คริสตัล พาเลซ สโมสรฟุตบอลอายุเกือบ 120 ปีแห่งเซลเฮิร์สท์ ลอนดอนใต้ มีเกียรติประวัติสูงสุด แชมป์ลีกเทียร์ 2 ซีซัน 1978-79 และ 1993–94 รวมถึงรองแชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย ซึ่งแพ้ต่อแมนฯยูไนเต็ดทั้ง 2 ครั้ง
ฤดูกาล 1989-90 พาเลซขึ้นนำ 2 ครั้ง ก่อนเสมอ 3-3 เมื่อจบเกม 120 นาที ต้องเตะรีเพลย์อีก 5 วันถัดมา ซึ่งแมนฯยูไนเต็ดชนะ 1-0 จากประตูนาทีที่ 59 ของลี มาร์ติน เป็นแชมป์รายการแรกของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งช่วยให้ตำนานผู้จัดการรอดพ้นจากการโดนปลด
ฤดูกาล 2015-16 พาเลซยังคงเป็นฝ่ายนำ และแมตช์ต้องต่อเวลาอีกครั้งหลังเสมอ 1-1 ก่อนที่แมนฯยูไนเต็ดปิดจ็อบสำเร็จ เจสซี ลินการ์ด ทำประตูชัยนาทีที่ 110
ฤดูกาล 2024-25 วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 2025 พาเลซจะเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ เป็นครั้งที่ 3 และเป็นอีกครั้งที่ฝ่ายตรงข้ามคือ แมนเชสเตอร์ แต่หนนี้เป็นแมนฯซิตี
ถ้าล้มทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้สำเร็จ “ดิ อีเกิลส์” ไม่เพียงสัมผัสถ้วยเก่าแก่สมัยแรก ยังได้สิทธิร่วมแข่งขันยูโรปา ลีก ฤดูกาลหน้า
ผู้จัดการทีมที่อาจสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้พาเลซมีชื่อว่า โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือวัย 50 ปีจากออสเตรีย
เริ่มต้นสวย พาเลซล้มลิเวอร์พูล–แมนฯยูไนเต็ด
ว่างงานเกือบ 1 ปีหลังไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ยกเลิกสัญญาเมื่อจบซีซัน 2022-23 กลาสเนอร์ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมพาเลซ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2024 แทนรอย ฮอดจ์สัน แต่ไม่ได้คุมทีมข้างสนามในวันนั้น ซึ่งพาเลซเสมอ 1-1 ในบ้านของเอฟเวอร์ตัน เพียงเฝ้าดูบนอัฒจันทร์เคียงข้างสตีฟ แพรีช ประธานสโมสร มอบหน้าที่ให้แพดดี แมคคาร์ธี

ขอบคุณภาพจาก https://www.reddit.com/r/soccerbanners/comments/1awbbbt/austrian_oliver_glasner_has_taken_over_as_crystal/
กับการคุมทีมลงสนามพรีเมียร์ลีกนัดแรก วันที่ 24 กุมภาพันธ์ กลาสเนอร์พาทีมชนะเบิร์นลีย์ 3-0 ในเซลเฮิร์สท์ พาร์ค และยังสามารถหยุดสถิติไร้พ่ายในแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูลไว้ที่ 29 นัดด้วยชัยชนะ 1-0 เมื่อ 14 เมษายน
แค่นั้นยังไม่พอ พาเลซยังอัดแมนฯยูไนเต็ดพังพาบ 4-0 ในเซลเฮิร์สท์ พาร์ค เมื่อ 6 พฤษภาคม และปิดฉากซีซันด้วยฟอร์มข่มวิลลา 5-0 เก็บชัยชนะ 6 นัดจาก 7 นัดสุดท้าย จบด้วยอันดับ 10 ซึ่งสูงสุดในยุคพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่ 2 หลังจากขึ้นๆลงๆอันดับ 14-15 ระหว่างต้นธันวาคมถึงปลายเมษายน อีกทั้งกลาสเนอร์ยังช่วยให้พาเลซเก็บแต้มสะสมได้ 49 คะแนน
ลูกทีม 4 คนของกลาสเนอร์ยังโชว์ฟอร์มเข้าตาแกเรธ เซาธ์เกต ซึ่งใส่ชื่อในทีมชาติอังกฤษชุดยูโร 2024 ได้แก่ เอเบเรชี เอเซ, มาร์ก เกฮี, อดัม วอร์ตัน และดีน เฮนเดอร์สัน เป็นจำนวนมากที่สุดในบรรดาสโมสรพรีเมียร์ลีก
