Categories
Football Business

ยุคโมเดิร์นฟุตบอลที่สถิติท่วมล้น สถิติไหนคัดกรองยอดนักเตะแม่นที่สุด

โลกฟุตบอลยุคปัจจุบันเอ่อล้นไปด้วยข้อมูลสถิติที่เกิดจาก data point จำนวนหลายล้านต่อแมตช์ การสัมผัสบอลแต่ละครั้งและทุกการเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลได้รับการจดบันทึก พรีเมียร์ลีกเป็นหนึ่งในสมรภูมิลูกหนังระดับอาชีพที่เป็นผู้นำด้านสถิติ เป็นลีกหนึ่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลมากที่สุดในโลก

ดิวิชัน 1 ประเทศอังกฤษ เปลี่ยนชื่อเป็นพรีเมียร์ชิพ (ก่อนมาเป็นพรีเมียร์ลีก) ในฤดูกาล 1992-93 สถิติยุคนั้นถือว่าน้อยมากและเป็นสถิติพื้นฐานอย่างเช่น ใครทำประตู ใครเป็นคนแอสซิสต์ และใครได้รับใบเหลืองใบแดง ยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ฟอร์มการเล่นส่วนบุคคลหรือทีม ไม่มีสถานีโทรทัศน์ช่องไหนสนใจสถิติเชิงลึกดังเช่นปัจจุบัน

การเปลี่ยนแปลงมาถึงในซีซัน 1997-98 หรืออีก 5 ปีต่อมาเมื่อ Opta ได้เซ็นสัญญาเป็นบริษัทเก็บรวบรวมสถิติเชิงประสิทธิภาพของนักฟุตบอลให้กับพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการ โดย Opta บริษัทสัญชาติอังกฤษ เพิ่งก่อตั้งในปี 1996 สร้างชื่อเสียงขึ้นมาจากเป็นพันธมิตรของช่อง Sky Sports ในการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกทางโทรทัศน์ตั้งแต่ซีซั่น 1996-97

สถิติยุคแรกค่อนข้างเรียบง่ายพื้น ๆ จนกระทั่งซีซั่น 2006-07 Opta เริ่มเก็บรวบรวบสถิติหลากหลายและมีจำนวนเพิ่มขึ้น อาทิ key passes, tackle success, shooting accuracy สำหรับนักเตะ และ passes per match, errors leading to a goal, goals from counter attacks สำหรับทีม เป็นต้น

ตั้งแต่ซีซัน 2021-22 พรีเมียร์ลีกได้ร่วมงานกับ Oracle บริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่จากอเมริกา ซึ่งให้บริการเมตริกชั้นสูง รวมถึงระบบยอดนิยมอย่าง Momentum Tracker ส่งผลให้พรีเมียร์ลีกมีข้อมูลสถิติที่สลับซับซ้อนกว่าลีกหลายประเทศที่ยังคงใช้เพียง event data เหมือน Opta เช่น การจ่าย การโหม่ง การเซฟ โดย Oracle ใช้เมตริกและโมเดลที่ซับซ้อนนำไปวัดปริมาณส่วนต่าง ๆ ของเกมการแข่งขัน จนได้ข้อมูลที่มีความลึกซึ้ง สามารถนำไปต่อยอดวิเคราะห์เกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ Opta เซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์ของพรีเมียร์ลีกในปี 1997 แต่สโมสรต่างๆยังต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติของตัวเอง หนึ่งในยุคบุกเบิกคือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ยุคแซม อัลลาร์ไดซ์ ซึ่งคุมทีมทรอตเตอร์สระหว่างปี 1999 – 2007 โดยอัลลาร์ไดซ์เห็นประโยชน์ของข้อมูลสถิติในวงการกีฬาเมื่อครั้งเล่นฟุตบอลให้ทีมแทมปา เบย์ ราวดีส์ ที่อเมริการาวปี 1983 เขานำไปไอเดียมาใช้เพื่อพัฒนาการเล่นของนักเตะโบลตัน อัลลาร์ไดซ์ถึงขนาดสร้างสถานที่ที่เรียกว่า War Room ซึ่งเขาและสตาฟฟ์โค้ชใช้เป็นออฟฟิศเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลบนจอขนาดใหญ่ ซึ่งถูกใช้เพื่อวางแผนกลยุทธ์การเล่นอีกด้วย

สโมสรแรกที่ลงทุนด้านข้อมูลสถิติอย่างจริงจังได้แก่ ลิเวอร์พูล หลังจากเฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป บริษัทกีฬาข้ามชาติสัญชาติอเมริกัน เข้ามาเทคโอเวอร์เมื่อปี 2010 เนื่องจากเฟนเวย์ฯ ตระหนักถึงศักยภาพของการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติจากการเป็นเจ้าของทีมเบสบอล บอสตัน เรด ซอกซ์ ซึ่งความจริงแล้ว data analysis เป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากสำหรับกีฬาเมืองลุงแซม

นับจากปี 2010 แผนกข้อมูลเป็นหน่วยงานที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีบทบาทสำคัญต่อความก้าวหน้าของสโมสรพรีเมียร์ลีก ได้ถูกใช้งานตั้งแต่การเลือกสรรผู้เล่นไปจนถึงการวางแท็คติก ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกสร้างขึ้นมาส่งผลกระทบและสร้างสีสันให้กับเกมลูกหนังเป็นอย่างมาก

สถิติเว็บพรีเมียร์ลีก 4 กลุ่มใหญ่ 40 หมวดย่อย

ในส่วนของการรวบรวม event data ระหว่างการแข่งขันพรีเมียร์ลีกแต่ละนัด Opta ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Stats Perform ใช้ทีมงานทั้งหมด 3 คน เจ้าหน้าที่ 2 คนมีหน้าที่ดูวิดีโอฟุตเตจและบันทึกข้อมูลทุกครั้งเมื่อเกิดการสัมผัสลูกบอล นักเตะคนไหนเข้ามาเกี่ยวข้อง และเกิดตรงตำแหน่งไหนของสนาม เจ้าหน้าที่คนที่ 3 เป็นผู้ควบคุมคุณภาพหรือ QC กรอกกลับวิดีโอฟุตเตจเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ถูกต้อง ทั้งนี้ live-match data จะถูกนำไปตรวจสอบอีกครั้งหลังการแข่งขันเพื่อให้มั่นใจว่าถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์

อ้างอิงจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีก ในหมวด stats แบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ ได้แก่ สถิติทั่วไป, สถิติเกมบุก, สถิติเกมรับ และสถิติผู้รักษาประตู ซึ่งแต่ละประเภทจะมีแยกย่อยลงไปประกอบด้วย

GENERAL : Goals, Assists. Appearances. Minutes Played, Yellow Cards, Red Cards. Substituted On. Substituted Off

ATTACK : Shots, Shots On Target, Hit Woodwork, Goals From Header, Goals From Penalty, Goals From Freekick, Offsides, Touches, Passes, Through Balls, Crosses, Corners Taken

DEFENCE : Interceptions. Blocks, Tackles, Last Man Tackles, Clearances, Headed Clearances, Aerial Battles Won, Own Goals, Errors Leading To Goal, Penalties Conceded, Aerial Battles Lost

GOALKEEPER : Clean Sheets, Goals Conceded, Saves, Penalties Saved, Punches, High Claims, Sweeper Clearances, Throw Outs, Goal Kicks

จากสถิติข้างบนเป็นเพียง event data ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ ด้วยสายตามนุษย์ ยังมีมากมายขนาดนี้ ไหนจะมีสถิติที่เกิดจากการคำนวณ และสถิติได้จากระบบเมตริกและโมเดลที่ซับซ้อน จนหลายคนอาจตั้งคำถามในใจว่า คิดวิเคราะห์ให้มันยุ่งยากวุ่นวายเกินไปหรือเปล่าเพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ฟอร์มการเล่นของตัวนักเตะและทีมว่าดีหรือแย่เพียงใด

ดังนั้น จึงมีผู้คิดแบบสุดขั้วอย่าง ไรอัน โอ’แฮนลอน นักข่าวของอีเอสพีเอ็น ดอท คอม สื่อกีฬาระดับโลกจากอเมริกา ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าต้องเลือกใช้ตัวเลขสถิติเพียงชนิดเดียวเพื่อจัดทีมฟุตบอลรวมดาราจากการแข่งขันยูฟา แชมเปียนส์ ลีก และลีกท็อป-5 ของยุโรป (พรีเมียร์ลีก, บุนเดสลีกา, กัลโช เซเรีย อา, ลา ลีกา, ลีกเอิง) ประจำฤดูกาล 2022-23 ที่เพิ่งจบไป สถิติไหนจะจัดทีม Best XI ได้ดีหรือใกล้เคียงกับสุดยอดทีมในโลกแห่งความเป็นจริงมากที่สุด ทั้งนี้เป็นการจัดทีมด้วยแผนการเล่น 4-3-3 และจัดเฉพาะผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ ไม่รวมผู้รักษาประตูที่มีการบันทึกสถิติเฉพาะตัว ต่างจากผู้เล่น 10ตำแหน่งที่เหลือ

SHOTS คัดกรองฟอร์มนักเตะแม่นกว่า GOALS

ฟุตบอลตัดสินแพ้ชนะกันที่จำนวนประตู โอ’แฮนลอนจึงเลือก GOALS เป็นสถิติเดี่ยวในการฟอร์มทีมรวมดาราชุดแรก นักเตะแต่ละตำแหน่งในระบบ 4-3-3 จะคัดเลือกจากผู้เล่นที่ทำสกอร์รวมมากที่สุดในฟุตบอลลีกและแชมเปียนส์ ลีกฤดูกาลที่แล้ว

ศูนย์หน้า : เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ (แมนฯซิตี)

ปีกซ้าย : คีลิยัน เอ็มบัปเป (เปแอสเช)

ปีกขวา : โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

มิดฟิลด์กลาง : มาร์ติน โอเดการ์ด (อาร์เซนอล)

มิดฟิลด์กลาง : จูด เบลลิ่งแฮม (ดอร์ทมุนด์)

มิดฟิลด์ตัวรับ : ปาสกาล กรอสส์ (ไบรท์ตัน)

แบ็คซ้าย : ราฟาเอล เกร์เรโร (ดอร์ทมุนด์)

เซ็นเตอร์แบ็ค : ชานเซล เอ็มเบมบา (มาร์กเซย์)

เซ็นเตอร์แบ็ค : เอแดร์ มิลิเตา (เรอัล มาดริด)

แบ็คขวา : สเตฟาน พอสช์ (โบโลญา)

พิจารณารายชื่อ Best XI ที่เลือกจากสถิติการทำประตู โอ’แฮนลอนมองว่าไม่เลวนัก แต่มีบางจุดที่ไม่เห็นด้วย คำว่าเบสต์ใช้ได้กับฮาลันด์และซาลาห์ รวมถึงโอเดการ์ดและเบลลิ่งแฮม แต่เอ็มบัปเปยังไม่ใช่ถ้าหมายถึงซีซั่นที่แล้ว ทีมนี้อาจทำสกอร์ได้เยอะแต่อาจเสียประตูไม่น้อย ฟอร์มของกรอสส์ไม่ค่อยได้รับคำชมเท่าไร เช่นเดียวกับเกร์เรโร เอ็มเบมบาก็ไม่ใกล้เคียงคำว่าเบสต์ไม่ว่าเป็นสายตาใคร มิลิเตาอาจโอเค แต่แฟนบอลนอกลีกอิตาลีเคยได้ยินชื่อพอสช์บ้างไหม

ขอบคุณภาพจาก  https://www.premierleague.com/news/3486228

กูรูจากเว็บไซต์อีเอสพีเอ็น มองว่า GOALS ยังไม่สามารถจัดทีมรวมดาราได้ใกล้เคียงความจริง โดยเฉพาะแนวรับ ประตูที่ทำได้แปรเปลี่ยนได้แต่ละซีซั่น และสถิติยังรวมประตูจากจุดโทษด้วย ดังนั้นโอ’แฮนลอนจึงลองเปลี่ยนตัวคัดกรองที่ 2 เป็น SHOTS หรือจำนวนรวมของลูกยิงและลูกโหม่งที่พุ่งไปยังกรอบประตู ใครทำได้มากที่สุดของแต่ละตำแหน่งจะเข้าไปอยู่ในทีมรวมดารา

ศูนย์หน้า : ฮาลันด์

ปีกซ้าย : เอ็มบัปเป

ปีกขวา : ซาลาห์

มิดฟิลด์กลาง : โอเดการ์ด

มิดฟิลด์กลาง : บรูโน แฟร์นันเดส (แมนฯยูไนเต็ด)

มิดฟิลด์ตัวรับ : โรดรี (แมนฯซิตี)

แบ็คซ้าย : เตโอ แอร์กน็องเดซ  (เอซี มิลาน)

เซ็นเตอร์แบ็ค : ฟาเบียน ชาร์ (นิวคาสเซิล)

เซ็นเตอร์แบ็ค : คอนสแตนตินอส มาฟโรปานอส (สตุ๊ตการ์ท)

แบ็คขวา : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล)

เมื่อผลการคัดเลือกด้วยการยิงหรือโหม่งเข้ากรอบออกมา โอ’แฮนลอนมองว่าพัฒนาตัวผู้เล่นดีขึ้น กองหน้ายอดเยี่ยม มิดฟิลด์ดีทีเดียวแม้ขัดใจชื่อของแฟร์นันเดสที่เขารู้สึกว่ายังไม่ถึงขั้นดีมาก ต่างกับโรดรีที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่อยู่อันดับสูงสุดของ “เอฟซี 100” ซึ่งเป็นการจัดแรงกิ้งนักเตะของอีเอสพีเอ็น 

ฟูลแบ็คสองฝั่งมีฝีเท้าระดับเวิลด์คลาสในสายตาของโอ’แฮนลอน ชาร์เป็นแกนหลักของหนึ่งในทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกซีซันที่ผ่านมา ส่วนมาฟโรปานอสเป็นเซ็นเตอร์แบ็คที่ดีพอใช้ แต่เล่นให้ทีมครึ่งล่างของบุนเดสลีกา และเคยถูกอาร์เซนอลปล่อยหลังลงตัวจริงบอลลีกแค่ 3 นัด แต่ความจริงแล้ว จำนวนการยิงไม่สามารถประเมินคุณค่าที่แท้จริงของเซ็นเตอร์แบ็คอยู่แล้ว

PASSING เป็นสถิติที่มีนัยยะสำคัญทั้งเกมบุกและรับ

ข้างต้นเป็นสถิติในส่วนของเกมบุก ซึ่งเห็นได้ชัดว่า SHOTS เป็นตัวคัดกรองที่ดีกว่า GOALS แต่ยังไม่สามารถจัดผู้เล่นได้สมเหตุสมผลอยู่ดีแม้ดึงมิดฟิลด์ตัวรับดีที่สุดติดทีมเข้ามาได้ แต่กลับได้แผงหลังที่อ่อนยวบ โอ’แฮนลอนจึงเปลี่ยนมาใช้PASSING เป็นเงื่อนไขบ้างเพราะเป็นคุณสมบัติสำคัญของทั้งผู้เล่นเกมรุกเกมรับ แต่ตัดตัวเลขในส่วนของแอสซิสต์ออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการให้น้ำหนักกับผู้เล่นเกมบุก

ศูนย์หน้า : อองตวน กรีซมันน์ (แอตฯมาดริด)

ปีกซ้าย : แจ็ค กรีลีช (แมนฯซิตี)

ปีกขวา : ลิโอเนล เมสซี (เปแอสเช)

มิดฟิลด์กลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯซิตี)

มิดฟิลด์กลาง : บรูโน แฟร์นันเดส

มิดฟิลด์ตัวรับ : โยซัว คิมมิช (บาเยิร์น)

แบ็คซ้าย : คริสเตียโน บิรากี  (ฟิออเรนตินา)

เซ็นเตอร์แบ็ค : อเลสซานโดร บาสโตนี (อินเตอร์ มิลาน)

เซ็นเตอร์แบ็ค : ดาวิด อลาบา (เรอัล มาดริด)

แบ็คขวา : คีแรน ทริปเปียร์ (นิวคาสเซิล)

โอ’แฮนลอนให้ความเห็นถึง Best XI ทีมที่ 3 ว่า อาจดูแปลก ๆ ไปบ้างสำหรับฟรอนท์ไลน์ แต่ทั้งสามมีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างเกมรุกน่าสะพรึงกลัว แผงมิดฟิลด์อาจเน้นความปลอดภัยมากเกินไปแทนที่จะสร้างสรรค์เกมรุกหรือดอดขึ้นไปลุ้นทำประตู แต่เดอ บรอยน์ และแฟร์นันเดส น่าจะช่วยให้บาเยิร์นอุ่นใจกว่าเมื่อเทียบกับสองคนที่อยู่ข้างหน้าคิมมิชในเกมสโมสร

ขอบคุณภาพจาก  https://www.bbc.com/sport/football/63200405

สำหรับแบ็คไลน์ โอ’แฮนลอนมองว่า บิรากีอาจไม่ใช่แบ็คซ้ายดีที่สุดในโลกแต่ไม่ใช่แบ็คซ้ายที่แย่เช่นกัน อย่างน้อยมีประสบการณ์ตัวจริงเกือบ 250 นัดในเซเรีย อา บาสโตนีกับอลาบาเป็นการจับคู่ปราการหลังที่เวิร์ก ทริปเปียร์เพิ่งผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตแบ็คขวาของตัวเอง

PASSING ช่วยให้การจัดทีมมีสมดุลขึ้น แต่โอ’แฮนลอนอยากปรับเงื่อนไขที่เน้นเกมรับขึ้นมาอีกเล็กน้อย ตัวกรองที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างผลงานโจมตีกับการแย่งบอลคืนมา ซึ่งได้แก่ TACKLES + INTERCEPTIONS และผลลัพธ์ที่ได้คือ

ศูนย์หน้า : กรีซมันน์

ปีกซ้าย : จาค็อบ แรมเซย์ (แอสตัน วิลลา)

ปีกขวา : เฟลิเป อันแดร์สัน (ลาซิโอ)

มิดฟิลด์กลาง : วาล็องแต็ง รงชีเยร์ (มาร์กเซย์)

มิดฟิลด์กลาง : มอร์เทน ฮูลมันด์ (เลชเช)

มิดฟิลด์ตัวรับ : ชูเอา ปาลินญา (ฟูแลม)

แบ็คซ้าย : แมลแว็ง บาร์  (นีซ)

เซ็นเตอร์แบ็ค : อันเดร จิรอตโต (นองต์ส)

เซ็นเตอร์แบ็ค : เลโอนาร์โด บาเลร์ดี (มาร์กเซย์)

แบ็คขวา : โมฮาเหม็ด ยูซซุฟ (อฌักซิโอ)

หลังทราบรายชื่อทีมรวมดาราเวอร์ชันที่ 4 ซึ่งมีกรีซมันน์คนเดียวที่มาจาก 3 ทีมแรก ที่เหลือเป็นหน้าใหม่และครึ่งหนึ่งมาจากลีกเอิง นั่นทำให้กูรูอีเอสพีเอ็น ดอท คอม ถึงกับอุทานว่า I, uh, yeah, no.

MINUTES PLAYED ถ้าฟอร์มดี โค้ชย่อมเลือกใช้งานบ่อย

บางคนอาจมองข้ามความจริงข้อหนึ่งไป ถึงสถิติจะถูกบันทึกในฐานะผลงานของคนๆเดียว แต่เพื่อนร่วมทีมมีส่วนทำให้ event data เหล่านั้นเกิดขึ้น ทุกการยิงหรือโหม่งเพื่อหวังประตู จะมาจากการผ่านหรือเหตุการณ์สักอย่างที่ทำให้ลูกบอลเดินทางมาถึง ทุกการผ่านบอลล้วนมีต้นทางมาจากการผ่านบอลก่อนหน้าหรือไม่ก็เทิร์นโอเวอร์หรือฟาวล์ ไม่มีแทคเกิลหรืออินเตอร์เซปท์เกิดขึ้นหากเพื่อนร่วมทีมไม่เสียบอลแล้วจากนั้นมีใครสักคนของทีมคู่แข่งเห็นโอกาสที่จะเข้าไปแย่งบอลหรือเสียบสกัด

เกือบทุกสถิติมีลักษณะเช่นนั้น หนึ่งในข้อยกเว้นคือ จำนวนนาทีที่ลงสนาม ซึ่งหากไม่มีเงื่อนไขด้านสุขภาพความฟิต ตัวเลขที่เกิดขึ้นมาจากวิจารณญาณของผู้จัดการทีมหรือหัวหน้าโค้ช ซึ่งเห็นนักเตะทุกครั้งที่สนามฝึกซ้อม มีนักวิเคราะห์เกมคนหนึ่งกล่าวว่า “ถ้าคุณดีพอ ผู้จัดการทีมก็จะใช้งานคุณบ่อยเอง” และแน่นอนว่า MINUTES PLAYED จึงเป็นสถิติที่รวบรวมสถิติอื่น ๆ ไว้ด้วยกัน

แต่ซีซั่นที่แล้วมีฟุตบอลโลกที่กาตาร์คั่นกลางฤดูแข่งขัน อาจส่งผลต่อเวลารวมของนักเตะฝีเท้าเยี่ยม ๆ ดังนั้นโอ’แฮนลอนจึงเพิ่มเงื่อนไขพิเศษเข้าไปเล็กน้อยด้วยการใช้สถิติของ 2 ซีซันที่ผ่านมาแทนซีซันเดียว

ศูนย์หน้า : แฮร์รี เคน (สเปอร์ส)

ปีกซ้าย : วินิซีอุส จูเนียร์ (เรอัล มาดริด)

ปีกขวา : ซาลาห์

มิดฟิลด์กลาง : ดาเนียล ปาเรโฆ (บีญาร์เรอัล)

มิดฟิลด์กลาง : นิโกโล บาเรลลา (อินเตอร์ มิลาน)

มิดฟิลด์ตัวรับ : โรดรี

แบ็คซ้าย : เตโอ แอร์กน็องเดซ 

เซ็นเตอร์แบ็ค : ฟาน ไดจ์ค

เซ็นเตอร์แบ็ค : เอแดร์ มิลิเตา

แบ็คขวา : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

6 คนมาจากทีมรวมดาราชุดก่อน ๆ เคนกับวินิซีอุสที่เข้ามาใหม่ในแผงหน้า ไม่มีใครกล้าค้านว่าทั้งคู่เป็นนักเตะเวิลด์คลาส ปาเรโฆกับบาเรลลาเป็นคู่มิดฟิลด์เบอร์ 8 ที่โค้ชคนไหนก็น่าจะพอใจ ดังนั้นเวลารวมในสนาม ซึ่งผ่านการคิดวิเคราะห์ของบุคคลผู้อยู่ใกล้ชิดนักเตะมากที่สุด จึงเป็นตัวเลือกสมเหตุสมผลหากจะอ้างอิงสถิติเพียงข้อเดียวเพื่อนำมาสร้างทีมรวมดารา

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Football Business

ส่องเบื้องหลังท่อน้ำเลี้ยง 20 เจ้าของทีมพรีเมียร์ลีก 2023/24

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดีลอยท์ (Deloitte) บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินระดับโลก เปิดเผยว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นลีกฟุตบอลที่โดดเด่นในเรื่องการเงิน โดย 11 จาก 20 สโมสร ติดอันดับทีมกีฬาที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ หรือความล้มเหลวของแต่ละสโมสร ไม่ใช่ผู้เล่น หรือผู้จัดการทีม แต่เป็นบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า “เจ้าของสโมสร” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของสโมสรในระยะยาว

ความเข้าใจในธุรกิจฟุตบอล และความหลงใหลในสโมสรที่ครอบครอง คือคุณสมบัติที่เจ้าของสโมสรพึงมี แต่ก็มีบางสโมสรที่มีข้อได้เปรียบในเรื่องเงินทุนที่มีมหาศาล แม้จะจ่ายเงินก้อนโตต่อเนื่องทุกปีก็ตาม

แหล่งเงินทุนของเจ้าของทีมลูกหนัง ก็มีที่มาแตกต่างกันออกไป ซึ่งหลาย ๆ คน อาจยังไม่เคยรู้มาก่อน และนี่คือเบื้องหลัง “ท่อน้ำเลี้ยง” ของทั้ง 20 สโมสรในการแข่งขันลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ฤดูกาล 2023/24

อาร์เซน่อล – ครอบครัวมหาเศรษฐี, อสังหาริมทรัพย์ และปศุสัตว์

รองแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่แล้ว ปัจจุบันบริหารงานโดยกลุ่ม Kroenke Sports & Entertainment (KSE) นำโดยสแตน โครเอนเก้ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่เข้ามาเทคโอเวอร์อาร์เซน่อล ตั้งแต่ปี 2007

โครเอนเก้ สมรสกับแอน วอลตัน สมาชิกครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดของสหรัฐฯ เป็นทายาทของเจ้าของวอลมาร์ท (Walmart) บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ระดับโลก และมีสินทรัพย์มากกว่า 12 พันล้านปอนด์

แหล่งเงินทุนของโครเอนเก้ มาจากการก่อตั้ง THF Realty ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์, ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน รวมถึงเป็นเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาอีกด้วย

เจ้าสัววัย 75 ปี ยังเป็นเจ้าของทีมกีฬาในสหรัฐฯ หลายทีม ได้แก่ ลอส แอนเจลลิส แรมส์ (อเมริกันฟุตบอล), โคโลราโด้ ราปิดส์(เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์), โคโลราโด้ อวาลันเช่ (ฮอกกี้) และเดนเวอร์ นักเกตส์ ที่เพิ่งคว้าแชมป์บาสเกตบอล NBA ในปีนี้

