Skip to the content
ยินดีเสมอ ๆ นะครับที่ได้มีโอกาส “แบ่งปัน” ประสบการณ์การทำงานด้านการตลาดกีฬาที่ปัจจุบันตี “ขอบเขต” ยากเหลือเกิน แต่หลัก ๆ เราก็เน้นเชิง กลยุทธ์การตลาด, การวางแผนการตลาดกีฬา และการทำคอนเทนท์ ตามคอนเซปต์ Content Marketing ทว่าเป็นบริบทของ “กีฬา” โดยเฉพาะฟุตบอลนะครับ
ล่าสุดจากภาพ ขอบคุณอาจารย์นุ่น “ดร. พัชรมน รักษพลเดช จากคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยนะครับที่มานิเทศการทำงานของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาคการจัดการกีฬา “น้องฟรองซ์” ธนพงษ์ เข็มทอง ที่เริ่มฝึกงานกับ “ไข่มุกดำ” มาตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.2021 จนถึงต้นเดือน พ.ค.2021
โดย “ฟรองซ์” คือ นักเตะ เอ๊ย! นักศึกษาคนแรกจากธรรมศาสตร์ที่มาฝึกงานกับเราเลยครับ
คำถามปกติจากอาจารย์ก็คือ นักศึกษาความประพฤติเป็นอย่างไร? ระเบียบวินัยดีไหม?
ก่อนจะเข้าสู่ความสามารถในการทำงานซึ่งที่นี่เปิดโอกาสทั้งให้เรียนรู้โดยตรงผ่านงานที่มอบหมาย เช่น หาข้อมูลสำหรับทำคอนเทนท์ของลูกค้า และคู่แข่งลูกค้า เสมือนฝึกการรีเสิร์ชงานเบื้องต้น
ทำโปรดักชั่นในส่วน VDO และ LIVE Facebook หรือเตรียมข้อมูลเบื้องต้นให้ทีมผลิตทำคอนเทนท์ไปใช้ ไปย่อย และร้อยเรียงเรื่องราวต่อไป
ติดต่อประสานงานเหมือนช่วยจัดซื้อจัดจ้างกับ suppliers ต่าง ๆ ที่เราต้องการใช้เพื่อเทียบราคา
ร่วมคิดกลยุทธ์ คิดเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์ของงาน, อีเวนต์ และโปรเจคต์ต่าง ๆ เช่น รถตุ๊กตุ๊ก กับ “ลาลีกา” ที่ผมน่าจะมาแนะนำต่อไป
ฯลฯ และฯลฯ
“ทางอ้อม” ฟรองซ์ อาจจะได้ซึมซับเยอะกว่า ผ่านบทสนทนาของพี่ ๆ ทั้งคุยกันเอง บ่นกันเอง และคุยกับลูกค้าให้ได้ยินที่หากครูพักลักจำดี ๆ ก็จะได้อะไรติดไม้ติดมือติดสมองไปเยอะเลย
ในภาพมีน้องฝน จริญญา และน้องปาม ปาริชาติ ทีมงานรุ่นใหม่ของเราร่วมอยู่ด้วย และทั้งคู่ก็ช่วยสอนงาน “น้องฟรองซ์” เช่นเดียวกัน
ครับ ไม่ได้หวังแค่จะให้ นายธนพงษ์ ได้เกรด A ในวิชา 9 หน่วยกิจพร้อมมีความรู้ ประสบการณ์ตรง และอ้อม ติดไม้ติดมือกลับไปเท่านั้น
แต่ก็อยากให้น้องได้รู้จักตัวเอง ได้เจอโลกภายนอกชีวิตการทำงานจริง ๆ เฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคถูก disrupt หนักแบบนี้ทั้งจากโซเชียล มีเดีย และโควิด-19 ครับ
ร่วมให้กำลังใจ “เจ้าฟรองซ์” กันได้ครับ ฮ่า ๆ โดยฟรองซ์ยืนยันอยู่จนครบเวลาแน่นอน
#ไข่มุกดำ
#KMDEducation
รวมเวลาเป็นสื่อเต็มตัว 1995 – 2008 คือ 13 ปี และประจำอยู่อังกฤษ 1997-2006 รวม 9 ปี ขณะงานการตลาดกีฬา ทำระหว่าง 2008-2013 หรือ 5 ปีให้ทรู วิชั่นส์ และสั้น ๆ กับ แอร์เอเชีย
จากนั้นก็ว่ายเวียนแบบไม่เต็มตัวนักในแวดวงสื่อกับธุรกิจส่วนตัว และงานทั้งทำคอนเทนท์ และ Sport Services กับ “ไข่มุกดำ” จนถึงปัจจุบัน และก็ยังเป็นสมาชิกอยู่กับสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์แห่งประเทศไทย ในตอนนี้
