คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์วัย 63 ปี กับการหวนคืนเก้าอี้เฮดโค้ชเรอัล มาดริด เป็นคำรบสองในฤดูกาลนี้ ด้วยการการันตีแชมป์ลาลีกา สเปน เก็บสถิติคว้าแชมป์ครบ 5 ลีกใหญ่ยุโรป
และล่าสุด พา “ราชันชุดขาว” ผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยจะไปพบกับลิเวอร์พูล และมีโอกาสลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ได้แชมป์ถ้วยใหญ่ยุโรปถึง 4 สมัย
ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นเพราะ “อันเชล็อตติ” อยู่ท่ามกลางสิ่งรอบตัวที่เอื้ออำนวย จนถูกประเมินฝีมือต่ำเกินไป จริงหรือไม่ ? วันนี้ SoccerSuck x ไข่มุกดำ จะมาขยายให้ฟังกันครับ
27 ปี บนเส้นทางผู้จัดการทีม
คาร์โล อันเชล็อตติ เริ่มสร้างชื่อตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะ กับโรม่า และเอซี มิลาน หลังจากแขวนสตั๊ดเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ ก็เข้าสู่เส้นทางการเป็นโค้ช โดยเริ่มจากเป็นผู้ช่วยของอาร์ริโก้ ซาคคี่ ในทีมชาติอิตาลี
ซึ่งภายในแคมป์ “อัซซูรี่” นี่เอง ที่ทำให้อันเชล็อตติ ได้เรียนรู้และฝึกฝนแท็กติกต่างๆ จากซาคคี่ เป็นเวลา 3 ปี จนเมื่อวิชาแกร่งกล้ามากพอ เขาได้ลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของซาคคี่ เพื่อหาความท้าทายใหม่ๆ
งานแรกของ “อันเช่” ในฐานะผู้จัดการทีมเต็มตัว คือ เรจเจียน่า สโมสรระดับเซเรีย บี เมื่อปี 1995 และใช้เวลากับที่นี่เพียงแค่ฤดูกาลเดียว พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ทันที โดยจบในอันดับที่ 4 ของตาราง
จาก 1 ซีซั่นกับเรจเจียน่า สู่ทีมที่ใหญ่กว่าเดิมกับปาร์ม่า อันเชล็อตติได้สร้างนักเตะซูเปอร์สตาร์อย่างจิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, จิอันฟรังโก้ โซล่า เป็นต้น ด้วยแผนการเล่น 4-4-2
ต่อมาในปี 1999 อันเชล็อตติ ก้าวสู่งานที่ท้าทายกว่าเดิมกับยูเวนตุส สโมสรระดับยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ผลงานสำคัญของเขา คือการดันซีเนอดีน ซีดาน จนแจ้งเกิดกลายเป็นสุดยอดมิดฟิลด์ระดับโลก
อีก 2 ปีต่อมา อันเชล็อตติ ย้ายไปคุมทีมเอซี มิลาน และได้สร้างยุคที่ดีที่สุดยุคหนึ่งของสโมสร ด้วยการคว้าแชมป์เซเรีย อา, โคปป้า อิตาเลีย อย่างละ 1 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย
หลังจากยุติช่วงเวลา 8 ปีที่มิลาน อันเชล็อตติได้ไปคุมสโมสรในลีกใหญ่ยุโรปทั้งเชลซี, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, นาโปลี, เอฟเวอร์ตัน และกลับมาที่เรอัล มาดริด ในปัจจุบัน
เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส
เรอัล มาดริดในเวลานี้ ไม่ใช่ทีมที่มีเงินถุงเงินถังเหมือนในอดีต ด้วยปัญหาภาวะหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาต้องบริหารการเงินอย่างรอบคอบ พยายามลดรายจ่ายให้ได้มากที่สุด
แต่ยักษ์ใหญ่จากเมืองหลวงทีมนี้ ได้ใช้ปัญหาการเงิน มาเป็นโอกาสสำหรับการสร้างทีมใหม่ด้วยนักเตะดาวรุ่ง ผสมผสานกับนักเตะประสบการณ์สูง ซึ่งทำได้ลงตัวไม่น้อยเลยทีเดียว
CIES Football Observatory หน่วยงานวิเคราะห์สถิติฟุตบอลชื่อดัง เปิดเผยว่า ในรอบ 10 ปีหลังสุด เรอัล มาดริดใช้เงินซื้อนักเตะสุทธิเพียง 179 ล้านยูโร น้อยกว่าทีมระดับกลางตารางพรีเมียร์ลีกบางทีมเสียอีก
ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ 2021 เรอัล มาดริด มีดีลใหญ่ขาเข้าแค่ 2 ดีล คือ เอดูอาร์โด คามาวิงก้า 25 ล้านยูโร และเซ็นดาบิด อลาบามาแบบฟรีๆ ส่วนขาออกขายทั้งราฟาเอล วาราน และมาร์ติน โอเดอร์การ์ดออกไป
เท่านั้นยังไม่พอ “ราชันชุดขาว” ต้องหากุนซือคนใหม่ แทนที่ซีเนอดีน ซีดาน ที่ขอแยกทางกับสโมสร ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องสร้างทีมใหม่ด้วยนักเตะอายุน้อย พร้อมกับดึงศักยภาพของนักเตะที่มีอยู่แล้ว
และเป็นอันเชล็อตติ ที่กลับมารับตำแหน่งกุนซืออีกครั้ง หลังจากเคยคุมทีมในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบว 2 ฤดูกาล ซึ่งประสบการณ์ที่โชกโชนของเขา ทำให้นักเตะหลายๆ คน เค้นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดออกมาได้
วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกดาวรุ่งชาวบราซิลวัย 22 ปี ได้ผ่านการขัดเกลาจากอันเช่ จนแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้ ทำได้ถึง 14 ประตู มากกว่า 3 ฤดูกาลแรก ที่ยิงได้รวมกันแค่ 7 ประตูเท่านั้น
คาริม เบนเซม่า ในวัย 34 ปี คู่หูในเกมรุกของวินิซิอุส ระเบิดผลงานที่ดีสุดในชีวิตนักฟุตบอล ยิงไป 26 ประตู 11 แอสซิสต์ จาก 30 นัดในลาลีกา จ่อคว้ารางวัลดาวซัลโว หรือ “ปิชิชี่” เต็มที
คุมเกมและคุมคน
การที่นักฟุตบอลจะสามารถรีดฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดออกมาได้นั้น ต้องมาจากการวางแท็กติกที่เหมาะสม และการปฏิบัติตัวกับนักเตะอย่างถูกต้อง นี่คือเคล็ดลับความสำเร็จของคาร์โล อันเชล็อตติ
ความสามารถในการจัดการกับนักเตะภายในทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ รวมถึงการวางแผนที่เหนือชั้น และการแก้ไขปัญหาอย่างเฉลียวฉลาด ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่มีอยู่ในตัวของกุนซือชาวอิตาเลียน
ลูคัส ดีญ แบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์กับ L’Equipe สื่อบ้านเกิด พูดถึงเจ้านายเก่าของเขาสมัยคุมเอฟเวอร์ตันว่า “อันเชล็อตติเป็นนักวางแผนที่ดีที่สุด เขาวิเคราะห์คู่แข่ง และอ่านเกมได้ดีมาก”
“ในแต่ละเกม เขาพยายามปรับตัวให้เข้ากับนักเตะที่มีอยู่ เขาสามารถเปลี่ยนแปลงแท็กติกระหว่างเกมได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส และสามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการให้กับนักเตะฟังแบบเข้าใจง่ายๆ ได้”
ผลงานในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์ในฤดูกาลนี้ ที่สามารถพลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นรองคู่แข่ง กลับมาเป็นผู้ชนะได้อย่างเหลือเชื่อ หลายคนอาจจะมองว่าโชคดี แต่ก็ต้องให้เครดิตอันเชล็อตติด้วย
เริ่มจากรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่พบกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตามหลังสกอร์รวม 2 ลูก อันเช่แก้เกมด้วยการส่งคามาวินก้าลงมาไล่บอลในแดนกลาง ทำให้รูปเกมดีขึ้น นำไปสู่แฮตทริกของคาริม เบนเซม่า พาทีมเข้ารอบ
รอบ 8 ทีมสุดท้าย กับเชลซี และรอบรองชนะเลิศ กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โรดริโก้ ถูกเปลี่ยนลงมาจากม้านั่งสำรอง โชว์ทีเด็ดยิงประตูช่วงท้ายเกม ก่อนที่เบนเซม่า จะยิงประตูสำคัญช่วงต่อเวลาพิเศษทั้ง 2 รอบ
อีกเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้เรอัล มาดริดมีผลงานที่ดีในฤดูกาลนี้ คือการดึงตัวอันโตนิโอ ปินตุส กลับมาเป็นโค้ชฟิตเนสของสโมสรอีกครั้ง หลังเคยอยู่กับ “โลส บลังโกส” มาแล้ว ในช่วงปี 2016-2019
การมาของปินตุส ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี นักเตะอย่างลูก้า โมดริช ที่ถึงแม้อายุย่างเข้า 37 ปี แต่ยังคงรักษาสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยมเหมือนตอนสมัยยังหนุ่ม
การคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครบทั้ง 5 ลีกใหญ่ยุโรป และเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 ครั้ง ไม่ใช่เพราะโชค แต่เป็นการใส่ใจในทุกรายละเอียด การวางกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และการดึงศักยภาพสูงสุดจากนักเตะออกมาได้
เรียบเรียง: จักรพันธ์ ภู่ทอง
อ้างอิง :
– https://www.bbc.com/sport/football/61310553
– https://www.besoccer.com/new/people-say-madrid-are-lucky-but-that-s-not-the-case-1130999
– https://football-observatory.com/IMG/sites/b5wp/2021/wp367/en/
– https://www.90min.com/posts/6422850-carlo-ancelotti-football-s-most-loveable-eyebrow-in-the-words-of-his-players
– https://www.marca.com/en/football/real-madrid/2021/06/08/60bf4bdb46163f6b6a8b4695.html