แอสตัน วิลล่า – ปุ๋ยไนโตรเจน และอสังหาริมทรัพย์

แอสตัน วิลล่า สโมสรดังจากย่านมิดแลนด์ บริหารงานโดยบริษัท NSWE ซึ่งมีนาสเซฟ ซาวิริส และเวส อีเดนส์ เป็นเจ้าของร่วมกัน ทั้งคู่ได้ซื้อกิจการของสโมสรต่อจากโทนี่ เซีย นักธุรกิจชาวจีน เมื่อปี 2018

ซาวิริส เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดแห่งอียิปต์ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารของ Orascom Construction บริษัทผู้ผลิตปุ๋ยไนโตรเจนรายใหญ่ที่สุดของโลก นอกจากนี้ยังซื้อหุ้นสโมสรนิว ยอร์ก นิกส์ (บาสเกตบอล NBA) และสโมสรนิว ยอร์ก เรนเจอร์ส (ฮฮกกี้ NHL)

ด้านอีเดนส์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ปล่อยเงินกู้ อีกทั้งได้ซื้อหุ้นของ Morrisons เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของอังกฤษ และเป็นเจ้าของทีมมิลวอล์คกี้ บัคส์ ซึ่งคว้าแชมป์บาสเกตบอล NBA ในปี 2021

ความมั่งคั่งของเจ้าของทีมวิลล่า ซาวิริส มีสินทรัพย์ 5 พันล้านปอนด์ จากการจัดอันดับของบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ในขณะที่อีเดนส์ มีสินทรัพย์ 0.86 พันล้านปอนด์ จากการจัดอันดับของฟอร์บส์ (Forbes)

เบรนท์ฟอร์ด – บริษัทรับพนันถูกกฎหมาย

นับตั้งแต่เบรนท์ฟอร์ดเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2021/22 พวกเขาเอาตัวรอดอยู่ในลีกสูงสุดแบบสบาย ๆ 2 ซีซั่นติดต่อกันแล้ว ซึ่งนักพนันอย่างแมทธิว เบนแฮม คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสโมสรนี้

หลังลาออกจาก Premier Bet บริษัทของโทนี่ บลูม (เจ้าของทีมไบรท์ตันในปัจจุบัน) เบนแฮมได้ตั้งบริษัทพนันของตัวเอง ในชื่อ SmartOdds จากนั้นได้ไปซื้อกิจการของ Matchbook ซึ่งเป็นบริษัทพนันเช่นเดียวกัน

จุดเริ่มต้นสู่การเป็นเจ้าของ “เดอะ บีส์” เกิดขึ้นในปี 2006 จากการเป็นนายทุนลับให้ Bees United กลุ่มแฟนบอลของสโมสร ซื้อทีมและชำระหนี้จากรอน โนเดส เข้ามาถือหุ้น และบริหารเต็มตัวตั้งแต่ปี 2012

การบริหารของเบนแฮม ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดนักเตะ ซื้อมาถูก ขายออกไปแพงอยู่หลายดีล เช่น โอนลี่ วัตกิ้นส์, ซาอิด เบนราห์มา เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นเจ้าของทีมมิดทิลแลนด์ ในลีกเดนมาร์ก

ไบรท์ตัน – บริษัทรับพนันถูกกฎหมาย

ไบรท์ตัน สโมสรที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เข้าร่วมฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งมา 122 ปี ต้องยกเครดิตให้กับโทนี่ บลูม เซียนพนันที่ได้วางรากฐาน และสู้กับทีมยักษ์ใหญ่เงินทุนหนาแบบน่าเหลือเชื่อ

บลูม ได้เปิดตัว Premier Bet บริษัทแรกที่ทำธุรกิจด้านการพนัน ซึ่งมีพนักงานคนสำคัญคือ แมทธิว เบนแฮม เจ้าของทีมเบรนฟอร์ดในปัจจุบัน ก่อนจะเปลี่ยนสถานะจากเจ้านาย-ลูกน้อง มาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ

ต่อมาในปี 2006 บลูมแยกไปเปิดบริษัทด้านการพนันที่ชื่อว่า Starlizard บทบาทของเขาคือเป็นที่ปรึกษา และวิเคราะห์ให้กับลูกค้า เพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจเลือกเดิมพันที่ได้เปรียบที่สุด และสามารถทำเงินได้

ด้วยความที่บลูม เกิดและเติบโตที่ไบรท์ตัน และเป็นแฟนบอลของไบรท์ตันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก อีก 3 ปีต่อมา เขาตัดสินใจทุ่มเงิน 93 ล้านปอนด์ ซื้อหุ้นของ “เดอะ ซีกัลส์” สมัยที่ยังอยู่ในระดับลีก วัน (ดิวิชั่น 3)

บอร์นมัธ – ประกันภัย, สื่อบันเทิง, สนามกอล์ฟ และโรงแรม

เมื่อปลายปี 2022 บอร์นมัธ คือทีมล่าสุดที่มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมรายใหม่ โดย บิลล์ โฟลี่ย์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน ได้ซื้อสโมสรต่อจากมักซิม เดมิน นักธุรกิจชาวรัสเซีย ด้วยราคาประมาณ 120 ล้านปอนด์

โฟลี่ย์ ดำรงตำแหน่งประธานของ Fidelity National Financial บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ในฟลอริด้า ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งติดอันดับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของ Fortune 500 Companies

นอกจากจะลงทุนด้านสื่อบันเทิง, สนามกอล์ฟ และโรงแรมแล้ว โฟลี่ย์ ยังเป็นเจ้าของทีมเวกัส โกลเด้น ไนท์ส ที่เพิ่งคว้าแชมป์ลีกฮอกกี้ NHL เมื่อเร็วๆ นี้ อีกทั้งยังได้ซื้อหุ้นของสโมสรลอริยองต์ ในลีกเอิง ฝรั่งเศส

แม้ “เดอะ เชอรี่ส์” จะอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุด เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่โฟลี่ย์ ตัดสินใจปลดแกรี่ โอนีล ออกจากตำแหน่งกุนซือ และแต่งตั้งอันโดนี่ อิราโอล่า เฮดโค้ชชาวสเปน เพื่อเป้าหมายไปเล่นฟุตบอลยุโรป

เบิร์นลีย์ – บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินในสหรัฐอเมริกา

แชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพ จากฤดูกาลที่แล้ว ปัจจุบันบริหารงานโดย ALK Capital กลุ่มทุนจากสหรัฐอเมริกา นำโดย อลัน เพซ ที่เข้ามาซื้อกิจการของสโมสร ในเดือนธันวาคม 2020 ในราคา 150 ล้านปอนด์

สำหรับ ALK Capital ตั้งอยู่ในนิว ยอร์ก เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินให้กับลูกค้ารายใหญ่อย่างเลห์แมน บราเธอร์ส และซิติ กรุ๊ป และตัวของอลัน เพซ ก็เคยบริหารทีมเรียล ซอลต์ เลค ในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์อยู่ 2 ปี

ช่วงที่เบิร์นลี่ย์ยังอยู่ในพรีเมียร์ลีก ใช้เงินลงทุนไปไม่น้อย อีกทั้งยังต้องกู้เงินจากธนาคารเป็นจำนวน 65 ล้านปอนด์ และเมื่อพวกเขาตกชั้นจากลีกสูงสุดในซีซั่น 2021/22 การเงินของสโมสรก็ได้รับผลกระทบ

แต่ด้วยมันสมองที่ชาญฉลาดของแว็งซองต์ กอมปานี ผู้จัดการทีม “เดอะ คลาเร็ตส์” ก็ช่วยให้สโมสรเอาตัวรอดจากวิกฤต พาทีมคัมแบ็กสู่พรีเมียร์ลีก ส่งผลถึงการเงินที่กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในที่สุด

เชลซี – บริษัทจัดการสินทรัพย์

ท็อดด์ โบห์ลี่ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เข้ามาเทกโอเวอร์เชลซีเมื่อปี 2022 หลังจากโรมัน อบราโมวิช นักธุรกิจชาวรัสเซีย ถูกบังคับให้ขายสโมสร เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษประกาศคว่ำบาตร กรณีรัสเซียบุกยูเครน

โบห์ลี่ มีหุ้นส่วนรายสำคัญที่มาร่วมลงทุน คือ Clearlake Capital บริษัทด้านการลงทุนที่ตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีบีฮ์ดาด เอ็กห์เบลี่ เป็นผู้บริหารของบริษัท มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับ Clearlake Capital มีลูกค้ารายสำคัญที่ได้เข้าไปดูแลสินทรัพย์ นั่นคือ กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ หรือ PIF ของซาอุดีอารเบีย ซึ่งเป็นกลุ่มทุนที่ไปเทคโอเวอร์สโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด คู่แข่งร่วมพรีเมียร์ลีก

นอกจากจะเป็นเจ้าของทีมเชลซีแล้ว โบห์ลี่ยังเป็นเจ้าของทีมกีฬาในอเมริกา คือ ลอส แอนเจลิส ดอดเจอร์ส ในเมเจอร์ลีก เบสบอล รวมทั้งถือหุ้นในลอส แอนเจลิส เลเกอร์ส ทีมบาสเกตบอลชื่อดังของ NBAด้วย

คริสตัล พาเลซ – บริษัทจัดการการลงทุน, อสังหาริมทรัพย์, สื่อและบันเทิง

เจ้าของทีมคริสตัล พาเลซ ในปัจจุบัน มีทั้งหมด 4 คน เริ่มจาก สตีฟ แพริช นักธุรกิจชาวอังกฤษ อดีตผู้ก่อตั้ง TAG Worldwide บริษัทสื่อโฆษณา และเป็นแกนนำในการซื้อสโมสร “ปราสาทเรือนแก้ว” เมื่อปี 2010

จอร์ช ฮาริส ผู้ก่อตั้ง Apollo Global Management บริษัทจัดการการลงทุนในหุ้นภาคเอกชน และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นเจ้าของทีมฮอกกี้ นิว เจอร์ซีย์ เดวิลส์ และทีมบาสเกตบอล NBA ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส 

เดวิด บลิทเซอร์ เคยอยู่ใน Blackstone Group บริษัทจัดการการลงทุนเช่นเดียวกับ Apollo Global Management นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของทีมนิว เจอร์ซีย์ เดวิลส์ และฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส ร่วมกับฮาริสอีกด้วย

ปิดท้ายที่จอห์น เท็กซ์เตอร์ เคยเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทสื่อและบันเทิง และเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลโบตาโฟโก้ ในบราซิล, อาร์ดับเบิ้ลยูดี โมเลนบีค ในเบลเยียม และล่าสุดคือโอลิมปิก ลียง ในฝรั่งเศส

เอฟเวอร์ตัน – เหมืองแร่ และโทรคมนาคม

ฟาฮัด โมชิริ นักธุรกิจชาวอังกฤษเชื้อสายอิหร่าน เข้ามาเทกโอเวอร์เอฟเวอร์ตันเมื่อปี 2016 ด้วยความทะเยอทะยานที่ต้องการเห็นสโมสรประสบความสำเร็จ แต่ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา คือการลงทุนที่สูญเปล่า

โมชิริ ได้รู้จักกับอลิเซอร์ อุสมานอฟ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เจ้าของ USM Holdings บริษัทที่ลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่ และโทรคมนาคม โดยนั่งในตำแหน่งประธานบริษัท พร้อมได้รับหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ USM ยังถือลิขสิทธิ์สนามซ้อมฟินซ์ ฟาร์ม ของเอฟเวอร์ตัน แต่ในปี 2022 อุสมานอฟ ถูกรัฐบาลอังกฤษสั่งอายัดทรัพย์สิน หลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน และถูกบีบให้ถอนการสนับสนุนออกไป

สถานการณ์ของเอฟเวอร์ตันในเวลานี้ กำลังมองหาเงินทุนที่จะเข้ามาช่วยเหลือสโมสร เพื่อสานต่อโครงการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ อีกทั้งต่อสู้เพื่ออยู่รอดในพรีเมียร์ลีก และกฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ (FFP) 

ฟูแล่ม – ชิ้นส่วนยานยนต์

เมื่อเดือนกรกฎาคม 2013 ซาฮิด ข่าน นักธุรกิจอเมริกันเชื้อสายปากีสถาน ได้เจรจาเทคโอเวอร์ฟูแล่ม ต่อจากโมฮาเหม็ด อัล ฟาเยด มหาเศรษฐีชาวอียิปต์ ปัจจุบันให้โทนี่ ข่าน ลูกชายของเขาบริหารงานแทน

แหล่งทำเงินของซาฮิด ข่าน คือการเป็นเจ้าของ Flex-N-Gate บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของอเมริกา ที่ซื้อกิจการต่อจากอดีตเจ้านายของตัวเองเมื่อปี 1980 ปัจจุบันนี้บริษัทของเขามีโรงงานอยู่ 69 แห่งทั่วโลก

นอกจากจะทำธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์แล้ว ซาฮิด ข่าน ยังเป็นเจ้าของทีมแจ็คสันวิลล์ จากัวร์ ในอเมริกันฟุตบอล (NFL) และเป็นเจ้าของร่วมในสมาคมมวยปล้ำ All Elite Wresting (AEW) ร่วมกับโทนี่ ลูกชายของเขา

ในปี 2018 ซาฮิด ข่าน เคยตกเป็นข่าวฮือฮา ด้วยการยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อสนามเวมบลีย์ มูลค่า 600 ล้านปอนด์ แต่ภายหลังเจ้าตัวขอถอนข้อเสนอออกไป เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดกระแสต่อต้านจากแฟนบอล

ลิเวอร์พูล – สิ่อโทรทัศน์, ถั่วเหลือง และเจ้าของหนังสือพิมพ์

Fenway Sports Group (FSG) นำโดยจอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ และ ทอม เวอร์เนอร์ ซื้อสโมสรลิเวอร์พูล ด้วยมูลค่า 300 ล้านปอนด์ ในปี 2010 ปัจจุบันมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 10 เท่า จากความสำเร็จทั้งในและนอกสนาม

เวอร์เนอร์ ทำธุรกิจสื่อโทรทัศน์ เคยผลิตรายการที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น The Cosby Show, 3rd Rock From The Sun และ That 70s Show อีกทั้งเคยเป็นเจ้าของทีมซาน ดิเอโก้ พาเดรส ในเมจอร์ลีก เบสบอล (MLB)

ส่วนเฮนรี่ ครอบครัวของเขาทำไร่ถั่วเหลือง, ก่อตั้ง JW Henry & Co ทำระบบ Mechanical tradingรวมถึงเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ Boston Globe ที่มีลินดา พิซซูติ ภรรยาของจอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ เป็นกรรมการผู้จัดการ

ปัจจุบัน FSG เป็นเจ้าของทีมบอสตัน เรด ซอกซ์ ในเมจอร์ลีก เบสบอล (MLB) โดยเมื่อปลายปี 2022 เคยตกเป็นข่าวว่าจะขายสโมสรลิเวอร์พูล แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนเป็นการหาผู้ร่วมทุนแทน

ลูตัน ทาวน์ – แฟนบอลของสโมสร

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/LutonTown

ในฤดูกาลใหม่ที่จะถึงนี้ ลูตัน ทาวน์ คือสโมสรลำดับที่ 51 ของอังกฤษ ที่จะได้สัมผัสบรรยากาศลีกสูงสุดในยุค “พรีเมียร์ลีก” แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดสุดยอดปิระมิด พวกเขาเคยตกลงไปเล่นนอกลีกอาชีพเมื่อ 14 ปีที่แล้ว

ช่วงกลางฤดูกาล 2007/08 แฟนบอลกลุ่มหนึ่งของสโมสรที่มีกำลังทรัพย์ ประกาศก่อตั้งบริษัท Luton Town 2020 จำกัด โดยถือหุ้นในบริษัท 50,000 หุ้น และมีสิทธิ์ที่จะยับยั้งการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของสโมสร

ก่อนเริ่มต้นซีซั่นต่อมา (2008/09) “เดอะ แฮตเตอร์ส” ทีมในลีก ทู (ดิวิชั่น 4) ในเวลานั้น ถูกตรวจพบความผิดปกติทางการเงินย้อนหลังหลายปี จากอดีตเจ้าของทีมคนก่อนๆ ทำให้ถูกตัด 30 แต้ม และตกชั้นหลังจบซีซั่น

การที่ไม่มีนายทุนเข้ามาซื้อสโมสร ทำให้ลูตัน ทาวน์ มีข้อจำกัดทางด้านการเงิน เพราะค่าใช้จ่ายในการบริหารทีมจะสูงกว่าตอนที่อยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพ แต่ก็มีบางทีมที่แสดงให้เห็นแล้วว่า สามารถเอาตัวรอดในพรีเมียร์ลีกได้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – บริษัทน้ำมัน, การขนส่ง, และการท่องเที่ยว

เมื่อปี 2008 ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นายาน สมาชิกราชวงศ์อาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเจ้าของ Abu Dhabi United Group ทุ่มเงิน 200 ล้านปอนด์ เข้าเทกโอเวอร์สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้

แหล่งรายได้หลักของชีค มานซูร์ คือ บริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (Abu Dhabi National Oil Company : ADNOC) ทำธุรกิจผลิตน้ำมันดิบ แต่ก็มีการลงทุนในแหล่งอื่น ๆ เช่น ธุรกิจการขนส่ง และธุรกิจการท่องเที่ยว

ต่อมาในปี 2013 แมนฯ ซิตี้ ได้ก่อตั้งบริษัทโฮลดิ้ง ในชื่อ City Football Group (CFG) โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นคือ Abu Dhabi United Group (81 เปอร์เซนต์), Silver Lake (18 เปอร์เซนต์) และ CITIC Group (1 เปอร์เซนต์)

งานหลักของ CFG คือการไปซื้อกิจการของสโมสรฟุตบอลขนาดกลางหรือเล็ก ด้วยโมเดล “มัลติ-คลับ” เพื่อแบ่งปัน หมุนเวียนทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ร่วมกัน ปัจจุบันมีพันธมิตรกับ 12 สโมสร จากทุกทวีปทั่วโลก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – อสังหาริมทรัพย์ และศูนย์การค้าในสหรัฐอเมริกา

ในเวลานี้ เกลเซอร์ แฟมิลี่ ยังคงเป็นเจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ครอบครองมาตั้งแต่ปี 2005 ยกเว้นจะมีการตัดสินใจขายสโมสรไปให้ชีค ยาสซิม หรือเซอร์จิม แรดคลิฟฟ์ ซึ่งยืดเยื้อมาแล้วหลายเดือน

มัลคอล์ม เกลเซอร์ เป็นแกนนำในการเทคโอเวอร์สโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด เคยทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ แต่หลังจากเสียชีวิตในอีก 9 ปีต่อมา บรรดาลูก ๆ ของเขาก็เข้ามาบริหารสโมสรต่อจากคุณพ่อ

ธุรกิจอื่นๆ ที่ทำเงินให้ครอบครัวเกลเซอร์ คือการเป็นเจ้าของพื้นที่ศูนย์การค้าระดับพรีเมียมที่มีมากกว่า 6.7 ล้านตารางฟุตทั่วสหรัฐฯ และยังเป็นเจ้าของทีมแทมป้าเบย์ บัคคาเนียร์ ในอเมริกันฟุตบอล NFL

ตลอด 18 ปี ในการบริหารของเกลเซอร์ แฟมิลี่ ไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ปีศาจแดง เพราะมองว่าไม่เคยลงทุนกับสโมสรเลย อีกทั้งมีประเด็นการเข้าร่วมยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก จนเกิดการประท้วงอย่างรุนแรง

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด – บริษัทน้ำมัน, ลีกฟุตบอล

เมื่อเดือนตุลาคม 2021 กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ หรือ PIF จากซาอุดีอารเบีย ประกาศเทกโอเวอร์นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จากไมค์ แอชลี่ย์ ที่ครอบครองสโมสรมานานถึง 14 ปี ด้วยมูลค่า 300 ล้านปอนด์

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/newcastleunited

โดยบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่กองทุน PIF คือ ยาซีร์ อัล รูมายัน และมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอารเบีย เป็นกองทุนที่สนับสนุนหลายโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

รายได้มหาศาลของกองทุน PIF มาจากแหล่งน้ำมันดิบสำรองขนาดใหญ่ลำดับต้น ๆ ของโลก แต่ในอนาคตน้ำมันย่อมมีวันหมด กองทุนนี้จึงต้องหารายได้ทางอื่นเพิ่ม เช่น การลงทุนในต่างประเทศ, ดอกเบี้ยเงินกู้ เป็นต้น

นอกจากนี้ กองทุน PIF ยังได้เข้าไปถือหุ้น 4 สโมสรฟุตบอลในซาอุ โปร ลีก ได้แก่ อัล นาสเซอร์ ทีมของคริสเตียโน่ โรนัลโด้, อัล อิตติฮัด ทีมของคาริม เบนเซม่า, อัล อาห์ลี และอัล ฮิลาล สโมสรละ 75 เปอร์เซนต์

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ – เรือบรรทุกน้ำมัน และเรือคอนเทนเนอร์

ในช่วงกลางปี 2017 เอวานเจลอส มารินาคิส นักธุรกิจชาวกรีซ เข้าซื้อสโมสรน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ จากตระกูลอัล-ฮาซาวี มหาเศรษฐีชาวคูเวต โดยเมื่อซีซั่นที่แล้ว ได้กลับคืนสู่พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี

รายได้หลักของมารินาคิส มาจากการก่อตั้ง Capital Maritime & Trading บริษัทที่ทำกิจการเรือบรรทุกน้ำมัน และเรือคอนเทนเนอร์หลายสิบลำ รวมถึงอยู่ในวงการสื่อ ด้วยการเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์หลายช่อง

นอกจากนี้ มารินาคิสได้เข้าสู่การเมือง โดยเป็นสมาชิกสภาเมืองปิเรอุส เมืองในเขตชานกรุงเอเธนส์ และได้ดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือปิเรอุส ให้เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นจุดหมายปลายทางของเรือสำราญ

นอกจากจะบริหารทีม “เจ้าป่า” แล้ว มารินาคิส ยังได้ซื้อโอลิมเปียกอส สโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในลีกบ้านเกิด ตั้งแต่ปี 2010 โดยยุคที่เขาเป็นเจ้าของสโมสร คว้าแชมป์ซูเปอร์ลีก 7 ซีซั่นติดต่อกัน

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด – บริษัทผลิตกระดาษชำระ

ปี 2013 อับดุลลาห์ บิน มูซาอัด บิน อับดุลาซิซ อัล ซาอัด เข้ามาซื้อหุ้นเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 50 เปอร์เซ็นต์ จากเควิน แมคเคบ ก่อนที่อีก 5 ปีต่อมา เจ้าชายจากซาอุดีอารเบีย ได้ควบคุมกิจการของสโมสรแบบเต็มตัว

รายได้ของเจ้าชายอับดุลลาห์ มาจากบริษัทผลิตกระดาษในซาอุดีอารเบีย, ที่มีผลิตภัณฑ์อย่างกระดาษชำระ, ม้วนกระดาษชำระ และผ้ากันเปื้อน ซึ่งจะนำสินค้าเหล่านี้ไปขายทั่วตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ

นอกจากจะครอบครอง “ดาบคู่” แล้ว เจ้าชายอับดุลลาห์ ยังเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลอย่างแบร์ช็อต ในลีกเบลเยียม, เกราล่า ยูไนเต็ด ในลีกอินเดีย, อัล-ฮิลาล ยูไนเต็ด ในลีกยูเออี และชาโตรูซ์ ในลีกฝรั่งเศส

อย่างไรก็ตาม เจ้าชายอับดุลลาห์ มีความต้องการที่จะขายสโมสร แม้ว่าเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดจะได้เลื่อนชั้นกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกก็ตาม ซึ่งโดซี่ เอ็มโมบูโอซี่ นักธุรกิจชาวไนจีเรีย เคยยื่นข้อเสนอมาแล้ว แต่ไม่เป็นผล

ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ – นักค้าสกุลเงิน, ซอฟท์แวร์ และความบันเทิง

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/TottenhamHotspur

เจ้าของทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ คนปัจจุบัน คือ โจ ลูอิส นักธุรกิจชาวอังกฤษ ผู้ก่อตั้ง ENIC Group บริษัทด้านการลงทุน ที่เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 27 เปอร์เซ็นต์ จากเจ้าของเดิมอย่างเซอร์อลัน ชูการ์ ตั้งแต่ปี 1991

วันที่ 16 กันยายน ปีถัดมา เกิดเหตุการณ์ Black Wednesday หรือวิกฤตค่าเงินปอนด์ในสหราชอาณาจักรที่อ่อนค่าลง จนต้องถอนตัวจากกลไกอัตราแลกเปลี่ยนของยุโรป (ERM) ลูอิส ในฐานะนักค้าสกุลเงิน ทำเงินได้ประมาณ 1 พันล้านปอนด์

ENIC Group ได้ลงทุนกับทีมฟุตบอลหลายสโมสร เช่น สลาเวีย ปราก ของเช็ก, เรนเจอร์ส ของสกอตแลนด์ และเออีเค เอเธนส์ ของกรีซ อีกทั้งยังลงทุนในด้านธุรกิจซอฟท์แวร์, ความบันเทิง และธุรกิจอื่น ๆ

ปี 2001 แดเนียล เลวี่ เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานสโมสร และในปี 2007 ลูอิสได้ซื้อหุ้นจากชูการ์ที่เหลืออยู่ 12 เปอร์เซ็นต์ ก่อนครอบครองสเปอร์สแบบเบ็ดเสร็จ ปัจจุบัน ENIC Group ถือหุ้นอยู่ที่ 85 เปอร์เซ็นต์

