8 ตุลาคม 2025 ได้รับการบันทึกบนหน้าประวัติศาสตร์ว่า เป็นวันที่กีฬาฟุตบอลมีผู้เล่นอภิมหาเศรษฐีระดับพันล้านเป็นคนแรกของโลก
คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังวัย 40 ปี ถูกบรรจุเข้าเป็นสมาชิกคนใหม่ของ Three Comma Club แห่งวงการกีฬา โดย “สโมสร 3 จุลภาค” สื่อถึงกลุ่มบุคคล Billionaire ที่มีความมั่งคั่งสุทธิหรือมูลค่าสุทธิ (Net Worth) ระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ในระบบตัวเลขภาษาอังกฤษ “หนึ่งพันล้าน” จะมีเครื่องหมายจุลภาค (Comma) คั่นอยู่ 3 ตัวคือ 1,000,000,000)
Bloomberg บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบริการข้อมูลทางการเงิน ซอฟต์แวร์ และสื่อ รายงานว่า โรนัลโดเป็นมหาเศรษฐีนักฟุตบอลหลังจากต่อสัญญาเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 กับอัล นาสเซอร์ สโมสรในกรุงรียาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้รับค่าเหนื่อย 492 ล้านปอนด์ (660 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า เทียบกับค่าเหนื่อยปีละ 173 ล้านปอนด์ (232 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ตอนที่เพิ่งย้ายจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมอัล นาสเซอร์ ในปี 2023
Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า รายได้ดังกล่าวทำให้ความมั่งคั่งสุทธิของโรนัลโดพุ่งขึ้นเป็น 1.045 พันล้านปอนด์ (1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) หนีห่างเพื่อนร่วมอาชีพเบอร์ 2 ลิโอเนล เมสซี ที่มีความมั่งคั่งสุทธิ 620 ล้านปอนด์ (832 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
หมายเหตุ : “ความมั่งคั่งสุทธิ” เป็นตัวชี้วัดสถานะทางการเงินที่สำคัญ โดยคำนวณจากสินทรัพย์ทั้งหมดที่มี หักลบด้วยหนี้สินทั้งหมดที่มี ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง สูตรคือ ความมั่งคั่งสุทธิ = สินทรัพย์รวม – หนี้สินรวม แสดงให้เห็นว่ามีเงินเหลือเท่าไรหลังชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว และใช้ในการติดตามความก้าวหน้าทางการเงินในระยะยาว
10 นักฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
อ้างอิงจากดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์กฉบับล่าสุดได้รายงาน 10 อันดับนักฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดจากการประเมินด้วยความมั่งคั่งสุทธิได้แก่
1. คริสเตียโน โรนัลโด (ชาวโปรตุเกส, สโมสรอัล นาสเซอร์) 1.045 พันล้านปอนด์
2. ลิโอเนล เมสซี (อาร์เจนตินา, อินเตอร์ ไมอามี) 620 ล้านปอนด์
3. เนย์มาร์ จูเนียร์ (บราซิล, ซานโตส) 280 ล้านปอนด์
4. คีลิยัน เอ็มบัปเป (ฝรั่งเศส, เรอัล มาดริด) 186 ล้านปอนด์
5. คาริม เบนเซมา (ฝรั่งเศส, อัล อิตติฮัด) 150 ล้านปอนด์
6. พอล ป๊อกบา (ฝรั่งเศส, โมนาโก) 93 ล้านปอนด์
7. ซน ฮึง-มิน (เกาหลีใต้, ลอส แอนเจลีส เอฟซี) 75 ล้านปอนด์
8. อองตวน กรีซมานน์ (ฝรั่งเศส, แอตเลติโก มาดริด) 67 ล้านปอนด์
9. โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (อียิปต์, ลิเวอร์พูล) 66 ล้านปอนด์
10. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี (โปแลนด์, บาร์เซโลนา) 63 ล้านปอนด์

