การเดินทางเข้ามาค้าแข้งบนเกาะอังกฤษของสองกองหน้าดาวรุ่ง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ และ ดาร์วิน นูเญซ สร้างความคึกคักให้กับพรีเมียร์ลีกอย่างใหญ่หลวง ทั้งแฟนบอล กูรูลูกหนัง และสื่อมวลชน ต่างตั้งวงถกกันเป็นที่ครึกครื้นว่า ใครเหนือกว่ากัน ใครจะสร้างอิมแพ็คให้ต้นสังกัดมากกว่ากัน และใครจะได้สัมผัส “รองเท้าทองคำ” เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2022-23
หยิบตัวเลขมาดู ฮาลันด์แจ้งเกิดกับ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ด้วยสถิติ 27 นัด 29 ประตู ผลิตสกอร์ให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 89 นัด 86 ประตู และทีมชาตินอร์เวย์ 21 นัด 20 ประตู เฉลี่ยหยาบๆ ศูนย์หน้าวัย 21 ปี ส่งลูกหนังซุกก้นตาข่ายได้เกือบทุกนัด ขณะที่นูเญซเล่น 41 นัด 34 ประตูให้กับ เบนฟิก้า ฤดูกาลที่แล้ว แม้ค่าเฉลี่ยต่ำกว่าฮาลันด์แต่ยังถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ
เฉพาะเกมลีกซีซั่นที่ผ่านมา ฮาลันด์เล่นให้เสือเหลือง 24 นัด ทำ 22 ประตู 8 แอสซิสต์ นูเญซลงสนามให้พญาอินทรีแห่งลิสบอน 28 นัด ทำ 26 ประตู 4 แอสซิสต์ ไม่ยิ่งหย่อนกว่า 23 ประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซน ฮึง-มิน ซึ่งครองอันดับ 1 ดาวซัลโวสูงสุดพรีเมียร์ลีกร่วมกัน
ย้อนไปดูสถิติระยะหลังของ “โกลเด้น บู้ท อะวอร์ด” นับตั้งแต่ซาลาห์ผลิต 32 ประตูในซีซั่น 2017-18 เป็นเวลา 8 ปีติดต่อกันที่ดาวซัลโวสูงสุดจบสกอร์ได้แค่ 22 ประตู (2 ซีซั่น) และ 23 ประตู (6 ซีซั่น) ไม่มากไม่น้อยกว่านั้น แสดงให้เห็นถึงความโหดหินของเกมรับในพรีเมียร์ลีกที่ฮาลันด์และนูเญซต้องพิสูจน์ตัวเองว่า เครื่องจักรผลิตสกอร์ยังใช้งานได้มีประสิทธิภาพเหมือนเดิมหรือไม่บนสังเวียนหญ้าแห่งใหม่
20 ประตูที่บุนเดสลีกากับปรีไมราลีกา จะยากหรือง่ายเมื่อเทียบกับ 20 ประตูในพรีเมียร์ลีก ฮาลันด์และนูเญซจะรู้ภายในหนึ่งปีข้างหน้า
ฮาลันด์และนูเญซ กับการปรับตัวเข้ากับสโมสรใหม่
สังเวียนใหม่แล้ว สโมสรใหม่ เพื่อนร่วมทีมใหม่ และระบบการเล่นใหม่ ล้วนมีผลกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ และ ดาร์ซิน นูเญซ แตกต่างกันไป ยังมีเกิดคำถามขึ้นมาว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล ที่ต้องการกองหน้าใหม่มากกว่ากัน
เป็นที่ทราบกันดีผ่านหน้าสื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มองหาศูนย์หน้าตัวจบสกอร์มาตั้งแต่ตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้ว แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมชาติอังกฤษ คือเป้าหมายเดียวแต่ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ แสดงเจตนารมณ์ว่าไม่ต้องการขายด้วยการโก่งค่าตัวไปถึง 150 ล้านปอนด์ ไม่ใยดีต่อการเรียกร้องขอย้ายทีมจากเคน
ยอดกุนซือเรือใบสีฟ้าแก้ปัญหาด้วยการใช้ผู้เล่น “ฟอลส์ ไนน์” สลับเปลี่ยนหมุนเวียนระหว่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แบร์นาโด ซิลวา และ ฟิล โฟเด้น รวมถึง กาเบรียล เซซุส ที่ถูกใช้งานไม่บ่อยนัก แต่ศูนย์หน้าเบอร์ 9 ธรรมชาติอย่างเคนและฮาลันด์ยังเป็นที่ต้องการแม้กวาร์ดิโอล่าจะพาทีมจนรักษาแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ก็ตาม พร้อมถล่มตาข่ายได้สูงถึง 99 ประตู
ที่เยอรมนี ฮาลันด์คือศูนย์หน้าตัวเป้าและไม่น่าต้องปรับเปลี่ยนบทบาทอะไรนักที่อังกฤษ กวาร์ดิโอล่าน่าจะวางศูนย์หน้าร่างยักษ์ที่หมายเลข 9 บนหมากกระดาน และปรับเปลี่ยนผู้เล่นคนอื่นให้สนับสนุนความเป็นเครื่องจักรผลิตสกอร์ของฮาลันด์ได้มากขึ้น กูรูลูกหนังส่วนใหญ่มั่นใจว่า คงเป็นเรื่องเหลือเชื่อหากอัตราการทำประตูของฮาลันด์ดร็อปลงหากพิจารณาจากพรีเมียร์ลีกซีซั่นล่าสุดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่มตาข่ายได้เกือบแตะหลักร้อย ขาดไปเพียงประตูเดียว
หากไม่บาดเจ็บหรือต้องพักร่างกาย ฮาลันด์มีโอกาสติดรายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกมากกว่านูเญซแน่นอน ขณะที่บทบาทของฮาลันด์ค่อนข้างชัดเจน แต่นูเญซกลับขึ้นอยู่กับ เยอร์เกน คล็อปป์ จะใช้งานเขาอย่างไรเพราะที่เมืองฝอยทอง นูเญซถูกจับให้เล่นทั้งศูนย์หน้าตัวเป้า หน้าต่ำ และปีกซ้าย ที่สำคัญคล็อปป์มีกองหน้าดีๆหลายคนให้เลือกใช้งานตามสถานการณ์แต่ละนัดโดยเฉพาะ ดีโอโก โซต้า และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ ที่อาจเป็นคนที่จะแย่งเวลาลงสนามกับสมาชิกใหม่วัย 22 ปี ขณะที่ซาลาห์ยังเป็นความหวังอันดับหนึ่งในเรื่องจำนวนสกอร์ ซึ่งบอลลีกที่จบไป ลิเวอร์พูลถล่มตาข่ายมากถึง 94 ประตู เป็นผลผลิตของสตาร์ทีมชาติอียิปต์ถึง 23 ประตูหรือราว 25 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งนับตั้งแต่ย้ายเข้าแอนฟิลด์เมื่อปี 2017 ซาลาห์ทำเฉลี่ย 23.6ประตูต่อหนึ่งฤดูกาลพรีเมียร์ลีก
เนดัม โอนูฮา อดีตเซ็นเตอร์แบ็กวัย 35 ปี ซึ่งเคยเล่นกับทีมเรือใบสีฟ้า ให้ความเห็นว่า เขาเชื่อฮาลันด์จะทำสกอร์ได้มากกว่านูเญซในปีแรกของทั้งคู่เพราะฮาลันด์จะได้เล่นมากกว่า ส่วนนูเญซน่าจะลงเป็นตัวจริงได้ประมาณครึ่งหนึ่งของโปรแกรมตลอดซีซั่น
ฮาลันด์หรือนูเญซ ใครจะผลิตผลงานคุ้มค่าเงินกว่ากัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่ายเงินก้อนแรก 51 ล้านปอนด์เป็นค่าฉีกสัญญาของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ แต่ถ้าบวกค่านายหน้าของเอเยนต์และโบนัสแอดออนตามผลงาน ตัวเลขจะเพิ่มไปที่ 85 ล้านปอนด์โดยประมาณ
ลิเวอร์พูล วางเงินก้อนแรก 64 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัว ดาร์วิน นูเญซ และหากรวมเงื่อนไขในสัญญา เงินที่ต้องจ่ายให้เบนฟิก้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 85 ล้านปอนด์ จึงสามารถตีค่าตัวเบ็ดเสร็จของฮาลันด์และนูเญซได้ว่าเท่ากันที่ 85 ล้านปอนด์
สำหรับค่าเหนื่อย ฮาลันด์รับจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สัปดาห์ละ 375,000 ปอนด์ มากกว่าเกือบสามเท่าเมื่อเทียบกับ 140,000 ปอนด์ที่ลิเวอร์พูลจ่ายให้นูเญซ มาถึงตรงนี้มีความชัดเจนแล้วว่า เรือใบสีฟ้าเป็นทีมที่ลงทุนไปกับสตาร์กองหน้าคนใหม่มากกว่า แต่จะคุ้มค่ากว่าหรือไม่ต้องนำผลงานของทั้งคู่มาพิจารณาประกอบ โดยฮาลันด์ วัย 21 ปี เซ็นสัญญา 5 ปี และนูเญซ วัย 22 ปี เซ็นสัญญา 6 ปี ทั้งสองเป็นการลงทุนระยะยาวของสโมสรต้นสังกัด
พอล โรบินสัน อดีตผู้รักษาประตูวัย 42 ปีของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ให้ทรรศนะว่า ลิเวอร์พูลอาจรู้สึกว่าพวกเขาคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปหากนูเญซทำประตูได้มากกว่าฮาลันด์
“ค่าตัวดูเหมือนพอๆกัน แต่ลิเวอร์พูลอาจคุ้มต่อการลงทุนมากกว่าในมุมของค่าเหนื่อย ในโลกฟุตบอลมักจะมีดีลที่เหลือเชื่อแบบนี้แหละ ถ้าคุณเปรียบเทียบรายได้ระหว่างนูเญซกับฮาลันด์ มันมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด”
“คงจะมีการถกเถียงกันตลอด 12 เดือนข้างหน้าเมื่อเราเห็นว่าใครทำประตูได้มากกว่ากันในพรีเมียร์ลีก ทั้งคู่จะต้องปรับสไตล์ตัวเองให้เหมาะกับตำแหน่งเบอร์ 9 พวกเขาต่างมีจุดมุ่งหมายให้โฟกัสแล้ว”
การเข้ามาของนูเญซ แผนงานระยะยาวของคล็อปป์
เยอร์เกน คล็อปป์ กำลังทำภารกิจสร้างแนวรุก เน็กซ์-เจน หรือรุ่นต่อไปเพื่อทดแทนสามประสาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ บางที ดาร์วิน นูเญซ อาจเป็นตัวปิดจ็อบเพื่อที่คล็อปป์จะได้หันไปโฟกัสขุมกำลังอื่นโดยเฉพาะกองกลาง
คล็อปป์กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้ดีลนี้สำเร็จ “เป็นสุดยอดข่าว สุดยอดข่าวดีจริงๆ ผมขอขอบคุณทุกคนในสโมสรเป็นอย่างสูงที่ทำให้มันเกิดขึ้น พวกเราได้แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานที่จะยกระดับทีม”
“ดาร์วินเป็นผู้เล่นที่เหลือเชื่อมากแต่ยังมีช่องให้พัฒนาขึ้นไปอีก เขามีพร้อมทั้งอายุ ความปรารถนา และความกระหายที่จะเป็นนักเตะที่เก่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เขาเชื่อมั่นในแผนงานของสโมสร”
“เชาเชื่อว่าทีมเราเหมาะกับเขา และเราก็เชื่อว่าเขาเป็นชิ้นส่วนที่เข้ากับเรา เขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่เรามองหา เขาสามารถเซตจังหวะเกม นำพลังงานมาสู่ทีม สามารถสร้างพื้นที่ว่างทั้งจากตรงกลางและด้านกว้าง มีการเคลื่อนที่ที่เหลือเชื่อ เขาเล่นโดยปราศจากความหวาดกลัว ผมรู้ดีว่าเขาต้องทำให้แฟนบอลเราตื่นเต้นแน่”
“แต่มีสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องตระหนักคือ เรากำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนทำงานกับดาร์วิน จึงไม่ควรสร้างแรงกดดันให้เขามากเกินไป เกมบุกของเรามีแนวทางที่หลากหลายและเขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งแล้วตอนนี้ เขาเซ็นสัญญากับเราระยะยาว ดังนั้นคอยดูการเจริญเติบโตที่จะเกิดขึ้น”
“ดาร์วินมาเป็นสมาชิกใหม่คนล่าสุดที่เข้ามาอยู่ในครอบครัว ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ ซึ่งวิเศษสุด ผมมั่นใจว่าแฟนบอลของเราจะทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในบ้านตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่เข้ามาพร้อมนกลิเวอร์อยู่บนหน้าอกของเขา”
เคนคาดศึกชิง “โกลเด้น บู้ท” ซีซั่นนี้ดุเดือดเผ็ดร้อนแน่
ไม่ใช่แค่แฟนบอลและสื่อมวลชนที่ตื่นเต้นกับการเดินทางจากแผ่นดินใหญ่ทวีปยุโรปมาสู่เกาะอังกฤษของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ และ ดาร์วิน นูเญซ แต่ยังมีเพื่อนร่วมอาชีพด้วย หลายคนได้แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนรวมถึง แฮร์รี่ เคน ดาวซัลโวของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำ 3 สมัย
เคน ซึ่งเกือบได้ย้ายไปรับหน้าที่หัวหอกให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว มองว่า การมาของฮาลันด์และนูเญซจะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่ตัวเขาและทีมไก่เดือยทอง
สกายเบต หนึ่งในบริษัทรับพนันถูกกฎหมายในอังกฤษ ยกให้ฮาลันด์เป็นเต็งหนึ่งที่จะครอบครอง “โกลเด้น บู๊ท อะวอร์ด” ฤดูกาล 2022-23 ตามมาด้วยซาลาห์และเคน อันดับถัดมาได้แก่ คริสเตียโน่ โรนัลโด, ซน ฮึง-มิน และนูเญซ
เคน ในวัย 28 ปี ซึ่งยังไม่เคยคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ร่วมกับสเปอร์สเลย เคยได้ตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีกในซีซั่น 2015-16 จำนวน 25 ประตู, ซีซั่น 2016-17 จำนวน 29 ประตู และซีซั่น 2020-21 จำนวน 23 ประตู ส่วนซีซั่นที่แล้ว เคนลงเล่น 37 นัด ทำได้ 17 ประตู น้อยกว่าเจ้าของรองเท้าทองคำร่วม ซาลาห์และซน 6 ประตู
เคนมองว่า ฮาลันด์และนูเญซจะช่วยให้การแข่งขันในพรีเมียร์ลีกเข้มข้นดุเดือดขึ้น ดีลทั้งสองถือเป็นข่าวดีสำหรับกุนซือของเขา อันโตนิโอ คอนเต้ และ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
“การต่อสู้แย่งชิงโกลเด้นบู้ทเป็นงานหินเสมอ พรีเมียร์ลีกเป็นสังเวียนที่ผลิตท็อปสไตรคเกอร์มานานหลายปี ทุกๆซีซั่นที่ผ่านมา ผมต้องลงเล่นท่ามกลามสมรภูมิรบที่ดุเดือดแห่งนี้เสมอเพื่อครอบครองรองเท้าทองคำ ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน”
“คุณคาดหวังได้เลยว่า กองหน้าชั้นยอดต่างปรารถนาที่จะย้ายเข้ามาเล่นพรีเมียร์ลีก และการเซ็นสัญญาของทั้งคู่เป็นอีกตัวอย่าง แต่ผมคิดว่า นี่จะช่วยผมในฐานะนักฟุตบอลที่จะมีโอกาสเผชิญหน้าการแข่งขันที่ดีมีคุณภาพ มันจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ผมพัฒนาและเก่งขึ้น ผมกำลังรอคอยงานที่ท้าทายนั้น”
ฤดูกาลหน้า เคนและซนมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ระดับทวีปในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งจะช่วยยกระดับฝีเท้าของสองกองหน้าทีมสเปอร์สอย่างแน่นอน ขณะที่ใครก็ไม่สามารถตัดซาลาห์ออกจากโผลุ้นรองเท้าทองคำแม้อายุแตะหลัก 30 ปี รวมกับการเข้ามาของบรรดากองหน้ารุ่นต่อไปของลิเวอร์พูล
เหล่าดาวซัลโวหัวแถวของพรีเมียร์ลีกพร้อมแล้วที่จะรับการท้าทายของสองสมาชิกใหม่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ และ ดารวิน นูเญซ
เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา
Senior Football Editor