Categories
Special Content

พรีเมียร์ลีกส่ง “จอมยุทธ์เฒ่า” ถ่ายทอดเคล็ดวิชาแก่ศิษย์วัยละอ่อน

ช่วงตลาดซัมเมอร์รอบนี้มีข่าวเล็ก ๆ เรียกรอยยิ้มจากการโปรยหัวข่าวเล่นมุขของสื่อมวลชนกับการที่สองสโมสรใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล เซ็นสัญญานักเตะใกล้ปลดระวางอายุสามสิบกลาง ๆ ซึ่งถ้าเป็นฝีเท้าระดับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี คงเรียกเสียงฮือฮาไม่ใช่เสียงฮาจากแฟนบอลที่มึนตึ๊บกับชื่อของ ทอม ฮัดเดิลสโตน (35 ปี) และ เจย์ สเปียริ่ง (33 ปี) จนกระทั่งได้รับการเฉลยจากเนื้อข่าวว่า ทั้งสองโดนดึงเข้ามารับงานเพลเยอร์แอนด์โค้ชของทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งลงแข่งขันในพรีเมียร์ลีก 2 ที่พัฒนามาจากลีกทีมสำรองเมื่อครั้งอดีต

ฮัดเดิลสโตนและสเปียริ่งเป็นตัวอย่างของนักเตะอายุเกินในพรีเมียร์ลีก 2 ซึ่งกูรูลูกหนังมองว่านี่เป็น “นวัตกรรม” หรือสิ่งใหม่ที่สามารถพัฒนาวงการลูกหนังประเทศอังกฤษให้เติบโตอย่างมีนัยยะและเป็นรูปธรรม

พรีเมียร์ลีก 2 เป็นการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งผู้เล่นในฤดูกาล 2022-23 จะต้องเกิดหลังวันที่ 1มกราคม 2001 แต่กฎอนุญาตให้สโมสรส่งผู้รักษาประตูอายุเกินลงสนามได้หนึ่งคนต่อนัด และผู้เล่นอายุเกินตำแหน่งอื่นอีกห้าคน อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่โควตาอายุเกินจะเป็นนักเตะอายุประมาณ 22-23 ปี ขณะที่นักเตะวัยใกล้แขวนสตั๊ดจึงเป็นความแปลกใหม่ (ก่อนหน้านี้ พรีเมียร์ลีก 2 เป็นลีก ยู-23 แต่เพิ่งปรับลงเหลือ ยู-21 ในซีซั่นนี้เพื่อให้ใกล้เคียงอายุเฉลี่ยจริงที่ลงแข่งขัน)

การเข้ามาของนักเตะวัยเก๋าไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชัยชนะ แต่จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำแก่นักเตะวัยละอ่อนทั้งระหว่างการแข่งขันและขณะฝึกซ้อมทุกวัน

เมื่อปีที่แล้ว เซาแธมป์ตันเซ็นสัญญากับ โอลลีย์ แลงคาเชียร์ ซึ่งกลับมาสวมยูนิฟอร์มทีมนักบุญแดนใต้อีกครั้งแม้เป็นชุด ยู-23 หลังจากใช้เวลา 11 ปีกับหลายสโมสรในลีกรองอย่าง วอลซอลล์, อัลเดอร์ชอต, โรชเดล, ชรูว์บิวรี, สวินดอน และครูว์ 

เซ็นเตอร์แบ็ควัย 33 ปี กล่าวถึงบทบาทนักเตะอายุเกินในพรีเมียร์ลีก 2 ว่า “งานของผมคือการวางมาตรฐาน ผมต้องแสดงให้พวกเขาเห็นทุกวันว่าอะไรเป็นสิ่งที่นักฟุตบอลอาชีพควรทำหรือวางตัวอย่างไร ไม่ว่าคุณจะเล่นในทีมชุดใหญ่พรีเมียร์ลีกหรือลีกทู”

“สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมให้พวกเขาเกิดความคุ้นเคย ไม่ประหลาดใจเวลาเจอของจริง อีกนัยหนึ่งผมจะสอนให้เด็กๆตระหนักว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอะไรบ้างที่รออยู่ข้างหน้าหากต้องการเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จ”

