ลีกา จากอันดับ 9 ขณะนั้นขึ้นมาจบด้วยอันดับ 2 (แต่ตามหลังเรอัล มาดริด ถึง 13 คะแนน ส่วนซีซันที่ 2 บาร์ซาเข้าวินและอยู่ห่างคู่แข่งเอล กลาซิโก 10 คะแนน)

ชาบีเริ่มวางฐานรากให้ทีมด้วยเกมรับ

ย้อนกลับไปดูการยกเครื่องบาร์เซโลนาในตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้ว ดูเหมือนชาบีเริ่มโฟกัสงานวางฐานรากของทีมกับแนวรับด้วยการซื้อ ฌูลส์ กุนเด และ อันเดรียส คริสเตนเซน เข้ามาเสริม ขณะที่ โรนัลด์ อาเราโฮ และ อเลฆานโดร บัลเด 2 ดาวรุ่งจากทีมสำรอง ได้กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดใหญ่ นี่เป็นโฉมหน้าใหม่ของแบ็คโฟร์ โดยผู้รักษาประตูยังเป็น มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเกน ซึ่งย้ายมาจากโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ตั้งแต่ปี 2014 ก่อนที่ อิญญิโก มาร์ติเนซ จะตามมาจากแอธเลติก บิลเบา ในตลาดซัมเมอร์ปีนี้

ซีซันที่ผ่านมา อาซูลกรานาเสียเพียง 20 ประตูในลา ลีกา ถือว่าต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเมื่อนับเฉพาะฤดูที่เตะ 38 นัด โดยพวกเขาเฉือนชนะคู่แข่ง 1-0 ถึง 11 นัด บวกกับโชคเข้าข้างในบางนัด เกมรับพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดเทียบกับ 3 ซีซันก่อนหน้าที่เสีย 38 ประตูต่อฤดูกาล โดยเฉพาะกุนเดที่เล่นแบ็คขวา หรืออาเราโฮในบางกรณี เอื้อประโยชน์ให้บาร์ซาปรับแผงหลังเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค 3 คนเมื่อจำเป็น

เกมรับดีขึ้นแต่เกมบุกกลับอ่อนลงแม้ได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และ ราฟินญา เข้ามาเสริม แต่บาร์เซโลนาทำได้เพียง 70 ประตูในเกมลีกซีซัน 2022-23 (น้อยกว่าเรอัล มาดริด 5 ประตู) นี่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 15 ซีซันย้อนกลับไปซีซัน 2008-09 ที่กวาร์ดิโอลาคุมทีมปีแรก ที่พวกเขาทำสกอร์ต่ำกว่า 80 ประตู อีกครั้งคือซีซัน 2021-22 (68 ประตู) ซึ่งชาบีเพิ่งรับงานต่อจากคูมัน โดยช่วงดังกล่าว บาร์ซาถล่มตาข่ายทะลุหลัก 100 ถึง 7 ซีซัน

อย่างไรก็ตาม ชาบีได้ผลวิเคราะห์ออกมาว่า สิ่งที่จำเป็นต้องปรับปรุงในตลาดกลางปี 2023 คือ หาตัวแทนของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาหลังสิ้นซีซัน 2022-23 และหาผู้เล่นที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงสำหรับแดนกลาง แต่ด้วยข้อจำกัดทางการเงินและเงื่อนไขไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ชาบีจำเป็นต้องลดขนาดทีมลง เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ส่งผลให้ซีซัน 2023-24 มีนักเตะเพียง 19 คนที่ลงทะเบียนในทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลนา แม้กระทั่ง ลามีน ยามาล (อายุ 16 ปี) และ เฟอร์มิน โลเปซ (อายุ 20 ปี) ยังถูกดึงมาใช้งาน

“กานเซโล” สร้างอิมแพ็คต่อรูปแบบการเล่น

แซม มาร์สเดน มองว่า การยืมตัว ชูเอา กานเซโล จากแมนเชสเตอร์ ซิตี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 เป็นตัวบ่งชี้ว่าชาบีต้องการให้รูปแบบการเล่นของบาร์ซาออกไปในรูปแบบไหน กานเซโลสามารถยืนตำแหน่งแบ็คขวา ส่วนกุนเดย้ายไปเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค 

ฟูลแบ็คโปรตุกีสสามารถเล่นริมสนามเหมือนเป็นปีก และยังตัดเข้าในเพื่อรับหน้าที่มิดฟิลด์ โดยซีซันนี้ กานเซโลพยายามเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งเฉลี่ย 3.94 ครั้งต่อ 90 นาที ประสบความสำเร็จ 68% ดีกว่ากุนโดที่ซีซันก่อนมีตัวเลข 1.11 ครั้ง และ 50% กานเซโลยังสร้างโอกาส 1.26 ครั้งต่อ 90 นาที ทำ 2 ประตู 1 แอสซิสต์จาก 7 นัด เทียบกับซีซันที่แล้วของกุนโดที่สร้างโอกาส 0.59 ครั้ง ทำ 1 ประตู 3 แอสซิสต์จาก 29 นัดบอลลีก แต่ยิ่งกว่านั้น กานเซโลส่งอิมแพ็คต่อทีมอย่างชัดเจนในพื้นที่ final third

แต่อีกด้านหนึ่งยังมีจุดที่ชาบีต้องหาสมดุลระหว่างเกมบุกและรับ บาร์เซโลนาเสียไปแล้ว 10 ประตูจาก 10 นัดในลา ลีลา ซีซันนี้ ขณะที่ซีซันที่แล้ว กว่าที่พวกเขาจะเสียประตูถึงตัวเลขนี้ต้องรอถึง 31 นัด

ยังมีข้อมูลอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ซีซันที่แล้ว บาร์เซโลนามีค่า xGa (Expected goals against) หรือความเป็นไปได้ที่จะเสียประตูสูงถึง 33.61 แต่ที่เสียจริงเพียง 20 ประตู ส่วนหนึ่งมาจากความเหนียวของแทร์ ชเตเกน แต่ค่า xGa ซีซันนี้เพียง 9.88 เทียบกับเสียจริง 10 ประตู

“บุสเก็ตส์” อำลาสโมสรทำให้ชิ้นส่วนหายไป

ชาบีเปิดเผยว่า ตัวแปรสำคัญในตลาดซัมเมอร์คือ บาร์เซโลนาจะหาตัวแทนบุสเก็ตส์ ซึ่งตอนนี้ย้ายไปเล่นกับอินเตอร์ ไมอามี ได้ดีแค่ไหน แต่เพราะข้อจำกัดเรื่องเงิน ทีมจึงไม่สามารถซื้อเป้าหมายต้นๆอย่าง มาร์ติน ซูบิเมนดี (เรอัล โซเซียดัด) และ โจชัว คิมมิช (บาเยิร์น) แต่กลับต้องนำ โอริโอล โรเมว กลับมาหลังจากมิดฟิลด์ตัวรับวัย 31 ปี ตระเวนเล่นให้กับเชลซี, บาเลนเซีย, ซตุ๊ตการ์ท, เซาแธมป์ตัน และกีโรนา

โรเมวเริ่มซีซันได้ดีก่อนมีเครื่องหมายคำถามเมื่อการแข่งขันผ่านไปโดยเฉพาะเมื่อ เฟรงกี เดอ ยอง บาดเจ็บ โรเมวถุกมองว่าฝีเท้าต่างระดับจากมิดฟิลด์คนอื่นในทีม เดอ ยอง, เปดรี, กาบี และ อิลคาย กุนโดกัน นักวิจารณ์มองว่าบาร์เซโลนาดีขึ้นในจังหวะครองบอลเมื่อไม่มีโรเมว พิจารณาจากผลต่างประตู +17 รวมทุกรายการ เทียบกับ +1 ประตูเมื่อโรเมวลงสนาม

นั่นทำให้มีข่าวออกมาว่า ชาบีต้องการเสริม deep-lying midfielder ซึ่งการแก้ปัญหาระยะสั้น ถ้าเดอ ยอง และเปดรีกลับมาฟิตพร้อมลงสนาม สตาฟฟ์โค้ชยังต้องการให้โรเมวยืนหน้าแบ็คโฟร์ต่อไปหรือไม่

“กุนโดกัน” เผชิญงานท้าทาย creative midfielder

แม้ได้ อิลคาย กุนโดกัน ในวัย 33 ปีมาแบบฟรีๆ แต่นั่นไม่ได้ตอบโจทย์ชาบีที่ต้องการ creative midfielder แหล่งข่าววงในระบุว่า ชาบีรู้สึกถึงความจำเป็นที่ต้องมีตัวเชื่อมระหว่างแนวรับกับแนวรุกในลักษณะของ ซานติ กาซอร์ลา อดีตมิดฟิลด์อาร์เซนอล ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า แบร์นาโด ซิลวา ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเป็นเป้าหมายของกุนซือวัย 43 ปี แต่คงยากในสภาพเงินกองคลังตอนนี้

กุนโดกันสามารถรับหน้าที่นั้นได้เช่นเดียวกับ เปดรี ซึ่งพลาดลงสนามเพราะบาดเจ็บไปแล้ว 25 นัดนับตั้งแต่ต้นซีซันที่แล้ว บาร์เซโลนาจึงต้องพึ่งพาผลงานสร้างสรรค์ในแดนกลางของกุนโดกัน เขามีสถิติ xA (expected assists) 2.35 ครั้ง อยู่อันดับ 7 ของลา ลีกา และมีจำนวน chances created 21 ครั้ง อยู่อันดับ 5 ซึ่งไม่มีเพื่อนร่วมทีมบาร์ซาคนไหนที่มีผลงานใกล้เคียงเขา เฟร์ราน ตอร์เรส และ กาบี ตามมาห่างๆที่ตัวเลข 10 ครั้งเท่ากัน ขณะที่ ชูเอา เฟลิกซ์, เลวานดอฟสกี และกานเซโล สร้างโอกาสได้คนละ 8 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม สตาฟฟ์โค้ชของชาบีมั่นใจว่า ถ้ากุนโดกันและเปดรีลงสนามด้วยกันนานขึ้น ผลงานน่าจะยกระดับเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้

เกมรุกที่หลากหลายและเหนือการคาดเดา

แม้ปราศจาก เปดรี ดาวรุ่งวัย 20 ปี แต่การเข้ามาของ ชูเอา เฟลิกซ์ และกานเซโล ช่วยให้เกมบุกดีขึ้นผิดหูผิดตาถึงขั้นชาบียกให้เป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของบาร์เซโลนานับตั้งแต่คุมทีม ซึ่งเขาหมายถึงการลงตัวจริง 2 นัดแรกของ 2 นักเตะโปรตุกีส ในเกมที่ชนะ 5-0 ติดต่อกันในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบเรอัล เบตีส และรอยัล อันท์เวิร์ป

ชัยชนะดังกล่าวบ่งชี้ถึงสิ่งที่ชาบีพยายามเพิ่มเติมให้ทีมในซีซันนี้ได้แก่ ความหลากหลายและความสร้างสรรค์จากตำแหน่งแบ็คขวาของกานเซโล, การเปิดเกมรุกที่คาดเดาได้ยากของเฟลิกซ์ และความเฉลียวฉลาดของกุนโดกัน แม้ยังขาดความสม่ำเสมอแต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีของทีม

โชคร้ายที่เลวานดอฟสกีและราฟินญาบาดเจ็บ แต่กลับทำให้ชาบีค้นพบ “ความกล้าหาญ” จากนักเตะอะคาเดมี ซึ่งตรงกับคุณลักษณะของลูกทีมที่เขาต้องการคือ พร้อมเสี่ยงไปกับลูกฟุตบอล, ไม่ลังเลที่จะวิ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม, พยายามผ่านบอลเข้าไประหว่างไลน์ และเล่นโดยปราศจากความกลัว

หนึ่งในตัวอย่างที่ชาบีออกปากเองคือ มาร์ก กุย ซึ่งอายุเพียง 17 ปี ลงสนามให้ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเพียง 30 วินาที กลายเป็นคนทำประตูชัยนาทีที่ 80 ให้บาร์เซโลนาชนะแอธเลติก บิลเบา 1-0 ในบอลลีกนัดที่ 10 ของซีซัน

กุยเป็นผลผลิตล่าสุดที่ได้รับการปลูกฝังดีเอ็นเอจากศูนย์ฝึกลา มาเซีย ก่อนหน้านี้ก็คือ ยามาล ซึ่งเป็นผู้เล่นสำคัญที่ทำให้ทีมกลับมาในแมตช์กับกรานาดา และโลเปซ ซึ่งลุกจากเก้าอี้ข้างสนามเพื่อช่วยทีมในเกมกับมายอร์กา ขณะที่ กาบี (อายุ 19 ปี) และ บัลเด (อายุ 20 ปี) ต่างเป็นตัวจริงขาประจำของทีมไปแล้ว

