เยอร์เกน คลอปป์ กำลังจะพาลิเวอร์พูลลงสนามนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่รับตำแหน่งผู้จัดการทีมหงส์แดงในเดือนตุลาคม 2015 ต่อจากเบรนแดน ร็อดเจอร์ส โดยสองครั้งก่อนหน้าเป็นรองแชมป์ 1 สมัย แพ้เรอัล มาดริด 1-3 ในปี 2018 ที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน และเป็นแชมป์ 1 สมัย ชนะท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 2-0 ในปี 2019 ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน
วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2022 ลิเวอร์พูลจะเผชิญหน้ากับทีมราชันชุดขาวอีกครั้งที่เมืองแซ็ง-เดอนี ประเทศฝรั่งเศส เป็นการช่วงชิงบิ๊กเอียร์โทรฟี่ครั้งที่ 3 ระหว่างสองสโมสร ซึ่งที่ผ่านมาต่างฝ่ายกำชัยชนะทีมละหนึ่งครั้งโดยการเจอกันครั้งแรกเมื่อปี1981 หงส์แดงเฉือนชนะ 1-0 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เมื่อพลิกปูมประวัติศาสตร์จะพบเหตุการณ์ที่คล้ายซ้ำรอย ย้อนกลับไปการแข่งขันพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2016-17ซึ่งเป็นปีที่สองในการคุมทีมของคลอปป์และต้องว่างเว้นจากทัวร์นาเมนท์สโมสรยุโรปเนื่องจากซีซั่นก่อนหน้า ลิเวอร์พูลตกไปอยู่อันดับ 8 แม้เข้าถึงนัดชิงชนะเลิศยูโรป้า ลีก แต่แพ้ต่อเซบีญ่า 1-3 ได้แค่รองแชมป์
DÉJÀ VU…คว้าตั๋ว UCL หลังชนะรองบ๊วย นัดปิดซีซั่นพรีเมียร์ลีก
วันที่ 21 พฤษภาคม 2017 ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟิลด์ถลุงทีมรองบ๊วย มิดเดิลสโบรห์ 3-0 จบซีซั่นด้วยอันดับ 4 บนตารางพรีเมียร์ลีก เฉือนอันดับ 5 อาร์เซนอล แค่คะแนนเดียวแต่ก็มากพอที่จะคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีก แม้ต้องลงสนามรอบคัดเลือกแต่หงส์แดงยังตะลุยจนถึงนัดชิงและพ่ายต่อราชันชุดขาว
การเจอกับเรอัล มาดริด ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ลิเวอร์พูลต้องลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกในนัดสุดท้ายของซีซั่น 2020-21 เพื่อได้มาซึ่งอันดับ 3 บนตารางพรีเมียร์ลีก มี 69 คะแนนจาก 38 นัด เหนือเชลซีและเลสเตอร์ 2 และ 3 คะแนนตามลำดับ
วันที่16 พฤษภาคม 2021 ฮีโร่ของลิเวอร์พูลก็คือ อลิสซง เบ็คเกอร์ ถ้าไม่ใช่เพราะศีรษะของนายประตูจอมหนึบชาวบราซิล คลอปป์และลูกทีมหงส์แดงอาจเป็นเพียงผู้ชมแมตช์แชมเปี้ยนส์ลีก ไฟนัล 2022 ก็ได้ และถ้าลิเวอร์พูลล้มยักษ์ใหญ่แดนกระทิงดุและสร้างตำนานแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 7 ได้สำเร็จ เหตุการณ์นัดปิดซีซั่นที่แล้วต้องเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่เหล่าเดอะค็อประลึกถึง
ลูกโหม่งของอลิสซง ขีดเส้นทางสู่กรุงปารีสในวันเสาร์นี้
วันนั้นบังเอิญเหลือเกิน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน คู่แข่งทีมสุดท้ายของลิเวอร์พูล จบโปรแกรมด้วยตำแหน่งรองบ๊วยเหมือนมิดเดิลสโบรห์ ในซีซั่น 2016-17 เกมทำท่าจบลงด้วยสกอร์ 1-1 จนกระทั่งช่วงทดเวลาเจ็บผ่านไป 5 นาที ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุมซึ่งน่าจะเป็นโอกาสทำประตูครั้งสุดท้ายของแมตช์ อลิสซงวิ่งหน้าเริดจากประตูฝั่งตัวเองมายังประตูฝั่งตรงข้ามเพื่อสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการโหม่งทำประตูชัยจากลูกเตะมุมของ เทรนด์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ให้ลิเวอร์พูลเฉือนชนะ 2-1 ได้สิทธิเล่นรอบคัดเลือกของแชมเปี้ยนส์ลีกแบบฉิวเฉียด (ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้จะ DÉJÀ VU ซ้ำรอยแบบสมบูรณ์แบบกับปี 2018 หรือไม่ ต้องติดตามผลแข่งขันคืนวันเสาร์กับเรอัล มาดริด)
หลังจบเกม นายด่านจากเมืองกาแฟที่ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ ได้เปิดใจว่า “คุณไม่สามารถอธิบายเรื่องราวแบบนี้ได้หรอก แต่ก็นั่นแหละ นี่คือฟุตบอล”
อลิสซงเป็นผู้รักษาประตูคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ทำสกอร์ได้ และเป็นคนแรกของสโมสรลิเวอร์พูล (นับเฉพาะแมตช์แข่งขันอย่างเป็นทางการ) ในฤดูกาล 2020-21 ชีวิตของอลิสซงมีทั้งทุกข์และสุข เขาเพิ่งสูญเสียคุณพ่อไปก่อนหน้านัดดังกล่าวไม่ถึงสามเดือน แต่สามารถเก็บคลีทชีทในบอลลีกได้ถึง 20 นัด ขณะที่สโมสรต้นสังกัดก็มีกราฟชีวิตสวิงขึ้นลง ลิเวอร์พูลยืนบนแป้นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในวันคริสต์มาสติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แต่สิ้นสุดสถิติไม่แพ้ใครในบ้าน 68 นัด และโดนคู่แข่งเข้ามาขย่มคาแอนฟิลด์ 6 นัดติดต่อกัน สถานการณ์ตอนนั้นอย่าว่าลุ้นแชมป์เลย ลำพังติดท็อป-4 ยังยาก แต่หงส์กลับกลายเป็นนกฟินิกซ์ ฟื้นคืนชีพปลายซีซั่นและได้ตั๋วรอบควอลิฟายด์ของแชมเปี้ยนส์ลีกจากลูกโหม่งของอลิสซง ซึ่งคลอปป์กล่าวภายหลังว่า มันเป็นเทคนิคที่บ้าเอามากๆ เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นด้วยตาตัวเองทั้งช่วงค้าแข้งและคุมทีม
จอห์น อัคเตอร์แบร์ค โค้ชผู้รักษาประตู เป็นคนตะโกนสั่งการให้อลิสซงขึ้นไปลุยโลดกับเพลย์สุดท้ายของเกม ขณะที่นายด่านทีมชาติบราซิลพูดติดตลกว่าเห็นทีต้องฝึกซ้อมลูกนี้บ่อยครั้งขึ้นเผื่อเกิดสถานการณ์เรียกร้องขึ้นอีก
อัคเตอร์แบร์ค โค้ชผู้รักษาประตู ภายใต้ผู้จัดการทีมหงส์แดง 3 ยุค
อัคเตอร์แบร์ค หนุ่มใหญ่ชาวดัตช์วัย 50 ปี มีส่วนสำคัญในความสำเร็จของอลิสซงนับตั้งแต่ย้ายจากทีมโรม่าเข้าแอนฟิลด์ด้วยค่าตัวสูงถึง 66.8 ล้านปอนด์ในเดือนกรกฎาคม 2018 และอลิสซงเคยให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์สโมสรเมื่อต้นซีซั่นว่า “จอห์นได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าไม่ใช่แค่โค้ชผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย เขาช่วยให้ผมผ่านแต่ละวันด้วยความสงบและผ่อนคลาย เราเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เขาช่วยให้ผมสามารถพัฒนาตัวเองในสนาม”
หลังจากอำลาตำแหน่งผู้เล่นและโค้ชของ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส อัคเตอร์แบร์คได้เข้ามาทำงานกับลิเวอร์พูลเมื่อเดือนมิถุนายน 2009 ในฐานะโค้ชผู้รักษาประตูของทีมสำรองและอะคาเดมี่ ก่อนถูกโปรโมทขึ้นสตาฟฟ์โค้ชทีมชุดใหญ่กลางปี 2011 จนถึงปัจจุบัน ได้ร่วมงานกับผู้จัดการทีม 3 คนคือ เคนนี่ เดลกลิช, ร็อดเจอร์ส และ คล็อปป์
5 เกมถ้วยยุโรป บรรยากาศฟินสุดๆที่แอนฟิลด์
แน่นอนว่า อัคเตอร์แบร์คมีโอกาสสัมผัสเกมของทีมหงส์แดงจากข้างสนามเป็นเวลา 11 ปี และต่อไปนี้เป็น 5 แมตช์บอลถ้วยยุโรปของลิเวอร์พูลที่แข่งในสนามแอนฟิลด์ซึ่งโค้ชนายทวารชาวดัตช์ประทับใจบรรยากาศมากที่สุดในยุคของคลอปป์
ลิเวอร์พูล 2 แมนฯยูไนเต็ด 0 (ยูโรป้า ลีก 2016 รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก)
เป็นศึกแดงเดือดนัดแรกบนสังเวียนระดับทวีปซึ่งไม่สร้างความผิดหวังให้กับบรรดาเดอะค็อปด้วยสกอร์ของ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน่
“เมื่อเข้ามาอยู่ที่ลิเวอร์พูล คุณใช้เวลาไม่นานที่จะรู้ว่าเกมที่ยิ่งใหญ่คือนัดไหน ดังนั้นการได้เจอพวกเขาในเกมยุโรปจึงยิ่งใหญ่แบบสุดๆ บรรยากาศไม่ได้ร้อนแรงแค่ในสนามแต่รวมถึงข้างสนามด้วย นัดนี้ผมอยู่บนเมนสแตนด์ ยังจำได้แหกปากตะโกนกันขนาดไหนตอนที่เราทำประตูแรกได้ บรรยากาศของแฟนบอลเหลือเชื่อจริงๆ ซึ่งช่วยยกระดับฟอร์มการเล่นของทีมทางอ้อมด้วย”
ลิเวอร์พูล 4 ดอร์ทมุนด์ 3 (ยูโรป้า ลีก 2016 รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง)
เดยัน ลอฟเรน ทำประตูที่ 4 ช่วงทดเวลาเจ็บ ส่งให้ลิเวอร์พูลเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยสกอร์รวมสองนัด 5-4 หลังจากตามอยู่สองประตูก่อนหน้านี้ 9 นาที
“ผมถึงกับขนลุกเลยกับเสียงร้องเพลงและการตะโกนของแฟนบอล ซึ่งแน่นอน มันพลักดันให้การเล่นของนักเตะดีขึ้น ช่วยให้พวกเขาได้รับแรงกระตุ้น จิตวิญญาณ และทัศนคติที่ดีระหว่างการแข่งขัน แล้วผมไม่เคยเห็นเจ้านายเป็นอะไรแบบนั้น เหมือนเขามีความกระหายเป็นอย่างมากที่จะพาทีมประสบความสำเร็จ”
ลิเวอร์พูล 3 แมนฯซิตี้ 0 (แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก)
ลิเวอร์พูลใช้เวลาเพียง 19 นาทีในการขึ้นนำ 3-0 จากสกอร์ของ อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโฮ มาเน่
“คืนก่อนหน้าการแข่งขัน ผมนอนไม่หลับเอาเสียเลยเพราะมัวแต่กังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้างทั้งทางดีและร้าย ผมจะลดความกดดันของผู้รักษาประตูได้ไหม เขาจะเล่นได้ดีไหม และหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี อย่างที่รู้กันว่าซิตี้เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมและโชว์ฟอร์มได้ดีมาก พวกเขาดูเหมือนจะเหนือกว่าเราช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่แล้วทุกอย่างก็เข้าทางเราและทำให้อยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบสำหรับนัดสอง”
ลิเวอร์พูล 5 โรม่า 2 (แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)
