เอแดร์ซอน อาจไม่ใช่ผู้รักษาประตูมือหนึ่งทีมชาติบราซิล ได้เล่นเพียง 19 นัดนับจากประเดิมสนามกับแมตช์ชนะชิลี 3-0 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2017 แต่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี นายด่านวัย 29 ปี ยึดตัวจริงได้เหนียวแน่น เป็นหนึ่งในขุนพลคู่บารมีของเป๊ป กวาร์ดิโอลา นับตั้งแต่ย้ายเข้าถิ่นเอติฮัดระหว่างตลาดซัมเมอร์ปี 2017
พรีเมียร์ลีกห้าซีซันแรก เอแดร์ซอนพลาดเฝ้าประตูแค่ 8 นัดเท่านั้น โดยเฉพาะซีซัน 2018-19 เขาลงตัวจริงครบ 38 นัด ส่วนฤดูแข่งปัจจุบัน นับถึงเกมที่ 29 ซึ่งแมนฯซิตีชนะเซาแธมป์ตัน ไม่มีนัดไหนที่กวาร์ดิโอลาไม่ใส่เอแดร์ซอนในรายชื่อ 11 คนแรก
ทุกเกียรติประวัติของแมนฯซิตียุคกวาร์ดิโอลา เอแดร์ซอนได้รับเท่ากับที่นายใหญ่ชาวสเปนของเขาได้รับ แชมป์พรีเมียร์ลีก 4สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย, แชมป์อีเอฟแอล คัพ 4 สมัย, แชมป์เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ 2 สมัย รวมถึงเหรียญรองแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ปี 2021
ชีวิต 24 ปีก่อนลงหลักปักฐานที่แมนฯซิตี
เอแดร์ซอน ซานตานา เด โมราเรส เกิดวันที่ 17 สิงหาคม 1993 ที่โอซัสคู รัฐเซา เปาโล ประเทศบราซิล เริ่มเส้นทางนักฟุตบอลกับสโมสร เซา เปาโล ในปี 2008 เล่นแค่ปีเดียวก็เดินทางข้ามทวีปไปอยู่กับทีมเยาวชนของ เบนฟิกา ในโปรตุเกสตอนอายุ 16 ปี แต่ไม่สามารถสร้างความประทับใจให้เบนฟิกา เอแดร์ซอนอยู่ได้สองปีก็ถูกปล่อยตัวในปี 2011
เอแดร์ซอนยังมองหาอนาคตในโปรตุเกสต่อไป โชคที่ ริเบลราโอ ซึ่งอยู่ในดิวิชันสองขณะนั้น อ้าแขนรับ ก่อนเซ็นสัญญากับ ริโอ อเว สโมสรปรีไมรา ลีกา ในตลาดซัมเมอร์ปี 2012 ที่นี่เขาโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นจนถูกเรียกตัวร่วมทีมชาติบราซิล ยู-23 ในเดือนเมษายน 2015 ขณะที่ริโอ อเว ต่อสัญญาใหม่ไปถึงปี 2019 แต่ไม่กี่เดือนต่อมา เบนฟิกา เห็นแววสดใสของเอแดร์ซอน จึงคว้าตัวกลับไปด้วยสัญญาห้าปีในเดือนกรกฎาคม 2015 และจ่ายค่าตัวให้ต้นสังกัด 5 แสนยูโร พร้อมเงื่อนไขแบ่งค่าตัว 50 เปอร์เซ็นต์หากเบนฟิกาขายเอแดร์ซอนในอนาคต