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด – นิตยสารเรท R และอสังหาริมทรัพย์

ปี 2010 เดวิด โกลด์ และเดวิด ซัลลิแวน ร่วมกันเทกโอเวอร์เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หลังจากขายสโมสรเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ที่ครองมาตั้งแต่ปี 1993 ให้กับคาร์สัน หยาง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านั้น

รายได้ของโกลด์ ได้จากธุรกิจที่เกี่ยวกับนิตยสารสำหรับผู้ใหญ่ (Restricted) อย่างเช่น Sunday Sport แท็บลอยด์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการนำเสนอภาพโป๊เปลือย ส่วนซัลลิแวนมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

เดือนพฤศจิกายน 2021 แดเนียล เครตินสกี้ นักธุรกิจชาวเช็ก เจ้าของ EPH บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของประเทศ ซื้อหุ้นของเวสต์แฮม 27 เปอร์เซ็นต์ พร้อมดึงนักเตะร่วมชาติ 3 คน คือ โธมัส ซูเซ็ค, วลาดิเมียร์ คูฟาล และอเล็กซ์ คราล

เดวิด โกลด์ เสียชีวิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมาด้วยวัย 86 ปี ทำให้หุ้นจำนวน 25.1 เปอร์เซ็นต์ ตกเป็นของทายาทของเขา โดยเดวิด ซัลลิแวน ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดที่ 38.8 เปอร์เซ็นต์ และมีนักลงทุนรายอื่น ๆ อีก 9.1 เปอร์เซนต์

วูล์ฟแฮมตัน – แฟชั่น, ยา, ค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์

ในปี 2016 โฟซุน อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มทุนจากประเทศจีน นำโดยกั๋ว กวงชาง ได้เข้ามาซื้อกิจการของวูล์ฟแฮมป์ตัน ทีมลีกแชมเปี้ยนชิพ (ในขณะนั้น) ต่อจากสตีฟ มอร์แกน ด้วยมูลค่าราว 30 ล้านปอนด์

โฟซุน อินเตอร์เนชั่นแนล มีรายได้จากธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร, แฟชั่น, ค้าปลีก, อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงเป็นผู้พัฒนาและทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในนามของโฟซุน ฟาร์มาซูติคอล เมื่อ 3 ปีก่อน

นับตั้งแต่เทคโอเวอร์วูล์ฟแฮมตัน โฟซุน กรุ๊ป ได้ทุ่มเงินให้กับทีมชุดใหญ่ และมีความทะเยอทะยานอย่างสูงที่จะเปลี่ยนสโมสรดังจากย่านเวสต์ มิดแลนด์ ให้เป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ในด้านแฟชั่น, อีสปอร์ต และอื่น ๆ

เดือนตุลาคม 2021 โฟซุนฯ ขายหุ้นบางส่วนให้กับ PEAK6 บริษัทจัดการการลงทุนของสหรัฐอเมริกา และมีข่าวลือว่ากำลังมองหาผู้ร่วมลงทุนใหม่เพิ่มเติม เพื่อให้วูล์ฟแฮมตันสามารถสู้กับทีมอื่น ๆ ในพรีเมียร์ลีก 

เรียบเรียง : จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

– https://theathletic.com/4545002/2023/07/16/premier-league-owners-money/

Categories
Special Content

ดีแคลน ไรซ์ นักเตะอิงลิชค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีก

ตลาดนักเตะซัมเมอร์ปีนี้ มีดีลที่เรียกเสียงฮือฮาเกิดขึ้น เมื่ออาร์เซน่อล ยอมทุ่มเงินทุบสถิติสโมสร 100 ล้านปอนด์ (แอดออน 5 ล้านปอนด์) ดึงตัวดีแคลน ไรซ์ กองกลางทีมชาติอังกฤษจากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด

มิดฟิลด์ตัวรับอนาคตไกลวัย 24 ปี รายนี้ กลายเป็นแข้งเลือดผู้ดีที่มีค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีก แซงหน้าแจ็ค กรีลิช ที่ย้ายจากแอสตัน วิลล่า มาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2021

ไรซ์ เป็นนักเตะรายที่ 3 ของอาร์เซนอล ที่เสริมทัพในช่วงหน้าร้อนปี 2023 ใช้เงินไปร่วม 200 ล้านปอนด์ ต่อจาก ไค ฮาแวตซ์ จากเชลซี 65 ล้านปอนด์ และยูเลี่ยน ทิมเบอร์ จากอาแจกซ์ 34 ล้านปอนด์

ถูกเชลซีปล่อยตัวจากอดาเดมี่

ดีแคลน ไรซ์ เกิดเมื่อ 14 มกราคม 1999 ที่คิงสตัน อัพอน เทมส์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังด้วยการเข้าไปอยู่ในทีมเยาวชนของเชลซี เมื่อปี 2006 ขณะอายุได้ 7 ขวบ

ช่วงเวลาที่เจ้าหนูไรซ์ได้เข้ามาอยู่กับอคาเดมี่ของเชลซี เป็นช่วงที่โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เพิ่งเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรได้ไม่นาน และมีโชเซ่ มูรินโญ่ รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมชุดซีเนียร์

อย่างไรก็ตาม ในปี 2013 หลังจากที่ไรซ์อยู่กับอคาเดมี่ของเชลซีนานถึง 7 ปี เขาได้รับแจ้งมาว่าต้องออกไปจากสโมสร ทำให้รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพต่อไป

ไรซ์ ให้สัมภาษณ์กับ Sky Sports ว่า “ผมต้องเอาชนะความผิดหวังครั้งใหญ่ หลังเชลซีปล่อยตัวออกจากอคาเดมี่ ผมฝึกซ้อมเป็นประจำทุกวัน แล้วมีคนมาบอกว่าผมไม่ได้ไปต่อกับที่นี่ มันน่าตกใจอย่างมาก”

“ผมรู้ดีว่ามันยาก แต่ตอนเด็กผมอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ไม่มีอะไรมาหยุดความฝันของผมได้ ผมมีแรงผลักดันและอยากจะทำงานให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมต้องย้ายออกจากบ้าน และเริ่มต้นชีวิตใหม่”

สถานีต่อไปของไรซ์คือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมคู่แข่งร่วมเมืองหลวง โดยอยู่ในทีมเยาวชนเป็นเวลา 2 ปี ก่อนก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ตำนานบทใหม่ของเขากับสโมสรจากลอนดอนฝั่งตะวันออก กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

ช่วงเวลาที่ดีกับเดอะ แฮมเมอร์ส

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/WestHam

เมื่ออายุได้ 16 ปี ดีแคลน ไรซ์ ได้รับสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยเล่นกับทีมชุดสำรองอยู่ 1 ซีซั่น ก่อนที่จะได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในซีซั่น 2016/17 ฐานะตัวสำรองในเกมที่พบกับเบิร์นลี่ย์

ฤดูกาล 2017/18 และ 2018/19 ไรซ์ได้ลงเล่นสม่ำเสมอ ภายใต้กุนซือ 3 คน ทั้งสลาเวน บิลิช, เดวิด มอยส์ และมานูเอล เปเยกรินี่ ฟอร์มการเล่นยังไม่โดดเด่นมากนัก ผลงานของทีมจบในอันดับ 13 และ 10 ตามลำดับ

จนกระทั่งในเดือนธันวาคม 2019 เวสต์แฮม ตัดสินใจปลดเปเยกรินี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้แต่งตั้งเดวิด มอยส์ กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง และนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญของสโมสรอย่างแท้จริง

การคัมแบ็กของกุนซือชาวสกอตแลนด์ ช่วยให้เกมรับของเวสต์แฮมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งปลุกศักยภาพของไรซ์ ให้ฉายแววเก่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนพาทีมขุนค้อนทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรป 2 ฤดูกาลติดต่อกัน

และในฤดูกาล 2022/23 คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของไรซ์ ในการเป็นกัปตันทีมผู้พาเดอะ แฮมเมอร์ส คว้าแชมป์ยุโรปใบเล็กสุดอย่าง คอนเฟอเรนซ์ ลีก ซึ่งถือเป็นการได้ชูโทรฟี่เป็นรายการแรกในรอบ 43 ปีของสโมสร

“เขา (เดวิด มอยส์) เข้ามาช่วยทีมเราถึงสองครั้ง จากนั้นก็ได้ไปฟุตบอลถ้วยยุโรป 2 ปีติดต่อกัน และตอนนี้ก็คว้าแชมป์ได้แล้ว เขาคือผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดตลอดกาลของเวสต์แฮม” ไรซ์ กล่าวกับ BT Sport

ผลงานของไรซ์ ตลอดเวลา 7 ฤดูกาลที่อยู่กับทีมซีเนียร์ของเวสต์แฮม ยิงได้ 15 ประตู 13 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 245 นัด รวมทุกรายการ ปิดตำนานอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะเป็นนักเตะใหม่ของอาร์เซน่อลในที่สุด

อาร์เตต้า จะใช้งานไรซ์อย่างไร

มิเกล อาร์เตต้า เฮดโค้ชอาร์เซน่อล ได้ลั่นวาจาไว้ว่า ต้องการตัวดีแคลน ไรซ์ มาให้ได้ แม้จะมีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วมแจมแย่งตัวด้วย แต่เป็นเดอะ กันเนอร์ส ที่กัดฟันยอมทุ่มเงินมหาศาลแตะหลัก 100 ล้านปอนด์

การมาของไรซ์ สิ่งแรกที่อาร์เตต้าจะได้รับอย่างแน่นอนคือ “ความเป็นผู้นำ” เพราะเขารับหน้าที่กัปตันทีมตั้งแต่อยู่ในทีมสำรองของเวสต์แฮม ก่อนจะเป็นกัปตันทีมชุดใหญ่เต็มตัวแทนมาร์ค โนเบิ้ล ที่ประกาศเลิกเล่น

ตำแหน่งการเล่นหลักของไรซ์คือ “มิดฟิลด์ตัวรับ” ยืนต่ำสุดในแดนกลางทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ ซึ่งมีโอกาสค่อนข้างสูงในการเข้ามาเสียบแทนโธมัส ปาร์เตย์ ที่เล่นในตำแหน่งนี้ได้ดีมาเกือบตลอดซีซั่นที่แล้ว

สถิติจากฤดูกาล 2022/23 ไรซ์ มีสถิติการตัดบอลจากคู่แข่ง (Interceptions) 63 ครั้ง มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก เหนือกว่าปาร์เตย์ นักเตะอาร์เซน่อลที่ตัดบอลมากที่สุดในทีม 28 ครั้ง หรือแตกต่างกันมากกว่า 2 เท่า

ส่วนสถิติอื่นๆ ในเกมรับ อย่างเช่น แย่งบอลกลับคืน (Possesion won) มากที่สุด 334 ครั้ง, ถูกคู่แข่งเลี้ยงผ่านน้อยที่สุด เฉลี่ย 0.6 ครั้งต่อเกม อีกทั้งชนะการดวลตัวต่อตัว 58.3 เปอร์เซ็นต์ ติดท็อป 5 ของพรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อลคือทีมที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากสมัยอยู่กับเวสต์แฮม ทำให้ไรซ์ต้องเพิ่มสกิลมากขึ้น จากเดิมที่เป็นโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ มาเป็นแบบ “บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์” และจังหวะการเล่นเร็วขึ้นกว่าเดิม

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/Arsenal

ซึ่งในจุดนี้ ตัวของไรซ์เองก็พัฒนามากขึ้นในฤดูกาลที่แล้ว เพราะเขาสัมผัสบอลในพื้นที่สุดท้าย (Final-third) เฉลี่ย 12.4 ครั้ง ต่อเกม และยิงได้ 4 ประตูในพรีเมียร์ลีก มากที่สุดต่อซีซั่น นับตั้งแต่เล่นในระดับอาชีพ

ด้านการจ่ายบอล ไรซ์ทำได้ 2,083 ครั้ง ในจำนวนนี้เป็นการจ่ายบอลขึ้นด้านหน้า 51 ครั้ง สะท้อนว่า ไรซ์นิยมการจ่ายบอลออกด้านข้างมากกว่า ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์กับบูกาโย่ ซาก้า และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่

อาร์เซน่อล ละเมิดกฎ FFP หรือไม่

การซื้อนักเตะของอาร์เซน่อล ถ้านับเฉพาะช่วงซัมเมอร์ 3 รอบล่าสุด (2021-2023) ใช้เงินไปแล้วกว่า500 ล้านปอนด์ คำถามที่ตามมาก็คือ “เดอะ กันเนอร์ส” กำลังสุ่มเสี่ยงที่จะละเมิดกฎไฟแนนเชี่ยล แฟร์เพลย์ หรือไม่

สำหรับกฎ FFP ของยูฟ่าที่มีการปรับปรุงใหม่ จะกำหนดเพดานของแต่ละสโมสร ในการใช้เงินจ่ายค่าตัวนักเตะ, ค่าจ้าง และค่าเอเย่นต์ เป็นเปอร์เซนต์ของรายได้ ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่ฤดูกาล 2022/23 ที่ผ่านมา

เมื่อซีซั่นที่แล้ว ทุกสโมสรในยุโรป สามารถใช้เงินได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในซีซั่นปัจจุบัน (2023/24) จะลดเหลือ 90 เปอร์เซ็นต์, ซีซั่น 2024/25 เหลือ 80 เปอร์เซ็นต์ และซีซั่น 2025/26 เป็นต้นไป เหลือ 70เปอร์เซ็นต์

กฎ FFP เวอร์ชั่น 2.0 ยอมให้สโมสรขาดทุนเพิ่มจากเดิม 30 ล้านยูโร เป็น 60 ล้านยูโร ในรอบ 3 ปี ส่วนสโมสรในอังกฤษ จะอยู่ภายใต้กฎ P&S ของพรีเมียร์ลีก ที่ยอมให้ติดลบได้สูงสุด 105 ล้านปอนด์ ในรอบ 3 ปี ด้วยเช่นกัน

ในรอบปีบัญชี 2021/22 ระบุว่า อาร์เซน่อลขาดทุน 45.5 ล้านปอนด์ เป็นการติดลบ 4 ปีติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี 2018-19 (27.1 ล้านปอนด์), ปี 2019-20 (47.8 ล้านปอนด์) และปี 2020-21 (107.3 ล้านปอนด์)

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อลได้ประเมินรายรับตลอดซีซั่น 2022/23 คาดว่าน่าจะสูงถึง 419 ล้านปอนด์ ส่วนหนึ่งจากการกลับคืนสู่เวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, รายได้จากการถ่ายทอดสด รวมถึงรายได้จากแมตช์เดย์ที่มากขึ้น

คีแรน แม็กไกวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินฟุตบอล และผู้เขียนหนังสือ The Price Of Football วิเคราะห์ว่า “ผมไม่กังวลเกี่ยวกับการเงินของอาร์เซน่อลเลย แม้จะใช้เงินมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ซีซั่นที่แล้วก็มีรายได้เข้ามามาก”

“ถ้าดูจากค่าจ้างในปี 2022 อาร์เซน่อลจ่ายไปแค่ 58 เปอร์เซนต์ และสิ่งที่ผมได้เห็นตลอดช่วง 5-6 ฤดูกาลที่ผ่านมาคือ พวกเขาสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างดี แม้ว่าช่วงนั้นจะไม่เคยเข้าร่วมแชมเปี้ยนส์ ลีก เลยก็ตาม”

เมื่อฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อลเบียดกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาตลอดทาง ก่อนแผ่วลงช่วงท้ายซีซั่น การมาของดีแคลน ไรซ์ ในซีซั่นใหม่ พวกเขาย่อมหวังถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ห่างหายไปนานถึง 2 ทศวรรษ

เรียบเรียง : จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://theathletic.com/4652018/2023/07/15/declan-rice-arsenal-arteta-deal/

https://theathletic.com/4631250/2023/06/27/arsenal-rice-transfers-ffp/

https://theathletic.com/4646911/2023/06/29/why-declan-rice-transfer-is-vital-to-artetas-arsenal/

– https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-8258103/Declan-Rice-shocked-Chelsea-release-days-hinted-transfer-move.html

– https://www.premierleague.com/news/3572110

Categories
Special Content

วิวัฒนาการของฟูลแบ็ค สู่เทรนด์ที่มาแรงในฟุตบอลสมัยใหม่

แกรี เนวิลล์ กับ เจมี คาร์ราเกอร์ ตำนานกองหลังร่วมทศวรรษ 1990-2010 ซึ่งตอนนี้เลิกปะทะแข้งหันมาปะทะฝีปากกันในฐานะกูรูลูกหนังของค่ายสกาย สปอร์ตส์ เคยคุยกันขำๆว่า ฟุตบอลอาจใกล้หมดยุคฟูลแบ็คที่เล่นแต่เกมรับแล้ว และไม่แค่นั้น อดีตเซ็นเตอร์แบ็คลิเวอร์พูลวัย 45 ยังเอ่ยแซวอดีตฟูลแบ็คแมนฯยูไนเต็ดที่มีอายุมากกว่า 3 ปีว่า เด็กสมัยนี้คงไม่มีใครฝันอยากเดินตามรอยสตั๊ดแกรี เนวิลล์ กันแล้ว

คาริม ชาฮีน นักวิเคราะห์เกมอิสระของสื่อโททัล ฟุตบอล อนาไลซิส เคยให้ทรรศนะว่า ฟูลแบ็คน่าจะเป็นตำแหน่งในสนามฟุตบอลที่มีสีสันน้อยที่สุด อดีตกาลเคยมีผู้นิยามฟูลแบ็คแบบเหน็บแนมว่า เป็นนักฟุตบอลที่ไม่แข็งแกร่งสำหรับเซ็นเตอร์แบ็ค และไม่มีทักษะเพียงพอจะเล่นตำแหน่งปีก

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ถูกวิวัฒนาการไปมากตั้งแต่รอยต่อของศตวรรษที่ 20-21 หลายตำแหน่งได้รับการปรับแต่งและถูกเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ผู้รักษาประตูที่เล่นสวีปเปอร์, เซ็นเตอร์แบ็คที่บิลด์อัพเกม, ปีกตัดเข้าใน และฟอลส์ ไนน์ แต่ฟูลแบ็คยังทำหน้าที่เดิมๆเป็นส่วนใหญ่จนกระทั่งหนึ่งทศวรรษหลังจึงพบเห็นวิวัฒนาการอย่างมีนัยยะ และกลายเป็นเทรนด์ที่มาแรงในโมเดิร์นฟุตบอล

ชาฮีนพลิกปูมประวัติศาสตร์เล่าเพิ่มเติมว่า งานหลักของฟูลแบ็คคือเกมรับ สนับสนุนเซ็นเตอร์แบ็ค รักษาพื้นที่ป้องกันให้แคบที่สุด และคอยขวางไม่ให้ปีกฝ่ายตรงข้ามครอสบอลไปยังกรอบเขตโทษ ฮาเวียร์ ซาเนตติ และ เปาโล มัลดินี เป็นตัวอย่างของดีเฟนซีพ ฟูลแบ็ค ระดับโลก

ความจริงแล้ว โมเดิร์น ฟูลแบ็ค ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเพราะย้อนไปต้นทศวรรษ 1950 ฌาลมา ซานโตส และ นิลตัน ซานโตส ซึ่งไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกัน เคยลุยเปิดเกมบุกให้ทีมชาติบราซิลได้อย่างน่าทึ่งในเวิลด์คัพ 1958 หรือคู่ฟูลแบ็คแซมบาที่ยังอยู่ในความรับรู้ของแฟนบอลสมัยนี้คือ คาฟู กับ โรแบร์โต คาร์ลอส จากเวิลด์คัพ 2002 แต่ฟูลแบ็คเริ่มมีวิวัฒนาการให้เห็นเด่นชัดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันกลายเป็นชิ้นส่วนสำคัญของกลยุทธ์เกมรุก จนอาจเป็นผู้เล่นที่มีการเคลื่อนที่และถูกใช้งานสารพัดประโยชน์มากที่สุดบนสนามฟุตบอล

ประจักษ์พยานคือ ค่าตัวฟูลแบ็คเริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าจัดอันดับท็อป-10 เฉพาะดีลธุรกิจที่ทำตั้งแต่ปี 2016 ลูคัส เอร์นานเดซเป็นฟูลแบ็คราคาแพงที่สุดในโลกตอนนี้คือ 80 ล้านยูโรตอนที่บาเยิร์น มิวนิก ซื้อจากแอตเลติโก มาดริด เมื่อปี 2019 ตามด้วย มาร์ค กูกูเรยา ซึ่งเชลซีเพิ่งทุ่มเงิน 70.1 ยูโร ซื้อจากไบรท์ตันในตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้ว และ อาชราฟ ฮาคิมี 66.5 ล้านยูโร ที่ปารีส แซงต์-แยร์กแมง ซื้อเมื่อปี 2021 จากอินเตอร์ มิลาน โดยก่อนหน้านั้น ปี 2020 ทีมเนรัซซูรีเพิ่งซื้อฮาคิมีจากเรอัล มาดริด ที่ตัวเลข 43 ล้านยูโร รั้งอันดับ 10 ของตารางค่าตัว คือปีเดียว อินเตอร์ฯทำกำไรถึง 23,5 ล้านยูโร

อาร์เซนอลซื้อเซ็นเตอร์เพื่อเล่นฟูลแบ็ค

ตลาดซัมเมอร์รอบนี้ อาร์เซนอลได้ซื้อ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ปราการหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์จากอาแจ็กซ์ด้วยราคา 40 ล้านปอนด์ หลังจากได้ ไค ฮาเวิร์ทซ์ แนวรุกทีมชาติเยอรมนีของเชลซี มูลค่า 65 ล้านปอนด์ และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มิเกล อาร์เตตา จะได้ลูกทีมใหม่คนที่ 3 ที่ค่าตัวสูงลิ่ว 105 ล้านปอนด์คือ ดีแคลน ไรซ์ มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษจากเวสต์แฮม ถือเป็นการลงทุนเสริมขุมกำลังครั้งสำคัญของอาร์เซนอลที่ฟอร์มแผ่วปลายซีซันที่แล้ว ปล่อยให้แชมป์พรีเมียร์ลีกตกเป็นของแมนฯซิตี

ทิมเบอร์ กองหลังดาวรุ่งดัตช์ เคยตกเป็นข่าวแรงในตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้วเพราะเป็นเป้าหมายเบอร์แรกๆของ เอริก เทน ฮาก ที่เพิ่งอำลาอาแจ็กซ์มาคุมทีมแมนฯยูไนเต็ด แต่ทิมเบอร์เลือกค้าแข้งในลีกแดนกังหันลมต่ออีกหนึ่งปี

แม้อายุเพียง 22 ปีแต่ทิมเบอร์ลงสนามให้อาแจ็กซ์มาแล้วกว่า 200 นัด ถูกยกย่องเป็นกองหลังที่น่าจับตามอง เพียบพร้อมทั้งความแข็งแกร่งและความสุขุมเกินวัย แถมยังจ่ายบอลมากที่สุดในเอเรอดีวีซี ฤดูกาล 2022-23 ทั้งที่ยืนตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คตัวขวา

กูรูลูกหนังมองว่า การผ่านบอลเป็นทักษะอันดับ 1 ที่อาร์เซนอลพิจารณาดึงทิมเบอร์เข้าเอมิเรตส์ สเตเดียม โดยอ้างอิงจากสถิติด้าน passing ในลีกเนเธอร์แลนด์ซีซันที่แล้ว ทิมเบอร์สัมผัสบอลรวม 3,129 ครั้ง, จ่ายบอลคอมพลีท 2,501 ครั้ง และจ่ายบอลขึ้นหน้า 902 ครั้ง ซึ่งทั้งสามหมวด ทิมเบอร์ทำได้มากกว่าใครในเอเรอดีวีซี เขายังจ่ายบอลคอมพลีทในพื้นที่ final third 544 ครั้ง สูงเป็นอันดับ 9 และมีความแม่นยำการจ่ายบอล 92 เปอร์เซ็นต์ หรืออันดับ 14 ของลีก

แต่ประเด็นที่น่าสนใจตามมุมมองของนักวิเคราะห์เกม ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่า อาร์เตตาต้องการใช้งานทิมเบอร์ในตำแหน่งแบ็คขวาของระบบ 4-3-3 Attacking แม้ตลอดซีซันที่ผ่านมา ทิมเบอร์เป็นแบ็คขวาตัวจริงเพียงนัดเดียวคือฟุตบอลยุโรป รอบคัดเลือก เนเธอร์แลนด์แพ้ฝรั่งเศส 0-4

จากข้อมูลของ transfermarkt เฉพาะบอลลีกซีซันที่แล้ว จากการลงสนาม 34 นัด 3,034 นาที ทำ 2 ประตู 2 แอสซิสต์ ทิมเบอร์ยืนเซ็นเตอร์แบ็คทุกนัด หรือดูสถิตินับตั้งแต่ขึ้นชุดใหญ่อาแจ็กซ์ ทิมเบอร์เล่นทั้งหมด 85 นัด ยืนเป็นแบ็คขวา 10 นัดเท่านั้น นั่นเท่ากับว่า ตำแหน่งถนัดของเขาคือเซ็นเตอร์แบ็คที่สามารถย้ายไปเล่นแบ็คขวาได้

เพราะอะไร อาร์เตตาจึงมีไอเดียย้ายทิมเบอร์ไปอยู่ตำแหน่งขวาสุดของแบ็คโฟร์ เบื้องหลังคงหนีไม่พ้นเทรนด์ในพรีเมียร์ลีกที่เกิดจากวิวัฒนาการของฟูลแบ็ค

