Categories
Football Tactics

กั๊กโป เกิดใหม่ในร่างนักเตะเบอร์ 9 กับตัวช่วยที่มากกว่าพรสวรรค์-พรแสวง

ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในการเลือกสรรนักเตะใหม่เข้ามาในตลาดเดือนมกราคม 2 ปีติดต่อกัน ปี 2022 คือ ลุยซ์ ดิอาซ ค่าตัว 37 ล้านปอนด์จากทีมปอร์โต (บวกแอด-ออน 12 ล้านปอนด์) ปีกซ้ายทีมชาติโคลอมเบียปรับตัวกับลีกใหม่อย่างรวดเร็ว มีส่วนสำคัญขับเคลื่อนฟอร์มทีมหงส์แดงจนคว้า 2 แชมป์ 2 รองแชมป์ ด้วยสถิติ 26 นัด 6 ประตูรวมทุกรายการ แต่โชคร้ายซีซันต่อมา ดิอาซใช้เวลาส่วนใหญ่รักษาอาการบาดเจ็บจนลงสนามรวมแค่ 21 นัด แต่ยังทำได้ 5ประตู

ตลาดนัดปีนี้ ลิเวอร์พูลให้อภัยหน้าเค้กเปรียบเทียบแมนฯยูไนเต็ดจ่ายเงินราว 37 ทดสอบให้พีเอสวี ไอน์ดโฮเฟน (บวกแอด-ออน 3 ความต้องการ) เพื่อซื้อโคดีกั๊กโปซึ่งใกล้  จะ  เซ็น สัญญากับทีมปีศาจแดงปี๊ทิ้งไว้ให้เล่นกับเพื่อนใหม่ดีกว่าจะได้ช่วยทีมหงส์แดงฟอร์มแรงช่วงท้ายไต่อันดับพรีเมียร์ลีกจนมีลุ้นโควตาแชมเปียนส์ลีกโดยดิอาซเล่น 26 นัดที่ 7 ประตูรวมทุกรายการ

สำหรับกั๊กโปแล้ว สิ่งที่เกินคาดทั้งแฟนบอลและสื่อมวลชนคือ แทนที่เยอร์เกน คลอปป์ จะส่งกั๊กโปเล่นแนวรุกฝั่งซ้าย ตำแหน่งประจำที่พีเอสวี แทนดิอาซและดีโอโก โซตา ที่บาดเจ็บพร้อมกัน แต่กลับมอบหมายกั๊กโปยืนศูนย์หน้า ส่วนปีกซ้ายเป็นดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งกูรูลูกหนังเคยเชื่อว่า ลิเวอร์พูลยอมทุ่มให้เบนฟิกาสูงถึง 64 ล้านปอนด์ (บวกแอด-ออน 21ล้านปอนด์) เพื่อมายืนตำแหน่งเบอร์ 9 เหมือนเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ของแมนฯซิตี

ช่วงครึ่งแรกของซีซัน 2022-23 ก่อนย้ายมาเมอร์ซีย์ไซด์ กั๊กโปทำผลงานในเอเรดิวิซีของเนเธอร์แลนด์ 9 ประตู 12 แอสซิสต์จากการเล่น 14 นัด และเป็นปีกซ้ายเบอร์ 1 ของเฮดโค้ช รุด ฟาน นิสเตลรอย และจากสถิติทั้งหมด 159 นัดรวมทุกรายการ (55 ประตู 50 แอสซิสต์) ในสีเสื้อพีเอสวีตั้งแต่เล่นให้ทีมชุดใหญ่นัดแรกต้นปี 2018 เว็บไซต์ transfermarkt ระบุว่า กั๊กโปเล่นปีกซ้ายถึง 118 นัด รองลงมาคือ ศูนย์หน้า 15 นัด และปีกขวา 14 นัด ส่วนอีกนัดเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คลอปป์จะทำให้ผู้คนมากมายเซอร์ไพรส์ที่ใช้งานกั๊กโปเป็นกองหน้าตัวเป้า ไม่ใช่ตำแหน่งที่เป็นภาพจำอย่างปีกซ้าย โดยเฉพาะข้อจำกัดที่ดิอาซกับโซตาไม่สมบูรณ์พร้อมกัน แถมนูนเญซก็ถูกคาดหวังมาเป็นศูนย์หน้าตัวหลักอีก … แม้แต่ กั๊กโปเองก็ยอมรับว่าคิดไม่ถึงเช่นกัน

เมินคำแนะนำว่าเหมาะกับสไตรเกอร์มากกว่าปีก

หลังฤดูกาล 2022-23 ปิดฉากลง กั๊กโปให้สัมภาษณ์สื่อว่า คลอปป์โน้มน้าวให้เขาเชื่อว่าตำแหน่งที่ดีสำหรับเขามากที่สุดคือ STRIKER ไม่ใช่ปีก และตอนนี้เขาก็มีความสุขและสนุกกับตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าที่ลิเวอร์พูล การย้ายจากปีกซ้ายมายืนเบอร์ 9 เป็นสิ่งเพลิดเพลินด้วยซ้ำ คอมเมนเตเตอร์หลายคนมองว่าเมื่อโรแบร์โต ฟีร์มิโน ย้ายออกจากแอนฟิลด์ กั๊กโปจะเป็นตัวแทน false nine ของฟีร์มิโนอย่างแน่นอน

กั๊กโปเซ็นสัญญา 5 ปีครึ่งกับลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2022 หรือ 4 วันก่อนตลาดฤดูหนาวเปิดอย่างเป็นทางการ สร้างรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรพีเอสวี เขาปรากฏตัวในสนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2023 เป็นเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่เสมอวูลฟ์แฮมป์ตัน 2-2 กั๊กโปยืนตำแหน่งปีกซ้ายที่คุ้นเคย ส่วนศูนย์หน้าคือนูนเญซ นัดต่อมาเป็นเกมพรีเมียร์ลีก วันที่ 14 มกราคม ลิเวอร์พูลชนะไบรท์ตัน 3-0 คลอปป์ปรับหมากเกม  ย้ายกั๊กโปยืนศูนย์หน้า ปีกซ้ายเป็นหน้าที่ของอเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แม้กั๊กโปทำประตูไม่ได้ช่วง 6 นัดแรกแต่เขาไม่คิดว่ามีผลมาจากการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง

กั๊กโปส่งลูกหนังซุกตาข่ายให้ลิเวอร์พูลได้สำเร็จ เป็นสกอร์นำร่องก่อนชนะเอฟเวอร์ตัน ทีมเพื่อนบ้าน 2-0 ในบอลลีกวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ประตูที่ 2 ตามมาอีก 5 วันในแมตช์ชนะนิวคาสเซิล 2-0 อีกทั้งยังทำ 2 ประตูเมื่อวันที่ 5 มีนาคม กับเกมหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในซีซันนี้ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านถล่มแมนฯยูไนเต็ดราบคาบ 7-0 และยังมีเกมที่กั๊กโปทำ 2 แอสซิสต์อีกด้วยคือวันที่ 30 เมษายน จ่ายให้ดิอาซทำประตูขึ้นนำสเปอร์ส 2-0 ก่อนที่โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ สังหารจุดโทษให้สกอร์ห่างเป็น 3-0 เมื่อกั๊กโปโดนทำฟาวล์ในเขตโทษ แม้สเปอร์สตีเสมอ 3-3 แต่โซตาทำประตูชัยให้เจ้าถิ่นในนาทีที่ 90+4

สตาร์ทีมชาติเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า “คลอปป์โน้มน้าวว่ากองหน้าเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมกับผมมากที่สุด แน่นอนเป็นช่วงเวลาลำบากเมื่อครั้งมาถึงลิเวอร์พูลใหม่ๆ คลอปป์พูดชัดเจนว่าต้องการอะไรจากผม แต่ช่วงเริ่มต้น ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวให้คุ้นชินเป็นธรรมดา แต่อยากบอกว่า ผมสนุกที่ได้เล่นตำแหน่งนี้ตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา”

