Categories
Special Content

อุดมการณ์ที่แตกต่าง : เรอัล มาดริด – บาร์เซโลน่า คู่อริที่เป็นมากกว่าเกมฟุตบอล

มาดริด และบาร์เซโลน่า 2 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน ซึ่งมีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งกันมาตั้งแต่ยุคโบราณ และความขัดแย้งนั้น ก็ได้ส่งต่อสู่เกมฟุตบอล ที่ดวลบนสนามหญ้ามานานกว่า 100 ปี

การพบกันของ 2 สโมสรลูกหนังที่ดีที่สุดในสเปน และอาจจะดีที่สุดในโลก ระหว่างเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ถูกเรียกว่า “เอล กลาซิโก้” (El Clásico) เจอกันครั้งใดก็สัมผัสได้ถึงความคลาสสิก

แมตช์นี้ มีความหมายมากกว่าเกมฟุตบอลธรรมดา ๆ เพราะเป็นการต่อสู้ของ 2 เมืองใหญ่ ที่มีความแตกต่างกันทั้งเรื่องเชื้อชาติ และอุดมการณ์ทางการเมืองจากประวัติศาสตร์ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

“ราชันชุดขาว” ถูกมองว่าเป็นทีมของฝ่ายอำนาจนิยม ส่วน “เจ้าบุญทุ่ม” คือตัวแทนแห่งเสรีนิยม ที่ต้องการปลดแอกจากเมืองหลวง ทำให้ตกเป็นเป้าหมายในการเล่นงานจากรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง

ซึ่งก่อนที่ทั้ง 2 ทีม จะเผชิญหน้ากันในวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคมนี้ ก็มีประเด็นของบาร์เซโลน่า ที่ถูกลาลีกากล่าวหาว่าติดสินบนกรรมการ และเรอัล มาดริด อริตัวแสบ ก็ไม่พลาดที่จะร่วมฟ้องร้องด้วย

“เอล กลาซิโก้” ซีซั่นนี้ ชิ้ทิศทางลุ้นแชมป์

ก่อนการต่อสู้ในยกสอง ที่สปอติฟาย คัมป์ นู สถิติการพบกันในลาลีกา เรอัล มาดริด ชนะ 77 ครั้ง บาร์เซโลน่า ชนะ 73 ครั้ง และเสมอกัน 35 ครั้ง ส่วนจำนวนแชมป์ลีกสูงสุด เรอัล มาดริด 35 สมัย และบาร์เซโลน่า 26 สมัย

สถานการณ์ล่าสุดของการลุ้นแชมป์ลาลีกา 2022/23 บาร์เซโลน่า นำเป็นจ่าฝูง มี 65 คะแนน นำห่างเรอัล มาดริด ทีมอันดับที่ 2 อยู่ 9 แต้ม ผลแข่ง “เอล กลาซิโก้” ครั้งที่ 186 ในลีก จะเป็นตัวชี้ทิศทางการลุ้นแชมป์ของทั้ง 2 ทีม

การจัดอันดับคะแนนในลาลีกา ถ้ามีทีมที่คะแนนเท่ากัน (2 ทีมหรือมากกว่า) จะพิจารณาผลการแข่งขันที่ในแมตช์ที่พบกันเอง (เฮด-ทู-เฮด) เป็นลำดับแรก ซึ่งการใช้กฎเฮด-ทู-เฮดนั้น จะมีผลหลังจากจบฤดูกาลเรียบร้อยแล้ว

การดู “เฮด-ทู-เฮด” ของลีกสเปน จะไม่มีการนับประตูทีมเยือน (อเวย์โกล) ถ้าเฮด-ทู-เฮด เท่ากัน ให้ข้ามไปพิจารณาที่ประตูได้-เสียนับรวมทั้งซีซั่น ซึ่งแมตช์แรกที่ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว เป็นราชันชุดขาว เอาชนะ 3 – 1

ความเป็นไปได้ของผลการแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ ถ้าเรอัล มาดริด เก็บชัยได้ จะจี้บาร์เซโลน่าเหลือ 6 แต้ม และผลงาน “เฮด-ทู-เฮด” ดีกว่า หรือผลเสมอ ก็ตามหลังบาร์เซโลน่า 9 แต้มเท่าเดิม แต่ “เฮด-ทู-เฮด” ยังเหนือกว่า

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากบาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายชนะ ต้องแยกออกเป็น 3 กรณี ดังต่อไปนี้

– ชนะด้วยผลต่าง 1 ประตู : บาร์เซโลน่า นำห่าง 12 แต้ม แต่ผลงานเฮด-ทู-เฮด เรอัล มาดริด ยังได้เปรียบ

– ชนะด้วยผลต่าง 2 ประตู : บาร์เซโลน่า นำห่าง 12 แต้ม ผลงานเฮด-ทู-เฮด เท่ากับเรอัล มาดริด ต้องไปวัดที่ประตูได้-เสีย โดยในตอนนี้ “เจ้าบุญทุ่ม” ได้ 47 เสีย 8 (ผลต่าง +39) ส่วน “ราชันชุดขาว” ได้ 50 เสีย 19 (ผลต่าง +31)

– ชนะด้วยผลต่าง 3 ประตู หรือมากกว่า : บาร์เซโลน่า นำห่าง 12 แต้ม แถมผลงานเฮด-ทู-เฮด เหนือกว่าเรอัล มาดริด อีกด้วย

เริ่มต้นจากการเป็นมิตร

ก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงมาดริด และเมืองบาร์เซโลน่าจะเป็นศัตรูกันแบบในปัจจุบันนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นมิตรที่ดี เกื้อหนุนกันมาก่อน อาจจะมีการแข่งขันกันบ้างในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งรุนแรง

ในอดีต แคว้นคาตาลุญญ่า คือส่วนหนึ่งของอาณาจักรอารากอน มีเมืองบาร์เซโลน่าเป็นเมืองท่าสำคัญ มีภาษาเป็นของตัวเอง เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรม

ส่วนอาณาจักรกาสติลญ่า ที่มีเมืองมาดริดเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นศูนย์กลางในด้านการเมืองการปกครอง มีจุดเด่นในด้านประวัติศาสตร์ มีมรดกทางวัฒนธรรม และเป็นแหล่งรวมผลงานศิลปะ

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1469 เมื่อเจ้าชายเฟอร์ดินันด์ที่ 2 แห่งอารากอน ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงอิซาเบลลา แห่งกาสติลญ่า ทำให้เกิดการผนวกระหว่าง 2 อาณาจักรใหญ่ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิสเปน

จักรวรรดิสเปน คือการหลอมรวมอานาจักรต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งหลังจากจักรวรรดิสเปนเกิดขึ้น เมืองบาร์เซโลน่าเจริญขึ้นมากจากการค้าขายทางเรือ ส่วนเมืองมาดริดค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเมืองหลวงในปี 1561

รอยร้าวเล็ก ๆ ที่ใหญ่ขึ้น

แม้ 2 อาณาจักรใหญ่จะรวมกันเป็นสเปนแล้ว การปกครองก็ยังเป็นอิสระต่อกัน ความสัมพันธ์ระหว่างมาดริด และบาร์เซโลน่า ดูเหมือนจะราบรื่น แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นความแตกแยกระหว่างสองเมือง

เหตุการณ์ที่ว่านั้นก็คือ สงครามชิงบัลลังก์ราชวงศ์ ในปี 1714 คาตาลุญญ่าเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ ทำให้ถูกริบสิทธิและอำนาจการปกครองของตัวเอง รวมถึงภาษา วัฒนธรรมของแคว้น ก็ถูกอำนาจของสเปนกดทับไว้

ต่อมาในปี 1808 สงครามคาบสมุทร ที่เกี่ยวเนื่องไปถึงสงครามนโปเลียน เมื่อกองทัพของจักรวรรดิฝรั่งเศส นำโดยจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต ได้ถอนกำลังจากโปรตุเกส และเข้าโจมตีเมืองบาร์เซโลน่า ของสเปนแทน

ทว่าในช่วงเวลาของสงครามคาบสมุทรนั้น สเปนกำลังมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ ทำให้ทหารนับแสนนายไม่สามารถทำอะไรได้ ปล่อยให้จักรวรรดิฝรั่งเศสยึดเมืองบาร์เซโลน่า และส่งคนเข้ามาปกครองสเปนในที่สุด

แม้ในภายหลัง สเปนจะได้เมืองบาร์เซโลน่ากลับคืนมา แต่ความรู้สึกของชาวคาตาลัน ที่ถูกทอดทิ้งจากการต่อสู้กับจักรวรรดิฝรั่งเศส ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงจากภายในจิตใจให้คนในเมืองนี้ไปแล้ว

ชิงความเป็นหนึ่งด้วยเกมลูกหนัง

ความขัดแย้งของทั้ง 2 เมือง ก็ได้ส่งต่อไปยังกีฬาฟุตบอลด้วย การก่อตั้งสโมสรเรอัล มาดริด กับบาร์เซโลน่า ที่เป็นตัวแทนของ อุดมการณ์ ซึ่งผลงานในสนาม คือการพิสูจน์ว่าเมืองของตัวเองเหนือกว่าอีกเมืองหนึ่ง

สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า ก่อตั้งเมื่อปี 1899 และอีก 3 ปีให้หลัง สโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งคู่ได้พบกันเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 เมษายน 1902 จบลงด้วยชัยชนะ 3 – 1 ของบาร์เซโลน่า

หลายคนเข้าใจว่า เมืองบาร์เซโลน่าถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะในบางครั้ง กรุงมาดริดก็เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบเหตุการณ์และความรุนแรงแล้ว ฝ่ายบาร์เซโลน่าโดนหนักกว่ามาก

เหตุการณ์ที่ทำให้ฝ่ายมาดริดโกรธแค้น มีอยู่ 2 เหตุการณ์หลัก ๆ คือเหตุการณ์ที่นักเตะเรอัล มาดริดรายหนึ่ง ถูกลอบสังหารในคาตาลุญญ่า เมื่อปี 1916 แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า เป็นฝีมือของชาวคาตาลันหรือไม่

อีกเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ โคปา เดล เรย์ เมื่อปี 1930 ที่เรอัล มาดริด แพ้ให้กับแอธเลติก บิลเบา ซึ่งต้นเหตุมาจากผู้ตัดสินในนัดดังกล่าว เป็นชาวคาตาลัน ที่ทำหน้าที่ตัดสินแบบค้านสายตา

แตกหักเพราะสงครามกลางเมือง

การก้าวขึ้นสู่อำนาจของนายพลฟรานซิสโก้ ฟรังโก้ ผู้นำเผด็จการของสเปน จนนำไปสู่สงครามกลางเมืองในช่วงปี 1936-1939 ก็ยิ่งทำให้เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ไม่มีวันที่จะญาติดีกันอีกเลยจนถึงปัจจุบัน

นายพลฟรังโก้ เข้ามาปกครองสเปนตั้งแต่ปี 1936 นิยมแนวคิดแบบขวาจัด ต้องการสร้างสเปนให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งแน่นอนว่า ฝ่ายบาร์เซโลน่าต่อต้านอย่างหนัก เพราะเป็นการลดทอนอัตลักษณ์ของคาตาลุญญ่า

ความคับแค้นของบาร์เซโลน่า ที่มีต่อเรอัล มาดริด เริ่มจากโฆเซป ซูโยล ประธานสโมสรบาร์เซโลนา และสมาชิกของพรรคการเมืองเสรีนิยมแห่งคาตาโลเนียในขณะนั้น ถูกฝ่ายของนายพลฟรังโก้ลอบสังหาร

เท่านั้นยังไม่พอ นายพลจอมฟาสซิสต์รายนี้ ได้จัดการเอาธงคาตาลันออกจากโลโก้ของบาร์ซ่า เปลี่ยนชื่อสโมสรเป็นภาษาสเปน สั่งห้ามพูดภาษาคาตาลัน และส่งคนของตัวเองเข้าไปควบคุมสโมสรแบบเบ็ดเสร็จ

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/RealMadrid

สงครามกลางเมืองของสเปน เกิดจากทหารที่เข้ามายึดอำนาจรัฐบาลฝ่ายซ้าย นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างผู้สนับสนุนเผด็จการ กับผู้สนับสนุนเสรีนิยม ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของนายพลฟรังโก้ ในปี 1939

และในปี 1943 เกมโคปา เดล เรย์ ที่เรอัล มาดริด เปิดบ้านถล่มบาร์เซโลน่า 11 – 1 สร้างสถิติชนะขาดลอยที่สุดใน “เอล กลาซิโก้” แต่ชัยชนะในครั้งนี้ ถูกตั้งข้อสงสัยว่า มีอำนาจมืดจากนายพลฟรังโก้อยู่เบื้องหลัง

ตำนานชิงตัว “ดิ สเตฟาโน่ – ฟิโก้”

นอกจากการแข่งขันในสนามแล้ว ยังมีเหตุการณ์การแย่งชิงนักเตะฝ่ายตรงข้ามที่ถูกเล่าขานระดับตำนาน คือกรณีของอัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ และหลุยส์ ฟิโก้ ซึ่งเป็นเรอัล มาดริด ที่กระทำกับบาร์เซโลน่าถึง 2 ครั้ง

ครั้งแรก เมื่อปี 1953 บาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายที่ทาบทามตัว ดิ สเตฟาโน่ ก่อน โดยอ้างว่าได้เซ็นสัญญาล่วงหน้าไปแล้ว แต่เรอัล มาดริด ได้อาศัยช่องว่างด้วยการอ้างกฎอีกฉบับหนึ่ง ที่อาจเป็นอำนาจมืดจากนายพลฟรังโก้

กฎของฟุตบอลลีกสเปนในเวลานั้น คือ การซื้อผู้เล่นต่างชาติ ต้องมีลายเซ็นจากสโมสรต้นสังกัดที่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่าเท่านั้น แต่รัฐบาลสเปน กลับออกกฎใหม่โดยให้มีลายเซ็นจากสโมสรต้นสังกัดที่แท้จริง แม้จะไม่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่าก็ตาม

ยื้อกันไปยื้อกันมา ทำให้ฟุตบอลลีกสเปน ตัดสินใจให้ทั้ง 2 ทีม สลับกันใช้งาน ดิ สเตฟาโน่ ตลอดเวลา 4 ฤดูกาล และหลังจากนั้น เป็นราชันชุดขาว ที่ได้ตัวไปร่วมทีมอย่างถาวร และกลายเป็นตำนานในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบวในที่สุด

ต่อมาในปี 2000 เรอัล มาดริด สร้างปรากฏการณ์ช็อกวงการฟุตบอลอีกครั้ง ด้วยการดึงตัว หลุยส์ ฟิโก้ นักเตะบาร์เซโลน่า สโมสรคู่ปรับตลอดกาล หลังจากฟลอเรนติโน่ เปเรซ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานสโมสร

อันที่จริง เปเรซได้วางแผนฉกฟิโก้ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งประธานของเรอัล มาดริดแล้ว โดยเดิมพันผ่านเอเย่นต์ส่วนตัวของดาวเตะโปรตุกีสรายนี้ว่า ถ้าตัวเขาแพ้เลือกตั้ง ยินดีจ่ายเงินให้ 4 ล้านยูโร แต่ถ้าชนะ ต้องย้ายมาค้าแข้งกับ “โลส บลังโกส” ทันที

ซึ่งเปเรซก็ชนะการเลือกตั้งจริงๆ และได้ตัวฟิโก้มาร่วมทีมสมใจอยาก เรียกว่าเป็นการตบหน้าบาร์เซโลน่าครั้งใหญ่ ทำเอาแฟนๆ อาซุลกราน่าโกรธแค้น ถึงขั้นสาปส่งฟิโก้ว่าเป็น “จูดาส” หรือคนทรยศ เหยียบเมืองบาร์เซโลน่าไม่ได้อีกต่อไป

ถึงอย่างไรก็ขาดกันไม่ได้อยู่ดี

หลังหมดยุคนายพลฟรังโก้ สเปนได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในปี 1983 จังหวัดมาดริดได้แยกออกจากแคว้นกาสติย่า จัดตั้งเป็น “แคว้นมาดริด”

แต่จากความขัดแย้งที่สะสมมานานตั้งแต่สมัยนายพลฟรังโก้เรืองอำนาจ ความพยายามของคาตาลุญญ่าที่ต้องการจะแยกตัวออกจากรัฐบาลกลางก็ไม่มีทางสิ้นสุด เพราะพวกเขาคือคาตาลัน ไม่ใช่ชาวสเปน

กระแสการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปน รุนแรงขึ้นในการลงประชามติ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2017 มีชาวคาตาลันประมาณ 2 ล้านคน ไปลงคะแนนโหวต ผลที่ออกมาคือ เสียงส่วนใหญ่ประมาณ 90% สนับสนุนให้คาตาลุญญ่าเป็นเอกราช

แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ ผิดกฎหมายรัฐบาลกลางสเปน ทำให้สเปนส่งเจ้าหน้าที่มายึด และทำลายคูหาที่ใช้ในการลงประชามติ รวมถึงสลายผู้คนที่รวมตัวกันในบริเวณนั้น จนเกิดการปะทะขึ้นกลายเป็นเหตุรุนแรง

อีก 26 วันต่อมา (27 ตุลาคม 2017) แกนนำที่เคลื่อนไหวการแยกตัวเป็นอิสระจากสเปน ได้อ่านคำประกาศอิสรภาพในการเป็นเอกราชของคาตาลุญญ่า แต่ก็ถูกรัฐบาลกลางสเปนตอบโต้ด้วยการยึดอำนาจการปกครองจากคาตาลันทันที

มีการวิเคราะห์ว่า การแยกตัวของคาตาลุญญ่าออกจากสเปน อาจจะส่งผลกระทบต่อลาลีกาไม่น้อย เพราะรู้ดีว่าบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด คือแม่เหล็กที่ช่วยดึงดูดผลประโยชน์มหาศาลให้กับวงการฟุตบอลสเปน

แม้บาร์เซโลน่า จะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต่อต้านมาดริด และอาจถึงเวลาที่ต้องแยกจากกัน แต่การที่ศึกเอล กลาซิโก้ ยังมีเสน่ห์ที่น่าติดตามเช่นนี้ ลาลีกาก็อาจจะรู้สึกดีกว่าก็ได้ที่ทั้งคู่ยังได้พบกันต่อไป

เรียบเรียง : จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://www.the101.world/the-rivalry-ep-1/

https://www.barcablaugranes.com/2017/4/21/15381184/the-transfers-of-figo-and-di-stefano

https://en.wikipedia.org/wiki/2017_Catalan_independence_referendum

Categories
Column

5 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้ของ “เอ็นดริค” ว่าที่แข้งใหม่ราชันชุดขาว

ภาพจำในอดีตของเรอัล มาดริด คือการซื้อนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์มาร่วมทีม จนได้สมญานามว่า “กาลาติกอส” แต่ในระยะหลัง ๆ ได้เริ่มมองหานักเตะดาวรุ่งอายุน้อยฝีเท้าดีมากขึ้นเรื่อย ๆ

เรอัล มาดริด สโมสรในลาลีกา สเปน ประกาศคว้าตัว เอ็นดริค ดาวรุ่งชาวบราซิลวัย 16 ปี จากพัลไมรัส โดยเซ็นสัญญาล่วงหน้าเกือบ 2 ปี ก่อนย้ายทีมอย่างเป็นทางการในช่วงซัมเมอร์ปี 2024

ยักษ์ใหญ่จากเมืองหลวง มองเห็นถึงศักยภาพของเอ็นดริค จึงตัดสินใจลงทุนสำหรับดีลดังกล่าว และนี่คือ 5 เรื่องราวที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ของว่าที่สตาร์คนใหม่ “ราชันชุดขาว” รายนี้

⚽️ ได้ย้ายมาอยู่พัลไมรัส เพราะยูทูบ

เอ็นดริค เฟลิเป้ โมไรร่า เด ซูซ่า ไม่ได้เป็นที่จับตามองของทีมยักษ์ใหญ่ในตอนแรก แต่เมื่อพ่อของเขาได้แชร์คลิปทักษะการเล่นฟุตบอลของลูกชายบนยูทูบ แล้วไปเข้าตาแมวมองของพัลไมรัส ทางสโมสรจึงได้เสนอที่อยู่ให้ครอบครัวของเอ็นดริค ได้อาศัยในเซา เปาโล และช่วยพ่อของเขาหางานทำ ด้วยการเป็นพนักงานทำความสะอาด

⚽️ เคยมีสปอนเซอร์เป็นบริษัททันตกรรม

เอ็นดริค เคยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทด้านทันตกรรมแห่งหนึ่ง เนื่องจากพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุ สูญเสียฟันไปหลายซี่ ทำให้ไม่สามารถทานอาหารแข็งได้ ต้องทานอาหารเหลวเท่านั้น และบริษัทดังกล่าวได้จ่ายค่ารักษาทางทันตกรรมให้ทั้งหมด ทำให้ครอบครัวของเขารู้สึกยินดีสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนั้น

⚽️ ทุบสถิติอายุน้อยสุดกับพัลไมรัส

นับตั้งแต่เอ็นดริค ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของพัลไมรัส เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาได้สร้างสถิติใหม่ให้กับสโมสร โดยเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ที่ประเดิมลงเล่นนัดแรกให้กับทีมซีเนียร์ ด้วยวัย 16 ปี 2 เดือน และยังเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ที่ยิงประตูแรกให้กับทีมซีเนียร์ ด้วยวัย 16 ปี 3 เดือน 4 วัน

⚽️ แบกอายุ 4 ปี ติดทีมชาติชุดยู-20

เอ็นดริค ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิล ในการแข่งขันฟุตบอลโคปา อเมริกา รุ่น ยู-20 ที่ประเทศโคลอมเบีย ระหว่างวันที่ 19 มกราคม ถึง 12 กุมภาพันธ์ 2023 นั่นหมายความว่า ต้องแบกอายุถึง 4 ปี ในการลงเล่นทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว โดยเขาเคยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ฟุตบอลรุ่น ยู-16 และเป็นดาวซัลโวด้วย

⚽️ มี “คริสเตียโน่ โรนัลโด” เป็นไอดอล

เมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริด ในปี 2009 เอ็นดริคมีอายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น และเติบโตไปพร้อมกับการได้ชมความเก่งกาจของซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกส เขารู้สึกประทับใจกับผลงานของโรนัลโด้เป็นอย่างมาก จึงยกให้อดีตดาวเตะราชันชุดขาวรายนี้ เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดในการเล่นฟุตบอล

การที่เรอัล มาดริด ตัดสินใจซื้ออนาคต ในการเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับเอ็นดริค ถือเป็นความเสี่ยงที่พวกเขาได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ต้องรอดูว่าการเสี่ยงในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร

Categories
Special Content

เก่งจริงหรือโชคดี : “อันเชล็อตติ” กุนซือที่ถูกตีค่าฝีมือน้อยเกินจริงหรือไม่ ?

คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์วัย 63 ปี กับการหวนคืนเก้าอี้เฮดโค้ชเรอัล มาดริด เป็นคำรบสองในฤดูกาลนี้ ด้วยการการันตีแชมป์ลาลีกา สเปน เก็บสถิติคว้าแชมป์ครบ 5 ลีกใหญ่ยุโรป

และล่าสุด พา “ราชันชุดขาว” ผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยจะไปพบกับลิเวอร์พูล และมีโอกาสลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ได้แชมป์ถ้วยใหญ่ยุโรปถึง 4 สมัย

ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นเพราะ “อันเชล็อตติ” อยู่ท่ามกลางสิ่งรอบตัวที่เอื้ออำนวย จนถูกประเมินฝีมือต่ำเกินไป จริงหรือไม่ ? วันนี้ SoccerSuckไข่มุกดำ จะมาขยายให้ฟังกันครับ

ขอบคุณภาพ : https://web.facebook.com/ancelottiofficial

27 ปี บนเส้นทางผู้จัดการทีม

คาร์โล อันเชล็อตติ เริ่มสร้างชื่อตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะ กับโรม่า และเอซี มิลาน หลังจากแขวนสตั๊ดเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ ก็เข้าสู่เส้นทางการเป็นโค้ช โดยเริ่มจากเป็นผู้ช่วยของอาร์ริโก้ ซาคคี่ ในทีมชาติอิตาลี

ซึ่งภายในแคมป์ “อัซซูรี่” นี่เอง ที่ทำให้อันเชล็อตติ ได้เรียนรู้และฝึกฝนแท็กติกต่างๆ จากซาคคี่ เป็นเวลา 3 ปี จนเมื่อวิชาแกร่งกล้ามากพอ เขาได้ลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของซาคคี่ เพื่อหาความท้าทายใหม่ๆ

งานแรกของ “อันเช่” ในฐานะผู้จัดการทีมเต็มตัว คือ เรจเจียน่า สโมสรระดับเซเรีย บี เมื่อปี 1995 และใช้เวลากับที่นี่เพียงแค่ฤดูกาลเดียว พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ทันที โดยจบในอันดับที่ 4 ของตาราง

จาก 1 ซีซั่นกับเรจเจียน่า สู่ทีมที่ใหญ่กว่าเดิมกับปาร์ม่า อันเชล็อตติได้สร้างนักเตะซูเปอร์สตาร์อย่างจิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, จิอันฟรังโก้ โซล่า เป็นต้น ด้วยแผนการเล่น 4-4-2

ต่อมาในปี 1999 อันเชล็อตติ ก้าวสู่งานที่ท้าทายกว่าเดิมกับยูเวนตุส สโมสรระดับยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ผลงานสำคัญของเขา คือการดันซีเนอดีน ซีดาน จนแจ้งเกิดกลายเป็นสุดยอดมิดฟิลด์ระดับโลก

อีก 2 ปีต่อมา อันเชล็อตติ ย้ายไปคุมทีมเอซี มิลาน และได้สร้างยุคที่ดีที่สุดยุคหนึ่งของสโมสร ด้วยการคว้าแชมป์เซเรีย อา, โคปป้า อิตาเลีย อย่างละ 1 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย

หลังจากยุติช่วงเวลา 8 ปีที่มิลาน อันเชล็อตติได้ไปคุมสโมสรในลีกใหญ่ยุโรปทั้งเชลซี, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, นาโปลี, เอฟเวอร์ตัน และกลับมาที่เรอัล มาดริด ในปัจจุบัน

ขอบคุณภาพ : https://web.facebook.com/ancelottiofficial

เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส

เรอัล มาดริดในเวลานี้ ไม่ใช่ทีมที่มีเงินถุงเงินถังเหมือนในอดีต ด้วยปัญหาภาวะหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาต้องบริหารการเงินอย่างรอบคอบ พยายามลดรายจ่ายให้ได้มากที่สุด

แต่ยักษ์ใหญ่จากเมืองหลวงทีมนี้ ได้ใช้ปัญหาการเงิน มาเป็นโอกาสสำหรับการสร้างทีมใหม่ด้วยนักเตะดาวรุ่ง ผสมผสานกับนักเตะประสบการณ์สูง ซึ่งทำได้ลงตัวไม่น้อยเลยทีเดียว

CIES Football Observatory หน่วยงานวิเคราะห์สถิติฟุตบอลชื่อดัง เปิดเผยว่า ในรอบ 10 ปีหลังสุด เรอัล มาดริดใช้เงินซื้อนักเตะสุทธิเพียง 179 ล้านยูโร น้อยกว่าทีมระดับกลางตารางพรีเมียร์ลีกบางทีมเสียอีก

ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ 2021 เรอัล มาดริด มีดีลใหญ่ขาเข้าแค่ 2 ดีล คือ เอดูอาร์โด คามาวิงก้า 25 ล้านยูโร และเซ็นดาบิด อลาบามาแบบฟรีๆ ส่วนขาออกขายทั้งราฟาเอล วาราน และมาร์ติน โอเดอร์การ์ดออกไป

เท่านั้นยังไม่พอ “ราชันชุดขาว” ต้องหากุนซือคนใหม่ แทนที่ซีเนอดีน ซีดาน ที่ขอแยกทางกับสโมสร ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องสร้างทีมใหม่ด้วยนักเตะอายุน้อย พร้อมกับดึงศักยภาพของนักเตะที่มีอยู่แล้ว

และเป็นอันเชล็อตติ ที่กลับมารับตำแหน่งกุนซืออีกครั้ง หลังจากเคยคุมทีมในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบว 2 ฤดูกาล ซึ่งประสบการณ์ที่โชกโชนของเขา ทำให้นักเตะหลายๆ คน เค้นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดออกมาได้

วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกดาวรุ่งชาวบราซิลวัย 22 ปี ได้ผ่านการขัดเกลาจากอันเช่ จนแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้ ทำได้ถึง 14 ประตู มากกว่า 3 ฤดูกาลแรก ที่ยิงได้รวมกันแค่ 7 ประตูเท่านั้น

คาริม เบนเซม่า ในวัย 34 ปี คู่หูในเกมรุกของวินิซิอุส ระเบิดผลงานที่ดีสุดในชีวิตนักฟุตบอล ยิงไป 26 ประตู 11 แอสซิสต์ จาก 30 นัดในลาลีกา จ่อคว้ารางวัลดาวซัลโว หรือ “ปิชิชี่” เต็มที

ขอบคุณภาพ : https://web.facebook.com/RealMadrid

คุมเกมและคุมคน

การที่นักฟุตบอลจะสามารถรีดฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดออกมาได้นั้น ต้องมาจากการวางแท็กติกที่เหมาะสม และการปฏิบัติตัวกับนักเตะอย่างถูกต้อง นี่คือเคล็ดลับความสำเร็จของคาร์โล อันเชล็อตติ

ความสามารถในการจัดการกับนักเตะภายในทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ รวมถึงการวางแผนที่เหนือชั้น และการแก้ไขปัญหาอย่างเฉลียวฉลาด ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่มีอยู่ในตัวของกุนซือชาวอิตาเลียน

ลูคัส ดีญ แบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์กับ L’Equipe สื่อบ้านเกิด พูดถึงเจ้านายเก่าของเขาสมัยคุมเอฟเวอร์ตันว่า “อันเชล็อตติเป็นนักวางแผนที่ดีที่สุด เขาวิเคราะห์คู่แข่ง และอ่านเกมได้ดีมาก”

“ในแต่ละเกม เขาพยายามปรับตัวให้เข้ากับนักเตะที่มีอยู่ เขาสามารถเปลี่ยนแปลงแท็กติกระหว่างเกมได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส และสามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการให้กับนักเตะฟังแบบเข้าใจง่ายๆ ได้”

ผลงานในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์ในฤดูกาลนี้ ที่สามารถพลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นรองคู่แข่ง กลับมาเป็นผู้ชนะได้อย่างเหลือเชื่อ หลายคนอาจจะมองว่าโชคดี แต่ก็ต้องให้เครดิตอันเชล็อตติด้วย

ขอบคุณภาพ : https://web.facebook.com/ancelottiofficial

เริ่มจากรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่พบกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตามหลังสกอร์รวม 2 ลูก อันเช่แก้เกมด้วยการส่งคามาวินก้าลงมาไล่บอลในแดนกลาง ทำให้รูปเกมดีขึ้น นำไปสู่แฮตทริกของคาริม เบนเซม่า พาทีมเข้ารอบ

รอบ 8 ทีมสุดท้าย กับเชลซี และรอบรองชนะเลิศ กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โรดริโก้ ถูกเปลี่ยนลงมาจากม้านั่งสำรอง โชว์ทีเด็ดยิงประตูช่วงท้ายเกม ก่อนที่เบนเซม่า จะยิงประตูสำคัญช่วงต่อเวลาพิเศษทั้ง 2 รอบ

อีกเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้เรอัล มาดริดมีผลงานที่ดีในฤดูกาลนี้ คือการดึงตัวอันโตนิโอ ปินตุส กลับมาเป็นโค้ชฟิตเนสของสโมสรอีกครั้ง หลังเคยอยู่กับ “โลส บลังโกส” มาแล้ว ในช่วงปี 2016-2019

การมาของปินตุส ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี นักเตะอย่างลูก้า โมดริช ที่ถึงแม้อายุย่างเข้า 37 ปี แต่ยังคงรักษาสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยมเหมือนตอนสมัยยังหนุ่ม

การคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครบทั้ง 5 ลีกใหญ่ยุโรป และเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 ครั้ง ไม่ใช่เพราะโชค แต่เป็นการใส่ใจในทุกรายละเอียด การวางกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และการดึงศักยภาพสูงสุดจากนักเตะออกมาได้

ขอบคุณภาพ : https://web.facebook.com/ancelottiofficial

เรียบเรียง: จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://www.bbc.com/sport/football/61310553

– https://www.besoccer.com/new/people-say-madrid-are-lucky-but-that-s-not-the-case-1130999

– https://football-observatory.com/IMG/sites/b5wp/2021/wp367/en/

– https://www.90min.com/posts/6422850-carlo-ancelotti-football-s-most-loveable-eyebrow-in-the-words-of-his-players

https://www.marca.com/en/football/real-madrid/2021/06/08/60bf4bdb46163f6b6a8b4695.html

Categories
Football Business

LaLiga Pool Party : ลาลีกา จัดดูบอลมันส์ ดนตรีสด กิจกรรมสนุก ริมสระน้ำ Rooftop bar ใจกลางเมือง ลุ้นเรอัล มาดริด ฉลองแชมป์ลาลีกา 2021/22

ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว กับการลุ้นแชมป์ลาลีกา 2021/22 ของ “ราชันชุดขาว” สาวกทีม เรอัลมาดริด คงจะเหงากันแย่ ถ้าต้องนั่งลุ้นแชมป์ โห่ร้องคนเดียวอยู่บ้าน แต่งานนี้ถ้าไม่อยากเหงา ลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเชียร์บอลด้วยกันจะดีกว่าไหม ร่วมลุ้นรับสิทธิ์เข้างาน นั่งดื่ม กิน ชิลล์ ดูบอลฟรี !! ในกรุงเทพฯ กับกิจกรรมสุดพิเศษที่ทางการตลาดของลีกฟุตบอลสเปน ลาลีกา เขาจัดให้

กิจกรรมนี้เป็นการต่อยอดประสบการณ์  และเสริมสร้างให้คอบอลไทยได้มีส่วนร่วมกับฟุตบอลสเปนโดยจัดงานให้แฟนบอลไทยได้ออกมาเชียร์บอลร่วมกัน ตอกย้ำภาพจากกิจกรรมครั้งก่อนทั้ง ลาลีกา ฟุตบอลแคมป์ จ.นครนายก และลาลีกา ElClasico Boat Trip ล่องเรือดูบอล ชมวิวริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ได้จัดมาแล้ว

โดยครั้งนี้มาในคอนเซ็ปต์ “LaLiga Pool Party” ดูบอลมันส์ ดนตรีสด กิจกรรมสนุก ริมสระน้ำบน Rooftop bar ในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2565 ณ Sora beach Rooftop bar เอกมัย ชวนทุกคนมาเชียร์บอลคู่ระหว่าง เรอัล มาดริด ปะทะ เอสปันญอล เวลา 21.00 น. เพื่อลุ้นทีมชุดขาวว่าจะเก็บอย่างน้อย 1 แต้มคว้าแชมป์ลีกในปีนี้ได้หรือไม่ไปด้วยกันกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายฟุตบอลชื่อดังมากมาย

งานนี้นอกจากจะได้ดูบอลบน Rooftop bar ท่ามกลางแสงไฟสลัวและวิวเมือง 360 องศา สุดโรแมนติกยามค่ำคืนแล้ว ยังได้ผ่อนคลายไปกับเสียงดนตรีสดสุดไพเราะ ต่อด้วยการมิกซ์เพลงจาก DJ พร้อมดินเนอร์ และดื่ม ฟรี! ร่วมกับแขกรับเชิญพิเศษ และอินฟลูเอนเซอร์ สายฟุตบอลเพียบ !! นำโดย เจมส์ ลาลีกา และ ขวัญ ลามาเซีย 2 กูรูฟุตบอล ที่จะมาร่วมพูดคุยวิเคราะห์เกมก่อนเริ่มการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีทั้ง พีชชงพีชชี่, เดอะนัทซัดหมดแมกซ์, มายด์เปี๊ยกบางใหญ่ ฯลฯ ที่จะมาร่วมสนุกสร้างสีสันความมันส์ริมสระน้ำไปด้วยกัน

ความสนุกยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในงานยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก ลุ้นรับรางวัลอีกมากมายเหมือนเช่นเคยจากผู้สนับสนุน M88 ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของลาลีกา

ย้ำว่า.. งานนี้เข้าร่วม ฟรี !! สำหรับผู้ที่สนใจร่วมงาน (จำนวนจำกัด) ที่ทำตามกติการ่วมสนุกอย่างครบถ้วนและถูกต้อง (ทุกท่านจะได้รับการตรวจ ATK โดยไม่มีค่าใช้จ่ายก่อนเข้างาน)

กติกาลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฟรี!

1. สแกน QR Code หรือ คลิกที่ลิงนี้ https://bit.ly/39iGR9Z แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน

2. แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ และ E-mail 

3. ส่งภาพถ่ายที่แสดงความเป็น LaLiga ของคุณมาในแบบฟอร์ม

สำหรับการประกาศผลว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้เข้าร่วมกิจกรรม จะทำการประกาศในวันศุกร์ ที่ 29 เมษายน 2565 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป พร้อมส่งการ์ดเชิญให้ทาง E-Mail

สุดท้ายนี้ อย่าลืม ! แอดไลน์ @khaimukdam กันไว้นะคะ เพื่อไม่ให้พลาดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ และสามารถเข้ามาพูดคุย สอบถามกันได้

แล้วเตรียมตัวไปสนุกด้วยกันนะคะ

👉 กำหนดการงาน LaLiga Pool Party

📌 ณ Sora beach Rooftop bar เอกมัย 12 กรุงเทพฯ

📅 ในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2565

▶︎ 18.00 – ลงทะเบียน พร้อมตรวจ ATK 

▶︎ 18.30 – พิธีกรกล่าวต้อนรับแขกพิเศษทุกคน

▶︎ 18.35 – คุณ จอร์โจ้ ปอมปิลี รอสซี่ กล่าวเปิดงาน และถ่ายภาพรวม

▶︎ 19.00 – รับประทานอาหาร พร้อมฟังดนตรีสด

▶︎ 20.00 – เพลินไปกับการมิกซ์เพลงสนุก ๆ จาก DJ

▶︎ 21.00 – Talk KOLs

▶︎ 21.15 – ดูบอล พร้อมฟังดนตรีสดร่วมกัน

▶︎ 23.00 – จับรางวัล Lucky draw 

.

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย

Categories
Football Business

ElClásico Boat Party Exclusive Trip : ล่องเรือปาร์ตี้ พรีวิวก่อนเกม “ราชันชุดขาว” ปะทะ “เจ้าบุญทุ่ม”

เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางการตลาดของลีกฟุตบอลสเปน ลาลีกา ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยตัวแทน มร.จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี ได้ต่อยอดการสร้างประสบการณ์ต่าง ๆ ของลาลีกาแบบครบวงจร 360 องศาทั้งใน และนอกสนามสู่แฟนลูกหนังชาวไทย และล่าสุด คือ งาน ElClásico Boat Party Exclusive Trip : ล่องเรือปาร์ตี้ พรีวิวก่อนเกม “ราชันชุดขาว” ปะทะ “เจ้าบุญทุ่ม” ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565

โดยคอนเซ็ปต์ คือ พักเรื่องดูบอลในสนาม แล้วมาสนุกไปกับงานสุดพิเศษสำหรับคอบอล“ElClásico Boat Party Exclusive Trip” ซึ่งจะจัดเต็มพรีวิว พูดคุยก่อนเกมคู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง “เรอัลมาดริด” ปะทะ “บาร์เซโลน่า” 3.00 นาฬิกาหลังเที่ยงคือวันอาทิตย์ที่ 20 มี.ค.2022 ที่เหล่าสาวกฟุตบอลสเปน ห้ามพลาด !!! ร่วมลุ้นรับสิทธิ์เข้างาน ฟรี! กิน ดื่ม ตลอดทริป 3 ชั่วโมงกับวิว 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และบทสนทนาลูกหนังสเปน

“กิจกรรมนี้เป็นอีกก้าวย่างของ ลาลีกา ในประเทศไทยที่มีความต้องการจะมอบประสบการณ์ร่วมกับฟุตบอลสเปนในรูปแบบต่าง ๆ ให้เกิดกับแฟนบอลชาวไทยที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่การชมฟุตบอล เช่น ครั้งก่อนกับกิจกรรม กางเต็นท์ดูบอล LaLiga Football Camping หรืองานฟุตบอลพร้อมรับประทานอาหารสเปนจากภูมิภาคต่าง ๆ อิงกับเกมดาร์บี้แมตช์ และครั้งนี้ คือ การลงเรือทอดบรรยากาศริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศไทยโดยเราได้สอดแทรกคอนเทนท์เป็นการพูดคุยถึงเกม เอลกลาสซิโก สุดสัปดาห์นี้ระหว่าง เรอัล มาดริด – บาร์เซโลน่า เป็นตัวชูโรงบทสนทนาบนเรือที่จะได้กูรูบอลสเปนที่หลายคนชื่นชอบมาเล่าเรื่องราวดี ๆ ให้ฟัง อีกทั้งแขกรับเชิญบนเรือยังจะได้สัมผัสบรรยากาศที่ทางลาลีกาบรรจงจัดเตรียมไว้ให้บนเรือร่วมกับสื่อมวลชนสายฟุตบอลในประเทศไทย”

มร.จอร์โจ ปอมปิลิ รอสซี กล่าว

ล่องเรือดินเนอร์ ปาร์ตี้ยามเย็น ดื่มด่ำกับบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยาสุดโรแมนติกไปด้วยกัน ท่ามกลางวิวเปิดโล่ง บนเรือส่วนตัว “เรือสบาย ครุยส์” พร้อมกับพบแขกรับเชิญสุดพิเศษ และอินฟลูเอนเซอร์ตัวจริง สายฟุตบอล นำโดย เจมส์ ลาลีกา และเดอะนัทซัดหมดแม็กซ์ ที่จะมาร่วมสร้างสีสัน และความสนุกไปด้วยกัน

นอกจากนี้ภายในงานมีกิจกรรมให้ร่วมชิงของรางวัลอีกมากมาย อาทิ ทริป 3 วัน 2 คืนพร้อม pocket money บินไปพักที่ภูเก็ตกับโรงแรมหรู และเพลิดเพลินไปกับดนตรี กิจกรรมสนุก ๆ ระหว่างดินเนอร์บนเรือหรูตลอดช่วงเวลา

ย้ำ….งานนี้ลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฟรี !! (จำนวนจำกัด)

กติกาลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฟรี!

1. สแกน QR Code หรือ คลิกที่ลิงนี้ https://bit.ly/34JdL1C แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน

2. แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ และ E-mail 

3. ส่งภาพถ่ายที่แสดงความเป็น LaLiga ของคุณมาในแบบฟอร์ม

กติกาลุ้นรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมฟรี!

สำหรับการประกาศผลว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้เข้าร่วมกิจกรรม จะทำการประกาศในวันที่ 17 มีนาคม 65 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป พร้อมส่งการ์ดเชิญให้ทาง E-Mail

สุดท้ายนี้ อย่าลืม ! แอดไลน์ @khaimukdam กันไว้ เพื่อไม่ให้พลาดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ และสามารถเข้ามาพูดคุย สอบถามกันได้

แล้วเตรียมตัวไปสนุกด้วยกัน…

กำหนดการงาน LaLiga x M88 (ล่องเรือ 3 ชม)

ท่าเรือราชบูรณะ เข้าซอยราชบูรณะ 23 (ปากทางเป็นสำนักงานเขตฯ) 

ผู้เข้าร่วมงาน 80 คน

🔺16.20-17.45 น. ลงทะเบียน พร้อมตรวจ ATK และสแกน QR Code

🔺18.00 เรือออกจากท่า

🔺18.10 พิธีกรกล่าวต้อนรับแขกพิเศษทุกคน

🔺18.15 ตัวแทนลาลีกาจากสิงคโปร์กล่าว และ Talk KOLs

🔺19.00 ถ่ายภาพรวม

🔺19.05 แจ้งกิจกรรมร่วมสนุกบนเรือ

🔺19.10 รับประทานอาหาร ฟังดนตรี (EDM or acoustic)

🔺 20.20 Lucky draw ลุ้นแพ็คเกจที่พักภูเก็ต 3 วัน 2 คืนพร้อม Pocket Money

🔺21.00 ขึ้นฝั่งโดยปลอดภัย และมีความสุข

.

📝 ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย