Categories
Column Special Content

ชาบีกับงานสร้าง “บาร์เซโลนา 2.0” ลงมือทันทีหลังคืนสู่บัลลังก์ ลา ลีกา

ชาบี เอร์นานเดซ เคยนิยามสโมสรบาร์เซโลนาไว้หลายวาระว่า เป็นทีมฟุตบอลที่อยู่ยากมากที่สุดในโลก ซึ่งตัวเขาเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วทั้งสถานะหัวหน้าโค้ชในตอนนี้และนักฟุตบอลเมื่อครั้งอดีต (1998 – 2015) ก่อนย้ายไปแขวนสตั๊ดที่กาตาร์ (2015 – 2019) หรืออาจย้อนกลับไปขณะอายุเพียง 11 ขวบที่เขาเข้าไปอยู่ในศูนย์ฝึกเยาวชนลา มาเซีย

ตำนานมิดฟิลด์ทีมชาติสเปน ซึ่งปัจจุบันอายุ 43 ปี ขยายความว่า ชัยชนะอย่างเดียวยังไม่เพียงพอสำหรับบาร์เซโลนา แต่ต้องชนะด้วยจิตวิญญาณหรือดีเอ็นเอของสโมสร

แซม มาร์สเดน ผู้สื่อข่าวพิเศษของอีเอสพีเอ็น สื่อใหญ่ระดับโลก กล่าวว่าคงต้องถกเรื่องนี้กันหลายชั่วโมงและต้องย้อนกลับไปรื้อฟื้นวิวัฒนาการช่วง 35 ปีที่ผ่านมาผ่านยุคสมัยของโยฮัน ครัฟฟ์ และเป๊ป กวาร์ดิโอลา แต่สามารถสรุปลักษณะดีเอ็นเอของบาร์เซโลนาด้วย 3 P’s คือ positioning, possession และ pressure

กล่าวคือ บาร์เซโลนาเป็นทีมที่เน้นการบุกและสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ บิลด์อัพเกมจากแบ็คไลน์ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ, เพรสไฮ, อินเตอร์เพลย์น้อยจังหวะเพียง 1-2 ครั้ง จนทำให้แฟนบอลดูการแข่งขันแบบก้นแทบไม่ติดเก้าอี้ ทำประตูสวยๆที่เหลือเชื่อ แน่นอนต้องชนะแมตช์และคว้าถ้วยชนะเลิศ

ซีซันที่แล้ว (2022-23) ชาบีเพิ่งพาบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ลา ลีกา สมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2019 แต่ได้รับเสียงวิจารณ์มากมายว่า บาร์เซโลนาชุดนี้ไม่ผ่านครบทุกข้อของดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน (KPI : Key Performance Indicator) โดยเฉพาะโกปา เดล เรย์ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ในเดือนมีนาคม 2023 แม้ลูกทีมของชาบีบุกเฉือนเรอัล มาดริด 1-0 ที่ซานติอาโก เบร์นาเบว

นัดนั้น ชาบีจำเป็นต้องปรับรูปแบบการเล่นเพราะนักเตะบาดเจ็บหลายคน ส่งผลให้ทีมราชันชุดขาวครองบอลมากกว่า 60%แม้นัด 2 ที่สปอติฟาย คัมป์ นู บาร์ซาครองบอลเพิ่มขึ้นเป็น 53% แต่โดนทีมเยือนถลุงยับ 0-4

งานใหญ่ที่รอชาบีอยู่หลังจบซีซัน 2022-23 คือ การสร้างทีมบาร์เซโลนาขึ้นมาใหม่ในเวอร์ชัน 2.0 โดยแหล่งข่าวสโมสรเปิดเผยกับอีเอสพีเอ็นว่า ชาบีต้องการให้ทีมพัฒนาการครองบอลให้มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไปนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมแทนโรนัลด์ คูมัน ในเดือนพฤศจิกายน 2021 แม้ซีซันแรก ชาบีสามารถขยับตำแหน่งบนตารางลา ลีกา จากอันดับ 9 ขณะนั้นขึ้นมาจบด้วยอันดับ 2 (แต่ตามหลังเรอัล มาดริด ถึง 13 คะแนน ส่วนซีซันที่ 2 บาร์ซาเข้าวินและอยู่ห่างคู่แข่งเอล กลาซิโก 10 คะแนน)

