ในวัย 49 ปี ชาบี อลอนโซ มิดฟิลด์ระดับตำนานทีมชาติสเปน เป็น 1 ในผู้จัดการทีมคลื่นลูกใหม่มาแรงที่สุดในทศวรรษนี้ เพียงปีแรกที่คุมทีมชุดใหญ่เต็มซีซัน สามารถพาไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ซึ่งได้รับฉายาเย้ยหยันว่า Neverkusen ครองแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรเกือบ 120 ปี ล้มบัลลังก์ของบาเยิร์น มิวนิก ที่ครอบครองติดต่อกัน 11 ปี
ทีมของอลอนโซเกือบทำทริปเปิลแชมป์ในฤดูกาลนั้น 2023-24 เมื่อชนะไกเซอร์สเลาเทิร์นในรอบชิงชนะเลิศ เดเอฟเบ โพคาล แต่ได้เพียงรองแชมป์ยูโรปา ลีก เมื่อแพ้อตาลันตา
อลอนโซอำลาเลเวอร์คูเซนหลังจบซีซัน 2024-25 เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเรอัล มาดริด แทนคาร์โล อันเชลอตติ ที่เปลี่ยนงานไปคุมทีมชาติบราซิล โดยเซ็นสัญญา 3 ปี และจะเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2025 พาลูกทีมโลส บลังโกส ร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก “คลับ เวิลด์ คัพ” กลางเดือนที่สหรัฐอเมริกา
ด้วยเหตุนี้ ปรัชญาแนวคิดการทำงานของอลอนโซ อดีตขุนพลแชมป์โลก 2010 และแชมป์ทวีปยุโรป 2 สมัย จึงน่าสนใจอย่างยิ่ง
ทำตัวเหมือนผู้จัดการทีมตั้งแต่เป็นนักเตะ
มีนักฟุตบอลน้อยรายที่มีเอกสารแนะนำตัว CV (Curriculum Vitae) เทียบเท่าอลอนโซ ซึ่งไม่เพียงคว้าความสำเร็จมากมายกับยักษ์แห่งยุโรปอย่างลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิก แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของมิดฟิลด์ในยุคทองทีมชาติสเปนช่วงทศวรรษ 2010
อลอนโซยังอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกุนซือชั้นนำทั้งเป๊ป กวาร์ดิโอลา, อันเชลอตติ, โชเซ มูรินโญ และราฟา เบนิเตซ
เพื่อนนักเตะมีความสุขที่ได้เล่นกับอลอนโซ สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีมลิเวอร์พูล เคยยกย่องอลอนโซเป็นเซ็นทรัลมิดฟิลด์เก่งที่สุดที่ตัวเขาเคยร่วมเล่นด้วย
ข้ามเวลามายังปัจจุบัน ไม่ถึง 3 ปีแรกในชีวิตผู้จัดการทีมชุดใหญ่ ซึ่งเริ่มต้นกับสโมสรแถวหน้าของลีกยุโรปท็อป 5 อลอนโซได้อำลาเลเวอร์คูเซนเพื่อกลับไปต้นสังกัดเก่า และรับงานที่อาจมีความกดดันมากที่สุดในโลก
เรอัล มาดริด อ้าแขนรับอลอนโซจากการพาเลเวอร์คูเซนชนะเลิศบุนเดสลีกา ซีซัน 2023-24 ด้วยสถิติไร้พ่าย (ชนะ 28 นัด เสมอ 6 นัด) ด้วยสไตล์การเล่นที่ตื่นเต้นเร้าใจ มีระดับความเข้มข้นสูง และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ
บอร์ฆา อิเกลเซียส ศูนย์หน้าทีมเรอัล เบตีส ซึ่งถูกเลเวอร์คูเซนยืมตัวในตลาดเดือนมกราคม 2024 กล่าวกับ ESPN ว่า ชาบีเป็นโค้ชยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยร่วมงาน และจากที่นักข่าว ESPN สอบถามความเห็นอดีตนักเตะหลายคนที่เคยร่วมงานกับอลอนโซต่างพูดชื่นชมในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม บางคนไม่แปลกใจที่กุนซือใหม่ป้ายแดงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

ขอบคุณภาพจาก https://www.irishmirror.ie/sport/soccer/soccer-news/xabi-alonso-claims-rafael-benitez-10242865
เมื่อเบนิเตซรับตำแหน่งผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลในฤดูร้อนปี 2004 อลอนโซเป็นผู้เล่นคนแรกที่เขาซื้อเข้ามา จากเรอัล โซเซียดาด ด้วยค่าตัว 10.5 ล้านปอนด์ และเพียง 9 เดือนต่อมา อลอนโซเป็นผู้ทำประตูตีเสมอ 3-3 ในนาทีที่ 60 ก่อนลิเวอร์พูลชนะเอซี มิลาน 3-2 ในการดวลจุดโทษของนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2004-05
ราฟา เบนิเตซ ให้สัมภาษณ์ ESPN ว่า “ปกติแล้วมักจะมีลูกทีมบางคนในทีมที่คุณมองว่าสามารถเป็นโค้ชได้ในอนาคต ด้วยการมองจากทัศนคติและสภาพจิตใจของพวกเขา ชาบีเป็นนักเตะที่ฉลาดคนหนึ่ง เป็นคนประเภทที่คุณรู้สึกว่า เฮ้! นายคนนั้นจะเป็นโค้ชได้แน่ แต่ดีแค่ไหน คงยากที่จะรู้”
ลุยส์ การ์เซีย นักวิเคราะห์เกมของ ESPN ซึ่งย้ายมาค้าแข้งในแอนฟิลด์วันเดียวกับอลอนโซ เล่าว่า “อลอนโซทำตัวเหมือนเป็นผู้จัดการทีมตั้งแต่สมัยเล่นกับลิเวอร์พูล เขาจะบอกให้เพื่อนยืนตำแหน่งที่ถูกต้องและต้องทำอะไร”
“อลอนโซเป็นส่วนขยายของผู้จัดการทีมทั้งหลุยส์ อราโกเนส (ทีมชาติสเปน) และเบนิเตซ เขามักยืนตรงตำแหน่งที่ถูกต้องเสมอ เข้าใจดีว่าโค้ชต้องการอะไร อลอนโซเป็นคนแบบถ้าเป็นโค้ช ต้องทำงานได้ดีแน่ๆ นิสัยของเขาเก่งเรื่องจัดการกับสถานการณ์ สมัยเป็นผู้เล่นเขาสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มาก เรียนรู้จากยอดกัปตันทีมและยอดโค้ช”
เริ่มชีวิตโค้ช 4 ปีแรกในระดับยู14 และทีมสำรอง
หลังแขวนสตั๊ดเมื่อจบซีซัน 2016-17 กับบาเยิร์น อลอนโซไม่ใช้เวลานานเพื่อเบนเข็มทิศสู่อาชีพโค้ช เริ่มจากเข้าคอร์สโค้ชไลเซนส์ เอ และ บี ของยูฟาในเดือนเมษายน 2018 ใช้เวลา 6 เดือนเรียนหลักสูตรเข้มข้นที่สำนักงานใหญ่ของสหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) ร่วมห้องเรียนเดียวกับ ชาบี เอร์นานเดซ ซึ่งต่อมาเป็นผู้จัดการทีมบาร์เซโลนาระหว่างปี 2021–2024 และราอูล กอนซาเล ซึ่งเพิ่งพ้นตำแหน่งผู้จัดการทีมสำรองของเรอัล มาดริด เมื่อพฤษภาคม 2025
ปลายปี 2018 อลอนโซก็รับงานแรก เป็นโค้ชให้ทีมยู14ของเรอัล มาดริด ซึ่งลูกทีม 2 คนจากชุดในซีซัน 2018-19 คือ ฆาโกโบ รามอน และ เชมา อันเดรส ได้รับการโปรโมทขึ้นทีมชุดใหญ่ของมาดริดในฤดูกาล 2024-25 ที่เพิ่งจบลง ขณะที่อเล็กซ์ ฆีเมเนซ ถูกเอซี มิลาน ยืมตัวไปเล่นให้ทีมยู19 ในตลาดซัมเมอร์ปี 2023 มีโอกาสลงสนามเซเรีย อา 3 นัด ทำให้ “รอสโซเนรี” ประทับใจจนใช้ออปชันซื้อขาดคว้าตัวไปเล่นในซีซัน 2024-25 ด้วยค่าตัว 5 ล้านยูโร
การ์เซียพูดถึงอดีตเพื่อนร่วมทีมว่า “สำหรับผมแล้ว นั่นเป็นการก้าวเดินด้วยขั้นตอนที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นบุคลิกของอลอนโซอยู่แล้ว เขาไม่เคยเร่งรัดหรือข้ามขั้นตอนในอาชีพ ผมมั่นใจว่ามีหลายทีมพร้อมรับเขาไปคุมทีม แต่เขาตัดสินใจเลือกทำงานกับอะคาเดมีของมาดริดเป็นอันดับแรก ตามด้วยทีมสำรองของโซเซียดาด (ปี 2019) ซึ่งต่างเป็นทีมที่เขารู้จักดี ทั้งยังควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้ ตัดสินใจว่าควรทำอะไร และสามารถทำผิดพลาดได้”
อลอนโซเริ่มต้นเล่นระดับซีเนียร์กับทีมสำรองของโซเซียดาด (1999–2000) ในลีกเซกุนดา ก่อนเลื่อนขึ้นทีมชุดใหญ่ (2000–2004) ช่วยโซเซียดาดเป็นรองแชมป์ลา ลีกา และย้ายไปเล่นให้ลิเวอร์พูล (2004–2009) ตามด้วยเรอัล มาดริด (2009–2014) และบาเยิร์น (2014–2017)

หลังทำงานในอะคาเดมีของมาดริด อลอนโซจับงานใหญ่ขึ้น คุมทีมสำรองของโซเซียดาดในเดือนมิถุนายน 2019 ซึ่งตอนนั้น อเล็กซ์ เพตซาร์โรมัน แบ็คขวาทีมเดปอร์ติโว ลา คอรุนญา สโมสรในเซกุนดาปัจจุบัน อยู่ในทีมแล้ว
“อลอนโซเป็นไอดอลเสมอที่ลา เรอัล” เพตซาร์โรมันรำลึกอดีต “ความรู้สึกแรกของผมคือ ว้าว! เรามีโค้ชเป็นอดีตแชมป์โลกและได้แชมป์หลายรายการ ก็มีบางคนกังวลเหมือนกันว่าเขาเป็นคนแบบไหน แต่พอทำงานด้วยกันจริงๆ ทุกอย่างก็ง่ายมาก”
ที่สเปน ทีมสำรองลงแข่งในโครงสร้างลีกเดียวกับทีมชุดใหญ่ เพียงแต่ไม่สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นลีกเดียวกัน โดยซีซันแรกของอลอนโซ “ซานเซ” (Sanse) จบที่อันดับ 5 ของเซกุนดา ดิวิชัน บี แต่ซีซันต่อมา 2020-21 ซานเซคว้าแชมป์และถูกโปรโมทคืนสู่เซกุนดาหรือลีกเทียร์ 2 ของสเปนเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี และยังเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรด้วย
เพตซาร์โรมัน ซึ่งเป็นกัปตันทีมซานเซขณะนั้น กล่าวด้วยว่า “อลอนโซใกล้ชิดกับนักเตะ เป็นคนที่เข้าถึงง่าย ทุกคนต่างพูดถึงเขาในทางที่ดี ผมยังจำวันเก่าๆตอนเลื่อนดิวิชันได้ มีอารมณ์ร่วมมากมาย”
“ก่อนหน้าปีนั้นผมเอ็นไขว้หัวเข่าฉีก แต่อลอนโซเป็นโค้ชที่ดึงศักยภาพสูงสุดและฟอร์มดีที่สุดของผมออกมา บทสนทนาระหว่างเราในสนามหลังจากได้สิทธิเลื่อนชั้น ยังคงอยู่กับผมจนถึงทุกวันนี้”
แบ็คขวาทีมลา คอรุนญา ระบุว่า อลอนโซแสดงปรัชญาการเป็นโค้ชออกมาตั้งแต่ตอนนั้น “ทีมของอลอนโซต้องการบอลและเล่นไดเรคด้วย ทีมต้องเข้าเพรสทันทีที่เสียบอลด้วยความเข้มข้น นั่นคือสิ่งที่เขาบอกพวกเราบ่อยมากที่สุด เขามีไอเดียมากมายในหัว ต้องการให้ทีมเล่นอย่างไร โดยมีรูปแบบหลากหลาย แต่หลักการสำคัญที่สุดคือเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น”
ไม่แปลกใจเลยที่เพตซาร์โรมันพูดเช่นนั้น เพราะเป็นสิ่งที่คาดหวังได้จากนักเตะที่เรียนรู้วิชาโค้ชจากกวาร์ดิโอลา, มูรินโญ และอันเชลอตติ ซึ่งปรากฏให้เห็นคนละนิดคือ แทคติกที่ยืดหยุ่น ความละเอียดถี่ถ้วน และการบังคับบัญชา แต่ยังเป็นผู้จัดการทีมที่มีความคิดเฉียบแหลมและไม่โอ้อวด”
“เราคุยกันในวันหนึ่ง อลอนโซบอกว่าวิธีที่ผมฝึกซ้อมยังไม่ดีพอ ผมจำเป็นต้องซ้อมทุกวันให้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เพื่อไปถึงจุดสูงสุด เขาบอกว่าผมมีศักยภาพมาก แต่วิธีฝึกซ้อมไม่ได้ดึงมันออกมาทั้งหมด ซึ่งเป็นคำพูดที่ผุดขึ้นมาในหัวผมบ่อยครั้ง ผมจึงเปลี่ยนวิธีซ้อม ไม่ทำอะไรสบายๆหรือผ่อนคลาย ผมเริ่มทุ่มเทให้กับมันมากขึ้น” เพตซาร์โรมันเปิดใจถึงคำพูดของอลอนโซนที่เค้นศักยภาพสูงสุดออกมาจากตัวเขา
ทีมสำรองของโซเซียดาดตกไปอยู่ดิวิชัน บี ในซีซันต่อมา 2021-11 แต่ไม่มีใครตำหนิหรือโยนความผิดให้อลอนโซ ซึ่งทุกคนรับรู้ถึงสไตล์คุมทีมที่เหมือนเงาสะท้อนสถานภาพนักเตะของเขาคือ เทคนิคที่ดึงดูดสายตา และเน้นแทคติก
หลังจาก 3 ปีที่กลับมาใช้ชีวิตในซาน เซบาสเตียน เป็นเวลาที่อลอนโซต้องก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
เปลี่ยน Neverkusen เป็นแชมป์บุนเดสลีกาไร้พ่าย
เลเวอร์คูเซนเป็นหนึ่งในสโมสรต้นแบบ ผลิตนักเตะดีๆออกมาต่อเนื่องและมักมีฤดูกาลที่ดีเสมอ แต่ไม่เคยสัมผัสช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ ในประวัติศาสตร์กว่า 1 ศตวรรษก่อนมาของอลอนโซ ถ้วยรางวัลที่ Neverkusen ได้สัมผัสมีเพียง เดเอฟเบ โพคาล 1993 และยูฟา คัพ 1988 โดยช่วงพีคสุดคือระหว่างปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้น 2010 เคยเป็นรองแชมป์บุนเดสลีกา 5 สมัย และอันดับ 2 แชมเปียนส์ ลีก 2002
นั่นหมายถึง อลอนโซใช้เวลาแค่ 1 ปีครึ่งในการล้างสมญานาม Neverkusen

ขอบคุณภาพจาก https://www.getfootballnewsgermany.com/2024/xabi-alonso-comments-on-what-it-means-to-win-the-bundesliga/
บิล คอนเนลลีย์ นักข่าวอีกคนหนึ่งของ ESPN เล่าว่า อลอนโซใช้เวลาไม่นานพาเลเวอร์คูเซนพ้นโซนตกชั้นหลังรับตำแหน่งเมื่อตุลาคม 2022 ก่อนสร้างลายเซ็นให้กับสไตล์ฟุตบอล แต่ยังเก็บแนวคิดแทคติกที่ซับซ้อนเอาไว้ใช้ในพรีซีซันในปี 2023 วางแผนซ้อมพิเศษเพื่อสร้างระบบการเล่นที่เน้นการครองบอล (possession-based system) ซึ่งนำไปสู่ดับเบิลแชมป์เมื่อจบซีซัน 2023-24 คือบุนเดสลีกาไร้พ่ายและเดเอฟเบ โพคาล ทั้งยังเป็นรองแชมป์ยูโรปา ลีก
ปีต่อมา อลอนโซไม่สามารถรักษาผลงานระดับนั้นได้ก็ตาม เสียถาดแชมป์กลับไปให้บาเยิร์น, แพ้อาร์มิเนีย บีเลเฟลด์ รอบตัดเชือกถ้วยเยอรมัน และตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปียนส์ ลีก ด้วยน้ำมือบาเยิร์น
คอนเนลลีย์อธิบายรูปแบบการเล่นของเลเวอร์คูเซนว่า อลอนโซวางหลักการบางอย่างที่ไม่สามารถต่อรองได้ ทุกคนไม่เคยเห็น Die Werkself จ่ายบอลยาวอย่างรีบเร่ง แต่ยังมีความยืดหยุ่นของแทคติก ทีมจบเกมด้วยการครองบอลต่ำกว่า 50% ประมาณ 20% ของโปรแกรมแข่ง และครองบอลมากกว่า 65% ราว 32% ของทั้งหมด
เลเวอร์คูเซนยุคอลอนโซทำแต้มเฉลี่ย 2.19 คะแนนต่อนัดเมื่อครองบอลน้อยกว่า 50% และนัดละ 2.15 คะแนนเมื่อครองบอลเหนือ 50% นั่นหมายถึง possession-based system ของทีมมีประสิทธิภาพสูง ทั้งที่ทีมสามารถเคาน์เตอร์แอทแทคได้แต่กลับไม่ทำ พร้อมอาจสร้างแรงกดดันฝ่ายตรงข้ามด้วย counter-pressing และ high defensive line แต่กลับทำเช่นนั้นเฉพาะเมื่อมีโอกาสเท่านั้น
แต่คอนเนลลีย์ชี้ว่า บางทีความยืดหยุ่นทางแทคติกอาจส่งผลเสียได้เช่นกัน อลอนโซคิดมากกับการจัดตัวผู้เล่น่ในบางครั้ง เช่นเปลี่ยนแผนจากหลัง 3 เป็นหลัง 4 ในเกมกับบาเยิร์นและบอลยุโรปหลายนัด ซึ่งให้ผลลัพธ์ต่างกันไป และหากแผน เอ ไม่ทำงาน เลเวอร์คูเซนจะหันไปพึ่งพาการเล่นที่ดุเดือดเข้มข้นเสมอ โดยทีมของอลอนโซมีผลต่างประตู +32 ตั้งแต่นาทีที่ 80ขึ้นไป รวมถึงประตูได้ 34 และเสีย 5 รวมทุกรายการในซีซัน 2023-24 และยังรักษาสถิติไร้พ่ายได้สำเร็จแม้โดนคู่แข่งรุกกระหน่ำช่วงทดเวลาเจ็บ นั่นแสดงถึงโปรแกรมฝึกซ้อมสร้างความฟิตของทีมงานมีผลอย่างมากในการต่อสู้ท้ายเกม ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นของลูกทีมที่มีต่อโค้ชที่ผลักดันให้ทีมผ่านพ้นวิกฤติของเกมไปได้
การเสริมนักเตะเป็นอีกปัจจัยสำคัญ อลอนโซเซ็นสัญญากับกรานิต ชากาในปี 2023 เพื่อมาเป็นเจ้าทัพในแดนกลาง ด้วยประสบการณ์ของอดีตกัปตันทีมอาร์เซนอล พร้อมการสนับสนุนจากคู่ปราการหลังที่แข็งแกร่ง อย่างโจนาธาน ทาห์ และเอ็ดมอนด์ แท็ปโซบา บวกกับตัวรุก วิคเตอร์ โบนิเฟซ, เฌเรมี ฟริมปง และฟลอเรียน เวิร์ตซ์ จนดูเหมือนอลอนโซมีทรัพยากรบุคคลที่เข้าได้สมบูรณ์แบบกับวิสัยทัศน์ของตนเอง เนื่องจากก่อนการมาของกุนซือวัย 49 จากสเปน ฟริมปงและ อเลฆานโดร กริมัลโด วิงแบ็ค 2 ฝั่ง ไม่เคยสร้างผลงานได้ระดับนั้นให้กับเลเวอร์คูเซนเลย ขณะที่เวิร์ตซ์ก็มีพัฒนาการรุดหน้าเมื่อได้ทำงานร่วมกับอลอนโซ
เลเวอร์คูเซนฝากอนาคตในมือผู้จัดการทีมรุกกี
อลอนโซเป็นนักเตะเวิลด์คลาสอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่ได้หมายความจะเป็นผู้จัดการทีมที่ดี ทำไมเลเวอร์คูเซนกล้าเสี่ยงกับอลอนโซ ซึ่งมีประสบการณ์โค้ชเพียง 4 ปี แถมเป็นเพียงทีมยู14 และทีมสำรอง
ขณะเซ็นสัญญาอลอนโซ เลเวอร์คูเซนอยู่อันดับ 17 ของตารางลีกเมืองเบียร์ ซีซัน 2022-23 แต่ไซมอน โรล์ฟส์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการของสโมสร ดูเหมือนตระหนักว่าได้พบคนที่มีจิตวิญญาณเหมือนกัน

โรล์ฟส์ให้สัมภาษณ์ ESPN เมื่อปีที่แล้วว่า “สโมสรมีข้อมูลที่ดีอยู่แล้ว มีการวิเคราะห์ว่าเขาเล่นอย่างไร ทำฟุตบอลสไตล์ไหน สามารถคาดหวังอะไรได้บ้าง เหมาะกับนักเตะของเราหรือเปล่า บุคลิกภาพส่วนบุคคล เขาเป็นคนอย่างไร และการสนทนาส่วนตัวระหว่างเราก็ยืนยันเรื่องนี้”
“อลอนโซสามารถได้ประสบการณ์ที่นี่ เราในฐานะสโมสรสามารถสนับสนุนเขาได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เราเป็นสโมสรที่ดีและมั่นคง เรามีทีมงานโค้ชที่ดี ซึ่งสามารถช่วยเหลือเขาได้ ส่วนผม ด้วยสถานภาพตามตำแหน่ง ผมต้องให้การสนับสนุนเขาอยู่แล้ว”
ขณะที่คนอื่นๆในสโมสรต่างเชื่อมั่นเช่นกันว่า ออราที่ออกมาจากอลอนโซและประสบการณ์ในฐานะนักเตะ รวมถึงการเป็นกองกลางที่เฉลียวฉลาดมาก และรู้จักการเล่นในตำแหน่งต่างๆ ทำให้อลอนโซเป็นตัวเลือกสมบูรณ์แบบสำหรับเลเวอร์คูเซน แม้เพิ่งเป็นการก้าวขึ้นอีกระดับหนึ่งของอาชีพโค้ช
เฟอร์นันโด คาร์โร ซีอีโอของเลเวอร์คูเซน กล่าวกับ ESPN เมื่อปีที่แล้วเช่นกันว่า “ไซมอนและชาบีมีมุมมองฟุตบอลคล้ายกัน คือต้องการเป็นฝ่ายคอนโทรลเกม ทั้งคู่เป็นมิดฟิลด์ที่เล่นตำแหน่งเดียวกัน สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อมั่นคือ ทักษะการวิเคราะห์ของชาบี วิธีที่เขาวิเคราะห์สถานการณ์ สิ่งที่เขาคิดว่ามีความจำเป็น สิ่งที่เขาเรียนรู้จากโค้ชคนอื่นๆที่แตกต่างกัน ผมพอใจที่ชาบีเป็นคนฝักใฝ่เรียนรู้เสมอ และความสามารถของเขาในการนำประสบการณ์นักฟุตบอลมาใช้กับบทบาทโค้ช เขาทั้งฉลาด ใจเย็น และทะเยอทะยาน”
เพราะความทะเยอะทะยานนำพาอลอนโซก้าวขึ้นในระดับที่สูงขึ้นกับเรอัล มาดริด ซึ่งไม่ใช่เพียงเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ ขณะที่เลเวอร์คูเซนเป็นทีมชั้นนำที่กระหายความสำเร็จ แต่ “โลส บลังโกส” คาดหวังความสำเร็จตลอดเวลา “ถ้าทีมไม่ชนะ คุณต้องไป ไม่ว่าเป็นใคร” อลอนโซเป็นอดีตนักเตะมาดริดคนที่ 7 ที่รับตำแหน่งใหญ่ในเบร์นาเบว และซีเนอดีน ซีดาน เป็นคนเดียวที่คุมทีมนานกว่า 1 ปีครึ่ง
อลอนโซเปิดใจขณะคุมทีมเลเวอร์คูเซนว่า “สิ่งที่เป็นกุญแจดอกสำคัญสำหรับผมที่เยอรมนีคือนักฟุตบอล ผมได้รับความเชื่อมั่นจากพวกเขา พวกเขามอบสิทธิพิเศษให้ผม ‘ใช่ เราต้องการเดินตามคุณ’ พวกเขาต่างมั่นใจว่า ‘ใช่ มันจะได้ผล’ พวกเขาเดินตามด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังทำ”