แม้ใช้เวลาเกือบทั้งหมดทำหน้าที่แนวรุกริมเส้นบนสังเวียนเอเรดิวิซี แต่กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นเรื่องปกติถ้ากั๊กโปถูกวางเป็นศูนย์หน้า อย่างเช่นเวิลด์คัพที่กาตาร์ หลุยส์ ฟาน กัล ให้กั๊กโปยืนตำแหน่งเบอร์ 9 ในนัดเสมอเอกวาดอร์ 1-1, ชนะกาตาร์ 2-0 และชนะสหรัฐอเมริกา 3-1 ส่วนนัดเปิดสนามที่ชนะเซเนกัล 0-2 และแมตช์รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่แพ้ดวลจุดโทษต่ออาร์เจนตินา กั๊กโปรับบทมิดฟิลด์ตัวรุก โดยฟุตบอลโลก กั๊กโปเป็นตัวจริงทั้ง 5 นัด ทำได้ 3 ประตู

กั๊กโปเล่าว่า “กัส ฮิดดิงค์ เป็นคนแรกที่แนะนำว่า ผมควรเป็นสไตรเกอร์หรือไม่ก็ false nine มีช่วงหนึ่งเขาเป็นบอร์ดบริหารและเคยเห็นผมเล่น แต่ผมไม่เชื่อหรอกนะ ต่อมาเป็นโรเจอร์ ชมิดท์ ที่พูดแบบเดียวกันตอนที่คุมทีมพีเอสวี แต่ผมยังใจแข็งเหมือนเดิมเพราะรู้สึกดีกับปีกซ้ายมากกว่า”

“แต่จุดเปลี่ยนคือเวิลด์คัพ 2022 ผมต้องเล่นบริเวณพื้นที่กลางสนามมากขึ้น และกลายเป็นงานถาวรเกือบตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา มันโอเคแล้วนะ ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆกับการเล่นตำแหน่งนี้ให้สโมสรเช่นเดียวกับทีมชาติ”

2 นัดล่าสุดกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในรายการเนชันส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ (แพ้โครเอเชีย) และนัดชิงอันดับ 3 (แพ้อิตาลี) โรนัลด์ คูมัน กุนซือคนใหม่ของเนเธอร์แลนด์ ใช้บริการกั๊กโปเป็นศูนย์หน้าแทนเมมฟิส เดปาย ที่บาดเจ็บน่อง

ดูเหมือนเส้นทางของกั๊กโปทั้งระดับสโมสรและทีมชาติได้มาบรรจบกันที่ “สไตรเกอร์” ทำให้เขาสามารถทุ่มเทสมาธิได้เต็มที่กับทักษะเครื่องจักรล่าประตู ซึ่งที่ผ่านมา แนวรุกดัตช์ไม่ได้มีเพียงสตาฟฟ์โค้ชสโมสรและทีมชาติที่เข้ามาช่วยพัฒนาฝีเท้า แต่ยังมีทีมงานส่วนตัวด้วย

จ้างทีมงานโค้ชแทคติกส่วนตัวเพื่ออัปเกรดฝีเท้า

ถ้าพิจารณาสไตล์การเล่นที่ผ่านมา กั๊กโปก็เป็นแนวรุกริมเส้นที่กึ่งๆกองหน้าอยู่แล้ว เขาเป็นปีกซ้ายที่ถนัดเท้าขวา บ่อยครั้งจะตัดเข้าในและเคลื่อนที่โจมตีฝ่ายตรงข้ามบนพื้นที่กลางสนาม ใช้ความเร็วและการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่วเพื่อ “กิน” กองหลังคู่แข่งจนกระทั่งเจอช่องว่างและโอกาสที่จะซัดบอลเพื่อทำประตู