ทางด้าน เจย์ สเปียริ่ง เป็นนักเตะที่เติบโตจากอะคาเดมีของลิเวอร์พูล อยู่ในทีมเยาวชนระหว่างปี 1997 – 2008 แต่มีโอกาสลงสนามให้ทีมชุดใหญ่หงส์แดงในบอลลีกเพียง 30 นัดระหว่างปี 2008 –  2013 จากนั้นย้ายไปค้าแข้งกับ โบลตัน, แบล็คพูล และทรานเมียร์ ก่อนกลับมาทำงานในแอนฟิลด์อีกครั้ง

มิดฟิลด์ตัวรับวัย 33 ปี กล่าวว่า “ถ้าเด็กๆต้องการคำแนะนำจากผมไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ผมจะเป็นเสมือนหนังสือคู่มือให้พวกเขาพลิกหาคำตอบ งานของผมก็คือเป็นคนชี้นำและช่วยพวกเขาได้เติบโตอย่างเหมาะสมเพื่อขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่”

“พรีเมียร์ลีก 2” สนามของเหล่านกน้อยหัดบิน

พรีเมียร์ลีก 2 เป็นส่วนหนึ่งของระบบพัฒนาฟุตบอลระดับเยาวชนในประเทศอังกฤษ บริหารจัดการและควบคุมโดยพรีเมียร์ลีก เดิมทีเป็นลีกของนักฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนปรับอายุลงมาเหลือ 21 ปีในฤดูกาล 2022-23 เนื่องจากอายุเฉลี่ยของทีมส่วนใหญ่อยู่ที่ 19 ปี

ขอบคุณภาพจาก  https://www.premierleague.com/premier-league-2-explained

พรีเมียร์ลีก 2 ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อให้นักเตะเยาวชนได้รับประสบการณ์ใกล้เคียงกับทีมชุดใหญ่มากที่สุดทั้งในเรื่องของเทคนิค สภาพร่างกาย และระดับความเข้มข้นของการแข่งขัน เป็นกระบวนการหนึ่งเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนก้าวขึ้นสู่เกมระดับซีเนียร์ นอกจากเกมลีกแล้วยังมีบอลถ้วย อีเอฟแอล โทรฟี และการแข่งขันระดับนานาชาติ

พรีเมียร์ลีก 2 แบ่งเป็นสองระดับคือ ดิวิชั่น 1 จำนวน 14 สโมสร และ ดิวิชั่น 2 จำนวน 11 สโมสร จัดการแข่งขันแบบเหย้าเยือน ซึ่งเมื่อเตะครบตามโปรแกรม ทีมที่จบอันดับหนึ่งของดิวิชั่น 1 จะครองแชมป์ สองทีมสุดท้ายของดิวิชั่น 1 จะตกลงไปเล่นดิวิชั่น 2 ขณะที่แชมป์ดิวิชั่น 2 จะเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ดิวิชั่น 1 โดยอัตโนมัติ ส่วนทีมอันดับสองถึงห้าจะแข่งขันรอบเพลย์ออฟ ทีมอันดับสองจะเล่นในบ้านกับทีมอันดับห้า ทีมอันดับสามจะเล่นในบ้านกับทีมอันดับสี่ ทีมชนะจะผ่านเข้าไปแข่งรอบชิงชนะเลิศซึ่งจัดในบ้านของทีมที่มีอันดับสูงกว่า เพื่อแย่งสิทธิเลื่อนชั้นไปยังดิวิชั่น 1

เกมเพลย์ออฟจะเตะแค่นัดเดียว หากเสมอในเวลาปกติจะต่อเวลาพิเศษ ซึ่งหากยังเสมอในเวลา 120 นาที จะตัดสินด้วยการยิงลูกจุดโทษ ทั้งนี้ไม่มีการตกชั้นจากดิวิชั่น 2

สรุปทีมชนะเลิศพรีเมียร์ลีก 2 ดิวิชั่น 1 ที่ผ่านมา

  • 2021-22 แมนเชสเตอร์ ซิตี
  • 2020-21 แมนเชสเตอร์ ซิตี
  • 2019-20 เชลซี
  • 2018-19 เอฟเวอร์ตัน
  • 2017-18 อาร์เซนอล
  • 2016-17 เอฟเวอร์ตัน
  • 2015-16 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  • 2014-15 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  • 2013-14 เชลซี
  • 2012-13 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

“ฮัดเดิลสโตน” ช่วยพัฒนา ซาเวจ, อิกบาล, เมจ์บรี ป้อนชุดใหญ่

สำหรับ ทอม ฮัดเดิลสโตน เพิ่งถูกฮัลล์ปล่อยตัวหลังสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้ว มิดฟิลด์ตัวรับวัย 35 ปี คงไม่แปลกใจหากได้รับการติดต่อจากสโมสรในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งอาจต้องการเซ็นสัญญากับเขาเพียงหนึ่งปี ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ที่พยายามตื่นจากการหลับใหลอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แม้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนงานของเอริค เทน ฮาก กุนซือไฟแรงชาวดัตช์ แต่ฮัดเดิลสโตนก็อดตื่นเต้นไม่ได้กับบทบาท “ไฮบริด” ในทีม ยู-21 ของปีศาจแดง เป็นงานเดียวกับ พอล แม็คเชน อดีตกองหลังวัย 36 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของผู้เล่นโควตาอายุเกินในทีม ยู-23 ฤดูกาลที่แล้ว

โดยแม็คเชนเคยเป็นนักเตะเยาวชนของแมนฯ ยูไนเต็ด ระหว่างปี 2002 – 2004 ก่อนถูกโปรโมทขึ้นชุดใหญ่ระหว่างปี 2004 – 2006 แต่ถูกปล่อยยืมให้กับวอลซอลล์และไบรท์ตัน ไม่เคยเล่นให้ทีมซีเนียร์ของปีศาจแดงเลย

สำหรับซีซั่นนี้ ฮัดเดิลสโตนรับหน้าที่เพลเยอร์แอนด์โค้ชแทนแม็คเชน อดีตเพื่อนร่วมทีมฮัลล์ของเขา ซึ่งเลื่อนขึ้นไปเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ มาร์ค เดมพ์ซีย์ วัย 58 ปี โดยฮัดเดิลสโตนโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวหลังเซ็นสัญญาว่า

“ราวกับลอยขึ้นไปยังดวงจันทร์เพื่อประกาศว่า ผมได้รับโอกาสจากสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ให้ช่วยทำหน้าที่โค้ชและพัฒนาทักษะความสามารถของเหล่านักเตะรุ่นใหม่ ผมรู้สึกซาบซึ้งและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะกลับไปร่วมงานกับนักเตะรุ่นเด็กอีกครั้ง”

แมนฯ ยูไนเต็ด มั่นใจในประสบการณ์ของฮัดเดิลสโตนในระดับซีเนียร์ 582 นัดกับหลายสโมสรวมถึง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์, ดาร์บี และฮัลล์ รวมถึงทีมชาติอังกฤษอีก 4 นัด จะมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการทั้งในและนอกสนามแข่งขันของเหล่าปีศาจแดงรุ่นละอ่อนอย่างเช่น ชาร์ลี ซาเวจ, ซีดาน อิกบาล และ ฮันนิบาล เมจ์บรี ซึ่งเคยประเดิมยูนิฟอร์มทีมชุดใหญ่มาแล้ว

นิค ค็อกซ์ ผู้อำนวยการอะคาเดมีของแมนฯ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ว่า “เรายินดีที่ได้ทอมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้เชี่ยวชาญด้านโค้ชชิ่งผ่านกระบวนการพัฒนาวิชาชีพ (Professional Development Phase) ซึ่งด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เราใช้แต่งตั้งเพลเยอร์แอนด์โค้ชเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ได้รับผลสำเร็จอย่างแท้จริงและสร้างประโยชน์ให้อย่างมากให้กับอะคาเดมี”

เส้นทางเติบโตของอดีตโค้ชทีมเยาวชน “ลิเวอร์พูล”

เจย์ สเปียริ่ง กองกลางวัย 33 ปี ยอมรับว่าเขาเหมือนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกเมื่อได้กลับมาแอนฟิลด์อีกครั้งหลังหายไปเกือบสิบปีโดยได้รับข้อเสนอเพลเยอร์แอนด์โค้ชของลิเวอร์พูล ยู-21 และยังเป็นโค้ชเต็มเวลาของทีม ยู-18 อีกด้วย

“ก่อนหน้านี้ ผมเคยทำงานสองปีกับทีม ยู-15 และ ยู-16 ขณะได้รับ เอ ไลเซนส์ของยูฟ่า จนวันหนึ่งอเล็กซ์ (อิงเกิลธอร์พ ผู้จัดการอะคาเดมีของลิเวอร์พูล) ได้ติดต่อเข้ามาสอบถามว่าสนใจรับงานผู้เล่นและโค้ชหรือเปล่า ซึ่งไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ผมจะเดินหนีหันหลังให้ งานนี้ส่งผลทางบวกต่อผมมากมายเหลือเกิน”

“ความจริงแล้ว ผมได้คุยกับ (พอล) แม็คเชนก่อนตอบรับงานนี้ เขาบอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา หลายคนพูดว่าคุณควรเล่นฟุตบอลต่อไปตราบเท่าที่ยังสามารถทำได้ แต่เมื่อโอกาสแบบนี้เข้ามา มันเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง ผมไม่มีทางตอบปฏิเสธได้แน่นอน”

สเปียริ่งใช้เวลา 15 ปีกับลิเวอร์พูล ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ 55 นัดรวมทุกรายการ เคยได้แชมป์ลีกคัพและรองแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 2012 ก่อนโบกมืออำลาแอนฟิลด์เมื่อปี 2013 อย่างไรก็ตามเขามีประสบการณ์เกมซีเนียร์กว่า 450 นัด

“ผมเห็นอะไรมามากมายในเกมฟุตบอล ผมสัมผัสประสบการณ์ทั้งสูงและต่ำ เลื่อนชั้นและตกชั้น ผมทำงานภายใต้ผู้จัดการทีมที่แตกต่างกัน รวมถึงเจ้าของสโมสรที่หลากหลาย จะว่าไปผมได้เห็นเกือบทุกอย่างที่คุณอยากได้เห็น”

“ผมหวังจะใช้ประสบการณ์เหล่านี้ในฐานะโค้ช บทบาทหลักคือนำตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางเด็กๆ สร้างมาตรฐานในสนามฝึกซ้อม และพยายามโชว์ให้พวกเขาเห็นว่าอะไรสมควรเป็นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ”

สเปียริ่งยังได้คุยกับอดีตเพื่อนร่วมทีม สตีเวน เจอร์ราร์ด ซึ่งปัจจุบันคุมทีมแอสตัน วิลลา แต่ก่อนหน้านั้น “สตีวี จี” ร่วมงานสตาฟฟ์โค้ชระดับเยาวชนของลิเวอร์พูล เคยคุมทีม ยู-18 และ ยู-19 ก่อนย้ายไปเป็นผู้จัดการทีมเรนเจอร์ส เอฟซี ในเดือนเมษายน 2018 และพาสโมสรครองแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ชิพ ฤดูกาล 2021-22 ซึ่งเป็นสมัยแรกในรอบสิบปี

“เขาเล่าว่าทำผิดพลาดมากมายสมัยเริ่มงานโค้ชช่วงแรกๆ แต่กุญแจสำคัญคือให้มันเกิดขึ้นหลังประตูที่ถูกปิด นั่นเป็นสาเหตุที่เขาเริ่มงานโค้ชที่ลิเวอร์พูล ซึ่งเขาสามารถเรียนรู้และพัฒนา ทั้งหมดเป็นคำแนะนำที่เยอร์เกน คล็อปป์ ให้กับเขา”

“คุณต้องฟังคนแบบเขา เขาเป็นคนที่รู้เรื่องเกมดีทั้งจากข้างนอกข้างใน อาจไม่จำเป็นต้องตามเขาทุกฝีเท้า ก็เพราะใครล่ะที่จะตามคนอย่างสตีเวน เจอร์ราร์ด ได้ทุกย่างก้าว ท้ายสุดคุณต้องเดินบนเส้นทางของตัวเอง และหวังว่ามันจะเป็นอาชีพที่ยาวนานมั่นคง”

เหมือนอย่าง สตีฟ คูเปอร์ ที่เพิ่งพาน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ กลับขึ้นมาพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี หรืออย่าง ไมเคิล บีล ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หรืออย่าง โรดอลโฟ บอร์เรลล์ ที่ปัจจุบันเป็นมือสองของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี หรืออย่าง ไมค์ มาร์ช ที่เป็นผู้ช่วยของไรอัน โรว์ ที่เปรสตัน นอร์ธเอนด์ หรืออย่าง เป๊ป ลิจ์นเดอร์ส ที่เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของลิเวอร์พูลยุคปัจจุบัน ทั้งหมดเติบโตขึ้นมาจากการคุมทีมลิเวอร์พูล ยู-16, ยู-18 หรือ ยู-23

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา