Categories
Football Business

ซาอุดิ โปร ลีก ของเล่นหรือเมกะโปรเจกต์ของมหาเศรษฐี

ย้อนกลับไปวันที่ 30 ธันวาคม 2022 มีรายงานข่าวใหญ่ อัล-นาสเซอร์ สโมสรชั้นนำของซาอุดิ อาระเบีย ปิดดีลสัญญากับ คริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือนเศษเพิ่งแยกทางกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนนั้นไม่มีใครคาดคิดว่า เจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัย จะเป็นคนเปิดทำนบให้สตาร์ลูกหนังไหลทะลักเข้าสู่ ซาอุดิ โปรเฟสชันแนล ลีก

เดอะ การ์เดียน สื่อคุณภาพของอังกฤษ ระบุว่า โรนัลโด ซึ่งเซ็นสัญญากับอัล-นาสเซอร์ ถึงปี 2025 ได้รับการันตีค่าเหนื่อยขั้นต่ำปีละ 90 ล้านยูโร แต่เมื่อรวมผลประโยชน์จากสปอนเซอร์และการตลาด จะหนุนตัวเลขขึ้นไปแตะหลัก 200 ล้านยูโรต่อปี ว่ากันว่าเขายังได้โบนัสเซ็นสัญญาฉบับนี้ราว 100 ล้านยูโร

ช่วงนั้น เหล่าคอมเมนเตเตอร์ของสื่อต่างๆมองการย้ายถิ่นค้าแข้งไปตะวันออกกลางของโรนัลโดว่า ตัวเขายังไม่คิดแขวนสตั๊ดแต่ไม่ได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ในยุโรป ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรียกค่าเหนื่อยที่สูงเกินไปสำหรับนักเตะที่อายุย่าง38 ปี ขณะที่อัล-นาสเซอร์พร้อมทุ่มไม่อั้น โรนัลโดจึงปฏิเสธข้อเสนอของสปอร์ติง แคนซัส ซิตี ในลีกสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นอีกทีมที่ยื่นข้อเสนออย่างจริงจัง

โรนัลโดพาอัล-นาสเซอร์สัมผัสได้เพียงตำแหน่งรองแชมป์ รอชน์ ซาอุดิ ลีก (Roshn Saudi League หรือ RSL) มี 67คะแนนจาก 30 นัด ตามหลัง อัล-อิตติฮัด 5 คะแนน แต่คล้อยหลังไม่นานหลังจากซีซัน 2022-23 ปิดฉากปลายเดือนพฤษภาคม ซาอุดิ โปร ลีก ที่ควรเงียบสงบเพราะเพิ่งเข้าสู่ช่วงออฟ-ซีซัน กลับสร้างความครึกโครมบนหน้าสื่อฟุตบอลทั่วโลกเมื่อมีข่าวหลายสโมสรใน RSL พยายามทุ่มเงินดึงนักเตะดังๆเข้าทีม หนึ่งในนั้นคือ อัล-ฮิลาล ซึ่งรั้งอันดับ 3 ตามหลังอัล-นาสเซอร์ 8 คะแนน

มีรายงานว่า อัล-ฮิลาล เสนอเงินให้ ลิโอเนล เมสซี ก้อนมหาศาลถึง 400 ล้านยูโร เพื่อบรรลุเป้าหมายให้เจ้าของบัลลงดอร์ 7 สมัย พาทีมระเบิดศึกดาร์บีแมตช์กรุงริยาดห์กับโรนัลโด แต่เมสซี ซึ่งเป็นฟรีเอเยนต์หลังหมดสัญญากับปารีส แซงต์-แยร์กแมง ปฏิเสธข้อเสนอของอัล-ฮิลาล แต่เลือกไปค้าแข้งในเมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ (MLS) กับทีมอินเตอร์ ไมอามี ของเดวิด เบคแฮม

หลังอกหักจากเมสซี อัล-ฮิลาล เบนเป้าหมายไปยัง เนย์มาร์ จูเนียร์ สตาร์กองหน้าวัย 31 ปีของทีมชาติบราซิล ซึ่งประสบปัญหาบาดเจ็บเกือบตลอดซีซันที่ผ่านมา และมีแนวโน้มอยากย้ายออกจากปารีส แซงต์-แยร์กแมง ในตลาดซัมเมอร์ปีนี้ แต่เชื่อว่า เนย์มาร์ยังอยากค้าแข้งในยุโรป

สตาร์หลั่งไหลเข้าซาอุดิตามหลังโรนัลโด

ซาอุดิ โปร ลีก กลายเป็นลีกเนื้อหอมที่สื่อลูกหนังชั้นนำให้ความสนใจทันทีเมื่อ คาริม เบนเซมา เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนล่าสุด ย้ายไปเล่นให้อัล-อิตติฮัด แบบฟรีค่าตัวและเซ็นสัญญา 2 ปี มูลค่า 400 ล้านยูโรเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2023 โดยแชมป์ลีกซาอุดิได้จัดพิธีเปิดตัวเบนเซมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ขณะเดียวกันกองหน้าฝรั่งเศสวัย 35 ได้ปิดฉากชีวิตค้าแข้งกับเรอัล มาดริด ด้วยโทรฟีความสำเร็จ 24 ใบระหว่างปี 2009–2023 รวมถึงแชมป์ลา ลีกา 4 สมัย และแชมป์แชมเปียนส์ ลีก 5 สมัย 

ทั้งโรนัลโดและเบนเซมา รวมถึงเมสซี 3 ดาวเตะเวิลด์คลาสมีจุดร่วมกันคือเป็นฟรีเอเยนต์ ซึ่งสโมสรได้ไปฟรีๆ จึงโฟกัสเฉพาะค่าเหนื่อย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เอ็นโกโล กองเต มิดฟิลด์ตัวรับวัย 32 ปี อำลาชีวิต 7 ปีในสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อไปเล่นกับเพื่อนทีมชาติ เบนเซมา ที่อัล-อิตติฮัด เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นักเตะดีกรีแชมป์โลก 2018 เซ็นสัญญา 4 ปี รับเงินตกปีละ 86 ล้านยูโร

3 วันต่อมา ความเชื่อว่า ซาอุดิ โปร ลีก เป็นขุมทองเฉพาะสตาร์ใกล้ปลดระวาง ไม่เป็นความจริงเสียแล้วเมื่อ รูเบน เนเวสกัปตันทีมวูลฟ์แฮมป์ตัน เซ็นสัญญา 3 ปีกับอัล-ฮิลาล ส่วนทีมหมาป่ารับค่าตัวไป 55 ล้านยูโร โดยเนเวสมีอายุเพียง 26 ปี เล่นให้ทีมชาติโปรตุเกสกว่า 40 นัด และได้รับความสนใจจากทีมใหญ่พรีเมียร์ลีก แถมก่อนย้ายมาค้าแข้งในเอเชียตะวันตก เนเวสเกือบได้ร่วมทีมบาร์เซโลนา แต่ปิดดีลไม่ลงเพราะบาร์ซาติดขัดเรื่องไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์

วันที่ 25 มิถุนายน เชลซี ซึ่งเร่งโละนักเตะเพื่อลดค่าใช้จ่าย ตัดสินใจขาย คาลิดู คูลิบาลี เซ็นเตอร์แบ็ควัย 32 ปี ทีมชาติเซเนกัล ให้อัล-ฮิลาล ในราคาเพียง 20 ล้านยูโร ลดลงครึ่งหนึ่งของค่าตัวที่จ่ายให้นาโปลีในตลาดซัมเมอร์ปีที่แล้ว โดยคูลิบาลี ซึ่งเซ็นสัญญา 3 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า เขาเป็นมุสลิม การมาอยู่ซาอุดิจึงเป็นไอเดียที่ดีสำหรับตัวเขาและครอบครัว สโมสรจะเปิดโอกาสให้เขาลงสนามมากๆเพื่อเตรียมตัวร่วมแอฟริกัน คัพ เขายังหวังจะครองแชมป์ลีกซาอุดิและอาเชียน แชมเปียนส์ ลีก

เอดูอาร์โด เมนดี เพื่อนร่วมทีมเชลซีและเซเนกัล ย้ายตามคูลิบาลีมาเล่นในซาอุดิเช่นกัน แต่เลือกเฝ้าประตูให้กับอัล-อาห์ลี ด้วยสัญญา 3 ปี นั่นเท่ากับเมนดีจะได้ดวลดาร์บีแมตช์เมืองจิดดาห์กับทีมอัล-อิตติฮัดของกองเต ส่วนเชลซีรับค่าตัวของนายทวารวัย 31 ปี เป็นเงินราว 18 ล้านยูโร

อัล-อาห์ลี ยังตกลงเซ็นสัญญาถึงปี 2026 กับ โรแบร์โต ฟีร์มีโน ยอดกองหน้าวัย 31 ปี ซึ่งเพิ่งหมดสัญญากับลิเวอร์พูล โบกมือลาแอนฟิลด์ที่ใช้ชีวิตนาน 8 ปี มีสถิติ 111 ประตู 79 แอสซิสต์รวมทุกรายการ ร่วมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมเปียนส์ ลีก รายการละ 1 สมัย

สตาร์นักบอลข้างต้นเป็นเพียง done deals เท่านั้นยังมีอีกหลายคนที่ตอบปฏิเสธไปแล้วหรือกำลังต่อรองบนโต๊ะเจรจาอยู่ แน่นอนว่าจะมีรายชื่อใหม่ๆผุดขึ้นบนรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยจนกระทั่งตลาดซัมเมอร์บนทวีปยุโรปปิดทำการในวันที่ 1 กันยายน แต่เชื่อได้ว่า ซาอุดิ โปร ลีก ยังจะเป็นเหมืองทองคำให้กับนักเตะทั่วโลกไปอีกระยะเวลาหนึ่ง ส่วนนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงของเจ้าของสโมสร, ซาอุดิ โปร ลีก และประเทศซาอุดิ อาระเบีย

อาจได้เห็นเคนหรือฮาลันด์ในตะวันออกลาง

a flash in the pan เป็นสำนวนในภาษาอังกฤษ มีความหมายว่า “สิ่งที่ให้ความหวังในตอนต้น แต่ต่อมากลายเป็นความผิดหวัง” หรือ “ความสำเร็จชั่วประเดี๋ยว” ซึ่งกลายเป็นประเด็นให้สื่อมวลชนและกูรูในวงการฟุตบอลถกเถียงกัน

ไซนีส ซูเปอร์ ลีก (Chinese Super League หรือ CSL) ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2004 หรือเกือบ 2 ทศวรรษที่แล้ว เป็นกรณีศึกษา ลีกแดนมังกรดึงดูดนักเตะฝีเท้าดีมีชื่อเสียงเข้ามาหลายคนอย่างเช่น ออสการ์ แนวรุกทีมชาติบราซิล ซึ่งย้ายจากเชลซีในตลาดฤดูหนาวปี 2017 มาเล่นให้ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี (ปัจจุบันคือ เซี่ยงไฮ้ พอร์ต) ด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร ซึ่งถือว่าสูงสุดในทวีปเอเชียขณะนั้น ออสการ์เซ็นสัญญา 4 ปี รับค่าเหนื่อยปีละประมาณ 24 ล้านยูโร

ตลาดซัมเมอร์ปี 2019 เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ยังคว้าตัว มาร์โก อาร์เนาโตวิช กองหน้าทีมชาติออสเตรีย ซึ่งขณะนั้นเป็นดาวดังของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เพิ่งครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดซีซัน 2018-19 ของสโมสร ความจริงแล้วเซี่ยงไฮ้เจรจาขอซื้ออาร์เนาโตวิชตั้งแต่ต้นปี 2019 ก่อนสมหวังในที่สุดที่ราคา 26 ล้านยูโร

เบื้องหลังการก่อตั้งไชนีส ซูเปอร์ ลีก เป็นความต้องการโดยตรงของประธานาธิบดี ซึ่งปรารถนาจะให้ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันฟุตบอลโลก มีทีมชาติที่ดีและลีกภายในประเทศที่ดี แต่ภายหลังพรรคคอมมิวนิสต์จีนเปลี่ยนแปลงนโยบาย พวกเขาไม่ต้องการเห็นเงินจำนวนมหาศาลในประเทศไหลเข้าสู่กระเป๋าชาวต่างชาติและทวีปยุโรป จึงกำหนดกฎเหล็กเพื่อขวางไม่ให้นักเตะต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาค้าแข้งในประเทศจีน

คาเวห์ โซลเฮคอล หัวหน้านักข่าวของสกาย สปอร์ตส์ นิวส์ ให้ความเห็นถึงซาอุดิ โปร ลีก ว่า เขาเชื่อมั่นประเทศซาอุดิ อาระเบีย มองเรื่องนี้เป็นแผนงานระยะยาว แถมพวกเขามีเงินมากกว่า และดูเหมือนจะมีความมุ่งมั่นจริงจังมากกว่าด้วย โดยสกาย สปอร์ตส์ นิวส์ ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าววงในว่า ภายในเวลา 5 ปี พวกเขาต้องการให้นักเตะ 100 คนที่เก่งที่สุดในโลก เข้ามาเล่นในซาอุดิ โปร ลีก

โรนัลโดถูกดึงเข้ามานำร่องเป็นรายแรก ซาอุดิยังพยายามโน้มน้าวเมสซีด้วยค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาล และยังได้เนเวส ยอดมิดฟิลด์ที่อายุเพิ่งเข้าช่วงพีคของอาชีพค้าแข้ง อีกทั้งเชื่อว่าจะมีนักเตะเชลซีอีกหลายคนตามกองเต, คูลิบาลี และเมนดี มายังตะวันออกกลาง โซลเฮคอลกล่าวด้วยว่า เขาไม่แปลกใจเลยหากสโมสรซาอุดิจะล็อกเป้าหมายไปที่ซูเปอร์สตาร์ระดับ แฮร์รี เคน หรือ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

โมฮัมเหม็ด ฮัมดี ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลตะวันออกกลาง ซึ่งเคยเป็นผู้อำนวยการของทีมอัล-จาซีรา ในลีกสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เชื่อมั่นว่า ซาอุดิ โปร ลีก สามารถดึงผู้เล่นตัวท็อปเข้ามาได้อย่างไม่ลำบากนัก

“พวกเขามีโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์ สามารถเป็นเจ้าภาพเวิลด์คัพ ซึ่งเราเห็นสิ่งที่เกิดกับกาตาร์ไปแล้วว่าเป็นอีเวนท์ที่น่าทึ่งขนาดไหน แผนระยะยาวจะสามารถดึงดูดลิขสิทธิ์โทรทัศน์ สื่อมวลชน สปอนเซอร์ และนักท่องเที่ยว เข้ามายังประเทศได้มากมาย ตอนนี้ไม่ใช่แค่นักเตะใกล้ปลดระวาง แต่คุณได้เห็นผู้เล่นหนุ่มๆก้าวเท้าเข้ามายังซาอุดิ โปร ลีก อีกด้วย”

การลงทุนใน RSL เพื่อเศรษฐกิจชาติที่ยั่งยืน

หัวหน้านักข่าวของสกาย สปอร์ตส์ นิวส์ เสนอมุมมองถึงสาเหตุที่ซาอุดิ อาระเบีย เริ่มทุ่มเงินดึงนักบอลต่างชาติมาเล่นลีกในประเทศภายในเวลาเพียงครึ่งปีนับจากอัล-นาสเซอร์เซ็นสัญญากับโรนัลโดว่า พวกเขาต้องการขยายเศรษฐกิจให้เติบโตเพื่อเป็นหลักประกันสถานะการเงินในอนาคต เพราะที่ผ่านมา รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายน้ำมัน ซึ่งแน่นอน เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีวันหมด และมนุษย์พยายามพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อพึ่งพาน้ำมันน้อยลง 

ด้วยเหตุนี้ ซาอุดิ อาระเบีย จึงเบนเข็มไปยังธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอื่นๆผ่านกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (Public Investment Fund หรือ PIF) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสินทรัพย์รวมโดยประมาณอย่างน้อย 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยกองทุนตั้งขึ้นเมื่อปี 1971 มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนกองทุนในนามของรัฐบาลซาอุดิ อาระเบีย ตัวอย่างในวงการฟุตบอลคือ การเข้าซื้อกิจการ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สโมสรในพรีเมียร์ลีก

โซลเฮคอลระบุว่า ซาอุดิ อาระเบีย มั่นใจว่ากีฬาสามารถเจริญเติบโตได้สูงโดยเฉพาะฟุตบอลลีก พวกเขาต้องการสร้างธุรกิจและอุตสาหกรรมสันทนาการและบันเทิงของตัวเอง เนื่องจากฟุตบอลได้รับความนิยมอย่างมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ในหมู่ประชากรอายุต่ำกว่า 40 ปี และในเวิลด์คัพ 2022 ที่กาตาร์ ซาอุดิ อาระเบีย ยังเปิดสนามได้สวยล้มอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นแชมป์ในท้ายที่สุด ด้วยสกอร์ 2-1 นอกจากกีฬา พวกเขายังหวังขยายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศด้วย

โซลเฮคอลเสริมด้วยว่า ชนชั้นปกครองซาอุดิ อาระเบีย สัมผัสรับรู้ถึงความสนใจของประชาชนและมีแนวคิดว่า แทนที่จะให้คนชาติอื่นนำเงินออกจากกระเป๋าของคนรักกีฬา ทำไมไม่ทำเสียเองและเก็บเงินเหล่านั้นไว้ในอาณาเขตของตนเอง อีกทั้งยังทำให้คนทั่วโลกรู้จักซาอุดิ อาระเบีย และใช้จ่ายเงินสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกด้วย

ซาอุดิ โปร ลีก ครั้งที่ 48 คิกออฟสิงหาคมนี้

ซาอุดิ โปรเฟสชันแนล ลีก เป็นลีกฟุตบอลอาชีพระดับเทียร์ 1 ของซาอุดิ อาระเบีย หรือรู้จักอีกชื่อหนึ่งคือ รอชน์ ซาอุดิ ลีกซึ่งตั้งตามชื่อสปอนเซอร์คือ รอชน์ บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเซ็นสัญญาสนับสนุน 5 ปีในเดือนสิงหาคม 2022

สหพันธ์ฟุตบอลซาอุดิ อาระเบีย (Saudi Arabia Football Federation หรือ SAFF) จัดการแข่งขันครั้งแรกในซีซัน 1976-77 หรือเกือบครึ่งศตวรรษที่แล้ว ระยะแรกเป็นทัวร์นาเมนท์แบบพบกันหมด (round-robin) เหมือนระบบฟุตบอลลีกทั่วโลก จนกระทั่งซีซัน 1990-91 สหพันธ์ฯตัดสินใจรวมฟุตบอลลีกกับคิงส์คัพไว้ด้วยกัน โดยหลังจบการแข่งขันฤดูปกติ ทีมที่ติด 4 อันดับแรกของตารางลีก จะผ่านเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศของ Golden Box เพื่อคัดทีมชนะไปเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งซีซันแรกของระบบนี้ อัล-ชาบับ ชนะ อัล-นาสเซอร์ 1-0 ก่อนกลับมาใช้ระบบฟุตบอลลีกตั้งแต่ซีซัน 2007-08 จนทุกวันนี้

นับตั้งแต่จัดครั้งแรกในซีซัน 1976-77 อัล-ฮิลาล ประสบความสำเร็จ ชนะเลิศซาอุดิ โปร ลีก มากได้ถึง 18 สมัย และเป็นรองแชมป์ 15 สมัย รองลงก็ได้แก่ อัล-อิตติฮัด แชมป์ 9 สมัย รองแชมป์ 8 สมัย และ อัล-นาสเซอร์ แชมป์ 9 สมัย รองแชมป์ 7 สมัย

แต่ถ้าจัดทำเนียบแชมป์ตามเมือง สโมสรลูกหนังในเมืองหลวง กรุงริยาดห์ คว้าถ้วยรางวัลรวมกัน 33 ครั้ง แบ่งเป็น อัล-ฮิลาล 18 ครั้ง, อัล-นาสเซอร์ 9 ครั้ง และ อัล-ชาบับ 6 ครั้ง ตามมาห่างๆคือ เมืองเจดดาห์ 13 ครั้ง แบ่งเป็น อัล-อิตติฮัด 9สมัย กับ อัล-อาห์ลี 4 สมัย

ขอบคุณภาพจาก  https://saudigazette.com.sa/article/632978

รอชน์ ซาอุดิ ลีก ซีซัน 2023-24 จะจัดแข่งขันตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2023 ถึงเดือนพฤษภาคม 2024 เป็นศึกลูกหนังลีกสูงสุดครั้งที่ 48 ของประเทศ โดยครั้งนี้ สหพันธ์ฯเพิ่มจำนวนสโมสรเป็น 18 ทีมจากเดิม 16 ทีมในซีซันที่แล้ว ส่วนแชมป์เก่าคือ อัล-อิตติฮัด ขณะที่ 4 ทีมน้องใหม่ที่ขึ้นมาจากดิวิชั่น 1 ได้แก่ อัล-อาห์ลี, อัล-ฮาเซม, Al-Okhdood และ อัล-ริยาดห์

สหพันธ์ฯกำหนดให้แต่ละสโมสรลงทะเบียนนักเตะต่างชาติได้ 8 คน ซึ่งด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ เชื่อได้เลยว่า นักเตะแถวหน้าทั้งฝีเท้าและชื่อเสียงจะพาเหรดตบเท้าเข้าสู่ซาอุดิ โปร ลีก อีกหลายคนก่อนที่ตลาดจะปิดทำการ และจะเป็นลีกที่ถูกแฟนบอลทั่วโลกเฝ้าจับตาเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เพียงอัล-นาสเซอร์ ที่มีโรนัลโด ทีมเดียวอย่างฤดูกาลที่ผ่านมา

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)