ชาบีเริ่มวางฐานรากให้ทีมด้วยเกมรับ

ย้อนกลับไปดูการยกเครื่องบาร์เซโลนาในตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้ว ดูเหมือนชาบีเริ่มโฟกัสงานวางฐานรากของทีมกับแนวรับด้วยการซื้อ ฌูลส์ กุนเด และ อันเดรียส คริสเตนเซน เข้ามาเสริม ขณะที่ โรนัลด์ อาเราโฮ และ อเลฆานโดร บัลเด 2 ดาวรุ่งจากทีมสำรอง ได้กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดใหญ่ นี่เป็นโฉมหน้าใหม่ของแบ็คโฟร์ โดยผู้รักษาประตูยังเป็น มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเกน ซึ่งย้ายมาจากโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ตั้งแต่ปี 2014 ก่อนที่ อิญญิโก มาร์ติเนซ จะตามมาจากแอธเลติก บิลเบา ในตลาดซัมเมอร์ปีนี้

ซีซันที่ผ่านมา อาซูลกรานาเสียเพียง 20 ประตูในลา ลีกา ถือว่าต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเมื่อนับเฉพาะฤดูที่เตะ 38 นัด โดยพวกเขาเฉือนชนะคู่แข่ง 1-0 ถึง 11 นัด บวกกับโชคเข้าข้างในบางนัด เกมรับพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดเทียบกับ 3 ซีซันก่อนหน้าที่เสีย 38 ประตูต่อฤดูกาล โดยเฉพาะกุนเดที่เล่นแบ็คขวา หรืออาเราโฮในบางกรณี เอื้อประโยชน์ให้บาร์ซาปรับแผงหลังเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค 3 คนเมื่อจำเป็น

เกมรับดีขึ้นแต่เกมบุกกลับอ่อนลงแม้ได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และ ราฟินญา เข้ามาเสริม แต่บาร์เซโลนาทำได้เพียง 70 ประตูในเกมลีกซีซัน 2022-23 (น้อยกว่าเรอัล มาดริด 5 ประตู) นี่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 15 ซีซันย้อนกลับไปซีซัน 2008-09 ที่กวาร์ดิโอลาคุมทีมปีแรก ที่พวกเขาทำสกอร์ต่ำกว่า 80 ประตู อีกครั้งคือซีซัน 2021-22 (68 ประตู) ซึ่งชาบีเพิ่งรับงานต่อจากคูมัน โดยช่วงดังกล่าว บาร์ซาถล่มตาข่ายทะลุหลัก 100 ถึง 7 ซีซัน

อย่างไรก็ตาม ชาบีได้ผลวิเคราะห์ออกมาว่า สิ่งที่จำเป็นต้องปรับปรุงในตลาดกลางปี 2023 คือ หาตัวแทนของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาหลังสิ้นซีซัน 2022-23 และหาผู้เล่นที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงสำหรับแดนกลาง แต่ด้วยข้อจำกัดทางการเงินและเงื่อนไขไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ชาบีจำเป็นต้องลดขนาดทีมลง เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ส่งผลให้ซีซัน 2023-24 มีนักเตะเพียง 19 คนที่ลงทะเบียนในทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลนา แม้กระทั่ง ลามีน ยามาล (อายุ 16 ปี) และ เฟอร์มิน โลเปซ (อายุ 20 ปี) ยังถูกดึงมาใช้งาน

“กานเซโล” สร้างอิมแพ็คต่อรูปแบบการเล่น

แซม มาร์สเดน มองว่า การยืมตัว ชูเอา กานเซโล จากแมนเชสเตอร์ ซิตี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 เป็นตัวบ่งชี้ว่าชาบีต้องการให้รูปแบบการเล่นของบาร์ซาออกไปในรูปแบบไหน กานเซโลสามารถยืนตำแหน่งแบ็คขวา ส่วนกุนเดย้ายไปเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค 

