Khaimukdam Group

SPECIAL CONTENT

เดิมพันสู่ประวัติศาสตร์ : “ลิเวอร์พูล” กับเส้นทางการลุ้น 4 แชมป์ทีมแรกของอังกฤษ

เดิมพันสู่ประวัติศาสตร์ : “ลิเวอร์พูล” กับเส้นทางการลุ้น 4 แชมป์ทีมแรกของอังกฤษ

หลังจากที่ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คาราบาว คัพ โทรฟี่แรกของฤดูกาล 2021/22 เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมากล่าวถึงการลุ้น 4 แชมป์ในซีซั่นเดียวว่า “เป็นเรื่องยากที่จะทำได้ คงไม่ได้คิดบ้าๆ แบบนั้น”

แต่จนถึงเวลานี้ ลิเวอร์พูลก็ยังคงเป็นทีมเดียวที่มีโอกาสทำ “quadruple” ทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ โดยจะต้องลงเล่นถึง 16 นัด ในช่วงเวลา 8 สัปดาห์ที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้

แล้ว “หงส์แดง” จะต้องเจอกับความท้าทายอะไรบ้าง เพื่อลุ้นเหมา 4 โทรฟี่เป็นทีมแรกของเมืองผู้ดี วันนี้เพจ “ไข่มุกดำ” จะมาขยายและวิเคราะห์ให้ฟังกันครับ

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

เปิดตำนานทีมผู้ดีลุ้น 4 แชมป์

นับตั้งแต่ฟุตบอลถ้วยลีก คัพ (ปัจจุบันคือคาราบาว คัพ) จัดการแข่งขันครั้งแรก เมื่อฤดูกาล 1960/61 นั่นหมายความว่า สโมสรฟุตบอลในประเทศอังกฤษ มีโอกาสลุ้นแชมป์ถึง 4 ถ้วย ภายในฤดูกาลเดียวกัน

ตลอดระยะเวลา 61 ซีซั่นที่ผ่านมา มี 15 สโมสร จากความพยายามรวมกัน 120 ครั้ง ที่ต้องการจะสร้างตำนานคว้า 4 ถ้วยในซีซั่นเดียว คือลีกสูงสุด, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)

เบิร์นลี่ย์ คือทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่มีโอกาสใกล้เคียงสุดกับการลุ้นคว้า 4 แชมป์ แต่ความฝันของพวกเขาจบสิ้นลงในวันที่ 15 มีนาคม 1961 หลังจากแพ้ฮัมบวร์ก ของเยอรมัน ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูโรเปี้ยน คัพ

ทีมที่เข้าใกล้การลุ้นคว้า 4 แชมป์มากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ คือ เชลซี ในฤดูกาล 2006/07 โดยเส้นทางลุ้น 4 ถ้วย ได้หยุดลงในวันที่ 1 พฤษภาคม 2007 เพราะตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

รองลงมาคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซีซั่น 2008/09 ที่ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ก็ไม่สามารถเหมาครบ 4 แชมป์ หลังจากตกรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เมื่อ 19 เมษายน 2009

ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมแรก และทีมเดียว ที่ได้ลุ้น 4 แชมป์แบบใกล้เคียงที่สุดถึง 2 ครั้ง แต่ก็ต้องฝันสลายในวันที่ 17 เมษายนเหมือนกัน (2018/19 ตกรอบ 8 ทีมแชมเปี้ยนส์ ลีก, 2020/21 ตกรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ)

ส่วนในฤดูกาล 2019/20 ที่โปรแกรมการแข่งขันต้องล่าช้าออกไปเพราะโควิด-19 แมนฯ ซิตี้ ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีลุ้นแชมป์ 4 รายการ ก่อนที่จะเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกให้กับลิเวอร์พูล ในวันที่ 25 มิถุนายน 2020

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

16 นัด ใน 56 วัน ของลิเวอร์พูล

สถานการณ์ล่าสุดของลิเวอร์พูล นับตั้งแต่คว้าแชมป์ลีก คัพ พวกเขาอยู่อันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก ตามหลังจ่าฝูงแค่ 1 แต้ม และยังอยู่ในการแข่งขันเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ผลงานดังกล่าว ถือเป็นการลุ้นแชมป์ 4 รายการที่ใกล้เคียงที่สุดเป็นอันดับที่ 5 (เป็นอย่างน้อย) ของฟุตบอลอังกฤษ และยังเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเจอร์เก้น คล็อปป์ นับตั้งแต่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในถิ่นแอนฟิลด์อีกด้วย

ในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล พวกเขาเคยคว้าแชมป์ 3 รายการในฤดูกาลเดียวกัน ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในฤดูกาล 1983/84 ยุคของกุนซือโจ เฟแกน ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุด, แชมป์ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ 

และอีกครั้งในฤดูกาล 2000/01 แต่ไม่ถูกนับเป็น “quadruple” เนื่องจากไม่ได้ลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เชราร์ด อุลลิเย่ร์ พาหงส์แดงคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และยูฟ่า คัพ แต่ในพรีเมียร์ลีก ได้แค่อันดับ 3

ส่วนในฤดูกาลนี้ กับความหวังอีก 3 ถ้วยที่ยังมีลุ้น ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องลงเตะทั้งหมด 16 นัด ในรอบ 56 วัน เริ่มต้นตั้งแต่เกมพรีเมียร์ลีก ที่เปิดบ้านพบกับวัตฟอร์ด ในวันเสาร์ที่ 2 เมษายนนี้

แล้วหลังจากนั้น ลิเวอร์พูลจะเข้าสู่ช่วงโปรแกรมสุดสำคัญ ด้วยนัดชี้ชะตาแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแมนฯ ซิตี้ วันที่ 10 เมษายน อีกทั้งจะต้องพบกับเรือใบสีฟ้าอีกครั้ง ในเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ 16 เมษายน

เท่านั้นยังไม่พอ จะต้องทำศึก “แดงเดือด” กับแมนฯ ยูไนเต็ด 19 เมษายน และต่อเนื่องด้วยดาร์บี้แห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์กับเอฟเวอร์ตัน 24 เมษายน เรียกได้ว่าต้องเจอกับคู่ปรับสำคัญถึง 4 นัด ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์

ยังไม่นับกรณีที่ลิเวอร์พูล เข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และผ่านเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ที่พบกับแอสตัน วิลล่า และเซาแธมป์ตัน จะต้องถูกเลื่อนไปแข่งขันช่วงกลางสัปดาห์ด้วย

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

ส่วนในเอฟเอ คัพ ถ้าผ่านแมนฯ ซิตี้ ในรอบรองชนะเลิศ จะไปเจอเชลซี หรือคริสตัล พาเลซ ขณะที่แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้าผ่านเบนฟิกาในรอบ 8 ทีมสุดท้าย รอบตัดเชือกจะไปเจอบาเยิร์น มิวนิค หรือบียาร์เรอัล

แล้วถ้าลิเวอร์พูล ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศถ้วยใหญ่ยุโรป ในวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคมนี้ จะมีโอกาสพบกับ 1 ใน 4 ทีมที่ล้วนแข็งแกร่งทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเชลซี, แมนฯ ซิตี้, เรอัล มาดริด และแอตเลติโก้ มาดริด

นั่นหมายความว่า ถ้าลิเวอร์พูลต้องการที่จะสร้างประวัติศาสตร์คว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ จะลงเตะรวมทั้งหมด 63 เกม แน่นอนว่าเรื่องสภาพร่างกายคืออุปสรรคสำคัญสำหรับพวกเขา

ปัญหาการบาดเจ็บของผู้เล่น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ได้รับบาดเจ็บแฮมสตริง จนต้องถอนตัวจากทีมชาติอังกฤษช่วงฟีฟ่า เดย์ เมื่อเดือนที่แล้ว ยังต้องลุ้นว่าจะฟิตทันเจอแมนฯ ซิตี้ ในสัปดาห์หน้าหรือไม่

ส่วนการจัดการนักเตะที่จะลงสนาม ในช่วงเวลาที่ต้องลุ้นแชมป์อีก 3 รายการที่เหลือแบบนี้ ก็เป็นหน้าที่ของคล็อปป์ ที่จะต้องวางแผนให้เหมาะสมในแต่ละนัด และรับมือกับความกดดันที่เข้ามาให้ได้

การที่ลิเวอร์พูล จะประคองตัวเองให้ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ 4 รายการ จนจบฤดูกาลนี้ ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของนักเตะ และโค้ชเท่านั้น แต่โชคชะตายังต้องเข้าข้างด้วย

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

แกร่งแค่ไหนก็ไม่เคยทำสำเร็จ

กว่า 6 ทศวรรษของการลุ้นแชมป์ 4 รายการในวงการฟุตบอลเมืองผู้ดี เคยมีทีมที่ได้รับการยกย่องว่า “ดีที่สุด” ในแต่ละยุคสมัย แต่ถึงแม้ว่าจะสมบูรณ์แบบขนาดไหน ก็ยังไม่มีทีมใดที่คว้าครบ 4 แชมป์ในซีซั่นเดียวได้เลย

เริ่มจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมแรกของอังกฤษที่ทำ “เทรบเบิล” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในฤดูกาล 1998/99 ทั้งพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ในถ้วยลีก คัพ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในเดือนธันวาคม 1998

ต่อด้วยอาร์เซน่อล ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2003/04 ชนิดที่ “ไร้พ่าย” ทั้งซีซั่น แต่เส้นทางลุ้น 4 แชมป์ จบลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2004 หลังจากถูกมิดเดิลสโบรช์ เขี่ยตกรอบรองชนะเลิศลีก คัพ

นอกจากนี้ “เดอะ กันเนอร์ส” ในฤดูกาล 2010/11 ก็เป็นอีกครั้งที่สโมสรจากลอนดอนเหนือทีมนี้ อยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ 4 รายการ แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจบซีซั่นแบบมือเปล่าอย่างน่าเสียดาย

ทีมของกุนซืออาร์แซน เวนเกอร์ นำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ แต่อีกแค่ 4 วันถัดมา แพ้พลิกล็อกให้กับเบอร์มิงแฮมในนัดชิงชนะเลิศลีก คัพ ทำให้ความฝันที่จะลุ้น 4 แชมป์ ต้องจบลง

หลังจากนั้น โมเมนตัมของอาร์เซน่อลก็เป็นไปในทิศทางที่แย่ลง ตกรอบถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก และเอฟเอ คัพ ในช่วงเวลาห่างกันแค่ 5 วัน อีกทั้งชนะในพรีเมียร์ลีกได้แค่ 2 จาก 11 นัดสุดท้ายของซีซั่น จบแค่อันดับ 4

หรือแม้กระทั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแรกที่ทำ 100 แต้มในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017/18 และกวาด 3 แชมป์ในประเทศทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ ในฤดูกาล 2018/19 ก็ไม่สามารถทำ “ควอดรูเพิล” ได้

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์คาราบาว คัพ เพียงแค่รายการเดียวหลังจบฤดูกาลนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่า เป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จอย่างที่เดอะ ค็อปคาดหวัง

ขอบคุณภาพจาก : https://web.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

Author : จักรพันธ์ ภู่ทอง

Photo : BBC

อ้างอิง :

– https://www.bbc.com/sport/football/60742994

– https://www.theguardian.com/football/2022/mar/01/jurgen-klopp-plays-down-talk-of-liverpool-winning-crazy-quadruple

– https://www.independent.co.uk/sport/football/jurgen-klopp-liverpool-squad-strongest-ever-b2037505.html

Facebook
Twitter
Pinterest
Email

Comments are closed.