ซีซัน 2015-16 เอแดร์ซอนเป็นตัวสำรองของฮูลิโอ ซีซาร์ ในทีมชุดใหญ่ และถูกส่งลงไปเล่นให้ทีมสำรองของเบนฟิกาในดิวิชันสอง จนกระทั่งวันที่ 5 มีนาคม 2016 เอแดร์ซอนได้สัมผัสเกมลีกสูงสุดแทนฮูลิโอ ซีซาร์ ที่บาดเจ็บ เบนฟิกาชนะสปอร์ติง ลิสบอน 1-0 ขยับขึ้นไปยืนแป้นจ่าฝูงลีกแดนฝอยทอง เขามีส่วนร่วมในช่วงที่เหลือของซีซันที่ปิดฉากด้วยแชมป์ปรีไมรา ลีกา สมัยที่ 35 อีกทั้งยังได้เฝ้าประตูนัดชิงชนะเลิศ Taça da Liga (หรือ Portuguese League Cup เปรียบได้กับลีก คัพ ของโปรตุเกส) ซึ่งชนะมาริติโม 6-2 นั่นเท่ากับว่า เอแดร์ซอนได้เหรียญแชมป์ 2 รายการในปีแรกกับเบนฟิกาทั้งที่ลงเล่น 15 นัด ยังไม่นับอีก 3 นัดของแชมเปียนส์ ลีก ที่เบนฟิกาเข้าถึงรอบแปดทีมสุดท้าย
ซีซัน 2016-17 เอแดร์ซอนเป็นนายทวารมือหนึ่ง ครองแชมป์เมเจอร์ร่วมกับเบนฟิกาอีก 2 รายการคือ ปรีไมรา ลีกา และ Taça de Portugal (หรือ Cup of Portugal เปรียบได้กับเอฟเอ คัพ ของโปรตุเกส)
1 มิถุนายน 2017 เบนฟิกาแถลงข่าวขายเอแดร์ซอนให้แมนฯซิตี ด้วยราคา 40 ล้านยูโร เป็นค่าตัวผู้รักษาประตูที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลกขณะนั้นต่อจากจิอันลุยจิ บุฟฟอน (52 ล้านยูโรในปี 2001) ก่อนหล่นลงไปอยู่อันดับ 4 ตามหลัง อลิสซอน เบคเกอร์ (75 ล้านยูโรในปี 2018) และเกปา อาร์รีซาบาลากา (80 ล้านยูโรในปี 2018)
วางบอลยาวสร้างประทับใจแรกให้เป๊ป
ย้อนกลับไปปลายซีซัน 2015-16 ปีแรกของเอแดร์ซอนกับเบนฟิกา ตอนนั้นกวาร์ดิโอลายังคุมทีมบาเยิร์น มิวนิก แม้เซ็นสัญญาล่วงหน้ากับแมนฯซิตีในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 เขาเฝ้าดูฟอร์มการเล่นของเบนฟิกา ซึ่งเป็นคู่แข่งของทีมเสือใต้ในรอบก่อนรองชนะเลิศของแชมเปียนส์ ลีก
“ไอ้หนุ่มคนนั้นเป็นใคร” กวาร์ดิโอลาเอยปากถามกับสตาฟฟ์โค้ชเมื่อเห็นทักษะการเตะบอลของเอแดร์ซอนด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรก ต่อมาราวหนึ่งปีเศษ เขาก็ได้ร่วมงานกับนายทวารบราซิลที่แมนฯซิตี
ทันทีที่เข้าทำงานในเมืองแมนเชสเตอร์ กวาร์ดิโอลาปรับขุมกำลังสำหรับซีซัน 2016-17 เซ็นสัญญากับ อิลคาย กุนโดกัน, ลีรอย ซาเน และจอห์น สโตนส์ ซึ่งล้วนมีส่วนในความสำเร็จของแมนฯซิตีในเวลาต่อมา กุนซือสเปนยังทำให้แฟนบอลบางกลุ่มไม่พอใจด้วยการดึงเคลาดิโอ บราโว อดีตลูกทีมที่บาร์เซโลนา มาทำหน้าที่แทนโจ ฮาร์ท ซึ่งเป็นนายประตูมือหนึ่งของแมนฯซิตีนานหลายปี เนื่องจากกวาร์ดิโอลาไม่พอใจการเล่นช่วงพรีซีซันของฮาร์ท จึงปล่อยให้โตริโนยืมใช้งาน
แต่บราโวเล่นได้น่าผิดหวัง กวาร์ดิโอลาไม่ได้แชมป์อะไรในซีซันแรก เขาพยายามยกระดับเกมรับในตลาดซัมเมอร์ปี 2017 เซ็นสัญญากับสองวิงแบ็ค เบนจามิน เมนดี และไคล์ วอล์คเกอร์ รวมถึงคว้าตัวเอแดร์ซอนที่เขาประทับใจเมื่อครั้งคุมทีมบาเยิร์น
เอแดร์ซอนเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงของแมนฯซิตีตั้งแต่ซีซัน 2017-18 เปิดฉาก การจ่ายบอลสั้นจากแบ็คไลน์มีส่วนสร้างความสำเร้จให้กับทีม รวมถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัยในห้าปี แต่กวาร์ดิโอลาเคยให้สัมภาษณ์ว่า การจ่ายบอลยาวของเอแดร์ซอนต่างหากที่ทำให้เขาทึ่ง “นั่นหมายความว่า เรามีโอกาสวางบอลยาวไปยังกรอบเขตโทษอีกฝั่งหนึ่งแล้ว”
ยอดนายทวารวัย 29 ระลึกอดีตเกือบเจ็ดปีที่แล้ว เขาเชื่อว่าคงเป็นการทำประตูของ ราอูล ฮิเมเนซ ในเกมลีกนัดหนึ่งของเบนฟิกาที่ทำให้กวาร์ดิโอลาเกิดไอเดียอะไรบางอย่าง
เอแดร์ซอนให้สัมภาษณ์กับสกายสปอร์ตส์ว่า “ราอูลเป็นคนที่ขึ้นไปสูงที่สุดของทีมเสมอ เขาเป็นคนที่วิ่งเร็วฝีเท้าจัด มักมองหาจังหวะวิ่งตัดแนวหลังฝ่ายตรงข้าม ผมเลยหมั่นหาโอกาสส่งบอลไปให้เขารวดเร็วที่สุด โดยเฉพาะเกมสำคัญที่ช่วยให้เราครองแชมป์ ผมมีความสุขเสมอที่มีส่วนแอสซิสต์” ใช่แล้ว..ฮิเมเนซทำสกอร์นั้นจากการส่งบอลยาวของนายด่านร่วมทีม
กวาร์ดิโอลาต้องการอะไรแบบนั้นกับแมนฯซิตีเช่นกัน เอแดร์ซอนกล่าวต่อว่า “นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเราใช้เวลาฝึกซ้อมเยอะมากโดยเฉพาะปีแรกที่ผมย้ายเข้ามา ในนัดสองของพรีซีซันที่อุ่นเครื่องกับสเปอร์ส แซร์จิโอ อเกวโร ยิงชนเสา นั่นเป็นสัญญาณดีในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น”
เอแดร์ซอนช่วยเพิ่มมิติใหม่ให้กับการเล่นของแมนฯซิตี “มันเป็นประโยชน์มากเมื่อเจอทีมที่เล่นเพรสสูงเพราะเราสามารถชิงความได้เปรียบจากการที่พวกเขาเปิดพื้นที่แดนหลัง มันเป็นอาวุธที่เจ๋งมากช่วยให้เราเล่นได้หลากหลายทั้งระยะสั้น กลาง และยาว”
เปิดบอลแม่นและเร็ว จุดแข็งของเอแดร์ซอน
จาก 211 นัดที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีก เอแดร์ซอนทำแอสซิสต์ให้แมนฯซิตี 3 ครั้ง ลูกที่อยู่ในความทรงจำของหลายคนคือแอสซิสต์ที่ส่งให้กุนโดกันยิงประตูสเปอร์สในปี 2021 แต่ถ้าให้ยกตัวอย่างที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดในเชิงแท็คติกน่าจะเป็นประตูของเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่ยิงในแมตช์ชนะไบรท์ตันเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมปีที่แล้ว
“เป็นการผ่านบอลที่ดีมาก” เอแดร์ซอนเปิดใจถึงแอสซิสต์ล่าสุด “เขา (ฮาลันด์) ชอบเคลื่อนที่ลักษณะนั้น เขาเป็นผู้เล่นที่สภาพร่างกายแข็งแกร่งพร้อมระเบิดตลอดเวลา นั่นเวิร์คมากกับไบรท์ตันที่ประกบเราแบบตัวต่อตัวและเพรสค่อนข้างสูง เราจึงชิงได้เปรียบด้วยการส่งบอลยาวข้ามพวกเขาไปแดนหน้า”
ไม่ใช่พละกำลังความแรงในการเตะ แต่เป็นความแม่นยำและความเร็วที่ผู้คนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญเอแดร์ซอน เขายืนอันดับหนึ่งของผู้รักษาประตูที่เตะบอลยาวแม่นยำที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ที่ตัวเลช 52% (คำนวณจากการเตะลูกยาวอย่างต่ำ 100 ครั้ง) ตามด้วยมาร์ค ทราเวอร์ส (บอร์นมัธ) 49%, อลิสซอน เบคเกอร์ (ลิเวอร์พูล) 47%, เกปา อาร์รีซาบาลากา (เชลซี) 45% และอูโก โยริส (สเปอร์ส) 43%
เมื่อถูกถามว่ารู้สึกชอบแอสซิสต์มากกว่าการป้องกันหรือเปล่า เอแดร์ซอนตอบว่า “ผมยังชอบการเซฟมากกว่าอยู่แล้ว นั่นคืองานที่ผู้รักษาประตูต้องทำให้ดีที่สุด แต่ผมก็มีความสุขที่ได้แอสซิสต์นะ มันไม่ใช่อะไรที่เกิดขึ้นทุกวัน”
แต่การเซฟก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยเช่นกันเมื่อเทียบกับมาตรฐานปกติของผู้รักษาประตูในพรีเมียร์ลีก เพราะตลอดหกปีที่ร่วมงานกับกวาร์ดิโอลา แมนฯซิตีเป็นทีมที่คู่แข่งมีจังหวะยิงประตูน้อยที่สุด อีกนัยหนึ่งคือ เอแดร์ซอนไม่ค่อยได้ออกแรงเซฟมากนัก
นั่นจึงเป็นภาพอีกด้านของนายทวารในทีมที่ประสบความสำเร็จสูง ขณะที่โรดรี เอร์นานเดซ มิดฟิลด์ทีมเรือใบสีฟ้า เป็นคนที่มีสถิติจ่ายบอลมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก เช่นเดียวกับฮาลันด์ที่ยิงในกรอบเขตโทษเหนือทุกคนในลีก ดูเหมือนเอแดร์ซอนมีงานเบากว่าผู้รักษาประตูทีมอื่น
คำถามใหม่จึงถูกตั้งขึ้นมาว่า แล้วอะไรในสนามแข่งที่สร้างความหนักใจให้เอแดร์ซอนมากที่สุด “สภาพอากาศที่หนาวเย็นโดยเฉพาะตอนเหนือที่ฝนตกประจำ เหมือนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในแมนเชสเตอร์”
ฟุตซอลในวัยเด็กช่วยสร้างตัวตนทุกวันนี้
ถ้าให้ตอบอย่างจริงจัง เอแดร์ซอนชี้ว่าเป็นเรื่องสมาธิจดจ่อกับเกมการแข่งขัน เพราะเมื่อบอลจากฝ่ายตรงข้ามไม่มีโอกาสมาถึงหน้าประตูแมนฯซิตีบ่อยนัก จิตใจของเขามีโอกาสหลุดลอยคิดเรื่องอื่นได้ ซึ่งนั่นเป็นเหมือนดาบสองคม ทำให้ลดทอนปฏิกิริยาที่ควรเฉียบคมและว่องไว
“เป็นหนึ่งในความยากลำบากที่ผมเจอตอนย้ายมาใหม่ๆ มันยากจริงๆที่ใจจะจดจ่อตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากโดยเฉพาะกับพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเล่นปกติ หรืออ่านเกมเพื่อจ่ายและเซฟ ล้วนเป็นตัวแปรใหญ่สำหรับการเล่นของผม ผมทำงานหนักเพื่อสิ่งนั้น ทุกวันนี้ผมยังฝึกฝนเพื่อพัฒนาตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้คาดการณ์สิ่งต่างๆระหว่างแมตช์”
หนึ่งในโมเมนต์คือการตัดสินใจออกมาจากพื้นที่ตัวเองเพื่อทำหน้าที่สวีปเปอร์หลังแนวรับ ทักษะตรงนี้มีส่วนทำให้เอแดร์ซอนโดนยิงน้อยกว่านายปรตูทีมอื่น “นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมฝึกเยอะมาก การเล่นไฮไลน์ของผู้รักษาประตู เราต้องตัดสินใจว่าจะขึ้นมาเพื่อบิลด์-อัพเกมอย่างไร”
แต่อีกด้านหนึ่ง ไฮไลน์เพิ่มความเสี่ยงต่อการเจ็บตัวเหมือนช่วงต้นที่เล่นให้แมนฯซิตี เอแดร์ซอนถูกเย็บหลายเข็มจากการโดนซาดิโอ มาเน แนวรุกลิเวอร์พูล เตะบริเวณใบหน้า “ผมเชื่อนะ บางทีผู้รักษาประตูจำเป็นต้องบ้าบิ่นหน่อยๆ แต่คุณไม่สามารถหวาดกลัวที่จะออกมาเพื่อหยุดการเล่นลักษณะนั้นของคู่ต่อสู้”
ความกล้าหาญยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นของเอแดร์ซอน “ผมมักทุ่มเททุกอย่างที่มีลงไปเสมอ แม้กระทั่งกระดูกบางชิ้นอาจหัก ผมก็ยังจะทำ”
แต่กูรูลูกหนังต่างเห็นตรงกันว่า ทักษะการเล่นบอลด้วยเท้าทำให้เอแดร์ซอนต่างจากผู้รักษาประตูส่วนใหญ่ นั่นเป็นผลพ่วงจากการเล่นฟุตบอลด้วยเท้าเปล่าที่บ้านเกิดในบราซิล บ่อยครั้งที่ทำให้เล็บเท้าหลุดเพราะเล่นมากเกินพอดี
เอแดร์ซอนกล่าวว่า การเล่นฟุตซอลสมัยเด็กๆช่วยสร้างสไตล์การเล่นเฉพาะตัวของเขาขึ้นมา “ฟุตซอลมีส่วนช่วยเยอะ คุณต้องมีใจเยือกเย็น ตัดสินใจถูกต้อง และเลือกจ่ายบอลสวยๆ เนื่องจากสนามแข่งมีขนาดเล็ก คุณต้องเล่นภายใต้ความกดดันเกือบตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้ผมเป็นนักฟุตบอลอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ช่วยให้ผมสามารถสงบใจให้เยือกเย็นตามธรรมชาติ”
“บางครั้งการได้ยินเสียงแฟนบอลที่ทะลวงลึกลงไปในจิตใจขณะเล่น เพิ่มความเสี่ยงให้อย่างไม่รู้ตัว แต่ผมไม่สามารถเสียสมาธิได้ ผมจำเป็นต้องรักษาความเยือกเย็นเข้าไว้ ซึ่งจะช่วยให้ผมตัดสินใจได้ถูกต้องแม่นยำเมื่อฝ่ายตรงข้ามกำลังเพรสเข้ามา และอีกงานสำคัญของผมคือ มองหาเพื่อนร่วมทีมที่ว่างอยู่”
แม้ไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นบนสังเวียนระดับนานาชาติร่วมกับทีมชาติบราซิลมากนัก แต่ปัจจัยทั้งหมดได้ก่อร่างสร้างตัวตนของเอแดร์ซอนให้เป็นผู้รักษาประตูที่มีแคแรกเตอร์เฉพาะตัวและโดดเด่นคนหนึ่งในโลกกีฬาลูกหนัง
เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)
Senior Football Editor