Categories
Our Work

ElClasico VIP Party : ครั้งแรก! ลาลีกา จัดกิจกรรมรับศึก “ElClasico” เต็มอิ่ม ประสบการณ์ และอรรถรสการรับชมแมตช์สุดยิ่งใหญ่ลีกสเปน จบเกม เรอัล มาดริด ถล่ม บาร์เซโลน่า 3-1

ผ่านไปแล้วกับงานสุดพิเศษ ที่ลาลีกา ประเทศไทย จัดให้ตามคำเรียกร้องของแฟนบอล “ElClasico VIP Party powered by beIN Sports” 16 ตุลาคม 2565 ในงานพบกับประสบการณ์การดูบอล ฟังดนตรีสดจากศิลปิน ชีส เดอะ วอยซ์ วิเคราะห์เกมโดยสุดยอดกูรู กิน ดื่มสุดชิลล์ เอนจอยกิจกรรมพร้อมของรางวัลจัดเต็มสนุก ในโดมกลางกรุงเทพมหานคร Pearl Bangkok ชมบิ๊กแมตช์ ElClasico ไปด้วยกันกับแขก VIP, สื่อมวลชน, อินฟลูอินเซอร์ และแฟนบอลผู้โชคดี ซึ่งผลการแข่งขันเกมนี้ จบลงด้วยชัยชนะของ “เรอัล มาดริด” ที่เอาชนะ “บาร์เซโลน่า” ไปถึง 3-1

บรรยากาศภายในงานสุดคึกคัก มีผู้คนเข้าร่วมงานถูกรับเชิญ และถูกเลือกผ่านกิจกรรมกว่า 200คน ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากสถานทูตสเปน, หอการค้าสเปน, อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง สื่อมวลชนสายกีฬา และแฟนฟุตบอลที่ร่วมสนุกลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมงานจากกิจกรรมออนไลน์ นำโดย เจมส์ ลาลีกา, ขวัญ ลามาเซีย, เบน บาร์ซ่าเข้าเส้น by แฟนพันธุ์แท้บาร์ซ่า และ ลูกชิ้น เสพติดบอลสเปน 4 กูรูฟุตบอลสเปน ที่มาร่วมพูดคุยวิเคราะห์เกมการแข่งขัน ทั้งก่อนเกม ช่วงพักครึ่ง และหลังเกม

นอกจากนี้ยังมี ต่อ ณ ระนอง, เดอะนัทซัดหมดแมกซ์, มายด์เปี๊ยกบางใหญ่, แตง Top4Official, แม็ก3เม็ด, ซันนี่ ธัญญารัตน์ พร้อมทีม Ari, สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ นำมาโดยนายกสมาคมฯ วันกล้า ขวัญแก้ว และเหล่าพาร์ตเนอร์ของงาน ที่มาร่วมสนุก สร้างสีสัน และความมันส์ไปด้วยกัน

งานนี้ได้นั่งชิลล์ กิน ดื่ม ฟรี!! ผ่อนคลายไปกับดนตรีสดเพราะ ๆ จาก ชีส เดอะวอยซ์ ในช่วงหัวค่ำ พร้อมทานอาหารร่วมกัน ดื่มเครื่องดื่มอีกเล็กน้อย เข้ากับบรรยากาศภายในงาน และอากาศด้านนอกโดมในวันนี้ที่เย็นขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูลงตัวมาก

ภายในงานยังมีโซนโชว์เสื้อของ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด พร้อมลูกฟุตบอล PUMA ORBITA LaLiga ฤดูกาลนี้, โซนสตรอรี่ บอกเล่าเรื่องราวของ 2 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน กับศึก เอล กลาซิโก้ เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โซนเล่นเกม เตะฟุตบอลกรง และอีกหนึ่งไฮไลท์เลยคือ โซนโชว์ถ้วย ออฟฟิเชียล ลาลีกา โทรฟี ส่งตรงจากสเปน

ก่อนจะถึงช่วงเวลาสำคัญชมฟุตบอล เวลา 21.15 น. ภาพการเชียร์บอลร่วมกันของกลุ่มแฟนบอล สร้างสีสันและความคึกคักให้กับงานเป็นอย่างมาก จังหวะสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ความรู้สึกต่อเกมการแข่งขัน ทุกคนแสดงออกมา อย่างชัดเจน และคำตอบรับจากงานนี้ ทำให้รู้เลยว่า ทุกคนเอนจอยกับกิจกรรมนี้มาก

หลังจบฟุตบอล และพูดคุยหลังเกมกับกูรูฟุตบอลสเปนทั้ง 4 ท่าน ก็ปิดท้ายงานด้วยการลุ้นรางวัล lucky draw มากมาย นำโดย ลูกฟุตบอล PUMA ORBITA LaLiga, กระเป๋าถุงผ้า กระบอกน้ำ ลูกฟุตบอล ส่งตรงจาก beIN Sports และเสื้อที่ระลึก ElClasico

กิจกรรมนี้ ถือเป็นการนำประสบการณ์ดี ๆ สร้างการรับรู้ถึงฟุตบอล ลาลีกา สเปน และสร้างสัมพันธ์กับแฟนบอลให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ จะเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกแน่นอน โปรดติดตามกันต่อไป

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Our Work

โหมโรงก่อนศึกฟาดแข้ง “ElClásico” ยลโฉมถ้วยลาลีกา ส่งตรงจากสเปน พูดคุยกับกูรูฟุตบอลสเปน และ อันเดรส ตูเญซ อดีตนักเตะเซลตา ในลีกลาลีกา สเปน

เมื่อวันที่ 8-9 ตุลาคม 2565 : ลาลีกา ประเทศไทย จัดกิจกรรมสุดพิเศษ ภายใต้งาน “ElClasico Expo powered by LaLiga Pass” นำถ้วย ออฟฟิเชียล ลาลีกา โทรฟี ส่งตรงจากสเปน มาให้แฟนบอลได้ยลโฉมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ถึงประเทศไทย โหมโรงก่อนศึกคู่บิ๊กแมตช์ ระหว่าง “เรอัล มาดริด” ปะทะ “บาร์เซโลน่า”

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาพิเศษ ที่ได้พบกับ 4 กูรูเบอร์ต้นบอลสเปน เจมส์ ลาลีกา, ลูกชิ้น เสพติดบอลสเปน, ขวัญ ลามาเซีย และ เบน บาร์ซ่า เข้าเส้น by แฟนพันธุ์แท้บาร์ซ่า ที่มาพูดคุยถึงรวมถึงที่มาที่ไปของการก้าวเข้าสู่ความเป็นคอบอลสเปน รวมทั้งเกมคู่ดังกล่าว ที่จะทำศึกฟาดแข้งกันในวันที่ 16 ตุลาคม นี้

และไม่ใช่เพียงกูรูทั้ง 4 ท่านเท่านั้น ยังมี อันเดรส ตูเญซ ดาวเตะต่างชาติที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของไทยลีก (ปัจจุบันเล่นให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งให้ความอนุเคราะห์ตัวนักเตะมาร่วมงาาน) และเป็นอดีตนักเตะเซลตา ในลีกลาลีกา สเปน มาร่วมพูดคุยประสบการณ์ส่วนตัวเกือบ 10 ปีในแดนกระทิงดุอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีอินฟลูเอนเซอร์ฟุตบอล สื่อมวลชน และแฟนฟุตบอล มาร่วมสนุกกันอีกมากมาย ภายในงานมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกันด้วย ไม่ว่าจะเป็น โซนเล่นเกม EA Sports FIFA game, เกมนั่งเตะฟุตบอล, เกมยิงประตูประลองความแม่นยำ, พร้อมแจกเสื้อฟุตบอลพร้อมลายเซ็นตำนานระดับ อิเกร์ คาซิญาส เสื้อทีเชิ้ตที่ระลึกศึก ElClásico ร่วมไปถึงกิจกรรมลุ้นรางวัลอื่น ๆ อีกด้วย

และที่ขาดไม่ได้เลย กับแอพพลิเคชั่น  อย่าง LaLiga Pass Zone ที่ได้รับการตอบรับจากแฟน ๆ ฟุตบอลสเปน เป็นอย่างดี เพราะทุกคนได้ทำความรู้จักกับแอพพลิเคชั่น หนึ่งเดียวของลาลีกา สเปน ที่พร้อมให้ดาวน์โหลดฟรี เพื่อรับชมรายการ LaLiga Pass Thailand หรือสมัครสมาชิกเพื่อชมสดทุกแมตช์ ลาลีกา ได้ทุกที่ ทุกเวลา

สุดท้าย สามารถตามเข้ามารับชม LaLiga Pass ที่นี่ได้เลย https://watch.laliga.com

Categories
Football Business

โหมโรงศึก “ElClasico In Thailand 2022” เรอัล มาดริด ปะทะ บาร์เซโลน่า บันทึกความเป็นมา เหตุการณ์สำคัญ และเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับศึก “เอลกลาสซิโก้”

ศึกฟุตบอลนัดสำคัญที่สุดนัดหนึ่งของโลกประจำปฏิทินสโมสรลูกหนังในแต่ละซีซั่น “เอลกลาสซิโก้” เรอัล มาดริด ปะทะบาร์เซโลน่า นัดแรกฤดูกาล 2022/23 จะอุบัติขึ้น ณ เวลา 9.15 pm วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2022 จากซานดิอาโก้ เบอร์นาบิว 

นี่จะเป็น “ครั้งแรก” ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเมืองไทยเช่นกันที่ ลาลีกา เตรียมจัดใหญ่ 2 อีเวนต์ติดต่อกัน: 1.กิจกรรม พรีแมตช์ 2 วัน 8-9 ต.ค.ที่จะมีไฮไลต์เป็น “ลาลีกา โทรฟี” ส่งตรงมาปรากฎโฉมถึงเมืองไทย ห้างยูเนียน มอลล์ และ 2.งานชมฟุตบอล ElClasico วันที่ 16 ต.ค.ในโดมกระจกยักษ์ Pearl Bangkok ใจกลางกรุงเทพมหานคร

ซึ่งใจความสำคัญของเกมฟุตบอลนัดนี้มีมากมาย และลึกหลายมิติ ควรค่าให้ศึกษา และสุดท้ายต่อยอดไปร่วมกิจกรรมทั้ง 2 งานกันได้ รับรองสตอรีทั้งใน และนอกสนาม น่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว ติดตามเลย…

1.เรอัล มาดริด VS บาร์เซโลน่า 

2 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน ซึ่งมีความแตกต่างทางด้านประวัติศาสตร์ การเมือง และอุดมการณ์ ถือเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ของชาวคาตาลัน ที่ต้องการปลดปล่อยตัวเองจากเมืองหลวงมาอย่างยาวนาน

ความขัดแย้งของทั้ง 2 เมือง ก็ได้ส่งต่อไปยังกีฬาฟุตบอลด้วย การพบกันระหว่างเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า สโมสรที่เป็นมหาอำนาจของแต่ละเมือง คือการพิสูจน์ว่า เมืองของตัวเองเหนือกว่าเมืองคู่ปรับ

การเกิดสงครามกลางเมืองในช่วงปลายทศวรรษที่ 1930s และการก้าวขึ้นสู่อำนาจของนายพลฟรานซิสโก้ ฟรังโก้ ผู้นำเผด็จการของสเปน ก็ยิ่งทำให้ทั้ง 2 สโมสร เพิ่มดีกรีความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก

2.เราคือ “เอล กลาซิโก้”

สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า ก่อตั้งเมื่อปี 1899 และอีก 3 ปีให้หลัง สโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งคู่ได้พบกันเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 เมษายน 1902 จบลงด้วยชัยชนะ 3 – 1 ของบาร์เซโลน่า

นับตั้งแต่ลาลีกา ลีกสูงสุดของประเทศสเปน ก่อตั้งขึ้นในฤดูกาล 1928/29 จนถึงปัจจุบัน เรอัล มาดริด จบซีซั่นเหนือกว่าคู่ปรับ 47 ครั้ง ขณะที่บาร์เซโลน่า จบซีซั่นเหนือกว่ายักษ์ใหญ่จากเมืองหลวง 44 ครั้ง

“เอล กลาซิโก้” มักจะมีประตูเกือบทุกครั้งที่พบกันในลาลีกา เคยยิงประตูรวมกันสูงสุดถึง 10 ประตูในแมตช์เดียว เมื่อปี 1935 (เรอัล มาดริด ชนะ 8 – 2) และปี 1943 (เสมอ 5 – 5) มีเพียง 9 ครั้งเท่านั้น ที่ไม่มีประตูเกิดขึ้น

3. มอง 10 ลำดับเหตุการณ์ “เอล กลาซิโก้” ในความทรงจำ

1929 – ครั้งแรกที่บาร์เซโลน่า พบกับเรอัล มาดริดในลาลีกา ที่สนามคัมป์ เด เลส คอร์ทส (Camp de Les Corts) เป็นเรอัล มาดริด ที่บุกไปชนะ 2 – 1 แต่บาร์เซโลน่า คือทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของสเปน

1935 – เรอัล มาดริด สร้างสถิติชนะบาร์เซโลน่าขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ลาลีกา ด้วยสกอร์ 8 – 2 และหลังจากนั้นไม่นาน ได้เกิดสงครามกลางเมืองในสเปน ทำให้ “เอล กลาซิโก้” เพิ่มความดุเดือดนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

1953 – เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า มีประเด็นขัดแย้งในการคว้าตัวอัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ โดยบาร์เซโลน่าอ้างว่าได้เซ็นสัญญาล่วงหน้าไปแล้ว แต่เป็นเรอัล มาดริด ที่ได้ตัวไปร่วมทีมแบบช็อกวงการฟุตบอล

1974 – โยฮันน์ ครัฟฟ์ เลือกไปค้าแข้งให้กับบาร์เซโลน่า แทนที่จะเป็นเรอัล มาดริด และทำผลงานได้อย่างสุดยอด ยิง 1 ประตู จ่าย 3 แอสซิสต์ ในเกมลาลีกา ที่บุกไปถล่มถึงถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบว 5 – 0

1983 – ดิเอโก้ มาราโดน่า เป็นนักเตะบาร์เซโลน่าคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้รับเกียรติจากแฟนบอลเรอัล มาดริด สโมสรคู่ปรับอันดับ 1 ในการลุกขึ้นยืนปรบมือทั้งสนาม หลังจากได้เห็นฝีเท้าอันสุดยอดในเกม “เอล กลาซิโก้”

1994 – โยฮันน์ ครัฟฟ์ โค้ชผู้วางรากฐานความยิ่งใหญ่ให้กับบาร์เซโลน่า พาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา 4 สมัยติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร แถมเอาชนะเรอัล มาดริด ใน “เอล กลาซิโก้” ได้ทั้ง 2 นัดที่พบกัน

2000 – เรอัล มาดริด สร้างปรากฏการณ์ช็อกวงการฟุตบอลอีกครั้ง ด้วยการคว้าตัว หลุยส์ ฟิโก้ นักเตะบาร์เซโลน่า สโมสรคู่ปรับตลอดกาลมาร่วมทีม และช่วยให้ราชันชุดขาวคว้าแชมป์ทั้งหมด 7 โทรฟี่

2009 – บาร์เซโลน่า เป็นสโมสรแรกของประเทศสเปน ที่คว้าแชมป์ 6 รายการ ภายในปีปฏิทินเดียวกัน ขณะที่เรอัล มาดริด เซ็นสัญญาคว้าตัวคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกในเวลานั้น

2015 – บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลาลีกา, โคปา เดล เรย์ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ภายในฤดูกาลเดียว เป็นรอบที่ 2 กับ 3 ประสานกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และเนย์มาร์

2022 – สถิติการพบกันทั้งหมดเฉพาะในลาลีกา เรอัล มาดริด ชนะ 76 ครั้ง บาร์เซโลน่า ชนะ 73 ครั้ง และเสมอกัน 35 ครั้ง ส่วนจำนวนแชมป์ลีกสูงสุดของสเปน เรอัล มาดริด 35 สมัย และบาร์เซโลน่า 26 สมัย

4. ย้อน 5 เรื่องจริง “เอล กลาซิโก้” ที่คุณอาจไม่เคยรู้

4.1 สกอร์ 11-1 ชัยชนะขาดลอยที่สุดของราชันชุดขาว

เกม “เอล กลาซิโก้” ที่เอาชนะกันแบบขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นในเกมโคปา เดล เรย์ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อปี 1943 เรอัล มาดริด เปิดบ้านถล่มบาร์เซโลน่าถึง 11 – 1 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ชัยชนะในครั้งนี้ ถูกตั้งข้อสงสัยว่า มีอำนาจมืดจากนายพลฟรานซิสโก้ ฟรังโก้ ผู้นำเผด็จการในเวลานั้น อยู่เบื้องหลังหรือไม่

4.2 เลาดรู๊ปผู้พี่ กับชัยชนะประวัติศาสตร์ใน “เอล กลาซิโก้”

ไมเคิล เลาดรู๊ป พี่ชายของไบรอัน เลาดรู๊ป เป็นนักเตะบาร์เซโลน่า ชุดที่เปิดบ้านถล่มเรอัล มาดริด 5 – 0 ใน “เอล กลาซิโก้” ฤดูกาล 1993/94 แต่ในฤดูกาลถัดมา กลับย้ายไปซบทีมคู่ปรับอันดับ 1 อย่าง “ราชันชุดขาว” และพาทีมถล่ม “เจ้าบุญทุ่ม” 5 – 0 ในบ้านเช่นเดียวกัน ถือเป็นนักเตะเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่สร้างสถิติเช่นนี้ได้

4.3 โลเปเตกี ไม่เคยลงเล่นใน “เอล กลาซิโก้” เลย

ฆูเลน โลเปเตกี อดีตผู้รักษาประตูระดับตำนานของลาลีกา เคยค้าแข้งให้กับทั้งเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า แต่ไม่เคยลงเฝ้าเสาในเกม “เอล กลาซิโก้” เลยแม้แต่นัดเดียว จนกระทั่งเข้ามาเป็นโค้ชให้กับ “ราชันชุดขาว” ก็ได้โอกาสคุมทีมดวลกับ “เจ้าบุญทุ่ม” เพียงครั้งเดียว ในนัดที่แพ้ 1 – 5 และถูกปลดจากตำแหน่งทันทีหลังจบเกมดังกล่าว

4.4 นักเตะ ยิงประตูให้ทั้ง 2 ทีมใน “เอล กลาซิโก้”

ในประวัติศาสตร์ของเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า มีนักเตะเพียง 4 คนเท่านั้น ที่ทำประตูในเกม “เอล กลาซิโก้” ให้กับทั้ง 2 สโมสร ได้แก่ โจเซป ซามีเทียร์, หลุยส์ เอ็นริเก้, หลุยส์ ฟิโก้ โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีนักเตะที่เคยไปค้าแข้งให้กับทั้ง 2 ทีมคู่ปรับตลอดกาลของวงการฟุตบอลสเปน ทั้งหมด 37 คน

4.5 ลืมความเกลียดชังชั่วคราว ด้วยการชื่นชมนักเตะคู่แข่ง

ไม่ว่าทั้งเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า จะเป็นคู่ปรับที่ดุเดือดมากขนาดไหน แต่ก็มีช่วงเวลาดีๆ ที่ให้ความเคารพ และให้เกียรตินักเตะฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ โดยนักเตะที่ได้รับประสบการณ์แบบนี้ ได้แก่ ลอรี คันนิ่งแฮม อดีตดาวเตะ “ราชันชุดขาว” ยุค 1980s รวมถึงอดีตแข้ง “เจ้าบุญทุ่ม” ทั้งดิเอโก้ มาราโดน่า, โรนัลดินโญ่ และอันเดรียส อิเนียสต้า

5.คอบอลพร้อม! กิจกรรมพิเศษ โหมโรงก่อนเกม “ElClasico”

โชว์ถ้วย “ลาลีกา โทรฟี” 8-9 ต.ค. 2565 ชั้น G ศูนย์การค้า ยูเนี่ยน มอลล์ 

ลาลีกา ประเทศไทย จัดกิจกรรมพิเศษบนพื้นที่กว่า 300 ตร.ม ให้แฟนบอลสเปน เฉพาะอย่างยิ่ง เรอัล มาดริด และเอฟซี บาร์เซโลน่า โดยเฉพาะ ภายใต้ธีมงาน “ElClasico Expo powered by LaLiga Pass” นำถ้วย ออฟฟิเชียล ลาลีกา โทรฟี ส่งตรงจากสเปน มาให้แฟนบอลได้ยลโฉม ถ่ายรูป ไว้อวดโซเชียลถึงประเทศไทย พร้อมโอกาสสัมผัสประสบการณ์ LaLiga Pass แอพพลิเคชั่นที่จะทำให้คุณไม่พลาดทุกแมตช์บอลลีกสเปน รายการโชว์ประจำสัปดาห์ภาคภาษาไทย และคอนเทนท์พิเศษ เต็มอิ่ม 

พร้อมพบกับ 4 กูรูเบอร์ต้นบอลสเปน ประเทศไทย เจมส์ ลาลีกา, ลูกชิ้น เสพติดบอลสเปน, ขวัญ ลามาเซีย และ เบน บาร์ซ่า เข้าเส้น by แฟนพันธุ์แท้บาร์ซ่า ที่จะมาพูดคุยถึงเกมคู่บิ๊กแมตช์ หยุดโลก “บาร์เซโลน่า” ปะทะ “เรอัล มาดริด” รวมถึงที่มาที่ไปของการก้าวเข้าสู่ความเป็นคอบอลสเปน

เพิ่มเติมต้องขอขอบคุณสโมสรฟุตบอล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งส่งตัว อันเดรส ตูเญซ ดาวเตะต่างชาติที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของไทยลีก และเป็นอดีตนักเตะเซลตา ในลีกลาลีกา สเปน มาร่วมพูดคุยประสบการณ์ส่วนตัวเกือบ 10 ปีในแดนกระทิงดุ

ภายในงานยังมีกิจกรรมอีก ไม่ว่าจะเป็น โซนเล่นเกม EA Sports FIFA game, เกมนั่งเตะฟุตบอล, เกมยิงประตูประลองความแม่นยำ, พร้อมแจกเสื้อฟุตบอลพร้อมลายเซ็นตำนานระดับ อิเกร์ คาซิญาส เสื้อทีเชิ้ตที่ระลึกศึก ElClásico ร่วมไปถึงกิจกรรมลุ้นรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย

และพลาดไม่ได้! LaLiga Pass Zone ให้แฟน ๆ ได้ทำความรู้จักกับแอพพลิเคชั่น หนึ่งเดียวของลาลีกา สเปน ที่พร้อมให้ดาวน์โหลดฟรี เพื่อรับชมรายการ LaLiga Pass Thailand หรือสมัครสมาชิกเพื่อชมสดทุกแมตช์ ลาลีกา ได้ทุกที่ ทุกเวลา

แล้วพบกันวันที่ 8-9 ตุลาคม 2565 ณ Union Co-Event Space ชั้น G ศูนย์การค้า ยูเนี่ยน มอลล์ ตั้งแต่เวลา 12.00 เป็นต้นไป 

เช่นกัน แมตช์เดย์ “เอลกลาสซิโก้” 16 ตุลาคม 2565 ตั้งแต่ 17.30 น.เป็นต้นไป ณ Pearl Bangkok ชมสดระบบ HD บนจอ LED ยักษ์ และมันส์ไปด้วยกัน

อ้างอิง :

https://populartimelines.com/timeline/El-Cl%C3%A1sico

https://supersport.com/football/spain/news/210409_Ten_landmarks_in_the_history_of_El_Clasico

https://sportsbrowser.net/best-el-clasico-moments/

https://veebrant.com/facts-about-el-clasico/

https://www.foottheball.com/football-top-10/el-clasico-controversial-incidents-top-10-barcelona-real-madrid/

https://durofy.com/el-clasico-timeline-dwelling-sporos

https://en.wikipedia.org/wiki/El_Cl%C3%A1sico

https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_El_Cl%C3%A1sico_matches

https://en.as.com/en/2022/03/18/videos/1647616738_131452.html

https://www.sportskeeda.com/football/why-real-madrid-versus-fc-barcelona-is-known-as-el-clasico

https://www.sportskeeda.com/football/barcelona-real-madrid-5-most-controversial-moments-el-clasico-history

https://www.sportskeeda.com/slideshow/football-5-incredible-stories-real-madrid-barcelona-el-clasico

Categories
Column

เซบีย่า VS แอตเลติโก้ มาดริด : บิ๊กแมตช์ที่เดิมพันด้วยชัยชนะ เพื่อกลับสู่หัวตาราง

เซบีย่า และแอตเลติโก้ มาดริด คือ 2 สโมสรใหญ่ ที่ต่างทำผลงานยอดเยี่ยมจนติดอันดับ “ท็อป 4” ตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ในฤดูกาลนี้ กับการออกตัว 6 นัดแรก ทั้งคู่ทำผลงานได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ

ฟุตบอลลาลีกา สเปน ในสุดสัปดาห์นี้ เป็นนัดที่ 7 ของซีซั่น 2022/23 ทั้งเซบีย่า และแอตฯ มาดริด จะทำศึก “บิ๊กแมตช์” ที่สนามรามอน ซานเชซ ปิชฆวน ในคืนวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคมนี้ เวลา 23.30 น.

เซบีย่า ที่ก่อนหน้านี้จบในอันดับที่ 4 มา 3 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่ในซีซั่นนี้ออกสตาร์ทได้อย่างน่าผิดหวัง ขนะ 1 เสมอ 2 และแพ้ 3 เกม อยู่อันดับ 15 ของตาราง มีแต้มมากกว่าโซนตกชั้นแค่คะแนนเดียว

ทีมของกุนซือฆูเลน โลเปเตกี เริ่มต้น 4 นัดแรกด้วยการแพ้ โอซาซูน่า, เสมอ เรอัล บายาโดลิด, แพ้ อัลเมเรีย, แพ้ บาร์เซโลน่า ก่อนปลดล็อกเก็บชัยเหนือเอสปันญ่อล และนัดล่าสุดเสมอกับบียาร์เรอัล

โฆอัน ฆอร์ดัน มิดฟิลด์ของเซบีย่า กล่าวว่า “ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งดี ๆ จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ เราเล่นได้ดีแล้ว แต่เรายังต้องทำงานอย่างหนักตลอด 90 นาที ผมเชื่อมั่นในเพื่อนร่วมทีม และจะนำฟอร์มที่ดีที่สุดกลับมาในนัดต่อไป”

ทางฝั่งของแอตเลติโก มาดริด ก็เริ่มต้นซีซั่นได้ไม่ดีเท่าที่ควรเช่นเดียวกัน ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 อยู่ในอันดับที่ 7 ของตาราง ตามหลังจ่าฝูงห่างถึง 8 แต้ม โดยนัดล่าสุดเปิดบ้านแพ้เรอัล มาดริด 1 – 2 ในศึกดาร์บี้แมตช์

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แอตฯ มาดริด มีผลงานที่กระท่อนกระแท่นเช่นนี้ คือ 2 นักเตะแนวรุกคนสำคัญทั้งอัลบาโร่ โมราต้า และเจา เฟลิกซ์ ที่ยิงประตูไม่ได้มาแล้ว 4 และ 8 นัดติดต่อกันในระดับสโมสร ตามลำดับ

ฤดูกาล 2012/13 เป็นครั้งแรกที่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เฮดโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ ทำหน้าที่คุมทีมแบบเต็มซีซั่น และพา “ตราหมี” อยู่ในท็อป 3 ของลาลีกาทุกซีซั่น แต่ตอนนี้พวกเขาต้องกลับสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นให้ได้ก่อน

⚽️ เซบีย่า 4 นัดหลังสุดในบ้าน ไม่แพ้แอตฯ มาดริด

ก่อนที่จะลงสนามในสัปดาห์นี้ มีสถิติที่อาจจะเป็นลางดีสำหรับเซบีย่า เพราะพวกเขาเปิดบ้านเจอกับแอตเลติโก้ มาดริด 4 นัดหลังสุดในลาลีกา ไม่เคยแพ้เลย และเอาชนะได้ใน 2 นัดหลังสุดที่พบกัน

4 นัดหลังที่เซบีย่าไร้พ่ายในบ้าน เริ่มจากเสมอกัน 1 – 1 ในฤดูกาล 2018/19 และ 2019/20 ต่อด้วยชนะ 1 – 0 ในฤดูกาลถัดมา และล่าสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ชนะ 2 – 1 อิวาน ราคิติช และลูคัส โอคัมโปส ทำคนละประตู

ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์แอตฯ มาดริด มีสถิติการคุมทีมพบกับเซบีย่า 25 เกม ชนะ 10 เสมอ 10 แพ้ 5 อย่างไรก็ตาม ถ้านับเฉพาะ 8 นัดหลังสุดที่พบกันเฉพาะในลาลีกา ซิเมโอเน่เก็บชัยชนะได้แค่เกมเดียว

⚽️ “เอล โชโล่” เคยค้าแข้งให้กับเซบีย่ามาก่อน

ก่อนที่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ จะเป็นนักเตะที่โด่งดังกับแอตเลติโก้ มาดริด เขาเคยเป็นนักเตะของเซบีย่ามาก่อน โดยลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาล กับ 2 ผู้จัดการทีมอย่างคาร์ลอส บิลาร์โด้ และหลุยส์ อราโกเนส

ซีซั่น 1992/93 ซิเมโอเน่ เป็นเพื่อนร่วมทีมของดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังทีมชาติอาร์เจนติน่าผู้ล่วงลับ ก่อนที่บิลาร์โด้ และมาราโดน่า จะอำลาถิ่นรามอน ซานเชซ ปิชฆวน หลังจบซีซั่นไปพร้อมกัน

และซีซั่น 1993/94 ในยุคของกุนซือหลุยส์ อราโกเนส “เอล โชโล่” ได้มีความทรงจำที่ดีในการลงเล่นนัดที่เปิดบ้านพบกับ “ตราหมี” เมื่อโหม่งคนเดียว 2 ประตู พายอดทีมจากอันดาลูเซีย แซงกลับมาชนะ2 – 1

เซบีย่า และแอตเลติโก้ มาดริด ต่างมีเป้าหมายในการกลับสู่หัวตารางให้เร็วที่สุด ผลเสมอคงจะไม่ใช่เรื่องดีต่อทั้งสองฝ่าย  ต้องมาติดตามกันว่า ทีมใดจะเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะที่ต้องการนี้ไปได้

Categories
Column

15 ดาวเด่นลาลีกา ช่วงต้นฤดูกาล 2022/23

ผ่านไปแล้ว 6 นัด สำหรับลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2022/23 ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ทั้งจังหวะทำประตู และแอสซิสต์ของนักเตะ รวมถึงผู้จัดการทีมบางคนที่เริ่มต้นคุมทีมด้วยผลงานที่ดี

และนี่คือ 15 รายชื่อที่มีการรวบรวมมาแล้วว่าทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด ในช่วงออกสตาร์ท 6 เกมแรก ที่อาจจะพาทีมประสบความสำเร็จ หรือคว้ารางวัลส่วนบุคคลหลังจบซีซั่นนี้ก็เป็นได้

️ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

เลวานดอฟสกี้ ประเดิมลงสนามในลาลีกาเป็นเกมแรก ในนัดเปิดซีซั่นที่พบกับราโย บาเยกาโน่ แต่อีก 5 นัดหลังจากนั้น ศูนย์หน้าทีมชาติโปแลนด์ ยิงได้ทุกนัด รวม 8 ประตู ขึ้นนำดาวซัลโวแบบเดี่ยว ๆ อีกทั้งกดแฮตทริกแรกในสีเสื้อของบาร์เซโลน่า ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เอาชนะวิคตอเรีย พิลเซ่น

️ วินิซิอุส จูเนียร์

ในช่วงที่คาริม เบนเซม่า ดาวยิงหมายเลข 1 ของเรอัล มาดริด ประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ วินิซิอุส คือความหวังคนสำคัญในแนวรุก ที่พกสถิติยิงประตู 4 นัดติดต่อกันในลาลีกา ซีซั่นนี้ และล่าสุดในเกม “มาดริด ดาร์บี้” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จัด 1 แอสซิสต์ให้เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ยิงประตู

️ อเล็กซ์ บาเอน่า

บาเอน่า ถือเป็นสุดยอด “ซูเปอร์ซับ” ของบียาร์เรอัลอย่างแท้จริง 3 ประตูในลาลีกา ซีซั่นนี้ ทำได้ในฐานะตัวสำรองทั้งหมด นอกจากนี้ ปีกดาวรุ่งชาวสเปน วัย 21 ปี ยังทำได้ 3 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ จาก 2 นัดแรก ในถ้วยยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก

️ ยาโก้ อัสปาส

อัสปาส ยังคงเป็นความหวังอันดับ 1 ในการทำประตูให้กับเซลต้า บีโก้ ดาวยิงชาวสเปนวัย 35 ปี เริ่มต้นลาลีกาซีซั่นนี้ ด้วยการยิงได้ 5 ประตู จากการลงเล่น 6 นัดแรก ถือเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงรางวัลส่วนบุคคลทั้ง “ปิชิชี่ โทรฟี่” และ “ซาร์ร่า โทรฟี่”

️ นิโก้ วิลเลียมส์

วิลเลียมส์ ปีกดาวรุ่งวัย 20 ปี เริ่มต้นซีซั่นนี้ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีกับแอธเลติก บิลเบา ผลงาน 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ จากลาลีกา 6 นัดแรก ก็เพียงพอที่จะทำให้หลุยส์ เอ็นริเก้ เรียกติดทีมชาติสเปน ชุดลุยศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2 นัด ในเดือนนี้ 

