Categories
Column

5 ประเด็นที่ได้เรียนรู้หลังเกม “เอล แกรน ดาร์บี้”

เมืองเซบิลล์ เมืองใหญ่อันดับที่ 4 ของสเปน และเป็นเมืองหลวงของแคว้นอันดาลูเซีย การพบกันของเซบีย่า และเรอัล เบติส 2 สโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดประจำเมือง ถูกเรียกว่า “เอล แกรน ดาร์บี้”

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรอัล เบติส เปิดถิ่นเอสตาดิโอ เบนิโต บียามาริน เสมอกับเซบีย่า 1 – 1 ในการทำศึกเอล แกรน ดาร์บี้ หรือดาร์บี้แมตช์แห่งแคว้นอันดาลูเซีย ครั้งที่ 103 ในลาลีกา

การพบกันของ 2 ทีมนี้ หมายถึง “ดาร์บี้แมตช์ที่ยิ่งใหญ่” ที่ต่างผลัดกันแย่งชิงความเป็นที่ 1 ของเมืองกันอย่างจริงจังยิ่งกว่าดาร์บี้แมตช์ที่อื่น และนี่คือ 5 ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในเกมนี้

บรรยากาศดาร์บี้แมตช์ที่ไม่มีใครเทียบได้

“เอล แกรน ดาร์บี้” ครั้งล่าสุด เป็นดาร์บี้แมตช์ที่เปี่ยมไปด้วยสีสันไม่ต่างจากครั้งที่ผ่าน ๆ มา มีการเปิดเพลงปลุกใจตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม และพลังเสียงเชียร์จากแฟนบอลในสนามระหว่างเกม จนกระทั่งจบเกม นี่คือบรรยากาศของเกมดาร์บี้แมตช์แห่งเมืองเซบิลล์ ที่หาไม่ได้จากดาร์บี้แมตช์เมืองอื่น ๆ ในโลก

กูเดลจ์ กับลูกยิงเสียบสามเหลี่ยมสุดสวย

โดยปกติแล้ว เนมันย่า กูเดลจ์ จะเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ แต่ในดาร์บี้แมตช์ครั้งล่าสุด เขาถูกจับไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก อย่างไรก็ตาม ดาวเตะเซอร์เบียวัย 31 ปี ก็เป็นคนยิงตีเสมอให้เซบีย่า ในนาทีที่ 81 ด้วยลูกยิงไกลเสียบสามเหลี่ยมอย่างงดงาม คล้ายกับประตูที่ยิงใส่เรอัล มายอร์ก้า เมื่อเดือนที่แล้ว

เอ็ดการ์ ช่วยแนวรับเบติสได้เป็นอย่างดี

แม้เบติส จะต้องเล่นเพียง 9 คน เกือบตลอดทั้งครึ่งหลัง แต่พวกเขาก็รอดพ้นความปราชัยคาบ้านได้สำเร็จ ซึ่งต้องให้เครดิตเอ็ดการ์ กอนซาเลซ เซ็นเตอร์แบ็กเลือดคาตาลันวัย 25 ปี ที่ช่วยให้ทีมของมานูเอล เปเยกรินี่ ไม่เสียประตูอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะช็อตสกัดลูกยิงของราฟา เมียร์ ออกจากเส้นประตูในครึ่งแรก

นาบาส ทำเข้าประตูตัวเองในดาร์บี้แมตช์

เฆซุส นาบาส ลงเล่นดาร์บี้แมตช์แห่งอันดาลูเซีย เป็นครั้งที่ 22 ด้วยการทำเข้าประตูตัวเองในช่วงครึ่งแรก อย่างไรก็ตาม เขาเกือบแอสซิสต์ให้เนมันย่า กูเดลจ์ ยิงประตูชัยช่วงทดเจ็บครึ่งหลัง แต่ถูกเคลาดิโอ บราโว่ นายทวารเบติส ซึ่งเป็นอดีตเพื่อนร่วมทีมของนาบาสที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เซฟได้อย่างหวุดหวิด

ดาร์บี้แมตช์ที่เล่นใหญ่ทั้งในและนอกสนาม

เอล แกรน ดาร์บี้ ครั้งล่าสุด เรียกได้ว่าเล่นใหญ่สมชื่อ เพราะมีใบแดงถึง 3 ใบ พร้อมกับใบเหลืองอีก 10 ใบ ซึ่งฝั่งเบติสถูกไล่ออกไป 2 คน คือนาบิล เฟคีร์ และเซร์กิโอ กานาเลส ส่วนฝั่งเซบีย่า เป็นกอนซาโล่ มอนเตียล ที่ถูกเชิญออกจากสนาม

ศึกเอล แกรน ดาร์บี้ ยกแรกของฤดูกาลนี้ ไม่มีผู้ชนะ แต่ทั้ง 2 ทีมยังคงต้องต่อสู้ในเส้นทางของตัวเองต่อไป ก่อนจะพบกันอีกครั้ง ที่สนามรามอน ซานเชซ ปิซฆวน ในเดือนพฤษภาคม ปีหน้า

Categories
Column

เซบีย่า VS แอตเลติโก้ มาดริด : บิ๊กแมตช์ที่เดิมพันด้วยชัยชนะ เพื่อกลับสู่หัวตาราง

เซบีย่า และแอตเลติโก้ มาดริด คือ 2 สโมสรใหญ่ ที่ต่างทำผลงานยอดเยี่ยมจนติดอันดับ “ท็อป 4” ตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ในฤดูกาลนี้ กับการออกตัว 6 นัดแรก ทั้งคู่ทำผลงานได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ

ฟุตบอลลาลีกา สเปน ในสุดสัปดาห์นี้ เป็นนัดที่ 7 ของซีซั่น 2022/23 ทั้งเซบีย่า และแอตฯ มาดริด จะทำศึก “บิ๊กแมตช์” ที่สนามรามอน ซานเชซ ปิชฆวน ในคืนวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคมนี้ เวลา 23.30 น.

เซบีย่า ที่ก่อนหน้านี้จบในอันดับที่ 4 มา 3 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่ในซีซั่นนี้ออกสตาร์ทได้อย่างน่าผิดหวัง ขนะ 1 เสมอ 2 และแพ้ 3 เกม อยู่อันดับ 15 ของตาราง มีแต้มมากกว่าโซนตกชั้นแค่คะแนนเดียว

ทีมของกุนซือฆูเลน โลเปเตกี เริ่มต้น 4 นัดแรกด้วยการแพ้ โอซาซูน่า, เสมอ เรอัล บายาโดลิด, แพ้ อัลเมเรีย, แพ้ บาร์เซโลน่า ก่อนปลดล็อกเก็บชัยเหนือเอสปันญ่อล และนัดล่าสุดเสมอกับบียาร์เรอัล

โฆอัน ฆอร์ดัน มิดฟิลด์ของเซบีย่า กล่าวว่า “ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งดี ๆ จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ เราเล่นได้ดีแล้ว แต่เรายังต้องทำงานอย่างหนักตลอด 90 นาที ผมเชื่อมั่นในเพื่อนร่วมทีม และจะนำฟอร์มที่ดีที่สุดกลับมาในนัดต่อไป”

ทางฝั่งของแอตเลติโก มาดริด ก็เริ่มต้นซีซั่นได้ไม่ดีเท่าที่ควรเช่นเดียวกัน ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 อยู่ในอันดับที่ 7 ของตาราง ตามหลังจ่าฝูงห่างถึง 8 แต้ม โดยนัดล่าสุดเปิดบ้านแพ้เรอัล มาดริด 1 – 2 ในศึกดาร์บี้แมตช์

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แอตฯ มาดริด มีผลงานที่กระท่อนกระแท่นเช่นนี้ คือ 2 นักเตะแนวรุกคนสำคัญทั้งอัลบาโร่ โมราต้า และเจา เฟลิกซ์ ที่ยิงประตูไม่ได้มาแล้ว 4 และ 8 นัดติดต่อกันในระดับสโมสร ตามลำดับ

ฤดูกาล 2012/13 เป็นครั้งแรกที่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เฮดโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ ทำหน้าที่คุมทีมแบบเต็มซีซั่น และพา “ตราหมี” อยู่ในท็อป 3 ของลาลีกาทุกซีซั่น แต่ตอนนี้พวกเขาต้องกลับสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นให้ได้ก่อน

⚽️ เซบีย่า 4 นัดหลังสุดในบ้าน ไม่แพ้แอตฯ มาดริด

ก่อนที่จะลงสนามในสัปดาห์นี้ มีสถิติที่อาจจะเป็นลางดีสำหรับเซบีย่า เพราะพวกเขาเปิดบ้านเจอกับแอตเลติโก้ มาดริด 4 นัดหลังสุดในลาลีกา ไม่เคยแพ้เลย และเอาชนะได้ใน 2 นัดหลังสุดที่พบกัน

4 นัดหลังที่เซบีย่าไร้พ่ายในบ้าน เริ่มจากเสมอกัน 1 – 1 ในฤดูกาล 2018/19 และ 2019/20 ต่อด้วยชนะ 1 – 0 ในฤดูกาลถัดมา และล่าสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ชนะ 2 – 1 อิวาน ราคิติช และลูคัส โอคัมโปส ทำคนละประตู

ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์แอตฯ มาดริด มีสถิติการคุมทีมพบกับเซบีย่า 25 เกม ชนะ 10 เสมอ 10 แพ้ 5 อย่างไรก็ตาม ถ้านับเฉพาะ 8 นัดหลังสุดที่พบกันเฉพาะในลาลีกา ซิเมโอเน่เก็บชัยชนะได้แค่เกมเดียว

⚽️ “เอล โชโล่” เคยค้าแข้งให้กับเซบีย่ามาก่อน

ก่อนที่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ จะเป็นนักเตะที่โด่งดังกับแอตเลติโก้ มาดริด เขาเคยเป็นนักเตะของเซบีย่ามาก่อน โดยลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาล กับ 2 ผู้จัดการทีมอย่างคาร์ลอส บิลาร์โด้ และหลุยส์ อราโกเนส

ซีซั่น 1992/93 ซิเมโอเน่ เป็นเพื่อนร่วมทีมของดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังทีมชาติอาร์เจนติน่าผู้ล่วงลับ ก่อนที่บิลาร์โด้ และมาราโดน่า จะอำลาถิ่นรามอน ซานเชซ ปิชฆวน หลังจบซีซั่นไปพร้อมกัน

และซีซั่น 1993/94 ในยุคของกุนซือหลุยส์ อราโกเนส “เอล โชโล่” ได้มีความทรงจำที่ดีในการลงเล่นนัดที่เปิดบ้านพบกับ “ตราหมี” เมื่อโหม่งคนเดียว 2 ประตู พายอดทีมจากอันดาลูเซีย แซงกลับมาชนะ2 – 1

เซบีย่า และแอตเลติโก้ มาดริด ต่างมีเป้าหมายในการกลับสู่หัวตารางให้เร็วที่สุด ผลเสมอคงจะไม่ใช่เรื่องดีต่อทั้งสองฝ่าย  ต้องมาติดตามกันว่า ทีมใดจะเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะที่ต้องการนี้ไปได้