Categories
Column Special Content

ชาบีกับงานสร้าง “บาร์เซโลนา 2.0” ลงมือทันทีหลังคืนสู่บัลลังก์ ลา ลีกา

ชาบี เอร์นานเดซ เคยนิยามสโมสรบาร์เซโลนาไว้หลายวาระว่า เป็นทีมฟุตบอลที่อยู่ยากมากที่สุดในโลก ซึ่งตัวเขาเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วทั้งสถานะหัวหน้าโค้ชในตอนนี้และนักฟุตบอลเมื่อครั้งอดีต (1998 – 2015) ก่อนย้ายไปแขวนสตั๊ดที่กาตาร์ (2015 – 2019) หรืออาจย้อนกลับไปขณะอายุเพียง 11 ขวบที่เขาเข้าไปอยู่ในศูนย์ฝึกเยาวชนลา มาเซีย

ตำนานมิดฟิลด์ทีมชาติสเปน ซึ่งปัจจุบันอายุ 43 ปี ขยายความว่า ชัยชนะอย่างเดียวยังไม่เพียงพอสำหรับบาร์เซโลนา แต่ต้องชนะด้วยจิตวิญญาณหรือดีเอ็นเอของสโมสร

แซม มาร์สเดน ผู้สื่อข่าวพิเศษของอีเอสพีเอ็น สื่อใหญ่ระดับโลก กล่าวว่าคงต้องถกเรื่องนี้กันหลายชั่วโมงและต้องย้อนกลับไปรื้อฟื้นวิวัฒนาการช่วง 35 ปีที่ผ่านมาผ่านยุคสมัยของโยฮัน ครัฟฟ์ และเป๊ป กวาร์ดิโอลา แต่สามารถสรุปลักษณะดีเอ็นเอของบาร์เซโลนาด้วย 3 P’s คือ positioning, possession และ pressure

กล่าวคือ บาร์เซโลนาเป็นทีมที่เน้นการบุกและสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ บิลด์อัพเกมจากแบ็คไลน์ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ, เพรสไฮ, อินเตอร์เพลย์น้อยจังหวะเพียง 1-2 ครั้ง จนทำให้แฟนบอลดูการแข่งขันแบบก้นแทบไม่ติดเก้าอี้ ทำประตูสวยๆที่เหลือเชื่อ แน่นอนต้องชนะแมตช์และคว้าถ้วยชนะเลิศ

ซีซันที่แล้ว (2022-23) ชาบีเพิ่งพาบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ลา ลีกา สมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2019 แต่ได้รับเสียงวิจารณ์มากมายว่า บาร์เซโลนาชุดนี้ไม่ผ่านครบทุกข้อของดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน (KPI : Key Performance Indicator) โดยเฉพาะโกปา เดล เรย์ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ในเดือนมีนาคม 2023 แม้ลูกทีมของชาบีบุกเฉือนเรอัล มาดริด 1-0 ที่ซานติอาโก เบร์นาเบว

นัดนั้น ชาบีจำเป็นต้องปรับรูปแบบการเล่นเพราะนักเตะบาดเจ็บหลายคน ส่งผลให้ทีมราชันชุดขาวครองบอลมากกว่า 60%แม้นัด 2 ที่สปอติฟาย คัมป์ นู บาร์ซาครองบอลเพิ่มขึ้นเป็น 53% แต่โดนทีมเยือนถลุงยับ 0-4

งานใหญ่ที่รอชาบีอยู่หลังจบซีซัน 2022-23 คือ การสร้างทีมบาร์เซโลนาขึ้นมาใหม่ในเวอร์ชัน 2.0 โดยแหล่งข่าวสโมสรเปิดเผยกับอีเอสพีเอ็นว่า ชาบีต้องการให้ทีมพัฒนาการครองบอลให้มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไปนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมแทนโรนัลด์ คูมัน ในเดือนพฤศจิกายน 2021 แม้ซีซันแรก ชาบีสามารถขยับตำแหน่งบนตารางลา ลีกา จากอันดับ 9 ขณะนั้นขึ้นมาจบด้วยอันดับ 2 (แต่ตามหลังเรอัล มาดริด ถึง 13 คะแนน ส่วนซีซันที่ 2 บาร์ซาเข้าวินและอยู่ห่างคู่แข่งเอล กลาซิโก 10 คะแนน)

ชาบีเริ่มวางฐานรากให้ทีมด้วยเกมรับ

ย้อนกลับไปดูการยกเครื่องบาร์เซโลนาในตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้ว ดูเหมือนชาบีเริ่มโฟกัสงานวางฐานรากของทีมกับแนวรับด้วยการซื้อ ฌูลส์ กุนเด และ อันเดรียส คริสเตนเซน เข้ามาเสริม ขณะที่ โรนัลด์ อาเราโฮ และ อเลฆานโดร บัลเด 2 ดาวรุ่งจากทีมสำรอง ได้กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดใหญ่ นี่เป็นโฉมหน้าใหม่ของแบ็คโฟร์ โดยผู้รักษาประตูยังเป็น มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเกน ซึ่งย้ายมาจากโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ตั้งแต่ปี 2014 ก่อนที่ อิญญิโก มาร์ติเนซ จะตามมาจากแอธเลติก บิลเบา ในตลาดซัมเมอร์ปีนี้

ซีซันที่ผ่านมา อาซูลกรานาเสียเพียง 20 ประตูในลา ลีกา ถือว่าต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเมื่อนับเฉพาะฤดูที่เตะ 38 นัด โดยพวกเขาเฉือนชนะคู่แข่ง 1-0 ถึง 11 นัด บวกกับโชคเข้าข้างในบางนัด เกมรับพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดเทียบกับ 3 ซีซันก่อนหน้าที่เสีย 38 ประตูต่อฤดูกาล โดยเฉพาะกุนเดที่เล่นแบ็คขวา หรืออาเราโฮในบางกรณี เอื้อประโยชน์ให้บาร์ซาปรับแผงหลังเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค 3 คนเมื่อจำเป็น

เกมรับดีขึ้นแต่เกมบุกกลับอ่อนลงแม้ได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และ ราฟินญา เข้ามาเสริม แต่บาร์เซโลนาทำได้เพียง 70 ประตูในเกมลีกซีซัน 2022-23 (น้อยกว่าเรอัล มาดริด 5 ประตู) นี่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 15 ซีซันย้อนกลับไปซีซัน 2008-09 ที่กวาร์ดิโอลาคุมทีมปีแรก ที่พวกเขาทำสกอร์ต่ำกว่า 80 ประตู อีกครั้งคือซีซัน 2021-22 (68 ประตู) ซึ่งชาบีเพิ่งรับงานต่อจากคูมัน โดยช่วงดังกล่าว บาร์ซาถล่มตาข่ายทะลุหลัก 100 ถึง 7 ซีซัน

อย่างไรก็ตาม ชาบีได้ผลวิเคราะห์ออกมาว่า สิ่งที่จำเป็นต้องปรับปรุงในตลาดกลางปี 2023 คือ หาตัวแทนของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาหลังสิ้นซีซัน 2022-23 และหาผู้เล่นที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงสำหรับแดนกลาง แต่ด้วยข้อจำกัดทางการเงินและเงื่อนไขไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ชาบีจำเป็นต้องลดขนาดทีมลง เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ส่งผลให้ซีซัน 2023-24 มีนักเตะเพียง 19 คนที่ลงทะเบียนในทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลนา แม้กระทั่ง ลามีน ยามาล (อายุ 16 ปี) และ เฟอร์มิน โลเปซ (อายุ 20 ปี) ยังถูกดึงมาใช้งาน

“กานเซโล” สร้างอิมแพ็คต่อรูปแบบการเล่น

แซม มาร์สเดน มองว่า การยืมตัว ชูเอา กานเซโล จากแมนเชสเตอร์ ซิตี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 เป็นตัวบ่งชี้ว่าชาบีต้องการให้รูปแบบการเล่นของบาร์ซาออกไปในรูปแบบไหน กานเซโลสามารถยืนตำแหน่งแบ็คขวา ส่วนกุนเดย้ายไปเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค 

ฟูลแบ็คโปรตุกีสสามารถเล่นริมสนามเหมือนเป็นปีก และยังตัดเข้าในเพื่อรับหน้าที่มิดฟิลด์ โดยซีซันนี้ กานเซโลพยายามเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งเฉลี่ย 3.94 ครั้งต่อ 90 นาที ประสบความสำเร็จ 68% ดีกว่ากุนโดที่ซีซันก่อนมีตัวเลข 1.11 ครั้ง และ 50% กานเซโลยังสร้างโอกาส 1.26 ครั้งต่อ 90 นาที ทำ 2 ประตู 1 แอสซิสต์จาก 7 นัด เทียบกับซีซันที่แล้วของกุนโดที่สร้างโอกาส 0.59 ครั้ง ทำ 1 ประตู 3 แอสซิสต์จาก 29 นัดบอลลีก แต่ยิ่งกว่านั้น กานเซโลส่งอิมแพ็คต่อทีมอย่างชัดเจนในพื้นที่ final third

แต่อีกด้านหนึ่งยังมีจุดที่ชาบีต้องหาสมดุลระหว่างเกมบุกและรับ บาร์เซโลนาเสียไปแล้ว 10 ประตูจาก 10 นัดในลา ลีลา ซีซันนี้ ขณะที่ซีซันที่แล้ว กว่าที่พวกเขาจะเสียประตูถึงตัวเลขนี้ต้องรอถึง 31 นัด

ยังมีข้อมูลอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ซีซันที่แล้ว บาร์เซโลนามีค่า xGa (Expected goals against) หรือความเป็นไปได้ที่จะเสียประตูสูงถึง 33.61 แต่ที่เสียจริงเพียง 20 ประตู ส่วนหนึ่งมาจากความเหนียวของแทร์ ชเตเกน แต่ค่า xGa ซีซันนี้เพียง 9.88 เทียบกับเสียจริง 10 ประตู

“บุสเก็ตส์” อำลาสโมสรทำให้ชิ้นส่วนหายไป

ชาบีเปิดเผยว่า ตัวแปรสำคัญในตลาดซัมเมอร์คือ บาร์เซโลนาจะหาตัวแทนบุสเก็ตส์ ซึ่งตอนนี้ย้ายไปเล่นกับอินเตอร์ ไมอามี ได้ดีแค่ไหน แต่เพราะข้อจำกัดเรื่องเงิน ทีมจึงไม่สามารถซื้อเป้าหมายต้นๆอย่าง มาร์ติน ซูบิเมนดี (เรอัล โซเซียดัด) และ โจชัว คิมมิช (บาเยิร์น) แต่กลับต้องนำ โอริโอล โรเมว กลับมาหลังจากมิดฟิลด์ตัวรับวัย 31 ปี ตระเวนเล่นให้กับเชลซี, บาเลนเซีย, ซตุ๊ตการ์ท, เซาแธมป์ตัน และกีโรนา

โรเมวเริ่มซีซันได้ดีก่อนมีเครื่องหมายคำถามเมื่อการแข่งขันผ่านไปโดยเฉพาะเมื่อ เฟรงกี เดอ ยอง บาดเจ็บ โรเมวถุกมองว่าฝีเท้าต่างระดับจากมิดฟิลด์คนอื่นในทีม เดอ ยอง, เปดรี, กาบี และ อิลคาย กุนโดกัน นักวิจารณ์มองว่าบาร์เซโลนาดีขึ้นในจังหวะครองบอลเมื่อไม่มีโรเมว พิจารณาจากผลต่างประตู +17 รวมทุกรายการ เทียบกับ +1 ประตูเมื่อโรเมวลงสนาม

นั่นทำให้มีข่าวออกมาว่า ชาบีต้องการเสริม deep-lying midfielder ซึ่งการแก้ปัญหาระยะสั้น ถ้าเดอ ยอง และเปดรีกลับมาฟิตพร้อมลงสนาม สตาฟฟ์โค้ชยังต้องการให้โรเมวยืนหน้าแบ็คโฟร์ต่อไปหรือไม่

“กุนโดกัน” เผชิญงานท้าทาย creative midfielder

แม้ได้ อิลคาย กุนโดกัน ในวัย 33 ปีมาแบบฟรีๆ แต่นั่นไม่ได้ตอบโจทย์ชาบีที่ต้องการ creative midfielder แหล่งข่าววงในระบุว่า ชาบีรู้สึกถึงความจำเป็นที่ต้องมีตัวเชื่อมระหว่างแนวรับกับแนวรุกในลักษณะของ ซานติ กาซอร์ลา อดีตมิดฟิลด์อาร์เซนอล ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า แบร์นาโด ซิลวา ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเป็นเป้าหมายของกุนซือวัย 43 ปี แต่คงยากในสภาพเงินกองคลังตอนนี้

กุนโดกันสามารถรับหน้าที่นั้นได้เช่นเดียวกับ เปดรี ซึ่งพลาดลงสนามเพราะบาดเจ็บไปแล้ว 25 นัดนับตั้งแต่ต้นซีซันที่แล้ว บาร์เซโลนาจึงต้องพึ่งพาผลงานสร้างสรรค์ในแดนกลางของกุนโดกัน เขามีสถิติ xA (expected assists) 2.35 ครั้ง อยู่อันดับ 7 ของลา ลีกา และมีจำนวน chances created 21 ครั้ง อยู่อันดับ 5 ซึ่งไม่มีเพื่อนร่วมทีมบาร์ซาคนไหนที่มีผลงานใกล้เคียงเขา เฟร์ราน ตอร์เรส และ กาบี ตามมาห่างๆที่ตัวเลข 10 ครั้งเท่ากัน ขณะที่ ชูเอา เฟลิกซ์, เลวานดอฟสกี และกานเซโล สร้างโอกาสได้คนละ 8 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม สตาฟฟ์โค้ชของชาบีมั่นใจว่า ถ้ากุนโดกันและเปดรีลงสนามด้วยกันนานขึ้น ผลงานน่าจะยกระดับเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้

เกมรุกที่หลากหลายและเหนือการคาดเดา

แม้ปราศจาก เปดรี ดาวรุ่งวัย 20 ปี แต่การเข้ามาของ ชูเอา เฟลิกซ์ และกานเซโล ช่วยให้เกมบุกดีขึ้นผิดหูผิดตาถึงขั้นชาบียกให้เป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของบาร์เซโลนานับตั้งแต่คุมทีม ซึ่งเขาหมายถึงการลงตัวจริง 2 นัดแรกของ 2 นักเตะโปรตุกีส ในเกมที่ชนะ 5-0 ติดต่อกันในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบเรอัล เบตีส และรอยัล อันท์เวิร์ป

ชัยชนะดังกล่าวบ่งชี้ถึงสิ่งที่ชาบีพยายามเพิ่มเติมให้ทีมในซีซันนี้ได้แก่ ความหลากหลายและความสร้างสรรค์จากตำแหน่งแบ็คขวาของกานเซโล, การเปิดเกมรุกที่คาดเดาได้ยากของเฟลิกซ์ และความเฉลียวฉลาดของกุนโดกัน แม้ยังขาดความสม่ำเสมอแต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีของทีม

โชคร้ายที่เลวานดอฟสกีและราฟินญาบาดเจ็บ แต่กลับทำให้ชาบีค้นพบ “ความกล้าหาญ” จากนักเตะอะคาเดมี ซึ่งตรงกับคุณลักษณะของลูกทีมที่เขาต้องการคือ พร้อมเสี่ยงไปกับลูกฟุตบอล, ไม่ลังเลที่จะวิ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม, พยายามผ่านบอลเข้าไประหว่างไลน์ และเล่นโดยปราศจากความกลัว

หนึ่งในตัวอย่างที่ชาบีออกปากเองคือ มาร์ก กุย ซึ่งอายุเพียง 17 ปี ลงสนามให้ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเพียง 30 วินาที กลายเป็นคนทำประตูชัยนาทีที่ 80 ให้บาร์เซโลนาชนะแอธเลติก บิลเบา 1-0 ในบอลลีกนัดที่ 10 ของซีซัน

กุยเป็นผลผลิตล่าสุดที่ได้รับการปลูกฝังดีเอ็นเอจากศูนย์ฝึกลา มาเซีย ก่อนหน้านี้ก็คือ ยามาล ซึ่งเป็นผู้เล่นสำคัญที่ทำให้ทีมกลับมาในแมตช์กับกรานาดา และโลเปซ ซึ่งลุกจากเก้าอี้ข้างสนามเพื่อช่วยทีมในเกมกับมายอร์กา ขณะที่ กาบี (อายุ 19 ปี) และ บัลเด (อายุ 20 ปี) ต่างเป็นตัวจริงขาประจำของทีมไปแล้ว

เฟลิกซ์ ซึ่งยืมตัวจากแอตเลติโก มาดริด ตลอดซีซันนี้ มีบทบาทสำคัญอีกคนหนึ่งโดยเฉพาะในสภาวะที่บาร์เซโลนาไม่มีเลวานดอฟสกีและราฟินญาที่บาดเจ็บ ขณะที่ฟอร์มตอร์เรสยังไม่คงเส้นคงวา รวมถึง อุสมาน เดมเบเล และ อันซู ฟาติ ซึ่งย้ายออกจากสโมสร เฟลิกซ์สามารถถอยลงไปในแดนกลาง สร้างสรรค์พื้นที่ว่างและเกมรุก แม้เพิ่งทำได้ 1 ประตูจาก 7 นัดแต่มีค่า xG ถึง 3.07 กระนั้นเชื่อได้ว่าบาร์ซาสามารถคาดหวังจากแนวรุกวัย 23 ปี ได้มากกว่านี้แน่นอน

ชาบีคุมทีมบาร์เซโลนาลงสนามเกิน 100 นัดแล้ว และกำลังจะทำงานครบ 2 ปีเต็มในเดือนพฤศจิกายน 2023 แม้เพิ่งพาทีมกลับมาครองบัลลังก์ลีกสเปนได้หลังว่างเว้นมา 3 ปี แต่นั่นไม่ได้รับประกันได้เลยว่า เขาจะประสบความสำเร็จในซีซันนี้และซีซันต่อๆไป โดยเฉพาะเรอัล มาดริด ยังแสดงถึงความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการสร้างทีม “บาร์เซโลนา 2.0” จึงมีความสำคัญต่ออนาคตของสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นคาตาลูญญา

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Special Content

อุดมการณ์ที่แตกต่าง : เรอัล มาดริด – บาร์เซโลน่า คู่อริที่เป็นมากกว่าเกมฟุตบอล

มาดริด และบาร์เซโลน่า 2 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน ซึ่งมีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งกันมาตั้งแต่ยุคโบราณ และความขัดแย้งนั้น ก็ได้ส่งต่อสู่เกมฟุตบอล ที่ดวลบนสนามหญ้ามานานกว่า 100 ปี

การพบกันของ 2 สโมสรลูกหนังที่ดีที่สุดในสเปน และอาจจะดีที่สุดในโลก ระหว่างเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ถูกเรียกว่า “เอล กลาซิโก้” (El Clásico) เจอกันครั้งใดก็สัมผัสได้ถึงความคลาสสิก

แมตช์นี้ มีความหมายมากกว่าเกมฟุตบอลธรรมดา ๆ เพราะเป็นการต่อสู้ของ 2 เมืองใหญ่ ที่มีความแตกต่างกันทั้งเรื่องเชื้อชาติ และอุดมการณ์ทางการเมืองจากประวัติศาสตร์ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

“ราชันชุดขาว” ถูกมองว่าเป็นทีมของฝ่ายอำนาจนิยม ส่วน “เจ้าบุญทุ่ม” คือตัวแทนแห่งเสรีนิยม ที่ต้องการปลดแอกจากเมืองหลวง ทำให้ตกเป็นเป้าหมายในการเล่นงานจากรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง

ซึ่งก่อนที่ทั้ง 2 ทีม จะเผชิญหน้ากันในวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคมนี้ ก็มีประเด็นของบาร์เซโลน่า ที่ถูกลาลีกากล่าวหาว่าติดสินบนกรรมการ และเรอัล มาดริด อริตัวแสบ ก็ไม่พลาดที่จะร่วมฟ้องร้องด้วย

