Categories
Feature

ซน ฮึง-มิน ชีวิต 1 ทศวรรษในเสื้อสเปอร์ส

ซน ฮึง-มิน ประกาศยุติชีวิตนักฟุตบอลของทอตแนม ฮอทสเปอร์ นับตั้งแต่ย้ายมาจากไบเวอร์ เลเวอร์คูเซน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2025 ผู้เล่นสเปอร์สและนิวคาสเซิลได้ตั้งแถวเกียรติยก (guard of honor) ปรบมือให้ “ซอนนี” หลังถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 65 ของแมตช์กระชับมิตรที่โซล เวิลด์คัพ สเตเดียม ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจบด้วยผลแข่งขัน 1-1

นั่นเป็นการลงสนามนัดสุดท้ายในยูนิฟอร์มสเปอร์สของซน ก่อนได้รับการประกาศเป็นนักเตะคนใหม่ของลอส แอนเจลีส เอฟซี ในสหรัฐอเมริกา

กองหน้าวัย 33 ปี เปิดใจภายหลังว่า “ผมไม่คิดว่าตัวเองจะร้องไห้หรอกนะ จนกระทั่งได้ยินคำพูดของเพื่อนร่วมทีม และแว้บคิดว่าต้องจากสโมสรที่ผมใช้เวลายาวนาน”

“ผมรู้สึกมีความสุขจริงๆ กับแมตช์นี้ ขอขอบคุณแฟนบอล เพื่อนร่วมทีม และทีมคู่แข่งด้วย นี่จะเป็นวันหนึ่งที่ผมไม่มีวันลืม แต่อาชีพนักเตะของผมยังไม่สิ้นสุด ผมต้องการเล่นต่อไปเพื่อนำความสนุกสนานมอบให้กับแฟนๆ ผมรู้ดีว่ายังอยากประสบความสำเร็จต่อไปในฐานะนักฟุตบอล”

ซนเริ่มเส้นทางกีฬาลูกหนังกับอะคาเดมีของเอฟซี โซล (2008) และฮัมบวร์ก (2008 – 2010) ซึ่งกับทีมสิงห์เหนือ ซนถูกโปรโมทขึ้นชุดซีเนียร์ (2010 – 2013) ก่อนย้ายไปอยู่เลเวอร์คูเซน (2013 – 2015) และสเปอร์ส (2015 – 2025) ตามลำดับ โดยได้สัมผัสโทรฟีระดับสโมสร 1 รายการคือ แชมป์ยูโรปา ลีก 2024-25 และได้รองแชมป์ 2 รายการได้แก่ แชมเปียนส์ ลีก 2018-19 และอีเอฟแอล คัพ 2020-21

สเปอร์สจะเชิดชูรำลึกถึงซนตลอดไป

“ผมไม่แน่ใจว่าจะได้เห็นคนอย่างซอนนีอีกที่ทอตแนม” เควิน วิมเมอร์ เพื่อนสนิทของซนและอดีตผู้เล่นสเปอร์ส ให้สัมภาษณ์กับ BBC Sport “การได้อยู่กับสโมสรหนึ่งนานถึง 10 ปี โดยเฉพาะทีมใหญ่อย่างสเปอร์ส จนถึงวันนี้และด้วยอายุขนาดนี้ นับเป็นความสำเร็จที่วิเศษสุด”

ซนอำลากรุงลอนดอนด้วยสถิติ 454 นัด 173 ประตูนับตั้งแต่เมาริซิโอ โปเซตติโน ผู้จัดการทีมขณะนั้น ดึงตัวมาจากเลเวอร์คูเซน ทำให้แนวรุกเกาหลีใต้เป็นนักเตะเอเชียค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยซน ซึ่งอายุ 23 ปีในปี 2015 มีค่าตัว 22.5 ล้านปอนด์

เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ ซนเพิ่งช่วยทีมชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก ยุติการเฝ้ารอถ้วยชนะเลิศรายการเมเจอร์ของสเปอร์สที่ยาวนานถึง 17 ปี

ขอบคุณภาพจาก  https://www.latimes.com/sports/soccer/lafc/story/2025-08-05/south-korean-superstar-son-heung-min-is-signing-with-lafc-for-mls-record-transfer-fee

มิคกี ฮาซาร์ด อดีตผู้เล่นสเปอร์สชุดแชมป์เอฟเอ คัพ 1982 และยูฟา คัพ 1984 กล่าวว่า “เราต่างรักนักเตะที่ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อสโมสร และซอนนีจะได้รับการเชิดชูและรำลึกถึงจากผู้คนที่นี่ตลอดไป”

สำหรับแฟนบอลสเปอร์ส ไม่มีใครลืมโมเมนต์ที่ซนพาบอลจากกรอบเขตโทษฝั่งตัวเอง เลี้ยงผ่านการป้องกันคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่า ก่อนซัดผ่านนิค โป๊ป นายทวารเบิร์นลีย์ เข้าไปในปี 2019 

ส่วนเหตุการณ์นอกสนาม เพื่อนๆ ยังไม่ลืมความรู้สึกประทับใจกับน้ำใจและการต้อนรับอย่างอบอุ่นตอนที่ซนเลี้ยง KBBQ หรือบาร์บีคิวเกาหลีทั้งทีมระหว่างพรีซีซันทัวร์เกาหลีใต้เมื่อปี 2022 และยังมอบของขวัญเป็นที่ระลึกให้กับทุกคนในวาระทีมสเปอร์สเดินทางมาเยือนบ้านเกิดของเขา

ฮาซาร์ดยังเปิดใจกับ BBC Sport ด้วยว่า “ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับซอนนีตอนที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาทอตแนม แต่ผ่านไป 10 ไป เขาจากสโมสรไปในฐานะตำนาน”

1 ถ้วยเมเจอร์กับรางวัลส่วนตัวที่มากมาย

ก่อนโปเซตติโนได้ซนมาเล่นให้สเปอร์ส กุนซืออาร์เจนไตน์เคยโดนปฏิเสธเมื่อปี 2013 ขณะคุมทีมเซาแธมป์ตัน ซึ่งขณะนั้นอยู่ในพรีเมียร์ลีก 

โปเซตติโนได้นัดพบซน ดาวรุ่งวัย 20 ที่กำลังเริ่มสร้างชื่อเสียงกับทีมฮัมบวร์ก และซน วูง-จุง คุณพ่อและเอเยนต์ พยายามโน้มน้าวให้ซนมั่นใจว่า เซาแธมป์ตันเป็นสโมสรอุดมคติที่สามารถเสริมสร้างและพัฒนาการเล่นฟุตบอล แต่ซนกลับเลือกไปอยู่และใช้เวลา 2 ปีที่เลเวอร์คูเซน ก่อนสุดท้ายก็มีโอกาสร่วมงานกับโปเซตติโน ซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมสเปอร์สก่อนหน้านี้ 15 เดือน

ที่ลอนดอน ซนพบความยากลำบากช่วงแรกๆ จนตัดสินใจขอย้ายทีมทั้งที่เพิ่งใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีจากสัญญา 5 ปีที่เซ็นกับสเปอร์ส แต่ท้ายสุด ซนอยู่ต่อและต่อสู้เพื่อตำแหน่งตัวจริง

ตลอด 1 ทศวรรษกับสเปอร์ส แม้ได้เหรียญแชมป์ยูโรปา ลีก เพียงรายการเดียว แต่มีรางวัลส่วนตัวมาประดับเกียรติยศไม่น้อย รวมถึงรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีก 2021-22 ซึ่งมีสถิติ 23 ประตูเท่ากับโม ซาลาห์ สตาร์ทีมลิเวอร์พูล และฟีฟา ปุสกาส อะวอร์ด หรือรางวัลที่มอบให้ผู้ทำประตูสวยงามที่สุด ซึ่งก็คือประตูยอดเยี่ยมที่ซนทำทีมเบิร์นลีย์ในปีปฏิทิน 2019นั่นเอง

ขอบคุณภาพจาก  https://hypebeast.com/2022/6/heung-min-son-left-out-of-team-of-the-year

ซนยังได้รางวัลประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก 4 ครั้งสำหรับนักเตะยอดเยี่ยม และ 2 ครั้งสำหรับประตูยอดเยี่ยม รวมถึงผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสเปอร์ส 3 สมัย

สำหรับตัวอย่างในมุมของความผิดหวัง หนีไม่พ้นแพ้ลิเวอร์พูลในนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ ลีก 2019 และแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี ในนัดชิงชนะเลิศอีเอฟแอล คัพ 2021

ปี 2019 ซนเสียใจที่เข้าไปเสียบสกัดจนอังเดร โกเมส กองกลางทีมเอฟเวอร์ตัน บาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ข้อเท้า และได้รับใบแดงออกจากสนาม

แม้ทุ่มเทเอาจริงเอาจังกับการต่อสู้บนสนามหญ้า แต่ซนแสดงให้เห็นถึงด้านอ่อนโยนจนได้รับฉายาจากแฟนบอลว่า Mr. Nice Guy อาทิหลังจบแมตช์บอลถ้วยอีเอฟแอล รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในเดือนธันวาคม 2021 ซึ่งสเปอร์สชนะเวสต์แฮม มีแฟนบอลรุ่นเยาว์คนหนึ่งวิ่งลงสนามมุ่งไปหาดาวเตะเกาหลีใต้ แต่ไม่ทันถึงตัวก็ถูกเจ้าหน้าที่สนามจับตัวไว้ได้ก่อน ขณะที่เด็กถูกพาตัวเพื่อออกไปจากสนาม ซนเดินตามมาจนทัน ได้ถอดเสื้อและมอบให้กับเด็กคนนั้น

ซนเทียบเท่า BTS และ Blackpink ในเกาหลีใต้

ย้อนเวลาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ไม่กี่นาทีก่อนทีมสเปอร์สสัมผัสแผ่นดินเกาหลีใต้ในการทัวร์พรีซีซัน แฟนบอลหลายร้อยคนได้รวมตัวอยู่ภายในสนามบินนานาชาติอินชอน ประหลาดใจสุดๆ กับการปรากฏตัวไม่คาดฝันของซน ซึ่งกำลังพักร้อนอยู่ในเกาหลีใต้ โบกป้าย “’Welcome to Seoul” ให้เพื่อนร่วมทีมที่กำลังเดินออกมาจากช่องผู้โดยสายขาเข้า

ซองโม ลี นักข่าวชาวเกาหลีใต้ ย้อนอดีตกับ BBC Sport ว่า “ผมอยู่ที่สนามบินอินชอนวันนั้นด้วย ตอนที่ซนโผล่ออกมา ปฏิกิริยาของแฟนบอลราวกับกำลังต้อนรับวง Oasis กับ Coldplay ขณะกำลังออกมาบนเวทีคอนเสิร์ต”

สำหรับซนที่เกาหลีใต้ ไม่ใช่แค่ข่าวใหญ่แต่เป็นข่าวมหึมา

ซองโม ลี เสริมต่อว่า “จากการค้นคว้าวิจัยว่า ใครเป็น brand value ที่มีคุณค่าสูงสุดในหมู่ประชากรเกาหลีใต้ ซนมักติดท็อป 3 เสมอทุกครั้งที่ผลสำรวจประกาศออกมา ร่วมกับดาวดัง เค-ป๊อป อย่าง BTS และ Blackpink หนึ่งในหลายเหตุผลคือ ในสายตาของคนเกาหลีใต้ ซนเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ และเป็นความภาคภูมิใจของประเทศ”

ออราบนใบหน้าของซนเปล่งประกายออกมาจากป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์ที่โฆษณาสินค้าต่างๆ ตั้งแต่เสื้อผ้ายันไอศกรีม ภาพของดาวเตะสเปอร์สยังปรากฏข้างรถบัสโปรโมทการท่องเที่ยวกรุงโซล ส่วนที่ชุนชอน บ้านเกิดของซน ซึ่งห่างจากโซล 50 ไมล์ สถาบันฝึกฟุตบอลเยาวชนแห่งหนึ่งติดตั้งภาพจิตรกรรมขนาดใหญ่ของซนและครอบครัวเป็นเกียรติ

ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็คขวาทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเคยเล่นให้สเปอร์สระหว่างปี 2009 – 2017 เคยเดินทางร่วมกับซนเพื่อประชาสัมพันธ์สโมสรที่โซลหลังจากสเปอร์สเพิ่งเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีก 2016-17 ขณะที่วิมเมอร์และเบน เดวีส์ กองหลังชาวเวลส์ ร่วมทริปนี้ ทำหน้าที่พบปะสปอนเซอร์และแฟนบอลของสเปอร์ส ซึ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นหลังการเซ็นสัญญาของซน

ขอบคุณภาพจาก  https://www.france24.com/en/live-news/20250806-son-draws-fans-to-airport-even-though-mls-deal-not-official

วอล์คเกอร์ ซึ่งอยู่กับสเปอร์ส 8 ปีก่อนย้ายไปเล่นให้แมนฯซิตี ในปี 2017 กล่าวผ่านพอดแคสท์ “’You’ll Never Beat Kyle Walker” ว่า “เราปรากฏตัวและต้องขึ้นรถล่อเพื่อหลบหนีจากฝูงชนที่พยายามหยุดรถทุกคันเพราะต้องหาเห็นตัวเป็นๆ ของซน พอกลับถึงโรงแรม ก็ต้องอยู่ที่นั่นตลอดคืนเพราะแฟนๆ นั่งรอซนอยู่ข้างนอก เป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อมากๆ ผมเคยเห็นอะไรแบบนี้กับเวย์น รูนีย์, แฟรงค์ แลมพาร์ด และเดวิด เบคแฮม แต่เทียบไม่ได้เลยกับซอนนีในประเทศของเขา”

วิมเมอร์ ซึ่งยังติดต่อใกล้ชิดกับซนหลังจากย้ายออกสเปอร์สปี 2017 เสริมว่า “ไปกับซนเหมือนไปกับร็อคสตาร์ ผมมักหยอกเขาบ่อยๆ เรื่องนี้ ผมพูดว่า ‘นายเป็นคนสำคัญมากที่สุดในเกาหลีใต้’ ซนจะปฏิเสธประมาณ ‘ไม่หรอก ไม่มีอะไรพิเศษขนาดนั้น’ แต่มันใช่เลย”

วิมเมอร์ อดีตกองหลังออสเตรีย ย้ายจากโคโลญจน์มาอยู่ไวท์ ฮาร์ท เลน ในฤดูร้อนปี 2015 ก่อนหน้าซน 3 เดือน ทั้งคู่รู้จักกันดีเพราะต่างค้าแข้งในบุนเดสลีกาด้วยกัน ก่อนสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้นในลอนดอน ระยะแรกๆ ยังพูดกันด้วยภาษาเยอรมันขณะพยายามพัฒนาภาษาอังกฤษ แต่เพียงปีเดียว วิมเมอร์ถูกขายให้สโต๊กในราคา 18 ล้านปอนด์ แต่ซอนยังอยู่และกลายเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะสเปอร์ส

เพิ่งยอมรับตนเองเป็นตำนานของสเปอร์ส

ช่วง 2 ปีที่สเปอร์สไม่มีแฮร์รี เคน ซึ่งย้ายไปล่าประตูต่อกับบาเยิร์นเมื่อสิงหาคม 2023 พร้อมทิ้งสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดการของสโมสรไว้ที่ 280 ประตูจาก 435 นัด เป็นซนต้องก้าวขึ้นมาสานต่อ

ซนผลิต 17 ประตู 10 แอสซิสต์จาก 35 นัดในพรีเมียร์ลีก ซีซัน 2023-24 และสเปอร์สจบที่อันดับ 5 ของตาราง แต่ผลงานดร็อปเหลือ 7 ประตู 9 แอสซิสต์จาก 30 นัดในซีซัน 2024-25 และยังบาดเจ็บท้ายซีซัน ทำให้ต้องนั่งเก้าอี้สำรองนัดชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก ก่อนลงมาแทนริชาร์ลิสันในนาทีที่ 67

4 วันหลังเฉือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ก่อนคิกออฟนัดสุดท้ายพรีเมียร์ลีกในบ้านกับไบรท์ตัน อดีตดาวดังสเปอร์สอาทิ ออสซี อาร์ดิเลส, แพท เจนนิ่งส์, คีธ เบอร์กินชอว์ และมาร์ติน คีเวอร์ส ได้ตั้งแถวเกียรติยศปรบมือให้ผู้เล่นไก่เดือยทอง นำโดยซนที่ถือถ้วยยูโรปา ลีก เดินลงสนาม เพื่อสดุดีความสำเร็จที่รอคอยมานานของสโมสร