ฟูลแบ็คโปรตุกีสสามารถเล่นริมสนามเหมือนเป็นปีก และยังตัดเข้าในเพื่อรับหน้าที่มิดฟิลด์ โดยซีซันนี้ กานเซโลพยายามเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งเฉลี่ย 3.94 ครั้งต่อ 90 นาที ประสบความสำเร็จ 68% ดีกว่ากุนโดที่ซีซันก่อนมีตัวเลข 1.11 ครั้ง และ 50% กานเซโลยังสร้างโอกาส 1.26 ครั้งต่อ 90 นาที ทำ 2 ประตู 1 แอสซิสต์จาก 7 นัด เทียบกับซีซันที่แล้วของกุนโดที่สร้างโอกาส 0.59 ครั้ง ทำ 1 ประตู 3 แอสซิสต์จาก 29 นัดบอลลีก แต่ยิ่งกว่านั้น กานเซโลส่งอิมแพ็คต่อทีมอย่างชัดเจนในพื้นที่ final third

แต่อีกด้านหนึ่งยังมีจุดที่ชาบีต้องหาสมดุลระหว่างเกมบุกและรับ บาร์เซโลนาเสียไปแล้ว 10 ประตูจาก 10 นัดในลา ลีลา ซีซันนี้ ขณะที่ซีซันที่แล้ว กว่าที่พวกเขาจะเสียประตูถึงตัวเลขนี้ต้องรอถึง 31 นัด

ยังมีข้อมูลอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ซีซันที่แล้ว บาร์เซโลนามีค่า xGa (Expected goals against) หรือความเป็นไปได้ที่จะเสียประตูสูงถึง 33.61 แต่ที่เสียจริงเพียง 20 ประตู ส่วนหนึ่งมาจากความเหนียวของแทร์ ชเตเกน แต่ค่า xGa ซีซันนี้เพียง 9.88 เทียบกับเสียจริง 10 ประตู

“บุสเก็ตส์” อำลาสโมสรทำให้ชิ้นส่วนหายไป

ชาบีเปิดเผยว่า ตัวแปรสำคัญในตลาดซัมเมอร์คือ บาร์เซโลนาจะหาตัวแทนบุสเก็ตส์ ซึ่งตอนนี้ย้ายไปเล่นกับอินเตอร์ ไมอามี ได้ดีแค่ไหน แต่เพราะข้อจำกัดเรื่องเงิน ทีมจึงไม่สามารถซื้อเป้าหมายต้นๆอย่าง มาร์ติน ซูบิเมนดี (เรอัล โซเซียดัด) และ โจชัว คิมมิช (บาเยิร์น) แต่กลับต้องนำ โอริโอล โรเมว กลับมาหลังจากมิดฟิลด์ตัวรับวัย 31 ปี ตระเวนเล่นให้กับเชลซี, บาเลนเซีย, ซตุ๊ตการ์ท, เซาแธมป์ตัน และกีโรนา

โรเมวเริ่มซีซันได้ดีก่อนมีเครื่องหมายคำถามเมื่อการแข่งขันผ่านไปโดยเฉพาะเมื่อ เฟรงกี เดอ ยอง บาดเจ็บ โรเมวถุกมองว่าฝีเท้าต่างระดับจากมิดฟิลด์คนอื่นในทีม เดอ ยอง, เปดรี, กาบี และ อิลคาย กุนโดกัน นักวิจารณ์มองว่าบาร์เซโลนาดีขึ้นในจังหวะครองบอลเมื่อไม่มีโรเมว พิจารณาจากผลต่างประตู +17 รวมทุกรายการ เทียบกับ +1 ประตูเมื่อโรเมวลงสนาม

นั่นทำให้มีข่าวออกมาว่า ชาบีต้องการเสริม deep-lying midfielder ซึ่งการแก้ปัญหาระยะสั้น ถ้าเดอ ยอง และเปดรีกลับมาฟิตพร้อมลงสนาม สตาฟฟ์โค้ชยังต้องการให้โรเมวยืนหน้าแบ็คโฟร์ต่อไปหรือไม่

“กุนโดกัน” เผชิญงานท้าทาย creative midfielder

แม้ได้ อิลคาย กุนโดกัน ในวัย 33 ปีมาแบบฟรีๆ แต่นั่นไม่ได้ตอบโจทย์ชาบีที่ต้องการ creative midfielder แหล่งข่าววงในระบุว่า ชาบีรู้สึกถึงความจำเป็นที่ต้องมีตัวเชื่อมระหว่างแนวรับกับแนวรุกในลักษณะของ ซานติ กาซอร์ลา อดีตมิดฟิลด์อาร์เซนอล ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า แบร์นาโด ซิลวา ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเป็นเป้าหมายของกุนซือวัย 43 ปี แต่คงยากในสภาพเงินกองคลังตอนนี้

กุนโดกันสามารถรับหน้าที่นั้นได้เช่นเดียวกับ เปดรี ซึ่งพลาดลงสนามเพราะบาดเจ็บไปแล้ว 25 นัดนับตั้งแต่ต้นซีซันที่แล้ว บาร์เซโลนาจึงต้องพึ่งพาผลงานสร้างสรรค์ในแดนกลางของกุนโดกัน เขามีสถิติ xA (expected assists) 2.35 ครั้ง อยู่อันดับ 7 ของลา ลีกา และมีจำนวน chances created 21 ครั้ง อยู่อันดับ 5 ซึ่งไม่มีเพื่อนร่วมทีมบาร์ซาคนไหนที่มีผลงานใกล้เคียงเขา เฟร์ราน ตอร์เรส และ กาบี ตามมาห่างๆที่ตัวเลข 10 ครั้งเท่ากัน ขณะที่ ชูเอา เฟลิกซ์, เลวานดอฟสกี และกานเซโล สร้างโอกาสได้คนละ 8 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม สตาฟฟ์โค้ชของชาบีมั่นใจว่า ถ้ากุนโดกันและเปดรีลงสนามด้วยกันนานขึ้น ผลงานน่าจะยกระดับเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้

เกมรุกที่หลากหลายและเหนือการคาดเดา

แม้ปราศจาก เปดรี ดาวรุ่งวัย 20 ปี แต่การเข้ามาของ ชูเอา เฟลิกซ์ และกานเซโล ช่วยให้เกมบุกดีขึ้นผิดหูผิดตาถึงขั้นชาบียกให้เป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของบาร์เซโลนานับตั้งแต่คุมทีม ซึ่งเขาหมายถึงการลงตัวจริง 2 นัดแรกของ 2 นักเตะโปรตุกีส ในเกมที่ชนะ 5-0 ติดต่อกันในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบเรอัล เบตีส และรอยัล อันท์เวิร์ป

ชัยชนะดังกล่าวบ่งชี้ถึงสิ่งที่ชาบีพยายามเพิ่มเติมให้ทีมในซีซันนี้ได้แก่ ความหลากหลายและความสร้างสรรค์จากตำแหน่งแบ็คขวาของกานเซโล, การเปิดเกมรุกที่คาดเดาได้ยากของเฟลิกซ์ และความเฉลียวฉลาดของกุนโดกัน แม้ยังขาดความสม่ำเสมอแต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีของทีม

โชคร้ายที่เลวานดอฟสกีและราฟินญาบาดเจ็บ แต่กลับทำให้ชาบีค้นพบ “ความกล้าหาญ” จากนักเตะอะคาเดมี ซึ่งตรงกับคุณลักษณะของลูกทีมที่เขาต้องการคือ พร้อมเสี่ยงไปกับลูกฟุตบอล, ไม่ลังเลที่จะวิ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม, พยายามผ่านบอลเข้าไประหว่างไลน์ และเล่นโดยปราศจากความกลัว

หนึ่งในตัวอย่างที่ชาบีออกปากเองคือ มาร์ก กุย ซึ่งอายุเพียง 17 ปี ลงสนามให้ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเพียง 30 วินาที กลายเป็นคนทำประตูชัยนาทีที่ 80 ให้บาร์เซโลนาชนะแอธเลติก บิลเบา 1-0 ในบอลลีกนัดที่ 10 ของซีซัน

กุยเป็นผลผลิตล่าสุดที่ได้รับการปลูกฝังดีเอ็นเอจากศูนย์ฝึกลา มาเซีย ก่อนหน้านี้ก็คือ ยามาล ซึ่งเป็นผู้เล่นสำคัญที่ทำให้ทีมกลับมาในแมตช์กับกรานาดา และโลเปซ ซึ่งลุกจากเก้าอี้ข้างสนามเพื่อช่วยทีมในเกมกับมายอร์กา ขณะที่ กาบี (อายุ 19 ปี) และ บัลเด (อายุ 20 ปี) ต่างเป็นตัวจริงขาประจำของทีมไปแล้ว

เฟลิกซ์ ซึ่งยืมตัวจากแอตเลติโก มาดริด ตลอดซีซันนี้ มีบทบาทสำคัญอีกคนหนึ่งโดยเฉพาะในสภาวะที่บาร์เซโลนาไม่มีเลวานดอฟสกีและราฟินญาที่บาดเจ็บ ขณะที่ฟอร์มตอร์เรสยังไม่คงเส้นคงวา รวมถึง อุสมาน เดมเบเล และ อันซู ฟาติ ซึ่งย้ายออกจากสโมสร เฟลิกซ์สามารถถอยลงไปในแดนกลาง สร้างสรรค์พื้นที่ว่างและเกมรุก แม้เพิ่งทำได้ 1 ประตูจาก 7 นัดแต่มีค่า xG ถึง 3.07 กระนั้นเชื่อได้ว่าบาร์ซาสามารถคาดหวังจากแนวรุกวัย 23 ปี ได้มากกว่านี้แน่นอน

ชาบีคุมทีมบาร์เซโลนาลงสนามเกิน 100 นัดแล้ว และกำลังจะทำงานครบ 2 ปีเต็มในเดือนพฤศจิกายน 2023 แม้เพิ่งพาทีมกลับมาครองบัลลังก์ลีกสเปนได้หลังว่างเว้นมา 3 ปี แต่นั่นไม่ได้รับประกันได้เลยว่า เขาจะประสบความสำเร็จในซีซันนี้และซีซันต่อๆไป โดยเฉพาะเรอัล มาดริด ยังแสดงถึงความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการสร้างทีม “บาร์เซโลนา 2.0” จึงมีความสำคัญต่ออนาคตของสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นคาตาลูญญา

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Column

เคราร์ด ปิเก้ : 14 ปี แห่งความยิ่งใหญ่กับบาร์เซโลน่า

#SSxLaLiga | เคราร์ด ปิเก้ ถือเป็นหนึ่งในปราการหลังที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุคทองของบาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน ช่วยทีมคว้าแชมป์มามากมาย อีกทั้งพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อสโมสรที่อยู่ในหัวใจมาตั้งแต่เกิด

แต่วันเวลาก็ไม่เคยโกหกปิเก้ สภาพร่างกายพร้อมกับฟอร์มการเล่นเริ่มที่จะถดถอยลง ทำให้ต้องจำใจ ยอมรับการเป็นตัวสำรอง และในที่สุดก็ถึงเวลาที่เจ้าตัวประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตเซ็นเตอร์แบ็กชาวสเปนวัย 35 ปี ลงเล่นในถิ่นสปอติฟาย คัมป์ นู เป็นนัดสุดท้าย ในเกมที่บาร์เซโลน่า เปิดบ้านเอาชนะอัลเมเรีย 2 – 0 อำลาทีมด้วยคลีนชีต และชัยชนะ

แฟนบอลบาร์เซโลน่าในสปอติฟาย คัมป์ นู ต่างลุกขึ้นยืนปรบมือ และตะโกนเรียกชื่อปิเก้แบบสุดเสียง หลังถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 85 ปิดฉากการค้าแข้ง 14 ปี กับ “เจ้าบุญทุ่ม” อย่างยิ่งใหญ่

ความจริงแล้ว ปิเก้มีชื่อเป็นสำรอง ในนัดที่บุกไปเยือนโอซาซูน่า เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา แต่เขาถูกไล่ออกจากข้างสนาม กลายเป็นว่า นัดสุดท้ายในอาชีพนักเตะ ก็คือนัดที่พบกับอัลเมเรียนั่นเอง

ปิเก้ เริ่มต้นฝึกวิชาลูกหนังกับอคาเดมี่ของบาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก่อนที่ในปี 2004 จะย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนัก

หลังจากชีวิตการค้าแข้ง 4 ปีในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่สวยงามดังหวัง ในปี 2008 ปิเก้จึงกลับมาอยู่ที่บาร์เซโลน่าอีกครั้ง ตำแหน่งการเล่นคือเซ็นเตอร์แบ็ก ซึ่งคู่หูคนแรกของเขาคือ คาร์เลส ปูโยล

คู่หูคนต่อมาคือ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ที่เปลี่ยนจากมิดฟิลด์ตัวรับ ลงมาเล่นปราการหลังตัวกลาง แต่หลังจากที่ดาวเตะอาร์เจนไตน์ย้ายออกไป ก็เปลี่ยนคู่หูมาเป็นซามูเอล อุมติตี้, เกลม็องต์ ลองเล่ต์ หรือโรนัลด์ อเราโฆ่

อย่างไรก็ตาม บาร์เซโลน่าในฤดูกาลนี้ ได้ตัดสินใจมองเป้าหมายในระยะยาว ด้วยการเซ็นสัญญากองหลังดาวรุ่งมาร่วมทีม ทำให้ปิเก้ต้องยอมรับบทบาทที่เขาไม่คุ้นเคย คือการนั่งเป็นตัวสำรอง

แม้ว่าปิเก้จะต่อสู้เพื่อกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงจนสุดความสามารถ แต่ในที่สุดเขาก็ยืนยันว่า เวลาแห่งการอำลามาถึงแล้วจริง ๆ จึงตัดสินใจประกาศเลิกเล่นฟุตบอล ก่อนเกมกับอัลเมเรีย เพียง 2 วัน

ในพิธีอำลาอาชีพค้าแข้งเมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปิเก้ กล่าวกับแฟน ๆ อาซุลกราน่าทั้งน้ำตาว่า “ในบางครั้ง ความรักคือการปล่อยวาง ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่จะเปิดพื้นที่ส่วนตัวของผมแล้ว”

“คุณปู่ให้ผมเป็นสมาชิกของสโมสรตั้งแต่วันที่ผมเกิด ผมเกิดที่นี่ และผมจะตายที่นี่ พวกคุณรู้จักผมดี มันไม่ใช่การอำลาเสียทีเดียว เพราะในไม่ช้าก็เร็ว ผมจะกลับมาที่นี่แน่นอน บาร์ซ่าจงเจริญ”

ขณะที่ซาบี้ เอร์นานเดซ เฮดโค้ชบาร์เซโลน่า พูดถึงอดีตเพื่อนร่วมทีมคนนี้ว่า “เราต้องการคนอย่างเขาในทีม เขาได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ในความเป็นผู้นำและบุคลิกภาพ เขากลายเป็นตำนานเรียบร้อยแล้ว”

ตลอด 14 ปี ที่อยู่กับบาร์เซโลน่า ปิเก้คว้าแชมป์เมเจอร์ 18 โทรฟี่ ภายใต้ผู้จัดการทีมหลายคน นับตั้งแต่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, ติโต้ บิลาโนบา, หลุยส์ เอ็นริเก้, เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้, กิเก้ เซเตียน และโรนัลด์ คูมัน

ปราการหลังวัย 35 ปีรายนี้ ลงสนามให้กับบาร์ซ่ารวมทั้งสิ้น 616 นัด มากที่สุดเป็นเป็นอันดับ 5 ของสโมสร ส่วนการรับใช้ทีมชาติสเปน ลงเล่น 102 นัด พร้อมกับแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และแชมป์ฟุตบอลยูโร 2012

แม้ว่าวันนี้ เคราร์ด ปิเก้จะไม่ได้เป็นนักเตะบาร์เซโลน่าแล้ว แต่ได้ฝากความทรงจำที่ดีให้กับแฟน ๆ ไว้มากมาย และสักวันหนึ่ง ชายคนนี้จะกลับมายังสโมสรที่เขาผูกพันอีกครั้ง กับบทบาทใหม่ที่เขาได้ใฝ่ฝันไว้