อาร์เซน่อล ออกสตาร์ท 10 เกมแรกของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022/23 ด้วยผลงานที่สุดยอด ชนะ 9 และแพ้ 1 นำเป็นจ่าฝูงของตาราง เป็นสถิติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 136 ปี
ส่วนในยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ก็เก็บชัยชนะทั้ง 4 เกม โดยเกมล่าสุดเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เปิดบ้านชนะพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 1 – 0 และจะพบกับยอดทีมจากเนเธอร์แสนด์ทีมนี้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า
SoccerSuck x ไข่มุกดำ จะมาอธิบายถึงเหตุผลในเชิง “แท็กติก” ที่ทำให้ทีมของมิเกล อาร์เตต้า สร้างสถิติการเริ่มต้นซีซั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของ “เดอะ กันเนอร์ส”
⚽️ เกมรับที่ดูดี และมีประสิทธิภาพ
ก่อนที่พรีเมียร์ลีกจะทำการแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ อาร์เซน่อล เสียไป 10 ประตู จาก 10 นัด น้อยสุดเป็นอันดับ 2 ร่วมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี ซึ่งเป็นรองนิวคาสเซิล (9 ประตู) เพียงทีมเดียวเท่านั้น
2 นัดหลังสุดที่พบกับลิเวอร์พูล และลีดส์ ยูไนเต็ด แผงแนวรับของอาร์เซน่อล ประกอบด้วยฟูลแบ็ก 2 ข้าง ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ (ซ้าย), เบน ไวท์ (ขวา) และเซ็นเตอร์แบ็ก วิลเลี่ยม ซาลีบา คู่กับกาเบรียล มากัลเญส
โดยเฉพาะนัดที่เปิดบ้านชนะลิเวอร์พูล 3 – 2 แบ็กซ้ายอย่างโทมิยาสุ สามารถจัดการโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ จนแทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกม และทำให้ดาวเตะอียิปต์ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วง 20 นาทีสุดท้าย
ส่วนคู่เซ็นเตอร์แบ็กทั้งซาลีบา และมากัลเญส ที่ต่างสไตล์แต่เข้ากันได้อย่างลงตัว มีความแข็งแกร่ง ดุดัน ครองบอลได้ดีและสามารถดันขึ้นไปช่วยทำเกมรุกได้ แต่มากัลเญสดูเหมือนจะครบเครื่องกว่า
แท็กติก “ไฮไลน์ ดีเฟนซ์” ของอาร์เตต้า ได้ผลดีเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นเกมที่แพ้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงเกมเดียวเท่านั้น ที่แนวรับเสียสมาธิแค่ไม่กี่วินาที เปิดช่องให้ “ปิศาจแดง” ฉวยโอกาสพังประตูจนได้
⚽️ เริ่มต้นเกมได้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
จาก 14 เกมรวมทุกรายการ มีถึง 10 เกมที่อาร์เซน่อล ไม่เสียประตู แถมยิงประตูขึ้นนำคู่แข่งก่อนภายใน 30 นาทีแรกของการแข่งขัน อีกทั้งยังรักษาสกอร์นำได้นานที่สุดในพรีเมียร์ลีก คิดเป็น 59 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด
มิเกล อาร์เตต้า กุนซือเดอะ กันเนอร์ส กล่าวว่า “โค้ชทุกคนต้องการเห็นทีมทำประตูตั้งแต่นาทีแรก แน่นอนว่ามันคงไม่เกิดขึ้นทุกนัด แต่เป้าหมายของเราคือพาบอลบุกไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
นอกจากนี้ การที่อาร์เตต้าได้แต่งตั้งมาร์ติน โอเดการ์ด มิดฟิลด์เลือดนอร์เวย์ เป็นกัปตันทีมคนใหม่ ทำให้แนวทางของทีมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งกรานิต ซาก้า อดีตกัปตันทีม ก็ข่วยหนุนหลังอย่างเต็มที่
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือเกมที่พบกับท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ผ่านบอลจากแผงหลังอย่างรวดเร็ว ระหว่างเบน ไวท์ โทมัส ปาร์เตย์, มาร์ติน โอเดการ์ด และกาเบรียล เชซุส
อาร์เซน่อล ขึงเกมรุกกดดันในแดนของคู่แข่งอยู่พักใหญ่ ทำให้สเปอร์เสียฟาวล์บริเวณกลางสนาม ก่อนที่ปาร์เตย์จะยิงขึ้นนำตั้งแต่ 20 นาทีแรก แม้จะเสียประตูตีเสมอจากจุดโทษ แต่ก็กลับมาเอาชนะได้
⚽️ สร้างโอกาสทำประตูได้มากขึ้น
การเซ็นสัญญากาเบรียล เชซุส จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีส่วนสำคัญที่ทำให้แนวทางการเล่นเกมรุกของอาร์เซน่อล เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และช่วยให้แนวรุกคนอื่น ๆ สร้างโอกาสลุ้นประตูได้มากขึ้น