️ ออเรเลียง ชูอาเมนี่

ผลงานของชูอาเมนี่ ในช่วงออกสตาร์ทซีซั่นกับเรอัล มาดริด ทำ 2 แอสซิสต์ในเกมที่พบกับเอสปันญ่อล และแอตเลติโก้ มาดริด นอกจากนี้ มิดฟิลด์วัย 22 ปี ยังได้รับเลือกให้เป็น “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” ในเกมที่พบกับเรอัล เบติสอีกด้วย

️ อุสมาน เดมเบเล่

ลาลีกาออกสตาร์ทในซีซั่นนี้ไปแล้ว 6 นัด เดมเบเล่มีส่วนร่วมทั้งหมด 4 ประตู (2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์) นอกจากนี้ ปีกทีมชาติฝรั่งเศสวัย 25 ปี ของบาร์เซโลน่า ยังทำ 2 แอสซิสต์ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ชนะวิคตอเรีย พิลเซ่นอีกด้วย

️ บอร์ฆา อิเกลเซียส

อิเกลเซียส ศูนย์หน้าวัย 29 ปี ของเรอัล เบติส ทำไป 6 ประตู เป็นดาวซัลโวอันดับที่ 2 หลังผ่านไป 6 นัดในลาลีกา ซีซั่นนี้ เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่มีลุ้นรางวัล “ปิชิชี่ โทรฟี่” และล่าสุด ถูกเรียกติดทีมชาติสเปนเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับนิโก้ วิลเลียมส์ 

️ ชิมี่ อาบีล่า

อาบีล่า กองหน้าชาวอาร์เจนติน่าวัย 28 ปี ทำได้ 3 ประตู จาก 6 นัดแรกในลาลีกา ฤดูกาลนี้ โดยยิงใส่เซบีย่า, กาดิซ และอัลเมเรีย นัดละ 1 ประตู ช่วยให้โอซาซูน่าออกสตาร์ตซีซั่นได้ดีเกินคาด และหวังทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปให้ได้

️ เกโรนิโม่ รุลลี่

รุลลี่ ผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนติน่าวัย 30 ปีของบียาร์เรอัล เสียไปเพียง 2 ประตู จาก 6 นัดแรกในลาลีกา ซีซั่นนี้ มีลุ้นก้าวขึ้นมาท้าชิงรางวัลนายทวารยอดเยี่ยม “ซาโมร่า โทรฟี่” โดยเฉพาะจังหวะเซฟมหัศจรรย์ในนัดที่พบกับแอตเลติโก้ มาดริด

️ เวดาต มูริกี

มูริกี ดาวยิงทีมชาติโคโซโววัย 28 ปี ที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดกับเรอัล มายอร์ก้า เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลาลีกา ประจำเดือนพฤษภาคม ส่วนในซีซั่นนี้เขาเริ่มต้นได้ดีเกินคาด ยิงได้ 3 ประตู จาก 6 นัดแรกในลาลีกา

️ อิซี่ ปาลาซอน

ปาลาซอน ปีกชาวสเปนวัย 27 ปี ทำได้ 2 ประตู จากการลงสนาม 5 นัดในลาลีกา ฤดูกาลนี้ โดยยิงใส่เอสปันญ่อล และบาเลนเซีย นัดละ 1 ลูก ช่วยให้ราโย บาเยกาโน่ ต้นสังกัดของเขา เริ่มต้นซีซั่นได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับเมื่อซีซั่นที่แล้ว

️ อองตวน กรีซมันน์

แม้ว่ากรีซมันน์จะไม่ได้อยู่ในสนามช่วยแอตเลติโก้ มาดริด แบบเต็ม 90 นาที ครบทุกนัด แต่ดาวยิงชาวฝรั่งเศสวัย 31 ปี ยังถือเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม ด้วยผลงาน 2 ประตู และจัด 1 แอสซิสต์ ให้มาริโอ เอร์โมโซ่ ยิงตีไข่แตกในมาดริด ดาร์บี้

️ ทาเคฟุสะ คุโบะ

คุโบะ ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่นวัย 21 ปี ย้ายมาค้าแข้งกับเรอัล โซเซียดัดในซีซั่นนี้ 6 นัดแรกในลาลีกา ยิง 1 ประตู ในนัดเปิดซีซั่นกับกาดิซ และ 1 แอสซิสต์ ในนัดล่าสุดกับเอสปันญ่อล ต้องดูกันต่อว่าจะสามารถรักษาฟอร์มที่ดีในระยะยาวได้หรือไม่

️ เจนนาโร่ กัตตูโซ่

ผู้จัดการทีมเพียงหนึ่งเดียวที่ติดอยู่ในลิสต์นี้ เฮดโค้ชคนใหม่ของบาเลนเซีย ทำทีมสไตล์เกมรุก มีความกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น ผลงานคุมทีมในช่วงต้นซีซั่นถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ชนะ 3 แพ้ 3 จาก 6 นัดแรก ตามหลังท็อปโฟร์เพียง 4 แต้มเท่านั้น

การที่นักเตะและผู้จัดการทีมหลายคน เริ่มต้นฤดูกาลได้ดีเกินความคาดหมายจนได้รับคำชื่นชมมากมาย แต่จะสามารถรักษาผลงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอไปจนจบซีซั่นได้หรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ

Categories
Column

แข้งดาวรุ่งพุ่งแรงที่น่าจับตามองในลาลีกา 2022/23

แม้ว่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ จะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงนักเตะชื่อดัง โปรไฟล์เด่นมาร่วมทีมมากแค่ไหน แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ลงทุนกับนักเตะอายุน้อย ที่คอยขึ้นมาทดแทนนักเตะรุ่นใหญ่อยู่เสมอ

ฤดูกาล 2022/23 สโมสรในลาลีกา สเปน ได้มีนักฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปี ที่มีพรสวรรค์สูง พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีม หรือบางคนสามารถโชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่น เป็นที่น่าจับตามอง

นักเตะต่างชาติที่ลงเล่นในลาลีกา เช่น 3 ดาวรุ่งจากฝรั่งเศส เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า (19 ปี), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (22 ปี) และ ฌูลส์ กุนเด้ (23 ปี) อีกทั้ง 3 แข้งวัยทีนจากบราซิล วินิซิอุส จูเนียร์ (19 ปี), โรดริโก้ (22 ปี) และมัทเธอุส คุนญ่า (23 ปี)

นอกจากนี้ ยังมีวันเดอร์คิดต่างชาติคนอื่น ๆ อย่างเข่นโรนัลด์ อเราโฆ่ เซ็นเตอร์แบ็กอนาคตไกล ที่ติดทีมชาติอุรุกวัยชุดใหญ่ไปแล้ว 11 นัด และเจา เฟลิกซ์ ดาวเตะโปรตุเกส ซึ่งทั้งคู่อายุ 23 ปีเท่ากัน

แต่ลาลีกา ไม่ได้มีแค่เยาวชนจากต่างชาติเท่านั้น เพราะยังมีนักเตะดาวรุ่งสัญชาติสเปน ที่มีโอกาสแจ้งเกิดในลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ และทีมชาติชุดใหญ่ อย่างเช่น 5 ดาวเตะจากบาร์เซโลน่า กาบี้ (18 ปี), เปดรี้ (19 ปี), อันซู ฟาติ (19 ปี), เอริก การ์เซีย (21 ปี) และ เฟร์ราน ตอร์เรส (22 ปี)

ทีมอื่น ๆ อาทิ บาเลนเซีย ที่มี 4 ดาวรุ่งอย่าง ยูนุส มูซ่าห์ (19 ปี), นิโก้ กอนซาเลซ (20 ปี), อูโก้ กิลลาม่อน (22 ปี), และจัสติน ไคลเวิร์ต (23 ปี) รวมถึง 2 แข้งจากบียาร์เรอัล เยเรมี ปิโน่ (19 ปี ) และ ซามูเอล ชุควูเซ่ (23 ปี)

ขณะที่เรอัล โซเซียดัด มี 3 แข้งคลื่นลูกใหม่ โมฮาเหม็ด อาลี-โช (18 ปี), ทาเคฟุสะ คุโบะ (21 ปี) และ มาร์ติน ซูบีเมนดี้ (23 ปี) เช่นเดียวกับ 3 นักเตะแอธเลติก บิลเบา นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (20 ปี), อูไน เบนเซดอร์ (21 ปี) และ โออิฮาน ซานเซต (22 ปี)

หลังจากลาลีกา ในซีซั่นนี้ ผ่านไป 4 นัด ได้มีนักเตะดาวรุ่งบางคน เริ่มโชว์ผลงานได้น่าประทับใจ อย่างเช่น ไอมาร์ โอรอซ มิดฟิลด์วัย 20 ปี จากโอซาซูน่า ที่ยิง 2 ประตู มีส่วนช่วยให้ทีมอยู่ในอันดับท็อป 5 ของตาราง

คนอื่นๆ ได้แก่ อเล็กซ์ บาเอน่า วัย 21 ปี ที่ทำคนเดียว 2 ลูกให้บียาร์เรอัล ในนัดเปิดซีซั่น, อเลฮอานโดร บัลเด้ วัย 18 ปี แบ็กซ้ายอนาคตไกลของบาร์เซโลน่า และกาบรี้ เบอิก้า วัย 20 ปี ของเซลต้า บีโก้ กับ 1 แอสซิสต์ ในเกมล่าสุดกับกาดิซ

นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคทศวรรษ 2020s มีดาวรุ่งบางคนประสบความสำเร็จแล้ว เช่น เจา เฟลิกซ์ ที่พาแอตเลติโก้ มาดริด คว้าแชมป์ลาลีกา 2020/21 และวินิซิอุส จูเนียร์ ที่คว้า 2 แชมป์กับเรอัล มาดริด เมื่อซีซั่น 2021/22

และยังมีนักเตะวัยเยาว์บางคน ที่ได้รับรางวัลส่วนบุคคล คือ เปดรี้ เจ้าของรางวัลโกลเด้น บอย ปี 2021 ส่วนกาบี้ ของบาร์เซโลน่า และเอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า ของเรอัล มาดริด ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโกลเด้น บอย ในปีนี้

จากรายชื่อที่กล่าวมาทั้งหมด ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ใครจะเป็นนักเตะที่สามารถเบียดขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมในระยะยาว จนกลายเป็นสุดยอดแข้งดาวดังระดับหัวแถวของวงการฟุตบอลได้บ้าง

Categories
Column

ใครเข้า-ใครออก : สรุปตลาดนักเตะลาลีกา ช่วงซัมเมอร์ 2022

ลาลีกา สเปน เป็นลีกที่รวบรวมบรรดาสุดยอดนักเตะระดับโลกไว้มากมาย และหลาย ๆ สโมสร ต่างยกระดับขึ้นมาทัดเทียมกับทีมยักษ์ใหญ่ ทำให้การแข่งขันในทุกเกมมีความเข้มข้นมากขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ทำให้สโมสรฟุตบอลมีความแข็งแกร่งคือ “ตลาดซื้อขายนักเตะ” ที่มีการเสริมผู้เล่นเข้าสู่ทีมอย่างคึกคัก และนี่คือดีลที่เกิดขึ้นทั้งหมดของตลาดนักเตะลาลีกา ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022

 อัลเมเรีย

👉 นักเตะเข้า

กุย เกเดส (วิคตอเรีย กิมาไรส์), ฮูบูแลง เมนเดส (ลอริยองต์), มาร์ติน ไซเดอร์สกี้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), มาร์โก้ มิโลวาโนวิช (ปาร์ติซาน เบลเกรด), กายกี้ เฟอร์นานเดส (ซานโต๊ส), เลโอ บัปติสเตา (ซานโต๊ส), เฟอร์นานโด ปาเชโก้ (อลาเบส), อาเดรียน เอ็มบาร์บ้า (เอสปันญ่อล), กอนซาโล่ เมเลโร่ (เลบันเต้), เอล บิลาล ตูเร่ (แรงส์), ลาซซาโร่ วินิซิอุส (ฟลาแมงโก้), อเลฮานโดร โปโซ่ (เซบีย่า, ยืมตัว), เซอร์จาน บาบิช (เรด สตาร์ เบลเกรด, ยืมตัว)

👉 นักเตะออก

อูมาร์ ซาดิค (เรอัล โซเซียดัด), ไอตอร์ บันนูเอล (เตเนริเฟ่), อาร์วิน อัปเปียห์ (เตเนริเฟ่, ยืมตัว), ฆอร์ดี้ เอสโคบาร์ (เรอัล เบติส), จอร์จี้ มาการิดเซ่ (ปอนเฟอร์ราดิน่า), เนลสัน มอนเต้ (ดนิโปร), โฆเซ่ คาร์ลอส ลาโซ่ (เอสปันญ่อล), คริสเตียน โอลิเวียร่า (บอสตัน ริเวอร์, ยืมตัว), ฆาวี่ โรเบิลส์ (ฟลูเอนลาบราด้า, ยืมตัว), นิโกล่า มาราส (อลาเบส, ยืมตัว), อาเนา โซล่า (เรอัล มูร์เซีย, ยืมตัว), โจนาธาน ซิลวา (หมดสัญญา), แดเนียล คาริโก้ (หมดสัญญา),  เคอร์โร่ ซานเชซ (หมดสัญญา), ดาร์แกน โรซิช (หมดสัญญา)

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/anderherrera

 แอธเลติก บิลเบา

👉 นักเตะเข้า

อันเดร เอร์เรร่า (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, ยืมตัว), กอร์ก้า กูรูเซต้า (อาโมเรบิเอต้า), ฆอน โมซิลโล่ (เรอัล บายาโดลิด), อินนิโก้ กอร์โดบา (โก อเฮด อีเกิลส์)

👉 นักเตะออก

โฆกิน เอสกิเอต้า (ราซิ่ง ซานตานเดร์), อินนิโก้ บิเซนเต้ (ราซิ่ง ซานตานเดร์), อูไน, นูนเนส (เซลต้า บีโก้, ยืมตัว), อูไน โลเปซ (ราโย บาเยกาโน่), นิโก้ เซอร์ราโน่ (มิรันเดส), เปรู โนลาสโกอิน (เออิบาร์, ยืมตัว), อิมานอล การ์เซีย (เออิบาร์, ยืมตัว)

 แอตเลติโก มาดริด

👉 นักเตะเข้า

อองตวน กรีซมันน์ (บาร์เซโลน่า, ยืมตัว), อักเซล วิตเซล (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), นาฮูเอล โมลิน่า (อูดิเนเซ่), เซร์คิโอ เรกีลอน (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์), ซาอูล นิเกซ (เชลซี), อัลบาโร่ โมราต้า (ยูเวนตุส), ซานติอาโก้ อาเรียส (กรานาด้า), อิโว เกอร์บิช (ลีลล์)

👉 นักเตะออก

เอคเตอร์ เอร์เรร่า (ฮูสตัน ไดนาโม), หลุยส์ ซัวเรซ (คลับ นาซิอองนาล), เนฮุน เปเรซ (อูดิเนเซ่), ซิเม่ เวอร์ซัจโก้ (โอลิมเปียกอส), จูเลียโน่ ซิเมโอเน่ (เรอัล ซาราโกซ่า), วิคตอร์ โมลเลโฆ (เรอัล ซาราโกซ่า), บอร์ฆา การ์เซส (เตเนริเฟ่, ยืมตัว), บิโตโล่ (ลาส พัลมาส, ยืมตัว), มานู ซานเชซ (โอซาซูน่า, ยืมตัว), ซามูเอล ลิโน่ (บาเลนเซีย, ยืมตัว), โรดริโก้ ริเกลเม่ (กิโรน่า, ยืมตัว), เซร์คิโอ คาเมลโล่ (ราโย บาเยกาโน่, ยืมตัว), มาร์กอส เปาโล (มิรันเดส, ยืมตัว), ดาเนียล วาสส์ (บรอนบี้), เรนัน โลดี้ (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์), เบนจามิน เลคอมเต้ (โมนาโก)

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/fcbarcelona

⚽️ บาร์เซโลน่า

👉 นักเตะเข้า

ปาโบล ตอร์เร่ (ราซิ่ง ซานตานเดร์), ฟรองค์ เคสซี่ (เอซี มิลาน), อันเดรียส คริสเตนเซ่น (เชลซี), ราฟินญ่า (ลีดส์ ยูไนเต็ด), ฌูลส์ กุนเด้ (เซบีย่า), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาเยิร์น มิวนิค), เฮคเตอร์ เบเยริน (อาร์เซน่อล), มิราเล็ม ปานิช (เบซิคตัส), อินากี้ ปิน่า (กาลาตาซาราย)

👉 นักเตะออก

ดานี่ อัลเวส (พูมาส), เกลมองต์ ล็องเล่ต์ (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ยืมตัว), เรย์ มานาจ (วัตฟอร์ด), ฟรานซิสโก้ ตรินเกา (สปอร์ติ้ง ลิสบอน, ยืมตัว), ออสการ์ มิงเกซ่า (เซลต้า บีโก้), ริกิ ปูอิก (ลอสแองเจลิส แกแล็กซี่), เนโต้ (บอร์นมัธ), นิโก้ กอนซาเลซ (บาเลนเซีย, ยืมตัว), อเล็กซ์ กอลลาโด้ (เอลเช่, ยืมตัว), ซามูเอล อูมติตี้ (เลชเช่, ยืมตัว), แซร์จินโญ่ เดสต์ (เอซี มิลาน, ยืมตัว), อับเดสซาหมัด เอซซัลซูลี่ (โอซาซูน่า, ยืมตัว), มาร์ติน เบรธเวท (เอสปันญ่อล), ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (เชลซี), อดาม่า ตราโอเร่ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), ลุค เดอ ยอง (เซบีย่า), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (แอสตัน วิลล่า)

 เรอัล เบติส

👉 นักเตะเข้า

วิลเลี่ยน โฆเซ่ (เรอัล โซเซียดัด), หลุยส์ เฮนริเก้ (ฟลูมิเนเซ่), หลุยส์ เฟลิเป้ (ลาซิโอ), โลเรน โมรอน (เอสปันญ่อล), ดานี่ มาร์ติน (มาลาก้า), โรเบอร์ กอนซาเลซ (ลาส พัลมาส)

👉 นักเตะออก

คริสเตียน เตลโล่ (ลอสแองเจลิส เอฟซี), โจเอล โรเบิลส์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด), มาร์ค บาร์ตร้า (แทร็บซอนสปอร์), เฮคเตอร์ เบเยริน (อาร์เซน่อล), กิเก้ เฮร์โมโซ่ (หมดสัญญา)

 กาดิซ

👉 นักเตะเข้า

เอแวร์ มาบิล (มิดทิลแลนด์), บิคตอร์ ชูสต์ (เรอัล มาดริด, ยืมตัว), โฆเซบา ซัลดูอา (เรอัล โซเซียดัด), อันโตนิโอ บลังโก้ (เรอัล มาดริด, ยืมตัว), เตโอ บงกองด้า (เกงค์), ไบรอัน โอคัมโป (นาซิอองนาล), ฆอน อันเดร การิโด้ (มิรันเดส), อัลบาโร่ กิเมเนซ (เรอัล ซาราโกซ่า)

👉 นักเตะออก

รูเบน อัลการาซ (เรอัล บายาโดลิด, ยืมตัว), มิลูติน ออสมายิช (วิเซล่า), อัลบาโร่ ฆิเมเนซ (ลาส พัลมาส), ซัลบี้ ซานเชซ (ราโย บาเยกาโน่), เยนส์ จอนส์สัน (เออีเค เอเธนส์), วาราซดัด ฮาโรยาน (อนอร์โธซิส), มาร์ติน กัลเดร่อน (เซลต้า บีโก้, ยืมตัว), อัลแบร์โต้ เปเรอา (กรานาด้า), ฆอร์เก้ ปอมโบ (ราซิ่ง ซานตานเดร์), อุสซามา อิดริสซี่ (เซบีย่า), เฟเด้ ซาน อีเมเตริโอ (เรอัล บายาโดลิด), ฟลอริน อันโดเน่ (ไบรท์ตัน), นาโน เมซ่า (หมดสัญญา)

 เซลต้า บีโก้

👉 นักเตะเข้า

วิลเลียต สเวดเบิร์ก (ฮัมมาร์บี้), ออสการ์ โรดริเกซ (เซบีย่า, ยืมตัว), ลูก้า เด ลา ตอร์เร่ (เฮอร์ราเคิลส์), อูไน นูเนซ (แอธเลติก บิลเบา, ยืมตัว), ออสการ์ มิงเกซ่า (บาร์เซโลน่า), ออกุสติน มาร์เชซิน (ปอร์โต้), กอนซาโล่ ปาเชนเซีย (ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต), การ์เลส เปเรซ (โรม่า, ยืมตัว), มาร์ติน กัลเดร่อน (กาดิซ, ยืมตัว), เยอร์เก้น สตรานด์ ลาร์เซ่น (โกรนิงเก้น), อิวาน บิลลาร์ (เลกาเนส)

👉 นักเตะออก

เนสตอร์ อเราโฆ่ (คลับ อเมริกา), โนลิโต้ (อิบิซ่า), เอ็มเร่ มัวร์ (คารากุมรุค), โฆเซ่ ฟอนตัน (โก อเฮด อีเกิลส์, ยืมตัว), โอเกย์ โยกุสลู (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), กาเบรียล เฟอร์นานเดซ (ฆูอาเรซ, ยืมตัว), บราอิส เมนเดซ (เรอัล โซเซียดัด), ฆูเลน โลเบเต้ (อาร์เคซี วาลไวจ์ค), ซานติ มิน่า (อัล ชาบาบ, ยืมตัว), มิเกล เบอีซ่า (ริโอ อาฟ, ยืมตัว), เซร์คิโอ การ์ไรร่า (บียาร์เรอัล), ติอาโก้ กัลอาร์โด้ (อินเตอร์นาซิอองนาล), มัทธิอัส ดิตูโร่ (ยูนิเวอร์ซิดัด คาโตลิก้า), เจสัน มูริลโล่ (ซามพ์โดเรีย)

 เอลเช่

👉 นักเตะเข้า

เอเซเกล ปอนเซ่ (สปาร์ตัก มอสโก), การ์ลอส เคิร์ก (เลบันเต้), โรเจอร์ มาร์ตี้ (เลบันเต้), อเล็กซ์ กอลลาโด้ (บาร์เซโลน่า, ยืมตัว), ปอล ลิโรล่า (โอลิมปิก มาร์กเซย, ยืมตัว), โดมิงกอส กีน่า (วัตฟอร์ด, ยืมตัว), เฟเดริโก้ เฟอร์นานเดซ (นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด), นิโคลัส เมอร์เกา (ซาน ลอเรนโซ่), อักเซล เวอร์เนอร์ (อาร์เซน่อล ซารานดี้)