ฮาซาร์ด อดีตมิดฟิลด์สเปอร์ส เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า “ซอนนีจับมือกับพวกเราทุกคนและเอ่ยปากว่า ‘ตอนนี้ ผมนับเป็นตำนานได้แล้ว’ แม้ว่าเขาทำอะไรให้สโมสรมากมายตลอด 10 ปี แต่ยังไม่เคยมองว่าตนเองเป็นตำนานจนกระทั่งชนะเลิศรายการแรกกับสเปอร์ส ผมมองว่าเป็นสิ่งที่พิเศษและสวยงามมาก ซึ่งบอกได้ถึงแคแรกเตอร์ของซอนนี”

วิมเมอร์ ซึ่งตอนนี้เล่นกับทีมสโลแวน บราติสลาวา ในสโลวาเกีย ส่งข้อความถึงซนทันทีหลังจบนัดชิงชนะเลิศที่บิลเบาเพื่อแสดงความยินดีกับเพื่อนชาวเกาหลีใต้ที่ช่วยให้สเปอร์สครองแชมป์ทวีปยุโรประดับเมเจอร์รายการแรกนับตั้งแต่ปี 1984

“คงมีหลายร้อยข้อความที่ซอนนีได้รับคืนนั้น แต่เขายังหาเวลาตอบกลับผม ผมดีใจจริงๆ ที่ซอนนีได้สัมผัสโทรฟีกับมือตัวเองในท้ายที่สุด” วิมเมอร์กล่าว

รอยเท้าที่ทิ้งไว้ก่อนไปจากลอนดอน

สถิติส่วนตัวเป็นการยืนยันความยิ่งใหญ่ของซนในเสื้อสีขาว 173 ประตู สูงเป็นอันดับ 5 ในประวัติศาสตร์สโมสร บวก 101 แอสซิสต์จาก 454 นัด และ 127 ประตูที่ทำได้บนสังเวียนพรีเมียร์ลีก สูงเป็นอันดับ 16 ร่วมในประวัติศาสตร์รายการนี้

ขอบคุณภาพจาก  https://edition.cnn.com/2023/02/20/football/son-heung-min-online-abuse-tottenham-hotspur-spt-intl

ซนยังทำสถิติแอสซิสต์สูงสุดในพรีเมียร์ลีกของสเปอร์ส 71 ครั้ง และซีซัน 2021-22 ซนเป็นผู้เล่นเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ ซึ่งทำ 23 ประตูเท่ากับซาลาห์ แต่ซีซัน 2024-25 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ซนทำสกอร์พรีเมียร์ลีกไม่ถึงตัวเลข 2 หลักนับตั้งแต่ร่วมทีมสเปอร์ส ซึ่งจบการแข่งขันเหนือโซนตกชั้นเพียง 1 อันดับ

นอกจากประตู ซนยังมีอิทธิพลต่อทีมในด้านอื่นอีก แอสซิสต์เฉลี่ย 0.38 ครั้งต่อ 90 นาทีในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว สร้างโอกาสทองเฉลี่ย 0.68 ครั้ง สูงเป็นอันดับ 5 ในบรรดานักเตะที่เล่นเกิน 1,000 นาทีแม้สเปอร์สจบอันดับ 17 ตำแหน่งสุดท้ายก่อนโซนตกดิวิชัน

ฤดูกาล 2024-25 สเปอร์สชนะบอลลีก 42% ในเกมที่ซนลงตัวจริง เทียบกับแค่ 7% ที่ไม่มีเขา และสเปอร์สเอาชนะคู่แข่งไม่ได้ถึง 13 จาก 14 นัดที่ไม่มีกัปตันทีมชาวเกาหลีใต้

สเปอร์สที่มีชื่อซนอยู่ในผู้เล่น 11 คนแรก ทำผลงานเฉลี่ย 2.1 ประตูและ 1.4 คะแนนต่อนัด แต่ไม่มีเขา ตัวเลขลดเหลือ 1.0ประตูและ 0.4 คะแนน 

รอยเท้าของซนที่ทิ้งให้โธมัส แฟรงค์ ซึ่งเข้ามาคุมทีมสเปอร์สแทนอังเก ปอสเตโคกลู ช่างใหญ่เหลือเกินที่จะหานักเตะคนไหนเข้ามาทาบ

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)