เกมนี้ อลิสซง ซึ่งขณะนั้นอยู่ในทีมโรม่า ได้สัมผัสบรรยากาศในแอนฟิลด์เป็นครั้งแรก ก่อนที่จะเรียกสนามนี้ว่าบ้านอีกสามเดือนต่อมา แนวรุกทั้งสามต่างมีชื่อบนสกอร์บอร์ด ซาลาห์ 2, มาเน่ 1 และ ฟีร์มิโน่ 2 ลิเวอร์พูลขึ้นโด่ง 5-0 ในนาทีที่ 69 มากพอที่จะทำให้ความปราชัย 2-4 ที่กรุงโรม ไม่สามารถขวางเส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศก่อนเป็นฝ่ายพ่ายต่อเรอัล มาดริด
“สัมผัสได้ถึงบรรยากาศความเป็นบิ๊กแมตช์ บอลถ้วยยุโรปเป็นเกมที่พิเศษเสมอ สำหรับเอลี่ (อลิสซง) ผมติดตามเขามาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ปี 2012 สมัยอยู่กับทีมอินเตอร์นาซิอองนาล และเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นเขาเล่น จริงอยู่นัดนี้เขาเสียประตูเยอะแต่เขาทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก ทีมเราเล่นได้เหนือชั้นจริงๆ”
“ผมเห็นเอลี่เล่นในสนามกับตาตัวเองครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาเป็นแมตช์อุ่นเครื่องกับโรม่าที่สหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดถึงเอลี่ให้เจ้านายฟัง เขาเริ่มชอบเอลี่จากนัดนั้น ก่อนเซ็นสัญญากับเอลี่ เราคุยกับผู้รักษาประตูคนอื่นด้วยเช่น มานูเอล นอยเออร์ ทีมชาลเก้, ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช ทีมอูดิเนเซ่ และ มาร์ก อังเดร แทร์ สเตเก้น ทีมโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค”
“ตอนนั้น เราได้งบประมาณมาเยอะ เจ้าของสโมสรก็ต้องการให้เราได้นายทวารฝีมือดีที่สุด ผมบอกกับบอสส์ว่าเขา (อลิสซง) เป็นคนเดียวที่ผมยอมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อซื้อเข้ามา บอสส์เป็นคนตัดสินใจเอง ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีเหลือเชื่อ”
ลิเวอร์พูล 4 บาร์เซโลน่า 0 (แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)
แม้ขาดผู้เล่นสำคัญถึงสองคนในการเจอกับบิ๊กทีมทวีปยุโรป แต่ตัวเลขสกอร์ที่ออกมากลับขาดลอยเหลือเชื่อหลังจาก ดิว็อค โอริกี้ สังหารประตูที่ 4 ทำให้สกอร์รวมสองนัดแซงหน้าเป็น 4-3 ลอยลำเข้าไปชิงถ้วยหูใหญ่กับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
“เราไม่มีบ็อบบี้กับโม และชากิรีลงตัวจริง ตอนนั้นใครต่างกาชื่อเราออกไปจากทัวร์นาเมนท์แล้วเมื่อมองผลแข่งขันนัดเยือนเกมแรก แต่จากข้างสนาม ผมเห็นว่าเราต้องยิงประตูได้ในไม่ช้า จากนั้น 2-3 ประตูก็เกิดขึ้น”
“เจ้านายพูดว่า เขารู้ดีว่าทุกคนตัดชื่อเราออกไปแล้ว แต่เขาศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวนักเตะเสมอ นั่นจึงทำให้เรื่องราวยิ่งใหญ่เกิดขึ้นที่เราสามารถสร้างประวัติศาสตร์เพื่อให้ลูกหลานได้รับรู้”
“ระหว่างการประชุมทีม เจ้านายพูดว่า ถ้าทีมไหนสักทีมทำสำเร็จ หนึ่งในนั้นต้องเป็นเรา ผมมั่นใจว่าทุกคนในนั้นต้องจำคำพูดปลุกเร้าของเจ้านายได้แน่นอน”
อ้างอิง :
Senior Football Editor