สามแท็คติกที่ฟูลแบ็คยุคใหม่ร่วมลุยเกมบุก

อดัม เบท คอมเมเตเตอร์ที่ทำงานให้กับสกาย สปอร์ตส์ ให้ความเห็นว่า พรีเมียร์ลีกมีการเปลี่ยนแปลงทางแท็คติกหรือกลยุทธ์การวางหมากเกมลูกหนังไปอย่างรวดเร็ว บทบาทของฟูลแบ็คหลากหลายและซับซ้อนขึ้น ความรับผิดชอบไปไกลกว่าโมเดิร์น ฟูลแบ็ค ที่รับผิดชอบเกมรับและรุกด้านข้างสนามอย่างไม่กี่ทศวรรษที่แล้ว เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดี โรเบิร์ตสัน ของลิเวอร์พูล ถือเป็นแบบอย่างของฟูลแบ็คแห่งอนาคต

ชาฮีนจากโททัล ฟุตบอล อนาไลซิส ได้ใช้แท็คติกการขึ้นเกมเป็นตัวแบ่งประเภทของฟูลแบ็คไว้ 3 รูปแบบหลักได้แก่ Overlapping full-back, Inverted full-back และ Wing-back

วิงแบ็คน่าจะเป็นลักษณะที่แฟนบอลคุ้นเคยยาวนาน มักใช้กับระบบกองหลัง 3 คนหรือ 3-5-2 ผู้เล่นมีทักษะของฟูลแบ็คและปีกผสมผสานกัน เน้นการบุก และตัดทอนงานเกมรับ เคยได้รับความนิยมสูงสุดในลีกท็อป-5 ของยุโรปโดยเฉพาะซีซัน 2020-21 มี 10 ทีมที่ใช้วิงแบ็คในกัลโช เซเรีย อา, 10 ทีมในบุนเดสลีกา, 7 ทีมในลีก เอิง, 5 ทีมในลา ลีกา และ 5 ทีมในพรีเมียร์ลีก

ฟูลแบ็คหุบในหรือฟูลแบ็คกลับด้าน แฟนบอลเห็นบ่อยในช่วงหลังๆ เป็นฟูลแบ็คที่ขยับเข้าด้านในของสนามเวลาขึ้นเกม ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เล่นแดนกลาง เปิดโอกาสให้มิดฟิลด์คนอื่นกำหนดจังหวะเกมบุกในโซน half-space หรือระหว่างไลน์ อีกทั้งยังดึงคู่แข่งเข้ามาประกบ ช่วยให้ปีกร่วมทีมได้ดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่ง ฟูลแบ็คสไตล์นี้จะต้องเก่งเรื่องการเล่นในพื้นที่แคบและครองบอลจ่ายบอลได้ดีอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โรเบิร์ตสัน เป็นตัวอย่างที่ซาฮีนยกให้เป็นไอดอลที่ใครที่ต้องการเล่นหรือเรียนรู้เกี่ยวกับโอเวอร์แลป ฟูลแบ็ค ซึ่งวิ่งอ้อมหลังเพื่อนร่วมทีมไปยังพื้นที่ว่างเพื่อรับบอลหรือทำเกมรุกต่อ หรืออันเดอร์แลป วิ่งอ้อมหลังผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามก็ได้ นักเตะต้องมีความฟิตสูง มีความเร็วและคล่องตัวที่จะทรานซิชันเกมบุกเกมรับ

เยอร์เกน คลอปป์ ได้พัฒนาอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นฟูลแบ็คจอมบุกแถวหน้าของยุโรป จุดแข็งคือระยะและวิสัยทัศน์การจ่ายบอล ครอสลูกจากด้านข้าง และการเตะลูกเซตพีซ เขาได้รับการยกย่องจากบทบาทโอเวอร์แลป ฟูลแบ็ค ก่อนถูกคลอปป์ใช้งานที่ซับซ้อนขึ้นอย่างฟูลแบ็คหุบในและงานไฮบริดที่ขึ้นไปเป็น double pivot ยืนมิดฟิลด์คู่กับฟาบินโญในระบบ 3-2-2-3 ช่วงท้ายฤดูกาล 2022-23 ที่ผ่านมา

ความเก่งฉกาจของการจ่ายบอลของสองแบ็คลิเวอร์พูล ยืนยันได้จากอันดับแอสซิสต์ของกองหลังพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ซีซัน 2018-19 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์และโรเบิร์ตสันนำโด่งด้วยจำนวน 53 และ 48 ครั้ง อันดับ 3 คือ ลูกาส์ ดีญ 22 ครั้ง, อันดับ 4 เซซาร์ อัซปิลิกวยตา และ เบน ชิลเวลล์ 15 ครั้งเท่ากัน

ทิมเบอร์ ตัวอย่างล่าสุดของฟูลแบ็คสายเทคนิค

เบทจากสกาย สปอร์ตส์ ให้ทรรศนะว่า การปรับอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ขึ้นไปเล่นมิดฟิลด์ เป็นเสมือนภาพสะท้อนของ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก แบ็คซ้ายทีมอาร์เซนอล ซึ่งตามปกติยืนตำแหน่งมิดฟิลด์ให้ทีมชาติยูเครน ขณะที่แมนฯซิตีก็ใช้นักเตะหลายคนทำงานไฮบริด

ฟิลลิป ลาห์ม อดีตนักเตะทีมชาติเยอรมัน ซึ่งถูกบันทึกว่าเป็นผู้บุกเบิกฟูลแบ็คหุบใน ให้สัมภาษณ์กับสกาย สปอร์ตส์ ว่า “ช่วง 10 ปีหลังสุด ฟูลแบ็คเป็นผู้เล่นที่มีทักษะเชิงกีฬาสูงและสภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันเปลี่ยนไปตรงที่มีเทคนิคมากขึ้น”

วิวัฒนาการของฟูลแบ็คที่ขยับขึ้นไปเล่นกองกลาง ไม่เพียงเปลี่ยนชุดทักษะพื้นฐานเพื่อรองรับหน้าที่รับผิดชอบแบบไฮบริดตามใบสั่งของหัวหน้าโค้ช แต่ยังส่งกระทบไปถึงนักเตะตำแหน่งอื่นด้วยเช่นเดียวกับกรณีทิมเบอร์ ซึ่งอาร์เตตาอาจปรับให้ย้ายมาเล่นฟูลแบ็คและขึ้นไปเติมมิดฟิลด์ยามทีมเป็นฝ่ายครองบอล หรือที่ลิเวอร์พูล โรเบิร์ตสันต้องขยับเข้าในและมีพื้นที่แดนหลังให้รับผิดชอบมากขึ้นเป็นระบบเซ็นเตอร์แบ็ค 3 คน แต่การปรับตัวไม่ได้สร้างปัญหาให้กับกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์วัย 29 ปี ซึ่งไม่ต้องขึ้นไปครอสบอลมากหรือวิ่งขึ้นลงตลอด 90 นาทีเหมือนเมื่อก่อน

เนวิลล์ อดีตกัปตันทีมแมนฯยูไนเต็ด กล่าวถึงแมนฯซิตี ซึ่งชนะเลิศพรีเมียร์ลีก 5 สมัยในรอบ 6 ปีหลังสุดว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา มีฟูลแบ็คที่เล่นเกมรุกได้เหลือเชื่อเป็นเวลาหลายปี พวกเขาสามารถขึ้นไปเล่นแดนกลางหรือทะยานไปข้างหน้าจากบริเวณริมสนาม จนตอนนี้แท็คติกกลายเป็นกระแสไปแล้ว

ในฐานะอดีตผู้ช่วยของกวาร์ดิโอลา จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นอาร์เตตาใช้ไอเดียที่คล้ายคลึงกันหลายอย่างเช่น เบน ไวท์ ซึ่งเคยเล่นเซ็นเตอร์แบ็คให้ไบรท์ตันและช่วงแรกที่ย้ายมาอาร์เซนอล แต่ซีซัน 2022-23 อาร์เตตาเปลี่ยนให้เล่นแบ็คขวา และสามารถหุบเข้าในฟอร์มเซ็นเตอร์แบ็ค 3 คนเพื่อรักษาสมดุลให้แผงหลังของทีมขณะที่ซินเชนโกขึ้นไปร่วมไลน์ของมิดฟิลด์ และบ่อยครั้งที่ได้เห็นไวท์ขึ้นไปโอเวอร์แลปในแดนหน้ากับบูกาโย ซากา

แต่อีกด้านหนึ่ง แผงหลังของอาร์เซนอลทำผิดพลาดให้คู่แข่งมีโอกาสส่องประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก หรือมีจำนวนมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับอีก 3 ในทีมอันดับท็อป-4 บนตารางลีก นั่นเนื่องจากพวกเขาครองบอลหละหลวมและเปิดช่องว่างในจังหวะทรานซิชันระหว่างเกมรุกและรับ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่อาร์เตตาต้องเร่งแก้ไข

นักวิเคราะห์หลายสื่อเชื่อว่า ทิมเบอร์น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวของอาร์เตตาได้ด้วยความครบเครื่องรอบจัด สามารถย้ายจากแบ็คขวามายืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็คตัวที่ 3 หรือแม้กระทั่งขึ้นไปเล่นเป็นมิดฟิลด์เอง โดยสกาย สปอร์ตส์ ได้คาดหมายแผงหลังแบ็คโฟร์ระบบ 4-3-3 ของอาร์เซนอลในซีซัน 2023-24 ดังนี้ ทิมเบอร์, ซาลิบา, กาเบรียล และ ซินเชนโก

ทิมเบอร์จึงเป็นตัวอย่างล่าสุดที่มีความสำคัญอย่างมากในการแสดงถึงวิวัฒนาการครั้งใหญ่ของฟูลแบ็คสมัยใหม่ ซึ่งกลายเป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลต่อกลยุทธ์การโจมตีและสร้างสีสันให้กับเกมลูกหนังยุคปัจจุบันมากที่สุด

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Special Content

ซานโดร โตนาลี นักเตะอิตาเลียนค่าตัวแพงที่สุดในโลก

พรีเมียร์ลีกเป็นลีกอันดับ 1 ของโลกในแง่ความนิยม แม้กระทั่งตัวนักเตะเองก็กระหายที่จะสัมผัสบรรยากาศลีกลูกหนังเทียร์ 1 เมืองผู้ดี จึงไม่แปลกที่จะมีนักบอลจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามายังประเทศอังกฤษ ซึ่งข้อมูลจากเว็บไซต์ transfermarkt ระบุว่า จากนักเตะทั้งหมด 592 คนในซีซัน 2022-23 ที่ผ่านมา เป็นผู้เล่นต่างชาติถึง 405 คน คิดเป็น 68.4 เปอร์เซ็นต์

มากที่สุดคือ บราซิล 36 คน ตามด้วยสเปน 34 คน, ฝรั่งเศส 33 คน, โปรตุเกส 28 คน และสกอตแลนด์ 23 คน ขณะที่นักเตะจากอีก 2 ลีกบิ๊ก-5 ยุโรป บุนเดสลีกาและกัลโช เซเรีย อา กลับไม่ค่อยข้ามทะเลจากแผ่นดินใหญ่มาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก ซึ่ง transfermarkt ระบุจำนวนไว้ว่า เยอรมนี 12 คน ส่วนอิตาลีเพียง 5 คนเท่านั้นโดย จอร์จินโญ ลงสนามลีกมากที่สุดรวม 32 นัดให้กับเชลซีและอาร์เซนอล

ใครที่ติดตามพรีเมียร์ลีกมานาน จะทราบดีว่านักเตะอิตาเลียนเข้ามาเล่นในอังกฤษน้อยมากตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา อีกทั้งน้อยรายที่ประสบความสำเร็จ ว่ากันว่าเป็นเพราะพวกเขามีแนวคิด one-club player หากเติบโตจากทีมเยาวชนสโมสรไหน ก็มักจะเล่นให้สโมสรนั้นจนกระทั่งปลายอาชีพค้าแข้ง อีกเหตุผลคือสไตล์นักเตะเมืองมะกะโรนีไม่เหมาะกับลีกอังกฤษ

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเกินความคาดหมายอย่างมากเมื่อตลาดซัมเมอร์รอบนี้ มีการทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลของค่าตัวนักบอลอิตาเลียนเมื่อ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ยอมทุ่มเงิน 55 ล้านปอนด์เพื่อซื้อ ซานโดร โตนาลี มิดฟิลด์วัย 23 ปีจากเอซี มิลานพร้อมเซ็นสัญญา 5 ปี เป็นลูกทีมใหม่คนแรกในตลาดรอบนี้ของกุนซือเอ็ดดี ฮาว ซึ่งกำลังเสริมทัพเพื่อลุยศึกลูกหนังยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2023-24

สำหรับรายชื่อนักเตะอิตาเลียนค่าตัวแพงที่สุดในโลก 10 อันดับแรก (หน่วยเงินยูโร : คนที่ตัวเลขเงินกลมๆเท่ากันแต่มีอันดับสูงกว่าเพราะมีจำนวนเงินหลักแสนมากกว่า) ซึ่งจะเห็นว่า 7 อันดับเป็นการซื้อขายระหว่างสโมสรใหญ่ในเซเรีย อา แต่ 2 อันดับแรกก็เป็นการทุ่มเงินซื้อของสโมสรอังกฤษ

1 – 64 ล้านยูโร ซานโดร โตนาลี จากเอซี มิลาน ไปนิวคาสเซิล ปี 2023

2 – 57 ล้านูโร จอร์จินโญ จากนาโปลี ไปเชลซี ปี 2018

3 – 53 ล้านยูโร จิอันลุยจิฟ บุฟฟอน จากปาร์มา ไปยูเวนตุส ปี 2001

4 – 46 ล้านยูโร คริสเตียน วิเอรี จากลาซิโอ ไปอินเตอร์ มิลาน ปี 1999

5 – 43 ล้านยูโร เฟเดริโก คิเอซา จากฟิออเรนตินา ไปยูเวนตุส ปี 2020

6 – 42 ล้านยูโร ลีโอนาร์โด โบนุชชี จากยูเวนตุส ไปเอซี มิลาน ปี 2017

7 – 40 ล้านยูโร เฟเดริโก แบร์นาเดสชี จากฟิออเรนตินา ไปยูเวนตุส ปี 2017

8 – 38 ล้านยูโร มัตติอา คัลดารา จากยูเวนตุส ไปเอซี มิลาน ปี 2018

9 – 36 ล้านยูโร ฟิลิปโป อินซากี จากยูเวนตุส ไปเอซี มิลาน ปี 2001

10 – 36 ล้านยูโร จานลูกา สกามัคคา จากซาสซูโอโล ไปเวสต์ แฮม ปี 2022

สานฝันวัยเด็ก แต่เล่นให้มิลานแค่ 3 ปี

โตนาลีช่วยมิลานครองตำแหน่งสคูเดตโต ฤดูกาล 2021-22 และมีส่วนพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปียนส์ ลีก ซีซันที่ผ่านมา โตนาลียังเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติอิตาลีที่ลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติทวีปยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ประจำปี 2023

โตนาลีเป็นชาวซันตันเจโล เมืองเล็กๆของจังหวัดโลดี ในแคว้นลอมบาร์ดี ตอนเหนือของอิตาลี เรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังผ่านระบบเยาวชนของ ปิอาเซนซา (2009-2012) และ เบรสชา (2012-2017) ก่อนประเดิมสนามอาชีพในเซเรีย เบ ขณะอายุ 17ปี ลงเป็นตัวสำรองของแมตช์เยือน เบรสชาแพ้อเวลลิโน 1-2 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2017

เบรสชาเลื่อนชั้นขึ้นลีกสูงสุดในฤดูกาล 2018-19 แต่ตกลงมาอยู่เซเรีย เอ อีกครั้งในซีซันถัดมา ซึ่งระหว่างนี้ โตนาลีได้เล่นให้ทีมชาติอิตาลีครั้งแรก ถูกส่งลงมาระหว่างแมตช์กับลิกเตนสไตล์ในเดือนตุลาคม 2019 ล่าสุดเล่นทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 14นัด

เบรสชาปล่อยโตนาลีให้ เอซี มิลาน ยืมใช้งานในตลาดซัมเมอร์ปี 2020 ด้วยมูลค่า 10 ล้านยูโร และออปชันซื้อขาดราคา 15 ล้านยูโร และโบนัสอีก 10 ล้านยูโร เขาจบซีซัน 2020-21 ในสีเสื้อแดงดำด้วยสถิติลงสนาม 37 นัดรวมทุกราย เป็นตัวจริง 23 นัด นั่นทำให้ทีมรอสโซเนรีตัดสินใจซื้อขาดและเซ็นสัญญา 5 ปีกับโตนาลี ซึ่งยอมลดค่าเหนื่อยเพื่อสานฝันในวันเด็กที่ต้องการเป็นผู้เล่นมิลานท่ามกลางเสียงชื่นชมของแฟนบอลบนโลกโซเซียลมีเดีย

เพียงเต็มซีซันปีแรก โตนาลีก็เป็นผู้เล่นมิลานชุดแชมป์เซเรีย อา ซีซัน 2021-22 ลงสนามตัวจริง 31 นัด ตัวสำรอง 5 นัด รวม 2.606 นาที มีสถิติ 5 ประตู 3 แอสซิสต์ ส่วนซีซันล่าสุด มิลานจบอันดับ 4 โตนาลีเป็นตัวจริง 30 นัด ตัวสำรอง 4 นัด 2.717 นาที ทำ 2 ประตู 7 แอสซิสต์ โดยตลอด 3 ปี โตนาลีลงสนามให้มิลาน 130 นัดรวมทุกรายการ ทำ 7 ประตู 13แอสซิสต์

สำหรับสถิติส่วนตัวอื่นๆในเซเรีย อา ซีซัน 2022-23 ของโตนาลี 34 นัด, สร้างโอกาส 62 ครั้ง, ผ่านบอล 1,403 ครั้ง, แอสซิสต์ 7 ครั้ง, แทคเกิล 64 ครั้ง และฟาวล์ 35 ครั้ง

แฮร์รี เด โคเซโม นักวิเคราะห์เกมของสื่อใหญ่ บีบีซี สปอร์ต ให้ความเห็นถึงดีลผู้เล่นอิตาเลียนที่แพงที่สุดในโลกว่า เอ็ดดี ฮาว ตระหนักดีถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่เผชิญช่วงท้ายซีซัน 2022-23 ในการเบียดแย่งอันดับท็อป-4 พรีเมียร์ลีก นั่นทำให้การซื้อผู้เล่นใหม่ในตลาดซัมเมอร์รอบนี้ต้องกระทำอย่างถี่ถ้วนและละเอียด โดยเฉพาะการต้องลงรอบคัดเลือก แชมเปียนส์ ลีก การอัปเกรดขุมกำลังของนิวคาสเซิลจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด แต่ดุลซื้อขายที่เจ้าของสโมสรใหม่จากซาอุดิ อาระเบีย ที่กระทำไปใน 3 ตลาดที่ผ่านมา ทำให้การลงทุนนักเตะครั้งนี้ต้องใช้ความระมัดระวังสูงเพื่อไม่ให้ละเมิดกฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์

เด โคเซโม มีมุมมองว่า โตนาลีสามารถเล่นได้ทั้งถอยลงลึกและเดินขึ้นหน้าในแดนกลาง ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระการสร้างสรรค์เกมให้บรูโน กีมาเรส ในช่วงเวลาสำคัญเช่นท้ายซีซันที่ผ่านมา ฟอร์มของกีมาเรสไม่ลื่นไหลเหมือนเดิมเพราะอาการบาดเจ็บข้อเท้า ดังนั้นแม้โตนาลีไม่ใช่เป้าหมายต้นๆแต่นิวคาสเซิลกลับถูกระตุกให้เดินหน้ากางโต๊ะเจรจาเมื่อทราบข่าวว่า มิดฟิลด์วัย 23 ปี ถูกตั้งราคาขายที่อยู่ในงบประมาณสโมสร โดยเดิมที นิวคาสเซิลอยากได้โฮลดิงมิดฟิลด์ขนานแท้

กูรูแห่งบีบีซี สปอร์ต ตบท้ายว่า ความสามารถทางกีฬาที่ดีเยี่ยมและการเล่นได้หลากหลายหน้าที่เป็น 2 เงื่อนไขสำคัญที่ฮาวมองหาในนักเตะใหม่ของเขา และโตนาลีมีพร้อมทั้งสองข้อ มั่นใจได้ว่าโตนาลีสามารถเพิ่มมิติใหม่ให้กับมิดฟิลด์ของนิวคาสเซิลได้อย่างแน่นอน

ขณะที่ แอนโธนี กอร์ดอน กองหน้าทีมนิวคาสเซิล กล่าวถึงเพื่อนร่วมทีมใหม่ว่า “ผมรู้จักเขาตั้งแต่ยุคแรกๆที่เบรสชา ผมยังจำภาพเขาที่เห็นจากคลิปก่อนย้ายมามิลาน เขาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวท็อปของโลกแน่นอน ผมรอวันที่จะลงสนามร่วมกับเขา”

นิวคาสเซิลจะใช้ประโยชน์อย่างไรจากโตนาลี

เบน กราวน์ดส นักวิเคราะห์เกมของสกาย สปอร์ตส์ ให้ความเห็นว่า นิวคาสเซิลคาดหวังโตนาลีจะนำแพสชันมาสู่ยูนิฟอร์มลายดำขาว ค่าตัวระหว่างสองสโมสรเป็นตัวเลขที่ช็อกมากอย่างที่หนังสือพิมพ์ กัซเซตตา เดลโล สปอร์ต ระบุ และเป็นตัวเลขที่มิลานไม่สามารถปฏิเสธได้

กราวน์ดส์ ยังกล่าวถึงรูปแบบความเป็นไปได้ในการใช้งานของนิวคาสเซิล เขาเชื่อว่าฮาวคงไฟเขียวให้กีมาเรสขยับขึ้นบนได้มากขึ้นเมื่อโตนาลีย้ายเข้าถิ่นเซ็นต์เจมส์ ปาร์ค แต่โตนาลีไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับโดยเนื้อแท้ ดังนั้นอย่าเพิ่งคาดหวังเห็นโตนาลีปักหลักอยู่หน้าแนวรับ

ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า นิวคาสเซิลเริ่มประสบปัญหาเมื่อ ฌอน ลองสตาฟฟ์ บาดเจ็บ กีมาเรสต้องถอยลงมาเล่นลึกระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมที่เป็นเวลาที่ยาวนานทีเดียว แถมตอนนั้นฮาวมีมิดฟิลด์ที่พอไว้ใจใช้งานได้เพียง 4 คน ส่งผลให้แพ้ลิเวอร์พูลและอาร์เซนอลในแมตช์เหย้า จนมีสิทธิตกแทร็คลุ้นโควตาแชมเปียนส์ ลีก โดยนิวคาสเซิลชนะนัดเดียวจาก 8นัดที่แข่งกับทีมท็อป-5 ของพรีเมียร์ลีก

ซีซันที่ผ่านมา สเตฟาโน ปิโอลี เฮดโค้ชของรอสโซเนรีให้โตนาลียืนตำแหน่งเบอร์ 6 ของระบบ 4-2-3-1 ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้กีมาเรสเล่นบนพื้นที่สูงขึ้นของสนาม โตนาลีครบเครื่องทักษะทั้งการใช้เท้าสองข้างและครองบอลเหนียว กูรูจากสกาย สปอร์ตส์ มั่นใจว่าโตนาลีจะเข้ามาช่วยยกระดับนิวคาสเซิล ซึ่งเป็นทีมที่จ่ายบอลแม่นยำอันดับ 12 ของพรีเมียร์ลีก

7 นักเตะอิตาเลียนยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

แม้นักฟุตบอลไม่ใช่สินค้านำเข้ายอดนิยมที่เดินทางจากอิตาลีมาสู่อังกฤษ แต่ส่วนใหญ่ที่ถูกซื้อเข้ามาล้วนการันตีฝีเท้าไม่ธรรมดา ซึ่งมีทั้งประสบความสำเร็จและความล้มเหลว ฟอร์ซา อิตาเลียน ฟุตบอล สื่อกีฬาลูกหนังชั้นนำเมืองมะกะโรนี ได้จัดเสนอชื่อ 7 นักเตะอิตาเลียนยอดเยี่ยมตลอดกาลที่ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก (ไม่ได้เรียงอันดับ)

จิอันฟรังโก โซลา (เชลซี)

โซลาเล่นให้เชลซีระหว่างปี 1996 ถึง 2003 เป็นเวลา 7 ปีที่ทำให้แฟนบอลจดจำเขาในฐานะหนึ่งในนักเตะอิตาเลียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลงสังเวียนพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็นการครองบอลที่เหนือชั้นและการฉีกแผงแนวรับเข้าทำสกอร์ ซึ่งรวมแล้วเกินกว่า 50ประตูเฉพาะบอลลีก โซลาจึงเป็นโปสเตอร์บอยยอดนิยมของแฟนบอลเชลซีในทศวรรษ 1990-2000 เขายังช่วยให้ต้นสังก้ดครองโทรฟี 6 ใบ

เบนิโต คาร์โบเน่ (เว้นสเดย์, วิลลา, แบรดฟอร์ด, ดาร์บี, มิดเดิลสโบรห์)

คาร์โบเนเล่นในอังกฤษระหว่างปี 1996 ถึง 2002 ให้หลายสโมสร ระหว่าง 6 ซีซันในพรีเมียร์ลีก เขาทำสกอร์ทะลุหลัก 40ประตู โดดเด่นในฐานะทีมเพลย์และทักษะจบสกอร์ ช่วงชีวิตที่ดีเกิดขณะสวมเสื้อเว้นสเดย์และแบรดฟอร์ด โดยเฉพาะการเป็นคู่หูกองหน้าระดับตำนานเคียงข้างเปาโล ดี คานิโอ เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูได้สม่ำเสมอ เป็นคีย์แมนที่พาวิลลาเข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ปี 2000

โรแบร์โต ดี มัตติโอ (เชลซี)

มัตติโอเกิดในสวิตเซอร์แลนด์แต่เลือกเล่นให้ทีมชาติอิตาลี ลงสนามรวม 34 นัดให้ทีมอัซซูรี เขาเป็นนักเตะเชลซีระหว่างปี 1996 ถึง 2001 เป็นผู้เล่นสำคัญทั้งเกมบุกและเกมรับ แต่ช่วงที่ผู้คนจดจำได้มากที่สุดอาจเป็นสมัยทำงานผู้จัดการทีมเชลซี ซึ่งครองดับเบิลแชมป์ แชมเปียนส์ ลีก และเอฟเอ คัพ เมื่อปี 2012 อีกทั้งยังชนะเลิศ คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1998 สมัยเป็นผู้เล่นด้วย

มาสซิโม มัคคาโรเน (มิดเดิลสโบรห์)

มัคคาโรเนเล่นให้มิดเดิลสโบรห์ระหว่างปี 2002 ถึง 2007 แม้เข้าร่วมลีกแบบนักเตะโนเนม แต่ทักษะกองหน้าที่ยอดเยี่ยมทำให้เขาช่วยให้เดอะ โบโร ขึ้นมาถึงยุคทองในประวัติศาสตร์สโมสรต้นทศวรรษ 2000 โดยเฉพาะตอนที่สตีฟ แม็คลาเรน เป็นผู้จัดการทีม มัคคาโรเนได้เล่นร่วมกับสตาร์หลายคนอาทิ วิดูกา, ฮาสเซลแบงค์ และโรเคมแบค ร่วมกันพาทีมตะลุยถึงนัดชิงชนะเลิศ ยูฟา คัพ ปี 2006 มัคคาโรเนอำลาพรีเมียร์ลีกในปี 2007 พร้อมสถิติ 80 นัด 18 ประตู

ฟรานเชสโก บายาโน (ดาร์บี)

บายาโนเล่นให้ดาร์บีระหว่างปี 1997 ถึง 1999 เคยถูกรับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสโมสรประจำปี 1998 เขาเล่นให้ทีมแกะเขาเหล็ก 64 นัดรวมทุกรายการ เป็นขวัญใจของแฟนบอลระหว่างดาร์บียังอยู่บนสังเวียนลีกสูงสุด สาเหตุที่ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในนักเตะอิตาเลียนยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีกเพราะการทำสกอร์ดีๆให้เห็นหลายประตู

เปาโล ดี คานิโอ (เว้นสเดย์, เวสต์แฮม, ชาร์ลตัน)

ดี คานิโอ เล่นในพรีเมียร์ลีกระหว่างปี 1997 ถึง 2004 เป็นนักเตะที่โดนแฟนบอลทั้งรักและเกลียดพอๆกัน เป็นตัวละครบนสนามหญ้าที่ทำให้เกิดใบแดง การต่อสู้ ความผันแปร และสกอร์ ซึ่งถ้านับเฉพาะพรีเมียร์ลีก ดี คานิโอ ส่งลูกหนังซุกก้นตาข่ายรวม 73 ครั้ง ไม่ว่าคุณจะเกลียดหรือรัก เขาต้องถูกคุณใส่ชื่อไว้ในลิสต์นี้แน่นอน

จิอันลูกา วิอัลลี (เชลซี)

วิอัลลีผู้วายชนม์เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยวัย 58 ปี เล่นให้เดอะ บลูส์ ระหว่างปี 1996 ถึง 1999 ก่อนแขวนสตั๊ดหลังซีซัน 1998-99 เพื่อโฟกัสตำแหน่งผู้จัดการทีมที่รับหลังจาก รุด กุลลิท ถูกไล่ออกเดือนกุมภาพันธ์ 1998 ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 33 ปี ในส่วนฐานะผู้เล่น วิอัลลีทำ 11  ประตูรวมทุกรายแรกในซีซันแรกกับเชลซี กลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลทันที ก่อนเพิ่มเป็น 19 ประตูในซีซันต่อมา หากนับเฉพาะช่วงที่เป็นเพลเยอร์-แมเนเจอร์ เขายังทำได้รวม 29 ประตู แน่นอนเมื่อเอ่ยชื่อวิอัลลี ต้องนึกถึง “ประตู” เขายังได้แชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ, เอฟเอ คัพ และลีก คัพ

ทายาทปีร์โล ผู้มีกัตตูโซเป็นต้นแบบ

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเติบโตในซันตันเจโล เมืองเล็กๆที่มีประชากรราว 13,000 คน โตนาลีก็เหมือนชาวเมืองส่วนใหญ่ที่เชียร์ทีมมิลาน สำหรับเด็กๆวัยเดียวกัน ฟุตบอลคือกิจกรรมสนุกสนาน แต่โตนาลีต่างออกไป เขาเหมือนเป็น masochist จะไม่ยินดีต่อเกมการแข่งขันจนกว่าจะได้รับความเจ็บปวดเพื่อไปสู่ชัยชนะ

โตนาลีกลายเป็นที่สนใจจากแฟนบอลทั่วอิตาลีเมื่อครั้งลงสนามให้เบรสชา ถูกยกย่องให้เป็นทายาทของ อันเดรีย ปีร์โลมิดฟิลด์ระดับตำนานที่เคยเป็นนักเตะมิลานระหว่างปี 2001 – 2011 และยูเวนตุสระหว่างปี 2011 – 2015 แต่ “ศิลปินลูกหนัง” ปีร์โล ซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้คุมทีมซามพ์โดเรียในซีเรีย เบ เคยให้สัมภาษณ์ถึงโตนาลีว่า “ในฐานะนักเตะ เขาไม่ได้ดูเหมือนผมเลย เขาเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบกว่าทั้งเกมรับและเกมบุก”

ความจริงแล้ว ไอดอลของโตนาลีคือ เจนนาโร กัตตูโซ เพื่อนร่วมทีมมิลานของปีร์โลในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ

ในหนังสั้นเรื่อง Sandro Tonali – A Rossonero dream come true เปิดเผยว่า แก้วกระเบื้องที่พรินต์ภาพกัตตูโซเป็นหนึ่งในของสะสมที่มีคุณค่าของโตนาลี เมื่อครั้งแม่ของเขาทำแตกโดยบังเอิญ โตนาลีบรรจงใช้กาวติดแต่ละชิ้นส่วนที่แตกจนประกอบกลับเป็นแก้วตามเดิม

เช่นเดียวกับกัตตูโซ โตนาลีมีสไตล์การเล่นที่สู้ไม่ถอย มีจิตวิญญาณแห่งการเสียสละเพื่อทีม และความสามารถในการครอบคลุมพื้นที่ เขายังเป็นนักเตะที่ใส่ใจเกมลูกหนังอย่างจริงจัง มีเรื่องเล่าวว่าก่อนแมตช์แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศที่ผ่านมากับอินเตอร์ มิลาน โตนาลีขังตัวเองจากโลกภายนอก เคร่งครัดการควบคุมอาหาร ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ งานด้านประชาสัมพันธ์ถูกปรับเปลี่ยนกำหนดการ ไม่เล่นโซเชียลมีเดีย ไม่จัดงานฉลองวันเกิด มีเพียงเค้กชิ้นเล็กๆกับเทียนเล่มเดียวพอเป็นพิธี เนื่องจากโตนาลีมีงานต้องทำและมีการแข่งขันต้องเล่น

เมื่อนำค่าตัวที่เป็นสถิติใหม่ของอิตาลี และฝีเท้าทักษะที่หลากหลายครบเครื่องรอบจัดในตำแหน่งมิดฟิลด์ มารวมกับใบหน้าหล่อเข้มสไตล์หนุ่มอิตาเลียนกับคาแรกเตอร์ที่จริงจังเหนือนักบอลอาชีพทั่วโลก เชื่อได้เลยว่า ซานโดร โตนาลี มิดฟิลด์วัย 23 ปี ในสีเสื้อลายดำขาวของนิวคาสเซิล ต้องเป็นสีสันที่จัดจ้านของพรีเมียร์ลีก ซีซัน 2023-24 อย่างแน่นอน

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Football Business

ซาอุดิ โปร ลีก ของเล่นหรือเมกะโปรเจกต์ของมหาเศรษฐี

ย้อนกลับไปวันที่ 30 ธันวาคม 2022 มีรายงานข่าวใหญ่ อัล-นาสเซอร์ สโมสรชั้นนำของซาอุดิ อาระเบีย ปิดดีลสัญญากับ คริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือนเศษเพิ่งแยกทางกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนนั้นไม่มีใครคาดคิดว่า เจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัย จะเป็นคนเปิดทำนบให้สตาร์ลูกหนังไหลทะลักเข้าสู่ ซาอุดิ โปรเฟสชันแนล ลีก

เดอะ การ์เดียน สื่อคุณภาพของอังกฤษ ระบุว่า โรนัลโด ซึ่งเซ็นสัญญากับอัล-นาสเซอร์ ถึงปี 2025 ได้รับการันตีค่าเหนื่อยขั้นต่ำปีละ 90 ล้านยูโร แต่เมื่อรวมผลประโยชน์จากสปอนเซอร์และการตลาด จะหนุนตัวเลขขึ้นไปแตะหลัก 200 ล้านยูโรต่อปี ว่ากันว่าเขายังได้โบนัสเซ็นสัญญาฉบับนี้ราว 100 ล้านยูโร

ช่วงนั้น เหล่าคอมเมนเตเตอร์ของสื่อต่างๆมองการย้ายถิ่นค้าแข้งไปตะวันออกกลางของโรนัลโดว่า ตัวเขายังไม่คิดแขวนสตั๊ดแต่ไม่ได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ในยุโรป ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรียกค่าเหนื่อยที่สูงเกินไปสำหรับนักเตะที่อายุย่าง38 ปี ขณะที่อัล-นาสเซอร์พร้อมทุ่มไม่อั้น โรนัลโดจึงปฏิเสธข้อเสนอของสปอร์ติง แคนซัส ซิตี ในลีกสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นอีกทีมที่ยื่นข้อเสนออย่างจริงจัง

โรนัลโดพาอัล-นาสเซอร์สัมผัสได้เพียงตำแหน่งรองแชมป์ รอชน์ ซาอุดิ ลีก (Roshn Saudi League หรือ RSL) มี 67คะแนนจาก 30 นัด ตามหลัง อัล-อิตติฮัด 5 คะแนน แต่คล้อยหลังไม่นานหลังจากซีซัน 2022-23 ปิดฉากปลายเดือนพฤษภาคม ซาอุดิ โปร ลีก ที่ควรเงียบสงบเพราะเพิ่งเข้าสู่ช่วงออฟ-ซีซัน กลับสร้างความครึกโครมบนหน้าสื่อฟุตบอลทั่วโลกเมื่อมีข่าวหลายสโมสรใน RSL พยายามทุ่มเงินดึงนักเตะดังๆเข้าทีม หนึ่งในนั้นคือ อัล-ฮิลาล ซึ่งรั้งอันดับ 3 ตามหลังอัล-นาสเซอร์ 8 คะแนน

มีรายงานว่า อัล-ฮิลาล เสนอเงินให้ ลิโอเนล เมสซี ก้อนมหาศาลถึง 400 ล้านยูโร เพื่อบรรลุเป้าหมายให้เจ้าของบัลลงดอร์ 7 สมัย พาทีมระเบิดศึกดาร์บีแมตช์กรุงริยาดห์กับโรนัลโด แต่เมสซี ซึ่งเป็นฟรีเอเยนต์หลังหมดสัญญากับปารีส แซงต์-แยร์กแมง ปฏิเสธข้อเสนอของอัล-ฮิลาล แต่เลือกไปค้าแข้งในเมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ (MLS) กับทีมอินเตอร์ ไมอามี ของเดวิด เบคแฮม

หลังอกหักจากเมสซี อัล-ฮิลาล เบนเป้าหมายไปยัง เนย์มาร์ จูเนียร์ สตาร์กองหน้าวัย 31 ปีของทีมชาติบราซิล ซึ่งประสบปัญหาบาดเจ็บเกือบตลอดซีซันที่ผ่านมา และมีแนวโน้มอยากย้ายออกจากปารีส แซงต์-แยร์กแมง ในตลาดซัมเมอร์ปีนี้ แต่เชื่อว่า เนย์มาร์ยังอยากค้าแข้งในยุโรป

สตาร์หลั่งไหลเข้าซาอุดิตามหลังโรนัลโด

ซาอุดิ โปร ลีก กลายเป็นลีกเนื้อหอมที่สื่อลูกหนังชั้นนำให้ความสนใจทันทีเมื่อ คาริม เบนเซมา เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนล่าสุด ย้ายไปเล่นให้อัล-อิตติฮัด แบบฟรีค่าตัวและเซ็นสัญญา 2 ปี มูลค่า 400 ล้านยูโรเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2023 โดยแชมป์ลีกซาอุดิได้จัดพิธีเปิดตัวเบนเซมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ขณะเดียวกันกองหน้าฝรั่งเศสวัย 35 ได้ปิดฉากชีวิตค้าแข้งกับเรอัล มาดริด ด้วยโทรฟีความสำเร็จ 24 ใบระหว่างปี 2009–2023 รวมถึงแชมป์ลา ลีกา 4 สมัย และแชมป์แชมเปียนส์ ลีก 5 สมัย 

ทั้งโรนัลโดและเบนเซมา รวมถึงเมสซี 3 ดาวเตะเวิลด์คลาสมีจุดร่วมกันคือเป็นฟรีเอเยนต์ ซึ่งสโมสรได้ไปฟรีๆ จึงโฟกัสเฉพาะค่าเหนื่อย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เอ็นโกโล กองเต มิดฟิลด์ตัวรับวัย 32 ปี อำลาชีวิต 7 ปีในสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อไปเล่นกับเพื่อนทีมชาติ เบนเซมา ที่อัล-อิตติฮัด เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นักเตะดีกรีแชมป์โลก 2018 เซ็นสัญญา 4 ปี รับเงินตกปีละ 86 ล้านยูโร

3 วันต่อมา ความเชื่อว่า ซาอุดิ โปร ลีก เป็นขุมทองเฉพาะสตาร์ใกล้ปลดระวาง ไม่เป็นความจริงเสียแล้วเมื่อ รูเบน เนเวสกัปตันทีมวูลฟ์แฮมป์ตัน เซ็นสัญญา 3 ปีกับอัล-ฮิลาล ส่วนทีมหมาป่ารับค่าตัวไป 55 ล้านยูโร โดยเนเวสมีอายุเพียง 26 ปี เล่นให้ทีมชาติโปรตุเกสกว่า 40 นัด และได้รับความสนใจจากทีมใหญ่พรีเมียร์ลีก แถมก่อนย้ายมาค้าแข้งในเอเชียตะวันตก เนเวสเกือบได้ร่วมทีมบาร์เซโลนา แต่ปิดดีลไม่ลงเพราะบาร์ซาติดขัดเรื่องไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์

วันที่ 25 มิถุนายน เชลซี ซึ่งเร่งโละนักเตะเพื่อลดค่าใช้จ่าย ตัดสินใจขาย คาลิดู คูลิบาลี เซ็นเตอร์แบ็ควัย 32 ปี ทีมชาติเซเนกัล ให้อัล-ฮิลาล ในราคาเพียง 20 ล้านยูโร ลดลงครึ่งหนึ่งของค่าตัวที่จ่ายให้นาโปลีในตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้ว โดยคูลิบาลี ซึ่งเซ็นสัญญา 3 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า เขาเป็นมุสลิม การมาอยู่ซาอุดิจึงเป็นไอเดียที่ดีสำหรับตัวเขาและครอบครัว สโมสรจะเปิดโอกาสให้เขาลงสนามมากๆเพื่อเตรียมตัวร่วมแอฟริกัน คัพ เขายังหวังจะครองแชมป์ลีกซาอุดิและอาเชียน แชมเปียนส์ ลีก

เอดูอาร์โด เมนดี เพื่อนร่วมทีมเชลซีและเซเนกัล ย้ายตามคูลิบาลีมาเล่นในซาอุดิเช่นกัน แต่เลือกเฝ้าประตูให้กับอัล-อาห์ลี ด้วยสัญญา 3 ปี นั่นเท่ากับเมนดีจะได้ดวลดาร์บีแมตช์เมืองจิดดาห์กับทีมอัล-อิตติฮัดของกองเต ส่วนเชลซีรับค่าตัวของนายทวารวัย 31 ปี เป็นเงินราว 18 ล้านยูโร

อัล-อาห์ลี ยังตกลงเซ็นสัญญาถึงปี 2026 กับ โรแบร์โต ฟีร์มีโน ยอดกองหน้าวัย 31 ปี ซึ่งเพิ่งหมดสัญญากับลิเวอร์พูล โบกมือลาแอนฟิลด์ที่ใช้ชีวิตนาน 8 ปี มีสถิติ 111 ประตู 79 แอสซิสต์รวมทุกรายการ ร่วมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมเปียนส์ ลีก รายการละ 1 สมัย

สตาร์นักบอลข้างต้นเป็นเพียง done deals เท่านั้นยังมีอีกหลายคนที่ตอบปฏิเสธไปแล้วหรือกำลังต่อรองบนโต๊ะเจรจาอยู่ แน่นอนว่าจะมีรายชื่อใหม่ๆผุดขึ้นบนรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยจนกระทั่งตลาดซัมเมอร์บนทวีปยุโรปปิดทำการในวันที่ 1 กันยายน แต่เชื่อได้ว่า ซาอุดิ โปร ลีก ยังจะเป็นเหมืองทองคำให้กับนักเตะทั่วโลกไปอีกระยะเวลาหนึ่ง ส่วนนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงของเจ้าของสโมสร, ซาอุดิ โปร ลีก และประเทศซาอุดิ อาระเบีย

อาจได้เห็นเคนหรือฮาลันด์ในตะวันออกลาง

a flash in the pan เป็นสำนวนในภาษาอังกฤษ มีความหมายว่า “สิ่งที่ให้ความหวังในตอนต้น แต่ต่อมากลายเป็นความผิดหวัง” หรือ “ความสำเร็จชั่วประเดี๋ยว” ซึ่งกลายเป็นประเด็นให้สื่อมวลชนและกูรูในวงการฟุตบอลถกเถียงกัน

ไซนีส ซูเปอร์ ลีก (Chinese Super League หรือ CSL) ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2004 หรือเกือบ 2 ทศวรรษที่แล้ว เป็นกรณีศึกษา ลีกแดนมังกรดึงดูดนักเตะฝีเท้าดีมีชื่อเสียงเข้ามาหลายคนอย่างเช่น ออสการ์ แนวรุกทีมชาติบราซิล ซึ่งย้ายจากเชลซีในตลาดฤดูหนาวปี 2017 มาเล่นให้ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี (ปัจจุบันคือ เซี่ยงไฮ้ พอร์ต) ด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร ซึ่งถือว่าสูงสุดในทวีปเอเชียขณะนั้น ออสการ์เซ็นสัญญา 4 ปี รับค่าเหนื่อยปีละประมาณ 24 ล้านยูโร

ตลาดซัมเมอร์ปี 2019 เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ยังคว้าตัว มาร์โก อาร์เนาโตวิช กองหน้าทีมชาติออสเตรีย ซึ่งขณะนั้นเป็นดาวดังของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เพิ่งครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดซีซัน 2018-19 ของสโมสร ความจริงแล้วเซี่ยงไฮ้เจรจาขอซื้ออาร์เนาโตวิชตั้งแต่ต้นปี 2019 ก่อนสมหวังในที่สุดที่ราคา 26 ล้านยูโร

เบื้องหลังการก่อตั้งไชนีส ซูเปอร์ ลีก เป็นความต้องการโดยตรงของประธานาธิบดี ซึ่งปรารถนาจะให้ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันฟุตบอลโลก มีทีมชาติที่ดีและลีกภายในประเทศที่ดี แต่ภายหลังพรรคคอมมิวนิสต์จีนเปลี่ยนแปลงนโยบาย พวกเขาไม่ต้องการเห็นเงินจำนวนมหาศาลในประเทศไหลเข้าสู่กระเป๋าชาวต่างชาติและทวีปยุโรป จึงกำหนดกฎเหล็กเพื่อขวางไม่ให้นักเตะต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาค้าแข้งในประเทศจีน

คาเวห์ โซลเฮคอล หัวหน้านักข่าวของสกาย สปอร์ตส์ นิวส์ ให้ความเห็นถึงซาอุดิ โปร ลีก ว่า เขาเชื่อมั่นประเทศซาอุดิ อาระเบีย มองเรื่องนี้เป็นแผนงานระยะยาว แถมพวกเขามีเงินมากกว่า และดูเหมือนจะมีความมุ่งมั่นจริงจังมากกว่าด้วย โดยสกาย สปอร์ตส์ นิวส์ ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าววงในว่า ภายในเวลา 5 ปี พวกเขาต้องการให้นักเตะ 100 คนที่เก่งที่สุดในโลก เข้ามาเล่นในซาอุดิ โปร ลีก

โรนัลโดถูกดึงเข้ามานำร่องเป็นรายแรก ซาอุดิยังพยายามโน้มน้าวเมสซีด้วยค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาล และยังได้เนเวส ยอดมิดฟิลด์ที่อายุเพิ่งเข้าช่วงพีคของอาชีพค้าแข้ง อีกทั้งเชื่อว่าจะมีนักเตะเชลซีอีกหลายคนตามกองเต, คูลิบาลี และเมนดี มายังตะวันออกกลาง โซลเฮคอลกล่าวด้วยว่า เขาไม่แปลกใจเลยหากสโมสรซาอุดิจะล็อกเป้าหมายไปที่ซูเปอร์สตาร์ระดับ แฮร์รี เคน หรือ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

โมฮัมเหม็ด ฮัมดี ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลตะวันออกกลาง ซึ่งเคยเป็นผู้อำนวยการของทีมอัล-จาซีรา ในลีกสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เชื่อมั่นว่า ซาอุดิ โปร ลีก สามารถดึงผู้เล่นตัวท็อปเข้ามาได้อย่างไม่ลำบากนัก

“พวกเขามีโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ สามารถเป็นเจ้าภาพเวิลด์คัพ ซึ่งเราเห็นสิ่งที่เกิดกับกาตาร์ไปแล้วว่าเป็นอีเวนท์ที่น่าทึ่งขนาดไหน แผนระยะยาวจะสามารถดึงดูดลิขสิทธิ์โทรทัศน์ สื่อมวลชน สปอนเซอร์ และนักท่องเที่ยว เข้ามายังประเทศได้มากมาย ตอนนี้ไม่ใช่แค่นักเตะใกล้ปลดระวาง แต่คุณได้เห็นผู้เล่นหนุ่มๆก้าวเท้าเข้ามายังซาอุดิ โปร ลีก อีกด้วย”

การลงทุนใน RSL เพื่อเศรษฐกิจชาติที่ยั่งยืน

หัวหน้านักข่าวของสกาย สปอร์ตส์ นิวส์ เสนอมุมมองถึงสาเหตุที่ซาอุดิ อาระเบีย เริ่มทุ่มเงินดึงนักบอลต่างชาติมาเล่นลีกในประเทศภายในเวลาเพียงครึ่งปีนับจากอัล-นาสเซอร์เซ็นสัญญากับโรนัลโดว่า พวกเขาต้องการขยายเศรษฐกิจให้เติบโตเพื่อเป็นหลักประกันสถานะการเงินในอนาคต เพราะที่ผ่านมา รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายน้ำมัน ซึ่งแน่นอน เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีวันหมด และมนุษย์พยายามพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อพึ่งพาน้ำมันน้อยลง 

ด้วยเหตุนี้ ซาอุดิ อาระเบีย จึงเบนเข็มไปยังธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอื่นๆผ่านกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (Public Investment Fund หรือ PIF) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสินทรัพย์รวมโดยประมาณอย่างน้อย 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยกองทุนตั้งขึ้นเมื่อปี 1971 มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนกองทุนในนามของรัฐบาลซาอุดิ อาระเบีย ตัวอย่างในวงการฟุตบอลคือ การเข้าซื้อกิจการ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สโมสรในพรีเมียร์ลีก

โซลเฮคอลระบุว่า ซาอุดิ อาระเบีย มั่นใจว่ากีฬาสามารถเจริญเติบโตได้สูงโดยเฉพาะฟุตบอลลีก พวกเขาต้องการสร้างธุรกิจและอุตสาหกรรมสันทนาการและบันเทิงของตัวเอง เนื่องจากฟุตบอลได้รับความนิยมอย่างมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ในหมู่ประชากรอายุต่ำกว่า 40 ปี และในเวิลด์คัพ 2022 ที่กาตาร์ ซาอุดิ อาระเบีย ยังเปิดสนามได้สวยล้มอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นแชมป์ในท้ายที่สุด ด้วยสกอร์ 2-1 นอกจากกีฬา พวกเขายังหวังขยายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศด้วย

โซลเฮคอลเสริมด้วยว่า ชนชั้นปกครองซาอุดิ อาระเบีย สัมผัสรับรู้ถึงความสนใจของประชาชนและมีแนวคิดว่า แทนที่จะให้คนชาติอื่นนำเงินออกจากกระเป๋าของคนรักกีฬา ทำไมไม่ทำเสียเองและเก็บเงินเหล่านั้นไว้ในอาณาเขตของตนเอง อีกทั้งยังทำให้คนทั่วโลกรู้จักซาอุดิ อาระเบีย และใช้จ่ายเงินสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกด้วย

ซาอุดิ โปร ลีก ครั้งที่ 48 คิกออฟสิงหาคมนี้

ซาอุดิ โปรเฟสชันแนล ลีก เป็นลีกฟุตบอลอาชีพระดับเทียร์ 1 ของซาอุดิ อาระเบีย หรือรู้จักอีกชื่อหนึ่งคือ รอชน์ ซาอุดิ ลีกซึ่งตั้งตามชื่อสปอนเซอร์คือ รอชน์ บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเซ็นสัญญาสนับสนุน 5 ปีในเดือนสิงหาคม 2022

สหพันธ์ฟุตบอลซาอุดิ อาระเบีย (Saudi Arabia Football Federation หรือ SAFF) จัดการแข่งขันครั้งแรกในซีซัน 1976-77 หรือเกือบครึ่งศตวรรษที่แล้ว ระยะแรกเป็นทัวร์นาเมนท์แบบพบกันหมด (round-robin) เหมือนระบบฟุตบอลลีกทั่วโลก จนกระทั่งซีซัน 1990-91 สหพันธ์ฯตัดสินใจรวมฟุตบอลลีกกับคิงส์คัพไว้ด้วยกัน โดยหลังจบการแข่งขันฤดูปกติ ทีมที่ติด 4 อันดับแรกของตารางลีก จะผ่านเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศของ Golden Box เพื่อคัดทีมชนะไปเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งซีซันแรกของระบบนี้ อัล-ชาบับ ชนะ อัล-นาสเซอร์ 1-0 ก่อนกลับมาใช้ระบบฟุตบอลลีกตั้งแต่ซีซัน 2007-08 จนทุกวันนี้

นับตั้งแต่จัดครั้งแรกในซีซัน 1976-77 อัล-ฮิลาล ประสบความสำเร็จ ชนะเลิศซาอุดิ โปร ลีก มากได้ถึง 18 สมัย และเป็นรองแชมป์ 15 สมัย รองลงก็ได้แก่ อัล-อิตติฮัด แชมป์ 9 สมัย รองแชมป์ 8 สมัย และ อัล-นาสเซอร์ แชมป์ 9 สมัย รองแชมป์ 7 สมัย

แต่ถ้าจัดทำเนียบแชมป์ตามเมือง สโมสรลูกหนังในเมืองหลวง กรุงริยาดห์ คว้าถ้วยรางวัลรวมกัน 33 ครั้ง แบ่งเป็น อัล-ฮิลาล 18 ครั้ง, อัล-นาสเซอร์ 9 ครั้ง และ อัล-ชาบับ 6 ครั้ง ตามมาห่างๆคือ เมืองเจดดาห์ 13 ครั้ง แบ่งเป็น อัล-อิตติฮัด 9สมัย กับ อัล-อาห์ลี 4 สมัย

ขอบคุณภาพจาก  https://saudigazette.com.sa/article/632978

รอชน์ ซาอุดิ ลีก ซีซัน 2023-24 จะจัดแข่งขันตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2023 ถึงเดือนพฤษภาคม 2024 เป็นศึกลูกหนังลีกสูงสุดครั้งที่ 48 ของประเทศ โดยครั้งนี้ สหพันธ์ฯเพิ่มจำนวนสโมสรเป็น 18 ทีมจากเดิม 16 ทีมในซีซันที่แล้ว ส่วนแชมป์เก่าคือ อัล-อิตติฮัด ขณะที่ 4 ทีมน้องใหม่ที่ขึ้นมาจากดิวิชั่น 1 ได้แก่ อัล-อาห์ลี, อัล-ฮาเซม, Al-Okhdood และ อัล-ริยาดห์

สหพันธ์ฯกำหนดให้แต่ละสโมสรลงทะเบียนนักเตะต่างชาติได้ 8 คน ซึ่งด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ เชื่อได้เลยว่า นักเตะแถวหน้าทั้งฝีเท้าและชื่อเสียงจะพาเหรดตบเท้าเข้าสู่ซาอุดิ โปร ลีก อีกหลายคนก่อนที่ตลาดจะปิดทำการ และจะเป็นลีกที่ถูกแฟนบอลทั่วโลกเฝ้าจับตาเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เพียงอัล-นาสเซอร์ ที่มีโรนัลโด ทีมเดียวอย่างฤดูกาลที่ผ่านมา

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Our Work

เปิดศึกดวลแข้งแฟนบอล “BDMS presents THAI LEAGUE FANS’ CUP 2023” ชิงเงินรางวัลกว่า 2 แสนบาท

ครั้งแรก! กับการเปิดโอกาสให้แฟนบอลไทยลีกได้เข้าร่วมฟาดแข้งกันในฐานะของตัวแทนสโมสรที่ตัวเองรัก ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท นอกจากนี้ ยังได้ร่วมอบรมทักษะพื้นฐานฟุตบอลโดยโค้ชมืออาชีพ และมีรางวัลพิเศษมากมายสำหรับกองเชียร์และแฟน ๆ ที่มาร่วมสนุก งานเดียวคุ้ม! ลุ้นมัน สะใจ เชียร์สนุกได้ยกแก๊ง 

การแข่งขันฟุตบอล 7 คน รายการ “BDMS presents THAI LEAGUE FANS’ CUP 2023” เป็นการแข่งขันแบบพบกันหมด โดยจะมีการกำหนดอายุผู้เล่นตัวจริงแต่ละทีมที่จะลงแข่งขันเพื่อความเท่าเทียม แบ่งเป็น อายุไม่เกิน 30 ปี ไม่เกิน 2 คน, อายุ 30 – 40 ปี อย่างน้อย 3 คน และ อายุ 41 ปี ขึ้นไป อย่างน้อย 2 คน การแข่งขันจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ต่อเนื่องกัน 4 สัปดาห์ ตลอดเดือนมิถุนายนนี้ ณ สนามฟุตบอลในร่ม Super Star Arena ซอยลาดพร้าว 80 เริ่มคิกออฟแมตช์แรก 4 มิถุนายน 2566 

การแข่งขัน BDMS Presents Thai League Fans’ Cup 2023 รอบแรก มีเหล่าแฟนคลับไทยลีกรวม 16 ทีม เข้าร่วมดวลแข้ง โดยแบ่งสายเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่ม A : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด / การท่าเรือ เอฟซี (ทีมเอ) / บีจี ปทุม ยูไนเต็ด / ขอนแก่น ยูไนเต็ด

กลุ่ม B : แบงค็อก ยูไนเต็ด (ทีมบี) / ชลบุรี เอฟซี / ลำพูน วอริเอร์ / นครปฐม ยูไนเต็ด

กลุ่ม C : การท่าเรือ เอฟซี (ทีมบี) / โปลิส เทโร / แบงค็อก ยูไนเต็ด (ทีมเอ) / ตราด เอฟซี

กลุ่ม D : เมืองทอง ยูไนเต็ด / ราชบุรี เอฟซี / เชียงราย ยูไนเต็ด / สุโขทัย เอฟซี

นอกจากนั้น ในการเปิดสนามวันแรกยังมีแมตซ์กระชับมิตร ระหว่าง ทีม PPTV นำโดย คุณพลากร สมสุวรรณ กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการผลิตและรายการ ร่วมด้วย ป๊อป วีระพล, ซีน อาณัติ ฯลฯ พร้อมนักเตะรับเชิญพิเศษ โค้ชจุ่น อนุรักษ์ ปะทะแข้งกับ ทีมสื่อมวลชนสายกีฬา นำโดย คุณโอฬาร เชื้อบาง ผู้บริหารหนังสือพิมพ์สยามกีฬา ที่มาพร้อมเหล่า Influencer กีฬาฟุตบอล ได้แก่ จอม บอบู๋, เม้ง ซัมเมอร์ฮิลล์, กุ่ย ตังกุย, ฟ่าง พาสต้า, ท็อป ไข่มุกดำ, จอน เพจจอน, เบน ฟรีคิก ซ็อคเกอร์ซัค, โฟน โฟนตุง, เบน ฟรีคิก, ต่อ ณ ระนอง, อ๊อฟ สปิโนซ่า โดยจบสกอร์มิตรภาพ เสมอ 2-2

รางวัลพิเศษที่คึกคักไม่แพ้นักเตะในสนามก็คือ “กองเชียร์ยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์” ซึ่งทีมเชียร์ของ เชียงราย ยูไนเต็ด คว้ารางวัลนี้ไปครองได้แบบที่ไม่มีใครคัดค้าน เพราะมาทั้งกลอง แบนเนอร์ เรียกว่าจัดเต็มจริง ๆ

การแข่งขันสัปดาห์ที่สอง เป็นรอบ 12 ทีม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม แต่ละทีมลงแข่งทั้งหมด 3 นัด ทีมที่เก็บคะแนนได้มากที่สุด 4 อันดับแรกในแต่ละกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

โดยคู่ที่น่าสนใจเป็นการเจอกันระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบ ชลบุรี เอฟซี ผลการแข่งขันฝั่งแฟนคลับ “ฉลามชล” จบที่สกอร์คมกว่า ชนะไป 3-1 ทำให้ ชลบุรี เอฟซี มี 6 แต้ม จากการลงเล่น 3 นัด ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมต่อไป ส่วน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แม้จะแพ้ แต่หลังแข่งครบ 3 นัด มี 3 แต้มเพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบตามไปด้วยเช่นกัน ขณะที่อีก 6 ทีมที่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ประกอบด้วยทีมแฟนคลับ การท่าเรือ เอฟซี A นครปฐม ยูไนเต็ด ตราด เอฟซี การท่าเรือ เอฟซี B สุโขทัย เอฟซี และ เมืองทอง ยูไนเต็ด

ส่วนรางวัลกองเชียร์ยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ที่สอง คือเชียงราย ยูไนเต็ด อีกเช่นเคย ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท ด้านรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมตกเป็นของ นายกิตติชัย ลี้สุวัฒนา จาก ตราด เอฟซี ซึ่งมีผลงานยิงไปทั้งหมด 5 ประตู ได้รับเงินรางวัล คอมแพค เบรก ไปครอง

สำหรับการแข่งขันในรอบ 8 ทีม จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน ซึ่งตั้งแต่รอบนี้ จะมีถ่ายทอดสดทาง Facebook และ YouTube LIVE ช่อง PPTV HD 36

และสัปดาห์สุดท้าย ปิดฉากสุดมันส์! รอบ 4 ทีมสุดท้าย นำโดย นครปฐม ยูไนเต็ด, สุโขทัย เอฟซี ตราด เอฟซีและ การท่าเรือ เอฟซีทีมเอ ร่วมฟาดแข้งลุ้นแชมป์ชิงเงินรางวัลรวมกว่า1 แสนบาท

โดยก่อนเปิดแมตซ์ชิงแชมป์ ได้มีการจัดฟุตบอลนัดพิเศษ BDMS All Star Friendly Match ระหว่าง ทีมสีแดง นำโดย เก้า – จิรายุ ละอองมณี, เดอะตุ๊ก – ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, โค้ชเตี้ย – สะสม พบประเสริฐ เจอกับ ทีมสีน้ำเงิน นำทีมโดย เป๊ก – เปรมณัช สุวรรณานนท์, ลีซอ – ธีรเทพ วิโนทัย, โค้ชจุ่น – อนุรักษ์ ศรีเกิด ร่วมด้วยเหล่า Influencer กีฬาฟุตบอลชื่อดังคับคั่ง อาทิ เจมส์ ลาลีกา, โจ้ เต็มข้อ, ปาล์ม 3 บาท 5 บาท, ท็อป ไข่มุกดา, ต่อ ณ ระนอง ฯลฯ แม้จะเป็นเพียงแมตช์กระชับมิตร แต่ละคนมีฝีเท้าจัดจ้านแบบไม่มีใครยอมใคร เปิดศึกดวลฝีเท้าแบบสนุก สูสี แถมได้รับเสียงเชียร์ทั้งสนาม โดยเสมอกันไป 4-4 ในเวลาปกติ ก่อนที่ทีมสีแดงจะเอาชนะไปได้จากการดวลจุดโทษตัดสิน ด้วยผลสกอร์รวม 9-8 ประตู 

ส่วนเกมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเป็นการเจอกันของทีมแฟนคลับ ทีมการท่าเรือ เอฟซี ทีมเอ พบ นครปฐม ยูไนเต็ด โดยในการพบกันในรอบเก็บแต้ม การท่าเรือ เอฟซีทีมเอ ถล่ม นครปฐม ยูไนเต็ด ขาดลอย 7-0 แต่ว่าในรอบชิงฯ แฟนคลับเสือป่าราชา ก็ล้างตาได้สำเร็จ เอาชนะแฟนคลับสิงห์เจ้าท่า ไปได้ 2-0 ทำให้ทีมนครปฐม ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ BDMS Presents THAI LEAGUE FANS CUP 2023 ครั้งนี้ไปครอง รับเงินรางวัล 1 แสนบาท

ส่วน การท่าเรือ เอฟซีทีมเอ รองแชมป์ รับเงินรางวัล 40,000 บาท และอันดับ 3 ได้แก่ ตราด เอฟซี รับเงินรางวัล 20,000 บาท นอกจากนี้ยังมีรางวัลให้กับนักเตะยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ ได้แก่ นายทรงโปรด เวสกิจ จาก นครปฐม ยูไนเต็ด ส่วนแชมป์การแข่งขันรายการพิเศษ ยิงฟรีคิกประเภทบุคคล ได้แก่ นายอำนาจ รอบแคว้น ของ นครปฐม ยูไนเต็ด และประเภททีม ได้แก่ทีมสุโขทัย เอฟซีปิดท้ายด้วยรางวัลกองเชียร์ยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์สุดท้าย โดยกองเชียร์การท่าเรือ เอฟซี และ นครปฐม ยูไนเต็ด รับรางวัลร่วมกัน 5,000 บาท

Categories
Football Tactics

กั๊กโป เกิดใหม่ในร่างนักเตะเบอร์ 9 กับตัวช่วยที่มากกว่าพรสวรรค์-พรแสวง

ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในการเลือกสรรนักเตะใหม่เข้ามาในตลาดเดือนมกราคม 2 ปีติดต่อกัน ปี 2022 คือ ลุยซ์ ดิอาซ ค่าตัว 37 ล้านปอนด์จากทีมปอร์โต (บวกแอด-ออน 12 ล้านปอนด์) ปีกซ้ายทีมชาติโคลอมเบียปรับตัวกับลีกใหม่อย่างรวดเร็ว มีส่วนสำคัญขับเคลื่อนฟอร์มทีมหงส์แดงจนคว้า 2 แชมป์ 2 รองแชมป์ ด้วยสถิติ 26 นัด 6 ประตูรวมทุกรายการ แต่โชคร้ายซีซันต่อมา ดิอาซใช้เวลาส่วนใหญ่รักษาอาการบาดเจ็บจนลงสนามรวมแค่ 21 นัด แต่ยังทำได้ 5ประตู

ตลาดนัดปีนี้ ลิเวอร์พูลให้อภัยหน้าเค้กเปรียบเทียบแมนฯยูไนเต็ดจ่ายเงินราว 37 ทดสอบให้พีเอสวี ไอน์ดโฮเฟน (บวกแอด-ออน 3 ความต้องการ) เพื่อซื้อโคดีกั๊กโปซึ่งใกล้  จะ  เซ็น สัญญากับทีมปีศาจแดงปี๊ทิ้งไว้ให้เล่นกับเพื่อนใหม่ดีกว่าจะได้ช่วยทีมหงส์แดงฟอร์มแรงช่วงท้ายไต่อันดับพรีเมียร์ลีกจนมีลุ้นโควตาแชมเปียนส์ลีกโดยดิอาซเล่น 26 นัดที่ 7 ประตูรวมทุกรายการ

สำหรับกั๊กโปแล้ว สิ่งที่เกินคาดทั้งแฟนบอลและสื่อมวลชนคือ แทนที่เยอร์เกน คลอปป์ จะส่งกั๊กโปเล่นแนวรุกฝั่งซ้าย ตำแหน่งประจำที่พีเอสวี แทนดิอาซและดีโอโก โซตา ที่บาดเจ็บพร้อมกัน แต่กลับมอบหมายกั๊กโปยืนศูนย์หน้า ส่วนปีกซ้ายเป็นดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งกูรูลูกหนังเคยเชื่อว่า ลิเวอร์พูลยอมทุ่มให้เบนฟิกาสูงถึง 64 ล้านปอนด์ (บวกแอด-ออน 21ล้านปอนด์) เพื่อมายืนตำแหน่งเบอร์ 9 เหมือนเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ของแมนฯซิตี

ช่วงครึ่งแรกของซีซัน 2022-23 ก่อนย้ายมาเมอร์ซีย์ไซด์ กั๊กโปทำผลงานในเอเรดิวิซีของเนเธอร์แลนด์ 9 ประตู 12 แอสซิสต์จากการเล่น 14 นัด และเป็นปีกซ้ายเบอร์ 1 ของเฮดโค้ช รุด ฟาน นิสเตลรอย และจากสถิติทั้งหมด 159 นัดรวมทุกรายการ (55 ประตู 50 แอสซิสต์) ในสีเสื้อพีเอสวีตั้งแต่เล่นให้ทีมชุดใหญ่นัดแรกต้นปี 2018 เว็บไซต์ transfermarkt ระบุว่า กั๊กโปเล่นปีกซ้ายถึง 118 นัด รองลงมาคือ ศูนย์หน้า 15 นัด และปีกขวา 14 นัด ส่วนอีกนัดเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คลอปป์จะทำให้ผู้คนมากมายเซอร์ไพรส์ที่ใช้งานกั๊กโปเป็นกองหน้าตัวเป้า ไม่ใช่ตำแหน่งที่เป็นภาพจำอย่างปีกซ้าย โดยเฉพาะข้อจำกัดที่ดิอาซกับโซตาไม่สมบูรณ์พร้อมกัน แถมนูนเญซก็ถูกคาดหวังมาเป็นศูนย์หน้าตัวหลักอีก … แม้แต่ กั๊กโปเองก็ยอมรับว่าคิดไม่ถึงเช่นกัน

เมินคำแนะนำว่าเหมาะกับสไตรเกอร์มากกว่าปีก

หลังฤดูกาล 2022-23 ปิดฉากลง กั๊กโปให้สัมภาษณ์สื่อว่า คลอปป์โน้มน้าวให้เขาเชื่อว่าตำแหน่งที่ดีสำหรับเขามากที่สุดคือ STRIKER ไม่ใช่ปีก และตอนนี้เขาก็มีความสุขและสนุกกับตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าที่ลิเวอร์พูล การย้ายจากปีกซ้ายมายืนเบอร์ 9 เป็นสิ่งเพลิดเพลินด้วยซ้ำ คอมเมนเตเตอร์หลายคนมองว่าเมื่อโรแบร์โต ฟีร์มิโน ย้ายออกจากแอนฟิลด์ กั๊กโปจะเป็นตัวแทน false nine ของฟีร์มิโนอย่างแน่นอน

กั๊กโปเซ็นสัญญา 5 ปีครึ่งกับลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2022 หรือ 4 วันก่อนตลาดฤดูหนาวเปิดอย่างเป็นทางการ สร้างรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรพีเอสวี เขาปรากฏตัวในสนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2023 เป็นเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่เสมอวูลฟ์แฮมป์ตัน 2-2 กั๊กโปยืนตำแหน่งปีกซ้ายที่คุ้นเคย ส่วนศูนย์หน้าคือนูนเญซ นัดต่อมาเป็นเกมพรีเมียร์ลีก วันที่ 14 มกราคม ลิเวอร์พูลชนะไบรท์ตัน 3-0 คลอปป์ปรับหมากเกม  ย้ายกั๊กโปยืนศูนย์หน้า ปีกซ้ายเป็นหน้าที่ของอเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แม้กั๊กโปทำประตูไม่ได้ช่วง 6 นัดแรกแต่เขาไม่คิดว่ามีผลมาจากการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง

กั๊กโปส่งลูกหนังซุกตาข่ายให้ลิเวอร์พูลได้สำเร็จ เป็นสกอร์นำร่องก่อนชนะเอฟเวอร์ตัน ทีมเพื่อนบ้าน 2-0 ในบอลลีกวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ประตูที่ 2 ตามมาอีก 5 วันในแมตช์ชนะนิวคาสเซิล 2-0 อีกทั้งยังทำ 2 ประตูเมื่อวันที่ 5 มีนาคม กับเกมหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในซีซันนี้ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านถล่มแมนฯยูไนเต็ดราบคาบ 7-0 และยังมีเกมที่กั๊กโปทำ 2 แอสซิสต์อีกด้วยคือวันที่ 30 เมษายน จ่ายให้ดิอาซทำประตูขึ้นนำสเปอร์ส 2-0 ก่อนที่โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ สังหารจุดโทษให้สกอร์ห่างเป็น 3-0 เมื่อกั๊กโปโดนทำฟาวล์ในเขตโทษ แม้สเปอร์สตีเสมอ 3-3 แต่โซตาทำประตูชัยให้เจ้าถิ่นในนาทีที่ 90+4

สตาร์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า “คลอปป์โน้มน้าวว่ากองหน้าเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมกับผมมากที่สุด แน่นอนเป็นช่วงเวลาลำบากเมื่อครั้งมาถึงลิเวอร์พูลใหม่ๆ คลอปป์พูดชัดเจนว่าต้องการอะไรจากผม แต่ช่วงเริ่มต้น ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวให้คุ้นชินเป็นธรรมดา แต่อยากบอกว่า ผมสนุกที่ได้เล่นตำแหน่งนี้ตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา”

แม้ใช้เวลาเกือบทั้งหมดทำหน้าที่แนวรุกริมเส้นบนสังเวียนเอเรดิวิซี แต่กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นเรื่องปกติถ้ากั๊กโปถูกวางเป็นศูนย์หน้า อย่างเช่นเวิลด์คัพที่กาตาร์ หลุยส์ ฟาน กัล ให้กั๊กโปยืนตำแหน่งเบอร์ 9 ในนัดเสมอเอกวาดอร์ 1-1, ชนะกาตาร์ 2-0 และชนะสหรัฐอเมริกา 3-1 ส่วนนัดเปิดสนามที่ชนะเซเนกัล 0-2 และแมตช์รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่แพ้ดวลจุดโทษต่ออาร์เจนตินา กั๊กโปรับบทมิดฟิลด์ตัวรุก โดยฟุตบอลโลก กั๊กโปเป็นตัวจริงทั้ง 5 นัด ทำได้ 3 ประตู

กั๊กโปเล่าว่า “กัส ฮิดดิงค์ เป็นคนแรกที่แนะนำว่า ผมควรเป็นสไตรเกอร์หรือไม่ก็ false nine มีช่วงหนึ่งเขาเป็นบอร์ดบริหารและเคยเห็นผมเล่น แต่ผมไม่เชื่อหรอกนะ ต่อมาเป็นโรเจอร์ ชมิดท์ ที่พูดแบบเดียวกันตอนที่คุมทีมพีเอสวี แต่ผมยังใจแข็งเหมือนเดิมเพราะรู้สึกดีกับปีกซ้ายมากกว่า”

“แต่จุดเปลี่ยนคือเวิลด์คัพ 2022 ผมต้องเล่นบริเวณพื้นที่กลางสนามมากขึ้น และกลายเป็นงานถาวรเกือบตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา มันโอเคแล้วนะ ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆกับการเล่นตำแหน่งนี้ให้สโมสรเช่นเดียวกับทีมชาติ”

2 นัดล่าสุดกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในรายการเนชันส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ (แพ้โครเอเชีย) และนัดชิงอันดับ 3 (แพ้อิตาลี) โรนัลด์ คูมัน กุนซือคนใหม่ของเนเธอร์แลนด์ ใช้บริการกั๊กโปเป็นศูนย์หน้าแทนเมมฟิส เดปาย ที่บาดเจ็บน่อง

ดูเหมือนเส้นทางของกั๊กโปทั้งระดับสโมสรและทีมชาติได้มาบรรจบกันที่ “สไตรเกอร์” ทำให้เขาสามารถทุ่มเทสมาธิได้เต็มที่กับทักษะเครื่องจักรล่าประตู ซึ่งที่ผ่านมา แนวรุกดัตช์ไม่ได้มีเพียงสตาฟฟ์โค้ชสโมสรและทีมชาติที่เข้ามาช่วยพัฒนาฝีเท้า แต่ยังมีทีมงานส่วนตัวด้วย

จ้างทีมงานโค้ชแทคติกส่วนตัวเพื่ออัปเกรดฝีเท้า

ถ้าพิจารณาสไตล์การเล่นที่ผ่านมา กั๊กโปก็เป็นแนวรุกริมเส้นที่กึ่งๆกองหน้าอยู่แล้ว เขาเป็นปีกซ้ายที่ถนัดเท้าขวา บ่อยครั้งจะตัดเข้าในและเคลื่อนที่โจมตีฝ่ายตรงข้ามบนพื้นที่กลางสนาม ใช้ความเร็วและการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่วเพื่อ “กิน” กองหลังคู่แข่งจนกระทั่งเจอช่องว่างและโอกาสที่จะซัดบอลเพื่อทำประตู

ย้อนกลับยังเวิลด์ คัพ 2022 นัดแรกของรอบแรก กลุ่ม เอ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุในกาตาร์ เนเธอร์แลนด์ยังเสมอเซเนกัล 0-0 ดูเหมือนไม่สามารถหาช่องว่างของแนวรับเพื่อเจาะเข้าไปทำสกอร์ นักเตะเสื้อขาวยืนแพ็คแน่นบริเวณกรอบเขตโทษ 

