ภาพจำของมาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ผู้คนในอังกฤษและทั่วโลกนึกถึง คือนักสังคมสงเคราะห์ สะสมความดีมากเพียงพอ จนได้รับการประกาศเกียรติคุณ เพื่อตอบแทนความดีที่สร้างไว้
ตรงข้ามกับชีวิตนักฟุตบอล ที่ในเวลานี้ต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ด้วยผลงานที่ตกลงไปจากเมื่อก่อนอย่างน่าใจหาย และอาจถูกมองว่า เป็นนักเตะที่ไม่สามารถก้าวข้ามความเป็น “ดาวรุ่งตลอดกาล” ได้
ชีวิตของแรชฟอร์ดจากนักเตะดาวรุ่ง ที่ยังพุ่งไปไม่สุดทางเป็นอย่างไร ? วันนี้เพจ “ไข่มุกดำ” จะมาขยายให้ฟังกันครับ
สุดยอดดาวรุ่งที่น่าจับตามอง
มาร์คัส แรชฟอร์ด เกิดจากครอบครัวที่มีฐานะไม่ค่อยสู้ดีนักในเมืองแมนเชสเตอร์ เริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลตั้งแต่อายุ 5 ขวบกับเฟล็ทเชอร์ มอสส์ เรนเจอร์ส สโมสรระดับท้องถิ่นที่ปั้นนักเตะชื่อดังมาแล้วหลายราย
ปี 2005 เจ้าหนูแรชฟอร์ดในวัย 7 ขวบ ได้รับความสนใจจากทีมยักษ์ใหญ่ทั้งแมนฯ ยูไนเต็ด, แมนฯ ซิตี้ รวมถึงลิเวอร์พูล และสุดท้ายเป็น “ปิศาจแดง” ที่ได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมเยาวชนไปในที่สุด
แรชฟอร์ด ใช้เวลาอยู่กับทีมเยาวชนยาวนานมากกว่า 10 ปี ก่อนที่จะได้ประเดิมสนามกับยูไนเต็ดเป็นครั้งแรก ในเกมยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่เปิดบ้านพบกับมิดทิลแลนด์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016
ในแมตช์ดังกล่าว แรชฟอร์ดได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทนที่อองโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงวอร์มก่อนเริ่มเกม และกลายเป็นแมตช์แห่งความทรงจำของเขา เมื่อเหมาคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ทีมชนะ 5 – 1
ส่งผลให้แรชฟอร์ด ทุบสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์สโมสร ที่ทำประตูได้ในฟุตบอลถ้วยยุโรป ด้วยวัย 18 ปี 117 วัน ก่อนที่สถิติของเขาจะถูกทำลายโดยเมสัน กรีนวูด เมื่อเดือนกันยายน ปี 2019 (17 ปี 353 วัน)
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของมาร์คัส แรชฟอร์ด เกิดขึ้นในฤดูกาล 2019/20 และ 2020/21 ที่ทำได้อย่างน้อย 20 ประตู รวมทุกรายการ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวความหวังในการจบสกอร์จนถึงปัจจุบัน
เด็กหนุ่มผู้เป็นฮีโร่ของอังกฤษ
เพราะเคยผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากในวัยเด็ก ทำให้มาร์คัส แรชฟอร์ด มีความคิดริเริ่มที่จะช่วยเหลือผู้ที่ยากลำบากเหมือนกับตัวเอง จึงตัดสินใจที่จะรับบทบาทเป็นผู้ให้ และคืนอะไรกลับไปให้สังคมบ้าง
จุดเริ่มต้นการมีจิตสาธารณะของแรชฟอร์ด เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2019 ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาดทั่วโลก ด้วยการบริจาคอาหาร 1,200 กล่อง เพื่อช่วยเหลือคนไร้บ้านในเมืองแมนเชสเตอร์
แต่ตัวเขาไม่รู้สึกพึงพอใจมากนัก เพราะคนที่เข้าถึงการช่วยเหลือยังน้อยเกินไป จึงต้องทุ่มเทกับกิจกรรมการกุศลมากกว่าเดิม โดยร่วมมือกับองค์กรการกุศลระดับประเทศ เข้ามาช่วยแจกจ่ายอาหารให้มากขึ้น
เข้าสู่ปี 2020 โควิด-19 ได้ระบาดหนักไปทั่วโลก รัฐบาลอังกฤษได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ ด้วยการระงับโครงการอาหารกลางวันฟรีแก่นักเรียน เป็นผลกระทบที่เกิดจาการสั่งปิดโรงเรียนในช่วงที่มีการล็อกดาวน์
จากการตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาล ช่วยให้แรชฟอร์ดทราบว่า มีเด็กนักเรียน 1.3 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ เขาจึงตัดสินใจเขียนจดหมายเปิดผนึก ส่งถึงรัฐบาลอังกฤษ ในเดือนมิถุนายน ปี 2020
หลังจากที่จดหมายเปิดผนึกถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจสนับสนุนโครงการของแรชฟอร์ด และเครือข่ายอย่างเต็มที่ โดยทุ่มเงิน 400 ล้านปอนด์ช่วยเหลือเด็กยากไร้ทั่วประเทศ
สิ่งที่แรชฟอร์ดพยายามส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจรัฐ ได้รับรู้ถึงหัวใจของผู้คนทั้งประเทศ และเกิดอิมแพ็กต์อย่างเห็นได้ชัด จึงได้มีการตอบแทนคุณงามความดีครั้งสำคัญ ที่เขาและครอบครัวจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต
เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ได้มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้กับดาวเตะวัย 24 ปีรายนี้ และถือเป็นบุคคลที่อายุน้อยสุด ที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์อีกด้วย
แรชฟอร์ด ถือเป็นคนที่ 3 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณขั้นสูงสุดของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ต่อจากเซอร์แมตต์ บัสบี้ และเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน 2 ตำนานผู้จัดการทีมของสโมสร
และอีกเพียง 1 เดือนหลังจากนั้น แรชฟอร์ด ก็ยังได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น MBE จากเจ้าชายวิลเลียมส์ เป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาได้ทำให้กับประเทศบ้านเกิด มันยิ่งใหญ่เพียงใด
ความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อสังคมของมาร์คัส แรชฟอร์ด เกิดจากการลุกขึ้นเพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรมที่พบเจอ และสามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น จนได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ของชาวอังกฤษทั้งชาติ
ฟอร์มการเล่นที่ไม่เหมือนเดิม
ชีวิตนอกสนามของมาร์คัส แรชฟอร์ด ได้สะสมคุณงามความดีไว้มากมาย จนได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ แต่ชีวิตในสนามของเขานั้น ถือว่ายังสอบไม่ผ่านในการที่จะก้าวจากสุดยอดดาวรุ่งสู่นักเตะเวิลด์คลาส
ผลงานของ ดร.แรชฟอร์ด ในฤดูกาล 2021/22 ทำได้เพียงแค่ 2 ประตู จาก 11 นัดที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก อีกทั้งยิงประตูไม่ได้เลย ใน 11 นัดหลังสุดที่ได้โอกาสลงเล่นนับรวมทุกรายการ
เกมล่าสุดที่แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือนชนะแอสตัน วิลลา 1 – 0 ในเอฟเอ คัพ เมื่อคืนมันเดย์ไนท์ที่ผ่านมา เจ้าตัวถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องความทุ่มเทในสนาม โดยมีช็อตสำคัญที่กลายเป็นประเด็นใหญ่ในโลกโซเชียล
ช็อตที่ว่านั้น เกิดขึ้นในนาทีที่ 73 จังหวะที่เมสัน กรีนวูด ยิงไปติดเซฟของเอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ นายทวารวิลลา รับบอลกระฉอกออกมา ทว่าแรชฟอร์ดกลับยืนเซ็งเฉยๆ ไม่วิ่งเข้าหาบอลเพื่อลุ้นประตูเสียอย่างนั้น
นั่นทำให้แรชฟอร์ด ถูกบรรดาเรด อาร์มี่ ตำหนิอย่างรุนแรง และถูกตั้งคำถามเรื่องความเป็นมืออาชีพ เพราะมีพฤติกรรมที่แสดงว่าไม่ตั้งใจเล่นให้กับสโมสร ทั้งๆ ที่รับค่าเหนื่อยสูงถึง 2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์
ว่ากันว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้แรชฟอร์ด มีฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงอย่างไม่น่าเชื่อในฤดูกาลนี้ เป็นเพราะปัญหาทั้งด้านสภาพจิตใจ และสภาพร่างกายที่ติดตัวมานานตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา
เรื่องสภาพจิตใจ แรชฟอร์ดคือหนึ่งในผู้ที่ยิงจุดโทษพลาด ทำให้อังกฤษแพ้อิตาลีในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 แฟนบอลอังกฤษบางส่วนเลยไม่พอใจ ถึงขั้นทำลายภาพของเขาที่อยู่บนผนังในเมืองแมนเชสเตอร์
นอกจากนี้ เดลี่ เมล สื่อชื่อดังของอังกฤษยังระบุว่า เขาได้ติดต่อไปยังนักจิตวิทยาด้านกีฬา เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องสภาพจิตใจ ซึ่งนั่นถือเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ต้องพึ่งนักจิตวิทยาด้านกีฬามาช่วยเหลือด้านจิตใจ
ส่วนเรื่องสภาพร่างกายนั้น เจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บหัวไหล่เรื้อรังมาตั้งแต่ฤดูกาลก่อน และเข้ารับการผ่าตัดหลังจบฟุตบอลยูโร เมื่อกลางปีที่แล้ว แต่ก็ฝืนกลับมาลงเล่นให้ยูไนเต็ดอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม
อีกสาเหตุหนึ่งที่ถือว่ามีส่วนอยู่ไม่น้อย ก็คือเรื่องของตำแหน่งการเล่นที่ยังไม่ชัดเจน นับตั้งแต่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เนื่องจากสโมสรเปลี่ยนแปลงกุนซือบ่อย จึงมีความกังวลว่า เขาอาจจะไม่สามารถพัฒนาฝีเท้าได้อีก
เมื่อเดือนกันยายน ปี 2019 สแตน คอลีมอร์ อดีตตำนานกองหน้าลิเวอร์พูลยุค ‘90 เคยให้ความเห็นว่า “หากแรชฟอร์ดยังไม่รู้ตำแหน่งถนัดของตัวเอง อีกไม่นานอาจจะเป็นเหมือนธีโอ วัลคอตต์ ที่เคยเป็นยอดดาวรุ่ง แต่ไปไม่สุด”
ที่สำคัญ สัญญาของแรชฟอร์ดกับยูไนเต็ด จะหมดลงหลังจบฤดูกาลหน้า น่าสนใจว่าเขาจะยังฝากอนาคตไว้ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หรือจะไปหาความท้าทายใหม่กับสโมสรอื่น ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป
ถึงแม้ว่ามาร์คัส แรชฟอร์ด จะเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษนอกสนามฟุตบอล แต่เรื่องราวในสนาม เขาต้องก้าวข้ามจากนักเตะดาวรุ่ง สู่นักเตะที่ประสบความสำเร็จในเกมลูกหนังให้ได้
Author : จักรพันธ์ ภู่ทอง
Photo : TEAMtalk
อ้างอิง :
#แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
Football Editor