ขอบคุณภาพจาก https://www.thesun.co.uk/sport/12682986/lionel-messi-billionaire-adidas-hotel/
จากท็อป 10 พบว่าเป็นชาวฝรั่งเศสถึง 4 คน เลวานดอฟสกีเป็นอีกคนที่เกิดในยุโรป โดยอภิมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุด 3 คนแรกมาจากอเมริกาใต้ ส่วนอีก 2 คนในลิสต์มาจากแอฟริกา (ซาลาห์) กับเอเชีย (ฮึง-มิน)
เป็นที่น่าสังเกตว่า โรนัลโดมีความมั่งคั่งสุทธิมากกว่าเมสซีถึง 425 ล้านปอนด์ ซูเปอร์สตาร์อาร์เจนไตน์รวยกว่าอันดับ 3 เนย์มาร์ 340 ล้านปอนด์ มีเอ็มบัปเปและเบนเซมาอีก 2 คนเท่านั้นที่รวยแตะหลักร้อยล้านปอนด์
นอกจากโรนัลโดแล้ว Forbes สื่อเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ เพิ่งรายงานเมื่อปลายสิงหาคม 2025 ว่า โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ตำนานนักเทนนิส กลายเป็นนักกีฬาคนที่ 7 ในประวัติศาสตร์ที่ร่ำรวยหลักพันล้าน
เชื่อว่า ยอดนักหวดชาวสวิส ซึ่งแขวนแร็กเก็ตเมื่อปี 2022 มีความมั่งคั่งสุทธิล่าสุดอยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขที่ถีบตัวสูงขึ้นมาจากการถือหุ้นส่วนน้อยในแบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้าสัญชาติสวิส On เฟเดอเรอร์ยังเป็นนักเทนนิสที่ได้รับค่าตอบแทนสูงสุดเป็นเวลา 16 ปีติดต่อกัน แม้ได้รับเงินรางวัลจากการแข่งขันน้อยกว่าคู่แข่งสำคัญอย่างโนวัค ยอโควิช และราฟาเอล นาดาล
บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่สร้างร่ำรวยระดับพันหลักเพราะมีตำนานอยู่ในลิสต์ถึง 4 คนคือ จูเนียร์ บริดจ์แมน, เมจิก จอห์นสัน, ไมเคิล จอร์แดน และเลบรอน เจมส์ โดย Billionaire อีกคนคือ ไทเกอร์ วูดส์ ยอดนักกอล์ฟลูกครึ่งไทย-อเมริกัน
ทำไมโรนัลโดจึงรวยเกินหน้าเกินตายอดนักเตะเบอร์ต้นๆ ของโลกมากขนาดนี้ คำถามอยู่ที่แหล่งรายได้ ซึ่งไม่ได้มาจากสโมสรและบริษัทสปอนเซอร์เท่านั้น
Lifetime Deal และ Co-branded Collection
แน่นอนว่า แหล่งรายได้เบื้องต้นที่สร้างความมั่งคั่งให้กับโรนัลโดมาจากสัญญาว่าจ้างในอดีตกับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และยูเวนตุส แต่นอกสนามฟุตบอล โรนัลโดยังได้รับข้อเสนออีกมากมายทางธุรกิจที่น่าทึ่งและมหาศาล ตัวอย่างเช่น Nike, Armani, Herbalife, TAG Heuer ซึ่งต่างเซ็นสัญญาผูกมัดนานหลายปี รวมถึง Clear Shampoo, DAZN, LiveScore, Panini ฯลฯ และดีลล่าสุด KFC
ข้อตกลงกับ Nike นับเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงที่สุดเพราะโรนัลโดเป็น 1 ในนักกีฬาเพียงไม่กี่คนในโลก ร่วมกับ 2 สุดยอดนักบาสเกตบอล ไมเคิล จอร์แดน และเลบรอน เจมส์ ที่มี “สัญญาตลอดชีพ” (Lifetime Deal) กับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าและอุปกรณ์กีฬาสัญชาติอเมริกัน โดยบลูมเบิร์กรายงานว่า โรนัลโด ซึ่งเซ็นสัญญาดังกล่าวเมื่อปี 2016 ได้รับเงินจากไนกี้เกือบปีละ 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ขอบคุณภาพจาก https://telegrafi.com/en/ronaldo%27s-lifetime-contract-with-nike-is-worth-1-billion-euros/
นอกจากนี้ โรนัลโดยังผลักดันแบรนด์ CR7 ของตนเองจนโด่งดังระดับโลก พร้อมยังจับมือกับพันธมิตรหลัก (Major Partners) หลายแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งโรนัลโดเป็นพรีเซนเตอร์หรือนายแบบโฆษณาแคมเปญให้ ออกสินค้ารุ่นพิเศษในชื่อ CR7 ร่วมกับเขา (Co-branded Collection) อาทิ
TAG Heuer Formula 1 CR7 Limited Edition Chronograph (รุ่น CAZ1113.FC8189) ร่วมกับบริษัทนาฬิกาหรูสัญชาติสวิส “แทค ฮอยเออร์” เป็นนาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟ (Chronograph) ที่อยู่ในตระกูล Formula 1 สีดำและสีเขียว ซึ่งเป็นสีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสนามฟุตบอล (สีเขียวของหญ้า) และมีสไตล์ที่ดูสปอร์ตและดุดัน ผลิตจำนวนจำกัด (Limited Edition) เพียง 3,000 เรือนทั่วโลก
Clear Men Legend by CR7 Special Edition Shampoo ร่วมกับบริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม “เคลียร์” เป็นแชมพูขจัดรังแครุ่นพิเศษที่โรนัลโดมีส่วนร่วมคัดเลือกส่วนประกอบบางอย่างของผลิตภัณฑ์ เช่นเป็นคนเลือกกลิ่นหอมสปอร์ตแนว Aquatic ที่ติดทนนานถึง 8 ชั่วโมง รวมถึงลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์และดีไซน์ของขวด
Herbalife24 CR7 Drive ร่วมกับบริษัทโภชนาการระดับโลก “เฮอร์บาไลฟ์” เป็นเครื่องดื่มเกลือแร่ ซึ่งเน้นไปที่การให้พลังงานและความชุ่มชื้นสำหรับนักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกาย
CR7 ForeverZone ร่วมกับแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีขนาดใหญ่ “ไบแนนซ์” เป็นบ้านดิจิทัลสำหรับคอลเลกชัน NFT ของโรนัลโดโดยเฉพาะ ซึ่ง NFT เหล่านี้มีลักษณะเป็นของสะสมดิจิทัลที่เกี่ยวกับช่วงเวลาสำคัญในอาชีพค้าแข้งของโรนัลโด
โดยเฉพาะ “ไนกี้” ซึ่งได้ออกรองเท้าสตั๊ดรุ่นพิเศษในชื่อ CR7 มาแล้วกว่า 30 รุ่น เน้นการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตและความสำเร็จของเขา ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นซีรีส์ เช่น Signature Chapter Boots ซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยแต่ละรุ่นจะเปรียบเสมือนบท (Chapter) ในเส้นทางอาชีพของโรนัลโด และมีดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น CR7 Chapter 1: Savage Beauty แรงบันดาลใจจากเกาะมาเดรา บ้านเกิดของเขา , CR7 Chapter 4: Forged For Greatness สื่อถึงการพัฒนาตัวเองจากพรสวรรค์สู่ความยิ่งใหญ่ , CR7 Chapter 5: Cut To Brilliance ได้รับแรงบันดาลใจจากเพชรที่ถูกเจียระไนอย่างสมบูรณ์แบบ
ไนกี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ในคอลเลกชัน CR7 เช่น เสื้อผ้า กางเกง ถุงเท้า ที่ใช้เทคโนโลยี Dri-FIT และมีโลโก้ CR7 ปรากฏอยู่ด้วย
จ้างมืออาชีพเพื่อเพิ่มรายได้มหาศาลจากการลงทุน
แน่นอนว่า ความสามารถและชื่อเสียงอันยาวร่วม 2 ทศวรรษของโรนัลโด ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายที่ดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลโดยตรงจากสโมสรต้นสังกัดและบริษัทธุรกิจทั่วโลก แต่การนำเงินเหล่านั้นไปต่อยอดสร้างรายได้ก้อนใหญ่ไม่แพ้กันจากการลงทุนด้วยตนเองก็น่าสนใจ
โรนัลโดใช้สถานภาพ G.O.A.T, ความโด่งดังระดับซูเปอร์สตาร์ และภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งมาสร้างอาณาจักรธุรกิจของตนเองภายใต้แบรนด์ CR7 และขยายเข้าไปในธุรกิจหลายประเภท ซึ่งจะทำให้เขามีรายได้ต่อเนื่องและมั่นคงแม้เลิกเล่นฟุตบอลไปแล้ว โดยไม่ได้มีเพียงสินค้าแฟชันและไลฟ์สไตล์ที่คุ้นเคยสำหรับแฟนบอลเช่น เสื้อผ้า ชุดชั้นใน แว่นตา น้ำหอม รองเท้า ตัวอย่างเช่น
ธุรกิจโรงแรม Pestana CR7 Hotels ลงทุนร่วมกับ Pestana Group เปิดโรงแรมหรูในหลายเมืองสำคัญ เช่น ลิสบอน, มาเดรา, นิวยอร์ก และมาดริด
ธุรกิจฟิตเนส CR7 Fitness by Crunch เปิดศูนย์ออกกำลังกาย โดยใช้ภาพลักษณ์การดูแลสุขภาพและรูปร่างที่ดีของตนเองเป็นจุดขาย
ธุรกิจความงาม Insparya ลงทุนในคลินิกปลูกผมในสเปน โดยถือหุ้นในสัดส่วน 50%

ขอบคุณภาพจาก https://www.bjtonline.com/business-jet-news/cristiano-ronaldos-global-express-is-very-cool
ธุรกิจให้เช่าเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว นอกเหนือเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวหลายลำที่ใช้เดินทางเอง โดยบางลำเช่น Gulfstream G650 หรือ Bombardier Global Express XRS ได้รับการตกแต่งเป็นพิเศษและมีสัญลักษณ์ CR7 อยู่บนลำเครื่องบินด้วย
พิพิธภัณฑ์ส่วนตัว CR7 Museum ซึ่งแฟนๆ แฟน ๆ ของโรนัลโดสามารถเรียนรู้เรื่องราวชีวิต ความสำเร็จ และแรงบันดาลใจตลอดเส้นทางการเป็นนักฟุตบอล รวมถึงจัดแสดงถ้วยรางวัล รางวัลส่วนตัว เสื้อแข่ง รองเท้าสตั๊ด ได้แก่ Museu CR7 พิพิธภัณฑ์ดั้งเดิมในบ้านเกิดที่เมืองฟุงชาล บนเกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส, CR7 Signature Museum ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย) และ CR7 LIFE Museum ที่ฮ่องกง
นอกจากธุรกิจแบรนด์ตัวเองแล้ว โรนัลโดยังบริหารจัดการความมั่งคั่งด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเช่น ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรูหลายแห่งทั่วโลกอาทิ รีสอร์ตกอล์ฟขนาดใหญ่ บ้านและที่ดินส่วนตัวที่มีมูลค่าสูง รวมถึงเข้าไปถือหุ้นในธุรกิจต่างๆ หลายรูปแบบ เช่น ซื้อหุ้น Vista Alegre บริษัทเครื่องเคลือบดินเผาเก่าแก่ของโปรตุเกส เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนระยะยาว
มีรายงานว่า โรนัลโดมีทีมที่ปรึกษาทางการเงินและนักกฎหมายคอยให้คำแนะนำในการจัดการภาษี การลงทุน และการดำเนินธุรกิจต่างๆ เพื่อให้ทุกการตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเกิดประโยชน์สูงสุด
การก้าวขึ้นเป็นอภิมหาเศรษฐีพันล้านของโรนัลโดจึงไม่ได้มาจากค่าเหนื่อยและพรีเซนเตอร์สินค้าเหมือนนักฟุตบอลอาชีพทั่วไป แต่ยังมาจากการใช้ “แบรนด์ตัวเอง” เป็นเครื่องมือหลักในการขยายอาณาจักรธุรกิจ การกระจายความเสี่ยง และการบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีวินัยร่วมกับทีมงานที่ปรึกษามืออาชีพ
วางเป้าหมายเล่นต่อ 2-3 ปี และคว้าแชมป์เวิลด์คัพ
แม้ความร่ำรวยเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ Newsweek นิตยสารข่าวระดับโลก ได้วิเคราะห์เรื่องนี้ว่า โรนัลโดกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านคนแรกของวงการฟุตบอลถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในแวดวงเศรษฐศาสตร์กีฬา การต่อสัญญาฉบับใหม่กับอัล นาสเซอร์ ไม่เพียงเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของค่าตอบแทนผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของประเทศต่างๆ ในอ่าวเปอร์เซียต่อวงการกีฬาโลกอีกด้วย
รายได้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ของโรนัลโด ซึ่งได้ค่าเหนื่อย 300 ปอนด์ต่อนาทีในซาอุดีอาระเบีย ได้เปลี่ยนโฉมเกณฑ์มาตรฐานด้านความมั่งคั่งของนักกีฬา ศักยภาพในการสร้างแบรนด์ และการย้ายทีมข้ามทวีป กรณีศึกษานี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังทางเศรษฐกิจในวงกว้างที่หล่อหลอมวงการฟุตบอลอาชีพและนักกีฬาชื่อดังระดับโลก
หลังจากเซ็นสัญญากับอัล นาสเซอร์ และเล่นในซาอุดิ โปร ลีก จนถึงปี 2027 Newsweek มองว่า ภาพลักษณ์ของโรนัลโดจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของวงการฟุตบอลในตะวันออกกลาง และการขยายแบรนด์ CR7 ไปทั่วโลก การย้ายทีมของเขายังสร้างบรรทัดฐาน ทั้งด้านการเงินและวัฒนธรรม สำหรับนักกีฬาชื่อดังในอนาคตที่กำลังพิจารณาข้อเสนออันคุ้มค่าจากอ่าวเปอร์เซีย

ขอบคุณภาพจาก https://telegrafi.com/en/Ronaldo-admits-he-used-it-to-write-his-speech-for-the-Globo-Prestigio-award/
แล้วเส้นทางบนสนามฟุตบอลของโรนัลโดจะเป็นอย่างไรต่อไป ตำนานที่ยังเล่นอยู่เพิ่งให้คำตอบบนเวทีแห่งเกียรติยศ ซึ่งเขาได้รับรางวัล Globo Prestigio Award จากสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกส (FPF) ซึ่งมอบรางวัลนี้เพื่อยกย่องความสำเร็จและคุณูปการอันยิ่งใหญ่และยาวนานของบุคคลที่มีชื่อเสียงต่อวงการฟุตบอลโปรตุเกส
โรนัลโดกล่าวถึงรางวัลนี้ว่า “นี่ไม่ใช่รางวัลสำหรับการยุติอาชีพ แต่เป็นการยอมรับในความพยายาม ความทุ่มเท และความมุ่งมั่นมาเป็นเวลาหลายปี” เพื่อเน้นย้ำแบบทีเล่นทีจริงว่า Globo Prestigio Award เป็น “รางวัลเชิดชูเกียรติความสำเร็จในอาชีพ” ไม่ใช่รางวัลสำหรับผู้ที่กำลังจะเกษียณอายุ
เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยกล่าวเสริมว่า “ผมมีถ้วยรางวัลอยู่บ้างที่บ้าน แต่ขอบอกเลยว่าใบนี้พิเศษและสวยงามมาก ผมต้องสารภาพว่าบ่ายวันนี้ผมนั่งคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรในสุนทรพจน์นี้ ผมคิดอยู่ว่า ‘รางวัลเกียรติยศคืออะไรกันนะ? สงสัยจะเป็นรางวัลปิดฉากอาชีพหรือเปล่า’ ผมรู้สึกประหม่าเล็กน้อยและคิดว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ที่จะเป็นแบบนั้น”
“ผมอยู่กับทีมชาติมา 22 ปีแล้ว นั่นบ่งบอกถึงความหลงใหลที่ผมมีต่อการสวมเสื้อทีมชาติเพื่อคว้าถ้วยรางวัลและการลงเล่นให้โปรตุเกส ผมยังมีอะไรอีกมากที่จะมอบให้กับทีมชาติและวงการฟุตบอล ผมอยากจะเล่นต่อไปอีกสัก 2-3 ปี ไม่มากนักหรอก”
“อีก 2-3 ปี” ดูเหมือนเป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยานแม้โรนัลโดจะมีชื่อเสียงเรื่องความทุ่มเทให้กับการรักษาและเสริมสร้างสภาพร่างกายก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายทะเยอทะยานที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่โรนัลโดบอกว่า
“แน่นอนสำหรับผมแล้ว เป้าหมายของโปรตุเกส คือการไปฟุตบอลโลกและคว้าแชมป์ตามที่เราทุกคนต้องการ”
เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)

Senior Football Editor