แต่การคุมทีมเต็มซีซันครั้งแรกของกลาสเนอร์ พาเลซออกสตาร์ทพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024-25 ย่ำแย่ ชนะนัดเดียวจาก 13 เกมแรก เสมอและแพ้อย่างละ 6 นัด ก่อนยกระดับผลงานขึ้นมา เคยขึ้นไปถึงอันดับ 11 ส่วนบอลถ้วย พาเลซตกรอบ 8ทีมสุดท้าย คาราบาว คัพ เมื่อแพ้อาร์เซนอล 2-3 แต่ได้ชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ กับแมนฯซิตี
กลาสเนอร์อาจไม่ใช่ผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกที่ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลักในอังกฤษ และถูกนำเสนอข่าวสารมากนัก แต่เรื่องราวและปรัชญาการทำงานของเขาก็น่าสนใจใม่ใช่น้อย
ความผิดพลาดทำให้นักเตะก้าวหน้า
ว่ากันว่าเมื่อครั้งกลาสเนอร์รับงานที่เซลเฮิร์สท์ ข้อความแรกที่ส่งไปยังนักเตะพาเลซคือ “อย่ากลัวที่จะทำผิดพลาด”เนื่องจากกุนซือออสเตรียตระหนักว่า ฟุตบอลเป็นเกมที่สร้างขึ้นมาจากความผิดพลาด และผู้เล่นจะเติบโตก้าวหน้าอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อปราศจากความกลัว
เคนเนดี บัวเต็ง เซ็นเตอร์แบ็ควัย 28 ของดีนาโม บูคาเรสต์ ซึ่งเคยเล่นให้กลาสเนอร์ที่แอลเอเอสเค ช่วยยืนยันแนวคิดข้างต้นว่า “สำหรับนักฟุตบอลหนุ่มๆ แนวคิดนี้ถือว่าดีมาก กลาสเนอร์เป็นโค้ชที่ใกล้ชิดลูกทีมและอนุญาตให้ทำผิดพลาดได้ ขณะที่ความอิสระเป็นเรื่องดีเพราะเปิดโอกาสให้เรียนรู้โดยปราศจากความกลัว ซึ่งมักเกิดขึ้นเวลาทำผิด”
ปรัชญาดังกล่าวมาจากประสบการณ์ “เฉียดตาย” ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของกลาสเนอร์ ซึ่งแขวนสตั๊คขณะอายุ 37 ปีเพราะเลือดออกในสมอง ดังนั้นเมื่อหันเข็มทิศชีวิตมาเป็นโค้ช กลาสเนอร์จึงสัญญากับตัวเองว่า นี่ไม่ใช่เพียงงาน แต่ยังต้องสนุกด้วย
กลาสเนอร์เริ่มเส้นทางนักฟุตบอลกับ SV Riedau ก่อนเข้าร่วม SV Ried ทีมในดิวิชัน 2 ของออสเตรียในปี 1993 ขณะอายุ 19 ปี
เอสเฟา รีด เลื่อนขึ้นไปยังออสเตรียน บุนเดลีกา ในปี 1995 และชนะเลิศออสเตรียน คัพ ซีซัน 1997-98 แต่เมื่อทีมตกลงไปดิวิชัน 2 ในปี 2003 กลาสเนอร์ย้ายไปเล่นให้แอลเอเอสเคในลีกสูงสุดด้วยสัญญายืมตัว ก่อนกลับมา เอสเฟา รีด ซึ่งโปรโมทขึ้นลีกสูงสุดในปี 2005 และได้แชมป์ออสเตรียน คัพ อีกสมัยในซีซัน 2010-11

ขอบคุณภาพจาก https://www.thesun.co.uk/sport/34725201/oliver-glasner-premier-league-crystal-palace-fa-cup/
31 กรกฎาคม 2011 กลาสเนอร์มีแผลแตกเหนือตาและมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อยขณะแย่งโหม่งระหว่างแข่งขันบอลลีกกับราปิด เวียนนา แต่ยังร่วมเดินทางกับทีม ซึ่งมีคิวเตะยูโรปา ลีก นัดที่ 2 ของรอบคัดเลือก รอบ 3 กับบรอนด์บี
อาการเลือดออกในสมองกำเริบขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2011 หลังการฝึกซ้อม กลาสเนอร์ถูกส่งเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน แม้พ้นขีดอันตรายแต่กลาสเนอร์ประกาศอำลาวงการตามคำแนะนำของแพทย์เมื่อ 23 สิงหาคม 2011 ด้วยสถิติลงสนามบอลลีกกว่า 500 นัดตลอดระยะเวลา 16 ปีในฐานะผู้เล่นกองหลัง
ไม่เพียงปรัชญาการใช้ชีวิต แต่แนวคิดการทำงานของกลาสเนอร์ก็ให้ประโยชน์แก่เช่นกัน
สนับสนุนให้นักเตะปลดปล่อยตัวตนออกมา
หลังยุติอาชีพนักฟุตบอล กลาสเนอร์ได้รับข้อเสนอให้ทำหน้าผู้ช่วยโค้ชที่เอสเฟา รีด ในปี 2012 แต่ ปีเตอร์ โวเกิล ซึ่งตอนนั้นเป็นประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ของเอสเฟา รีด และซีอีโอของเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ได้ดึงเขามาเป็นผู้ช่วยฝ่ายบริหารและรับผิดชอบด้านกีฬา
กลาสเนอร์เคยขอโอกาสจาก ราล์ฟ รังนิก เพื่อทำหน้าที่โค้ช และเดือนกรกฎาคม 2012 ก็ได้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ โรเจอร์ ชมิดท์ ในทีมชุดใหญ่ของซัลซ์บวร์ก แต่หลังจากร่วมคว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วย ซีซัน 2013-14 กลาสเนอร์ก็ไม่ได้ตามไปทำงานกับชมิดท์ที่ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน แต่ตอบรับตำแหน่งผู้จัดการทีม เอสเฟา รีด ซีซัน 2014-15
ฤดูกาลถัดมา กลาสเนอร์ย้ายไปทำงานให้สโมสรเก่าอีกแห่งคือ แอลเอเอสเค ควบตำแหน่งผู้จัดการทีมและผู้อำนวยการด้านกีฬา สามารถพาทีมขึ้นไปเล่นลีกสูงสุดในการคุมทีมปีที่ 2 และจบอันดับ 4 ออสเตรียน บุนเดสลีกา ซีซัน 2017-18 ได้สิทธิเล่นยูโรปา ลีก รอบคัดเลือก รอบที่ 3 ซึ่งเป็นการคืนสังเวียนยุโรปของทีมนับจากปี 2000
กลาสเนอร์พาแอลเอเอสเคเป็นรองแชมป์ลีก ซีซัน 2018-19 ได้สิทธิเล่นแชมเปียนส์ ลีก รอบคัดเลือก รอบที่ 3 ซึ่งทำให้ เยิร์ก ชมัดท์เคอ เห็นแวว จึงดึงตัวไปคุมทีมโวล์ฟส์บวร์กในบุนเดสลีกาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2019

ขอบคุณภาพจาก https://www.common-goal.org/Stories/Glasner-Joins-Common-Goal2020-07-27
เคนเนดี บัวเต็ง อดีตลูกทีมของกลาสเนอร์ที่แอลเอเอสเค กล่าวถึงอดีตนายใหญ่ที่เปลี่ยนจากทีมเล็กๆให้กลายเป็นทีมแนวหน้าว่า กลาสเนอร์ใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ เปรียบเสมือนพ่อคนที่ 2 เวลาอยู่ในโรงอาหาร ซึ่งเป็นคนละคนกับตอนอยู่ในสนามฟุตบอล สนใจอยากรู้แบ็คกราวน์ของผู้เล่นเพื่อทำความเข้าใจในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง
“สำหรับคนที่มาจากแอฟริกาอย่างผม ย่อมอยากได้ใครสักคนที่เป็นเหมือนพ่อ โดยเฉพาะพวกเราที่เพิ่งมาอยู่ยุโรปเป็นครั้งแรก เรื่องนี้มีความสำคัญมาก เขาไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเราทุกคนเหมือนกันหมด แต่จะปรับแต่งให้เข้ากับแต่ละคนในฐานะปัจเจกบุคคล ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องทำอะไรเหมือนๆกัน แต่ทุกคนจะรู้สึกมีส่วนร่วม”
กลาสเนอร์ยังเป็นคนเดิมที่สนามซ้อมเบคเคนแฮมของพาเลซ สนับสนุนให้แต่ละคนแสดงความออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง และยืนยันให้ทุกคนทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ในงานที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอล สตาฟฟ์โค้ช หรือแม้แต่พนักงานในครัว