ดังนั้น ส่วนตัวจึงเห็นการเปลี่ยนแปลงพอสมควร ตั้งแต่ยุคเริ่มเข้าสู่โลกออนไลน์ คือ มีเว็ปไซต์ กระทั่งสู่โลกโซเชียลที่ทุกคนเป็นสื่อได้หมดในช่องทางของตัวเองเฉกเช่นปัจจุบัน
คำพูด “คลาสสิค” จากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ก็คือ ทุกคนต้องปรับตัว และหลายคน หรือส่วนใหญ่ ต้องโบกมือลาไปประกอบอาชีพอื่น ๆ กันหมดแล้ว
ก็มองได้ว่า “โชคดี” ที่สถานการณ์อาจบีบให้หลายคนได้ออกไปเผชิญ และได้ทำอะไรที่ “ศักยภาพ” ตัวเองทำได้ที่ไม่ใช่การเป็นสื่อมวลชน
ส่วนที่เหลือก็ “โชคดี” เหมือนกันที่ยังได้ทำงานที่รัก และเป็นสิ่งเดียวที่ทำมาทั้งชีวิตต่อไปกับองค์กรตัวเอง หรือ “ช่องทาง” ใดช่องทางหนึ่ง หรือหลายช่องทางของตัวเองต่อไป
ไม่เฉพาะ “สื่อมวลชน” ที่โดน disrupt ทั้งจากโลกดิจิตอล หรือเพราะโควิด-19 ที่ยิ่งเข้ามาเป็น “ตัวเร่ง” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเอง และสังคม กับสิ่งที่ทำอยู่
แทบทุกอาชีพโดนกันหมดมากน้อย และเรียกร้องให้เรา ๆ “มนุษย์” ต้องปรับตัว และต่อสู้ และใช้ชีวิตกันต่อไป
เอาเป็นว่า วันนี้ 5 มี.ค.วันสื่อมวลชนแห่งชาติ หรือจะเรียก “วันนักข่าว” ในวันที่นักข่าวแทบไม่เหลือ ผมก็ขออนุญาตเอาใจช่วยทุก ๆ คน ทุก ๆ อาชีพ
เราจะสู้ไปด้วยกัน #YNWA
ปล.ภาพจาก “ยูโร 2008” ผมน่าจะเป็นคนหนึ่งที่เริ่มจากใช้เครื่อง Mac มาตลอดตั้งแต่ ค.ศ.1997 ก่อนจะเลิกใช้หลังทัวร์นาเมนท์นั้น และไม่เคยหวนกลับไปเลย
#ไข่มุกดำ
#วันนักข่าวแห่งชาติ
ทว่าต้องรอกระทั่งไปถูกส่งโดยหนังสือพิมพ์ “โลกกีฬา” ไปทำข่าวที่อังกฤษ ค.ศ.1997 ถึงจะเริ่ม “อิน” และลึกซึ้งกับการชอบกุนซือ และเริ่มสนใจมุมมองโค้ชมากขึ้น
กับ เชราร์ด ฮุลลิเยร์ คงไม่ต้องพูดอะไรมากกับช่วงเวลาระหว่าง 1998 -2004 กับทีมที่ผมได้ “เรียนรู้” ผ่านบทสัมภาษณ์สมกับการเป็น “คุณครู” มาก่อน และก็ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบสวย ๆ จากอดีตกุนซือลิเวอร์พูลรายนี้มากมาย
เฉพาะอย่างยิ่ง วิธีคิด และสื่อสารออกมาได้ดีมาก
“ลายเซ็น” ฮุลลิเยร์ที่แปะมานี้ ผมได้ตอนไปทำข่าว “ยูโร 2000” ซึ่งฮุลลิเยร์ เป็น “ทีมเทคนิค” ของ “ยูฟ่า” และก็เหมือนทุก ๆ ลายเซ็นที่ผมขอจากนักเตะ หรือโค้ช คือจะต้องมีคำว่า “To Top” หรือ “ให้ท็อป” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของผมอยู่ด้วย
นอกจากการวาง “รากฐาน” และเปลี่ยนทัศนคติ กับแนวคิดระดับ “ปฏิรูปทีม” หงส์แดงแบบที่ทราบ ๆ กันแล้ว
ส่วนตัวขอเลือกคำว่า “take initiative” ในบริบทของเชราร์ด มาฝากนะครับ
คำ ๆ นี้ ทำให้ผมเริ่มค้นคว้า ศึกษา และต่อยอดมุมมองการทำข่าว เขียนข่าว จนมี “ลายเซ็น” การเขียนแบบทุกวันนี้
Take initiative เป็นคำที่ ฮุลลิเยร์ ใช้บ่อยในระดับหนึ่ง แปลในที่นี้ได้ว่า “ช่วงชิงความได้เปรียบ (ก่อน)”
ขยายความได้ว่า จะ “ต่อยก่อน” ก็ได้ หรือจะรอจังหวะสองแบบมวย โจเซ่ มูรินโญ่ คือ “รอโต้” (เพราะหลบได้ก่อนแล้วสวนโดนเขาก่อน!) ก็ได้เช่นกัน
ฟุตบอลในมุมการสื่อสารนี้จึงเป็นว่า ใครช่วงชิงความได้เปรียบ หรือ take initiative ได้ก่อนจะด้วยแท็คติกส์ หรือรูปแบบวิธีอะไรก็แล้วแต่จะมีโอกาสก้าวไปสู่ “ชัยชนะ” ได้มากกว่า
ฟุตบอลแบบ เยอร์เกน คลอปป์ คือ เราเป็นฝ่าย take initiative หรือ “เริ่มก่อน” แล้วต้องไม่โดนต่อยกลับด้วย
นั่นคือ เราจะไม่รอ หรือไม่เป็น “เนกาทีฟ ฟุตบอล” อันเป็นวัฒนธรรมของลิเวอร์พูลด้วยซึ่งต้องเล่นสนุก ใส่เต็มที่ บุกก่อน และเมื่อนั้นแฟนบอลจะชอบ รัก และเข้าใจกับความ “โพสิทีฟ” ในการเล่นของเรา
คำ ๆ นี้ take initiative จึงมีความหมายมากสำหรับผม จำได้ว่า เคยเปิด dictionary ดูก็ไม่พบ หรือไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงแก่นแท้
ซึ่งก็เหมือน “ฟุตบอล” นั่นแหละครับ ยากลึกหยั่งถึงจะเข้าใจจนกระทั่งถึงเวลา ๆ หนึ่งของชีวิต และฟุตบอลยังไม่หยุดนิ่ง และสามารถต่อยอด เติบโตไปได้เรื่อย
ผมเองไม่ต่างอะไรกับนักบอล หรือคนใกล้ชิด มร.ฮุลลิเยร์ ทุกคนนะครับ และแม้จะ “ทางอ้อม” แต่ผมก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย
ขอบคุณ เชราร์ด ฮุลลิเยร์ นะครับกับช่วงเวลาบนโลกที่แสนวิเศษ และมีคุณค่าสำหรับผม และทุก ๆ คน
#YNWA
#RIPHoullier
#ไข่มุกดำ
#KMDTribute
นอกจากนี้ ในฐานะที่ “ไข่มุกดำ กรุ๊ป” เป็นพาร์ตเนอร์รายหนึ่งในบ้านเราให้กับลาลีกา ผมก็มีหน้าที่ในการติดต่อพาร์ตเนอร์ด้านโทรคมนาคมให้กับคุณ โจเซ่ เพื่อจะสานต่อ “นโยบาย 10 ปีลาลีกา” ที่จะมีเทคโนโลยีโดยเฉพาะ OTT (Over-the-top) แพลตฟอร์มเป็นเครื่องมือสำคัญ และเป็นตัวอักษร 3 ตัวที่ผู้นำลีกสเปน ฆาเบียร์ เตบาส ในฐานะประธานลาลีกา ให้ความสำคัญเอามาก ๆ
ทั้งนี้ แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จนวงการฟุตบอลทั่วโลกต้องปรับตัว แต่ในส่วนบอลสเปนเองมองว่า ไม่อยากให้โรคนี้ส่งผลกระทบถึงแผนการสร้างการเติบโตในระยะยาว และการมองหาหนทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ อีกทั้งประธานลาลีกา ยังกล่าวว่า ลาลีกา มีแผนจะคัมแบ็กกลับมาให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมหลังพ้นวิกฤติ โควิด-19 ไปแล้วอีกด้วย
โดยจากการให้สัมภาษณ์ผ่าน World Football Summit หรือ WFS แบบ LIVE สดตามแนวทาง Social Distancing เมื่อปลายปีที่ผ่านมาอันเป็นอีเวนต์ WFS ที่ผมเองเคยได้รับเชิญจาก “ลาลีกา” ให้เข้าร่วมเดินทางไปสัมมนาด้วยหลายหนทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ เตบาส พูดถึงการเติบโตของลาลีกาในโลกดิจิตอล และการเติบโตของรายได้ผ่านช่องทางใหม่นี้ว่าจะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในอนาคตของฟุตบอล
“เราได้เริ่มต้นแผนฟุตบอล 10 ปีกันแล้ว ตอนนี้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด้านลิขสิทธิ์คอนเทนท์ที่เรียกว่า โสตทัศนูปกรณ์ หรือคอนเทนท์ภาพเคลื่อนไหว และเสียง (Audiovisual) ไปจนถึงประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี Over-the-top (OTT*) แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นสิ่งเข้ามาใหม่ และจะอยู่ต่อไปในแผนระยะยาวของการเปลี่ยนแปลงวิถีการติดตามฟุตบอล”
(OTT ง่าย ๆ คือ บริการด้านการสื่อสารไม่ว่าจะแพร่ภาพ หรือเสียงผ่านอินเทอร์เน็ตโดยผู้ให้บริการไม่ต้องลงทุนโครงข่ายสัญญาณเอง YouTube, Netflix, Viu พวกนี้จัดเป็น OTT ทั้งหมด)
“ผมคิดว่า อีกจนถึง 10 ปีข้างหน้า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา คือ การสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่มาจากการเชื่อมต่อหลายระบบ และบริการของโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน เราเองก็กำลังทำงานด้านนี้มาหลายปีแล้ว และได้ลงทุนมหาศาลไปกับมัน ไปกับการทำ OTT และการต่อต้านการชม (เข้าถึงสัญญาณ) แบบผิดกฎหมาย”
“มันมีแหล่งในการสร้างรายได้ที่อื่นที่เราพยายามเข้าหาในรอบหลายปีที่ผ่านมาที่มีความสำคัญ และน่าจะช่วยส่งเสริมการเติบโตด้านลิขสิทธิ์คอนเทนท์ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เพราะมันจะมีโลกดิจิทัล OTT และหลากหลายบริการที่คุณสามารถจะหยิบยื่นให้กับแฟนบอลทั่วโลกได้เลือกใช้บริการตามต้องการ”
การเริ่มต้นของ “ลาลีกา พาส”
ลาลีกา จะเป็นเจ้าของการบริการ OTT, LaLigaSportsTV ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2019 อันถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ ลาลีกา มองว่า จะเป็นย่างก้าวสำคัญต่ออุตสาหกรรมฟุตบอลในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า
“แน่นอน นั่นถือเป็นโมเดลที่ฉลาดสำหรับการเติบโตของลีก เรากำลังทำงานกันอยู่ และใกล้แล้วกับเป้าหมาย ลาลีกา พาส” เตบาส พูดถึง NBA League Pass ที่ NBA ถือลิขสิทธิ์คอนเทนท์ และเป็นเจ้าภาพดูแลเรื่องให้บริการสมาชิกเอง เทียบเคียงกับกำเนิด ลาลีกา พาส
“ลาลีกา พาส จะเป็นโปรดักต์ที่ยืดหยุ่นกับแต่ละประเทศทั่วโลก และสามารถนำเสนอให้เกิดการทำงานร่วมกันกับสื่อถ่ายทอดสดในแต่ละพื้นที่ได้ มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนชอบลาลีกามาก ๆ เฉพาะอย่างยิ่งซูเปอร์แฟนตัวยงที่อาศัยในท้องถิ่นซึ่งเข้าถึงแค่การถ่ายทอดสดได้ไม่กี่แมตช์ หรือแค่ไฮไลต์ในแต่ละสัปดาห์ โดยคุณจะทำให้แฟน ๆ เหล่านี้ได้เสพคอนเทนท์มากกว่าที่พวกเขาต้องการ และจะช่วยให้บรอดคาสเตอร์สร้างมูลค่าจากคอนเทนท์ได้มากขึ้น”
อย่างไรก็ดี กว่าจะวันนั้น และเป้าหมายแผนการ 10 ปีผ่านเทคโนโลยี OTT และคุณภาพของการผลิตงานประกอบเกมฟุตบอล เช่น วิชวลเอฟเฟคต์ และกราฟฟิค ทันสมัยต่าง ๆ เพื่อออกอากาศโดยการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในแต่ละประเทศ
ลาลีกา ก็เหมือนลีกฟุตบอลทั่วไปที่ต้องผ่านเป้าหมายระยะสั้นต่อสู้กับ “โควิด-19” ให้ได้เสียก่อน และนั่นคือเป้าหมายร่วมกันของโลกฟุตบอลเลยก็ว่าได้ครับ
สุดท้าย หากได้อ่านถึงตรงนี้ เรื่องวันนี้อาจ “ล่วงหน้า” ไปสักนิด แต่ชาวเราเริ่มจะ “เข้าใจ” และคุ้นชินกันมากขึ้นแล้วล่ะครับผ่านการชมฟุตบอลผ่านกล่อง เช่น TrueID TV หรือ AIS Play Box ที่จะมีคอนเทนท์ฟุตบอลหลากหลายของ broadcasters เช่น ทรู วิชั่นส์, beIN Sports, UEFA ฯลฯ ซ่อนอยู่ภายใน
ทั้งหมด คือ OTT รับชมผ่านกล่องรับชม หรือผ่านการ Cast จากมือถือ และอุปกรณ์ที่ใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นตัวกลางขับเคลื่อนสัญญาณให้เราได้ชมทั้งภาพเคลื่อนไหว และเสียงแบบไม่กระตุก เพราะโลกทุกวันนี้ สัญญาณเน็ตเร็วปรี๊ดเพียงพอแล้ว
ที่พูดในวันนี้ หมายความว่า ต่อไป “ลีกยุโรป” จะมีโมเดล “ขายตรง” คอนเทนท์ฟุตบอลอีกช่องทางหนึ่งโดยไม่ผ่าน broadcasters ท้องถิ่น หรือร่วมมือกัน หรือแยกกัน หรืออะไรก็สุดแล้วแต่เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งผู้ชม (แฟนบอล) และโอเปอเรเตอร์ท้องถิ่น และลีกเอง
ที่สำคัญ คือ โลกของ “ของฟรี” คอนเทนท์ฟรี ก็อาจไม่มีแล้วเช่นกัน แต่ทว่าราคาไม่น่าจะแพงหูฉี่ครับ
คิดเห็นกันอย่างไร เมาท์ได้เช่นเคยจ๊ะ
#ไข่มุกดำ
#LaLiga
#KMDLaLiga
ได้เห็นการเติบโต การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิตอล และการตลาดออนไลน์ ที่ไม่แน่ใจจะนิยามอย่างไรนะครับ แต่ส่วนตัวยังมองเป็น Marketing 4.0 และเป็นการทำ Content Marketing พื้นฐานองค์ความรู้
ผม และทีมงานจะมีสอนหนังสือเร็ว ๆ นี้ ในเรื่อง Content Design, Content Marketing ให้กับมหาวิทยาลัย นเรศวร วันที่ 16 ก.พ.นี้ และที่คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดือน เม.ย.
ไว้น่าจะได้มา “แชร์ข้อมูล” ผ่านพื้นที่ตรงนี้ให้ได้ขยับรอยหยักในสมองกันขำ ๆ บ้างเหมือนที่เคยทำนะครับ
กับเรื่องเช้านี้ อยากจะเล่าถึงการแข่งขันบนสื่อสังคมออนไลน์: Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok. ของสโมสรในลาลีกา แน่นอนว่าเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า เป็น 2 สโมสรใหญ่ที่ดึงดูดความสนใจจากแฟนฟุตบอลทั่วโลกได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งแรกของซีซั่น 2020/21 ได้มีบางสโมสร มีจำนวนผู้ติดตามในอัตราที่เพิ่มขึ้นแบบน่าประหลาดใจ และมีบางสโมสร ที่สร้างการมีส่วนร่วม (engagement) ในอัตราที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า สโมสรในลีกสูงสุดของสเปน มีมากกว่าการแข่งขันในสนาม มากกว่าฐานแฟนบอลที่แท้จริงบนโลกใบนี้ นั่นคือการแข่งขันบนโลกโซเชียล โดยไม่ต้องคำนึงว่า จะเป็นสโมสรใหญ่หรือไม่
เพราะมันคือ การผลิต Content และการวางแผนการจัดการบริหารเนื้อหาในแพลตฟอร์มโซเชียลยุคใหม่ที่ทีมเล็กมีสิทธิ์สู้กับทีมใหญ่ได้แบบไม่เป็นรองเป็นเรื่อง “ในสนาม”
ทีมที่มีจำนวนผู้ติดตามเพิ่มขึ้นมากที่สุด 10 อันดับแรก
ข้อมูลจากฝ่ายธุรกิจของลาลีกา พบว่าทั้ง 20 สโมสรในลีกสูงสุด มีผู้ติดตามใหม่ (new followers) เพิ่มขึ้นรวมกันมากกว่า 26 ล้านคน ในช่วงครึ่งแรกของซีซั่น 2020/21
สโมสรที่มีจำนวนผู้ติดตามใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุด ติด 10 อันดับแรก คือ กาดิซ ทีมน้องใหม่จากแคว้นอันดาลูเซีย จากปรากฏการณ์ล้มยักษ์ เอาชนะได้ทั้ง เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า โดยมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นถึง 57.9 เปอร์เซนต์ ผ่าน Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok. โดยสามารถมีผู้ติดตามใหม่ได้ถึง 197,000 คนในช่วงเวลานี้
อันดับ 2 อูเอสก้า กับการอยู่ในลาลีกาครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ซีซั่นหลังสุด เพิ่มขึ้น 20.5 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยเซบีย่า เพิ่มขึ้น 15.4 เปอร์เซนต์ หรือคิดเป็นตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 613,000 followers อันทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่มีจำนวนผู้ติดตามมากสุดเป็นอันดับ 4 ตามหลังบาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด และแอตเลติโก มาดริด อย่างเต็มภาคภูมิ
ส่วนอันดับถัด ๆ มาตามเปอร์เซนต์การเติบโตของจำนวนแฟนบอลหน้าใหม่ เรียงตามลำดับดังนี้ เออิบาร์ (15.2 เปอร์เซนต์), เอลเช่ (14.8 เปอร์เซนต์), เกตาเฟ่ (14 เปอร์เซนต์), บียาร์เรอัล (14 เปอร์เซนต์), กรานาดา (11.8 เปอร์เซนต์), เรอัล บายาโดลิด (11 เปอร์เซนต์) และโอซาซูน่า (10.5 เปอร์เซนต์)
รวมควมแล้ว คือ 10 อันดับแรกที่มีส่วนสำคัญทำให้ยอด Followers ใหม่พุ่งสูงเป็น 26 ล้านคน
ทีมที่มีส่วนร่วมบนสื่อสังคมออนไลน์มากที่สุด 10 อันดับแรก
ข้อมูลจากฝ่ายธุรกิจของลาลีกา พบว่าทั้ง 20 สโมสรในลีกสูงสุด มีการโต้ตอบบนแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียรวมกันมากถึง 1.8 พันล้านครั้ง ในช่วงครึ่งแรกของซีซั่น 2020/21
ทีมที่มีส่วนร่วม (engagement) ติด 10 อันดับแรก ได้แก่ เซลตา บีโก้ กับเทคนิคการสร้างภาพกราฟิกที่ให้ผู้เล่นเป็นตัวละครในวิดีโอเกมช่วงยุค 1980 รวมไปถึงการเปลี่ยนโค้ชคนใหม่อย่าง เอดูอาร์โด้ คูเดต์ ที่พาทีมชนะ 5 นัดติด ในช่วงปลายปี 2020 พร้อมกับฟอร์มที่ดีของ ญาโก อัสปาส
แม้เซลต้า บีโก้ จะมีผู้ติดตามบนสื่อออนไลน์น้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในลาลีกา แต่สัดส่วนการมีส่วนร่วมของพวกเขา มีมากถึง 1,431 ต่อการโพสต์ 1 ครั้ง มีจำนวนการโพสต์ทั้งหมด 3,410 โพสต์
นั่นน่าจะเป็นผลมาจากความครีเอทีฟในการสรรสร้างเนื้อหา และผลงานในสนามบางช่วงบางตอนที่สำคัญของทีม
อันดับ 2 เป็นอูเอสกา ทีมที่มีสัดส่วนการมีส่วนร่วมบนโลกออนไลน์ 1,408 ต่อโพสต์ แต่สวนทางกับผลงานในสนามฟุตบอลที่ไม่ดีเท่าที่ควร ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้น
อันดับ 3 กาดิซ มีสัดส่วนการมีส่วนร่วม 1,217 ต่อโพสต์, อันดับ 4 กรานาดา ที่มีผลงานดีทั้งในลีก และถ้วยยูโรป้า ลีก สัดส่วน 1,170 ต่อโพสต์, อันดับ 5 เป็นของโอซาซูน่า สัดส่วน 1,096 ต่อโพสต์, อันดับ 6 เกตาเฟ่ สัดส่วน 1,040 ต่อโพสต์
อีก 4 อันดับที่เหลือ จะเป็นสโมสรที่มีการมีส่วนร่วม คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1,000 ต่อโพสต์ ประกอบด้วย เอลเช่ (971), เรอัล เบติส (892), เรอัล บายาโดลิด (818) และแอธเลติก บิลเบา (503)
จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ลาลีกาได้ไปถึงทั่วทุกมุมโลกเรียบร้อยแล้ว การเข้ามาของสื่อออนไลน์ ทำให้การติดตามฟุตบอลสเปนมีชีวิตชีวากว่าที่เคย ในยุคที่ดิจิทัลครองโลกเช่นทุกวันนี้
สุดท้าย ลาลีกา คือ ลีกฟุตบอลลีกหลักของโลกลีกเดียวที่มี “ตัวแทน” มาประจำการทำงานอยู่เมืองไทย คุณโฮเซ่ มาเรีย โกตอร์ ที่ล่าสุดแจ้งยืนยันให้ผม และทีมเป็น 1 ในตัวแทนสัมภาษณ์ “ออนไลน์” กับ สตีฟ แม็คมานามาน ในฐานะทูตลูกหนังลาลีกา แต่ผมก็จะแอบแทรกคำถามลากถึงลิเวอร์พูลด้วยนั่นแหละ (555) เหมือนตอนคุยกับ หลุยส์ การ์เซีย
ปล.คอนเทนท์นี้ สนับสนุนโดย “ลาลีกา” นะครับ ต้องขอขอบคุณด้วยครับ
#ไข่มุกดำ
#LaLiga
#KMDFootballBusiness
เมื่อเย็นวันจันทร์ 7 ก.ย.หลังกลับจากพักผ่อนใกล้กรุงแถว ๆ นครนายก และเขาใหญ่ 2 วัน ผมมีคิวนัดกับ “ลาลีกา ไทยแลนด์” โดยตัวแทนประเทศไทย คุณ โจเซ่ มาเรีย โกตอร์ เป็นคนเชิญสื่อฟุตบอลออนไลน์มาคุย ทานอาหารสเปนกันที่ UNO MAS รร.เซนทารา แกรนด์
ตามภาพนะครับ หัวใหญ่ ๆ บนโลกฟุตบอลออนไลน์บ้านเราระดับล้าน ระดับแสนเพจไลค์ไปกันพร้อมเพรียงประมาณ 10 คนตั้งแต่ ตัวแทนช่อง 3, เพจขอบสนาม, Mainstand, Goal Thailand, วิเคราะห์บอลจริงจัง, เดอะนัทซัดหมดแมกซ์, มายด์เปี๊ยกบางใหญ่ ส่วนผมเองเพจเล็ก ๆ แต่อาศัยว่า แก่สุดตามฟอร์ม และทำงานกับคุณโจเซ่ ตั้งแต่รู้จักกันมา 3 ปีนับจากแกมาอยู่เมืองไทย จึงได้รับเชิญให้ไปร่วมงานต่าง ๆ ของแกเสมอ
หลัก ๆ ก็เคยจัดงานอีเวนต์คล้าย Meet and Greet “ฟุตซอล” ตอน ฟัลเกา มาแข่งชิงแชมป์สโมสรโลกบ้านเราบริเวณ Stadium One และตอนนี้ก็ช่วยพูดถึงคอนเทนท์ “ลาลีกา” (โพสต์ที่มีโลโก้ “ลาลีกา” คู่กับ “ไข่มุกดำ” เช่นโพสต์นี้ รบกวนช่วยกดไลค์ แชร์ หรือเมนท์ให้หน่อยนะครับ) และเล่าเรื่องบอลสเปนในมุมของผมเองแบบเรื่อง ริเคลเม, ชาบี้ อลองโซ่ ฯลฯ ที่เคยเขียนไป
ลาลีกา จะเปิดฉากสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้แล้ว พร้อมกับพรีเมียร์ลีก, ไทยลีก นั่นแหละ และก็ไม่ต่างจากลีกทั่วโลกที่เปิดฤดูกาลกันแถว ๆ เวลานี้แบบพิษโควิด-19
แต่ที่แตกต่างคือ นโยบายการตลาดที่มีตัวแทนไปทั่วโลก เช่น คุณโจเซ่ คือตัวแทน มีออฟฟิศไทย และจะดูแลตลาดเวียดนาม, ลาว, กัมพูชา และเมียนมาร์ ด้วย
ปีแรกจะเน้นบ้านเราเป็นหลักก่อนปีที่ 2 และปีนี้ปีที่ 3 จะเริ่มเดินทางไปอีก 4 ชาติมากขึ้นกระทั่งโควิด-19 แต่ก็ถือว่าโลกดิจิตอลช่วยได้มาก
“ตอนนี้แคมเปญ หรือการสื่อสารก็จะใช้วิธีติดต่อกัน และเป็นกิจกรรมบนโซเชียล เช่น Tik Tok, Instagram โดยเราแม้จะเสียสปอนเซอร์ไป 2 รายแต่ก็ได้ใหม่เข้ามา 5 รายซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีกับเศรษฐกิจแบบนี้ โดยประเทศไทยคือตลาดที่พัฒนาที่สุด และมีฐานแฟนบอลมากที่สุด” คุณโจเซ่ กล่าว
ในมุมของผม (คนไทย) ก็รู้สึกดีนะ ที่ตัวแทนลีกสเปนให้เกียรติเชิญมาคุยกัน สอบถามกัน และเชื่อว่า น้อง ๆ คนอื่น ๆ ก็คงจะโอเครเช่นกัน
พรีเมียร์ลีก หรือลีกอื่น ๆ ไม่ทำ หรืออาจจะมี แต่ก็จะมีออฟฟิศในประเทศหลัก ๆ อย่าง จีน, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ สำหรับตลาดเอเชีย
ดังนั้นถือว่าในจุดนี้ ลาลีกา “ได้ใจ” ในการสร้างความสัมพันธ์ด้วยกลุยุทธ์ส่งตัวแทนมาปักหลักเหมือนเป็น “ทูต” ของลีกในเมืองไทย
นอกจากเรื่องโปรดักซ์หลัก คือ ลาลีกา ทั้ง ซานทานแดร์ และ SmartBank แล้ว การทำ CSR ร่วมกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอำนวยความสะดวกทีมชาติเยาวชนไปแข่ง และเก็บตัวที่สเปนก็ทำมาแล้ว
วันศุกร์นี้ 11 ก.ย.ก็เตรียมเช่นกันว่าอาจจะแถลงข่าวเปิด MOU กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
สำหรับฤดูกาลนี้ กิจกรรมแรกจากลาลีกาจะเริ่มวันพุธที่ 9 ก.ย.เวลา บ่าย 2 โมง ถึง 3 ทุ่ม
ฟุตบอลยักษ์ PUMA จำลองจากแมตช์บอลจริงสำหรับจะใช้อย่างเป็นทางการในศึกฟุตบอลลีกสเปนซีซั่นนี้ จะถูกสร้าง และนำมาให้แฟน ๆ บอลชาวไทยได้ยลโฉม และถ่ายภาพร่วมกลางกรุงเทพฯ บริเวณ BTS ช่องนนทรี
ลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการนี้ถูกใช้ชื่อว่า “อดรีนาลีน” (Adrenaline) เป็นรุ่นเอดิชั่นพิเศษสีเหลืองผลิตเพื่อแมตช์โดดเด่นสำคัญที่สุดของฤดูกาล เช่น เอลกลาสซิโก ระหว่าง เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า หรือดาร์บี้แมตช์อื่น ๆ ของบอลสเปน (ลูกบอลอีกใบจะชื่อว่า Accelerate ซึ่งแปลว่า เร่งความเร็ว โดยจะใช้ในเกมที่เหลือทั้งหมดของลีก ลาลีกา ซานทานแดร์ และลาลีกา SmartBank) โดยลูกบอลยักษ์ใบนี้ที่จะจัดแสดงในกรุงเทพมหานคร และผลิตจากวัสดุพิเศษ Porex มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.5 เมตร
เพิ่มเติมเรื่องกิจกรรมก็คือ แฟน ๆ สามารถร่วมกิจกรรม QR code สำหรับแคมเปญฤดูกาลใหม่รวมถึงดาวน์โหลดฟิลเตอร์ IG เจ๋ง ๆ หรือร่วมชาลเลนจ์ผ่านแอพพลิเคชั่น Tik Tok ได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับลูกบอลยักษ์ จะมีจัดแสดงเพียงปะเทศ เม็กซิโก, แคเมอรูน, อเมริกาใต้, เยอรมัน และอียิปต์ นอกเหนือจากประเทศไทยที่ถูกจัดขึ้นนะครับ
ดังนั้น หากใครว่าง ก็เรียนเชิญกันได้
นอกจากนี้ โครงการร่วมกับภาคเอกชนนำนักบอลบ้านเราไปฝึก หรือหาประสบการณ์ที่สเปน แว่ว ๆ ก็เตรียมจะเปิดตัวเช่นกัน
ประเด็นผมวันนี้จึงอยู่ที่ เรา ๆ ท่าน ๆ ซึ่งติดตามบอลนอก (แต่ก็ขอให้มีบอลไทยในสายเลือดเหมือนเดิม และตลอดไปนะ) จะได้อย่างน้อยทราบว่า ลาลีกา มีตัวแทนในไทยมา 3 ปีแล้ว และก็ทำหน้าที่สนับสนุนบอลบ้านเราควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ลีกสเปนอันเป็นงานหลักด้วยเช่นกัน
จริง ๆ ไม่ต้องทำ หรือไม่ต้องมีตัวแทนก็อาจจะได้
ส่วนบอลสเปนปีนี้ ถ่ายทอดสดทาง AIS Playbox และ beIN Sports Connect รวมถึงมี LIVE ที่เพจ “ขอบสนาม”
เหนือสิ่งอืนใด จะมี Podcast หรือรายการทอล์คกับคุณโจเซ่ทางเพจ “ไข่มุกดำ” เป็นประจำด้วยครับ
#ไข่มุกดำ
#LaLiga #LaLigaThailand