Categories
Special Content

ลีกฟุตบอลสีเขียว : “พรีเมียร์ลีก” กับแผนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นอกจากจะมีหน้าที่จัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพแล้ว ยังเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญ และตระหนักถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ที่เป็นความท้าทายระยะยาวของสังคมโลก

ทั้ง 20 สโมสรต่างมีผลงานในการปฏิบัติตามแผนงานเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากน้อยแตกต่างกันออกไป โดยมีการจัดอันดับเหมือนกับตารางคะแนนในการแข่งขันฟุตบอลทั่วๆ ไป

แล้วสโมสรในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง ? วันนี้เพจ “ไข่มุกดำ” จะมาขยายให้ฟังกันครับ

สเปอร์ส – ลิเวอร์พูล แชมป์ร่วมรักษ์โลกปี 2021

บีบีซี สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษ และ Sport Positive Summit ได้ร่วมกันจัดอันดับ 20 สโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก ที่ปฏิบัติตามมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา

สำหรับเกณฑ์ที่ใช้พิจารณา มีทั้งหมด 11 ข้อด้วยกัน แต่ละข้อมีคะแนน 2 คะแนน และยังมีคะแนนโบนัสอีก 2 คะแนน ถ้าผ่านเกณฑ์มาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ รวม 24 คะแนนเต็ม

ผลปรากฏว่า ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ และลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ประจำปี 2021 ที่ผ่านมา มี 23 คะแนนเท่ากัน โดยเฉพาะสเปอร์สนั้น ครองแชมป์มาแล้ว 3 ปีติดต่อกัน

บิลลี่ โฮแกน ซีอีโอลิเวอร์พูล กล่าวว่า “เรื่องสิ่งแวดล้อมคือเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และจะมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกองค์กรต่างก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่มีต่อชุมชน”

ขณะที่ดอนน่า-มาเรีย คัลเลน ผู้บริหารของสเปอร์ส ระบุว่า “การที่เราเป็นอันดับ 1 อีกครั้งในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นความยอดเยี่ยมของสโมสร เราจะท้าทายตัวเองในการรักษาแชมป์ต่อไป”

“การที่สโมสรเข้าร่วมโครงการ UN Race to Zero ถือเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญของเรา ซึ่งทำให้เรามีแนวทางที่ชัดเจน และเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษที่เราเตรียมพร้อมจะปฎิบัติตามอย่างแน่นอน”

ทีมในพรีเมียร์ลีก กับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

เมื่อปีที่แล้ว ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ และลิเวอร์พูล ครองอันดับ 1 ร่วมกันในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ตาม หลายๆ สโมสร ก็มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน

เริ่มที่สเปอร์สกันก่อน พวกเขายืนหนึ่งเรื่องการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมมายาวนาน จากการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ 10:10 initiative และ Count Us In ที่มีเป้าหมายในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก

ที่สำคัญกว่านั้น “ไก่เดือยทอง” ยังได้จัดการแข่งขันฟุตบอลที่ปลอดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นครั้งแรกของโลก ในเกมพรีเมียร์ลีก ที่เปิดบ้านแพ้เชลซี 0 – 3 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

และล่าสุด ทีมจากลอนดอนเหนือทีมนี้ เพิ่งเข้าร่วมโครงการ Race to Zero และได้ประกาศเป้าหมายว่า จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ครึ่งหนึ่ง ภายในปี 2030 และจะเป็นศูนย์ภายในปี 2040

สำหรับโครงการ Race to Zero ได้เปิดตัวครั้งแรกในการประชุม COP26 ที่ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากสเปอร์สแล้ว ยังมีลิเวอร์พูล, เซาธ์แธมป์ตัน และอาร์เซน่อลที่เข้าร่วมด้วย

นอกจากนี้ สเปอร์สใกล้ที่จะบรรลุเป้าหมายในการให้แฟนบอลใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางมาชมเกมในวันแข่งขันให้ไม่เกิน 23 เปอร์เซ็นต์ (14,250 คน) รวมถึงสร้างฟาร์มปลูกผักเพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับเมนูอาหาร

มาดูที่ลิเวอร์พูลกันบ้าง ได้ทำการปลูกต้นไม้จำนวน 900 ต้น พร้อมไม้ประดับชนิดต่างๆ บริเวณอคาเดมี่ของสโมสร อีกทั้งยังปลูกผักสำหรับเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร และยังทำงานร่วมกับองค์กรพิทักษ์สัตว์ในชุมชน

ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.arsenal.com/news/renewable-energy-partnership-octopus-energy

สำหรับตัวอย่างการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของสโมสรอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก ที่น่าสนใจ :

อาร์เซน่อล – สโมสรแรกของพรีเมียร์ลีก ที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซนต์

เอฟเวอร์ตัน – จัดตั้งโครงการ “Everton for Change” เพื่อแบ่งปันไอเดียรักษ์โลกกับแฟนบอลของสโมสร

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – มีเป้าหมายที่จะหยุดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างถาวรภายในปี 2030

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – ร่วมมือกับ Renewable Energy Group ในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก

ไบรท์ตัน – ร่วมกับโครงการ “On the Ball” เพื่อมอบสินค้าปลอดพลาสติกให้กับแฟนบอล และนักฟุตบอลทีมหญิง

นอริช ซิตี้ – ปลูกผักเพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร และพัฒนาแอปพลิเคชัน Player Nutrition ซึ่งเป็นเมนูอาหารจากพืชสำหรับนักฟุตบอล

แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย ก็เห็นจะเป็นเบรนท์ฟอร์ด ที่ออกมาประกาศว่า ในฤดูกาลหน้า จะยังคงใช้ชุดเหย้าเหมือนกับฤดูกาลนี้ เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และช่วยให้แฟนบอลประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย

หวังเริ่มนำร่องแคมเปญรักษ์โลกตั้งแต่ซีซั่นหน้า

ปัญหาสิ่งแวดล้อม, มลภาวะ และความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรง ทำให้สโมสรฟุตบอลระดับอาชีพทั้ง 92 สโมสร จาก 4 ดิวิชั่นของอังกฤษ ต้องให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ทางพรีเมียร์ลีก และอีเอฟแอล ได้ส่งเอกสารแผนงานเบื้องต้นกว่า 100 หน้า ไปยังสโมสรสมาชิก เพื่อเตรียมปรับรูปแบบการดำเนินงานของแต่ละสโมสร ตามแผนงานเพื่อสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

ยกตัวอย่างเช่น นักฟุตบอลและพนักงานของสโมสรให้ปั่นจักรยานมาทำงาน หรือลดการเดินทางมายังสโมสรถ้าไม่จำเป็น ให้ประชุมออนไลน์แทน (ถ้าสามารถทำได้) เพื่อลดปริมาณการใช้รถยนต์บนท้องถนน

รวมถึงให้พยายามใช้วัตถุดิบในกลุ่มโปรตีนทางเลือกที่ทำจากพืช (Plant-base food) ในเมนูอาหาร แต่สามารถแต่งรสชาติ กลิ่น สีสันให้เหมือนผลิตภัณฑ์จากสัตว์ได้ และให้ใช้พลังงานหมุนเวียนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์

โดยสโมสรสมาชิกทั้ง 92 สโมสร ต้องตอบกลับภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ และถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบ ก็จะมีการกำหนดกรอบปฏิบัติที่ชัดเจนมากขึ้น คาดว่าจะสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ฤดูกาล 2022/23 เป็นต้นไป

ริชาร์ด มาสเตอร์ ประธานบริหารพรีเมียร์ลีก กล่าวว่า “แต่ละสโมสรได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และมีการรณรงค์เพื่อต่อยอดไปสู่แฟนฟุตบอล และชุมชนต่อไป”

ชัยชนะในการแข่งขันฟุตบอล เป็นวัฏจักรเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ไม่มีใครยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าไปตลอดกาล แต่ชัยชนะในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม คือชัยชนะที่ยั่งยืน และจะเป็นชัยชนะร่วมกันของมวลมนุษยชาติ

Author : จักรพันธ์ ภู่ทอง

Photo : empireofthekop.com

อ้างอิง :