เชซุส เข้ามาเพิ่มความคล่องตัว และสร้างความอันตรายในเกมบุกของอาร์เซน่อลได้ดีกว่าอเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ดาวยิงคนเก่า โดยอดีตดาวเตะแมนฯ ซิตี้ รับบอลจากเพื่อนร่วมทีมได้ถึง 91 ครั้ง มากที่สุดในลีก
บูกาโย่ ซาก้า กับกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ มีโอกาสซัดประตูภายในกรอบเขตโทษถึง 20 ครั้ง (มากที่สุดเท่ากับโมฮัมเหม็ด ซาลาห์) และมาร์ติน โอเดการ์ด อาจโผล่ขึ้นมาระหว่างไลน์เพื่อสอดบอลเข้าไปด้านหลัง
ขณะที่กรานิต ซาก้า หลังจากเล่นในตำแหน่งกลางตัวรับที่ไม่ถนัดมานาน ก็ได้รับบทบาทใหม่ที่มีส่วนช่วยในการขึ้นเกมรุกมากขึ้น และมักจะสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษพร้อมยิงประตูได้ตลอดเวลา
จากข้อมูลชอง fbref.com ระบุว่า แนวรุก 4 จาก 5 คนของอาร์เซน่อล ติดอันดับนักเตะที่มีส่วนในการสร้างโอกาสเพื่อทำประตู (Shot-Creating Actions : SCA) ในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด 10 อันดับแรก
ซาก้า กับมาร์ติเนลลี่ มีส่วนร่วม 38 ครั้งเท่ากัน อยู่อันดับ 3, เชซุส 36 ครั้ง อยู่อันดับ 8 ร่วม และชาก้า35 ครั้ง อยู่อันดับ 10 ร่วม ขณะที่โอเดการ์ด ทำได้ 32 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถือว่าใกล้เคียงกันมาก
⚽️ พร้อมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือยัง ?
อีกสิ่งหนึ่งที่อาร์เซน่อล ทำผลงานได้ดีสม่ำเสมอขนาดนี้ คือนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว จนถึงตอนนี้ มิเกล อาร์เตต้า ใช้ผู้เล่น 11 ตัวจริงหน้าเดิมถึง 11 นัด มากที่สุดเมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก
ภาพรวมฟอร์มการเล่นนับตั้งแต่เปิดซีซั่น ตำแหน่งที่อาร์เซน่อลพัฒนาขึ้นมามากในฤดูกาลนี้ คือฟูลแบ็กทั้ง 2 ข้าง รวมถึงแนวรุกที่เล่นได้อย่างลื่นไหล ขณะที่แดนกลางแม้จะไม่โดดเด่นมากนัก แต่ถือว่ายังทำได้ดี
โดยอาร์เซน่อล มีค่าเฉลี่ยความเป็นไปได้ที่จะมีประตูเกิดขึ้นต่อเกม (Expect Goal : xG) อยู่ที่ 1.0 หมายความว่า 1 นัด การันตี 1 ประตู ซึ่งดีสุดเป็นอันดับ 2 รองจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีค่า xG ต่อเกมอยู่ที่ 1.4
ในประวัติศาสตร์ 30 ปี ของพรีเมียร์ลีก ทีมที่ทำสถิติชนะ 9 จาก 10 นัดแรก เคยเกิดขึ้นทั้งหมด 5 ครั้ง และคว้าแชมป์เมื่อจบซีซั่นได้ 4 ครั้ง คือ เชลซี (2005/06), แมนฯ ซิตี้ (2011/12, 2017/18) และลิเวอร์พูล (2019/20)
อย่างไรก็ตาม 10 นัดแรกของซีซั่นที่แล้ว แมนฯ ซิตี้ ตามหลังเชลซี จ่าฝูงในขณะนั้นอยู่ 5 แต้ม แต่ก็แซงคว้าแชมป์ในบั้นปลาย เฉือนชนะลิเวอร์พูลแค่แต้มเดียว ส่วน “สิงห์บูลส์” ได้แค่ที่ 3 และมีแต้มน้อยกว่าถึง 19 แต้ม
ส่วนเกมที่อาร์เซน่อล จะดวลกับทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่านั้น เดิมทีต้องลงเตะเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจาก “เดอะ กันเนอร์ส” ติดโปรแกรมยูโรป้า ลีก กว่าจะได้เจอกันต้องรอถึงช่วงหลังปีใหม่
เป้าหมายแรกของอาร์เซน่อลที่ต้องทำให้ได้ก่อน คือการกลับเข้าร่วมแชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนเรื่องลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก คงต้องยืนระยะให้ได้แบบยาว ๆ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ชั้นดีว่ามิเกล อาร์เตต้า เจ๋งจริงหรือไม่
เรียบเรียง : จักรพันธ์ ภู่ทอง
อ้างอิง :
– https://theathletic.com/3704476/2022/10/20/arsenal-arteta-data-tactics-analysis/
– https://theathletic.com/3638949/2022/09/30/arsenal-tottenham-tactical-preview/
– https://theathletic.com/3633401/2022/09/28/arsenal-control-mikel-arteta-passes-request/
– https://theathletic.com/3555797/2022/09/01/arsenal-villa-gabriel-martinelli-responding/
– https://theathletic.com/3527556/2022/08/24/arsenal-press-jesus-martinelli-saka/
– https://theathletic.com/3524139/2022/08/21/zinchenko-arsenal-xhaka/
– https://fbref.com/en/squads/18bb7c10/Arsenal-Stats
Football Editor