ย้อนกลับยังเวิลด์ คัพ 2022 นัดแรกของรอบแรก กลุ่ม เอ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุในกาตาร์ เนเธอร์แลนด์ยังเสมอเซเนกัล 0-0 ดูเหมือนไม่สามารถหาช่องว่างของแนวรับเพื่อเจาะเข้าไปทำสกอร์ นักเตะเสื้อขาวยืนแพ็คแน่นบริเวณกรอบเขตโทษ 

เหลือเวลาราว 6 นาที แฟรงกี เดอ ยอง โยนยาวไปหน้าประตู กั๊กโปวิ่งทะยานจากปีกขวา ทะลวงกองหลังเซเนกัล 2 คนที่มองบอลที่กำลังลอยเข้ามา กั๊กโปกระโดดโฉบโหม่งตัดหน้านายทวารเอดูอาร์ เมนดี ที่กระโดดหวังชกบอลแต่พลาด กั๊กโปโหม่งให้เนเธอร์แลนด์นำ 1-0 ก่อนชนะไปในที่สุด 2-0 เก็บ 3 แต้มแรกตุนได้สำเร็จ

ประตูปลดล็อคคลายความกดดันให้ทีมอัศวินสีส้มมีที่มาที่ไปจากเหตุการณ์ประมาณครึ่งปีก่อนหน้าฟุตบอลโลก ชายผู้สอนทริกการเล่นให้กั๊กโปผ่านการรีเพลย์คลิปวิดิโอทีละขั้นตอน เปิดเผยว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากบาสเกตบอล

โลแรน วีรีลิงค์ โค้ชด้านแทคติกของกั๊กโป ให้สัมภาษณ์กับอีเอสพีเอ็นว่า “นั่นเป็นแผนการวิ่งที่พวกเราทำงานร่วมกัน เขาวิ่งไปด้านหลังในจังหวะกองหลังขยับขึ้นหน้า เป็นหนึ่งในแผนการวิ่งที่ผมเรียนรู้จากสมัยเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพ เรามีรูปแบบที่แตกต่างกัน 6 อย่างของการวิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ”

“ซิดนีย์ พี่ชายของกั๊กโป ส่งข้อความมาถึงผม (หลังเนเธอร์แลนด์ชนะเซเนกัล) บอกว่า ‘โลแรน นั่นเป็นประตูของคุณ’ กั๊กโปคงไม่วิ่งลักษณะนั้นถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผม เขาคงมองไม่เห็นดีเฟนซีพไลน์ที่ขยับขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้เขาวิ่งตัดหลังคู่แข่ง”

ที่กาตาร์ กั๊กโปเดินหน้าทำสกอร์ต่อไปใน 2 นัดที่เหลือของรอบแรก (เอกวาดอร์และกาตาร์) ก่อนสิ้นสุดเส้นทางที่รอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อพ่ายต่ออาร์เจนตินา

เป็นความปกติของฟุตบอลสมัยใหม่ที่นักเตะจะว่าจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวเพื่อยกระดับตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น รวดเร็วขึ้น และเฉียบคมขึ้น กั๊กโปเป็นหนึ่งในนักฟุตบอล 200 คน ที่ทำงานร่วมกับวีรีลิงค์ด้วยความหวังให้ตัวเองเป็นนักเตะที่เก่งขึ้น อดีตครูพละชาวดัตช์ได้เข้ามาช่วยให้นักฟุตบอลมีคู่มือแผนการเล่นเฉพาะตัวเหมือนกับกั๊กโป ซึ่งนำไปสร้างความได้เปรียบหรือความแปลกใจให้กับคู่ต่อสู้บนสนามหญ้า

ปรารถนาเป็นหนึ่งในนักเตะ 1% ที่ยืนบนยอดพิระมิด

ซิดนีย์ กั๊กโป รู้ดีว่าน้องชายของเขาต้องการข้อมูลเชิงลึกมากกว่าเพื่อนร่วมอาชีพทั่วไป จึงแนะนำโคดีให้รู้จักวีรีลิงค์ก่อนลีกเนเธอร์แลนด์เปิดฤดูกาล 2021-22 แม้ความได้เปรียบจากส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว ก็สร้างความหวั่นไหวให้กองหลังได้แล้ว กั๊กโปยังมีอันตรายจากความเร็ว การครองบอล และทักษะด้านเทคนิคในการสร้างแผนเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้าม

กั๊กโปมีพ่อเชื้อสายกานาที่เกิดในโตโก แม่เป็นชาวดัตช์ เขาเกิดในไอน์ดโฮเฟน เริ่มเข้าศึกษาศาสตร์ลูกหนังในอะคาเดมีของ พีเอสวี ไอน์ดโฮเฟน เมื่อปี 2007 ตอนอายุเพียง 8 ขวบ กั๊กโปผ่านโปรแกรมเยาวชนทุกระดับของสโมสร และเริ่มเข้าไปอยู่ใน ยอง พีเอสวี ซึ่งเป็นทีมสำรองของพีเอสวี ไอน์ดโฮเฟน ในซีซัน 2016-17 แต่ยังใช้เวลาส่วนใหญ่กับทีม ยู-19กั๊กโปประเดิมทีมชุดใหญ่ของพีเอสวีเมื่อถูกส่งลงสนามช่วงทดเวลาเจ็บของแมตช์ชนะเฟเยนูร์ด 3-1 เมื่อวันที่ 25กุมภาพันธ์ 2018

แม้พรสวรรค์บวกกับพรแสวงที่เพิ่มเติมขึ้นขณะอยู่ในระบบของพีเอสวีจะทำให้กั๊กโปไปได้ไกลกว่านักเตะรุ่นเดียวกันส่วนใหญ่ แต่กั๊กโปต้องการมากกว่านั้น แค่ดียังไม่พอ เขากระหายที่จะเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ เป็นนักฟุตบอลส่วนน้อย 1เปอร์เซ็นต์ที่ยืนอยู่บนยอดพีระมิด นั่นจึงทำให้เขาตกลงใจทำงานกับวีรีลิงค์

หลังทำการรีวิวการเล่นของกั๊กโป วีรีลิงค์ได้ข้อสรุปว่า กั๊กโปจำเป็นต้องพัฒนาประสิทธิภาพและการเคลื่อนที่ในโซน final third พวกเขาประชุมสุมหัวคิดร่วมกัน กั๊กโปต้องเล่นฟุตบอลด้วยมันสมองมากขึ้น คิดคำนวณให้มากขึ้นในแต่ละครั้งที่จะขยับตัวหรือทำอะไรสักอย่าง แทนการตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหรือดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่งบ่อยเกินไป กั๊กโปควรสงวนพลังงานเพื่อเอาไปใช้ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย

“กั๊กโปเป็นนักเตะที่ชอบเวลาลูกบอลอยู่กับเท้า แต่ผมบอกว่า ถ้าเขาต้องการเล่นฟุตบอลให้ได้ถึงระดับท็อป เขาจำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่านี้ และมีคำตอบไว้หลายแบบสำหรับสถานการณ์ต่างๆในการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น คุณต้องสร้างมุมและตำแหน่งที่แตกต่างกันเวลาเผชิญหน้ากรอบประตู มันเป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้จากบาสเกตบอล ทุกครั้งที่ได้ลูก คุณต้องพร้อมที่จะชู้ตลูกออกไปเสมอ นั่นจึงเป็นการสร้างอันตราย”

“ที่พีเอสวี เขาดูนิ่งเกินไปและมักปักหลักยืนแทนที่จะเคลื่อนที่ไปรอบๆ ดังนั้นเราจึงต้องวางแผนงานว่า เขาจะวางสรีระอย่างไรก่อนจะรับบอล(ที่ส่งมาให้)หรือออกวิ่ง เรายังต้องวางแผนเรื่องการเฝ้ามองพื้นที่ว่างไม่ว่าจะมีบอลอยู่กับตัวหรือไม่ เพราะนั่นจะทำให้เขามองเห็นช่องว่างที่สามารถวิ่งทะลวงเข้าไป”

3 ซีซันก่อนหน้าทำงานกับวีรีลิงค์ กั๊กโปมีสถิติรวมทุกรายการคือ 19 นัด 2 ประตูในซีซัน 2018-19, 39 นัด 8 ประตูในซีซัน 2019-20 และ 29 นัด 11 ประตูในซีซัน 2020-21 ส่วนซีซัน 2021-22 เฉพาะในเอเรดิวิซี กั๊กโปทำได้ 12 ประตูจาก 27 นัด และ 21 ประตูจาก 47 นัดรวมทุกรายการ

กั๊กโปอำลาลีกเนเธอร์แลนด์เมื่อซีซัน 2022-23 ผ่านไปราวครึ่งทาง เขาครองอันดับ 1 ของเอเรดิวิซีทั้งจำนวนสกอร์ (9ประตู) และแอสซิสต์ (12 ครั้ง) จากการลงสนาม 14 นัด มีเพียง ดูซาน ทาดิช (อาแจ็กซ์) และ วาคลาฟ เชร์นี (ทเวนเต) ที่ทำประตูได้มากกว่ากั๊กโปเมื่อจบโปรแกรมแข่งขัน แต่ทั้งสองเล่นมากกว่ากั๊กโปคนละ 14 นัด

เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองก่อนแล้วเพื่อนจะเปลี่ยนตาม

วีรีลิงค์อธิบายถึงการทำงานร่วมกับกั๊กโปว่า ทีมงานได้เตรียมวิดีโอกว่าร้อยคลิปที่ได้จาก WyScout แพลตฟอร์มฟุตบอลอาชีพที่บรรดาเอเยนต์ แมวมอง ผู้เล่น สื่อมวลชน และกรรมการใช้งานอย่างแพร่หลาย พวกเขาโฟกัสไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนที่ของร่างกายและศีรษะของแนวรุกดัตช์เพื่อเชื่อมโยงเข้ากับลูกฟุตบอล, การครองบอลของเพื่อนร่วมทีม และตำแหน่งของตัวประกบ จากนั้นจะถูกวางโปรแกรมให้ตอบสนองต่อสถานการณ์หลายรูปแบบและนำไปสร้างผลกระทบเชิงลบต่อคู่แข่ง ประตูแรกของกั๊กโปช่วงปลายครึ่งแรกที่ทำให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0 ก่อนชนะแมนฯยูไนเต็ดถล่มทลาย 7-0 ในเดือนมีนาคม เป็นตัวอย่างที่ดี

เพลย์เริ่มที่อลิสซง เบคเกอร์ เตะบอลยาวไปยังแดนแมนฯยูไนเต็ดให้ แอนดี โรเบิร์ตสัน ที่อยู่ใกล้ริมสนามฝั่งซ้าย กั๊กโปฉีกตัวเองจากแถววงกลมกลางสนามไปริมสนาม แต่เขาไม่ได้ขอบอลจากแบ็คซ้ายร่วมทีม แต่หวังสร้างพื้นที่ว่างตรงกลาง ซึ่งโรเบิร์ตสันตอบสนองด้วยการตัดเข้าในทันที 

มาถึงตรงนี้ กั๊กโปเห็นเฟรด นักเตะแมนฯยูไนเต็ด ที่อยู่ใกล้เขามากที่สุด กำลังมองไปที่บอล นั่นเป็นตัวกระตุ้นให้กั๊กโปนึกถึง backdoor run ที่ได้มาจากทีมงานของวีรีลิงค์ เขาจึงวิ่งตัดเข้าในด้านหลังของเฟรด ซึ่งเซเสียจังหวะ ขณะเดียวกันโรเบิร์ตสันจ่ายบอลทะลุกลุ่มผู้เล่นไปที่มุมกรอบเขตโทษ ส่วนกั๊กโปก็วิ่งเข้ามารับแบบเหมาะเจาะ

ราฟาเอล เวราน ปรี่เข้ามาขวาง กั๊กโปหักหลบเปลี่ยนทิศทางทำให้ปราการหลังเฟรนซ์เสียหลัก เป็นการเพิ่มพื้นที่ว่างด้านหน้า เขาแตะบอลหนึ่งจังหวะก่อนสับไกด้วยเท้าขวา ลูกพุ่งเข้าประตูทางเสาไกล ซึ่งวีรีลิงค์กล่าวเพิ่มว่า ลูกเล่นนี้ กั๊กโปเรียนรู้จากคลิปการสอนของเขาที่ชื่อว่า Clear depth-run – backdoor side

กั๊กโปและ สเตฟาน เดอ ฟรีจ์ ปราการหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงที่วีรีลิงค์สามารถเปิดเผยชื่อได้ วีรีลิงค์ยังมีลูกค้าระดับดาราอีกหลายคนที่ได้ประโยชน์จากหลักสูตรของเขา แต่ปรารถนาจะเก็บการทำงานเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างลับๆ

วีรีลิงค์มีแผนขยายธุรกิจของบริษัท แทคทาไลซ์ (Tactalyse) ไปยังสหรัฐอเมริกาก่อนถึงฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งเขามั่นใจว่าเป็นโอกาสที่ดีเพราะคนอเมริกันพร้อมลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอาชีพตัวเอง ต่างกับยุโรปที่เห็นว่าบริการเหล่านี้เป็นเรื่องเกินความจำเป็น ส่วนที่สหรัฐอเมริกา การจ่ายเงินให้เทรนนิงส่วนตัวเป็นเรื่องปกติมาก

แม้เป็นช่วงปิดซีซัน แต่นักฟุตบอลปัจจุบันนี้มักวางแผนซ้อมส่วนตัวระหว่างฤดูร้อนเพื่อรับประกันว่าพวกเขาจะเข้าค่ายเก็บตัวพรี-ซีซันในสภาพร่างกายที่ดี หรือบางคนที่เพิ่งผ่านซีซันที่เลวร้าย ฤดูร้อนเป็นเวลาเหมาะสมที่จะประเมินประสิทธิภาพของตัวเอง และตั้งคำถามว่า มีอะไรที่ตัวเขาทำได้เพื่อช่วยเหลือทีม

วีรีลิงค์เสนอมุมมองว่า “นักเตะหลายคนชอบบ่นเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ยอมส่งบอลมาให้ บางทีเพื่อนอาจมองไม่เห็นคุณก็ได้เลยไม่ผ่านบอลมา ข้อแนะนำของผมคือ ถ้าคุณเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง คุณจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของเพื่อนได้ ผลกระทบที่ส่งไปจากคนๆเดียวนั้นใหญ่กว่าที่คิด”

กั๊กโปและแทคทาไลซ์ทำงานร่วมกันตลอดซัมเมอร์เพื่อให้มั่นใจว่าเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลเห็นเขากำลังวิ่งตัดหลังฝ่ายตรงข้ามหรือกองหลังที่จับตามองบอล จากนั้นเมื่อเขาหลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับนายประตูหรือกองหลังคนสุดท้าย เขาต้องพร้อมที่จะโป้งปิดบัญชีด้วยความเฉียบคม สำหรับวีรีลิงค์แล้ว แทคติกของทีมมักถูกตีค่าเกินจริง แต่เป็นกลยุทธเฉพาะบุคคลของตัวนักเตะต่างหากที่สร้างความแตกต่างให้กับเกมลูกหนัง

“เราสามารถคุยเรื่องระบบการเล่นของทีมได้ยาวเป็นชั่วโมงๆ แต่ท้ายสุดแล้ว เป็นนักเตะที่สามารถทำบางอย่างได้สมบูรณ์แบบต่างหากที่จะเป็นตัวตัดสินเกม” บอสใหญ่แห่งแทคทาไลซ์กล่าวทิ้งท้าย

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)