บทเรียนจากการขัดแย้งแรงที่โวล์ฟส์บวร์ก
บุนเดสลีกาถือเป็นก้าวกระโดดสำหรับอาชีพโค้ชของกลาสเนอร์ พาโวล์ฟส์บวร์กจบอันดับ 7 ในปีแรก ได้โควตายูโรปา ลีก ซึ่งเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย และจบอันดับ 4 ในปีที่ 2 ได้โควตาแชมเปียนส์ ลีก แต่กลับแยกทางกับสโมสรเมื่อจบซีซัน 2020-21 เนื่องจากมีความขัดแย้งกับชมัดท์เคอ ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร และลูกทีมขาใหญ่บางคน
กลาสเนอร์ประสบปัญหาระเบียบวินัยในห้องแต่งตัว จนทุกอย่างถึงจุดระเบิด เป็นกุนซือที่เลือกเป็นฝ่ายก้าวเท้าออกจากโวล์ฟส์บวร์ก โดย โจชัว กุยลาโวกุย กัปตันทีมขณะนั้น ซึ่งตอนนี้เล่นกับทีมลีดส์ ถึงกับลั่นวาจาว่า ตัวเขาดีใจที่กลาสเนอร์ออกไป
ทอม เดสโบโรห์ นักข่าวเยอรมัน ให้ความเห็นว่า มันจบได้แปลกมากขณะที่ทีมมีช่วงเวลาที่ดีมาก กลาสเนอร์ทำผลงานในสนามได้เยี่ยม แต่มีปัญหาส่วนตัวกับชมัดท์เคอ รวมถึงกุยลาโวกุย ซึ่งเหตุผลคงเป็นเพราะดร็อปกัปตันทีมเป็นผู้เล่นสำรอง
“แต่ผมเชื่อว่า กลาสเนอร์ได้บทเรียนจากเรื่องเหล่านี้ และนำมันติดตัวไปที่แฟรงค์เฟิร์ต”
ยอมรับไม่ได้หากใช้อีโกกับทีมและส่วนรวม
เดือนพฤษภาคม 2021 แฟรงค์เฟิร์ตประกาศชื่อกลาสเนอร์เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ด้วยสัญญา 3 ปีจนถึง 30 มิถุนายน 2024 ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้น กุนซือออสเตรียนให้คำมั่นสัญญาว่า จะมอบความเคารพและอิสระแก่นักเตะ แต่ระเบียบวินัยเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้
กลาสเนอร์เคยให้สัมภาษณ์กับ The High Performance Podcast ว่า “ในชีวิตหนึ่ง ถ้าคุณลงทุนกับอะไรบางอย่างและมุ่งสมาธิอยู่กับมัน ก็จะได้รับรางวัลในที่สุด”
“ทุกคนต่างมีอัตตา (ego) ผมบอกกับนักเตะว่าให้ใช้มันเพื่อทีม ถ้าขัดแย้งกับผมด้วยอัตตา ไม่มีปัญหา แต่ถ้าใช้กับทีม เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”
กลาสเนอร์เริ่มต้นไม่ดีนักในเยอรมนี แพ้วาลด์ฮอฟ มานน์ไฮม์ คู่แข่งระดับเทียร์ 3 ตกรอบแรก เดเอฟเบ โพคาล และลงไปอยู่ใกล้โซนตกดิวิชันในเดือนพฤศจิกายน 2021 หลังจากชนะนัดเดียวจาก 10 นัดแรก แต่เป็นชัยชนะเหนือบาเยิร์น มิวนิก 2-1 ในอัลลิอันซ์ อารีนา

แต่ระหว่างพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2021 แฟรงค์เฟิร์ตชนะ 6 นัดจาก 7 นัด ทะยานขึ้นไปอยู่อันดับ 6 เมื่อจบครึ่งแรกของซีซัน 2021-22 แต่ครึ่งหลัง ฟอร์มขึ้นๆลงๆ จบซีซันด้วยอันดับ 11 แต่กลาสเนอร์ทำผลงานได้เยี่ยมบนสังเวียนยุโรป ชนะเรอัล เบติส, บาร์เซโลนา และเวสต์แฮมในรอบน็อคเอาท์ เข้าถึงรอบชิงขนะเลิศ ยูโรปา ลีก และชนะเรนเจอร์สในการดวลจุดโทษ 5-4 พร้อมได้สิทธิเล่นแชมเปียนส์ ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1960
ก่อนนัดชิงชนะเลิศที่เซบีญา ประเทศสเปน แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยว่า กลาสเนอร์ใช้เวลาส่วนตัวกับสมาชิกทุกคนในทีม รวมถึงเจ้าหน้าที่ดูแลชุดแข่ง เพื่อบอกว่า ทีมได้รับชัยชนะแล้วจากการมาถึงจุดนี้ เพราะสำหรับกลาสเนอร์แล้ว การเดินทางมีความสำคัญกว่าจุดหมายปลายทาง
กลาสเนอร์แยกทางกับแฟรงค์เฟิร์ตหลังจบซีซัน 2022-23 ก่อนหมดสัญญา 1 ปี โดย “ดิ อีเกิลส์” แพ้ไลป์ซิก 0-2 ในรอบชิงชนะเลิศ เดเอฟเบ โพคาล, จบอันดับ 7 ของบุนเดสลีกาหลังจากรั้งอันดับ 4 เมื่อจบครึ่งแรกของซีซัน และตกรอบ 16 ทีม แชมเปียนส์ ลีก
การหย่อนยานด้านระเบียบวิยันทำให้ห้องแต่งตัวพัง
ที่ประเทศอังกฤษ กลาสเนอร์พัฒนาพาเลซให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็วหลังคุมทีมแทนฮอดจ์สันกลางกุมภาพันธ์ 2024 และได้ตอกย้ำความเชื่อเรื่อง “ระเบียบวินัยเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้”
ต้นซีซัน 2024-25 กลาสเนอร์เคยสัญญาจะให้โอกาสลงสนามกับ ร็อบ โฮลดิง ในแมตช์กับเวสต์แฮม แต่เปลี่ยนแผนเมื่อพาเลซตามหลังอยู่ 0-2 สร้างความไม่พอใจให้อดีตเซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติอังกฤษ ยู 21 ซึ่งย้ายมาจากอาร์เซนอลในตลาดซัมเมอร์ปี 2023 แต่ได้เล่นแค่นัดเดียวนับจากนั้น
หลังการแข่งขัน โฮลดิงไม่ยอมวอร์มดาวน์กับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งกลาสเนอร์ไม่สามารถปล่อยผ่านได้ จึงลงโทษให้โฮลดิงแยกฝึกซ้อมคนเดียว และเพิ่มโทษให้ไปฝึกซ้อมกับทีมอะคาเดมีหลังจากไม่ได้รับคำขอโทษของโฮลดิง ก่อนส่งไปให้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สโมสรแชมเปียนชิพ ยืมตัวในครึ่งหลังของซีซัน 2024-25
เมื่อถูกถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานแถลงข่าว กลาสเนอร์กล่าวว่า “ตอนนี้ร็อบกำลังฝึกซ้อมเป็นรายบุคคลอยู่ เราจะคุยกัน เขารู้สาเหตุ แต่เรื่องนี้ยังเป็นเพียงเรื่องระหว่างเราเท่านั้น”
มีรายงานจากแหล่งข่าววงในด้วยว่า บอร์ดบริหารพยายามเข้ามาแทรกแซงความขัดแย้งดังกล่าว แต่กลาสเนอร์ยังคงยืนหยัดการตัดสินใจเพราะตระหนักดีว่า การต่อรองเรื่องนี้จะนำไปสู่การล่มสลายของบรรยากาศภายในห้องพักนักกีฬา
กลาสเนอร์ชุบชีวิตและทำให้พาเลซต่างไปจากเดิม
แม้ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ด้วยความลำบาก แต่กลาสเนอร์ยังพาพาเลซเข้าชิงชนะเลิศถ้วยเอฟเอเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 และสามารถรักษาสถานภาพในพรีเมียร์ลีกของทีมเป็นปีที่ 13 ติดต่อกัน พร้อมทั้งชนะใจสตีฟ แพรีช ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเอาใจยากได้สำเร็จ โดยประธานสโมสรกล่าวถึงกลาสเนอร์ว่า “ทำให้พวกเราทุกคนมีความคิดที่ต่างไปจากเดิม”

ขอบคุณภาพจาก https://www.thesun.co.uk/sport/34725201/oliver-glasner-premier-league-crystal-palace-fa-cup/
บุรุษที่เคยเผชิญเหตุการณ์เฉียดตาย กลับเป็นผู้มอบชีวิตให้กับ “ดิ อีเกิลส์” ตอนนี้ และสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ กลาสเนอร์ไม่ได้มาที่พาเลซเพื่อพาทีมเอาตัวรอดเท่านั้น แต่กำลังสร้างบางอย่างที่ไม่เหมือนใครขึ้นมา
เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)

Senior Football Editor