เหลือเวลาราว 6 นาที แฟรงกี เดอ ยอง โยนยาวไปหน้าประตู กั๊กโปวิ่งทะยานจากปีกขวา ทะลวงกองหลังเซเนกัล 2 คนที่มองบอลที่กำลังลอยเข้ามา กั๊กโปกระโดดโฉบโหม่งตัดหน้านายทวารเอดูอาร์ เมนดี ที่กระโดดหวังชกบอลแต่พลาด กั๊กโปโหม่งให้เนเธอร์แลนด์นำ 1-0 ก่อนชนะไปในที่สุด 2-0 เก็บ 3 แต้มแรกตุนได้สำเร็จ

ประตูปลดล็อคคลายความกดดันให้ทีมอัศวินสีส้มมีที่มาที่ไปจากเหตุการณ์ประมาณครึ่งปีก่อนหน้าฟุตบอลโลก ชายผู้สอนทริกการเล่นให้กั๊กโปผ่านการรีเพลย์คลิปวิดิโอทีละขั้นตอน เปิดเผยว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากบาสเกตบอล

โลแรน วีรีลิงค์ โค้ชด้านแทคติกของกั๊กโป ให้สัมภาษณ์กับอีเอสพีเอ็นว่า “นั่นเป็นแผนการวิ่งที่พวกเราทำงานร่วมกัน เขาวิ่งไปด้านหลังในจังหวะกองหลังขยับขึ้นหน้า เป็นหนึ่งในแผนการวิ่งที่ผมเรียนรู้จากสมัยเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพ เรามีรูปแบบที่แตกต่างกัน 6 อย่างของการวิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ”

“ซิดนีย์ พี่ชายของกั๊กโป ส่งข้อความมาถึงผม (หลังเนเธอร์แลนด์ชนะเซเนกัล) บอกว่า ‘โลแรน นั่นเป็นประตูของคุณ’ กั๊กโปคงไม่วิ่งลักษณะนั้นถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผม เขาคงมองไม่เห็นดีเฟนซีพไลน์ที่ขยับขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้เขาวิ่งตัดหลังคู่แข่ง”

ที่กาตาร์ กั๊กโปเดินหน้าทำสกอร์ต่อไปใน 2 นัดที่เหลือของรอบแรก (เอกวาดอร์และกาตาร์) ก่อนสิ้นสุดเส้นทางที่รอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อพ่ายต่ออาร์เจนตินา

เป็นความปกติของฟุตบอลสมัยใหม่ที่นักเตะจะว่าจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวเพื่อยกระดับตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น รวดเร็วขึ้น และเฉียบคมขึ้น กั๊กโปเป็นหนึ่งในนักฟุตบอล 200 คน ที่ทำงานร่วมกับวีรีลิงค์ด้วยความหวังให้ตัวเองเป็นนักเตะที่เก่งขึ้น อดีตครูพละชาวดัตช์ได้เข้ามาช่วยให้นักฟุตบอลมีคู่มือแผนการเล่นเฉพาะตัวเหมือนกับกั๊กโป ซึ่งนำไปสร้างความได้เปรียบหรือความแปลกใจให้กับคู่ต่อสู้บนสนามหญ้า

ปรารถนาเป็นหนึ่งในนักเตะ 1% ที่ยืนบนยอดพิระมิด

ซิดนีย์ กั๊กโป รู้ดีว่าน้องชายของเขาต้องการข้อมูลเชิงลึกมากกว่าเพื่อนร่วมอาชีพทั่วไป จึงแนะนำโคดีให้รู้จักวีรีลิงค์ก่อนลีกเนเธอร์แลนด์เปิดฤดูกาล 2021-22 แม้ความได้เปรียบจากส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว ก็สร้างความหวั่นไหวให้กองหลังได้แล้ว กั๊กโปยังมีอันตรายจากความเร็ว การครองบอล และทักษะด้านเทคนิคในการสร้างแผนเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้าม

กั๊กโปมีพ่อเชื้อสายกานาที่เกิดในโตโก แม่เป็นชาวดัตช์ เขาเกิดในไอน์ดโฮเฟน เริ่มเข้าศึกษาศาสตร์ลูกหนังในอะคาเดมีของ พีเอสวี ไอน์ดโฮเฟน เมื่อปี 2007 ตอนอายุเพียง 8 ขวบ กั๊กโปผ่านโปรแกรมเยาวชนทุกระดับของสโมสร และเริ่มเข้าไปอยู่ใน ยอง พีเอสวี ซึ่งเป็นทีมสำรองของพีเอสวี ไอน์ดโฮเฟน ในซีซัน 2016-17 แต่ยังใช้เวลาส่วนใหญ่กับทีม ยู-19กั๊กโปประเดิมทีมชุดใหญ่ของพีเอสวีเมื่อถูกส่งลงสนามช่วงทดเวลาเจ็บของแมตช์ชนะเฟเยนูร์ด 3-1 เมื่อวันที่ 25กุมภาพันธ์ 2018

แม้พรสวรรค์บวกกับพรแสวงที่เพิ่มเติมขึ้นขณะอยู่ในระบบของพีเอสวีจะทำให้กั๊กโปไปได้ไกลกว่านักเตะรุ่นเดียวกันส่วนใหญ่ แต่กั๊กโปต้องการมากกว่านั้น แค่ดียังไม่พอ เขากระหายที่จะเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ เป็นนักฟุตบอลส่วนน้อย 1เปอร์เซ็นต์ที่ยืนอยู่บนยอดพีระมิด นั่นจึงทำให้เขาตกลงใจทำงานกับวีรีลิงค์

หลังทำการรีวิวการเล่นของกั๊กโป วีรีลิงค์ได้ข้อสรุปว่า กั๊กโปจำเป็นต้องพัฒนาประสิทธิภาพและการเคลื่อนที่ในโซน final third พวกเขาประชุมสุมหัวคิดร่วมกัน กั๊กโปต้องเล่นฟุตบอลด้วยมันสมองมากขึ้น คิดคำนวณให้มากขึ้นในแต่ละครั้งที่จะขยับตัวหรือทำอะไรสักอย่าง แทนการตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหรือดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่งบ่อยเกินไป กั๊กโปควรสงวนพลังงานเพื่อเอาไปใช้ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย

“กั๊กโปเป็นนักเตะที่ชอบเวลาลูกบอลอยู่กับเท้า แต่ผมบอกว่า ถ้าเขาต้องการเล่นฟุตบอลให้ได้ถึงระดับท็อป เขาจำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่านี้ และมีคำตอบไว้หลายแบบสำหรับสถานการณ์ต่างๆในการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น คุณต้องสร้างมุมและตำแหน่งที่แตกต่างกันเวลาเผชิญหน้ากรอบประตู มันเป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้จากบาสเกตบอล ทุกครั้งที่ได้ลูก คุณต้องพร้อมที่จะชู้ตลูกออกไปเสมอ นั่นจึงเป็นการสร้างอันตราย”

“ที่พีเอสวี เขาดูนิ่งเกินไปและมักปักหลักยืนแทนที่จะเคลื่อนที่ไปรอบๆ ดังนั้นเราจึงต้องวางแผนงานว่า เขาจะวางสรีระอย่างไรก่อนจะรับบอล(ที่ส่งมาให้)หรือออกวิ่ง เรายังต้องวางแผนเรื่องการเฝ้ามองพื้นที่ว่างไม่ว่าจะมีบอลอยู่กับตัวหรือไม่ เพราะนั่นจะทำให้เขามองเห็นช่องว่างที่สามารถวิ่งทะลวงเข้าไป”

3 ซีซันก่อนหน้าทำงานกับวีรีลิงค์ กั๊กโปมีสถิติรวมทุกรายการคือ 19 นัด 2 ประตูในซีซัน 2018-19, 39 นัด 8 ประตูในซีซัน 2019-20 และ 29 นัด 11 ประตูในซีซัน 2020-21 ส่วนซีซัน 2021-22 เฉพาะในเอเรดิวิซี กั๊กโปทำได้ 12 ประตูจาก 27 นัด และ 21 ประตูจาก 47 นัดรวมทุกรายการ

กั๊กโปอำลาลีกเนเธอร์แลนด์เมื่อซีซัน 2022-23 ผ่านไปราวครึ่งทาง เขาครองอันดับ 1 ของเอเรดิวิซีทั้งจำนวนสกอร์ (9ประตู) และแอสซิสต์ (12 ครั้ง) จากการลงสนาม 14 นัด มีเพียง ดูซาน ทาดิช (อาแจ็กซ์) และ วาคลาฟ เชร์นี (ทเวนเต) ที่ทำประตูได้มากกว่ากั๊กโปเมื่อจบโปรแกรมแข่งขัน แต่ทั้งสองเล่นมากกว่ากั๊กโปคนละ 14 นัด

เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองก่อนแล้วเพื่อนจะเปลี่ยนตาม

วีรีลิงค์อธิบายถึงการทำงานร่วมกับกั๊กโปว่า ทีมงานได้เตรียมวิดีโอกว่าร้อยคลิปที่ได้จาก WyScout แพลตฟอร์มฟุตบอลอาชีพที่บรรดาเอเยนต์ แมวมอง ผู้เล่น สื่อมวลชน และกรรมการใช้งานอย่างแพร่หลาย พวกเขาโฟกัสไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนที่ของร่างกายและศีรษะของแนวรุกดัตช์เพื่อเชื่อมโยงเข้ากับลูกฟุตบอล, การครองบอลของเพื่อนร่วมทีม และตำแหน่งของตัวประกบ จากนั้นจะถูกวางโปรแกรมให้ตอบสนองต่อสถานการณ์หลายรูปแบบและนำไปสร้างผลกระทบเชิงลบต่อคู่แข่ง ประตูแรกของกั๊กโปช่วงปลายครึ่งแรกที่ทำให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0 ก่อนชนะแมนฯยูไนเต็ดถล่มทลาย 7-0 ในเดือนมีนาคม เป็นตัวอย่างที่ดี

เพลย์เริ่มที่อลิสซง เบคเกอร์ เตะบอลยาวไปยังแดนแมนฯยูไนเต็ดให้ แอนดี โรเบิร์ตสัน ที่อยู่ใกล้ริมสนามฝั่งซ้าย กั๊กโปฉีกตัวเองจากแถววงกลมกลางสนามไปริมสนาม แต่เขาไม่ได้ขอบอลจากแบ็คซ้ายร่วมทีม แต่หวังสร้างพื้นที่ว่างตรงกลาง ซึ่งโรเบิร์ตสันตอบสนองด้วยการตัดเข้าในทันที 

มาถึงตรงนี้ กั๊กโปเห็นเฟรด นักเตะแมนฯยูไนเต็ด ที่อยู่ใกล้เขามากที่สุด กำลังมองไปที่บอล นั่นเป็นตัวกระตุ้นให้กั๊กโปนึกถึง backdoor run ที่ได้มาจากทีมงานของวีรีลิงค์ เขาจึงวิ่งตัดเข้าในด้านหลังของเฟรด ซึ่งเซเสียจังหวะ ขณะเดียวกันโรเบิร์ตสันจ่ายบอลทะลุกลุ่มผู้เล่นไปที่มุมกรอบเขตโทษ ส่วนกั๊กโปก็วิ่งเข้ามารับแบบเหมาะเจาะ

ราฟาเอล เวราน ปรี่เข้ามาขวาง กั๊กโปหักหลบเปลี่ยนทิศทางทำให้ปราการหลังเฟรนซ์เสียหลัก เป็นการเพิ่มพื้นที่ว่างด้านหน้า เขาแตะบอลหนึ่งจังหวะก่อนสับไกด้วยเท้าขวา ลูกพุ่งเข้าประตูทางเสาไกล ซึ่งวีรีลิงค์กล่าวเพิ่มว่า ลูกเล่นนี้ กั๊กโปเรียนรู้จากคลิปการสอนของเขาที่ชื่อว่า Clear depth-run – backdoor side

กั๊กโปและ สเตฟาน เดอ ฟรีจ์ ปราการหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงที่วีรีลิงค์สามารถเปิดเผยชื่อได้ วีรีลิงค์ยังมีลูกค้าระดับดาราอีกหลายคนที่ได้ประโยชน์จากหลักสูตรของเขา แต่ปรารถนาจะเก็บการทำงานเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างลับๆ

วีรีลิงค์มีแผนขยายธุรกิจของบริษัท แทคทาไลซ์ (Tactalyse) ไปยังสหรัฐอเมริกาก่อนถึงฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งเขามั่นใจว่าเป็นโอกาสที่ดีเพราะคนอเมริกันพร้อมลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอาชีพตัวเอง ต่างกับยุโรปที่เห็นว่าบริการเหล่านี้เป็นเรื่องเกินความจำเป็น ส่วนที่สหรัฐอเมริกา การจ่ายเงินให้เทรนนิงส่วนตัวเป็นเรื่องปกติมาก

แม้เป็นช่วงปิดซีซัน แต่นักฟุตบอลปัจจุบันนี้มักวางแผนซ้อมส่วนตัวระหว่างฤดูร้อนเพื่อรับประกันว่าพวกเขาจะเข้าค่ายเก็บตัวพรี-ซีซันในสภาพร่างกายที่ดี หรือบางคนที่เพิ่งผ่านซีซันที่เลวร้าย ฤดูร้อนเป็นเวลาเหมาะสมที่จะประเมินประสิทธิภาพของตัวเอง และตั้งคำถามว่า มีอะไรที่ตัวเขาทำได้เพื่อช่วยเหลือทีม

วีรีลิงค์เสนอมุมมองว่า “นักเตะหลายคนชอบบ่นเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ยอมส่งบอลมาให้ บางทีเพื่อนอาจมองไม่เห็นคุณก็ได้เลยไม่ผ่านบอลมา ข้อแนะนำของผมคือ ถ้าคุณเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง คุณจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของเพื่อนได้ ผลกระทบที่ส่งไปจากคนๆเดียวนั้นใหญ่กว่าที่คิด”

กั๊กโปและแทคทาไลซ์ทำงานร่วมกันตลอดซัมเมอร์เพื่อให้มั่นใจว่าเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลเห็นเขากำลังวิ่งตัดหลังฝ่ายตรงข้ามหรือกองหลังที่จับตามองบอล จากนั้นเมื่อเขาหลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับนายประตูหรือกองหลังคนสุดท้าย เขาต้องพร้อมที่จะโป้งปิดบัญชีด้วยความเฉียบคม สำหรับวีรีลิงค์แล้ว แทคติกของทีมมักถูกตีค่าเกินจริง แต่เป็นกลยุทธเฉพาะบุคคลของตัวนักเตะต่างหากที่สร้างความแตกต่างให้กับเกมลูกหนัง

“เราสามารถคุยเรื่องระบบการเล่นของทีมได้ยาวเป็นชั่วโมงๆ แต่ท้ายสุดแล้ว เป็นนักเตะที่สามารถทำบางอย่างได้สมบูรณ์แบบต่างหากที่จะเป็นตัวตัดสินเกม” บอสใหญ่แห่งแทคทาไลซ์กล่าวทิ้งท้าย

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Special Content

ไกเซโด มิดฟิลด์ครบเครื่องรอบจัด ซีซันเดียวราคาพุ่ง 70-80 ล้านปอนด์

กว่า 3 ปีที่แล้ว มอยเซส ไกเซโด เล่นอยู่ในลีกเซเรีย เอ ของเอกวาดอร์ กับสโมสร อินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล และยังเป็นผู้เล่นโนเนมของแฟนบอลทั่วโลก แต่ตอนนี้ เขากลายเป็นที่หมายปองของอาร์เซนอลและเชลซีด้วยค่าตัวแพงลิ่วถึง 70-80 ล้านปอนด์ในฐานะมิดฟิลด์ดาวรุ่งพุ่งแรงที่จะอายุเพียง 22 ปีในวันที่ 2 พฤศจิกายน

ไกเซโด ซึ่งย้ายมาอยู่ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ต้นปี 2021 ด้วยราคาเพียง 4.5 ล้านปอนด์ เพิ่งแจ้งเกิดจริงๆในพรีเมียร์ลีกเพียงปีเดียวคือฤดูกาล 2022-23 หลังจากปล่อยให้ เบียร์ช็อต วีเอ สโมสรเบลเยียม ยืมใช้งานครึ่งแรกของซีซัน 2021-22 ก่อนทีมนกนางนวลเรียกกลับเนื่องจากขาดแคลนมิดฟิลด์ช่วงครึ่งหลัง

อาร์เซนอลเคยพยายามเจรจาขอซื้อไกเซโดในตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เคยมีข่าวสนใจมิดฟิลด์ทีมชาติเอกวาดอร์ด้วยเช่นกัน ขณะที่เชลซีเข้ามามีเอี่ยวด้วยเพื่อเป็นตัวแทนของ เอ็นโกโล กองเต้ ที่เพิ่งย้ายไปเล่นในลีกซาอุดิ อาระเบีย กับทีมอัลอิตติฮาด โดยถ้าซื้อขายจริงที่ 80 ล้านปอนด์จะทำให้ไกเซโดเป็นมิดฟิลด์ค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์โลกลูกหนัง นั่นเท่ากับไบรท์ตันทำกำไรเกือบ 20 เท่า

ทำไมไกเซโดที่เพิ่งมีตัวตนในพรีเมียร์ลีกแค่ซีซันเดียว กลายเป็นกองกลางรูปทองเนื้อหอมที่ถูกตั้งราคาไว้สูงลิ่ว

ไกเซโดเป็นนักเตะสำคัญลำดับต้นๆของทีมไบรท์ตันที่จบพรีเมียร์ลีกด้วยอันดับ 6 สูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร และได้สิทธิ์เล่นยูโรปา ลีก ซึ่งเป็นสังเวียนยุโรปครั้งแรก มีเพียง ปาสกาล กรอสส์ และ ลูอิส ดังค์ เท่านั้นที่เล่นบอลลีกมากกว่าเขาในทีมนกนางนวล

พรีเมียร์ลีก ซีซัน 2022-23 ไกเซโดลงสนามรวม 3,140 นาที เป็นตัวจริง 34 นัด สำรอง 3 นัด มีแค่นัดเดียวที่ไม่มีชื่ออยู่ในทีมคือ เกมแพ้อาร์เซนอล 2-4 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2022 ซึ่งเป็นนัดที่ 2 ที่พรีเมียร์ลีกกลับมาแข่งขันต่อหลังเบรกฟุตบอลโลก ส่วนเกม 5 วันก่อนหน้านั้นที่ชนะเซาแธมป์ตัน 3-1 ไกเซโดลงเต็มแมตช์

หลักๆแล้วทั้ง แกรห์ม พอตเตอร์ และ โรแบร์โต เด แซร์บี ซึ่งเข้ามาคุมทีมไบรท์ตันกลางกันยายน 2022 วางไกเซโดเป็น double pivot บนกระดานหมากเกม เคียงข้างกรอสส์หรือไม่ก็ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ทั้งสองรับบทสร้างสรรค์เกมยามครองบอล ส่วนไกเซโดเน้นเกมรับเป็นตัว defensive ball-winner แถมท้ายซีซันยังเคยถูกย้ายไปยืนแบ็คขวา รวมถึงเกมสำคัญที่เฉือนแมนฯยูไนเต็ด 1-0 ต้นเดือนพฤษภาคม

อ้างอิงจากข้อมูลเว็บไซต์ transfermarkt กับแผนการเล่น 4-2-3-1 ซึ่งไกเซโดยืนฝั่งขวาของคู่มิดฟิลด์ เขาเล่นตำแหน่ง defensive midfield 27 นัด รวมถึงเกมที่เขาทำ 1 ประตู 1 แอสซิสต์ในซีซันที่ผ่านมา, central midfield 4 นัด และ right-back 3 นัด 

ทางด้านเว็บไซต์ theanalyst ระบุอย่างชัดเจนจากเวลาในการยืนตำแหน่งนั้นๆ DM 61%, CM 30% และ RB 8% เท่ากับเป็นการยืนยันว่า ไกเซโดได้รับมอบหมายงานป้องกันเป็นหลัก รับผิดชอบเกมรับอยู่ด้านหน้าแบ็คโฟร์ คอยสกัดกั้นและแย่งบอลกลับคืน

ดีกรีแชมป์สโมสรทวีปอเมริกาใต้ รุ่น ยู-20

ไกเซโดมีชื่อเต็มว่า Moisés Isaac Caicedo Corozo เกิดวันที่ 2 พฤศจิกายน 2001 ที่เมืองซานโต โดมิงโก ประเทศเอกวาดอร์ เข้าร่วมอะคาเดมีของสโมสรอินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล ตอนอายุ 13 ปี ก่อนได้รับการเลื่อนชั้นร่วมทีมชุดใหญ่ในปี 2019 และลงสนามนัดแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2019 ซึ่งทีมชนะแอลดียู ควิโต 1-0 เป็นเกมลีกเซเรีย อา โดยระหว่างปี 2019 – 2020 ไกเซโดเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของอินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล ในบอลลีก 25 นัด ทำ 4 ประตู อีกทั้งยังมีส่วนพาทีมเยาวชนของสโมสรชนะเลิศรายการ โกปา ลิเบอร์ตาโดเรส รุ่น ยู-20 เมื่อปี 2020 อีกด้วย

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 ไกเซโดเซ็นสัญญากับไบรท์ตันเป็นระยะเวลา 4 ปีครึ่ง ส่วนค่าตัวไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการแต่เชื่อว่า อินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล ได้รับเงิน 4.5 ล้านปอนด์ และวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ไบรท์ตันใส่ชื่อดาวรุ่งจากเอกวาดอร์ในเกมเอฟเอ คัพ ซึ่งทีมนกนางนวลแพ้ 0-1 ในบ้านของเลสเตอร์ ซิตี แต่ไม่ได้ถูกส่งลงสนาม

ซีซัน 2020-21 จบลงโดยไกเซโดไม่ได้เล่นให้ไบรท์ตันเลย จนกระทั่งซีซันถัดมา วันที่ 24 สิงหาคม 2021 เขามีโอกาสประเดิมสนามครั้งแรก แถมเป็นตัวจริงในเกมอีเอฟแอล คัพ รอบ 2 ที่บ้านของคาร์ดิฟฟ์ ซิตี ไกเซโดเป็นคนแอสซิสต์ให้แอนดี เซคคีรี ทำสกอร์นำร่องก่อนไบรท์ตันกำชัย 2-0 แต่วันที่ 31 สิงหาคม วันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ ทีมนกนางนวลไฟเขียวส่งไกเซโดให้เบียร์ช็อต วีเอ ทีมในลีกสูงสุดของเบลเยียม ยืมใช้งาน 1 ฤดูกาลเต็ม และเพียงนัดที่ 7 เขาก็ทำประตูแรกในนาทีที่ 90+2 ตอกตะปูปิดฝาโลงให้ต้นสังกัดชนะเก็งค์ 2-0 เก็บ 3 คะแนนในบ้าน

สัญญายืมตัวของเบียร์ซ็อตถูกยกเลิกเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2022 เนื่องจากไบรท์ตันประสบปัญหาขาดแคลนผู้เล่นมิดฟิลด์ โดยที่ผ่านมา ไกเซโดเล่นบอลลีกให้เบียร์ช็อต 12 นัด ทำ 1 ประตู

3 วันต่อมา ไกเซโดเป็นผู้เล่นสำรองที่ไม่ได้ใช้งานในเกมบอลลีกเสมอคริสตัล พาเลซ 1-1 แต่เขาก็ไม่ต้องรอนาน พอตเตอร์ส่งไกเซโดแทนโซลลี มาร์ช นาทีที่ 61 ของเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ซึ่งไบรท์ตันแพ้ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 1-3

ไกเซโดได้สัมผัสสังเวียนพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในวันที่ 9 เมษายน ไม่เพียงเป็นตัวจริงแต่ยังแอสซิสต์ให้อีน็อค เอ็มเวปู ทำประตูนาทีที่ 66 ก่อนไบรท์ตันชนะ 2-1 ในบ้านของอาร์เซนอล ส่วนประตูแรกในสีเสื้อไบรท์ตันเกิดขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม ไกเซโดซัดระยะ 25 หลา นำร่องนาทีที่ 15 ของแมตช์ถลุงแมนฯยูไนเต็ด 4-0 เขาจบซีซัน 2021-22 ด้วยสถิติพรีเมียร์ลีก 8 นัด 664 นาที 1 ประตู 1 แอสซิสต์

ปักหลักอย่างมั่นคงเมื่อซีซัน 2022-23 คิกออฟ

ไกเซโดถูกโปรโมทขึ้นมาเป็นตัวหลักของไบรท์ตันทันทีที่พรีเมียร์ลีก ซีซัน 2022-23 เปิดฉาก พอตเตอร์ส่งมิดฟิลด์ดาวรุ่งเป็นตัวจริงใน 6 เกมแรก เล่นครบแมตช์ 5 นัด มีเพียงนัดแพ้ฟูแลมที่ถูกเปลี่ยนออกนาทีที่ 79 และเขายังทำ 1 ประตูในเกมต้อนเลสเตอร์ 5-2 ซึ่งเป็นการทำงานนัดสุดท้ายของพอตเตอร์ก่อนย้ายไปเป็นผู้จัดการทีมเชลซี

เด แซร์บี กุนซือคนใหม่ชาวอิตาเลียน ยังไว้ใจความสามารถของไกเซโด ใส่ชื่อเป็นตัวจริงในนัดแรกของการคุมทีมเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2022 ซึ่งไบรท์ตันเสมอลิเวอร์พูล 3-3 ที่แอนฟิลด์ กราฟชีวิตถัดจากนั้นของไกเซโดก็เป็นขาขึ้นจนได้รับความสนใจจากอาร์เซนอลที่กำลังไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ

มีรายงานระหว่างตลาดเดือนมกราคม 2023 ว่า ไกเซโดเซ็นสัญญากับบริษัทเอเยนต์นักฟุตบอลแห่งหนึ่ง และในวันที่ 27มกราคม ตัวแทนของเขาได้ออกแถลงการณ์ว่า ไกเซโดต้องการย้ายออกจากทีมไบรท์ตัน และตัวเขายังโพสต์ข้อความบนอินสตาแกรมว่า “ผมเป็นน้องคนสุดท้องของครอบครัวยากจนที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ 10 คนในซานตา โดมิงโก ผมมีความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของเอกวาดอร์ ผมขอขอบคุณแฟนๆอัลเบียน พวกคุณจะอยู่ในหัวใจของผมเสมอ

ไม่เพียงอาร์เซนอล ไกเซโดยังมีข่าวโยงกับลิเวอร์พูลและเชลซี แต่ไบรท์ตันปฏิเสธที่จะขายมิดฟิลด์ดาวรุ่งที่ยังเหลือสัญญาถึงกลางปี 2025 พร้อมสั่งให้ไกเซโดพักผ่อนจนกว่าตลาดฤดูหนาวจะสิ้นสุดลง เขากลับมาฝึกซ้อมในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และได้ลงสนามอีก 3 วันต่อมา ถูกเปลี่ยนลงมานาทีที่ 57 ของนัดชนะบอร์นมัธ 1-0 ขณะที่เด แซร์บี ได้ขอร้องแฟนบอลไม่ให้ตำหนิหรือว่าร้ายลูกทีมของเขา

วันที่ 3 มีนาคม ไบรท์ตันได้ขยายสัญญาไกเซโดออกไปจนถึงฤดูร้อนปี 2027 พร้อมออปชันต่อสัญญาเพิ่ม 1 ปี ไกเซโดจบฤดูกาลด้วยสถิติ 43 นัด 1 ประตูรวมทุกรายการ และยังได้รับตำแหน่งรองผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของไบรท์ตันจากการโหวตของผู้ใช้งาน บีบีซี สปอร์ต โดยอันดับ 1 ตกเป็นของแม็ค อัลลิสเตอร์ คู่หูมิดฟิลด์ของเขา

แล้วแต่โค้ช เบอร์ 8 ก็รัก เบอร์ 6 ก็ได้

แม้ตอนนี้ถูกเด แซร์บี ใช้งานมิดฟิลด์เบอร์ 6 แต่ มิเกล แองเกิล รามิเรซ ผู้จัดการทีมสปอร์ติง กิฆอน ในลีกสเปน ซึ่งเคยเป็นอดีตโค้ชของไกเซโดที่อินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล ให้สัมภาษณ์ว่า ความจริงแล้วไกเซโดชอบเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์เบอร์ 8(รุก) มากกว่าเบอร์ 6 (รับ) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่ไบรท์ตันแสดงให้เห็นว่า ไกเซโดมีทักษะหลากหลาย เป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ และมีความสามารถสูงในการปรับตัว

ช่วงต้นซีซัน 2022-23 พอตเตอร์ใช้งานไกเซโดเป็นมิดฟิลด์เบอร์ 8 ตัวซ้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่เล่นให้เบียร์ซ็อตและครึ่งหลังของซีซันก่อนหน้า แต่เมื่อเด แซร์บี คุมทีมนกนางนวล เขาดึงไกเซโดถอยลงมาเป็นฐานของมิดฟิลด์หรือตำแหน่งเบอร์ 6 บางครั้งยังปรับเป็นแบ็คขวา

กุนซือทีมกิฆอนย้อนอดีตสมัยคุมทีมอินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล ว่า ไกเซโดผ่านระบบพัฒนานักเตะของอะคาเดมีกับบทบาทเบอร์ 6 แต่พอถูกดึงขึ้นทีมชุดใหญ่ เขาดันให้ไกเซโดไปแดนหน้ามากขึ้นในฐานะเบอร์ 8

“ตอนนั้นเรามี คริสเตียน เปลเลราโน อยู่ในทีมชุดใหญ่ เขาเป็นนักเตะเบอร์ 6 ที่ฝีเท้าเหลือเชื่อและเข้าใจเกมเอามากๆ เปรียบเสมือนกับโค้ชที่อยู่ในสนามนั่นแหละ เขามีส่วนช่วยมอยเซสเข้าใจเกมมากขึ้นและพัฒนาทักษะความสามารถ”

“อย่างไรก็ดี เรายังอยากใช้งานเปลเลราโมเป็นนักเตะเบอร์ 6 ดังนั้นถ้าเราต้องการให้มอยเซสอยู่ในทีม เขาจำเป็นต้องเล่นตำแหน่งเบอร์ 8 ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี เขามีอิมแพ็คกับเกมอย่างมาก ช่วยทีมได้ดีมากในฐานะมิดฟิลด์ตัวรุกเพราะเขาสามารถทำประตู จ่ายบอลสุดท้าย และเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษของฝ่ายตรงข้าม”

“ต่อมา มอยเซสเริ่มเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตำแหน่งได้ดีขึ้นแม้เป็นงานยากเหมือนกัน เนื่องจากเขาต้องเล่นระหว่างไลน์ มีพื้นที่น้อยลง มีเวลาน้อยลง แถมจำเป็นต้องปรับร่างกายก่อนเข้าไปรับบอล มีข้อมูลมากมายที่ต้องเรียนรู้”

รามิเรซเชื่อว่า การที่เล่นได้ดีกับหลายหน้าที่ในแดนกลางเป็นสาเหตุสำคัญที่ไกเซโดได้รับความสนใจจากทีมใหญ่อย่างอาร์เซนอล, เขลซี, ลิเวอร์พูล และแมนฯยูไนเต็ด พร้อมค่าตัวที่ถูกประเมินไว้สูงถึง 70-80 ล้านปอนด์

รามิเรซเข้าใจดีที่ไบรท์ตันปฏิเสธเงินก้อนโตจากอาร์เซนอลในตลาดเดือนมกราคมเพราะไกเซโดมีความสำคัญกับทีมมาก ซึ่งเรื่องแบบเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นที่อินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล

ที่เอกวาดอร์ แม้อยู่ในช่วงวัยรุ่นแต่ไกเซโดมีฝีเท้าสูงเกินอายุ เขามีส่วนสำคัญช่วยให้ทีม ยู-20 ของอินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล ครองแชมป์โกปา ลิเบอร์ตาโดเรสเมื่อปี 2020 ที่ปารากวัย

“มอยเซสมีความสำคัญอย่างมากต่อทีมชุดใหญ่ของเรา แต่ยังเป็นผู้เล่นคีย์แมนของรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีด้วย ตอนนั้นเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์หรือราว 10 วันที่เขาเล่นให้ทีม ยู=20 แล้วต้องนั่งเครื่องบินกลับเมืองกีโตเพื่อเล่นให้เราในลีกเอกวาดอร์ ก่อนกลับไปเตะลิเบอร์ตาโดเรสต่อ มันเป็นอะไรที่บ้าชัดๆ”

ไกเซโดยังโชว์ฟอร์มเจิดจรัสในลิเบอร์ตาโดเรสระดับซีเนียร์ ซึ่งเปรียบกับแชมเปียนส์ ลีก ของทวีปอเมริกาใต้ “มอยเซสเริ่มเป็นที่รู้จักของทั่วโลก สโมสรใหญ่หลายแห่งส่งทีมเจรจาเดินทางมาพูดคุยกับเขาและสโมสร” รามิเรซกล่าว แล้วก็เป็นไบรท์ตันที่พาดาวรุ่งเอกวาดอร์ออกไปจากแผ่นดินบ้านเกิด

สร้างอิมแพ็คให้ไบรท์ตันทั้งยามบุกและรับ

จากผู้เล่นโนเนมช่วงครึ่งหลังซีซันกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักซีซัน 2022-23 ของไบรท์ตัน ลงตัวจริง 34 จาก 38 นัดพรีเมียร์ลีก สถิติบ่งชี้ว่าไกเซโดมีอิทธิพลทั้งจังหวะที่มีบอลไม่มีบอลของไบรท์ตัน จุดเด่นมากที่สุดหนีไม่พ้นการแย่งบอลไม่ว่าจะเป็นความปราดเปรียว การเข้าปะทะ และตื่นตัวต่ออันตราย ไกเซโดรั้งอันดับ 2 หมวดแทคเกิล (100 ครั้ง) และอินเตอร์เซปท์ (56 ครั้ง) ตามหลังชูเอา ปาลินญา (ฟูแลม) และดีแคลน ไรซ์ (เวสต์แฮม) ตามลำดับ นอกจากนี้มีเพียงไรซ์กับโรดรี (แมนฯซิตี) ที่เหนือเขาในการครองบอลในโซน middle third (142 ครั้ง)

ไกเซโดยังมีอิมแพ็คต่อการขึ้นเกมหรือบิลด์-อัพของทีมนกนางนวลด้วย เขาสัมผัสบอลรวม 2,735 ครั้ง สูงเป็นอันดับ 8 ของพรีเมียร์ลีก และจ่ายบอลเข้าเป้า 1,961 ครั้ง อยู่อันดับ 6 ตามหลังปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก (สเปอร์ส), กาเบรียล มากัลเญส (อาร์เซนอล), เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค (ลิเวอร์พูล), โรดรี และดังค์ เพื่อนร่วมทีม

ในส่วนความแม่นยำการผ่านบอล เรตติงของโกเซโดสูงถึง 89 เปอร์เซ็นต์ และตัวเลขจะยิ่งดูน่าพอใจเป็นทวีคูณถ้าพิจารณาว่า เขาต้องจ่ายบอลในสถานการณ์กดดัน 780 ครั้ง ซึ่งมีเพียงโรดรีและบรูโน กีมาไรส์ (นิวคาสเซิล) ที่มีจำนวนครั้งมากกว่าสตาร์ทีมไบรท์ตัน โดยนิค ไรท์ นักวิเคราะห์เกมของสกาย สปอร์ตส์ มองว่า ทักษะการครองบอลและจ่ายบอลภายใต้ความกดดันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ค่าตัวของไกเซโดแพงลิ่ว

รามิเรซพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ท้ายที่สุดแล้ว นี่เป็นตลาดที่จะบอกได้ว่าคุณเก่งแค่ไหน เมื่อสโมสรหนึ่งแจ้งราคาเสนอซื้อออกมา ตัวเลขจะบ่งบอกระดับฝีเท้าของคุณ และมอยเซสก็อยู่ในระดับนั้น (ค่าตัว 70-80 ล้านปอนด์) และนี่เป็นความจริง”

สำหรับทีมชาติเอกวาดอร์ ไกเซโดเปิดตัวในฐานะตัวจริงเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2020 ขณะอายุย่าง 19 ปี เป็นเวิลด์คัพ รอบคัดเลือก ที่แพ้อาร์เจนตินา 0-1 และเพียงนัดที่ 2 อีก 4 วันต่อมา ก็ทำประตูแรกในนามทีมชาติได้จากแมตช์ชนะอุรุกวัย 4-2 เป็นผู้เล่นคนแรกที่เกิดในศตวรรษที่ 21 ที่ทำสกอร์ได้ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนอเมริกันใต้

ไกเซโดมีชื่ออยู่ใน 26 ขุนพลลุยเวิลด์คัพที่กาตาร์ ลงสนามเป็นตัวจริงและเล่นเต็มแมตช์ทั้ง 3 นัดของรอบแรก กลุ่ม เอ ซึ่งแพ้เจ้าภาพ 0-2, เสมอเนเธอร์แลนด์ 1-1 และแพ้เซเนกัล 1-2 ซึ่งไกเซโดทำสกอร์ตีเสมอนาทีที่ 67 ถ้ารักษาสกอร์ได้จะทำให้เอกวาดอร์ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่คาลิดู คูลิบาลีย์ ยิงประตูชัยให้เซเนกัลอีก 3 นาทีต่อมา ดับฝันของเอกวาดอร์ แต่กระนั้นไกเซโดได้รับการบันทึกว่า เป็นนักเตะทีมชาติเอกวาดอร์อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ทำสกอร์ในเวิลด์คัพ และล่าสุดเขาเล่น 32 นัด ทำ 3 ประตูให้ทีมชาติ

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Categories
Special Content

ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ : ปิดตำนาน “เดอะ คิง เมกเกอร์” ชายผู้ทรงอิทธิพลแห่งอิตาลี

ข่าวการเสียชีวิตของซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ อดีตนายกรัฐมนตรีของอิตาลี, อดีตเจ้าของสโมสรเอซี มิลาน และมอนซ่า วัย 86 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2023 ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของชาวอิตาเลียน

การสวมหมวก 2 ใบ ในฐานะเจ้าของทีมฟุตบอล พ่วงด้วยนายกรัฐมนตรี แบร์ลุสโคนี่ได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของยอดปิรามิด และเป็นผู้กำหนดแนวทางให้กับผู้นำคนต่อไป หรือ “เดอะ คิง เมกเกอร์” ด้วยกันทั้งคู่

ต่อไปนี้คือเรื่องราวของแบร์ลุสโคนี่ ทั้งในสนามฟุตบอล และสนามการเมือง กับการบริหารจัดการที่สร้างแรงกระเพื่อมในด้านบวกและด้านลบ กับทั้ง 2 วงการ จนถูกยกให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งอิตาลี

ลูกชายนายธนาคาร สู่การเป็นนักธุรกิจ

ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ เกิดในปี 1936 ที่มิลาน เป็นลูกชายของนายธนาคาร เมื่อเติบโตสู่วัยหนุ่ม เขาค้นพบว่าเป็นผู้ที่รักการเอ็นเตอร์เทน เพราะเป็นนักร้องบนเรือสำราญ และเป็นนักดนตรีในตำแหน่งดับเบิลเบส

ในเวลาต่อมา ชีวิตของแบร์ลุสโคนี่ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นนักธุรกิจ โดยเริ่มจากเปิดบริษัท Miano Due บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่มีโครงการหลักคือการสร้างอพาร์ทเมนท์กว่า 4,000 แห่ง ทางฝั่งตะวันออกของเมืองมิลาน

จากนั้น แบร์ลุสโคนี่ก็ได้มาทำธุรกิจด้านสื่อเป็นครั้งแรก กับบริษัท TeleMilano เคเบิลทีวีระดับท้องถิ่น และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะสร้าง Canale 5 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์เอกชนแห่งแรกของอิตาลี

ต่อมาในปี 1978 แบร์ลุสโคนี่ได้ก่อตั้งบริษัท Fininvest ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ถือหุ้นในบริษัทลูกที่มีทั้งกิจการสื่อสิ่งพิมพ์, ทีวี, โรงละคร รวมถึงเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ปัจจุบันบริหารงานโดยมารีน่า ลูกสาวคนโตของเขา

บริษัท Fininvest ของแบร์ลุสโคนี่ มีสถานีโทรทัศน์ในเครือ 3 ช่อง คือ Canale 5, Italia 1 และ Rete 4 ซึ่งมีเนื้อหาที่เน้นรายการบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ ฉีกไปจากสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล จนสร้างรายได้ถล่มทลาย

และแล้ว โชคชะตาของแบร์ลุสโคนี่ ก็ได้เจอกับสโมสรฟุตบอลที่ชื่อว่า เอซี มิลาน ซึ่งเขาก็ไม่ทิ้งโอกาสทองครั้งนี้ ตัดสินใจซื้อกิจการทีมลูกหนังระดับตำนานของประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ มาไว้ในครอบครอง

การเข้าสู่วงการฟุตบอลของซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ คือการประกาศตัวว่า เขาคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมือง และพร้อมเป็นฮีโร่ที่จะเข้ามากอบกู้ สร้างยุคสมัยใหม่กับเอซี มิลาน ในการกลับมาเป็นยอดทีมของอิตาลี และยุโรป

ผู้กอบกู้รอสโซเนรี่ กลับมายิ่งใหญ่ในยุโรป

เอซี มิลาน หนึ่งในสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลอิตาลี แต่มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่พวกเขาต้องเจอกับฝันร้าย นั่นคือช่วงต้นทศวรรษที่ 1980s ที่พัวพันคดีล้มบอล “โตโตเนโร่” จนถูกปรับตกชั้นไปเซเรีย บี

ในช่วงปี 1980-1986 เอซี มิลาน เป็นเพียงทีมที่มีผลงานระดับกลางตาราง แถมการบริหารงานของประธานสโมสร ไม่ว่าจะเป็นเฟลิเซ่ โคลอมโบ หรือคนต่อมาอย่างจูเซ็ปเป้ ฟารีน่า ที่มีปัญหาเรื่องทุจริต และหนี้สิน

จนกระทั่งช่วงซัมเมอร์ของปี 1986 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง เมื่อซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ได้เข้ามาขอซื้อทีมเอซี มิลาน ด้วยการจ่ายเงิน 40 ล้านลีร์ (สกุลเงินของอิตาลีในสมัยก่อน) และล้างหนี้สินให้ทั้งหมด

ฤดูกาล 1986/87 คือฤดูกาลแรกของมิลาน ภายใต้การบริหารของแบร์ลุสโคนี่ ดำเนินไปอย่างขรุขระ จบในอันดับที่ 5 แต่ในซีซั่นถัดมา การได้อาร์ริโก้ ซาคคี่ กุนซือผู้ริเริ่มแนวคิด “เพรสซิ่ง ฟุตบอล” ทีมก็เข้าที่มากขึ้น

เพรสซิ่ง ฟุตบอล คือการปฏิวัติวงการลูกหนังอิตาลีครั้งสำคัญ ด้วยสไตล์การเล่นที่ใช้พละกำลังสูง ไล่กดดันคู่แข่งตั้งแต่แดนหน้า และต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา ซาคคี่ ช่วยให้มิลานคว้าสคูเด็ตโต้ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่คุมทีม

หลังจากนั้น เอซี มิลาน ก็ปิดทศวรรษ 1980s ด้วยการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 1989 และ 1990 พร้อมกำเนิดตำนานแข้ง 3 ทหารเสือดัตช์ รุด กุลลิท, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และมาร์โก ฟาน บาสเท่น

ช่วงระหว่างปี 1991-1993 มิลานสร้างสถิติไร้พ่ายในเซเรีย อา 58 นัดติดต่อกัน ซึ่งนับรวม invincible season ไร้พ่ายทั้ง 34 นัด ตลอดฤดูกาล 1991/92 ต่อด้วยการกลับมาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งในปี 1994

ตามมาด้วยยุค 2000s รอสโซเนรี่ยังคว้าแชมป์ยูซีแอลเพิ่มอีก 2 สมัย ที่มีคาร์โล อันเชล็อตติ เป็นเฮดโค้ช ในปี 2003 ที่ชนะจุดโทษยูเวนตุส คู่ปรับร่วมลีก และปี 2007 ที่มีคีย์แมนสำคัญอย่างกาก้า กับฟิลิปโป้ อินซากี้

ถ้วยรางวัลของเอซี มิลาน ในยุคที่ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ เป็นเจ้าของทีม มีทั้งแชมป์สคูเด็ตโต้ 8 สมัย, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 สมัย และแชมป์รายการอื่นๆ รวมทั้งหมด 28 โทรฟี่ ครองความยิ่งใหญ่นานมากกว่า 20 ปี

เป็นผู้นำในสนามฟุตบอล และสนามการเมือง

ในปี 1994 หลังก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของสโมสรของเอซี มิลานได้ 8 ปี ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ตัดสินใจเข้าสู่แวดวงการเมือง เพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิตาลี ในสังกัดพรรคฟอร์ซ่า อิตาเลีย ที่ก่อตั้งได้แค่ 2 เดือน

แบร์ลุสโคนี่ ได้ชูนโยบายต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์ พร้อมประกาศว่า ถ้าเขาได้เป็นรัฐบาล จะสร้างงานเพิ่มขึ้น 1 ล้านตำแหน่ง และเขาก็ชนะการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีอิตาลีเป็นสมัยแรก ดำรงตำแหน่งจนถึงปี 1996

และอีก 5 ปีต่อมา แบร์ลุสโคนี่จะได้รับเลือกกลับสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง จนถึงปี 2006 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมัยที่ 3 ในปี 2008 ทำให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิตาลี

แต่หลังจากที่ได้เป็นนายกฯ รอบ 3 แบร์ลุสโคนี่ตกเป็นข่าวฉาวเรื่องบูลลี่นักการเมืองดัง เช่น เคยเหยียดสีผิวบารัค โอบาม่า ผู้นำสหรัฐฯ, ล้อเลียนแองเกลาร์ แมร์เคิล ผู้นำเยอรมัน ว่าก้นใหญ่ ไม่ขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย เป็นต้น

จนกระทั่งในปี 2011 อิตาลีประสบปัญหาวิกฤติการเงินครั้งร้ายแรง เพราะหนี้สาธารณะสูงกว่า 113 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี สภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจเสียหายมาก จนต้องขอความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป และไอเอ็มเอฟ

อีก 2 ปีต่อมา แบร์ลุสโคนี่ ถูกศาลตัดสินให้มีความผิดฐานฉ้อโกงภาษี จนต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้นำประเทศถึง 3 สมัย แต่ก็ต้องหลุดจากอำนาจ เพราะพฤติกรรมส่วนตัว

และการเมืองในอิตาลี ก็ส่งผลกระทบโดยตรงกับเอซี มิลานด้วย ต้องขายนักเตะตัวหลักออกไปหลายคน เมื่อคุณภาพของทีมลดลง ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ ถึงขั้นห่างหายจากเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปนานหลายปี

ตลอดช่วงเวลาที่ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ เป็นเจ้าของทีมเอซี มิลาน ก็เป็นที่รักของแฟนๆ รอสโซเนรี่ แต่อีกด้านหนึ่ง ก็มักจะเข้าไปล้วงลูกผู้จัดการทีมในการซื้อขายนักเตะอยู่บ่อยๆ ซึ่งในยุคของเขา ใช้โค้ชไปถึง21 คน

พามอนซ่าสู่ลีกสูงสุด ก่อนลาจากชั่วนิรันดร์

ปี 2017 ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ตัดสินใจลงหลังเสือ ยุติการเป็นเจ้าของสโมสรเอซี มิลานเป็นที่เรียบร้อย ปิดตำนาน 31 ปี ที่เขาครอบครองสโมสรแห่งนี้ ทิ้งความยิ่งใหญ่ให้แฟนๆ “ปีศาจแดง-ดำ” ทุกคนได้จดจำ

ด้วยปัญหาเรื่องหนี้สิน และการลงทุนที่สูญเปล่าจากผลงานที่ล้มเหลว จนไม่สามารถอัดฉีดเงินเพื่อพาเอซี มิลาน กลับสู่ความยิ่งใหญ่ ที่สุดแล้ว แบร์ลุสโคนี่ ก็ขายสโมสรให้กับกลุ่มทุนจากจีนด้วยราคา 740 ล้านยูโร

และในปีต่อมา แบร์ลุสโคนี่ ได้เข้ามาซื้อสโมสรมอนซ่า ที่ในขณะนั้นยังอยู่ในระดับเซเรีย ซี หรือดิวิชั่น 3พร้อมดึงอาเดรียโน่ กัลเลียนี่ มือขวาคนเดิมที่รู้ใจสมัยอยู่กับเอซี มิลาน มาดำรงตำแหน่งบอร์ดบริหารของสโมสร

ท่อน้ำเลี้ยงของแบร์ลุสโคนี่ที่คอยหนุนหลัง รวมถึงประสบการณ์ซื้อขายนักเตะที่เหลือล้นของกัลเลียนี่ มอนซ่าใช้เวลา 2 ฤดูกาล เลื่อนชั้นขึ้นสู่เซเรีย บี นั่นหมายความว่า เหลืออีกเพียงขั้นเดียวเท่านั้น จะไปถึงลีกสูงสุด

ฤดูกาล 2020/21 มอนซ่า จบอันดับที่ 3 ในซีซั่นปกติของลีกรอง แต่แพ้เพลย์ออฟเลื่อนชั้น และในซีซั่นถัดมา จบในอันดับที่ 4 ได้สิทธิ์ลุ้นเพลย์ออฟเลื่อนชั้นอีกครั้ง โดยในรอบรองชนะเลิศ ชนะเบรสชา สกอร์รวม 4 – 2

มอนซ่า เข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับปิซ่า โดยในนัดแรก มอนซ่าเปิดบ้านชนะได้ก่อน 2 – 1 ส่วนในนัดสองที่บ้านของปิซ่า ต้องเล่นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ และเป็นมอนซ่าที่ย้ำแค้นได้อีกครั้ง ด้วยการเอาชนะ 4 – 3

ทำให้สกอร์รวม 2 นัด มอนซ่า ชนะ 6 – 4 ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่เซเรีย อา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ภารกิจของแบร์ลุสโคนี่ ในการพาสโมสรเล็กๆ จากแคว้นลอมบาเดีย ขึ้นสู่ลีกสูงสุดสำเร็จโดยใช้เวลา 4 ปี

ผลงานของมอนซ่า ในเซเรีย อา ฤดูกาล 2022/23 ที่เพิ่งจบไป พวกเขาทำได้ดีเลยทีเดียว จบในอันดับที่ 11 ของตาราง ประเดิมการลงเล่นลีกสูงสุดครั้งแรกได้น่าประทับใจ ก่อนที่แบร์ลุสโคนี่จะจากไปตลอดกาล

เส้นทางชีวิตของซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ มีทั้งด้านขาวและด้านดำ เฉกเช่นเดียวกับคนทั่วไป แต่ช่วงเวลาที่ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำทั้งด้านการเมืองและฟุตบอล ชายคนนี้คือผู้สร้างอิมแพกต์ให้กับอิตาลีแบบไร้ข้อโต้แย้ง

เรียบเรียง : จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://www.nytimes.com/2023/06/12/world/europe/silvio-berlusconi-italy.html

https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/silvio-berlusconi-ap-milan-ac-milan-italian-b2355824.html

https://en.wikipedia.org/wiki/Silvio_Berlusconi