👉 นักเตะออก

กุยโด การ์ริลโย่ (เหอหนาน), อิวาน มาโกเน่ (อินดิเพนเดียนเต้), ปาโบล ปิอัตติ (เอสตูเดียนเตส), กิเก้ กาซิลย่า (ลีดส์ ยูไนเต็ด), โยฮัน โมจิก้า (บียาร์เรอัล), มูรัด เอล เกซูอานี่ (บูอากอส), มานู ฆุสโต้ (ราซิ่ง คลับ), โฆเซม่า (เลกาเนส), กิเก้ เปเรซ (เรอัล บายาโดลิด), ลูคัส โอลาซ่า (เรอัล บายาโดลิด), โฆเซ่ ซาลินาส (มิรันเดส), อันโตนิโอ บาร์รากัน (หมดสัญญา)

 เอสปันญ่อล

👉 นักเตะเข้า

ไบรอัน โอลิแวน (เรอัล มายอร์ก้า), โฆเซลู (อลาเบส), วินิซิอุส ซูซ่า (ลอมเมล, ยืมตัว), เบนจามิน เลกอมเต้ (โมนาโก, ยืมตัว), เอดู เอ็กซ์โปซิโต้ (เออิบาร์), ดานี่ โกเมซ (เลบันเต้), โฆเซ่ การ์ลอส ลาโซ่ (อัลเมเรีย), อัลบาโร่ เฟอร์นานเดซ (อูเอสก้า, ยืมตัว), มาร์ติน เบรธเวท (บาร์เซโลน่า), ปอล โลซาโน่ (กิโรน่า), ฮวน คามิโล่ บีเซอร์ร่า (กิมนาสติก)

👉 นักเตะออก

ดิเอโก้ โลเปซ (ราโย บาเยกาโน่), ดาบิด โลเปซ (กิโรน่า), ฟราน เมริด้า (เทียนจิน), โอเอียร์ โอลาซาบัล (ปาฟอส), บิคตอร์ โกเมซ (บราก้า, ยืมตัว), ออสการ์ เมเลนโด้ (กรานาด้า), มิเกลอน (เรอัล โอเบียโด้, ยืมตัว), อู๋ เหล่ย (เซี่ยงไฮ้ พอร์ท), มัทธิอัส วาร์กาส (เซี่ยงไฮ้ พอร์ท), ทอนนี่ วิลเฮน่า (ซาแลร์นิตาน่า, ยืมตัว), โฆแฟร์ การ์เรราส (มิรันเดส, ยืมตัว), อาเดรียน เอ็มบาร์บา (อัลเมเรีย), ลอนดรี้ ดิมาต้า (เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น, ยืมตัว), ยังเกล เอร์เรร่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), มานู มอร์ลาเนส (บียาร์เรอัล), ลอเรน โมรอน (เรอัล เบติส), อัลบาโร่ บาดิลโล่ (เออิบาร์), ดิดัค บิล่า (หมดสัญญา) 

 เกตาเฟ่

👉 นักเตะเข้า

ปอร์ตู (เรอัล โซเซียดัด, ยืมตัว), ไฆเม่ ซีโอเน่ (อูเอสก้า), โดมิงกอส ดูอาเต้ (กรานาด้า), หลุยส์ มิลย่า (กรานาด้า), ฟาบริซิโอ อันจิเลรี่ (ริเวอร์เพลท), บอร์ฆา มาโยรัล (เรอัล มาดริด), กิโก้ กาซิลย่า (ลีดส์ ยูไนเต็ด), โอมาร์ อัลเดอร์เต้ (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน, ยืมตัว), ฆวนมี่ ลาตาซ่า (เรอัล มาดริด, ยืมตัว), มูเนียร์ เอล ฮัดดาดี้ (เซบีย่า)

👉 นักเตะออก

มัทธิอัส โอลิเวียร่า (นาโปลี), อูโก้ ดูโร่ (บาเลนเซีย), ดาริโอ โปเบด้า (อิบิซ่า, ยืมตัว), แจ็ค ฮาร์เปอร์ (เออร์กูเลส, ยืมตัว), เชม่า โรดริเกซ (เออิบาร์), อีริค กาบาโก้ (กรานาด้า, ยืมตัว), อิกนาซี่ มิเกล (กรานาด้า, ยืมตัว), มิเกล รูบิโอ (กรานาด้า, ยืมตัว), โจนาธาน ซิลบา (กรานาด้า, ยืมตัว), ซาบิต อับดุลลาย (ปอนแฟร์ราดิน่า, ยืมตัว), ยาค็อบ ยังโต้ (สปาร์ต้า ปราก), กอนซาโล่ บิลลาร์ (โรม่า), ออสการ์ โรดริเกซ (เซบีย่า), บิโตโล่ (แอตเลติโก้ มาดริด), ฟลอเรนติโน่ (เบนฟิกา), ฆอร์เก้ กูเอนก้า (บียาร์เรอัล), ซานโดร รามิเรซ (อูเอสก้า), โอเกย์ โยกุสลู (เซลต้า บีโก้)

 กิโรน่า

👉 นักเตะเข้า

อิวาน มาร์ติน (บียาร์เรอัล, ยืมตัว), ดาบิด โลเปซ (เอสปันญ่อล), ยาน คูโต้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ยืมตัว), ทาตี้ กาสเตลลานอส (นิวยอร์ค ซิตี้, ยืมตัว), โรดริโก้ ริเกลเม่ (แอตเลติโก้ มาดริด, ยืมตัว), ยานเกล เอร์เรร่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ยืมตัว), ไรเนียร์ (เรอัล มาดริด, ยืมตัว), ฆาบี้ เอร์นานเดซ (เลกาเนส, ยืมตัว), โทนี่ ฟูอิดิอาส (เรอัล มาดริด), ออริออล โรเมอู (เซาธ์แธมป์ตัน), เปาโล กาซซานิก้า (ฟูแล่ม, ยืมตัว), มานู บัลเยโร่ (บาเลนเซีย), โทนี่ บีย่า (เรอัล บายาโดลิด)

👉 นักเตะออก

ไฆโร อิซเควียโด้ (การ์ตาเยน่า), อเล็กซ์ กัลลาร์ (มาลาก้า), โจนาธาน ดูบาสซิน (อัลบาเซเต้), อเล็กซ์ ซาล่า (ซาบาเดลล์), นาฮูเอล บัสโตส (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ปาโบล โมเรโน่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ดาริโอ ซาร์เมียนโต้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ปอล โลซาโน่ (เอสปันญ่อล), อเล็กซ์ บาเอน่า (บียาร์เรอัล), ฆอร์ดี้ คัลลาเบร่า (ลูโก้), ดาบิด ฆังก้า (หมดสัญญา), บิคตอร์ ซานเชซ (หมดสัญญา)

 เรอัล มายอร์ก้า

👉 นักเตะเข้า

โฆเซ่ โกเปเต้ (ปอนเฟร์ราดิน่า), มิเกล แอลลาเบรส (แอนดรากซ์), ติโน่ กาเดแวร์ (โอลิมปิก ลียง, ยืมตัว), มาติย่า นาสตาซิช (ฟิออเรนติน่า), ลาโก้ จูเนียร์ (อูเอสก้า), ไบรอัน คูเฟร (มาลาก้า)

👉 นักเตะออก

มาโนโล ไรน่า (มาลาก้า), ซัลบา เซบีย่า (อลาเบส), ไบรอัน โอลิแวน (เอสปันญ่อล), อเล็กซ์ เฟบาส (มาลาก้า), โฆอัน ซาสเตร (พีเอโอเค ซาโลนิก้า), อเล็กซานเดอร์ เซดลาร์ (อลาเบส), ปาโบล มาฟเฟว (สตุ๊ตการ์ท), ฆอร์ดี้ เอ็มบูล่า (ราซิ่ง ซานตานเดร์, ยืมตัว), อเล็กซ์ อเลเกรีย (ฟูเอนลาบราด้า, ยืมตัว), เวดัต มูริกี (ลาซิโอ), เซร์คิโอ ริโก้ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล มาดริด), แฟร์ นิโน่ (บียาร์เรอัล), โรดริโก้ บัตตาเกลีย (สปอร์ติ้ง ลิสบอน)

 โอซาซูน่า

👉 นักเตะเข้า

รูเบน ปีน่า (บียาร์เรอัล), ไอตอร์ เฟอร์นันเดซ (เลบันเต้), โมอิ โกเมซ (บียาร์เรอัล), เซร์คิโอ โมเรโน่ (ราโย บาเยเกาโน่, ยืมตัว), อับเดสซาหมัด เอซซัลซูลี่ (บาร์เซโลน่า, ยืมตัว), กิเก้ ซาเบริโอ (ปอนเฟร์ราดิน่า), ฆอร์เก้ เอร์รันโด้ (ลอโกรเนส), อิวาน มาร์ติเนซ (กาสเตลย่อน)

👉 นักเตะออก

มานู ซานเชซ (แอตเลติโก มาดริด, ยืมตัว), อันโตนิโอ โอเตกี (บาดาฆอซ), โอเอียร์ ซานฆัวโฆ่ (เออีเค ลาร์นาก้า), โจนัส รามัลโฮ (มาลาก้า), มาร์ค การ์โดน่า (ลาส พัลมาส), โรเบอร์ อิบาเนซ (เลบันเต้), เฆซุส อาเรโซ่ (บูอากอส, ยืมตัว), ฆาบี้ มาร์ติเนซ (อัลบาเซเต้, ยืมตัว), อินนิโก้ เปเรซ (เลิกเล่น)

 ราโย บาเยกาโน่

👉 นักเตะเข้า

ซัลบี้ ซานเชซ (กาดิซ), ดิเอโก้ โลเปซ (เอสปันญ่อล), ฟลอเรียง เลชูเน่ (อลาเบส, ยืมตัว), เซร์คิโอ กาเมลโล่ (แอตเลติโก้ มาดริด, ยืมตัว), เป๊ป ชาบาร์เรีย (เรอัล ซาราโกซ่า), อบิดัล มูมิน (วิคตอเรีย กิมาไรส์), โฆเซ่ โปโซ่ (อัล-อาห์ลี), มิเกล อังเคล มอร์โร่ (ฟูเอนลาบราด้า), อันเดรส มาร์ติน (เตเนริเฟ่), ลาสส์ บังกูร่า (พีเอเอส ลาเมีย)

👉 นักเตะออก

มาร์ติน ปาสคาล (อิบิซ่า, ยืมตัว), ฆอร์เก้ โมเรโน่ (กอร์โดบา, ยืมตัว), โฆนี่ มอนเทียล (เลบันเต้, ยืมตัว), เซร์คิโอ โมเรโน่ (โอซาซูน่า, ยืมตัว), ลูก้า ซีดาน (เออิบาร์), เซร์กี้ กวาร์ดิโอล่า (เรอัล บายาโดลิด), นิโกล่า มาราส (อัลเมเรีย), มามาดูร์ ซิลล่า (อลาเบส), มาร์ติน เมอร์เกลันซ์ (เรอัล โซเซียดัด), คาวิง โรดริเกส (เรอัล โซเซียดัด)

 เรอัล มาดริด

👉 นักเตะเข้า

ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (โมนาโก), อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (เชลซี), อัลบาโร่ ออดริโอโซล่า (ฟิออเรนติน่า)

👉 นักเตะออก

คาเซมิโร่ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แกเร็ธ เบล (ลอสแองเจลิส เอฟซี), มาร์เชโล่ (โอลิมเปียกอส), ลูก้า โยวิช (ฟิออเรนติน่า), อิสโก้ (เซบีย่า), บิคตอร์ ชูสต์ (กาดิซ), ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล โซเซียดัด), บอร์ฆา มาโยรัล (เกตาเฟ่), โทนี่ ฟูอิดิอาส (กิโรน่า), อันโตนิโอ บลังโก้ (กาดิซ, ยืมตัว), ไรเนียร์ (กิโรน่า, ยืมตัว)

 เรอัล โซเซียดัด

👉 นักเตะเข้า

โมฮัมเหม็ด-อาลี โช (อองเชร์), บราอิส เมนเดส (เซลต้า บีโก้), ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล มาดริด), อูมาร์ ซาดิค (อัลเมเรีย), มาร์ติน เมอร์เกลันซ์ (ราโย บาเยกาโน่)

👉 นักเตะออก

เควิน โรดริเกส (อดาน่า เดมิสปอร์), วิลเลียน โฆเซ่ (เรอัล เบติส), ลูก้า ซังกาลี (การ์ตาเยน่า), ปอร์ตู (เกตาเฟ่, ยืมตัว), โรแบร์โต้ โลเปซ (มิรันเดส, ยืมตัว), อัตนาน ยานาไซ (เซบีย่า), อเล็กซานเดอร์ อิซัค (นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด), โมดิโบ แซกนาน (อูเทร็คท์, ยืมตัว), โฆเซบา ซัลดูอา (กาดิซ), ฆอน กูริดี้ (อลาเบส), ฆูเลน โลเบเต้ (เซลต้า บีโก้), แมทธิว ไรอัน (โคเปนเฮเก้น), ฆอน เบาติสต้า (เออิบาร์), อเล็กซานเดอร์ โซลอธ (แอร์เบ ไลป์ซิก, ยืมตัว), ราฟินญ่า (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), นาโช่ มอนเรอัล (เลิกเล่น)

 เซบีย่า

👉 นักเตะเข้า

มาร์เกา (กาลาตาซาราย), อเล็กซ์ เตลเลส (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ยืมตัว), อิสโก้ (เรอัล มาดริด), ตุนกาย นิอันซู (บาเยิร์น มิวนิค), อัตนาน ยานาไซ (เรอัล โซเซียดัด), โดลเบิร์ก (นิซ่า, ยืมตัว)

👉 นักเตะออก

ดิเอโก้ คาร์ลอส (แอสตัน วิลล่า), อเลฮานโดร โปโซ่ (อัลเมเรีย, ยืมตัว), ลุค เดอ ยอง (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), ออสการ์ โรดริเกซ (เซลต้า บีโก้, ยืมตัว), ลุควิค ออกัสตินสัน (แอสตัน วิลล่า, ยืมตัว), อุสซามา อิดริสซี่ (เฟเนยูร์ด, ยืมตัว), ฌูลส์ กุนเด้ (บาร์เซโลน่า), อิวาน โรเมโร่ (เตเนริเฟ่, ยืมตัว), มูเนียร์ เอล-ฮัดดาดี้ (เกตาเฟ่), ลูคัส โอคัมโปส (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, ยืมตัว), โรนี่ โลเปส (ทรัวส์), ฆวน แบร์โรกัล (เออิบาร์), อองโตนี่ มาร์กซิยาล (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

 บาเลนเซีย

👉 นักเตะเข้า

ซามู กาสติลเยโฆ่ (เอซี มิลาน), จัสติน ไคลเวิร์ต (โรม่า), อังเดร อัลเมด้า (วิคตอเรีย กิมาไรส์), นิโก้ กอนซาเลซ (บาร์เซโลน่า, ยืมตัว), เซงค์ ออซกาคาร์ (โอลิมปิก ลียง, ยืมตัว), คริสเตียน ริเบโร่ (อัลกอร์กอน), บิเซนเต้ เอสเกวโด้ (กาสติเยล่อน)

👉 นักเตะออก

อูโก้ ดูโร่ (เกตาเฟ่), มานู บัลเยโร่ (กิโรน่า), อิลัช มูริบา (แอร์เบ ไลป์ซิก, ยืมตัว), เดนิส เชรีเชฟ (เวเนเซีย), ฆอร์เก้ ซานซ์ (เลกาเนส, ยืมตัว), กอนซาโล่ กูเอเดส (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น (เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น), โกบา กอยน์เดรดี้ (เรอัล โอเบียโด้, ยืมตัว), มักซี่ โกเมซ (แทร็บซอนสปอร์), คาร์ลอส โซแลร์ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), อูลอส ราซิช (บราก้า), มานู บัลเยโร่ (กิโรน่า), โอมาร์ เอแดร์ต (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน), เฮลเดอร์ คอสต้า (ลีดส์ ยูไนเต็ด), ไบรอัน จิล (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์), อิลัช มูริบา (แอร์เบ ไลป์ซิก)

 เรอัล บายาโดลิด

👉 นักเตะเข้า

มิกาเอล มัลซ่า (เลบันเต้), เซร์จิโอ อาเซนโฆ่ (บียาร์เรอัล), ฆวนโฆ่ นาร์วาเรซ (เรอัล ซาราโกซ่า), เซร์คิโอ เอสกูเดโร่ (กรานาด้า), เคเนดี้ (เชลซี), ซูเอีย เฟดดัล (สปอร์ติ้ง ลิสบอน), กิเก้ เปเรซ (เอลเช่), ลูคัส โอลาซ่า (เอลเช่), เซร์กี้ กวาร์ดิโอล่า (ราโย บาเยกาโน่)

👉 นักเตะออก

รูเบน อัลการาซ (กาดิซ), เฟเด้ ซาน อีเมเตริโอ (กาดิซ), ดิเอโก้ อลันเด้ (เอฟซี อันดอร์รา), โฆเซ่ อันโตนิโอ คาโร่ (บูร์กอส), เซกู กัสซาม่า (ราซิ่ง ซานตานเดร์), วิคเตอร์ การ์เซีย (อัลกอร์กอน), อิวาน ซานเชซ (เบอร์มิงแฮม ซิตี้, ยืมตัว), มอนชู (กรานาด้า, ยืมตัว), กอนซาโล่ พลาต้า (สปอร์ติ้ง ลิสบอน, ยืมตัว), ซาอิดี้ ยานโก้ (โบคุ่ม, ยืมตัว), กิโก้ โอลิวาส (การ์ตาเยน่า), ปาโบล เอเวียส (มาลาก้า), ราอูล การ์เนโร่ (เดปอร์ติโว ลา คอรุนญ่า, ยืมตัว), เปาโล วิตอร์ (ริโอ อาฟ, ยืมตัว), โรแบร์โต้ วิคตอร์ การ์เซีย (อัลกอร์กอน), วัลโด้ รูบิโอ (เตเนริเฟ่), สตีเว่น พลาซ่า (นิวยอร์ก เรด บูลส์), อูโก้ บัลเลโฆ่ (ปอนเฟร์ราดิน่า, ยืมตัว), โทนี่ บีย่า (กิโรน่า), โฆเซม่า (เอลเช่), มอร์กิโล่ (แอธเลติก บิลเบา), คริสโต้ กอนซาเลซ (อูดิเนเซ่), นาโช่ (หมดสัญญา)

 บียาร์เรอัล

👉 นักเตะเข้า

โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส (เลบันเต้), เปเป้ เรน่า (ลาซิโอ), กิโก้ เฟเมเนีย (วัตฟอร์ด), มามาดู เอ็มบัคเก้ (ลอสแองเจลิส เอฟซี), โยฮันน์ โมจิก้า (เอลเช่), ฆอร์เก้ คูเอ็นก้า (เกตาเฟ่), มานู โมราเนส (เอสปันญ่อล), แฟร์ นิโน่ (เรอัล มายอร์ก้า), อเล็กซ์ บาเอน่า (กิโรน่า)

👉 นักเตะออก

รูเบน ปีน่า (โอซาซูน่า), เซร์จิโอ อาเซนโฆ่ (เรอัล บายาโดลิด), ซาบี้ ควินติลย่า (ซานต้า คลาร่า), โมอิ โกเมซ (โอซาซูน่า), มาริโอ กาซปาร์ (วัตฟอร์ด), เพอร์วิส เอสตูพินัน (ไบรท์ตัน), บูลาย ดิอา (ซาแลร์นิตาน่า), ปาโก้ อัลคาเซร์ (ชาร์จาห์ เอฟซี), บิเซนเต้ อิบอร์ร่า (เลบันเต้, ยืมตัว), อิวาน มาร์ติน (กิโรน่า, ยืมตัว), แซร์จ ออริเย่ร์ (หมดสัญญา), โจวานนี่ โล เซลโซ่ (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ยืมตัว)

อ้างอิง : https://www.transfermarkt.com/laliga/transfers/wettbewerb/ES1

Categories
Football Business

LaLiga Pass Show Thailand : “เรือธง” จุดขายของลีกสเปนในประเทศไทย

ลาลีกา ซีซั่นใหม่ 2022/23 ในประเทศไทยมีสิ่งใหม่เป็น “เรือธง” (Flagship Product) จุดขายของลีกสเปนควบคู่ไปกับเกมการชิงชัยในสนาม นั่นคือ “LaLaiga Pass แอพพลิเคชั่น” ไว้สำหรับเกาะติดการถ่ายทอดสดเกมฟุตบอลลีกสเปนทุกคู่ในทุกสัปดาห์ และรายการสอดแทรกอีกมากมาย โดยมีพากษ์ไทยในแมตช์สำคัญ และรายการประจำทุกสัปดาห์ภาษาไทย LaLiga Pass Show Thailand ดำเนินรายการโดยกูรูลูกหนังสเปนที่ดีที่สุดสำหรับแฟน ๆ ลูกหนังกระทิงดุในบ้านเราโดยเฉพาะ

ทาง “ไข่มุกดำ” หรืออีกชื่อในนาม “KMD” รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการคัดเลือกจาก “ลาลีกา” ให้เป็นผู้ผลิตรายการ LaLigaPass Show Thailand ตลอดฤดูกาลนี้

รายการจะออกอากาศทุกวันศุกร์ เนื้อหาจะว่าด้วยการรีวิว และพรีวิวเกมการแข่งขัน โดยคัดประเด็นลึก ๆ สวย ๆ พร้อมเล่าข่าวที่เลือกสรรมาเฉพาะแฟนบอลสเปน แต่เป็นรสนิยมไทย ๆ

กูรูผู้ดำเนินรายการนำโดย เจมส์ ลาลีกา, ขวัญ ลามาเซีย, คุณลูกชิ้น จากเพจ เสพติดบอลสเปน, ทศพล รัตนะ, มายด์ จากเพจ FC Barcelona Thailand Fanclub, ทีมงาน SoccerSuck ฯลฯ สลับกันมานั่งพูดคุยเกี่ยวกับฟุตบอลสเปนแบบอัดแน่น เจาะลึกเบื้องหน้าเบื้องหลังกันแบบแตกต่าง

นอกจากนี้แอพ LaLiga Pass ยังถ่ายทอดสดการแข่งขันทั้งหมดของ LaLiga Smartbank, สารคดี, คลิปและอีกมากมาย ฟรี! และกับค่าบริการ แพ็กเกจรายเดือนเพียง 99 บาท หรือ แพ็กเกจรายปี 799 บาท สำหรับชมสด หรือย้อนหลังแมตช์การแข่งขัน เรียกได้ว่าคุ้มค่ามาก ๆ สำหรับแฟนบอลสเปน

( ข้อมูลเพิ่มเติม LaLiga Pass: https://khaimukdam.com/football-business/laliga-pass/ )

ฝากติดตามชมรายการ LaLiga Pass Show ได้ทุกสัปดาห์ ทางแอพพลิเคชั่น “LaLiga Pass” นะคะ

👉 รับชมตัวอย่าง EP.4 ค่ะ : https://bit.ly/3Qg6B6s

🌐 สุดท้ายดาวน์โหลดเลยรับชมความสนุกที่นี่ได้เลย ฟรี! : https://bit.ly/3KZimxr

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Column

เอดินสัน คาวานี่ : ดาวยิงคนใหม่บาเลนเซีย กับ 5 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้

เอดินสัน คาวานี่ หนึ่งในสุดยอดจอมถล่มประตูของวงการฟุตบอลในศตวรรษที่ 21 เคยผ่านการค้าแข้งกับสโมสรชื่อดังในลีกใหญ่ยุโรป ทั้งนาโปลี, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แต่หลังจากหมดสัญญากับ “ปิศาจแดง” ก็เป็นบาเลนเซีย ทีมยักษ์หลับแห่งลาลีกา สเปน ที่จัดการสอยกองหน้าจอมเก๋าอุรุกวัยรายนี้ มาเสริมเกมรุกในถิ่นเมสตาย่า แบบไม่มีค่าตัว เซ็นสัญญา 2 ปี

ดาวเตะวัย 35 ปี จะได้โอกาสโชว์ฝีเท้าบนเวทีลีกสูงสุดแดนกระทิงดุเป็นครั้งแรกในชีวิตกับ “โลส เช” และนี่คือ 5 เรื่องราวของเขา ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน

คนบ้านเดียวกันกับ “ซัวเรซ”

เมืองซัลโต้ ประเทศอุรุกวัย ถือเป็นบ้านเกิดของ 2 สุดยอดกองหน้าในวงการฟุตบอล ทั้งเอดินสัน คาวานี่ และหลุยส์ ซัวเรซ อดีตดาวยิงลาลีกา ซึ่งทั้งคู่เกิดห่างกันเพียงแค่ 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์เท่านั้น โดยวันเกิดของคาวานี่ คือ 14 กุมภาพันธ์ 1987 ส่วนวันเกิดของซัวเรซ คือ 24 มกราคม 1987

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/EdiCavaniOfficial

เริ่มไว้ผมยาวตั้งแต่อายุ 15 ปี

เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก คาวานี่มีผมที่สั้น เนื่องจากคุณแม่มักจะตัดผมให้เป็นประจำ แต่เมื่ออายุได้ 15 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ย้ายไปฝึกวิชาลูกหนังกับอคาเดมี่ของดานูบิโอ เอฟซี สโมสรในมอนเตวิเดโอ เมืองหลวงของอุรุกวัย เขาจึงเริ่มไว้ผมยาวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และเขาคงจะไม่กลับไปตัดผมสั้นอีกแล้ว

ได้รับฉายา “เอล มาทาดอร์”

คำว่า “เอล มาทาดอร์” เป็นภาษาสเปน หมายถึง “นักสู้วัวกระทิง” แต่คาวานี่ได้รับฉายานี้ ขณะที่เล่นอยู่กับปาแลร์โม ในอิตาลี เนื่องจากการจบสกอร์ที่เยือกเย็นของเขา ในฤดูกาล 2008/09 ทำได้ถึง 15 ประตู รวมทุกรายการ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่ากับซีซั่น 2009/10 ซีซั่นสุดท้ายของเขากับปาแลร์โม

200 ประตู ดาวซัลโวตลอดกาล “เปแอสเช”

หลังจากลงเล่นให้กับปาแลร์โม และนาโปลี ในระดับลีกสูงสุดของอิตาลีมา 7 ปี คาวานี่ก็ย้ายมาค้าแข้งกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศส ทำได้ถึง 200 ประตู รวมทุกรายการ ตลอดการค้าแข้ง 7 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของ “เปแอสเช” เป็นที่เรียบร้อย

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/EdiCavaniOfficial

มักจะหาโอกาสไปใช้ชีวิตแบบชนบท

ในช่วงที่ฟุตบอลลีกยุโรปหยุดพักฤดูกาล คาวานี่มักจะหาโอกาสกลับบ้านเกิดที่อุรุกวัย เพื่อเดินทางไปยังพื้นที่ที่ห่างไกลจากสังคมเมือง โดยเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาอาจจะไปเป็นสัตวแพทย์ เพราะเป็นคนที่รักสัตว์เลี้ยง และสัตว์ป่าเป็นอย่างมาก

เจนนาโร่ กัตตูโซ่ เทรนเนอร์คนใหม่ของบาเลนเซีย กล่าวถึงคาวานี่ว่า “เขาไม่ใช่นักเตะธรรมดา เขาทำประตูและคว้าแชมป์มามากมายกับทีมที่ยอดเยี่ยม ผมเข้าใจเลยว่าทำไมผู้คนถึงตื่นเต้นกับการมาของเขา”

นับจากนี้ไป แฟนๆ ลาลีกาจะได้ชมฟอร์มการเล่นของเอดินสัน คาวานี่ กับบาเลนเซีย ซึ่งเขาจะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยง เพื่อถ่ายทอดจิตวิญญาณให้กับนักเตะวัยหนุ่ม ที่จะเป็นกำลังหลักของทีมในวันข้างหน้าอีกด้วย

Categories
Column

เบนเซม่า VS เลวานดอฟสกี้ : การเริ่มต้นที่ดีของ 2 ดาวยิง “เบอร์ 9” ที่ดีที่สุดในโลก

หากพูดถึงกองหน้าตัวเป้า หรือ Lone striker ที่สามารถยีนระยะในเกมฟุตบอลระดับสูงนานกว่า 10 ปี ก็จะนึกถึงคาริม เบนเซม่า และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แม้ว่าอายุจะล่วงเลยมาถึงช่วง 34 – 35 ปีแล้วก็ตาม

และเมื่อบาร์เซโลน่า ได้อาวุธหนักอย่างเลวานดอฟสกี้มาเสริมแนวรุก ดวลความคมกับคาริม เบนเซม่า ดาวเตะเรอัล มาดริด ทำให้ “เอล กลาซิโก้” ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว

เหตุการณ์สำคัญจากเกมลาลีกา สเปน นัดที่ 2 ของฤดูกาล 2022/23 ทั้งเบนเซม่า และเลวานดอฟสกี้ ดาวยิงที่สวมเสื้อหมายเลข 9 ด้วยกันทั้งคู่ ต่างเริ่มต้นทำประตูได้เป็นนัดแรก ในสุดสัปดาห์เดียวกัน

ก่อนที่จะมาดวลกันในลีกแดนกระทิงดุ ซีซั่นนี้ ทั้งเบนเซม่า และเลวานดอฟสกี้ ต่างก็พาสโมสรต้นสังกัดประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ พร้อมทั้งได้รับรางวัลส่วนบุคคลมาครอบครอง จากซีซั่นที่แล้ว

เริ่มจากเบนเซม่า ที่พาเรอัล มาดริด คว้าดับเบิลแชมป์ ทั้งลาลีกา และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พ่วงด้วยตำแหน่งดาวซัลโว ประจำการแข่งขันทั้ง 2 รายการ ด้วยผลงาน 27 ประตู กับ 15 ประตู ตามลำดับ

ด้วยผลงานที่โดดเด่นสุดๆ กับเรอัล มาดริด เมื่อซีซั่นก่อน ทำให้ดาวยิงชาวฝรั่งเศสวัย 35 ปีรายนี้ มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะคว้ารางวัล “บัลลง ดอร์” รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ประจำปีนี้ด้วย

ทางฝั่งของเลวานดอฟสกี้ ที่พาบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกา พร้อมกับคว้ารางวัลส่วนตัว ทั้งดาวซัลโวลีกเยอรมัน (35 ประตู) และรางวัลดาวซัลโวลีกยุโรป (โกลเด้น ชูส์) เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

ตลอด 8 ฤดูกาลที่อยู่กับ “เสือใต้” ศูนย์หน้าชาวโปแลนด์วัย 34 ปี เคยได้รับรางวัลส่วนตัวอื่นๆ เช่น นักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า 2 สมัยซ้อน ในปี 2020 และ 2021 รวมถึงกองหน้ายอดเยี่ยมบัลลง ดอร์ ในปี 2021

จนกระทั่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ลาลีกา เดินทางมาถึงนัดที่ 2 ของฤดูกาลนี้ กองหน้าหมายเลข 9 ของ 2 สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลสเปน สามารถทำประตูได้เป็นนัดแรกให้กับต้นสังกัดของแต่ละคน

เริ่มจากวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม เรอัล มาดริด บุกไปเยือน เซลต้า บีโก้ เบนเซม่า ยิงจุดโทษให้ “ราชันชุดขาว” ขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 14 และท้ายที่สุด ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ เก็บชัยชนะด้วยสกอร์ 4 – 1

ต่อด้วยวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม บาร์เซโลน่า บุกไปเยือน เรอัล โซเซียดัด เลวานดอฟสกี้ ได้ลงสนามในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง ยิง 2 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ พา “เจ้าบุญทุ่ม” ชนะ 4 – 1 เช่นเดียวกัน

ส่วนนักเตะคนอื่นๆ นอกจากจะเป็นผู้ป้อนบอลให้กองหน้าอันดับ 1 ของแต่ละทีมยิงประตูแล้ว พวกเขาก็สามารถทำประตูด้วยตัวเองได้เช่นกัน และมีสิทธิ์ที่จะแข่งขันในอันดับดาวซัลโวของลาลีกาได้ตลอดเวลา

หลังผ่านไป 2 นัด ผู้นำดาวซัลโวลาลีกาในเวลานี้ คือ บอร์ฆา อิกเลเซียส ของเรอัล เบติส ทำได้ 3 ประตู ส่วน 2 ประตูของเลวานดอฟสกี้ ทำได้เท่ากับอัลบาโร่ โมราต้า, ยาโก้ อัสปาส, ชิมี่ เอบิล่า, อเล็กซ์ บาเอน่า และฆวนมี่

สำหรับนัดต่อไป ทั้งบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด จะลงเตะในคืนวันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม โดย “เจ้าบุญทุ่ม” เปิดบ้านพบเรอัล บายาโดลิด (00.30 น.) ต่อด้วย “ราชันชุดขาว” ออกไปเยือนเอสปันญ่อล (03.00 น.)

ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของคาริม เบนเซม่า และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีโอกาสมากที่สุด สำหรับการท้าชิงรางวัล “ปิชิชี่” หรือดาวซัลโวลาลีกา ที่จะทราบผลอย่างแน่นอน ในเดือนมิถุนายน ปีหน้า