“เอล กลาซิโก้” ซีซั่นนี้ ชิ้ทิศทางลุ้นแชมป์

ก่อนการต่อสู้ในยกสอง ที่สปอติฟาย คัมป์ นู สถิติการพบกันในลาลีกา เรอัล มาดริด ชนะ 77 ครั้ง บาร์เซโลน่า ชนะ 73 ครั้ง และเสมอกัน 35 ครั้ง ส่วนจำนวนแชมป์ลีกสูงสุด เรอัล มาดริด 35 สมัย และบาร์เซโลน่า 26 สมัย

สถานการณ์ล่าสุดของการลุ้นแชมป์ลาลีกา 2022/23 บาร์เซโลน่า นำเป็นจ่าฝูง มี 65 คะแนน นำห่างเรอัล มาดริด ทีมอันดับที่ 2 อยู่ 9 แต้ม ผลแข่ง “เอล กลาซิโก้” ครั้งที่ 186 ในลีก จะเป็นตัวชี้ทิศทางการลุ้นแชมป์ของทั้ง 2 ทีม

การจัดอันดับคะแนนในลาลีกา ถ้ามีทีมที่คะแนนเท่ากัน (2 ทีมหรือมากกว่า) จะพิจารณาผลการแข่งขันที่ในแมตช์ที่พบกันเอง (เฮด-ทู-เฮด) เป็นลำดับแรก ซึ่งการใช้กฎเฮด-ทู-เฮดนั้น จะมีผลหลังจากจบฤดูกาลเรียบร้อยแล้ว

การดู “เฮด-ทู-เฮด” ของลีกสเปน จะไม่มีการนับประตูทีมเยือน (อเวย์โกล) ถ้าเฮด-ทู-เฮด เท่ากัน ให้ข้ามไปพิจารณาที่ประตูได้-เสียนับรวมทั้งซีซั่น ซึ่งแมตช์แรกที่ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว เป็นราชันชุดขาว เอาชนะ 3 – 1

ความเป็นไปได้ของผลการแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ ถ้าเรอัล มาดริด เก็บชัยได้ จะจี้บาร์เซโลน่าเหลือ 6 แต้ม และผลงาน “เฮด-ทู-เฮด” ดีกว่า หรือผลเสมอ ก็ตามหลังบาร์เซโลน่า 9 แต้มเท่าเดิม แต่ “เฮด-ทู-เฮด” ยังเหนือกว่า

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากบาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายชนะ ต้องแยกออกเป็น 3 กรณี ดังต่อไปนี้

– ชนะด้วยผลต่าง 1 ประตู : บาร์เซโลน่า นำห่าง 12 แต้ม แต่ผลงานเฮด-ทู-เฮด เรอัล มาดริด ยังได้เปรียบ

– ชนะด้วยผลต่าง 2 ประตู : บาร์เซโลน่า นำห่าง 12 แต้ม ผลงานเฮด-ทู-เฮด เท่ากับเรอัล มาดริด ต้องไปวัดที่ประตูได้-เสีย โดยในตอนนี้ “เจ้าบุญทุ่ม” ได้ 47 เสีย 8 (ผลต่าง +39) ส่วน “ราชันชุดขาว” ได้ 50 เสีย 19 (ผลต่าง +31)

– ชนะด้วยผลต่าง 3 ประตู หรือมากกว่า : บาร์เซโลน่า นำห่าง 12 แต้ม แถมผลงานเฮด-ทู-เฮด เหนือกว่าเรอัล มาดริด อีกด้วย

เริ่มต้นจากการเป็นมิตร

ก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงมาดริด และเมืองบาร์เซโลน่าจะเป็นศัตรูกันแบบในปัจจุบันนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นมิตรที่ดี เกื้อหนุนกันมาก่อน อาจจะมีการแข่งขันกันบ้างในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งรุนแรง

ในอดีต แคว้นคาตาลุญญ่า คือส่วนหนึ่งของอาณาจักรอารากอน มีเมืองบาร์เซโลน่าเป็นเมืองท่าสำคัญ มีภาษาเป็นของตัวเอง เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรม

ส่วนอาณาจักรกาสติลญ่า ที่มีเมืองมาดริดเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นศูนย์กลางในด้านการเมืองการปกครอง มีจุดเด่นในด้านประวัติศาสตร์ มีมรดกทางวัฒนธรรม และเป็นแหล่งรวมผลงานศิลปะ

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1469 เมื่อเจ้าชายเฟอร์ดินันด์ที่ 2 แห่งอารากอน ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงอิซาเบลลา แห่งกาสติลญ่า ทำให้เกิดการผนวกระหว่าง 2 อาณาจักรใหญ่ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิสเปน

จักรวรรดิสเปน คือการหลอมรวมอานาจักรต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งหลังจากจักรวรรดิสเปนเกิดขึ้น เมืองบาร์เซโลน่าเจริญขึ้นมากจากการค้าขายทางเรือ ส่วนเมืองมาดริดค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเมืองหลวงในปี 1561

รอยร้าวเล็ก ๆ ที่ใหญ่ขึ้น

แม้ 2 อาณาจักรใหญ่จะรวมกันเป็นสเปนแล้ว การปกครองก็ยังเป็นอิสระต่อกัน ความสัมพันธ์ระหว่างมาดริด และบาร์เซโลน่า ดูเหมือนจะราบรื่น แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นความแตกแยกระหว่างสองเมือง

เหตุการณ์ที่ว่านั้นก็คือ สงครามชิงบัลลังก์ราชวงศ์ ในปี 1714 คาตาลุญญ่าเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ ทำให้ถูกริบสิทธิและอำนาจการปกครองของตัวเอง รวมถึงภาษา วัฒนธรรมของแคว้น ก็ถูกอำนาจของสเปนกดทับไว้

ต่อมาในปี 1808 สงครามคาบสมุทร ที่เกี่ยวเนื่องไปถึงสงครามนโปเลียน เมื่อกองทัพของจักรวรรดิฝรั่งเศส นำโดยจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต ได้ถอนกำลังจากโปรตุเกส และเข้าโจมตีเมืองบาร์เซโลน่า ของสเปนแทน

ทว่าในช่วงเวลาของสงครามคาบสมุทรนั้น สเปนกำลังมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ ทำให้ทหารนับแสนนายไม่สามารถทำอะไรได้ ปล่อยให้จักรวรรดิฝรั่งเศสยึดเมืองบาร์เซโลน่า และส่งคนเข้ามาปกครองสเปนในที่สุด

แม้ในภายหลัง สเปนจะได้เมืองบาร์เซโลน่ากลับคืนมา แต่ความรู้สึกของชาวคาตาลัน ที่ถูกทอดทิ้งจากการต่อสู้กับจักรวรรดิฝรั่งเศส ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงจากภายในจิตใจให้คนในเมืองนี้ไปแล้ว

ชิงความเป็นหนึ่งด้วยเกมลูกหนัง

ความขัดแย้งของทั้ง 2 เมือง ก็ได้ส่งต่อไปยังกีฬาฟุตบอลด้วย การก่อตั้งสโมสรเรอัล มาดริด กับบาร์เซโลน่า ที่เป็นตัวแทนของ อุดมการณ์ ซึ่งผลงานในสนาม คือการพิสูจน์ว่าเมืองของตัวเองเหนือกว่าอีกเมืองหนึ่ง

สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า ก่อตั้งเมื่อปี 1899 และอีก 3 ปีให้หลัง สโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งคู่ได้พบกันเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 เมษายน 1902 จบลงด้วยชัยชนะ 3 – 1 ของบาร์เซโลน่า

หลายคนเข้าใจว่า เมืองบาร์เซโลน่าถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะในบางครั้ง กรุงมาดริดก็เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบเหตุการณ์และความรุนแรงแล้ว ฝ่ายบาร์เซโลน่าโดนหนักกว่ามาก

เหตุการณ์ที่ทำให้ฝ่ายมาดริดโกรธแค้น มีอยู่ 2 เหตุการณ์หลัก ๆ คือเหตุการณ์ที่นักเตะเรอัล มาดริดรายหนึ่ง ถูกลอบสังหารในคาตาลุญญ่า เมื่อปี 1916 แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า เป็นฝีมือของชาวคาตาลันหรือไม่

อีกเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ โคปา เดล เรย์ เมื่อปี 1930 ที่เรอัล มาดริด แพ้ให้กับแอธเลติก บิลเบา ซึ่งต้นเหตุมาจากผู้ตัดสินในนัดดังกล่าว เป็นชาวคาตาลัน ที่ทำหน้าที่ตัดสินแบบค้านสายตา

แตกหักเพราะสงครามกลางเมือง

การก้าวขึ้นสู่อำนาจของนายพลฟรานซิสโก้ ฟรังโก้ ผู้นำเผด็จการของสเปน จนนำไปสู่สงครามกลางเมืองในช่วงปี 1936-1939 ก็ยิ่งทำให้เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ไม่มีวันที่จะญาติดีกันอีกเลยจนถึงปัจจุบัน

นายพลฟรังโก้ เข้ามาปกครองสเปนตั้งแต่ปี 1936 นิยมแนวคิดแบบขวาจัด ต้องการสร้างสเปนให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งแน่นอนว่า ฝ่ายบาร์เซโลน่าต่อต้านอย่างหนัก เพราะเป็นการลดทอนอัตลักษณ์ของคาตาลุญญ่า

ความคับแค้นของบาร์เซโลน่า ที่มีต่อเรอัล มาดริด เริ่มจากโฆเซป ซูโยล ประธานสโมสรบาร์เซโลนา และสมาชิกของพรรคการเมืองเสรีนิยมแห่งคาตาโลเนียในขณะนั้น ถูกฝ่ายของนายพลฟรังโก้ลอบสังหาร

เท่านั้นยังไม่พอ นายพลจอมฟาสซิสต์รายนี้ ได้จัดการเอาธงคาตาลันออกจากโลโก้ของบาร์ซ่า เปลี่ยนชื่อสโมสรเป็นภาษาสเปน สั่งห้ามพูดภาษาคาตาลัน และส่งคนของตัวเองเข้าไปควบคุมสโมสรแบบเบ็ดเสร็จ

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/RealMadrid

สงครามกลางเมืองของสเปน เกิดจากทหารที่เข้ามายึดอำนาจรัฐบาลฝ่ายซ้าย นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างผู้สนับสนุนเผด็จการ กับผู้สนับสนุนเสรีนิยม ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของนายพลฟรังโก้ ในปี 1939

และในปี 1943 เกมโคปา เดล เรย์ ที่เรอัล มาดริด เปิดบ้านถล่มบาร์เซโลน่า 11 – 1 สร้างสถิติชนะขาดลอยที่สุดใน “เอล กลาซิโก้” แต่ชัยชนะในครั้งนี้ ถูกตั้งข้อสงสัยว่า มีอำนาจมืดจากนายพลฟรังโก้อยู่เบื้องหลัง

ตำนานชิงตัว “ดิ สเตฟาโน่ – ฟิโก้”

นอกจากการแข่งขันในสนามแล้ว ยังมีเหตุการณ์การแย่งชิงนักเตะฝ่ายตรงข้ามที่ถูกเล่าขานระดับตำนาน คือกรณีของอัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ และหลุยส์ ฟิโก้ ซึ่งเป็นเรอัล มาดริด ที่กระทำกับบาร์เซโลน่าถึง 2 ครั้ง

ครั้งแรก เมื่อปี 1953 บาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายที่ทาบทามตัว ดิ สเตฟาโน่ ก่อน โดยอ้างว่าได้เซ็นสัญญาล่วงหน้าไปแล้ว แต่เรอัล มาดริด ได้อาศัยช่องว่างด้วยการอ้างกฎอีกฉบับหนึ่ง ที่อาจเป็นอำนาจมืดจากนายพลฟรังโก้

กฎของฟุตบอลลีกสเปนในเวลานั้น คือ การซื้อผู้เล่นต่างชาติ ต้องมีลายเซ็นจากสโมสรต้นสังกัดที่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่าเท่านั้น แต่รัฐบาลสเปน กลับออกกฎใหม่โดยให้มีลายเซ็นจากสโมสรต้นสังกัดที่แท้จริง แม้จะไม่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่าก็ตาม

ยื้อกันไปยื้อกันมา ทำให้ฟุตบอลลีกสเปน ตัดสินใจให้ทั้ง 2 ทีม สลับกันใช้งาน ดิ สเตฟาโน่ ตลอดเวลา 4 ฤดูกาล และหลังจากนั้น เป็นราชันชุดขาว ที่ได้ตัวไปร่วมทีมอย่างถาวร และกลายเป็นตำนานในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบวในที่สุด

ต่อมาในปี 2000 เรอัล มาดริด สร้างปรากฏการณ์ช็อกวงการฟุตบอลอีกครั้ง ด้วยการดึงตัว หลุยส์ ฟิโก้ นักเตะบาร์เซโลน่า สโมสรคู่ปรับตลอดกาล หลังจากฟลอเรนติโน่ เปเรซ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานสโมสร

อันที่จริง เปเรซได้วางแผนฉกฟิโก้ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งประธานของเรอัล มาดริดแล้ว โดยเดิมพันผ่านเอเย่นต์ส่วนตัวของดาวเตะโปรตุกีสรายนี้ว่า ถ้าตัวเขาแพ้เลือกตั้ง ยินดีจ่ายเงินให้ 4 ล้านยูโร แต่ถ้าชนะ ต้องย้ายมาค้าแข้งกับ “โลส บลังโกส” ทันที

ซึ่งเปเรซก็ชนะการเลือกตั้งจริงๆ และได้ตัวฟิโก้มาร่วมทีมสมใจอยาก เรียกว่าเป็นการตบหน้าบาร์เซโลน่าครั้งใหญ่ ทำเอาแฟนๆ อาซุลกราน่าโกรธแค้น ถึงขั้นสาปส่งฟิโก้ว่าเป็น “จูดาส” หรือคนทรยศ เหยียบเมืองบาร์เซโลน่าไม่ได้อีกต่อไป

ถึงอย่างไรก็ขาดกันไม่ได้อยู่ดี

หลังหมดยุคนายพลฟรังโก้ สเปนได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในปี 1983 จังหวัดมาดริดได้แยกออกจากแคว้นกาสติย่า จัดตั้งเป็น “แคว้นมาดริด”

แต่จากความขัดแย้งที่สะสมมานานตั้งแต่สมัยนายพลฟรังโก้เรืองอำนาจ ความพยายามของคาตาลุญญ่าที่ต้องการจะแยกตัวออกจากรัฐบาลกลางก็ไม่มีทางสิ้นสุด เพราะพวกเขาคือคาตาลัน ไม่ใช่ชาวสเปน

กระแสการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปน รุนแรงขึ้นในการลงประชามติ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2017 มีชาวคาตาลันประมาณ 2 ล้านคน ไปลงคะแนนโหวต ผลที่ออกมาคือ เสียงส่วนใหญ่ประมาณ 90% สนับสนุนให้คาตาลุญญ่าเป็นเอกราช

แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ ผิดกฎหมายรัฐบาลกลางสเปน ทำให้สเปนส่งเจ้าหน้าที่มายึด และทำลายคูหาที่ใช้ในการลงประชามติ รวมถึงสลายผู้คนที่รวมตัวกันในบริเวณนั้น จนเกิดการปะทะขึ้นกลายเป็นเหตุรุนแรง

อีก 26 วันต่อมา (27 ตุลาคม 2017) แกนนำที่เคลื่อนไหวการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปน ได้อ่านคำประกาศอิสรภาพในการเป็นเอกราชของคาตาลุญญ่า แต่ก็ถูกรัฐบาลกลางสเปนตอบโต้ด้วยการยึดอำนาจการปกครองจากคาตาลันทันที

มีการวิเคราะห์ว่า การแยกตัวของคาตาลุญญ่าออกจากสเปน อาจจะส่งผลกระทบต่อลาลีกาไม่น้อย เพราะรู้ดีว่าบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด คือแม่เหล็กที่ช่วยดึงดูดผลประโยชน์มหาศาลให้กับวงการฟุตบอลสเปน

แม้บาร์เซโลน่า จะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต่อต้านมาดริด และอาจถึงเวลาที่ต้องแยกจากกัน แต่การที่ศึกเอล กลาซิโก้ ยังมีเสน่ห์ที่น่าติดตามเช่นนี้ ลาลีกาก็อาจจะรู้สึกดีกว่าก็ได้ที่ทั้งคู่ยังได้พบกันต่อไป

เรียบเรียง : จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://www.the101.world/the-rivalry-ep-1/

https://www.barcablaugranes.com/2017/4/21/15381184/the-transfers-of-figo-and-di-stefano

https://en.wikipedia.org/wiki/2017_Catalan_independence_referendum

Categories
Column

เคราร์ด ปิเก้ : 14 ปี แห่งความยิ่งใหญ่กับบาร์เซโลน่า

#SSxLaLiga | เคราร์ด ปิเก้ ถือเป็นหนึ่งในปราการหลังที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุคทองของบาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน ช่วยทีมคว้าแชมป์มามากมาย อีกทั้งพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อสโมสรที่อยู่ในหัวใจมาตั้งแต่เกิด

แต่วันเวลาก็ไม่เคยโกหกปิเก้ สภาพร่างกายพร้อมกับฟอร์มการเล่นเริ่มที่จะถดถอยลง ทำให้ต้องจำใจ ยอมรับการเป็นตัวสำรอง และในที่สุดก็ถึงเวลาที่เจ้าตัวประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตเซ็นเตอร์แบ็กชาวสเปนวัย 35 ปี ลงเล่นในถิ่นสปอติฟาย คัมป์ นู เป็นนัดสุดท้าย ในเกมที่บาร์เซโลน่า เปิดบ้านเอาชนะอัลเมเรีย 2 – 0 อำลาทีมด้วยคลีนชีต และชัยชนะ

แฟนบอลบาร์เซโลน่าในสปอติฟาย คัมป์ นู ต่างลุกขึ้นยืนปรบมือ และตะโกนเรียกชื่อปิเก้แบบสุดเสียง หลังถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 85 ปิดฉากการค้าแข้ง 14 ปี กับ “เจ้าบุญทุ่ม” อย่างยิ่งใหญ่

ความจริงแล้ว ปิเก้มีชื่อเป็นสำรอง ในนัดที่บุกไปเยือนโอซาซูน่า เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา แต่เขาถูกไล่ออกจากข้างสนาม กลายเป็นว่า นัดสุดท้ายในอาชีพนักเตะ ก็คือนัดที่พบกับอัลเมเรียนั่นเอง

ปิเก้ เริ่มต้นฝึกวิชาลูกหนังกับอคาเดมี่ของบาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก่อนที่ในปี 2004 จะย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนัก

หลังจากชีวิตการค้าแข้ง 4 ปีในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่สวยงามดังหวัง ในปี 2008 ปิเก้จึงกลับมาอยู่ที่บาร์เซโลน่าอีกครั้ง ตำแหน่งการเล่นคือเซ็นเตอร์แบ็ก ซึ่งคู่หูคนแรกของเขาคือ คาร์เลส ปูโยล

คู่หูคนต่อมาคือ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ที่เปลี่ยนจากมิดฟิลด์ตัวรับ ลงมาเล่นปราการหลังตัวกลาง แต่หลังจากที่ดาวเตะอาร์เจนไตน์ย้ายออกไป ก็เปลี่ยนคู่หูมาเป็นซามูเอล อุมติตี้, เกลม็องต์ ลองเล่ต์ หรือโรนัลด์ อเราโฆ่

อย่างไรก็ตาม บาร์เซโลน่าในฤดูกาลนี้ ได้ตัดสินใจมองเป้าหมายในระยะยาว ด้วยการเซ็นสัญญากองหลังดาวรุ่งมาร่วมทีม ทำให้ปิเก้ต้องยอมรับบทบาทที่เขาไม่คุ้นเคย คือการนั่งเป็นตัวสำรอง

แม้ว่าปิเก้จะต่อสู้เพื่อกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงจนสุดความสามารถ แต่ในที่สุดเขาก็ยืนยันว่า เวลาแห่งการอำลามาถึงแล้วจริง ๆ จึงตัดสินใจประกาศเลิกเล่นฟุตบอล ก่อนเกมกับอัลเมเรีย เพียง 2 วัน

ในพิธีอำลาอาชีพค้าแข้งเมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปิเก้ กล่าวกับแฟน ๆ อาซุลกราน่าทั้งน้ำตาว่า “ในบางครั้ง ความรักคือการปล่อยวาง ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่จะเปิดพื้นที่ส่วนตัวของผมแล้ว”

“คุณปู่ให้ผมเป็นสมาชิกของสโมสรตั้งแต่วันที่ผมเกิด ผมเกิดที่นี่ และผมจะตายที่นี่ พวกคุณรู้จักผมดี มันไม่ใช่การอำลาเสียทีเดียว เพราะในไม่ช้าก็เร็ว ผมจะกลับมาที่นี่แน่นอน บาร์ซ่าจงเจริญ”

ขณะที่ซาบี้ เอร์นานเดซ เฮดโค้ชบาร์เซโลน่า พูดถึงอดีตเพื่อนร่วมทีมคนนี้ว่า “เราต้องการคนอย่างเขาในทีม เขาได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ในความเป็นผู้นำและบุคลิกภาพ เขากลายเป็นตำนานเรียบร้อยแล้ว”

ตลอด 14 ปี ที่อยู่กับบาร์เซโลน่า ปิเก้คว้าแชมป์เมเจอร์ 18 โทรฟี่ ภายใต้ผู้จัดการทีมหลายคน นับตั้งแต่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, ติโต้ บิลาโนบา, หลุยส์ เอ็นริเก้, เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้, กิเก้ เซเตียน และโรนัลด์ คูมัน

ปราการหลังวัย 35 ปีรายนี้ ลงสนามให้กับบาร์ซ่ารวมทั้งสิ้น 616 นัด มากที่สุดเป็นเป็นอันดับ 5 ของสโมสร ส่วนการรับใช้ทีมชาติสเปน ลงเล่น 102 นัด พร้อมกับแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และแชมป์ฟุตบอลยูโร 2012

แม้ว่าวันนี้ เคราร์ด ปิเก้จะไม่ได้เป็นนักเตะบาร์เซโลน่าแล้ว แต่ได้ฝากความทรงจำที่ดีให้กับแฟน ๆ ไว้มากมาย และสักวันหนึ่ง ชายคนนี้จะกลับมายังสโมสรที่เขาผูกพันอีกครั้ง กับบทบาทใหม่ที่เขาได้ใฝ่ฝันไว้

Categories
Football Business

ส่อง “สปอนเซอร์บนชื่อสนาม” ในลีกลูกหนังสเปน

การนำชื่อขององค์กรทางธุรกิจ ไปปรากฏอยู่ในชื่อสนามแข่งขันของทีมกีฬา มีจุดเริ่มต้นจากวงการกีฬาอเมริกันเกมส์ ในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่โมเดลดังกล่าว จะเข้าสู่วงการฟุตบอลยุโรปในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม การนำชื่อแบรนด์สินค้าไปผูกติดกับชื่อสนามฟุตบอล ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เนื่องจากสนามฟุตบอล ถือเป็นวัฒนธรรม ที่ยึดโยงกับชุมชน และแฟนลูกหนังมายาวนานหลายสิบปี

แต่วงการฟุตบอลในยุคสมัยใหม่ ที่กลายเป็นธุรกิจแบบเต็มตัว หลาย ๆ สโมสรเริ่มมองหาวิธีใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น นอกเหนือจากรายได้ในวันแข่งขัน และค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

ในฤดูกาล 2022/23 มี 3 สโมสรจากลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ (LaLiga Santander) ที่มีการนำชื่อสปอนเซอร์ทางธุรกิจ มารวมอยู่ในชื่อสนามเหย้า ได้แก่ บาร์เซโลน่า, แอตเลติโก มาดริด และอัลเมเรีย

นอกจากนี้ ยังมีสโมสรอีบิซ่า จากลีกดิวิชั่น 2 (LaLiga SmartBank) ที่เปลี่ยนชื่อรังเหย้าเป็น “พาลาเดียม แคน มิสเซส” ตามชื่อของ Palladium แบรนด์ธุรกิจโรงแรมจากเกาะอีบิซ่า ในสเปน เป็นเวลา 3 ฤดูกาล

ก่อนหน้านี้ เคยมีสโมสรในลาลีกา ที่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อสนามตามสปอนเซอร์มาแล้ว อย่างเช่น เซลต้า บีโก้ ที่เปลี่ยนชื่อเป็น “อาบังก้า บาลาอิโดส” ตามชื่อของ Abanca บริษัทการเงินของสเปน

หรือกรณีของเรอัล โซเซียดัด ที่มีชื่อสนามว่า “เรอาเล่ อารีน่า” มาจาก Reale Seguros บริษัทประกันภัยของสเปน รวมถึงเรอัล มายอร์ก้า ที่เปลี่ยนชื่อเป็น “บิซิต มายอร์ก้า เอสตาดี้” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

บาร์เซโลน่า : สปอติฟาย คัมป์ นู

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า ได้บรรลุข้อตกลงกับ Spotify แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชื่อดังจากประเทศสวีเดน ในการเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้กับสโมสร เซ็นสัญญาระยะยาวถึง 12 ปี หรือสิ้นสุดในปี 2034

ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบาร์ซ่า ที่จะใช้ชื่อสปอนเซอร์รวมกับชื่อสนาม นั่นคือ “สปอติฟาย คัมป์ นู” โดยจะนำเงินทุนไปดำเนินโครงการ Espai Barca ในการปรับปรุงสนามแข่งขัน และพื้นที่โดยรอบ

โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสร “เจ้าบุญทุ่ม” เปิดเผยว่า “นี่คือดีลครั้งประวัติศาสตร์ของเรา ความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้แฟน ๆ ใกล้ชิดกับสโมสรมากยิ่งขึ้น ด้วยการผสมผสานระหว่างความบันเทิงกับฟุตบอล”

แอตเลติโก มาดริด : ซิบิตาส เมโทรโปลิตาโน่

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แอตเลติโก มาดริด ได้มีสปอนเซอร์รายใหม่เข้ามาสนับสนุน คือ Cívitas บริษัทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในประเทศสเปน เซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 10 ปี

ทำให้สนามแข่งขันของแอต. มาดริด ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ซิบิตาส เมโทรโปลิตาโน่” ตามชื่อของผู้สนับสนุนใหม่ พร้อมกับการดำเนินโครงการสร้างศูนย์ฝึกซ้อมแห่งใหม่ รวมถึงรังเหย้าของทีมสำรอง ความจุ 6,000 ที่นั่ง

อเลฮานโดร อยาล่า ประธานของ “ซิบิตาส” กล่าวว่า “เราจะร่วมมือกับแอตเลติโก มาดริด ในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับผู้คน ทั้งด้านสุขภาพ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม”

อัลเมเรีย : เพาเวอร์ ฮอร์ส สเตเดี้ยม

อัลเมเรีย ทีมน้องใหม่ที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุด ในฤดูกาลนี้ ได้เปลี่ยนชื่อสนามเหย้าเป็น “เพาเวอร์ ฮอร์ส สเตเดี้ยม” โดยมาจากชื่อของ “Power Horse” แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังจากประเทศออสเตรีย

โมฮัมเหม็ด เอล อาสซี่ ซีอีโอของ “เดอะ อินดาลิกอส” กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่เพาเวอร์ ฮอร์ส ได้ให้ความไว้วางใจในการเข้ามาสนับสนุนสโมสร เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ยอดเยี่ยมนับจากนี้ไป”

การนำชื่อแบรนด์สินค้า ไปอยู่บนชื่อสนามฟุตบอล ถือเป็นทางออกแบบ “วิน-วิน” เพราะแบรนด์สินค้า จะได้พื้นที่ประชาสัมพันธ์ธุรกิจของตัวเอง ขณะที่ทีมกีฬาก็จะได้เงินไปลงทุนต่อยอดตามที่ต้องการ

แม้ว่า การขายลิขสิทธิ์ชื่อสนาม อาจจะกระทบถึงความรู้สึกของแฟนบอลอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับทีมฟุตบอลแล้ว ก็อาจจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด ในการนำเงินเข้ามาบริหารสโมสรให้อยู่รอดต่อไป

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/udalmeriasad
Categories
Special Content

“ฌูลส์ กุนเด้” แนวรับคนใหม่บาร์ซ่า กับ 5 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้

ชื่อของ “ฌูลส์ กุนเด้” เป็นที่พูดถึงมากขึ้น หลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในเกมรับของเซบีย่า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ ต่างหมายปองที่จะล่าลายเซ็นของปราการหลังรายนี้มาให้ได้

โดยเฉพาะเชลซี เป็นทีมที่มีข่าวให้ความสนใจดาวเตะวัย 23 ปี มากที่สุด เพื่อหวังที่จะเข้ามาแทนที่ของอันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่ตัดสินใจย้ายไปเรอัล มาดริด แต่เป็นบาร์เซโลน่า ที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาอย่างจริงจัง

ในที่สุด ก็เป็นเจ้าบุญทุ่มแห่งสเปน ที่ปาดหน้าคว้าเซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติฝรั่งเศส ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 50 ล้านยูโร บวกกับแอด-ออนอีกประมาณ 5-10 ล้านยูโร กลายเป็นนักเตะใหม่คนที่ 6 ในช่วงซัมเมอร์นี้

ตลอด 3 ฤดูกาลกับเซบีย่า ในยุคของกุนซือฆูเลน โลเปเตกี กุนเด้ได้แสดงให้เห็นถึงความคงเส้นคงวาที่ดีในการเล่นเกมรับ เสียรวม 97 ประตู น้อยสุดเป็นอันดับ 3 รองจากเรอัล มาดริด และแอตเลติโก้ มาดริด

กุนเด้ ต้องการที่จะย้ายไปสปอติฟาย คัมป์ นู แทนที่จะเป็นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพราะมองว่ามีความทะเยอทะยานมากกว่า และนี่คือ 5 เรื่องราวของเขา ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/jkeey4

เติบโตกับอคาเดมี่ของบอร์กโดซ์

เมื่อปี 2013 กุนเด้ในวัย 15 ปี ได้เริ่มต้นฝึกวิชาฟุตบอลกับทีมเยาวชนของบอร์กโดซ์ ในฝรั่งเศส จากนั้นได้เลื่อนขึ้นสู่ทีมสำรอง ก่อนที่จะได้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่ 70 นัด รวมทุกรายการ ตลอด 2 ซีซั่นกับบอร์กโดซ์

เคยเล่นตำแหน่งแบ็คขวามาก่อน

ในช่วงแรกที่อยู่กับบอร์กโดซ์ กุนเด้เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็กฝั่งขวา แต่ในเวลาต่อมา กุสตาโว โปเยต์ กุนซือของทีมในเวลานั้น ขอให้เขาไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก ซึ่งก็ทำได้ยอดเยี่ยม และกลายเป็นตำแหน่งการเล่นหลักในปัจจุบัน

อดีตเพื่อนร่วมทีมของชูอาเมนี่

กุนเด้ เคยเป็นเพื่อนร่วมสโมสรเดียวกับออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตั้งแต่อยู่กับทีมเยาวชนของบอร์กโดซ์ และเมื่อชูอาเมนี่ย้ายไปเรอัล มาดริด ในซัมเมอร์นี้ นั่นหมายความว่า ทั้งคู่จะมีโอกาสพบกันในศึก “เอล กลาซิโก้” ซีซั่นนี้

เหตุผลที่สวมเสื้อหมายเลข 12

สมัยที่อยู่กับเซบีย่า กุนเด้เลือกสวมเสื้อหมายเลข 12 เพราะเป็นวันเกิดของเขา และได้แรงบันดาลใจจากเฟเดริก กานูเต้ ตำนานดาวยิงชาวมาลีที่เคยสร้างชื่อในถิ่นรามอน ซานเชซ ปิซฆวน ซึ่งสวมเสื้อหมายเลข 12

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/jkeey4

แฟนพันธุ์แท้บาสเกตบอล NBA

กุนเด้ เป็นผู้ที่หลงใหลในกีฬาบาสเก็ตบอลเป็นอย่างมาก และเคยไปชมการแข่งขัน NBA ที่สหรัฐอเมริกามาแล้ว โดยเขาเป็นแฟนคลับของอัลเลน ไอเวอร์สัน ตำนานนักยัดห่วงชื่อดัง เนื่องจากชื่นชอบในทรงผมสุดเท่

ถึงแม้ว่ากุนเด้จะมีส่วนสูงแค่ 179 เซนติเมตร แต่มีสไตล์การเล่นที่ครบเครื่อง ทั้งความแข็งแกร่ง ยืนตำแหน่งได้ดี อ่านเกมได้ยอดเยี่ยม เข้าถึงบอลเร็ว เอาชนะในการดวลตัวต่อตัวได้บ่อยๆ แถมเล่นบอลได้ดีทั้ง 2 เท้า

บาร์เซโลน่า ดึงตัวฌูลส์ กุนเด้มาเสริมทัพ เพื่อหวังเพิ่มศักยภาพเกมรับของบาร์เซโลน่าให้ดีขึ้นกว่าเดิม และคาดว่าจะเป็นตัวแทนที่ดีของเคราร์ด ปิเก้ ที่เตรียมนับถอยหลังอาชีพค้าแข้งในอีกไม่นานนี้

Categories
Special Content

ของขวัญจากฟากฟ้า : “โอบาเมยอง” จิ๊กซอว์ที่เข้ากับบาร์เซโลน่าอย่างลงตัว

ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง ศูนย์หน้าทีมชาติกาบอง เหมาคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้บาร์เซโลน่า บุกถล่มเรอัล มาดริด ขาดลอยเหลือเชื่อ 4 – 0 ในลาลีกา สเปน แมตช์ “เอล กลาซิโก้” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โอบาเมยอง ลงสนามไปเพียงแค่ 11 นัด รวมทุกรายการ แต่ทำไปแล้วถึง 9 ประตู กลายเป็นความหวังใหม่ในแนวรุกบาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีมของซาบี้ เอร์นานเดซ อดีตตำนานมิดฟิลด์ของสโมสร

จากแข้งไร้วินัยกับอาร์เซน่อล ดาวเตะวัย 33 ปี กลับคืนสู่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับบาร์ซ่าได้อย่างไร วันนี้เพจ “ไข่มุกดำ” จะมาขยายให้ฟังกันครับ

ภาพจาก : https://web.facebook.com/fcbarcelona

เคยเกือบที่จะเลิกเล่นฟุตบอล

ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง เกิดที่ลาวัล ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพในลีกแดนน้ำหอม และเคยเป็นอดีตกัปตันทีมชาติกาบองอีกด้วย

โอบาเมยอง ได้เริ่มต้นอาชีพนักเตะกับสโมสรระดับท้องถิ่นตั้งแต่อายุ 6 ขวบ อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เจ้าตัวเคยมีความคิดที่จะเลิกเล่นฟุตบอล เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย

“สมัยที่เป็นเด็ก ผมเล่นตำแหน่งปีกมากกว่ากองหน้า เพราะผมเป็นคนที่วิ่งเร็ว แต่พออายุได้ 15-16 ปี ผมมีปัญหาบางอย่างที่หัวเข่า จึงไม่สามารถวิ่งได้เร็วเหมือนเมื่อก่อนได้”

“ผมต้องห่างจากฟุตบอลอยู่พักหนึ่ง และมีความคิดที่จะเลิกเล่นฟุตบอล แต่ยังฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อรอโอกาสอย่างอดทน ใช้เวลารอคอยถึง 6 เดือนก็ได้กลับมาเป็นนักฟุตบอลอีกครั้ง”

หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในทีมเยาวชนในฝรั่งเศสนานถึง 12 ปี โอบาเมยองก็ได้รับประสบการณ์ใหม่กับทีมเยาวชนของเอซี มิลาน แต่ไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ ถูกปล่อยยืมตัวให้กับลีลล์, ดิฌง และโมนาโก

ต่อมาในปี 2011 โอบาเมยองย้ายกลับไปค้าแข้งในลีกบ้านเกิด กับแซงต์ เอเตียน คว้าแชมป์เฟรนช์ ลีก คัพ ปี 2013 ก่อนที่จะไปผจญภัยในเยอรมนี กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ในปี 2017

ส่วนการรับใช้ทีมชาติ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง มีทางเลือกทั้งฝรั่งเศส, สเปน ตามสัญชาติของคุณแม่ แต่ท้ายที่สุดเจ้าตัวตัดสินใจเลือกเล่นให้กาบอง ตามสัญชาติของคุณพ่อ

ภาพจาก : https://web.facebook.com/fcbarcelona

ปัญหาเรื่องวินัยที่อาร์เซน่อล

หลังจากผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในลีกเอิง ฝรั่งเศส และบุนเดสลีกา เยอรมนี ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง ก็ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อล ในช่วงเดือนมกราคม 2018 ด้วยค่าตัว 56 ล้านปอนด์

เมื่อย้ายมาอยู่ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมได้ไม่นาน โอบาเมยองก็แสดงให้เห็นถึงการเป็นหนึ่งในดาวยิงที่ทำผลงานดีสุดในพรีเมียร์ลีก ด้วยการยิงไปถึง 6 ประตู จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 7 นัดแรก

ภาพจาก : https://web.facebook.com/Arsenal

โอบาเมยอง เป็นนักเตะอาร์เซน่อลที่อยู่ภายใต้การทำงานของผู้จัดการทีม 3 คน ทั้งอาร์แซน เวนเกอร์, อูไน เอเมรี่ และกุนซือคนปัจจุบันอย่างมิเกล อาร์เตต้า ที่เข้ามารับหน้าที่ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2019

อาร์เซน่อลในยุคของอาร์เตต้า ถือเป็นช่วงเวลาที่โอบาเมยองโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุด และมักจะทำประตูสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ถึง 2 รายการ ทั้งเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศกับเชลซี และคอมมูนิตี้ ชิลด์ กับลิเวอร์พูล

หลังจากคว้าแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ โอบาเมยองประกาศต่อสัญญาฉบับใหม่กับ “เดอะ กันเนอร์ส” โดยมีผลจนถึงปี 2023 ซึ่งอาร์เตต้า เป็นคนสำคัญที่เกลี้ยกล่อมให้เขาตัดสินใจอยู่ค้าแข้งที่ลอนดอนต่อไป

แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้อาชีพนักฟุตบอลของโอบาเมยองมีปัญหา คือเรื่องของความประพฤติที่ไม่เหมาะสม เขามีประวัติด้านลบติดตัวมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะดอร์ทมุนด์ และก็ยังทำแบบเดิมกับอาร์เซน่อล

ในเกมนอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้กับสเปอร์ส เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว โอบาเมยองมาถึงสนามเป็นคนสุดท้าย จึงถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง และหลังจากจบเกมที่อาร์เซน่อลชนะ 2 – 1 เขาก็กลับออกไปเป็นคนแรก

หรือเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โอบาเมยองถูกอาร์เตต้าตัดชื่อออกจากทีมหลายนัด แถมถูกปลดจากตำแหน่งกัปตันทีมด้วย หลังจากเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวที่ฝรั่งเศส แต่กลับมาไม่ทันตามกำหนด

ภาพจาก : https://web.facebook.com/Arsenal

นอกจากนี้ โอบาเมยองยังหลุดจากทีมชาติกาบอง ชุดสู้ศึกแอฟริกัน เนชันส์ คัพ เมื่อเดือนที่แล้ว ท่ามกลางข่าวลือที่ว่าเขาหนีเที่ยวระหว่างอยู่ในแคมป์ทีมชาติ และเมากลับมาจนมีเรื่องกับพนักงานโรงแรม

และท้ายที่สุด อาร์เซน่อลตัดสินใจยกเลิกสัญญากับปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยองที่เหลืออยู่ 18 เดือน เพื่อเปิดทางในการย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่า ทันเวลาเส้นตายของตลาดนักเตะหน้าหนาวที่ผ่านมา

ของขวัญที่ส่งมาจากสววรค์

เมื่อปี 2016 ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า สักวันหนึ่งเขาจะได้เล่นให้กับทีมชั้นนำของลาลีกา สเปน และในที่สุดฝันของเขาเป็นจริงแล้วในการย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่า

โอบาเมยอง ลงเล่นเพียงไม่กี่นัดก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม เริ่มจากเหมาแฮตทริก ในนัดที่บุกถล่มบาเลนเซีย 4 – 1 ต่อด้วยยิงใส่แอธเลติก บิลเบา กับโอซาซูน่า ทีมละ 1 ประตู ในเกมที่จบลงด้วยชัยชนะ 4 – 0 ทั้ง 2 นัด

ภาพจาก : https://web.facebook.com/fcbarcelona

สำหรับนัดที่เอาชนะบาเลนเซียถึงเมสตาย่านั้น โอบาเมยอง สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะคนแรกในศตวรรษที่ 21 ที่ทำแฮตทริกได้กับสโมสรใน 4 ลีกใหญ่ของยุโรป (อังกฤษ, เยอรมัน, ฝรั่งเศส และสเปน)

ส่วนนัดที่ถล่มโอซาซูน่า โอบาเมยอง เป็นนักเตะคนแรกนับตั้งแต่ปี 2009 ที่ยิง 5 ประตู จาก 6 นัดแรกในลาลีกา ซาบี้ เอร์นานเดซ กุนซือของบาร์ซ่า ได้กล่าวหลังจบเกมว่า “เขาคือของขวัญจากสวรรค์ที่ตกอยู่ในมือของเรา”

“เขาปรับตัวเข้ากับทุกอย่างที่นี่ได้เร็วเหลือเชื่อ ผลงานในสนามก็ยอดเยี่ยมสุด ๆ ทั้งมีอิทธิพลในทีมอย่างสูง แถมยิงประตูได้ดีด้วย ผมมีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับนักเตะระดับโลกแบบเขา”

นอกจากนี้ อดีตแข้งอาร์เซน่อลยังทำประตูได้ในยูโรป้า ลีกด้วย โดยยิง 1 ประตูในนัดที่บุกชนะนาโปลี4 – 2 และยิงประตูชัยในนัดที่บุกชนะกาลาตาซาราย 2 – 1 ช่วยให้บาร์ซ่า ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย

และล่าสุด ในเกม “เอล กลาซิโก้” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ดาวเตะชาวกาบองวัย 33 ปี ทำคนเดียว 2 ประตู และ 1 แอสซิสต์ ช่วยให้เจ้าบุญทุ่ม บุกไปถล่มราชันชุดขาว ถึงซานติอาโก้ เบอร์นาเบว 4 – 0

เมื่อโอบาเมยองทำประตูได้ เขามักจะฉลองด้วยการตีลังกา ซึ่งท่าดีใจของเขานั้น ได้แบบอย่างมาจากฮูโก้ ซานเชซ สุดยอดตำนานดาวยิงจอมตีลังกาทีมชาติเม็กซิโก ซึ่งเป็นนักเตะคนโปรดของคุณปู่ของเขา

ภาพจาก : https://web.facebook.com/fcbarcelona

โอบาเมยอง ถือเป็นความหวังใหม่ในแนวรุกอย่างแท้จริง หลังลงสนามให้กับบาร์ซ่าไปเพียงแค่ 11 นัดรวมทุกรายการ แต่ยิงไปแล้วถึง 9 ประตู กลายเป็นขวัญใจของแฟนๆ อาซุลกราน่าอย่างรวดเร็ว

การเข้ามาของโอบาเมยอง ทำให้ซาบี้ เอร์นานเดซ เหมือนที่จะค้นพบจุดที่ลงตัวมากขึ้น ทีมเริ่มกลับมาเข้ารูปเข้ารอย ถึงแม้จะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่บาร์ซ่าในฤดูกาลหน้าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแน่นอน

ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดี หลังจากอดีตที่เลวร้ายกับอาร์เซน่อลได้ผ่านไปแล้ว แน่นอนว่าแฟนๆ บาร์เซโลน่า ย่อมหวังว่าตัวเขาจะรักษาวินัย และผลงานที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ไปเรื่อยๆ

Author : จักรพันธ์ ภู่ทอง

Photo : talkSPORT

อ้างอิง :

https://theathletic.com/3160192/2022/03/14/aubameyang-at-barcelona-the-gift-from-heaven-that-perfectly-fits-xavis-tactical-evolution/

– https://theathletic.com/2449417/2021/03/15/aubameyang-drove-away-in-ferrari-as-arsenal-team-mates-warmed-down-after-spurs-win/

https://www.arsenal.com/news/pierre-emerick-aubameyang-my-own-words

Categories
Our Work

ลาลีกาจัดงาน ElClásico ประสบการณ์ใหม่ ล่องเรือคุยฟุตบอล พรีวิวเกม “ราชันชุดขาว” ปะทะ “เจ้าบุญทุ่ม”

(18 มี.ค. 2565) โควิด-19 ยังคงอยู่ แต่ชีวิตต้องดำเนิน และการตลาดก็ต้อง practice ล่าสุด ลาลีกา พร้อมผู้สนับสนุน M88 หนึ่งในสปอนเซอร์หลักของลีกฟุตบอลยุโรปจากสเปนได้เขย่าวิถีการติดตามฟุตบอลด้วยประสบการณ์ใหม่ล่าสุด ล่องเรือ ปาร์ตี้ จัดเต็มพรีวิว เกมคู่บิ๊กแมตช์ “เอลกลาสซิโก” ระหว่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ปะทะ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา

งานสุดพิเศษ ในชื่อ “ElClásico Boat Party Exclusive Trip” ได้ถูกเนรมิตขึ้นโดย ลาลีกา ได้สร้างสรรค์การทำกิจกรรมร่วมกับแฟนบอลขึ้นในยุคสถานการณ์โควิด -19 ยังคงระบาดเพื่อต่อยอดคอนเซปต์การติดตามเกมลูกหนังสเปนให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทย ในรูปแบบที่ไม่ใช่แค่การชมฟุตบอลในสนามเท่านั้น งานนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางการตลาดของลีกฟุตบอลสเปน ลาลีกา ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยตัวแทน มร.จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี

และหากจะพูดถึงการมอบประสบการณ์ร่วมกับฟุตบอลสเปนในรูปแบบต่าง ๆ ให้เกิดกับแฟนบอลชาวไทย นี่ไม่ใช่กิจกรรมแรก ที่ทางลาลีกาได้ทำกิจกรรมเพื่อสร้างสัมพันธ์กับแฟนบอลเช่น ครั้งล่าสุดกับกิจกรรม outdoor ในพื้นที่เปิดโล่ง LaLiga Football Camping(https://khaimukdam.com/football-business/laligafootballcamping/) ที่ได้รับผลตอบรับดีเกินความคาดหมาย และงานนี้ก็เช่นกัน

คอนเซปต์ของงานล่องเรือในครั้งนี้ คือ พักเรื่องดูบอลในสนาม แล้วมาสนุกไปกับงานล่องเรือปาร์ตี้สุดพิเศษ เอาใจแฟนบอลผ่านธีม ElClásico พามาลงเรือดินเนอร์ กิน ดื่ม สนุกไปด้วยกัน พร้อมชมความสวยงามยามค่ำคืนของ 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในเวลากว่า 3 ชั่วโมง บนเรือส่วนตัว “เรือสบาย ครุยส์”

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาม ความชื่นมื่น ที่ทุกคนแสดงออกมาให้เห็นทั้งจากสีหน้า รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ สาวกลูกหนังสเปนกว่า 80 คน ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชม อินฟลูเอนเซอร์ และแฟนบอลที่ถูกคัดเลือกเข้ามาจากกิจกรรมออนไลน์ แสดงความเป็นตัวตนคุณกับลาลีกา ได้มาพบเจอ และพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน งานนี้นอกจากจะได้สร้างการรับรู้ใหม่ให้แฟนบอลแล้ว ยังเป็นการได้มาเจอ มาทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ที่มีใจรักในสิ่งเดียวกันอีกด้วย ขณะที่เสียงเพลงก็ยังได้สาวเสียงหวานสุดน่ารัก “น้อง ชีส เดอะ วอยซ์” มามอบความสุขให้กับทุกคนบนเรือ แข่งกับภาพงดงามริม 2 ฝั่งแม่น้ำชนิดกินกันไม่ลง

ซึ่งทุกวันนี้เอง ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในงานจึงได้มีการตรวจ ATK ก่อนขึ้นเรือทุกคน เมื่อได้เวลาเรือออกล่องไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ความสนุก ความตื่นเต้นก็เกิดขึ้น ในงานได้รับเกียรติจาก “มร.อลองโซ เดอ อริสเตกี” ผู้จัดการส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เกาหลี, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เข้าร่วมงาน และกล่าวเปิดงานว่า

มร.อลองโซ เดอ อริสเตกี” ผู้จัดการส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เกาหลี, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

“ถัดจากกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้แฟนบอลไทยได้มีประสบการณ์ร่วมกับลาลีกาผ่านการกางเต็นท์ และชมฟุตบอลแล้ว ครั้งนี้เป็นจังหวะที่ดีอีกครั้งก่อนแมตช์เอลกลาสซิโกที่เรา ลาลีกา จะได้ทำกิจกรรมเพื่อสร้างสัมพันธ์กับแฟนบอลอีกครั้ง

การที่เราอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ยังหมายความว่า กิจกรรมที่เลือกควรจะเป็นไปตามมาตรการรัฐ และปลอดภัย การล่องเรือ พูดคุยฟุตบอล และสัมผัสบรรยากาศ 2 ฝั่งแม่น้ำครั้งนี้จึงถูกคิดขึ้นมา และก็ได้รับการตอบรับจากเหล่าสื่อ, อินฟลูเอนเซอร์ฟุตบอล และแฟนบอลจำนวนมาก แต่เราก็เลือกมาเพียง 80 คนโดยประมาณเท่านั้น

การได้มีสำนักงานอยู่กรุงเทพมหานคร ยังหมายความว่า เราน่าจะนำประสบการณ์ดี ๆ แบบนี้มาฝาก และสร้างการรับรู้ถึงฟุตบอล และวัฒนธรรมสเปน ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกแน่นอน อย่างไรก็ขอให้ติดตามกันต่อ ๆ ไปครับ”

เดอะนัทซัดหมดแม็กซ์ และ เจมส์ ลาลีกา

หลังจากนั้นก็เป็นการพูดคุยถึงมุมมองต่าง ๆ และสิ่งที่ต้องจับตามองของเกมนี้ เพื่อเป็นการพรีวิวก่อนเกมคู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง “เรอัล มาดริด” ปะทะ “บาร์เซโลน่า” โดยกูรูลูกหนัง เจมส์ ลาลีกา และเดอะนัทซัดหมดแม็กซ์ นอกจากนี้ยังมีวิดีโอส่งตรงมาจากตุรกี ของคุณ ขวัญ ลามาเซีย (ไปชมบาร์เซโลนา เตะกับกาลาตาซาราย ในบอลถ้วยยุโรป) มาร่วมพรีวิวก่อนเกมอีกด้วย

เมื่อการพูดคุยพรีวิวผ่านไป ก็ต้องขอเก็บภาพความทรงจำสำหรับงานนี้ร่วมกันสักเล็กน้อย จากนั้นก็ร่วมรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ พร้อมทั้งฟังดนตรี เคล้าบรรยากาศไปด้วยกัน

บรรยากาศการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์บนเรือ

ความสนุกยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะบนเรือยังมีกิจกรรมหมุนวงล้อ ให้ทุกคนในงานได้ร่วมสนุก ลุ้นรับรางวัลมากมาย งานนี้ใครพกดวงมาด้วย ก็หมุนเจอรางวัลใหญ่ได้รับไปเลยแบบสบาย ๆ ซึ่งรางวัลมีทั้ง ลูกฟุตบอลลาลีกา, Jersey, voucher ล่องเรือดินเนอร์ครูยส์, ปฏิทิน, ถุงผ้า และไฟฉายสำหรับแคมป์ปิ้ง

อีกหนึ่งช่วงที่ทุกคนรอคอย คงหนีไม่พ้นช่วงเวลาแห่งการจับรางวัล Lucky Draw ซึ่งผู้เข้าร่วมงานทุกคนที่ทำการลงทะเบียนหน้างาน มีสิทธิ์ได้ลุ้นรับรางวัลกันทุกคน โดยงานนี้เราได้ผู้โชคดี คือ คุณเวทิศ นิรันดร์สุข และ คุณธนดล อิ่มยิ้ม ได้รับรางวัล ล่องเรือ ดินเนอร์ ครูยส์ ท่านละ 1 รางวัล ส่วนอีกหนึ่งรางวัล เป็นรางวัลแพ็คเกจที่พักภูเก็ต 3 วัน 2 คืน พร้อม Pocket Money 500 เหรียญสหรัฐ ตกเป็นของ คุณสุวิภาวี​ โลกวิทย์ โดยอีเวนต์นี้ ได้รับการสนับสนุนจาก M88

คุณสุวิภาวี​ โลกวิทย์ ได้รับรางวัลแพ็คเกจที่พักภูเก็ต 3 วัน 2 คืน พร้อม Pocket Money 500 usd

สำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้เช่นนี้ หากมองในเชิงการตลาด จุดที่น่าสนใจเลยคือ ลาลีกา ถือเป็น “ลีกหลัก” ยุโรป 1 เดียวที่มีตัวแทนมาประจำการในประเทศไทย และได้ร่วมโปรเจคต์ต่าง ๆ ไปหลายชิ้นแล้ว ซึ่งผลตอบรับที่ได้กลับมาค่อนข้างดี และบางครั้งก็เกินความคาดหมาย และเราหวังว่ากิจกรรมดี ๆ แบบนี้ จะเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกแน่นอน

ส่วนงานนี้ จะอบอุ่น สนุกสนาน และเต็มไปด้วยสีสันสักแค่ไหน เราได้เก็บภาพบรรยากาศภายในงาน มาฝากทุกคนแล้ว

✍ : ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Football Business

ElClásico Boat Party Exclusive Trip : ล่องเรือปาร์ตี้ พรีวิวก่อนเกม “ราชันชุดขาว” ปะทะ “เจ้าบุญทุ่ม”

เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางการตลาดของลีกฟุตบอลสเปน ลาลีกา ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยตัวแทน มร.จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี ได้ต่อยอดการสร้างประสบการณ์ต่าง ๆ ของลาลีกาแบบครบวงจร 360 องศาทั้งใน และนอกสนามสู่แฟนลูกหนังชาวไทย และล่าสุด คือ งาน ElClásico Boat Party Exclusive Trip : ล่องเรือปาร์ตี้ พรีวิวก่อนเกม “ราชันชุดขาว” ปะทะ “เจ้าบุญทุ่ม” ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565

โดยคอนเซ็ปต์ คือ พักเรื่องดูบอลในสนาม แล้วมาสนุกไปกับงานสุดพิเศษสำหรับคอบอล“ElClásico Boat Party Exclusive Trip” ซึ่งจะจัดเต็มพรีวิว พูดคุยก่อนเกมคู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง “เรอัลมาดริด” ปะทะ “บาร์เซโลน่า” 3.00 นาฬิกาหลังเที่ยงคือวันอาทิตย์ที่ 20 มี.ค.2022 ที่เหล่าสาวกฟุตบอลสเปน ห้ามพลาด !!! ร่วมลุ้นรับสิทธิ์เข้างาน ฟรี! กิน ดื่ม ตลอดทริป 3 ชั่วโมงกับวิว 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และบทสนทนาลูกหนังสเปน

“กิจกรรมนี้เป็นอีกก้าวย่างของ ลาลีกา ในประเทศไทยที่มีความต้องการจะมอบประสบการณ์ร่วมกับฟุตบอลสเปนในรูปแบบต่าง ๆ ให้เกิดกับแฟนบอลชาวไทยที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่การชมฟุตบอล เช่น ครั้งก่อนกับกิจกรรม กางเต็นท์ดูบอล LaLiga Football Camping หรืองานฟุตบอลพร้อมรับประทานอาหารสเปนจากภูมิภาคต่าง ๆ อิงกับเกมดาร์บี้แมตช์ และครั้งนี้ คือ การลงเรือทอดบรรยากาศริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศไทยโดยเราได้สอดแทรกคอนเทนท์เป็นการพูดคุยถึงเกม เอลกลาสซิโก สุดสัปดาห์นี้ระหว่าง เรอัล มาดริด – บาร์เซโลน่า เป็นตัวชูโรงบทสนทนาบนเรือที่จะได้กูรูบอลสเปนที่หลายคนชื่นชอบมาเล่าเรื่องราวดี ๆ ให้ฟัง อีกทั้งแขกรับเชิญบนเรือยังจะได้สัมผัสบรรยากาศที่ทางลาลีกาบรรจงจัดเตรียมไว้ให้บนเรือร่วมกับสื่อมวลชนสายฟุตบอลในประเทศไทย”

มร.จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี กล่าว

ล่องเรือดินเนอร์ ปาร์ตี้ยามเย็น ดื่มด่ำกับบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยาสุดโรแมนติกไปด้วยกัน ท่ามกลางวิวเปิดโล่ง บนเรือส่วนตัว “เรือสบาย ครุยส์” พร้อมกับพบแขกรับเชิญสุดพิเศษ และอินฟลูเอนเซอร์ตัวจริง สายฟุตบอล นำโดย เจมส์ ลาลีกา และเดอะนัทซัดหมดแม็กซ์ ที่จะมาร่วมสร้างสีสัน และความสนุกไปด้วยกัน

นอกจากนี้ภายในงานมีกิจกรรมให้ร่วมชิงของรางวัลอีกมากมาย อาทิ ทริป 3 วัน 2 คืนพร้อม pocket money บินไปพักที่ภูเก็ตกับโรงแรมหรู และเพลิดเพลินไปกับดนตรี กิจกรรมสนุก ๆ ระหว่างดินเนอร์บนเรือหรูตลอดช่วงเวลา

ย้ำ….งานนี้ลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฟรี !! (จำนวนจำกัด)

กติกาลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฟรี!

1. สแกน QR Code หรือ คลิกที่ลิงนี้ https://bit.ly/34JdL1C แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน

2. แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ และ E-mail 

3. ส่งภาพถ่ายที่แสดงความเป็น LaLiga ของคุณมาในแบบฟอร์ม

กติกาลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฟรี!

สำหรับการประกาศผลว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้เข้าร่วมกิจกรรม จะทำการประกาศในวันที่ 17 มีนาคม 65 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป พร้อมส่งการ์ดเชิญให้ทาง E-Mail

สุดท้ายนี้ อย่าลืม ! แอดไลน์ @khaimukdam กันไว้ เพื่อไม่ให้พลาดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ และสามารถเข้ามาพูดคุย สอบถามกันได้

แล้วเตรียมตัวไปสนุกด้วยกัน…

กำหนดการงาน LaLiga x M88 (ล่องเรือ 3 ชม)

ท่าเรือราชบูรณะ เข้าซอยราชบูรณะ 23 (ปากทางเป็นสำนักงานเขตฯ) 

ผู้เข้าร่วมงาน 80 คน

🔺16.20-17.45 น. ลงทะเบียน พร้อมตรวจ ATK และสแกน QR Code

🔺18.00 เรือออกจากท่า

🔺18.10 พิธีกรกล่าวต้อนรับแขกพิเศษทุกคน

🔺18.15 ตัวแทนลาลีกาจากสิงคโปร์กล่าว และ Talk KOLs

🔺19.00 ถ่ายภาพรวม

🔺19.05 แจ้งกิจกรรมร่วมสนุกบนเรือ

🔺19.10 รับประทานอาหาร ฟังดนตรี (EDM or acoustic)

🔺 20.20 Lucky draw ลุ้นแพ็คเกจที่พักภูเก็ต 3 วัน 2 คืนพร้อม Pocket Money

🔺21.00 ขึ้นฝั่งโดยปลอดภัย และมีความสุข

.

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย