Categories
Special Content

เดิมพันสู่ประวัติศาสตร์ : “ลิเวอร์พูล” กับเส้นทางการลุ้น 4 แชมป์ทีมแรกของอังกฤษ

หลังจากที่ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คาราบาว คัพ โทรฟี่แรกของฤดูกาล 2021/22 เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมากล่าวถึงการลุ้น 4 แชมป์ในซีซั่นเดียวว่า “เป็นเรื่องยากที่จะทำได้ คงไม่ได้คิดบ้าๆ แบบนั้น”

แต่จนถึงเวลานี้ ลิเวอร์พูลก็ยังคงเป็นทีมเดียวที่มีโอกาสทำ “quadruple” ทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ โดยจะต้องลงเล่นถึง 16 นัด ในช่วงเวลา 8 สัปดาห์ที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้

แล้ว “หงส์แดง” จะต้องเจอกับความท้าทายอะไรบ้าง เพื่อลุ้นเหมา 4 โทรฟี่เป็นทีมแรกของเมืองผู้ดี วันนี้เพจ “ไข่มุกดำ” จะมาขยายและวิเคราะห์ให้ฟังกันครับ

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

เปิดตำนานทีมผู้ดีลุ้น 4 แชมป์

นับตั้งแต่ฟุตบอลถ้วยลีก คัพ (ปัจจุบันคือคาราบาว คัพ) จัดการแข่งขันครั้งแรก เมื่อฤดูกาล 1960/61 นั่นหมายความว่า สโมสรฟุตบอลในประเทศอังกฤษ มีโอกาสลุ้นแชมป์ถึง 4 ถ้วย ภายในฤดูกาลเดียวกัน

ตลอดระยะเวลา 61 ซีซั่นที่ผ่านมา มี 15 สโมสร จากความพยายามรวมกัน 120 ครั้ง ที่ต้องการจะสร้างตำนานคว้า 4 ถ้วยในซีซั่นเดียว คือลีกสูงสุด, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)

เบิร์นลี่ย์ คือทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่มีโอกาสใกล้เคียงสุดกับการลุ้นคว้า 4 แชมป์ แต่ความฝันของพวกเขาจบสิ้นลงในวันที่ 15 มีนาคม 1961 หลังจากแพ้ฮัมบวร์ก ของเยอรมัน ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูโรเปี้ยน คัพ

ทีมที่เข้าใกล้การลุ้นคว้า 4 แชมป์มากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ คือ เชลซี ในฤดูกาล 2006/07 โดยเส้นทางลุ้น 4 ถ้วย ได้หยุดลงในวันที่ 1 พฤษภาคม 2007 เพราะตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

รองลงมาคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซีซั่น 2008/09 ที่ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ก็ไม่สามารถเหมาครบ 4 แชมป์ หลังจากตกรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เมื่อ 19 เมษายน 2009

ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมแรก และทีมเดียว ที่ได้ลุ้น 4 แชมป์แบบใกล้เคียงที่สุดถึง 2 ครั้ง แต่ก็ต้องฝันสลายในวันที่ 17 เมษายนเหมือนกัน (2018/19 ตกรอบ 8 ทีมแชมเปี้ยนส์ ลีก, 2020/21 ตกรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ)

ส่วนในฤดูกาล 2019/20 ที่โปรแกรมการแข่งขันต้องล่าช้าออกไปเพราะโควิด-19 แมนฯ ซิตี้ ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีลุ้นแชมป์ 4 รายการ ก่อนที่จะเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกให้กับลิเวอร์พูล ในวันที่ 25 มิถุนายน 2020

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

16 นัด ใน 56 วัน ของลิเวอร์พูล

สถานการณ์ล่าสุดของลิเวอร์พูล นับตั้งแต่คว้าแชมป์ลีก คัพ พวกเขาอยู่อันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก ตามหลังจ่าฝูงแค่ 1 แต้ม และยังอยู่ในการแข่งขันเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ผลงานดังกล่าว ถือเป็นการลุ้นแชมป์ 4 รายการที่ใกล้เคียงที่สุดเป็นอันดับที่ 5 (เป็นอย่างน้อย) ของฟุตบอลอังกฤษ และยังเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเจอร์เก้น คล็อปป์ นับตั้งแต่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในถิ่นแอนฟิลด์อีกด้วย

ในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล พวกเขาเคยคว้าแชมป์ 3 รายการในฤดูกาลเดียวกัน ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในฤดูกาล 1983/84 ยุคของกุนซือโจ เฟแกน ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุด, แชมป์ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ 

และอีกครั้งในฤดูกาล 2000/01 แต่ไม่ถูกนับเป็น “quadruple” เนื่องจากไม่ได้ลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เชราร์ด อุลลิเย่ร์ พาหงส์แดงคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และยูฟ่า คัพ แต่ในพรีเมียร์ลีก ได้แค่อันดับ 3

ส่วนในฤดูกาลนี้ กับความหวังอีก 3 ถ้วยที่ยังมีลุ้น ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องลงเตะทั้งหมด 16 นัด ในรอบ 56 วัน เริ่มต้นตั้งแต่เกมพรีเมียร์ลีก ที่เปิดบ้านพบกับวัตฟอร์ด ในวันเสาร์ที่ 2 เมษายนนี้

แล้วหลังจากนั้น ลิเวอร์พูลจะเข้าสู่ช่วงโปรแกรมสุดสำคัญ ด้วยนัดชี้ชะตาแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแมนฯ ซิตี้ วันที่ 10 เมษายน อีกทั้งจะต้องพบกับเรือใบสีฟ้าอีกครั้ง ในเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ 16 เมษายน

เท่านั้นยังไม่พอ จะต้องทำศึก “แดงเดือด” กับแมนฯ ยูไนเต็ด 19 เมษายน และต่อเนื่องด้วยดาร์บี้แห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์กับเอฟเวอร์ตัน 24 เมษายน เรียกได้ว่าต้องเจอกับคู่ปรับสำคัญถึง 4 นัด ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์

ยังไม่นับกรณีที่ลิเวอร์พูล เข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และผ่านเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ที่พบกับแอสตัน วิลล่า และเซาแธมป์ตัน จะต้องถูกเลื่อนไปแข่งขันช่วงกลางสัปดาห์ด้วย

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

ส่วนในเอฟเอ คัพ ถ้าผ่านแมนฯ ซิตี้ ในรอบรองชนะเลิศ จะไปเจอเชลซี หรือคริสตัล พาเลซ ขณะที่แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้าผ่านเบนฟิกาในรอบ 8 ทีมสุดท้าย รอบตัดเชือกจะไปเจอบาเยิร์น มิวนิค หรือบียาร์เรอัล

แล้วถ้าลิเวอร์พูล ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศถ้วยใหญ่ยุโรป ในวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคมนี้ จะมีโอกาสพบกับ 1 ใน 4 ทีมที่ล้วนแข็งแกร่งทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเชลซี, แมนฯ ซิตี้, เรอัล มาดริด และแอตเลติโก้ มาดริด

นั่นหมายความว่า ถ้าลิเวอร์พูลต้องการที่จะสร้างประวัติศาสตร์คว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ จะลงเตะรวมทั้งหมด 63 เกม แน่นอนว่าเรื่องสภาพร่างกายคืออุปสรรคสำคัญสำหรับพวกเขา

ปัญหาการบาดเจ็บของผู้เล่น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ได้รับบาดเจ็บแฮมสตริง จนต้องถอนตัวจากทีมชาติอังกฤษช่วงฟีฟ่า เดย์ เมื่อเดือนที่แล้ว ยังต้องลุ้นว่าจะฟิตทันเจอแมนฯ ซิตี้ ในสัปดาห์หน้าหรือไม่

ส่วนการจัดการนักเตะที่จะลงสนาม ในช่วงเวลาที่ต้องลุ้นแชมป์อีก 3 รายการที่เหลือแบบนี้ ก็เป็นหน้าที่ของคล็อปป์ ที่จะต้องวางแผนให้เหมาะสมในแต่ละนัด และรับมือกับความกดดันที่เข้ามาให้ได้

การที่ลิเวอร์พูล จะประคองตัวเองให้ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ 4 รายการ จนจบฤดูกาลนี้ ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของนักเตะ และโค้ชเท่านั้น แต่โชคชะตายังต้องเข้าข้างด้วย

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

แกร่งแค่ไหนก็ไม่เคยทำสำเร็จ

กว่า 6 ทศวรรษของการลุ้นแชมป์ 4 รายการในวงการฟุตบอลเมืองผู้ดี เคยมีทีมที่ได้รับการยกย่องว่า “ดีที่สุด” ในแต่ละยุคสมัย แต่ถึงแม้ว่าจะสมบูรณ์แบบขนาดไหน ก็ยังไม่มีทีมใดที่คว้าครบ 4 แชมป์ในซีซั่นเดียวได้เลย

เริ่มจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมแรกของอังกฤษที่ทำ “เทรบเบิล” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในฤดูกาล 1998/99 ทั้งพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ในถ้วยลีก คัพ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในเดือนธันวาคม 1998

ต่อด้วยอาร์เซน่อล ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2003/04 ชนิดที่ “ไร้พ่าย” ทั้งซีซั่น แต่เส้นทางลุ้น 4 แชมป์ จบลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2004 หลังจากถูกมิดเดิลสโบรช์ เขี่ยตกรอบรองชนะเลิศลีก คัพ

นอกจากนี้ “เดอะ กันเนอร์ส” ในฤดูกาล 2010/11 ก็เป็นอีกครั้งที่สโมสรจากลอนดอนเหนือทีมนี้ อยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ 4 รายการ แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจบซีซั่นแบบมือเปล่าอย่างน่าเสียดาย

ทีมของกุนซืออาร์แซน เวนเกอร์ นำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ แต่อีกแค่ 4 วันถัดมา แพ้พลิกล็อกให้กับเบอร์มิงแฮมในนัดชิงชนะเลิศลีก คัพ ทำให้ความฝันที่จะลุ้น 4 แชมป์ ต้องจบลง

หลังจากนั้น โมเมนตัมของอาร์เซน่อลก็เป็นไปในทิศทางที่แย่ลง ตกรอบถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก และเอฟเอ คัพ ในช่วงเวลาห่างกันแค่ 5 วัน อีกทั้งชนะในพรีเมียร์ลีกได้แค่ 2 จาก 11 นัดสุดท้ายของซีซั่น จบแค่อันดับ 4

หรือแม้กระทั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแรกที่ทำ 100 แต้มในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017/18 และกวาด 3 แชมป์ในประเทศทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ ในฤดูกาล 2018/19 ก็ไม่สามารถทำ “ควอดรูเพิล” ได้

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์คาราบาว คัพ เพียงแค่รายการเดียวหลังจบฤดูกาลนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่า เป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จอย่างที่เดอะ ค็อปคาดหวัง

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

Author : จักรพันธ์ ภู่ทอง

Photo : BBC

อ้างอิง :

– https://www.bbc.com/sport/football/60742994

– https://www.theguardian.com/football/2022/mar/01/jurgen-klopp-plays-down-talk-of-liverpool-winning-crazy-quadruple

– https://www.independent.co.uk/sport/football/jurgen-klopp-liverpool-squad-strongest-ever-b2037505.html

Categories
Football Business

GAMBOL X Liverpool FC : ปรากฎการณ์จับแบรนด์สโมสรฟุตบอลระดับโลกของแบรนด์รองเท้าลำลองไทย เพื่อต่อยอด และรักษาความเป็นเบอร์ 1 เอาไว้ยั้งยืนยง

(มี.ค.2565) สร้างกระแส และเกิดแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้างไม่น้อยกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่แกมโบล (GAMBOL) ผู้นำแบรนด์รองเท้าลำลองอันดับหนึ่งในประเทศไทย เปิดตัวการจับมือทางการค้าร่วมกันกับสโมสรฟุตบอลชื่อดังแห่งพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพร้อมการทำการตลาดตามมาให้เป็นฮือฮาก่อนงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา 

แกมโบล ขยับครั้งแรก และเรียกความสนใจจากเหล่าแฟนพันธุ์แท้ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ด้วยการเปิด พรีออเดอร์ คอลเลคชั่น GAMBOL Liverpool FC Limited Edition ลิขสิทธิ์แท้จากสโมสรเพียง 1,892 คู่ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 โดยได้รับความสนใจจากสาวก “หงส์แดง”เกินคาด เพราะรองเท้า Limited Edition ล็อตนี้ถูกจองขายหมดเกลี้ยงภายใน 30 นาทีเท่านั้น!

สำหรับการเปิดตัวเมื่อ 19 มี.ค.นั้น ถือว่าเป็นการใช้โอกาสได้ตรงจังหวะ เพราะกระแสความสำเร็จของทีมหงส์แดง กำลังมาแรง และมีโอกาสลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว อันส่งผลให้แบรนด์สินค้าที่ associate กับสโมสรลิเวอร์พูลได้รับความนิยม ตอบโจทย์ อันส่งผลสู่เป้าหมายเป็นยอดขายที่ดีได้

จากความสำเร็จของการพรีออเดอร์ที่ผ่านมา หากมองในมุมของการตลาด นี่คือโอกาสในการขยายตลาดต่อไปได้ และทำให้เห็นช่องทางจะผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษแบบต่าง ๆ ออกมาอีก เพราะไม่ใช่แค่การเอาใจแฟนบอลของลิเวอร์พูล แต่ยังหมายรวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบรองเท้า ชอบดีไซน์ หรือชอบรองเท้ารูปแบบนี้ที่สามารถตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์หลากหลายได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามก่อนจะมาเป็น GAMBOL X Liverpool FC ในวันนี้ เบื้องหลังต้องผ่านการทำงานหนัก และใช้เวลามากมายไม่น้อยเลยเดียว

“ที่มาที่ไปของคอลเลคชั่นนี้มาจากการที่มองเห็นถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในปัจจุบัน ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ หันมาใส่ใจสุขภาพกัน และการออกกำลังกายกันมากขึ้น จึงใช้โอกาสตรงนี้ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เจาะกลุ่มไปทางกีฬาให้มากขึ้น โดยส่วนตัวชอบเรื่องกีฬาอยู่แล้ว และเป็นแฟนหงส์แดงอยู่แล้วด้วย ทำให้เกิดแนวคิดนี้ และเริ่มหาคอนเนคชั่น เพื่อประสานไปทางลิเวอร์พูล”

คุณนิติ กิจกำจาย ผู้อำนวยการ บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ แกมโบล กล่าว

นอกจากนี้คุณนิติ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทาง GAMBOL รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ถือลิขสิทธิ์ Official Licensee ของ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล เอฟซี (Liverpool FC) และจะได้ทำงานร่วมกันเป็นระยะเวลา 3 ปี (2022-2024) อันทำให้แกมโบลเป็นแบรนด์รองเท้าลำลองรายแรก และรายเดียวของประเทศไทย ที่จะได้ร่วมงานกับสโมสรฟุตบอลจากอังกฤษ”

ทั้งนี้ ด้วยความที่ GAMBOL Liverpool FC Limited Edition มีความโดดเด่น และตอกย้ำตัวตนของแฟนบอล “หงส์แดง” ด้วยลาย YNWA (You’ll Never Walk Alone) ซึ่งบอกถึงสปิริตได้อย่างชัดเจนผ่านความสำเร็จของการพรีออเดอร์ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงแน่นอนว่า จะมีการปล่อย GAMBOL Liverpool FC Special Collection ออกมาอีกหลายรุ่นเพื่อเอาใจแฟนคลับของสโมสรฟุตบอล รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบสวมใส่รองเท้าแตะ ชื่นชอบงานดีไซน์ โดยจะเป็นรูปแบบรองเท้าแตะแบบหนีบ และรองเท้ารัดสัน ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ดีไชน์และลวดลายของแบบรองเท้า เพื่อให้ตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของแฟนคลับสโมสรฟุตบอล

“ด้วยดีไซน์ของรองเท้าที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และใช้นวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัย จีโบลด์ เทคโนโลยี (G-Bold Technology) เอกสิทธิ์เฉพาะของแกมโบล (GAMBOL) ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้รองเท้า นุ่ม ทน เบา สวมใส่สบาย บวกกับชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ของสโมสร Liverpool Fc ที่มีมาอย่างยาวนาน รวมเข้ากับกลุ่มแฟนคลับของสโมสรที่เหนียวแน่น จึงมั่นใจได้ว่าคอลเลคชั่น GAMBOL Liverpool FC Special Collection จะสามารถครองใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแน่นอนในทุกรุ่นที่ผลิตออกมา”

คุณนิติ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับรองเท้าแกมโบลรุ่นพิเศษที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ มีการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยดึงแก่นความเป็นสโมสรลิเวอร์พูล ให้มาเข้ากับแบรนด์ แกมโบล อย่างกลมกลืนที่สุดผ่านแนวคิดซึ่งเกิดจากการคำนึงถึงดีไซน์เสื้อสโมสรในปีที่ผ่านมาประยุกต์เข้ากับลวดลายของรองเท้าให้คงเอกลักษณ์ความเป็นหงส์แดง ในรูปแบบของแบรนด์แกมโบลซึ่งกว่าจะมาเป็น GAMBOL X Liverpool FC ต้องผ่านการดำเนินการที่ยาวนานถึง 7-8 เดือน เพื่อติดต่อสื่อสาร ออกแบบ ปรับปรุงงาน ก่อนจะได้รับอนุมัติจากสโมสรลิเวอร์พูลให้ทำการผลิตได้

ปรากฎการณ์ GAMBOL X Liverpool FC ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะอย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเปิดตัวรองเท้า GAMBOL Liverpool FC Special ถึง 4 รุ่น พร้อมแขกรับเชิญในแวดวงกีฬามากมายไม่เฉพาะแฟนบอลลิเวอร์พูล อย่าง “แจ็คกี้” อดิสรณ์ พึ่งยา หรือนิหน่า สุฐิตา ปัญญายงค์ เท่านั้น แต่เป็นแฟนปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำโดย “บอ.บู๋” บูรณิจน์ รัตนวิเชียร และ “พีชชี่” วรันทร สมกิจรุ่งโรจน์ ก็มาร่วมงานด้วยเช่นกันเพื่อเป็นสีสันไม่แบ่งแยกทีม

โดยเฟสแรก GAMBOL จะเปิดตัวสินค้าสู่ตลาดก่อน 2 รุ่น คือ รุ่น LEGENDS ไซส์ 36-46 ราคา 650.- กับ รุ่น SUPER SUB ไซส์ 36-46 ราคา 890.- เพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่พลาดการสั่งซื้อเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ได้จองก่อน ซึ่งทั้ง 2 รุ่นที่จะปล่อยออกมานี้ จะเริ่มวางตลาดพร้อมกันในวันที่ 1 เม.ย. ที่จะถึงนี้

ขณะที่อีก 2 รุ่นถัดมา ในชื่อว่า RUSH และ HERO ไซส์ 36-44 จะเริ่มวางจำหน่ายช่วงไหน และราคาเท่าไหร่นั้น สามารถรอติดตามที่หน้าเฟสบุ๊คแฟนเพจ GAMBOL กันได้เลย

ส่วนช่องทางในการสั่งซื้อ แบบ Exclusive นั้นทางลูกค้าแฟนบอล และคุณลูกค้าทุก ๆ ท่านที่สนใจสามารถแวะชมได้ที่ Liverpool FC Official Store และ ช่องทางออนไลน์ GAMBOL Online Shop ตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. เลือกช่องทางในการเข้าสู่ระบบ

2. ระบุที่อยู่ที่ใช้ในการจัดส่งและบันทึกเพื่อไปหน้าถัดไป

3. เลือกช่องทางการจัดส่ง และการชำระเงินพร้อมระบุไซส์ในช่องเพิ่มเติม

4. ตรวจสอบรายละเอียดการชำระเงินยืนยันการสั่งซื้อ

5. แจ้งการโอนเงิน โดยแนบหลักฐานการโอนเงิน6. รอตรวจสอบการชำระเงิน คัดลอก URL เพื่อติดตามสถานะ หรือดูที่ GAMBOL Online Shop

เมื่อมองในเรื่องของแนวโน้มของสินค้าลิขสิทธิ์ลิเวอร์พูลในประเทศไทย ปัจจุบันมีร้านค้าอย่างเป็นทางการแล้วถึง 5 สาขา แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน มีแค่สาขาเดียวเท่านั้น ซึ่งตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของคนไทย ที่มีต่อลิเวอร์พูล และฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดี 

สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ แฟนบอลที่แม้ไม่ใช่แฟนหงส์แดง ลิเวอร์พูล หากอยากให้แบรนด์ในไทยได้ลิขสิทธิ์ดี ๆ แบบนี้ อย่างแรกเลยคือ ต้องช่วยกันอุดหนุน ซื้อสินค้าลิขสิทธิ์แท้ เพราะตรงนี้จะมีผลต่อการได้รับการต่อสัญญาเรื่องลิขสิทธิ์ในอนาคต แต่นั้นก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะยังต้องพิจารณาไปถึงเรื่องความเป็นผู้นำ เป็นผู้ชำนาญการในด้านสินค้านั้น ๆ และความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจด้วย ที่จะเข้ามาเป็นข้อพิจารณาที่ทำให้ได้ลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ก็เพื่ออนาคตข้างหน้าที่จะมี Licensee สโมสรรักทีมอื่น กับแบรนด์ GAMBOL หรือแบรนด์สินค้าอื่น ๆ ได้เพิ่มเติมในอนาคต

สำหรับเรื่องแผนการตลาดเพิ่มเติมนับจากนี้ GAMBOL ยังคงเน้นการทำการตลาดภายในประเทศ แต่จะเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้มีมากขึ้น แต่ก็ไม่หยุดยั้งที่จะขยายการทำการตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเน้นไปที่ตลาด CLMV มากขึ้น 

งานนี้ คงต้องติดตามกันดูว่า GABMOL x Liverpool FC จะก้าวไปประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดได้ขนาดไหน และเพียงใด หลังเปิดตัวเรียกกระแสพร้อม ๆ กับโอกาสลุ้น 4 แชมป์ Quadruple ของทีมลิเวอร์พูลได้ดีเหลือเกิน

เรื่อง: ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย