ตลาดนักเตะฤดูหนาวปี 2023 เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา แมนฯยูไนเต็ด เซ็นสัญญายืมเวาท์ เว็กฮอร์สต์ ศูนย์หน้าดัตช์หุ่นเสาโทรเลขจากเบิร์นลีย์เพื่อใช้งานครึ่งหลังของซีซัน ทดแทนการเสียคริสเตียโน โรนัลโด แต่หลายคนในวงการรวมถึงมาร์โก ฟาน บาสเทน และเวสลีย์ สไนจ์เดอร์ สองตำนานทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ให้ข้อสังเกตว่าท้ายสุดแล้วดีลนี้ไม่น่าจะเวิร์ก
เว็กฮอร์สต์มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองบนสังเวียนพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่สองหลังล้มเหลวกับเบิร์นลีย์ในครึ่งหลังของฤดู 2021-22 หลังย้ายมาจากโวลฟ์สบวร์กในเดือนมกราคม 2022 เขาทำได้แค่ 2 ประตูจาก 20 นัด เดอะ คลาเรตส์ หล่นลงไปเล่นแชมเปียนชิพและปล่อยให้เบซิคตัสยืมตัวหนึ่งซีซันก่อนยกเลิกสัญญาเมื่อแมนฯยูไนเต็ดยื่นข้อเสนอเข้ามา
เว็กฮอร์สต์สร้างผลงานได้ดีในลีกตุรกี ทำ 8 ประตู 4 แอสซิสต์จาก 16 นัด ส่วนบอลถ้วยเล่น 2 นัด 1 ประตู แต่สำหรับพรีเมียร์ลีก ศูนย์หน้าส่วนสูง 197 เซนติเมตร ยังถูกตั้งเครื่องหมายคำถาม
เว็กฮอร์สต์เล่นบอลลีกให้แมนฯยูไนเต็ดไปแล้วสองนัดในฐานะตัวจริง เริ่มจากแมตช์เสมอคริสตัล พาเลซ 1-1 แม้เอริก เทน ฮาก เปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 69 แต่เว็กฮอร์สต์ยังได้รับคำชมจากกุนซือชาติเดียวกันในเรื่องประสานงานกับบรูโน แฟร์นานเดส ซึ่งเล่นตำแหน่งเบอร์ 10 และช่วยดึงกองหลังคู่แข่งให้หลุดตำแหน่ง
ส่วนบิ๊กแมตช์ที่แพ้อาร์เซนอล 2-3 เว็กฮอร์สต์ได้เล่นครบ 90 นาที แม้สัมผัสบอลในเขตโทษอาร์เซนอลแค่สองครั้ง และไม่มีโอกาสส่องลุ้นสกอร์เลย แต่ยังมีส่วนร่วมในเกมด้านอื่น ลงมาเชื่อมเกมแดนกลางและช่วยเกมรับ จ่ายบอล 22 ครั้ง คอมพลีท 63.6% สัมผัสบอล 22 ครั้ง แท็คเกิล 2 ครั้ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เว็กฮอร์สต์โดนสบประมาทไม่เชื่อมั่นในฝีเท้าเพราะศูนย์หน้าดัตช์วัย 30 ปี ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองเกือบตลอดอาชีพค้าแข้ง ซึ่งความจริงแล้วย้อนกลับไปสมัยเป็นนักเตะเยาวชนด้วยซ้ำ
ถูกหยามฝีเท้าไม่มีทางได้เล่นฟุตบอลระดับอาชีพ
สองวันหลังเนเธอร์แลนด์แพ้อาร์เจนตินาและตกรอบแปดทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกที่กาตาร์ เว็กฮอร์สต์ ซึ่งนัดนั้นลงสำรองทำสองประตู เดินทางกลับบ้านเกิดที่ Borne เมืองเล็กๆทางตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ใกล้ชายแดนเยอรมนี เพื่อดูพี่ชาย ทเวน เว็กฮอร์สต์ ลงเตะให้ทีมสมัครเล่น RKSV NEO ซึ่งเป็นสโมสรแรกของเว็กฮอร์ตส์ ตอนนี้ทีมอยู่ในดิวิชั่น 5 ของฟุตบอลเมืองกังหันลม เขายังติดตามและสนับสนุนทีมเก่าในวัยเด็ก
เว็กฮอร์สต์เกิดวันที่ 7 สิงหาคม 1992 เริ่มเล่นฟุตบอลเยาวชนกับทีมท้องถิ่น RKSV NEO และ DETO Twenterand ก่อนย้ายไปอยู่สโมสรอาชีพ วิลเลม ทเว ในปี 2011 แต่ทำได้ดีที่สุดเพียงเล่นให้ทีมสำรองจนกระทั่งปีต่อมา เว็กฮอร์สต์เซ็นสัญญากับเอ็มเมินในดิวิชั่น 2 และได้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกตอนอายุ 20 ปี ซึ่งถือว่าช้าเมื่อเทียบกับนักเตะที่ไปได้ไกลถึงตัวทีมชาติ
จีราร์ด โบส อดีตหัวหน้าโค้ชของ NEO พูดถึงเว็กฮอร์สต์ตอนเป็นวัยรุ่นว่า “คุณคงไม่คิดหรอกว่าเวาท์ เว็กฮอร์สต์ จะได้เล่นฟุตบอลอาชีพ แต่เขาเชื่อมั่นในตัวเองเสมอและพร้อมทุ่มเททำงานหนัก เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่มีเทคนิคอะไร แมวมองมักมองข้ามเขาเสมอ แต่ถึงเป็นแบบนั้น แต่เขายังก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ทำให้คนที่เคลือบแคลงสงสัยเขารู้สึกฉงน”
โบสยังย้อนถึงเมื่อครั้งเว็กฮอร์สต์ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ NEO รุ่นอายุ 15 ปีว่า “เขาเป็นตัวแสบของฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่ชอบเขา แต่นั่นแหละเขาสมัยวัยรุ่น เวาท์มีแรงขับเพื่อประสบความสำเร็จในกีฬาฟุตบอลเสมอ แม้บางเรื่องที่เขาทำจะสร้างความหงุดหงิดให้คนอื่น เขาเป็นคนหยิ่งยะโสในสนาม แต่ก็เฉพาะตอนเล่นฟุตบอลเท่านั้น เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนอกสนาม”
เยอร์เกน บรูกเกมาน เทรนเนอร์ที่สอนผู้เล่นเยาวชนระดับ C1 (อายุต่ำกว่า 15 ปี) และ D1 (อายุต่ำกว่า 13 ปี) เป็นอีกคนที่เคยทำงานกับเว็กฮอร์สต์สมัยนั้น “ผมจำได้ในการเดินทางไปต่างประเทศครั้งหนึ่ง ผู้เล่นบางคนฉวยโอกาสหนีไปข้างนอกตอนกลางคืน แต่เวาท์ยอมรับอะไรแบบนั้นไม่ได้”
พออายุ 19 ปี เว็กฮอร์สต์ย้ายไปอยู่ DETO Twenterand ก่อนเข้าร่วมระบบอะคาเดมีของวิลเลม ทเว (2011-2012) และเอ็มเมิน (2012-2014) ตามด้วย เฮราเคิลส์ อัลมีโร (2014-2016) และอาแซด อัลค์มาร์ (2016-2018) จนกระทั่งออกไปค้าแข้งนอกเนเธอร์แลนด์เป็นครั้งแรก เซ็นสัญญาสี่ปีกับโวลฟ์สบวร์กในเดือนมิถุนายน 2018 เขาจบซีซั่นแรกด้วยสถิติ 34 นัด 17 ประตู ครองอันดับ 3 (ร่วม) บนตารางดาวซัลโวบุนเดสลีกาฤดูกาล 2018-19 ซึ่งต้องบันทึกด้วยว่าเมื่อวันที่ 16มีนาคม 2019 ในเกมลีกที่โวลฟ์สบวร์กชนะฟอร์ตูนา ดุสเซลดอร์ฟ 5-2 เว็กฮอร์ตส์ทำแฮททริกได้
เว็กฮอร์ตส์ค้าแข้งในลีกเมืองเบียร์สามซีซั่นครึ่ง ลงสนามรวมทุกรายการ 144 นัด ทำ 70 ประตูให้กับโวลฟ์สบวร์ก ก่อนย้ายไปสวมเสื้อเบิร์นลีย์
เมินคำสบประมาท ทุ่มเทเกินร้อยพุ่งชนเป้าหมาย
เยอรูน เวลด์มาเต อดีตเพื่อนร่วมทีมที่เฮราเคิลส์ อัลมีโร เป็นอีกคนที่ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะลบคำสบประมาทของคนรอบตัว “ผมยังจำการซ้อมครั้งหนึ่งได้ เราอยู่ฝ่ายตรงข้างกัน เขาพูดกับผมว่า ‘นี่นายรับมือกับเกมระดับนี้ไม่ได้เหรอ’ เฮ้ย! เขาเพิ่งมาจากสโมสรดิวิชั่น 2 และนั่งเก้าอี้สำรองด้วย แต่เวาท์มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองในระดับที่ไม่ธรรมดาเลย เขามักถามเทรนเนอร์ว่ามีแผนอะไรบ้างที่จะช่วยให้เขาเก่งขึ้น เขาไม่เคยกลัวอะไร ตรงนี้แหละที่ผมนับถือเวาท์จริงๆ”
วันที่ 13 กันยายน 2014 เว็กฮอร์สต์ทำประตูแรกในเกมเอเรอดีวีซีได้สำเร็จ แม้เฮราเคิลส์เป็นฝ่ายแพ้อาแจ็กซ์ 1-2 แต่ถือว่าเว็กฮอร์สต์บรรลุความฝันที่ขึ้นชื่อบนสกอร์บอร์ดในลีกสูงสุดประเทศเนเธอร์แลนด์
สองปีต่อมา เว็กฮอร์สต์ย้ายไปอยู่กับอาแซด อัลค์มาร์ ด้วยค่าตัวราว 1.5 ล้านยูโร และเขายังเป็นคนเดิม หนึ่งในเรื่องที่ถูกเล่าขานในสโมสรคือ เว็กฮอร์สต์ไม่ยอมออกจากสนามซ้อมหากไม่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองแม้นั่นหมายถึงเคี่ยวตัวเองถึงขั้นอาเจียนก็ตาม “จากชีวิตที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้ว่า ต้องทำงานหนักมากๆเท่านั้นเพื่อจะได้สิ่งที่ต้องการ” เว็กฮอร์สต์เคยให้สัมภาษณ์กับอีเอสพีเอ็น
สองปีต่อมา เว็กฮอร์สต์ย้ายไปอยู่กับอาแซด อัลค์มาร์ ด้วยค่าตัวราว 1.5 ล้านยูโร และเขายังเป็นคนเดิม หนึ่งในเรื่องที่ถูกเล่าขานในสโมสรคือ เว็กฮอร์สต์ไม่ยอมออกจากสนามซ้อมหากไม่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองแม้นั่นหมายถึงเคี่ยวตัวเองถึงขั้นอาเจียนก็ตาม “จากชีวิตที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้ว่า ต้องทำงานหนักมากๆเท่านั้นเพื่อจะได้สิ่งที่ต้องการ” เว็กฮอร์สต์เคยให้สัมภาษณ์กับอีเอสพีเอ็น
เว็กฮอร์สต์ได้เล่นทีมชาติในยุคโรนัลด์ คูมัน เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2018 ขณะอายุ 25 ปี 7 เดือน 16 วัน เป็นแมตช์อุ่นเครื่อง เนเธอร์แลนด์แพ้อังกฤษ 0-1 แม้เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนปราการหลัง สเตฟาน เดอ ฟรีจ์ ในนาทีที่ 89 สามเดือนต่อมาเขาย้ายจากอาแซดไปโวลฟ์สบวร์กด้วยค่าตัว 10.5 ล้านยูโร ซึ่งเงินส่วนหนึ่งไหลเข้าคลังของทีม NEO ตามสัญญาที่เคยเซ็นไว้ และเมื่อบวกกับส่วนแบ่งจากค่าตัว 14 ล้านปอนด์ที่โวลฟ์สบวร์กได้รับจากเบิร์นลีย์ ทำให้ NEO ได้เงินก้อนโตนำไปติดตั้งแผงโซลาร์และระบบไฟแอลอีดี รวมถึงปรับปรุงโรงอาหาร
เส้นทางฟุตบอลอาชีพของเว็กฮอร์สต์ดูเหมือนดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ความล้มเหลวที่เบิร์นลีย์ทำให้เขาถูกตั้งข้อสงสัยว่าฝีเท้าดีพอสำหรับพรีเมียร์ลีกหรือไม่ โดยเฉพาะกับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งสองตำนานกองหน้ารุ่นพี่ร่วมชาติ รุด ฟาน นิสเตอรอย และโรบิน ฟาน เพอร์ซี เคยตั้งมาตรฐานไว้
ราล์ฟ พี่ชายอีกคนหนึ่งของเว็กฮอร์สต์ ให้สัมภาษณ์กับอีเอสพีเอ็นว่า “พวกเราภูมิใจในตัวเวาท์มาก นี่จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาต้องพลักดันตัวเองให้ขึ้นไปทะลุเพดาน แน่นอนเขาต้องพยายามหยุดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง เวาท์แค่ทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ”
ลูกเศรษฐีธุรกิจน้ำมันที่พ่อแม่ไม่ยอมให้ยึดอาชีพนักฟุตบอล
ไม่เพียงต้องต่อสู้กว่าสิบปีเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ หากย้อนไปสมัยเด็ก เว็กฮอร์สต์ยังต้องต่อสู้กับความคิดของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกชายคนที่สามของครอบครัวทำอาชีพอะไรที่ดูมั่นคงกว่านักฟุตบอล
เว็กฮอร์สต์มีพี่ชายสองคนคือ ทเวนกับราล์ฟ และมีน้องชายหนึ่งคนคือ เนียค ทั้งสี่เป็นลูกของฟรานส์ (พ่อ) และแอสตริด (แม่) ที่มีฐานะร่ำรวยจากธุรกิจน้ำมันและแก๊สทั้งขายส่งขายปลีกโดยตัวเลขเมื่อปี 2021 บริษัท Avia ของครอบครัวเว็กฮอร์สต์มีปั้มน้ำมันราว 130 แห่งในเนเธอร์แลนด์
ก่อนเข้าเรียนระดับปริญญาตรี เว็กฮอร์สต์ทำให้พ่อแม่มึนงงระคนเป็นห่วงเมื่อบอกว่าอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แน่นอนฟรานส์และแอสตริดขอให้เขาทบทวนหรือมองอาชีพอื่นเหมือนทเวนที่ต้องการเป็นนักบินและราล์ฟเป็นสถาปนิก ขณะที่เนียค ต่อมาเลือกเรียนเพื่อสืบทอดธุรกิจของครอบครัว
เว็กฮอร์สต์ยืนกรานหนักแน่นที่จะเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพ แต่ให้คำมั่นกับพ่อแม่ว่าไม่ทิ้งเรื่องเรียน ซึ่งเขาทำตามสัญญา คว้าปริญญาตรีมาได้สองใบ ส่วนเส้นทางของกีฬาลูกหนังนั้น เว็กฮอร์สต์เริ่มต้นกับสโมสร NEO ด้วยทักษะความสามารถที่อยู่ลำดับท้ายๆของเพื่อนร่วมรุ่น แต่เขายังเชื่อมั่นว่าตนเองต้องทำความฝันได้สำเร็จ ว่ากันว่าเขาเหมือนเดนเซล ดุมฟรีย์ส สมัยวัยรุ่น ทั้งสองมีความมุ่งมั่นปรารถนาสูงแต่ไร้ซึ่งฝีเท้า
เว็กฮอร์สต์ดูเหมือนเป็นนักเตะไม่มีอนาคตทั้งที่ NEO, DETO และอะคาเดมีของวิลเลม ทเว ซึ่งบังเอิญแม่ของเขาเป็นเพื่อนกับภรรยาของเยน ฟาน เอช ผู้อำนวยการสโมสรในขณะนั้น ท้ายที่สุด ฟาน เอข ได้ส่งแมวมองไปดูการเล่นของเว็กฮอร์สต์ ซึ่งสร้างความประทับใจและได้ร่วมทีมวิลเลม ทเว ในเอเรอดีวีซี แต่ไม่สามารถไต่เต้าจนเล่นให้ทีมชุดใหญ่ก่อนถูกขายให้เอ็มเมินในดิวิชั่น 2 ซึ่งเขามีโอกาสเล่นเกมระดับซีเนียร์เป็นครั้งแรก
เว็กฮอร์สต์กล่าวถึงช่วงชีวิตหัวเลี้ยวหัวต่อว่า “เป้าหมายของผมคือ พลักดันตัวเองอย่างหนักเพื่อเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย แต่ผมไม่เคยคิดว่าตนเองจะทำไม่ได้ พ่อแม่มักพูดว่า ลูกควรมองหาอะไรทำแทนถ้ามันไม่เป็นไปตามเป้า แต่ผมตอบกลับไปเสมอ ไม่ครับ ผมทำได้แน่และจะเป็นนักเตะอาชีพที่ดีด้วย”
แม้กระทั่งช่วงค้าแข้งกับอาแซด อัลค์มาร์ เว็กฮอร์สต์ก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลเพราะสไตล์การเล่นที่ดุดันและอาศัยพละกำลังไม่ใช่กองหน้าแบบที่พวกเขาต้องการคือผู้เล่นที่คล่องแคล่วรวดเร็วและมีลูกเล่นอย่างเดนนิส เบิร์กแคมป์ แม้ระหว่างปี 2016-2018 เว็กฮอร์สต์จะทำ 31 ประตูจาก 60 นัดบอลลีกให้อาแซดก็ตาม
ชีวิตถัดจากนั้นของเว็กฮอร์สต์ยังถูกตั้งคำถามเป็นระยะๆตามผลงานกับสโมสร … ที่โวลฟ์สบวร์ก ดี, ที่เบิร์นลีย์ แย่, ที่เบซิคตัส ดี และล่าสุด แมนฯยูไนเต็ด ยังไม่มีคำตอบ
ฟาน นิสเตอรอย ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมของพีเอสวี ไอน์ดโฮเฟน เป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในตัวเว็กฮอร์สต์ “ผมคิดว่า เวาท์เพียบพร้อมทั้งบุคลิกภาพและคุณภาพมากพอสำหรับยูไนเต็ด ผมเคยทำงานกับเขาในทีมชาติ เขาเป็นคนที่เยี่ยมมากๆ เปี่ยมไปด้วยจิตใจต่อสู้แข่งขันที่สูงเหลือเชื่อ เราเห็นอะไรแบบนั้นมาแล้วในฟุตบอลโลก ผมเชื่อมั่นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ในเรื่องนี้ว่า เขามีคุณสมบัติที่จะสร้างอิมแพ็คให้กับยูไนเต็ด”
เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)
Senior Football Editor