เฟลิกซ์ ซึ่งยืมตัวจากแอตเลติโก มาดริด ตลอดซีซันนี้ มีบทบาทสำคัญอีกคนหนึ่งโดยเฉพาะในสภาวะที่บาร์เซโลนาไม่มีเลวานดอฟสกีและราฟินญาที่บาดเจ็บ ขณะที่ฟอร์มตอร์เรสยังไม่คงเส้นคงวา รวมถึง อุสมาน เดมเบเล และ อันซู ฟาติ ซึ่งย้ายออกจากสโมสร เฟลิกซ์สามารถถอยลงไปในแดนกลาง สร้างสรรค์พื้นที่ว่างและเกมรุก แม้เพิ่งทำได้ 1 ประตูจาก 7 นัดแต่มีค่า xG ถึง 3.07 กระนั้นเชื่อได้ว่าบาร์ซาสามารถคาดหวังจากแนวรุกวัย 23 ปี ได้มากกว่านี้แน่นอน

ชาบีคุมทีมบาร์เซโลนาลงสนามเกิน 100 นัดแล้ว และกำลังจะทำงานครบ 2 ปีเต็มในเดือนพฤศจิกายน 2023 แม้เพิ่งพาทีมกลับมาครองบัลลังก์ลีกสเปนได้หลังว่างเว้นมา 3 ปี แต่นั่นไม่ได้รับประกันได้เลยว่า เขาจะประสบความสำเร็จในซีซันนี้และซีซันต่อๆไป โดยเฉพาะเรอัล มาดริด ยังแสดงถึงความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการสร้างทีม “บาร์เซโลนา 2.0” จึงมีความสำคัญต่ออนาคตของสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นคาตาลูญญา

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Our Work

ลาลีกา สนุกกว่าเดิม!! ต้อนรับฤดูกาลใหม่ นัดมีตติ้งสื่อ อินฟลูเอนเซอร์ สไตล์นั่งชิล สวนหลังบ้านเพื่อน เปิดตัว LALIGA+ แพลตฟอร์มชมบอลสเปน สด ครบ 380 แมตช์ พร้อมโลโก้ใหม่ สโลแกนใหม่ สปอนเซอร์ใหม่ เข้าถึงแฟนบอลมากขึ้น

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลาลีกาได้พยายามปรับปรุง เพื่อสร้างประสบการณ์ให้แฟนฟุตบอลสเปนจากพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก และแน่นอนว่า ตลาดอาเซียนนำโดยประเทศไทย คือ ตลาดหลักที่ลาลีกาให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง

สืบเนื่องจากปีที่แล้ว เปิดตัวแอพพลิเคชั่น “LaLiga Pass” ไปหมาด ๆ ล่าสุด “ลาลีกา” จัดเต็มซีซั่น 2023/24 ให้แฟนบอลไทยลุ้นสนุกมากกว่าเดิม ผ่านแอพพลิเคชั่น LALIGA+ แพลตฟอร์ม OTT ที่ปรับปรุงใหม่ สำหรับแฟนกีฬาทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ที่จะทำให้แฟนลูกหนังได้ใกล้ชิดลีกกระทิงดุ และคอนเทนท์อื่น ๆ ที่เตรียมไว้ได้มากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ฤดูกาลนี้ยังมาพร้อมกับการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ที่เป็นตัวอักษรย่อ LL ในสีแดงคอรัล (Coral Red) เริ่มใช้ในฤดูกาลนี้ แทนที่โลโก้เดิมที่ถูกใช้มายาวนานกว่า 30 ปี 

สำหรับในประเทศไทย ฤดูกาลนี้ เริ่มต้นที่การเปิดตัวโลโก้ใหม่ พร้อมสโลแกนใหม่ (รายละเอียดท้ายบทความ) ด้วยการร่วมบูรณะสนามฟุตซอล ภายใต้โปรเจคต์ Second Chance สำเร็จเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2556 ที่ผ่านมา ณ โรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส (แสนสวัสดิ์วิทยาคาร) เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยได้ศิลปินกราฟฟิติ-สตรีทอาร์ท ที่ได้รับการยอมรับสูงที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย “มวย” ปิยศักดิ์ เขียวสะอาด มารังสรรค์ผลงาน พร้อมต้อนรับโลโก้ใหม่ และประเดิมการใช้สนามด้วยฟุตบอลกระชับมิตรแมตช์พิเศษระหว่างครู นักเรียน และตัวแทนหน่วยงานราชการท้องถิ่น กับสื่อมวลชน หาเงินสมทบทุนปรับปรุงโรงอาหารโรงเรียนอีกด้วย

สนามฟุตซอลแห่งนี้ ได้รับการเพนท์ ด้วยลวดลายที่สวยงาม มีทั้งภาพช้าง สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย ลูกฟุตบอลที่พุ่งตรงเข้าไปในตาข่าย ภาพเจดีย์เอียง ที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด รวมไปถึงภาพลิง ที่เป็นเสมือนลายเส้นสำคัญของศิลปินอย่างคุณมวย ภายใต้สีหลัก แดง และฟ้า สอดคล้องไปกับสีของโลโก้ใหม่ลาลีกา แทรกด้วยสีอื่น ๆ ตามสไตล์ของศิลปิน และความสอดคล้องของพื้นผิวสนามประหนึ่งสายน้ำทอดต่อเนื่องไปถึงกำแพงซึ่งสามารถกลายเป็นจุดเช็คอิน และสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยี่ยมเยือนเกาะเกร็ด นอกเหนือจากการมาชมแหล่งที่ปั้นดินเผา เจดีย์เอียง แวะทานอาหารท้องถิ่น อย่าง ทอดมันหน่อกะลา  

และถัดมา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 ณ ร้านอาหารสเปน El Tapeo Bangkok “ลาลีกา ประเทศไทย” ได้จัดกิจกรรมเปิดฤดูกาลใหม่ ลาลีกา 2023/24 พร้อมเชิญ 3 กูรูฟุตบอลสเปน เจมส์ ลาลีกา, ขวัญ ลามาเซีย และ เบน บาร์ซ่าเข้าเส้น มาร่วมทอล์คก่อนเริ่มเปิดศึกดวลแข้งนัดแรก พร้อมด้วยอินฟลูเอนเซอร์ และสื่อกีฬามากมาย นำโดย พีชชงพีชชี่, เดอะนัท ซัดหมดแม็กซ์, ดูบอลกับแนท, Top4Thailand, ต่อ ณ ระนอง, ผู้บริหาร Ari, มายด์ เปี๊ยกบางใหญ่, ต้นทางฟุตบอล, โฟนตุง, ทีมขอบสนามชุดใหญ่ นำโดย เกมส์เอง, เปี๊ยก บางใหญ่, ตัวแทนจาก SiamSport, เพจ Real Madrid Thailand Fanclub, เพจ Real Betis Thailand แฟนคลับ เพจ เรอัล เบติส, เพจ El Golazo : รู้ลึกบอลสเปน และสื่อหลัก อาทิ The Nations และมติชน

พร้อมด้วยตัวแทนจาก TikTok ประเทศไทย และอินฟลูเอนเซอร์สาย TikTok รุ่นใหม่มาแรง อย่าง Bluemoon, ตัวเทพฟุตบอล, Opalallin, caraunited, ผู้หญิงดูบอล, บ้าบอคอร์บอล, bonusachiraya และ footballmax.official รวมกว่า 50 คน ร่วมพบปะ พูดคุย ทานอาหารสเปนแบบเรียบง่าย และกันเอง ภายใต้อีเวนท์ “LALIGA SEASON KICK-OFF 2023/24” ธีมทานอาหารในสวนหลังบ้านเพื่อน

บรรยากาศในงานอบอุ่น เรียบง่าย สนุก เพราะมีโอกาสไม่มากนักที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และสื่อ หลากหลายรุ่นจะได้โคจรมาพบปะ พูดคุย สังสรรค์กัน ในงานยังถือโอกาสถ่ายทำรายการLaLiga Plus Talk EP. 2 ไปด้วย ซึ่งเป็นรายการวิเคราะห์เจาะลึกลาลีกาในทุกสัปดาห์ โดยกูรูฟุตบอลสเปนชาวไทย รับชมได้ทางแอพพลิเคชั่น LALIGA+

เพิ่มเติมด้วยสายตรงจาก ผู้บริหาร LALIGA+ มร.อเลฮานโดร กวาดาลาฮารา สตรีมมิ่งมาร่วมพูดคุยถึงความโดดเด่น แตกต่าง และคอนเทนท์พิเศษที่จะรับชมได้จากแอพพลิเคชัน รวมถึงได้ดาวรุ่ง ฆาบี เกร์รา จากสโมสรบาเลนเซีย ต่อสายมาทักทายถึงในงานด้วยเช่นกัน

โดย มร.จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี ตัวแทน ลาลีกา ประเทศไทย กล่าวว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับ ลาลีกา EA SPORTS ที่เตรียมจะเปิดฉากฤดูกาลใหม่ที่เต็มไปด้วยความใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ลาลีกา เพราะเราจะมีโลโก้ใหม่, สโลแกนใหม่ และพาร์ตเนอร์ใหม่ EA Sports ที่จะเข้ามาขยับโลกฟุตบอลจริง กับดิจิตอล เข้ามาหากันเพื่อจะสร้างสรรค์ให้เกิดลีกที่จะเข้าถึงกลุ่มแฟน ๆ ได้มากกว่าเดิม”

ลาลีกา ในฤดูกาลนี้ ได้รับการคาดหมายว่า จะเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นที่สุดไม่แพ้ฤดูกาลที่ผ่าน ๆ มา นำโดย บาร์เซโลน่า ที่ตั้งเป้าจะป้องกันแชมป์ให้ได้อีกครั้ง และผู้ท้าชิงตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด ของ อันเชลอตติ ที่มีความทะเยอทะยาน หวังทวงความยิ่งใหญ่กลับคืน รวมถึงแอตเลติโก มาดริด โซเซียดัด และ เบติส ที่พร้อมสอดแทรกลุ้นตำแหน่งเช่นเดียวกัน

ส่วนทีมระดับรองลงมา พวกเขาก็พร้อมที่จะยกระดับทีมให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อสู้กันให้สนุกที่สุด รวมถึง 3 ทีมน้องใหม่ ได้แก่ อลาเบส, กรานาดา และลาส พัลมาส ที่อาจสร้างเซอร์ไพรส์ชนิดที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้

และก่อนเริ่มต้นฤดูกาลนี้ ลาลีกายังได้มีผู้เล่นดาวดังเข้ามาใหม่หลายราย อาทิเช่น จู๊ด เบลลิ่งแฮม ของ เรอัล มาดริด, อิลคาย กุนโดกัน ของ บาร์เซโลน่า และ ชากลาร์ โซยุนซู ของ แอตฯ มาดริด เป็นต้น

ใครที่ไม่อยากพลาดการแข่งฟุตบอลลีกสเปน ซีซั่น 2023/24 ที่กำลังจะเริ่มขึ้น อย่าลืมดาวน์โหลด และสมัครแอพพลิเคชั่น LALIGA+ กันไว้ได้เลย แอพฯ นี้ จะถ่ายทอดสดครบทั้ง 380 แมตช์ สำหรับ LALIGA EA SPORTS นำทัพโดย บาร์เซโลนา (แชมป์เก่า), เรอัล มาดริด, แอตเลติโก มาดริด และลีกรองอย่าง LALIGA Hypermotion ที่มีทีมระดับตำนานทั้งเอสปันญอล, เรอัล บายาโดลิด, เลบันเต เป็นต้น พร้อมรวบรวมไฮไลท์การแข่งขัน, รายงานพิเศษ, บทสัมภาษณ์เอ๊กซ์คลูซีฟ, เนื้อหาพิเศษอื่น ๆ อาทิ สารคดีฟุตบอล เป็นต้น

สำหรับแพ็คเกจหลัก LALIGA EA แฟนบอลจะได้ชม ทุกแมตช์ LALIGA EA, ไฮไลท์ยาวทุกแมตช์, คอนเทนท์พิเศษ และสารคดีเกี่ยวกับ ลาลีกา เป็นต้นในราคาพิเศษลด 50% เพียง 399.50 บาทตลอดฤดูกาลจากราคาเต็ม 799 บาท 

สนใจสมัคร LALIGA+ คลิกที่นี่ได้เลย https://bit.ly/3OBEpNP

สำหรับงานเปิดนี้ และทุกกิจกรรมของ ลาลีกา ในประเทศไทย ทาง KMD ในส่วน Sport Services ต้องขอขอบคุณ ลาลีกา ที่ไว้ใจให้เป็นตัวกลางจัดงาน และได้มีโอกาสเชื่อมโยงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในวงการสื่อกีฬา, ฟุตบอล และไลฟ์สไตล์ เข้ามารวมกันซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุก ๆ คน ทุก ๆ องค์กร ไว้ ณ ที่นี้