แต่กับมาดริด ทีมที่อุดมไปด้วยดาวเตะฝีเท้าดีที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง เช่นเดียวกับประธานสโมสรผู้แข็งกร้าว อลอนโซจะได้รับอิสระและมีลูกทีมที่ศรัทธาและยอมทำตามอย่างที่เลเวอร์คูเซนหรือไม่
แต่มองโลกแง่ดี อลอนโซมีประสบการณ์ที่มาดริดทั้งฐานะผู้เล่นและโค้ช ย่อมรู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไร และต้องทำอะไร เมื่อบวกกับบุคลิกที่มั่นใจในตัวเองกับตัวอย่างที่ผ่านมา บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า อลอนโซเป็นโค้ชที่มีศักยภาพสูงแม้ระยะเวลาทำทีมยังไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม คอนเนลลีย์มองว่า ความยืดหยุ่นทางแทคติกยังเป็นเรื่องยากสำหรับอลอนโซในมาดริดเมื่อเทียบกับเลเวอร์คูเซน เพราะมีแนวรุกระดับบัลลงดอร์ถึง 3 คนคือ คีลิยัน เอ็มบัปเป, วินีซิอุส จูเนียร์ และจูด เบลลิ่งแฮม
นั่นหมายถึงอลอนโซยังมีเรื่องต้องแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาพอสมควร แม้กระทั่งอันเชลอตติยังยอมรับหลังประกาศอำลาตำแหน่งหลังจบซีซัน 2024-25 ว่า ตัวเขาไม่สามารถจัดทีมนี้ให้มีประสิทธิภาพได้ ปัญหาอยู่ที่การจัดสมดุล ซึ่งอเล็กซ์ เคิร์กแลนด์ ผู้สื่อข่าว ESPN มองว่าเป็นการหาวิธีใส่เอ็มบัปเปให้ลงตัวในทีมที่มีวินีซิอุส, เบลลิ่งแฮม และโรดรีโกอยู่แล้ว โดยไม่ส่งผลเสียหายต่อความสมบูรณ์ของระบบเกมรับ

ขอบคุณภาพจาก https://www.sportscasting.com/uk/news/real-madrid-vincius-kylian-mbappe-relationship/
เคิร์กแลนด์ยังชี้ถึงงานท้าทายใหญ่ที่สุดสำหรับอลอนโซอาจเป็นการหาจุดลงตัวระหว่างเอ็มบัปเปและวินีซิอุส ซึ่งต่างชอบเล่นฝั่งซ้ายของแนวรุก ทั้งสองต้องร่วมกันทำหน้าที่ฟรอนท์ทูอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีสัญญาณดีจากแฮททริกของเอ็มบัปเปในแมตช์แพ้บาร์ซา 3-4 (11 พ.ค.2025) รวมถึง 2 แอสซิสต์จากวินีซิอุส แต่ยังมีปัญหาสำคัญอยู่ที่การทำงานนอกบอลของทั้งสอง ซึ่งโดนวิจารณ์ว่าเป็นนักเตะเอาท์ฟิลด์ 2 คนที่ใช้เวลามากที่สุดไปกับการเดินไปเดินมาบนสนามลาลีกาฤดูกาลนี้
แต่แฟนบอลไม่ต้องรอให้ถึงเกมอุ่นเครื่องพรีซีซันหรือฤดูกาลหน้าเปิดฉาก เพื่อจะได้เห็นว่าอลอนโซจะนำมาดริดไปสู่สไตล์การเล่นรูปแบบไหน เพราะ “โลส บลังโกส” มีคิวลงแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลกที่สหรัฐอเมริกา โดยอยู่กลุ่ม เอช ของกรุ๊ปสเตจ พบกับอัล ฮิลาล, ปาชูกา (เม็กซิโก) และเรดบูล ซัลซ์บวร์ก ซึ่งหากมาดริดยืนอันดับ 1 ของกลุ่ม จะผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย พบกับอันดับ 2 ของกลุ่ม จี ซึ่งมีแมนฯซิตี, ยูเวนตุส, วีแดด เอซี (โมร็อกโก) และ อัล ไอน์ (ยูเออี)
เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)

Senior Football Editor