Categories
Football Business

ความเจ็บปวดที่สวยงาม : 117 ปี เชลซี กับอาณาจักร “โรมัน” ที่ใกล้ล่มสลาย

เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นวันที่สโมสรฟุตบอลเชลซี ก่อตั้งครบรอบ 117 ปี ซึ่งยุคสมัยที่ดีที่สุดของ “สิงห์บลูส์” คือยุคที่โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรตั้งแต่ปี 2003

แต่ทว่า วันครบรอบการก่อตั้งสโมสรในปีนี้ กลับเป็นวันที่อบราโมวิชต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษประกาศ “คว่ำบาตร” จากผลกระทบของสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน

เรื่องราวของเชลซี และยุคทองของเสี่ยหมีจากจุดเริ่มต้นถึงจุดสุดท้ายเป็นอย่างไร วันนี้เพจ “ไข่มุกดำ” จะมาขยายให้ฟังกันครับ

เส้นทางของเชลซีในศตวรรษแรก

กุส เมียร์ส นักธุรกิจชาวอังกฤษ ได้ลงทุนซื้อสนามกรีฑาสแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยมีแผนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามฟุตบอล จึงยื่นข้อเสนอให้สโมสรฟูแล่มที่ตั้งอยู่ใกล้กันมาเช่าสนามของตนเอง แต่ถูกปฏิเสธ

ดังนั้น เมียร์สจึงตัดสินใจก่อตั้งสโมสรฟุตบอลของตนเองขึ้นมา ใช้ชื่อว่า “เชลซี” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับเขตฟูแล่ม เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 1905 โดยสถานที่ตั้งของสโมสรเป็นผับเก่า ชื่อว่า “เดอะ ไรซิ่ง ซัน ผับ”

อย่างไรก็ตาม เชลซีต้องใช้เวลานานถึง 50 ปี กว่าจะได้แชมป์รายการแรกของสโมสรคือ แชมป์ดิวิชั่น 1 ลีกสูงสุดในขณะนั้น เมื่อฤดูกาล 1954/55 ตามด้วยแชมป์แชริตี้ ชิลด์ ภายใต้การคุมทีมของเท็ด เดร็ก

แต่หลังจากนั้น เชลซีคว้าแชมป์เพิ่มมาได้เพียง 3 รายการ แล้วพอเข้าสู่ช่วงกลางยุค ’70 สโมสรจากลอนดอนทีมนี้ก็เข้าสู่ยุคตกต่ำ ตกชั้นจากลีกสูงสุด ไปใช้ชีวิตอยู่ในระดับดิวิชั่น 2 เป็นส่วนใหญ่

จนกระทั่งในปี 1982 เคน เบตส์ ได้เข้ามาซื้อกิจการของเชลซี ต่อจากทายาทของกุส เมียร์ส อดีตผู้ก่อตั้งสโมสร ด้วยราคาสุดถูกเพียงแค่ 1 ปอนด์เท่านั้น พร้อมทั้งแต่งตั้งแมทธิว ฮาร์ดิ้ง เป็นผู้อำนวยการสโมสรด้วย

ในช่วงต้นยุค ’90 เป็นช่วงที่ลีกสูงสุดเปลี่ยนผ่านจากดิวิชั่น 1 เป็น “พรีเมียร์ลีก” ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษ บรรดานักฟุตบอลต่างชาติต่างหลั่งไหลเข้ามาอย่างคึกคัก

เบตส์ และฮาร์ดิ้ง ช่วยกันขับเคลื่อนเชลซีจากทีมท้ายตาราง สู่กลางตารางอย่างมั่นคง นักเตะต่างชาติได้เข้ามาสร้างชื่อในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เช่น รุด กุลลิท, จิอันลูก้า วิอัลลี่, จิอันฟรังโก้ โซล่า และอีกมากมาย

ในปี 2003 เคน เบตส์ ประกาศขายกิจการของสโมสร ไปให้กับโรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ด้วยราคา 140 ล้านปอนด์ ความสำเร็จของเชลซีตลอดช่วงศตวรรษแรก คว้าแชมป์ได้ทั้งหมด 13 โทรฟี่

อาณาจักร “โรมัน” เขย่าพรีเมียร์ลีก

เส้นทางชีวิตของโรมัน อบราโมวิช ก่อนที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์เชลซีนั้น เรียกได้ว่าเป็นคนที่สู้ชีวิตมาไม่น้อยเลยทีเดียว เขากำพร้าพ่อและแม่ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ทางเดียวที่จะอยู่รอดคือต้องดิ้นรนหาเงิน

อบราโมวิช ได้เข้าโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วๆ ไป แต่พออายุ 16 ปี เขาขอลาออกจากโรงเรียน เพราะมองว่าเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์ และเริ่มมีรายได้จากการเป็นเซลล์ขายของเล่นที่ทำจากยาง

จากการได้เรียนรู้เรื่องการค้าขายนี่เอง ทำให้อบราโมวิชเข้าใจถึงคำว่า “คอนเน็คขั่น” ก็ได้ผันตัวไปทำธุรกิจใต้ดิน คือการขายน้ำมันเถื่อน โดยมีบอริส เบเรซอฟสกี้ นักการเมืองดังของรัสเซียในยุค ’90 อยู่เบื้องหลัง

ต่อมา อบราโมวิช และเบเรซอฟสกี้ ได้ซื้อกิจการ Sibneft บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของไซบีเรียในราคาไม่ถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และขายให้ Gazprom บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ได้กำไรกว่า 10 เท่า

จนกระทั่งในปี 2000 รัสเซียมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจครั้งสำคัญ เมื่อวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้อบราโมวิชมีอิทธิพลมากขึ้น และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับปูตินตั้งแต่บัดนั้น

เมื่ออบราโมวิช เข้ามาครอบครองสโมสรเชลซี ในปี 2003 ถือเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนวงการฟุตบอลอังกฤษเป็นอย่างมาก ท่ามกลางการจับตามองว่า เขาจะมาสร้างภัยอันตรายให้กับรัฐบาลเมืองผู้ดีหรือไม่

แม้ประวัติในอดีตของอบราโมวิชจะเป็นที่ถูกจับผิดอยู่ตลอดเวลา แต่เขามีวิสัยทัศน์ และมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำเชลซีประสบความสำเร็จอย่างจริงจัง จนกระทั่งสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยุคหนึ่งของสโมสร

ในฤดูกาล 2004/05 แชมป์รายการแรกในยุคของเสี่ยหมี คือแชมป์ลีก คัพ และตามด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งศตวรรษ และฉลองครบรอบ 100 ปี ของสโมสรอีกด้วย

ขณะที่ถ้วยใหญ่สุดของยุโรปอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เชลซีผ่านเข้าชิงชนะเลิศครั้งแรกเมื่อปี 2008 ที่รัสเซีย ทว่าแพ้จุดโทษแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่หลังจากนั้นก็สมหวัง คว้าแชมป์ได้ 2 สมัย ในปี 2012 และ 2021

โรมัน อบราโมวิช ใช้เวลาเพียง 19 ปี พาเชลซีคว้าแชมป์ได้อย่างน้อย 21 รายการ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ผู้จัดการทีมมากถึง 14 คน แต่ถ้าวิธีการของเขามันได้ผลตามที่ต้องการ ก็คงจะไม่มีใครไปตำหนิได้อย่างแน่นอน

จบแบบเจ็บปวด จากลาอย่างยิ่งใหญ่

ในขณะที่โรมัน อบราโมวิช กำลังสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเชลซี จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขาก็มาถึง และไม่มีใครคาดคิดว่าจะนำไปสู่จุดจบถึงขั้นต้องออกจากสโมสรในที่สุด

ในปี 2018 อบราโมวิช มีปัญหาเรื่องการต่อวีซ่าเพื่อเข้าประเทศอังกฤษ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับวลาดิเมีย ปูติน ทำให้ต้องตั้งมาริน่า กรานอฟสกาย่า เข้ามาดูแลสโมสรแทน 

แต่อีก 3 ปีต่อมา เสี่ยหมีสามารถกลับเข้าเมืองผู้ดีได้อีกครั้ง ทว่าสถานการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นจนได้ เพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ได้ปะทุมากขึ้นจนกลายเป็นสงคราม

ก่อนหน้านี้ อบราโมวิชก็พยายามเอาตัวรอด ด้วยการประกาศขายสโมสรให้เร็วที่สุด แล้วนำเงินที่ได้ไปบริจาคให้ผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามในยูเครน อีกทั้งหนี้สินที่มีอยู่ทั้งหมดก็จะไม่เรียกคืน แต่ก็ไม่เป็นผล

และล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อน รัฐบาลอังกฤษประกาศคว่ำบาตร ส่งผลให้มหาเศรษฐีรัสเซีย 7 คนที่ถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนปูติน ถูกอายัดทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งรวมถึงอบราโมวิช เจ้าของสโมสรเชลซีด้วย

อย่างไรก็ตาม อบราโมวิชยังสามารถที่จะขายสโมสรได้ แต่มีเงื่อนไขว่า เขาจะไม่ได้รับเงินจากการขายสโมสรเลยแม้แต่ปอนด์เดียว โดยเงินจากการขายสโมสรทั้งหมดจะเข้าไปที่รัฐบาลอังกฤษ

ขณะที่สโมสรเชลซี ก็ได้รับผลกระทบที่ตามมาจากการคว่ำบาตรไปด้วย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

– ห้ามขายตั๋วเข้าชมการแข่งขันใหม่ ยกเว้นผู้ถือตั๋วปีของสโมสร ยังสามารถเข้าชมได้ตามปกติ

– ห้ามจำหน่ายสินค้าในเมกะสโตร์ของสโมสร และออนไลน์ ส่วนที่อื่นยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ

– ห้ามซื้อ-ขายผู้เล่น และต่อสัญญาฉบับใหม่ให้กับผู้เล่นของสโมสร

– ห้ามใช้เงินเกิน 500,000 ปอนด์ สำหรับการแข่งขันในประเทศอังกฤษ

– ห้ามใช้เงินเกิน 20,000 ปอนด์ สำหรับการเดินทางแข่งขันนอกประเทศอังกฤษ

– ทรี (Three) บริษัทเครือข่ายโทรศัพท์ชื่อดังของอังกฤษ ขอระงับสัญญาเป็นสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อแข่งขันชั่วคราว

ถึงแม้ว่าโรมัน อบราโมวิช จะต้องยุติบทบาทกับเชลซีแบบไม่เต็มใจเท่าใดนัก แต่สิ่งที่ได้ลงมือทำมาตลอด 19 ปี ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เขาคือเจ้าของสโมสรที่ลงทุน และทุ่มเทจนทีมประสบความสำเร็จสูงสุดของโลกลูกหนังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Author : จักรพันธ์ ภู่ทอง

Photo : Football365

อ้างอิง :

– https://www.bbc.com/sport/football/60689645

– https://www.bbc.com/sport/football/60684038

– https://en.wikipedia.org/wiki/Chelsea_F.C.