เรียบเรียง : ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย

—————————

เกี่ยวกับลาลีกา

ลาลีกา เป็นองค์กรระดับโลกแห่งนวัตกรรม ซึ่งเป็นผู้นำในด้านกีฬาและสันทนาการ ประกอบด้วยสโมสรในลีกระดับดิวิชั่น 1 (LALIGA EA SPORTS) 20 สโมสร และสโมสรในลีกระดับดิวิชั่น 2 (LALIGA HYPERMOTION) 22 สโมสร มีหน้าที่จัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพในประเทศสเปน

ลาลีกา เป็นลีกฟุตบอลที่มีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดตามมากกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก จาก 16 แพลตฟอร์ม ใน 20 ภาษาที่แตกต่างกัน มีสำนักงานใหญ่ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน และสำนักงานย่อย 11 แห่ง ปัจจุบันมีเครือข่ายใน 41 ประเทศ และตัวแทน 44 คน

ลาลีกา ยังเป็นองค์กรที่ดำเนินงานภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นพื้นฐาน โดยเป็นลีกฟุตบอลอาชีพแห่งแรกของโลก ที่จัดตั้งลีกฟุตบอลสำหรับผู้พิการทางด้านสติปัญญา (LaLiga Genuine)

—————————

เกี่ยวกับโลโก้ใหม่ ลาลีกา

โลโก้ใหม่ของลาลีกา จะเป็นตัวอักษรย่อ LL โดยมีสีแดงคอรัล ที่เป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหล พลังงาน และความตื่นเต้นของฟุตบอล ที่ทันสมัยแต่ลึกลับ ซึ่งมาภายใต้สโลแกนใหม่ “THE POWER OF OUR FÚTBOL” เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงการแข่งขันฟุตบอลที่จะส่งแรงบันดาลใจที่ดีไปให้กับสังคม

Categories
Our Work

ลาลีกา ร่วมบูรณะสนามฟุตซอล โรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส เกาะเกร็ด เตะบอลกระชับมิตร พร้อมเปิดตัวโลโก้ใหม่ และหาเงินสมทบทุนปรับปรุงโรงอาหารโรงเรียน

“เกาะเกร็ด” หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดนนทบุรี เป็นชุมชนคนมอญที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องปั้นดินเผา และยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งวัฒนธรรมแบบพื้นบ้านดั้งเดิม

การท่องเที่ยวในเกาะเกร็ด จะครึกครื้นช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ร้านค้า ร้านอาหาร ขนมไทยต่าง ๆ ของคนในพื้นที่ มีร้านกาแฟให้นักท่องเที่ยวได้แวะพักผ่อน รวมไปถึงก็การนั่งเรือชมรอบเกาะ ก็ยังมีอีกเช่นกัน

แต่อีกหนึ่งเรื่องน่าสนใจคือ บนเกาะเกร็ด จะมีสนามฟุตซอลที่ค่อนข้างมาตรฐานที่สุด เพียงสนามเดียว ซึ่งอยู่ในโรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส เดิมทีเกาะเกร็ด และสนามแห่งนี้ เมื่อถึงเวลาหน้าฝน หรือช่วงที่มีน้ำท่วมนาน ๆ สนามก็จะทรุดโทรมไปตามสภาพ และจากเหตุอุทกภัยจากน้ำท่วมเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ทำให้สภาพสนามแห่งนี้ ได้รับความเสียหายอย่างมาก นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทางเราทีม ไข่มุกดำ และ ลาลีกา เร่งเห็น จึงติดต่อทางผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อบูรณะสนาม ภายใต้โปรเจคต์ Second Chance นี้

โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2556 ที่ผ่านมา “ลาลีกา ประเทศไทย” นำโดย มร.จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี ตัวแทน ลาลีกา ได้จัดกิจกรรมส่งมอบงานบูรณะสนามฟุตซอล โรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส (แสนสวัสดิ์วิทยาคาร) เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยได้ศิลปินกราฟฟิติ-สตรีทอาร์ท ที่ได้รับการยอมรับสูงที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย “มวย” ปิยศักดิ์ เขียวสะอาด มารังสรรค์ผลงาน พร้อมต้อนรับโลโก้ใหม่ ลาลีกา และประเดิมการใช้สนามด้วยแมตช์พิเศษ หาเงินสมทบทุนปรับปรุงโรงอาหารโรงเรียน 

โดย มร.จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำโปรเจคต์ลักษณะนี้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย มันแสดงให้เห็นว่า ลาลีกา ไม่ได้นำแค่ฟุตบอลสเปนเข้ามาใกล้แฟนฟุตบอลไทย แต่เป็นประโยชน์ที่ทำให้แก่ชุมชนด้วยเช่นกัน ภายใต้รูปลักษณ์โลโก้ใหม่ ลาลีกาต้องการจะสร้างแรงบันดาลใจไปทั่วโลกผ่านคุณค่าของเกมฟุตบอล และหวังจะขยายโปรเจคต์ไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนด้วยเช่นกัน”

ขณะที่ นาย จิราปรัชญ์ ณ ป้อมเพชร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส (แสนสวัสดิ์วิทยาคาร) กล่าวว่า “ผมขอเป็นตัวแทนขอบคุณลาลีกาสำหรับการบูรณะสนามกีฬาของโรงเรียนในครั้งนี้ที่ไม่เพียงแต่เกิดประโยชน์ต่อเด็กนักเรียนเท่านั้น แต่ยังเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อชุมชนให้ได้ใช้เป็นสถานที่ออกกำลัง สันทนาการ จัดงานพิธี และด้วยการออกแบบที่อิงกับชุมชน พื้นที่นี้ยังสามารถเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผู้คนจดจำเกาะเกร็ด และอยากแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนได้อีกด้วย”

สนามฟุตซอลแห่งนี้ ได้รับการเพนท์ ด้วยลวดลายที่สวยงาม มีทั้งภาพช้าง สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย ลูกฟุตบอลที่พุ่งตรงเข้าไปในตาข่าย ภาพเจดีย์เอียง ที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด รวมไปถึงภาพลิง ที่เป็นเสมือนลายเส้นสำคัญของศิลปินอย่างคุณมวย ภายใต้สีหลัก แดง และฟ้า สอดคล้องไปกับสีของโลโก้ใหม่ลาลีกา แทรกด้วยสีอื่น ๆ ตามสไตล์ของศิลปิน และความสอดคล้องของพื้นผิวสนาม ต่อเนื่องไปถึงกำแพงซึ่งสามารถกลายเป็นจุดเช็คอิน และสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่จะมาเยี่ยมเยือนเกาะ นอกเหนือจากการมาชมแหล่งที่ปั้นดินเผา เจดีย์เอียง แวะทานอาหารท้องถิ่น อย่าง ทอดมันหน่อกะลา  

บนสนามยังได้เห็นตัวหนังสือ #OneHumanity ซึ่งเป็นแคมเปญของลาลีกา และ UNAOCโปรโมตไปทั่วโลกเพื่อสนับสนุนความสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียว ความเคารพ ในโลกของกีฬา และมีสโลแกน THE POWER OF OUR FÚTBOL” อยู่บนสนาม 

สำหรับโลโก้ใหม่นี้ ตัวอักษรย่อ LL ในสีแดงคอรัล จะเริ่มใช้ในฤดูกาล 2023/24 นี้แทนที่โลโก้เดิมที่ถูกใช้มายาวนานกว่า 30 ปี โดยแฟนฟุตบอลชาวไทยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดครบทุกแมตช์ ผ่านทางแอพลิเคชั่น ‘LALIGA+’ และมีการบรรยายเป็นภาษาไทยด้วยในบางแมตช์ โดยสามารถสมัครสมาชิกแบบรายเดือน หรือทั้งฤดูกาล บนโทรศัพท์มือถือทั้งระบบ iOS และ Android” 

สำหรับคอนเทนท์ที่จะมีอยู่ใน LaLiga Plus มีทั้งรายการสั้น, สารคดี และแมตช์ลาลีกาสุดคลาสสิก ที่สามารถรับชมได้ฟรี นอกจากนี้ ยังมีคอนเทนท์ที่จัดทำขึ้นเฉพาะในประเทศไทย กับรายการใหม่ “LaLiga Pass Show” วิเคราะห์เจาะลึกลาลีกาในทุกสัปดาห์ โดยกูรูฟุตบอลสเปนชาวไทย นำโดย ขวัญ ลามาเซีย, เจมส์ ลาลีกา เบน บาร์ซ่าเข้าเส้น และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งก่อนเกมกระชับมิตรวันเสาร์ที่ 22 ก.ค.จะมีการพาสื่อมวลชนเดินเที่ยวชมเกาะเกร็ด นำโดย ขวัญ ลามาเซีย, เบน บาร์ซ่าเข้าเส้น, อาย Poprock On Field, เบน ฟรีคิ๊ก (เบน Soccer Suck), ต่อ ณ ระนอง และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย โดยมีมัคคุเทศก์น้อย ที่เป็นเด็กนักเรียนของโรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส พาเดินเที่ยว ไปไหว้พระที่วัดปรมัยยิกาวาส ชมเจดีย์เอียง แล้วเดินตลาด ทานอาหารขึ้นชื่อของเกาะเกร็ด อย่าง ทอดมันหน่อกะลา รวมทั้งขนม หรือ อาหาร อื่น ๆ อีกด้วย

และเดิมทีตามแพลน น้อง ๆ มัคคุเทศก์ตั้งใจจะพาสื่อมวลชนไปชมและลองปั้นเครื่องปั้นดินเผา ที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำเกาะเกร็ดด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ฝนฟ้าที่เราไม่อาจควบคุมได้ไม่เป็นใจนัก บวกกับเวลาที่มีจำกัด จึงเป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ได้แวะเข้าไปทำกิจกรรมส่วนนี้กัน

ส่วนช่วงเย็นจะเป็นการเตะบอลกระชับมิตรการกุศล ระหว่างทีมสื่อมวลชน กับ ทีมของคุณครู นักเรียน และตัวแทนหน่วยงานของท้องถิ่น ร่วมกับชาวบ้าน ภายใต้บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ จากความสุขของการได้ทำกิจกรรม และได้การร่วมกันสมทบกองทุนทอดผ้าป่าเพื่อการศึกษา และปรับปรุงโรงอาหารให้กับนักเรียน เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่ได้มีโรงอาหารเป็นสัดเป็นส่วนให้นักเรียน และเมื่อถึงเวลาหน้าฝน หรือช่วงที่มีน้ำท่วม นักเรียนจะไม่มีพื้นที่สำหรับนั่งทานอาหารกัน ทางโรงเรียนจึงเห็นสมควร และอยากสร้างโรงอาหารให้แก่นักเรียน

✍️ ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Special Content

อุดมการณ์ที่แตกต่าง : เรอัล มาดริด – บาร์เซโลน่า คู่อริที่เป็นมากกว่าเกมฟุตบอล

มาดริด และบาร์เซโลน่า 2 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน ซึ่งมีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งกันมาตั้งแต่ยุคโบราณ และความขัดแย้งนั้น ก็ได้ส่งต่อสู่เกมฟุตบอล ที่ดวลบนสนามหญ้ามานานกว่า 100 ปี

การพบกันของ 2 สโมสรลูกหนังที่ดีที่สุดในสเปน และอาจจะดีที่สุดในโลก ระหว่างเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ถูกเรียกว่า “เอล กลาซิโก้” (El Clásico) เจอกันครั้งใดก็สัมผัสได้ถึงความคลาสสิก

แมตช์นี้ มีความหมายมากกว่าเกมฟุตบอลธรรมดา ๆ เพราะเป็นการต่อสู้ของ 2 เมืองใหญ่ ที่มีความแตกต่างกันทั้งเรื่องเชื้อชาติ และอุดมการณ์ทางการเมืองจากประวัติศาสตร์ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

“ราชันชุดขาว” ถูกมองว่าเป็นทีมของฝ่ายอำนาจนิยม ส่วน “เจ้าบุญทุ่ม” คือตัวแทนแห่งเสรีนิยม ที่ต้องการปลดแอกจากเมืองหลวง ทำให้ตกเป็นเป้าหมายในการเล่นงานจากรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง

ซึ่งก่อนที่ทั้ง 2 ทีม จะเผชิญหน้ากันในวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคมนี้ ก็มีประเด็นของบาร์เซโลน่า ที่ถูกลาลีกากล่าวหาว่าติดสินบนกรรมการ และเรอัล มาดริด อริตัวแสบ ก็ไม่พลาดที่จะร่วมฟ้องร้องด้วย

“เอล กลาซิโก้” ซีซั่นนี้ ชิ้ทิศทางลุ้นแชมป์

ก่อนการต่อสู้ในยกสอง ที่สปอติฟาย คัมป์ นู สถิติการพบกันในลาลีกา เรอัล มาดริด ชนะ 77 ครั้ง บาร์เซโลน่า ชนะ 73 ครั้ง และเสมอกัน 35 ครั้ง ส่วนจำนวนแชมป์ลีกสูงสุด เรอัล มาดริด 35 สมัย และบาร์เซโลน่า 26 สมัย

สถานการณ์ล่าสุดของการลุ้นแชมป์ลาลีกา 2022/23 บาร์เซโลน่า นำเป็นจ่าฝูง มี 65 คะแนน นำห่างเรอัล มาดริด ทีมอันดับที่ 2 อยู่ 9 แต้ม ผลแข่ง “เอล กลาซิโก้” ครั้งที่ 186 ในลีก จะเป็นตัวชี้ทิศทางการลุ้นแชมป์ของทั้ง 2 ทีม

การจัดอันดับคะแนนในลาลีกา ถ้ามีทีมที่คะแนนเท่ากัน (2 ทีมหรือมากกว่า) จะพิจารณาผลการแข่งขันที่ในแมตช์ที่พบกันเอง (เฮด-ทู-เฮด) เป็นลำดับแรก ซึ่งการใช้กฎเฮด-ทู-เฮดนั้น จะมีผลหลังจากจบฤดูกาลเรียบร้อยแล้ว

การดู “เฮด-ทู-เฮด” ของลีกสเปน จะไม่มีการนับประตูทีมเยือน (อเวย์โกล) ถ้าเฮด-ทู-เฮด เท่ากัน ให้ข้ามไปพิจารณาที่ประตูได้-เสียนับรวมทั้งซีซั่น ซึ่งแมตช์แรกที่ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว เป็นราชันชุดขาว เอาชนะ 3 – 1

ความเป็นไปได้ของผลการแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ ถ้าเรอัล มาดริด เก็บชัยได้ จะจี้บาร์เซโลน่าเหลือ 6 แต้ม และผลงาน “เฮด-ทู-เฮด” ดีกว่า หรือผลเสมอ ก็ตามหลังบาร์เซโลน่า 9 แต้มเท่าเดิม แต่ “เฮด-ทู-เฮด” ยังเหนือกว่า

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากบาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายชนะ ต้องแยกออกเป็น 3 กรณี ดังต่อไปนี้

– ชนะด้วยผลต่าง 1 ประตู : บาร์เซโลน่า นำห่าง 12 แต้ม แต่ผลงานเฮด-ทู-เฮด เรอัล มาดริด ยังได้เปรียบ

– ชนะด้วยผลต่าง 2 ประตู : บาร์เซโลน่า นำห่าง 12 แต้ม ผลงานเฮด-ทู-เฮด เท่ากับเรอัล มาดริด ต้องไปวัดที่ประตูได้-เสีย โดยในตอนนี้ “เจ้าบุญทุ่ม” ได้ 47 เสีย 8 (ผลต่าง +39) ส่วน “ราชันชุดขาว” ได้ 50 เสีย 19 (ผลต่าง +31)

– ชนะด้วยผลต่าง 3 ประตู หรือมากกว่า : บาร์เซโลน่า นำห่าง 12 แต้ม แถมผลงานเฮด-ทู-เฮด เหนือกว่าเรอัล มาดริด อีกด้วย

เริ่มต้นจากการเป็นมิตร

ก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงมาดริด และเมืองบาร์เซโลน่าจะเป็นศัตรูกันแบบในปัจจุบันนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นมิตรที่ดี เกื้อหนุนกันมาก่อน อาจจะมีการแข่งขันกันบ้างในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งรุนแรง

ในอดีต แคว้นคาตาลุญญ่า คือส่วนหนึ่งของอาณาจักรอารากอน มีเมืองบาร์เซโลน่าเป็นเมืองท่าสำคัญ มีภาษาเป็นของตัวเอง เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรม

ส่วนอาณาจักรกาสติลญ่า ที่มีเมืองมาดริดเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นศูนย์กลางในด้านการเมืองการปกครอง มีจุดเด่นในด้านประวัติศาสตร์ มีมรดกทางวัฒนธรรม และเป็นแหล่งรวมผลงานศิลปะ

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1469 เมื่อเจ้าชายเฟอร์ดินันด์ที่ 2 แห่งอารากอน ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงอิซาเบลลา แห่งกาสติลญ่า ทำให้เกิดการผนวกระหว่าง 2 อาณาจักรใหญ่ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิสเปน

จักรวรรดิสเปน คือการหลอมรวมอานาจักรต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งหลังจากจักรวรรดิสเปนเกิดขึ้น เมืองบาร์เซโลน่าเจริญขึ้นมากจากการค้าขายทางเรือ ส่วนเมืองมาดริดค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเมืองหลวงในปี 1561

รอยร้าวเล็ก ๆ ที่ใหญ่ขึ้น

แม้ 2 อาณาจักรใหญ่จะรวมกันเป็นสเปนแล้ว การปกครองก็ยังเป็นอิสระต่อกัน ความสัมพันธ์ระหว่างมาดริด และบาร์เซโลน่า ดูเหมือนจะราบรื่น แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นความแตกแยกระหว่างสองเมือง

เหตุการณ์ที่ว่านั้นก็คือ สงครามชิงบัลลังก์ราชวงศ์ ในปี 1714 คาตาลุญญ่าเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ ทำให้ถูกริบสิทธิและอำนาจการปกครองของตัวเอง รวมถึงภาษา วัฒนธรรมของแคว้น ก็ถูกอำนาจของสเปนกดทับไว้

ต่อมาในปี 1808 สงครามคาบสมุทร ที่เกี่ยวเนื่องไปถึงสงครามนโปเลียน เมื่อกองทัพของจักรวรรดิฝรั่งเศส นำโดยจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต ได้ถอนกำลังจากโปรตุเกส และเข้าโจมตีเมืองบาร์เซโลน่า ของสเปนแทน

ทว่าในช่วงเวลาของสงครามคาบสมุทรนั้น สเปนกำลังมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ ทำให้ทหารนับแสนนายไม่สามารถทำอะไรได้ ปล่อยให้จักรวรรดิฝรั่งเศสยึดเมืองบาร์เซโลน่า และส่งคนเข้ามาปกครองสเปนในที่สุด

แม้ในภายหลัง สเปนจะได้เมืองบาร์เซโลน่ากลับคืนมา แต่ความรู้สึกของชาวคาตาลัน ที่ถูกทอดทิ้งจากการต่อสู้กับจักรวรรดิฝรั่งเศส ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงจากภายในจิตใจให้คนในเมืองนี้ไปแล้ว

ชิงความเป็นหนึ่งด้วยเกมลูกหนัง

ความขัดแย้งของทั้ง 2 เมือง ก็ได้ส่งต่อไปยังกีฬาฟุตบอลด้วย การก่อตั้งสโมสรเรอัล มาดริด กับบาร์เซโลน่า ที่เป็นตัวแทนของ อุดมการณ์ ซึ่งผลงานในสนาม คือการพิสูจน์ว่าเมืองของตัวเองเหนือกว่าอีกเมืองหนึ่ง

สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า ก่อตั้งเมื่อปี 1899 และอีก 3 ปีให้หลัง สโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งคู่ได้พบกันเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 เมษายน 1902 จบลงด้วยชัยชนะ 3 – 1 ของบาร์เซโลน่า

หลายคนเข้าใจว่า เมืองบาร์เซโลน่าถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะในบางครั้ง กรุงมาดริดก็เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบเหตุการณ์และความรุนแรงแล้ว ฝ่ายบาร์เซโลน่าโดนหนักกว่ามาก

เหตุการณ์ที่ทำให้ฝ่ายมาดริดโกรธแค้น มีอยู่ 2 เหตุการณ์หลัก ๆ คือเหตุการณ์ที่นักเตะเรอัล มาดริดรายหนึ่ง ถูกลอบสังหารในคาตาลุญญ่า เมื่อปี 1916 แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า เป็นฝีมือของชาวคาตาลันหรือไม่

อีกเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ โคปา เดล เรย์ เมื่อปี 1930 ที่เรอัล มาดริด แพ้ให้กับแอธเลติก บิลเบา ซึ่งต้นเหตุมาจากผู้ตัดสินในนัดดังกล่าว เป็นชาวคาตาลัน ที่ทำหน้าที่ตัดสินแบบค้านสายตา

แตกหักเพราะสงครามกลางเมือง

การก้าวขึ้นสู่อำนาจของนายพลฟรานซิสโก้ ฟรังโก้ ผู้นำเผด็จการของสเปน จนนำไปสู่สงครามกลางเมืองในช่วงปี 1936-1939 ก็ยิ่งทำให้เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ไม่มีวันที่จะญาติดีกันอีกเลยจนถึงปัจจุบัน

นายพลฟรังโก้ เข้ามาปกครองสเปนตั้งแต่ปี 1936 นิยมแนวคิดแบบขวาจัด ต้องการสร้างสเปนให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งแน่นอนว่า ฝ่ายบาร์เซโลน่าต่อต้านอย่างหนัก เพราะเป็นการลดทอนอัตลักษณ์ของคาตาลุญญ่า

ความคับแค้นของบาร์เซโลน่า ที่มีต่อเรอัล มาดริด เริ่มจากโฆเซป ซูโยล ประธานสโมสรบาร์เซโลนา และสมาชิกของพรรคการเมืองเสรีนิยมแห่งคาตาโลเนียในขณะนั้น ถูกฝ่ายของนายพลฟรังโก้ลอบสังหาร

เท่านั้นยังไม่พอ นายพลจอมฟาสซิสต์รายนี้ ได้จัดการเอาธงคาตาลันออกจากโลโก้ของบาร์ซ่า เปลี่ยนชื่อสโมสรเป็นภาษาสเปน สั่งห้ามพูดภาษาคาตาลัน และส่งคนของตัวเองเข้าไปควบคุมสโมสรแบบเบ็ดเสร็จ

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/RealMadrid

สงครามกลางเมืองของสเปน เกิดจากทหารที่เข้ามายึดอำนาจรัฐบาลฝ่ายซ้าย นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างผู้สนับสนุนเผด็จการ กับผู้สนับสนุนเสรีนิยม ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของนายพลฟรังโก้ ในปี 1939

และในปี 1943 เกมโคปา เดล เรย์ ที่เรอัล มาดริด เปิดบ้านถล่มบาร์เซโลน่า 11 – 1 สร้างสถิติชนะขาดลอยที่สุดใน “เอล กลาซิโก้” แต่ชัยชนะในครั้งนี้ ถูกตั้งข้อสงสัยว่า มีอำนาจมืดจากนายพลฟรังโก้อยู่เบื้องหลัง

ตำนานชิงตัว “ดิ สเตฟาโน่ – ฟิโก้”

นอกจากการแข่งขันในสนามแล้ว ยังมีเหตุการณ์การแย่งชิงนักเตะฝ่ายตรงข้ามที่ถูกเล่าขานระดับตำนาน คือกรณีของอัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ และหลุยส์ ฟิโก้ ซึ่งเป็นเรอัล มาดริด ที่กระทำกับบาร์เซโลน่าถึง 2 ครั้ง

ครั้งแรก เมื่อปี 1953 บาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายที่ทาบทามตัว ดิ สเตฟาโน่ ก่อน โดยอ้างว่าได้เซ็นสัญญาล่วงหน้าไปแล้ว แต่เรอัล มาดริด ได้อาศัยช่องว่างด้วยการอ้างกฎอีกฉบับหนึ่ง ที่อาจเป็นอำนาจมืดจากนายพลฟรังโก้

กฎของฟุตบอลลีกสเปนในเวลานั้น คือ การซื้อผู้เล่นต่างชาติ ต้องมีลายเซ็นจากสโมสรต้นสังกัดที่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่าเท่านั้น แต่รัฐบาลสเปน กลับออกกฎใหม่โดยให้มีลายเซ็นจากสโมสรต้นสังกัดที่แท้จริง แม้จะไม่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่าก็ตาม

ยื้อกันไปยื้อกันมา ทำให้ฟุตบอลลีกสเปน ตัดสินใจให้ทั้ง 2 ทีม สลับกันใช้งาน ดิ สเตฟาโน่ ตลอดเวลา 4 ฤดูกาล และหลังจากนั้น เป็นราชันชุดขาว ที่ได้ตัวไปร่วมทีมอย่างถาวร และกลายเป็นตำนานในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบวในที่สุด

ต่อมาในปี 2000 เรอัล มาดริด สร้างปรากฏการณ์ช็อกวงการฟุตบอลอีกครั้ง ด้วยการดึงตัว หลุยส์ ฟิโก้ นักเตะบาร์เซโลน่า สโมสรคู่ปรับตลอดกาล หลังจากฟลอเรนติโน่ เปเรซ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานสโมสร

อันที่จริง เปเรซได้วางแผนฉกฟิโก้ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งประธานของเรอัล มาดริดแล้ว โดยเดิมพันผ่านเอเย่นต์ส่วนตัวของดาวเตะโปรตุกีสรายนี้ว่า ถ้าตัวเขาแพ้เลือกตั้ง ยินดีจ่ายเงินให้ 4 ล้านยูโร แต่ถ้าชนะ ต้องย้ายมาค้าแข้งกับ “โลส บลังโกส” ทันที

ซึ่งเปเรซก็ชนะการเลือกตั้งจริงๆ และได้ตัวฟิโก้มาร่วมทีมสมใจอยาก เรียกว่าเป็นการตบหน้าบาร์เซโลน่าครั้งใหญ่ ทำเอาแฟนๆ อาซุลกราน่าโกรธแค้น ถึงขั้นสาปส่งฟิโก้ว่าเป็น “จูดาส” หรือคนทรยศ เหยียบเมืองบาร์เซโลน่าไม่ได้อีกต่อไป

ถึงอย่างไรก็ขาดกันไม่ได้อยู่ดี

หลังหมดยุคนายพลฟรังโก้ สเปนได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในปี 1983 จังหวัดมาดริดได้แยกออกจากแคว้นกาสติย่า จัดตั้งเป็น “แคว้นมาดริด”

แต่จากความขัดแย้งที่สะสมมานานตั้งแต่สมัยนายพลฟรังโก้เรืองอำนาจ ความพยายามของคาตาลุญญ่าที่ต้องการจะแยกตัวออกจากรัฐบาลกลางก็ไม่มีทางสิ้นสุด เพราะพวกเขาคือคาตาลัน ไม่ใช่ชาวสเปน

กระแสการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปน รุนแรงขึ้นในการลงประชามติ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2017 มีชาวคาตาลันประมาณ 2 ล้านคน ไปลงคะแนนโหวต ผลที่ออกมาคือ เสียงส่วนใหญ่ประมาณ 90% สนับสนุนให้คาตาลุญญ่าเป็นเอกราช

แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ ผิดกฎหมายรัฐบาลกลางสเปน ทำให้สเปนส่งเจ้าหน้าที่มายึด และทำลายคูหาที่ใช้ในการลงประชามติ รวมถึงสลายผู้คนที่รวมตัวกันในบริเวณนั้น จนเกิดการปะทะขึ้นกลายเป็นเหตุรุนแรง

อีก 26 วันต่อมา (27 ตุลาคม 2017) แกนนำที่เคลื่อนไหวการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปน ได้อ่านคำประกาศอิสรภาพในการเป็นเอกราชของคาตาลุญญ่า แต่ก็ถูกรัฐบาลกลางสเปนตอบโต้ด้วยการยึดอำนาจการปกครองจากคาตาลันทันที

มีการวิเคราะห์ว่า การแยกตัวของคาตาลุญญ่าออกจากสเปน อาจจะส่งผลกระทบต่อลาลีกาไม่น้อย เพราะรู้ดีว่าบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด คือแม่เหล็กที่ช่วยดึงดูดผลประโยชน์มหาศาลให้กับวงการฟุตบอลสเปน

แม้บาร์เซโลน่า จะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต่อต้านมาดริด และอาจถึงเวลาที่ต้องแยกจากกัน แต่การที่ศึกเอล กลาซิโก้ ยังมีเสน่ห์ที่น่าติดตามเช่นนี้ ลาลีกาก็อาจจะรู้สึกดีกว่าก็ได้ที่ทั้งคู่ยังได้พบกันต่อไป

เรียบเรียง : จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://www.the101.world/the-rivalry-ep-1/

https://www.barcablaugranes.com/2017/4/21/15381184/the-transfers-of-figo-and-di-stefano

https://en.wikipedia.org/wiki/2017_Catalan_independence_referendum

Categories
Special Content

“เรอัล โซเซียดาด” กับภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าแชมป์

โซเซียดาดเป็นหนึ่งในสโมสรร่วมก่อตั้งลาลีกาเมื่อปี 1929 เคยไปถึงจุดสูงสุดของลีกสเปนในฤดูกาล 1980-81 และ 1981-82 สองสมัยติดต่อกัน สำหรับซีซันปัจจุบันหลังแข่งขันนัดที่ 24 “ลา เรอัล” มี 44 คะแนน อยู่อันดับสี่ ตามหลังท็อป-3 บาร์เซโลนา 18 คะแนน, เรอัล มาดริด 9 คะแนน และแอตเลติโก มาดริด 1 คะแนนตามลำดับ อีกทั้งพวกเขายังเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูโรปา ลีก มีคิวเตะกับอาแอส โรมา ส่วนโกปา เดล เรย์ เพิ่งออกไปแพ้บาร์เซโลนา 0-1 รอบก่อนรองชนะเลิศปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

“ท้องถิ่นนิยม” จึงเป็นสายใยสำคัญที่เชื่อมโยงแฟนบอลเข้ากับสโมสรอย่างเหนียวแน่นเหมือนเป็นดีเอ็นเอ แม้เวลาต่อมาความนิยมกีฬาลูกหนังจะแพร่กระจายไปทั่วโลก มีแฟนบอลจากทั่วทุกมุมโลก แม้แต่กลุ่มผู้ถือหุ้นหลัก บอร์ดบริหาร และเจ้าของสโมสร ก็เปลี่ยนไปอยู่ในมือของชาวต่างชาติที่มองฟุตบอลเป็นธุรกิจ แต่แฟนบอลหลักที่จ่ายเงินซื้อตั๋วปีเข้ามาส่งเสียงเชียร์ในสนามตลอดซีซันยังเป็นคนในเมืองและประเทศอังกฤษอยู่ดี นั่นจึงทำให้สโมสรเล็กในลีกรองๆสามารถขับเคลื่อนทีมไปได้เรื่อย ๆ

ไม่ใช่เพียงอังกฤษ “ท้องถิ่นนิยม” ยังมีความสำคัญต่อความนิยมในวงการฟุตบอลประเทศอื่นๆทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนสโมสรที่ใช้ชื่อองค์กรหรือบริษัทหลายสิบปีมาเป็นชื่อจังหวัดอย่างเช่น ทีมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหลังถูกนายเนวิน ชิดชอบ เทคโอเวอร์ ก็เปลี่ยนชื่อเป็น บุรีรัมย์ พีอีเอ ก่อนเป็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกวันนี้

เรื่องราวของสโมสรฟุตบอลผ่านมุมมองท้องถิ่นนิยมมีตัวอย่างให้อ่านมากมาย แต่ดูเหมือน “เรอัล โซเซียดาด” เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจเพราะมีระดับความเข้มข้นของท้องถิ่นนิยมเหนือกว่ามาตรฐานทีมส่วนใหญ่

เรอัล โซเซียดาด หรือ “ลา เรอัล” หรือทีมราชันย์ เป็นสโมสรในซาน เซบาสเตียน (San Sebastian) เมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในจังหวัดกีปุซโกอา (Gipuzkoa) ของแคว้นบาสก์ (Basque Country) เขตปกครองอิสระที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสเปน 

ทีมก่อตั้งเมื่อปี 1909 พร้อมกฎเหล็กข้อหนึ่งเช่นเดียวกับแอธเลติก บิลเบา ทีมคู่อริร่วมแคว้น ที่จะเซ็นสัญญาเฉพาะกับนักเตะชาวบาสก์เท่านั้น ก่อนกำแพงเชื้อชาติถูกทำลายในเดือนกันยายน 1989 เมื่อโซเซียดาดซื้อตัวจอห์น อัลดริดจ์ กองหน้าทีมชาติไอร์แลนด์จากลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ ทำให้ปัจจุบัน ทีมราชันย์น้ำเงินขาวมีทั้งนักเตะบาสก์ สเปน และต่างชาติคละเคล้ากันไป อย่างไรก็ตาม ทีมเยาวชนของสโมสรยังสืบทอดนโยบายออล-บาสก์ ไม่ยกเลิกตามทันที สามารถพัฒนาผู้เล่นจนถึงระดับชาติหลายคนเช่น ชาบี อลอนโซ และอองตัว กรีซมันน์ เป็นต้น

โซเซียดาดเป็นหนึ่งในสโมสรร่วมก่อตั้งลาลีกาเมื่อปี 1929 เคยไปถึงจุดสูงสุดของลีกสเปนในฤดูกาล 1980-81 และ 1981-82 สองสมัยติดต่อกัน สำหรับซีซันปัจจุบันหลังแข่งขันนัดที่ 24 “ลา เรอัล” มี 44 คะแนน อยู่อันดับสี่ ตามหลังท็อป-3 บาร์เซโลนา 18 คะแนน, เรอัล มาดริด 9 คะแนน และแอตเลติโก มาดริด 1 คะแนนตามลำดับ อีกทั้งพวกเขายังเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูโรปา ลีก มีคิวเตะกับอาแอส โรมา ส่วนโกปา เดล เรย์ เพิ่งออกไปแพ้บาร์เซโลนา 0-1 รอบก่อนรองชนะเลิศปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ความสำเร็จทั้งเงินทั้งกล่อง และความรักจากคนท้องถิ่น

หลุยส์ มิเกล เอกีกาเรย์ ผู้สื่อข่าวสายฟุตบอลสเปนของอีเอสพีเอ็น เคยตั้งคำถามถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นนิยมในกีฬาลูกหนังไว้ว่า ในยุคที่ฟุตบอลเป็นธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีความคิดโน้มเอียงไปทางบริโภคนิยม แม้ไม่มีการประกาศอย่างชัดเจนแต่เห็นได้ชัดว่า กลุ่มทุนเจ้าของสโมสรวางเป้าหมายหาเงินเป็นหลัก ลดน้ำหนักของความสำเร็จในสนามแข่งขัน

เอกีกาเรย์กล่าวเสริมว่า ตัวเขาไม่ได้ต้องการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ แต่เป็นเพียงยกข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อนำไปสู่การตั้งคำถามว่า ขณะกำลังทำทุกอย่างเพื่อความสำเร็จทางการเงิน สโมสรยังสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประชาชนในชุมชนซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของทีมฟุตบอลนั้นๆผ่านประวัติศาสตร์ที่ยาวนานได้หรือไม่ ชุมชนท้องถิ่นยังจะเป็นหัวใจของสโมสรต่อไปหรือเปล่า เป็นไปได้ไหมที่จะยังรักษาการเต้นของหัวใจโดยไม่เสียหลักการตามพันธกิจข้อพื้นฐานของสโมสร

อย่างไรก็ตามคอลัมนิสต์แห่งสื่อใหญ่ อีเอสพีเอ็น ยังมั่นใจว่าถ้าจะมีสโมสรที่ประสบความสำเร็จทั้งเงินทั้งกล่องและรักษาความผูกพันของแฟนบอลท้องถิ่นไว้ได้ หนึ่งในนั้นคือ เรอัล โซเซียดาด ซึ่งยังไม่เคยจบลาลีกาต่ำกว่าอันดับหกนับตั้งแต่ไวรัสโควิดเริ่มระบาดไปทั่วโลก และระหว่างนั้น “ลา เรอัล” ยังเฉือนทีมใหญ่ร่วมแคว้นบาสก์ แอธเลติก บิลเบา 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศโกปา เดล เรย์ ซีซัน 2019-20 ที่แข่งวันที่ 3 เมษายน 2021 ครองแชมป์เมเจอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี (ไม่นับแชมป์ลีกเซกุนดา ฤดูกาล 2009-10)

ถ้าซีซันนี้ โซเซียดาดจบลาลีกาด้วยอันดับท็อป-4 พวกเขาจะได้ลงสนามยูฟา แชปเปียนส์ ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 หลังจากก่อนหน้าได้โควตาแข่งขันยูโรปา ลีก สามปีติดต่อกันกับอันดับ 6, 5, 6 บนตารางลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ หากโซเซียดาดเบียดขึ้นไปจบด้วยอันดับสาม ถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งของทีมที่จ่ายค่าเหนื่อยรวม 134.2 ล้านยูโรต่ออันดับสถิติ เทียบกับ 683.5 ล้านยูโรของเรอัล มาดริด และ 656.4 ล้านยูโรของบาร์เซโลนา แม้กระทั่งยังน้อยกว่าเมื่อนำไปเทียบกับเซบีญาและบีญาร์เรอัล สองทีมที่อยู่อันดับต่ำกว่า

สโมสรฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างเชิงสังคมของชุมชน

บทความนี้ไม่ใช่เรื่องของความสำเร็จในฐานะทีมฟุตบอลหรือบริษัทธุรกิจ แต่ว่าด้วยสโมสรแห่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญต่อชุมชนไว้ ณ ระดับที่สูงมาก

อันโดนี อิราโอลา ผู้อำนวยการและประธานบอร์ดบริหารของสโมสร ให้สัมภาษณ์กับอีเอสพีเอ็นว่า “เรอัล โซเซียดาด ไม่ใช่เป็นเพียงโครงการทางกีฬาแต่ยังเป็นโครงการเชิงสังคมอีกด้วย ทำไมหรือ? ก็เพราะนั่นเป็นวิถีแห่งความเป็นอยู่หรือการกระทำ มันไม่เกี่ยวกับชนะลาลีกาหรือยูโรปาลีก แต่เป็นภาพสะท้อนของประชาชนในชุมชนผ่านพฤติกรรมของพวกเรา เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในสังคมของพวกเขา ซึ่งอีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็อยู่ในสังคมของเราเช่นกัน ตรงนี้จึงทำให้เรอัล โซเซียดาด เป็นสโมสรทางสังคมเอามาก ๆ”

วิถีชีวิตของสโมสรเป็นมากกว่าฟุตบอล อีมานอล อัลกวาซิล ผู้จัดการทีมวัย 51 ปีของโซเซียดาด เกิดและเติบโตในจังหวัดกีปุซโกอา อยู่กับโซเซียดาดตั้งแต่ระดับเยาวชน ขึ้นมาเล่นทีมสำรองจนกระทั่งติดทีมชุดใหญ่ระหว่างปี 1990 ถึง 1998 มีสายเลือดน้ำเงินขาวหรือ Txuri-Urdin (ฉายาทีมในภาษา Euskera ของชาวบาสก์) อย่างเข้มข้น หลังแขวนสตั๊ดยังกลับมาเริ่มต้นอาชีพโค้ชที่โซเซียดาด เมื่อปี 2011 ไต่เต้าจากโค้ชทีมเยาวชน, ผู้ช่วยโค้ชทีมสำรอง, เฮดโค้ชทีมสำรอง ก่อนคุมทีมชุดใหญ่แทนอาเซียร์ การิตาโน ในเดือนธันวาคม 2018 และพาทีมชนะเลิศโกปา เดล เรย์

ซาน เซบาสเตียน เป็นเมืองเล็ก ๆ มีประชากรไม่ถึงสองแสนคน แต่มีความเข้มข้นทางวัฒนธรรมและการประกอบอาหาร เอกีกาเรย์กล่าวว่า ถ้าต้องการทำความเข้าใจสโมสรเรอัล โซเซียดาด ก็ต้องรู้จักจังหวัดกีปุซโกอา พวกเขาภาคภูมิใจในสายเลือดที่เก่าแก่สลับซับซ้อน มีความหวงแหนวิถีชีวิตและภาษาของตนเอง ทั้งหมดนี้สะท้อนและแสดงออกมาผ่านเรอัล โซเซียดาด และซูเบียตา (Zubieta) อะคาเดมีของสโมสร อย่างที่อิราโอลา ผู้อำนวยการและประธานบอร์ดบริหาร พูดกับนักข่าวไว้ข้างต้น

เรอัล โซเซียดาด เป็นสโมสรฟุตบอลระดับลาลีกาที่ไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่หุ้นสโมสรถูกกระจายอยู่ในมือของคนมากกว่า14,000 คน ไม่มีใครถือหุ้นเกินสองเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการตัดสินใจใด ๆ จึงทำผ่านกระบวนการลงคะแนน

อิราโอลากล่าวเพิ่มเติมว่า “เราต้องการให้เรอัล โซเซียดาด เป็นของทุกคน เป็นสโมสรที่หยั่งรากลึกลงไปผ่านรูปแบบกีฬา ผู้เล่นเยาวชนในอะคาเดมีล้วนเกิดในจังหวัดกีปุซโกอา นั่นจึงทำให้สโมสรใกล้ชิดกับประชาชนมาก เราพยายามแสดงตัวเองในฐานะชาวบาสก์และชาวกีปุซโกอา”

เมืองท่องเที่ยวชายทะเล และอาหารอร่อย ไม่แพง หาง่าย

ซาน เซบาสเตียน อยู่ในจังหวัดกีปุซโกอาทางภาคเหนือของแคว้นบาสก์ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งใต้ของทะเลกันตาเบรียที่แสนสวยงาม ทำให้เมืองนี้เป็นสถานตากอากาศชายหาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศสเปน ซาน เซบาสเตียนยังมีความโดดเด่นไปด้วยอาคารทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมเมืองได้ด้วยการเดินเท้าหรือขี่จักรยานเนื่องจากเป็นเมืองขนาดเล็ก

จุดขายที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเมื่อมาเยือนซาน เซบาสเตียน คืออาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเลถึงขั้น “เคเตอร์วิงส์” บริษัทผู้ให้บริการด้านการจัดเลี้ยงชั้นแนวหน้าของอังกฤษ ยกให้ซาน เซบาสเตียน ครองแชมป์เมืองอาหารชั้นนำของโลก เพราะเต็มไปด้วยสีสันอันหลากหลายของสตรีทฟูด ตลาดสด บาร์ คาเฟ ภัตตาคารไฮเอนด์ และอาหารติดดาวมิชลิน ภายใต้บรรยากาศที่งดงามของสถาปัตยกรรมแบบเบล เอปอค (Belle Époque) ที่สำคัญคือ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง และหาได้ง่าย 

ใครที่ชอบรับประทานอาหารติดดาว ซาน เซบาสเตียน เป็นเมืองที่ครอบครองดาวมิชลินมากเป็นอันดับสองของโลก เป็นรองเพียงกรุงโตเกียว และนำหน้านิวยอร์กที่รั้งอันดับสาม

สำหรับสโมสรโซเซียดาดมีชื่อเต็มว่า Real Sociedad de Fútbol, S.A.D. เรียกสั้น ๆ ว่า Real Sociedad (หรือ Royal Society ในภาษาอังกฤษ) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 7 กันยายน 1909 “ลา เรอัล” เคยครองแชมป์ลาลีกาสองสมัยติดต่อกันในซีซัน1980-81 และ 1981-82 เป็นรองแชมป์สามสมัยในซีซัน 1979-80, 1987-88, 2002-03 เคยเป็นแชมป์โก เดล เรย์ สามสมัยในปี 1909, 1987, 2020 

โซเซียดาดเคยมีช่วงเวลาในลีกสูงสุดยาวนานถึงสี่สิบฤดูกาลตั้งแต่ปี 1967 ถึง 2007 ตกลงไปเล่นเซกุนดาสามปีจนกระทั่งชนะเลิศลีกเทียร์สองในซีซัน 2009-10 ซึ่งเป็นแชมป์สมัยที่สามหลังเคยสัมผัสมาในซีซัน 1948-49, 1966-67 ทำให้โซเซียดาดกลับมาอยู่ลาลีกาตั้งแต่ซีซัน 2010-11 จวบจนปัจจุบัน

นอกจากฟุตบอลทั้งทีมชายและหญิง โซเซียดาดยังมีกีฬาอีกหลายประเภทอาทิ กรีฑาลู่และลาน ฮ็อกกี และบาสก์ เปโลตา (basque pelota) ซึ่งเป็นกีฬาที่ใช้ไม้ตีลูกใส่กำแพง คล้ายรวมสควอชและแฮนด์บอลเข้าด้วยกัน

โซเซียดาดไม่เพียงพัฒนาด้านกีฬาแต่รวมถึงความเป็นมนุษย์

อาจกล่าวได้ว่า ศูนย์ฝีกซ้อมและอะคาเดมีซูเบียตาเปรียบได้กับสายเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงองค์กรแห่งนี้ นับตั้งสโมสรกำเนิดขึ้นในปี 1909 ต้องมีเด็กท้องถิ่นอย่างน้อยหนึ่งคนเล่นให้ทีมชุดใหญ่ เนื่องจากสโมสรให้ความสำคัญอย่างสูงต่อการพัฒนาเยาวชน ซึ่งดูได้จากตัวเลขรายได้ของ “ลา เรอัล” ที่นำไปใช้กับทีมซีเนียร์ประมาณ 55-60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของลาลีกาที่ตกราว 75 เปอร์เซ็นต์ นั่นเท่ากับว่า ส่วนที่เหลือถูกใช้กับอะคาเดมี การศึกษา และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น

เอกีกาเรย์ นักข่าวเชื้อสายบาสก์ของอีเอสพีเอ็น เล่าประสบการณ์ว่า ถ้าเดินไปรอบเมืองซาน เซบาสเตียน จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสนับสนุนทีมโซเซียดาดแม้ไม่ใช่แฟนบอลทีมนี้ก็ตาม เนื่องจากคนท้องถิ่นต่างตระหนักดีว่าสโมสรให้ความช่วยเหลือทั้งชุมชนและสโมสรเล็ก ๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างเช่นการให้ความช่วยเหลือด้านการฝึกซ้อมและโครงสร้างพื้นฐาน

สำหรับนักฟุตบอลเยาวชนจะได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษา มีครูพิเศษมาช่วยติว เกือบครึ่งหนึ่งมีโอกาสเรียนระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท ขณะที่ขุมกำลังระดับซีเนียร์ 26 คน มีถึง 16 คนเคยเล่นให้ Sanse หรือทีมสำรอง และผู้เล่นใช้เวลาในทีมสำรองราว 8.2 ปีก่อนถูกโปรโมทขึ้นชุดใหญ่ มีเพียงแอธเลติก บิลเบา ทีมเดียวเท่านั้นที่มีนักเตะชุดใหญ่ที่ขึ้นมาจากทีมสำรองมากกว่า แม้กระทั่ง La Masia อะคาเดมีอันโด่งดังของบาร์เซโลนา ยังพัฒนาตัวเองจนติดทีมชุดใหญ่น้อยกว่าโซเซียดาด

โรแบร์โต โอลาเบ ผู้อำนวยการด้านกีฬาของสโมสร ให้ความเห็นว่า “เวลาเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง” โอลาเบเป็นคนยืมตัวและให้โอกาสกับ มาร์ติน โอเดการ์ด ช่วงที่เรอัล มาดริด มองข้ามความสามารถ ก่อนโอเดการ์ดถูกปล่อยตัวให้อาร์เซนอลยืมและเซ็นสัญญาย้ายทีมถาวร ปัจจุบันเขาเป็นกัปตันทีมเดอะกันเนอร์สและมีโอกาสชูถ้วยชนะเลิศพรีเมียร์ลีกซีซันนี้

“แน่นอนมันมีเงินเป็นตัวเชื่อมโยง คุณต้องให้ทรัพยากรบุคคลกับทีม แต่คุณยังต้องลงทุนให้เวลากับผู้เล่นอายุน้อยด้วย มันเป็นความรับผิดชอบของสโมสรที่จะให้โอกาสแก่พวกเขา นักเตะดัง ๆ เก่ง ๆ เป็นความต้องการที่วิเศษสุดของทีมอยู่แล้ว แต่สโมสรมีความรับผิดชอบที่จะเปิดประตูให้กับคนหนุ่ม ๆ ด้วยเช่นกัน” 

“ในมุมมองส่วนตัว เรามีหน้าที่ต้องสร้างทีมและทำให้เติบโตไม่ใช่แค่เซ็นสัญญานักเตะใหม่เข้ามาทุกปี แต่ยังต้องสร้างนักเตะปีแล้วปีเล่า พวกเขาจะดีขึ้นด้วยการอดทนรอคอยและให้เวลาพวกเขาพัฒนาความสามารถ นี่รวมถึงอีมานอล (อัลกวาซิล ผู้จัดการทีม) ด้วยเช่นกัน”

ตัวอย่างหนึ่งของความอดทนคือ มิเกล โอยาร์ซาบัล แนวรุกและกัปตันทีม ซึ่งเล่นให้โซเซียดาดเกือบ 250 นัดแล้วในบอลลีก เขาเป็นคนสังหารจุดโทษนาทีที่ 63 ให้ต้นสังกัดครองแชมป์โกปา เดล เรย์ น่าเสียดายที่ไม่ติดทีมชาติสเปนชุดเวิลด์คัพ 2022 เพราะบาดเจ็บสาหัสที่หัวเข่า เขาเพิ่งต่อสัญญาใหม่ไปถึงปี 2028 หลังจากเข้ามาเพาะบ่นฝีเท้ากับโซเซียดาดตั้งแต่อายุเพิ่ง 14 ปี

โอยาร์ซาบัลพูดถึงต้นสังกัดว่า “คนที่นี่ทำงานกันได้เจ๋งมาก พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นทั้งในฐานะมนุษย์ธรรมดาและนักฟุตบอล แน่นอนเพื่อพลักดันจนติดทีมชุดใหญ่”

“ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาสโมสร คุณจะได้รับการปกป้องและเฝ้าดูแลเอาใจใส่ พวกเขาช่วยคุณทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ไม่ใช่เพียงด้านกีฬา ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก แม้กระทั่งชีวิตหลังฟุตบอล พวกเขายังมอบสิ่งที่จำเป็นมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เขามอบเครื่องไม้เครื่องมือให้เราทั้งฟุตบอลและด้านอื่นของชีวิต”

เมื่อเสียงตะโกน “We will always be with you.” ดังก้องสนาม

Real Sociedad Femenino หรือทีมฟุตบอลหญิงของเรอัล โซเซียดาด ก่อตั้งในปี 2004 ตอนนี้เล่นอยู่ในลีกสูงสุด Primera División de la Liga de Fútbol Femenino หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Liga F หลังจากเลื่อนชั้นสองปีติดต่อกันและยังเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง พวกเธอครองแชมป์บอลถ้วย โกปา เดอ ลา เรย์นา (Copa de la Reina) ปี 2019 และครองตำแหน่งรองแชมป์ Liga F ฤดูกาลที่แล้ว ได้สิทธิลงเตะแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ แต่พลาดเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มหลังจากแพ้บาเยิร์น มิวนิก

ทีมหญิงโซเซียดาดมี นาตาเลีย อาร์โรโย วัย 36 ปี เป็นผู้จัดการทีมที่ถือว่าอายุน้อยมาก เธอเคยทำงานสื่อมวลชนเป็นอดีตนักข่าวและนักวิเคราะห์เกม ส่วนบอลลีกหลังแข่งขันนัดที่ 20 สาว ๆ “ลา เรอัล” มี 26 คะแนน รั้งอันดับ 8 จากทั้งหมด 16ทีม ตามหลังเลบันเต ทีมอันดับ 3 ซึ่งได้โควตารอบแรกแชมเปียนส์ลีก มากถึง 24 คะแนน ดูเหมือนเป็นปีที่ไม่ดีนักสำหรับพวกเธอ อย่างไรก็ตาม สโมสรยังเดินหน้าสนับสนุนทีมฟุตบอลหญิงต่อไปโดยมีโครงการระดับเอ็กซ์คลูซีพในซูเบียตาที่ประกอบไปด้วยสนามฟุตบอลความจุคนดูสี่พันคน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เหมือนทีมฟุตบอลชาย

อิราโอลา ผู้อำนวยการและประธานบอร์ดบริหาร กล่าวว่า “เรามีจำนวนนักฟุตบอลหญิงมากที่สุดในลีกสเปน  นี่เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจและดีเอ็นเอของสโมสร มันไม่มีทางเบี่ยงเบนหันเหไปทิศทางอื่นเพราะนี่ก็เป็นหนึ่งในความปรารถนาของชุมชนท้องถิ่น”

ทั้งหมดนี้เป็นประจักษ์พยานชัดเจนที่แสดงให้เห็นแล้วว่าในซาน เซบาสเตียน เมืองหลวงของจังหวัดกีปุซโกอา สายใยลายน้ำเงินขาวของเรอัล โซเซียดาด สามารถเชื่อมโยงยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์กับผู้คนท้องถิ่นได้อย่างเหนียวแน่น ความจริงไม่เพียงซาน เซบาสเตียน แต่รวมถึงเทศบาลทั้งหมด 89 แห่งในจังหวัดกีปุซโกอา มีเพียงสามเทศบาลเท่านั้นที่ไม่มีสมาชิกอย่างเป็นการทางของสโมสรอยู่

ในส่วนภารกิจบนสนามแข่งขัน โซเซียดาดมุ่งมั่นให้จบลาลีกาด้วยอันดับสาม รวมถึงเข้าไปให้ลึกที่สุดบนเส้นทางยูโรปาลีกที่มีลูกทีมของยอดกุนซือ โชเซ มูรินโญ เป็นคู่แข่งรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ไม่ว่าความสำเร็จจะมากหรือน้อย โซเซียดาดยังคงมั่นใจได้ว่าสโมสรมีผู้คนมากมายเดินเคียงข้างให้การสนับสนุนดังเช่นท่อนหนึ่งของเพลงเชียร์ beti egongo gara zurekin.” ซึ่งแปลว่า We will always be with you.”

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Football Business

ลาลีกา กับการก้าวไปอีกขั้น ด้วยโมเดลวิเคราะห์ข้อมูล

วงการฟุตบอลในยุคปัจจุบัน ได้นำ “วิทยาศาสตร์” ที่มีความละเอียด และลึกซึ้ง มาช่วยในการกลั่นกรองให้ได้ข้อมูลเชิงลึก และสามารถสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจได้ ซึ่งได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ

การใช้วิทยาศาสตร์ เข้ามาประยุกต์กับข้อมูลที่เกิดขึ้นในสนามฟุตบอล นอกจากจะช่วยสร้างความสำเร็จให้กับทีมฟุตบอลแล้ว ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาด และยกระดับลีกฟุตบอลขึ้นไปอีกขั้น

ลาลีกา ลีกฟุตบอลของสเปน ได้วางรากฐานสำหรับโลกยุคใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีมาช่วยเก็บข้อมูล และพัฒนาโมเดลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัย เพื่อขับเคลื่อนลูกหนังแดนกระทิงดุสู่อนาคต

LaLiga Tech ก้าวแรกสู่การยกระดับลีกสเปน

การวิเคราะห์ข้อมูล กำลังกลายเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมกีฬาฟุตบอลตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งลีกชั้นนำอย่างลาลีกา ก็ได้นำข้อมูลมาใช้ในการปรับปรุง และพัฒนาวงการลูกหนังสเปน

นับตั้งแต่ฆาเบียร์ เตบาส เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานลาลีกา เมื่อปี 2013 ได้มียุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี เพื่อก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ และนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์

โดยเริ่มต้นจากการเพิ่มแผนก “ลาลีกา เทค” (LaLiga Tech) มีทีมงานเริ่มแรกเพียง 8 คน และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งแยกตัวออกไปเป็นบริษัท ลาลีกา เทค จำกัด ในปี 2021 ปัจจุบันทีทีมงานมากกว่า 150 คน

ภารกิจสำคัญของลาลีกา เทค คือการสร้างพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ไว้ใช้รองรับข้อมูลดิบที่จะไหลเข้ามาด้วยปริมาณมหาศาล และทุกสโมสรสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์จากแหล่งเดียวกันได้

“ก่อนหน้านี้ เราไม่เคยเห็นความสำคัญของข้อมูลเลย จึงไม่เข้าใจว่าข้อมูลคือสินทรัพย์ที่มีค่า ทำให้เราได้คิดหาทางที่จะจัดการกับข้อมูลที่มากมายเหล่านี้” กิลเยร์โม่ รอลดาน หัวหน้าแผนกสถาปัตยกรรม กล่าว

“ตอนนี้เราได้สร้างที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Lakehouse) ขึ้นมา สามารถทำสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ให้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก พลังของข้อมูลช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับแฟน ๆ ที่ติดตามการแข่งขัน”

ด้านราฟาเอล ซามบราโน่ หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ข้อมูล เปิดเผยว่า “ประโยชน์หลักของการขับเคลื่อนฟุตบอลด้วยข้อมูล คือช่วยให้เราได้เข้าใจพฤติกรรมของแฟนฟุตบอลที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต”

“สำหรับแฟน ๆ บางคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่หันไปดูฟุตบอลบนแพลตฟอร์มดิจิทัลแทน แต่ด้วยพลังของข้อมูล ช่วยให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับพวกเขาได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับกีฬาอื่น ๆ ด้วย”

ขณะที่ทอม วูดส์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารกลยุทธ์ กล่าวว่า “ลาลีกา เทค กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทุกสิ่งที่ได้สร้างขึ้น กำลังเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมกีฬา ทำให้เราได้ตระหนักมากขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล”

“เราจำเป็นต้องมีสโมสรที่ก้าวหน้ามากกว่า 2-3 สโมสร และมีระดับที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้การแข่งขันมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้วงการฟุตบอลเติบโต” วูดส์ ปิดท้าย

Mediacoach เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลตัวแรก

ก่อนที่ลูกหนังลีกแดนกระทิงดุ ฤดูกาล 2022/23 จะเริ่มขึ้น ได้มีการจัดประชุมในหัวข้อ “การวิเคราะห์ข้อมูลฟุตบอลขั้นสูง” โดยลาลีกา ร่วมกับ Sport Data Campus, มีเดียโค้ช (Mediacoach) และลาลีกา เทค

สาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ คือการนำเสนอความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นจากฤดูกาล 2021/22 รวมถึงแง่มุมต่างๆ ของงานวิเคราะห์ข้อมูลในอุตสาหกรรมฟุตบอล และเปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่จะใช้ในฤดูกาลนี้

เมื่อซีซั่นที่แล้ว ลาลีกา เทค ได้เปิดตัว Mediacoach แพลตฟอร์มวิเคราะห์การเล่นแบบเรียลไทม์ ทั้งการเคลื่อนที่ของผู้เล่นและลูกฟุตบอล เสร็จแล้วส่งผลออกมา เพื่อนำไปวิเคราะห์ในช่วงพักครึ่ง และหลังจบเกม

ข้อมูลจาก Mediacoach เป็นข้อมูลที่ใช้ติดตามการเคลื่อนที่ระหว่างแข่งขัน โดยมีการติดตั้งกล้องไว้รอบสนามทั้งหมด 19 ตัว จับภาพผู้เล่น, ผู้ตัดสิน และลูกฟุตบอล ในอัตรา 25 เฟรมต่อวินาที

โดยรายละเอียดต่างๆ ที่ Mediacoach ได้ทำการวิเคราะห์ออกมา อย่างเช่น ผู้เล่นวิ่งเยอะแค่ไหน, ผู้เล่นจ่ายบอลสำเร็จ/พลาดกี่ครั้ง รวมไปถึงการตรวจจับความผิดพลาดของผู้เล่นเป็นรายบุคคลด้วย

ริคาร์โด เรสต้า ผู้อำนวยการของ Mediacoach กล่าวว่า “Mediacoach เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 ปี ทุกสโมสรจาก 2 ดิวิชั่นของลาลีกา สามารถเข้าถึงข้อมูลเดียวกันทั้งหมดได้”

นอกเหนือจากข้อมูลด้านแท็กติก Mediacoach ยังมีประโยชน์สำหรับทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ในการประเมินสภาพร่างกายของผู้เล่น และประเมินโอกาสที่จะตรวจพบความผิดปกติใด ๆ ทุกช่วงเวลาได้ทันที

ฟาบิโอ เนวาโด้ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Mediacoach กล่าวว่า “หากมีนักเตะที่เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บเป็นเวลานานๆ บางทีอาจจะส่งลงเล่นช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย แต่ไม่อยากให้ทำแบบนั้น มันฝืนเกินไป”

“ข้อมูลจากแพลตฟอร์มของเรา สามารถตรวจสอบข้อมูลแบบนาทีต่อนาที ช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บของนักเตะ อีกทั้งช่วยให้นักเตะลงเล่นได้ใกล้เคียงกับประสิทธิภาพสูงสุดที่เคยมี”

ขณะที่ซิลเวสเตอร์ จอส ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Mediacoach เสริมว่า “ข้อมูล และกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล คือสิ่งที่สำคัญในวงการฟุตบอล เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โอกาสจะมีเข้ามาอย่างไม่รู้จบ”

Beyond Stats ช่วยเพิ่มพลังข้อมูลด้วย 24 ตัวชี้วัดใหม่

ทีมงานส่วนหนึ่งของลาลีกา เทค เป็นทีมงานที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล เช่น โค้ช, นักวิเคราะห์ฟุตบอล, นักพัฒนาโปรแกรม, วิศวกรข้อมูล (Data Engineer) รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist)

เมื่อเดือนมกราคม ปี 2022 ลาลีกาได้ร่วมมือกับไมโครซอฟท์ บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ระดับโลก เพื่อช่วยทำสถิติ และข้อมูลต่าง ๆ ในการแข่งขัน ภายใต้โปรเจค “Beyond Stats” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ต่อยอดมาจาก Mediacoach

การทำงานของ Beyond Stats จะประมวลผลข้อมูลในรูปแบบ Cloud Platform ด้วยเครื่องมือของไมโครซอฟท์ อย่าง Microsoft Azure ซึ่งใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning)

ซึ่งในเฟสแรกของ Beyond Stats ได้มีการสร้างโมเดล Goal Probability ซึ่งเป็นโมเดลที่ใช้สำหรับบอกค่าความน่าจะเป็นในการทำประตู เมื่อมีการรีเพลย์ภาพจังหวะการลุ้นยิงประตูระหว่างถ่ายทอดสด ซึ่งใช้เวลาประมวลผลแค่ 30 วินาทีเท่านั้น

ต่อมาในซีซั่น 2022/23 Beyond Stats ได้เพิ่มตัวชี้วัดใหม่ขึ้นมาอีก 24 ตัว ในด้านสมรรถภาพทางกาย, การป้องกันประตู, การเคลื่อนที่, การผ่านบอล, การยืนตำแหน่ง, การเพรสซิ่ง, การเลี้ยงบอล และการครองบอล

ทีมงานของลาลีกา ได้นำข้อมูลต่างๆ เข้ามาประมวลผ่านอัลกอริทึมที่กำหนดไว้ และแสดงผลลัพธ์ออกมา สำหรับตัวอย่างของตัวชี้วัดที่เพิ่มเติมขึ้นมาใน Beyond Stats มีดังนี้

– การผ่านบอลพร้อมถูกกดดันแบบประกบคู่ (Double pressure passes) คือ จำนวนการผ่านบอลระหว่างเพื่อนร่วมทีม 2 คน ที่ต่างคนต่างมีผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเข้ามากดดันด้วย เช่น ระยะทางที่เปลี่ยนแปลงของกองหลัง (เมื่อเข้ามากดดัน ระยะทางจะลดลง 50 เปอร์เซ็นต์) รวมถึงทิศทางและความเร็วของการโจมตี (ด้วยความเร็วสูงถึง 21 กม./ชม.) สำหรับการผ่านบอลแบบนี้ จะนับจำนวนก็ต่อเมื่อ มีผู้เล่นคู่แช่งเข้ามากดดันผู้จ่ายบอล และผู้รับบอล ภายในระยะ 3 เมตร

– การตั้งกำแพง (Walls) คือ ตรวจจับการผ่านบอลแบบรูปสามเหลี่ยม ของเพื่อนร่วมทีม 2 คน พร้อมกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม 1 คน ตำแหน่งของผู้เล่นจะถูกคำนวณทีละเฟรม โดยนับจำนวนเฉพาะการผ่านบอลไปยังผู้เล่นที่ใช้เวลาไม่เกิน 12 เฟรม (0.5 วินาที) แล้วผ่านบอลคืนให้เพื่อนร่วมทีมคนเดิมในทิศทางที่ต่างกัน ให้เป็นลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยม

– การวิ่ง (Runs) คือ การติดตามระยะทาง และความเร็วในการวิ่งของผู้เล่น ผ่านกล้องที่ติดตั้งบริเวณรอบสนาม โดยแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ ปกติ, ยาว, ช้าแบบสั้น และเร็ว จะนับจำนวนเฉพาะการวิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อวิ่งจากครึ่งสนามมาถึงกรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม อย่างน้อย 3 วินาที และวิ่งด้วยระยะทางอย่างน้อย 10 เมตร จากนั้นจบด้วยการยิงประตูภายใน 10 วินาที หลังจากหยุดวิ่ง

– การแย่งบอลคืนในช่วงเวลาที่ได้เปรียบ (recoveries in advantage) คือ การบุกไปยังกรอบเขตโทษของฝ่ายตรงข้าม เมื่อเพื่อนร่วมทีมมีจำนวนมากกว่าคู่แข่ง หลังแย่งบอลจากผู้เล่นคู่แข่งกลับคืนมา

โลกธุรกิจยุคใหม่ “ข้อมูล” คือสินทรัพย์ที่มีความสำคัญอย่างมาก หากได้นำมาวิเคราะห์จนเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ และนำข้อมูลมาใช้งานอย่างจริงจัง จะทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจแบบคาดไม่ถึงได้

เรียบเรียง: จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://laligatech.com/who-is-laliga-tech

– https://www.laliga.com/en-GB/beyondstats

– https://www.laliga.com/en-GB/news/laliga-paves-the-way-for-the-future-of-bi-and-analytics-in-football-thanks-to-mediacoach-and-the-beyond-stats-project

https://www.laliga.com/en-GB/news/laliga-takes-pioneering-step-by-adding-advanced-near-real-time-goal-probability-graphics-to-its-broadcasts-thanks-to-microsoft-technology

– https://www.laliga.com/en-GB/news/laliga-transforms-marketing-strategy-thanks-to-microsoft-and-the-potential-of-hundreds-of-terabytes-of-data

https://www.sportbusiness.com/2021/07/laligas-mediacoach-harnessing-the-power-of-match-data/

https://newsletter.laliga.es/global-futbol/laliga-mediacoach-clubs-compete-using-data

Categories
Column

ย้อนอดีต มองอนาคต : 5 ประเด็นที่น่าจับตา ก่อนลาลีกา รีสตาร์ท

ในช่วงที่ฟุตบอลลีกยุโรปพักเบรก แฟนฟุตบอลต่างจดจ่อกับ 64 นัดของฟุตบอลโลก ที่กาตาร์ อาจทำให้หลายคนลืมไปแล้วว่า 14 นัดแรกของลาลีกา สเปน อันดับในตารางเป็นอย่างไร

ศึกลูกหนังลีกกระทิงดุ จะกลับมาทำการแข่งขันอีกครั้งในช่วงส่งท้ายปีเก่า เริ่มตั้งแต่ 29 ธันวาคม หลังจากห่างหายไป 7 สัปดาห์ เพราะต้องหลีกทางให้เวิลด์ คัพ เช่นเดียวกับลีกอื่น ๆ ในยุโรป

เมื่อทัวร์นาเมนท์เวิลด์ คัพ สิ้นสุดลง แฟน ๆ จะได้กลับสู่การติดตามความตื่นเต้นของลีกกระทิงดุ และนี่คือ 5 ประเด็นสำคัญ จาก 14 นัดที่ผ่านมา และช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้

⚽️ “บาร์ซ่า-ชุดขาว” ผู้ท้าชิงแชมป์ในซีซั่นนี้

บาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด ถูกมองว่าเป็น 2 ทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้มากที่สุด ตอนนี้ทั้งคู่แพ้แค่ทีมละ 1 นัด และมีคะแนนห่างกันแค่ 2 แต้มเท่านั้น (บาร์เซโลน่า 37, เรอัล มาดริด 35)

บาร์ซ่า เปิดซีซั่นด้วยการเสมอราโย บาเยกาโน่ 0 – 0 หลังจากนั้นชนะ 7 นัดรวด ก่อนจะแพ้นัดสำคัญในเกม “เอล กลาซิโก้” กับเรอัล มาดริด 1 – 3 แต่ก็กลับมาชนะ 5 นัดติดต่อกัน ก่อนลีกหยุดพัก

ด้านราชันชุดขาว เริ่มต้นได้สวยงาม ชนะ 10 จาก 11 นัดแรกของซีซั่น แต่อีก 3 นัดหลังจากนั้น เก็บคะแนนเพิ่มได้แค่ 4 แต้ม หนึ่งในนั้นคือการบุกไปแพ้ทีมฟอร์มแรงอย่างราโย บาเยกาโน่ 2 – 3

บาร์เซโลน่า หวังจะกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดให้ได้ นับจากปี 2019 แนวรับของพวกเขาทำได้ดีขึ้นมาก เสียไปเพียง 5 ประตู และเก็บคลีนชีตถึง 11 จาก 14 นัดแรก ส่วนแนวรุกได้อาวุธหนักอย่างโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ยิงไปแล้ว 13 ลูก

อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด ก็ตั้งเป้าที่จะป้องกันแชมป์ให้ได้อีกครั้ง ความน่าสนใจอยู่ที่ขุมกำลังเชิงลึก นักเตะอย่างเฟเดริโก บัลเบร์เด้ และโรดริโก้ สามารถก้าวขึ้นมาทดแทนการขาดหายไปของคาริม เบนเซม่า ที่ลงเล่นไปแค่ 7 นัดเท่านั้น

⚽️ 2 คู่ปรับแคว้นบาสก์ ขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ UCL

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/RealSociedadFutbol

เรอัล โซเซียดัด และแอธเลติก บิลเบา 2 สโมสรร่วมแคว้นบาสก์ ลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก เต็มตัว อยู่ในอันดับ 3 และ 4 ตามลำดับ และมีคะแนนห่างกันเพียง 2 แต้ม (โซเซียดัด 26, บิลเบา 24)

อิมานอล อัลกูอาซิล ที่เพิ่งต่อสัญญาคุมทีมโซเซียดัดออกไปจนถึงปี 2025 ทำผลงานได้ดีอย่างเหลือเชื่อ แม้จะไม่มี 2 ดาวยิงตัวเก่ง มิเกล โอยาซาบัล และอูมาร์ ซาดิค ที่ต่างได้รับบาดเจ็บบริเวณเอ็นไขว้เข่า (ACL) ฉีกขาด ต้องพักยาวทั้งคู่

ขณะที่เอร์เนสโต บัลเบร์เด้ ที่กลับมาคุมบิลเบาเป็นรอบที่ 3 ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้ดีที่สุด นับตั้งแต่ฤดูกาล 2013/14 ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ส่วนหนึ่งมาจาก 2 พี่น้อง อินากิ และนิโก้ วิลเลี่ยมส์ ที่ยิงรวมกัน 8 ประตู กับ 5 แอสซิสต์

และด้วยคะแนนของทั้งคู่ที่ห่างกันเพียง 2 แต้ม ทำให้เกม “บาสก์ ดาร์บี้” นัดแรกของซีซั่น ที่บ้านของโซเซียดัด ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2023 ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

⚽️ “ราโยฯ” ผู้ไม่แพ้ยักษ์ใหญ่ในครึ่งซีซั่นแรก

อันโดนี่ อิราโอล่า กุนซือราโย บาเยกาโน่ ยังคงสร้างมาตรฐานช่วงเริ่มต้นฤดูกาลได้ดี เช่นเดียวกับเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นักเตะอย่าง ฟลอร็อง เลอเฌอยูน, อัลบาโร่ การ์เซีย และอิซี่ ปาลาซอน ยิงไปแล้วคนละ 3 ประตู

จุดแข็งของบาเยกาโน่ในซีซั่นนี้ คือผลงานการพบกับทีมบิ๊ก 4 ที่ไม่แพ้ใครเลย บุกไปเยือนบาร์เซโลน่า, แอตเลติโก้ มาดริด และเซบีย่า เก็บได้ 5 คะแนน แถมยังเป็นทีมเดียวที่ชนะเรอัล มาดริด แชมป์เก่าจากซีซั่นที่แล้ว

ผลงานยามเล่นในบ้าน ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ช่วยให้บาเยกาโน่ มีแต้มตามหลังท็อปโฟร์แค่ 2 แต้มในเวลานี้ โดยมีสถิติชนะ 4 เสมอ 2 แพ้แค่นัดเดียว ให้กับเรอัล มายอร์ก้า ทีมที่ฟอร์มดีเช่นเดียวกัน

และที่สำคัญ “เดอะ เรด แซซ” กำลังจะได้ตัวราอูล เด โทมัส กองหน้าตัวเก่งชาวสเปน วัย 28 ปี จากเอสปันญ่อล มาเสริมความคมในเดือนมกราคมนี้ เพื่อหวังพาทีมบรรลุเป้าหมายเมื่อจบซีซั่น

⚽️  “เซบีย่า” หวังคืนฟอร์มในช่วงที่เหลือของซีซั่น

14 เกมแรกของเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เซบีย่า มีแต้มตามหลังจ่าฝูงแค่ 4 แต้ม แต่ในช่วงเดียวกันของซีซั่นนี้ สถานการณ์กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะพวกเขาอยู่ในโซนตกชั้น มีแค่ 11 คะแนนเท่านั้น

ด้วยผลงานการออกสตาร์ทซีซั่นที่ย่ำแย่ ทำให้กุนซือฆูเลน โลเปเตกี ถูกปลดออกจากตำแหน่ง จากนั้นได้แต่งตั้งฮอร์เก้ ซามเปาลี กลับมาคุมทีมอีกครั้ง นับตั้งแต่ปี 2017 เพื่อนำพาสโมสรพ้นจากวิกฤตให้ได้

อดีตเฮดโค้ชทีมชาติชิลี และอาร์เจนติน่า วัย 62 ปี มีงานให้ทำอีกมากในช่วงที่เหลือของซีซั่นนี้ ทั้งการหาผู้เล่นใหม่ในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคม และการนำฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมกลับคืนมาให้เร็วที่สุด

⚽️ เอลเช่ เปลี่ยนโค้ชครั้งที่ 3 หวังหลุดอันดับบ๊วย

เอลเช่ ทีมอันดับสุดท้ายของตาราง มีการเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ช โดยได้ปาโบล มาชิน ที่เข้ามารับตำแหน่งช่วงพักเบรกฟุตบอลโลก และเป็นกุนซือคนที่ 3 ในฤดูกาลนี้ ต่อจากฟรานซิสโก้ และฮอร์เก้ อัลมิรอน

ในเวลานี้ เอลเช่ เป็นทีมเดียวในลีกสูงสุดที่ยังไม่ชนะใคร มีแค่ 4 แต้ม ตามหลังโซนปลอดภัยถึง 8 คะแนน โดยมาชิน จะประเดิมคุมทีมในศึกลาลีกา เจองานหนักอย่างแอตเลติโก้ มาดริด วันที่ 29 ธันวาคมนี้

หลังผ่านไป 14 นัด นอกเหนือจากการลุ้นแชมป์ที่เข้มข้นแล้ว การลุ้นพื้นที่โควต้ายุโรป ก็สนุกไม่แพ้กัน เพราะคะแนนเบียดกันสูสีมาก รวมถึงการลุ้นหนีตกชั้น ทีมอันดับ 11 มีแต้มมากกว่าโซนสีแดงแค่ 8 แต้มเท่านั้น

ด้วยเส้นทางในฤดูกาลนี้ที่ยังเหลืออีกพอสมควร ทุกสถานการณ์บนตารางคะแนนล้วนน่าตื่นเต้นทั้งสิ้น ทำให้อันดับมีโอกาสเปลี่ยนแปลงแบบนัดต่อนัด หากพลาดติดกันหลาย ๆ เกม ก็มีสิทธิ์น้ำตาตกได้เช่นกัน