Khaimukdam Group

COLUMN

การกลับมายืนตรงข้าม ลิเวอร์พูล ของ ราฟา เบนิเตซ

ราฟา เบนิเตซ

In Brief: ฟุตบอลเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่เหมือนใคร หากผงซักฟอกชนิดหนึ่งลดราคา คุณลูกค้าอาจจะซื้อ เพราะถูกกว่ายี่ห้อประจำที่ขายราคาเต็ม และคุณภาพใกล้เคียงกัน ทว่ากับเสื้อบอลคู่แข่ง ต่อให้ลดราคาลง คุณอาจไม่ซื้อ เพราะความภักดีกับสโมสรรักทำให้ย้ายค่ายไม่ได้ แม้จะต้องจ่ายราคาเต็มก็ตาม

การตัดสินใจไปคุมทีมเอฟเวอร์ตัน ของราฟาเอล เบนิเตซ ไม่ใช่สิ่งผิด หากแต่มันได้ “ตอกย้ำ” อีกครั้งถึงระดับความเข้าใจการบริหารจัดการทีมฟุตบอลของเจ้าของ และทีมผู้บริหารที่หากมีความเข้าใจสักนิด ดีลนี้จะไม่มีทางบังเกิดขึ้น และ “ราฟา” ก็จะไม่มีโอกาสใน 100 ปีที่จะต้องตัดสินใจไปคุม หรือไม่คุมทีมเอฟเวอร์ตันจากที่เขาเคยมีป้ายแปะชื่อว่าเคยทำทีมลิเวอร์พูลมาก่อน

ไม่ใช่แค่เรื่องคอนเนกชั่น แต่เป็น “รายละเอียด” อื่น ๆ เช่น แนวทางการทำทีมสอดคล้องกับวัฒนธรรมของทีมหรือไม่? บุคคลิก คาแร็กเตอร์ ส่วนตัวที่ต่อไปจะก้าวมา represent สโมสรซึ่งเป็น club ระดับโลกสู่สายตาชาวโลก

ภายใต้บทสัมภาษณ์ของ “ราฟา” ด้านล่าง ยังมีส่วนที่ “ราฟา” เองก็ไม่เข้าใจธรรมชาติที่แตกต่างของฟุตบอลหรือไม่? จากการที่แตะเฉพาะคีย์คำพูดสำคัญเมื่อ ค.ศ.2007 ว่าเอฟเวอร์ตันเป็นทีมเล็ก บลา บลา แต่สิ่งที่ “ราฟา” ควรต้องพูดให้มากกว่านี้ (หรือพูดแล้ว ใครเจอช่วยหามาสนับสนุนได้ในคอมเมนท์) ก็คือ เขาไม่ได้รู้สึกอย่างไรเลยหรือกับการจะมาสร้าง (อีกทีม) ของเมืองลิเวอร์พูล ให้ประสบความสำเร็จที่แม้ไม่อาจเทียบเคียงทีมเก่า หงส์แดง ได้ แต่ทว่าจะมีความพยายาม มุ่งมั่น เต็มที่จะทำให้ดีที่สุด

สุดท้าย “จุดยืน” ของเพจอาจจะอนุรักษ์นิยมเล็กน้อย แต่หากเลือกได้ก็ขอยืนยันว่า ดีลนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นหากเราเป็น ราฟาเอล เบนิเตซ

เช่นกัน ยืนยันอีกครั้ง ราฟา ไม่ได้ผิด เพราะไม่ได้ไปฆ่าใครตาย แต่ในบริบทฟุตบอล มันก็มีมุมมองแบบ Old School แบบที่ทางเพจเลือกมองเช่นเดียวกัน

ขอให้โชคดีครับ “ราฟา” เสมือนเรายินดีด้วยเมื่อคนรักเราไปมีความสุขกับความรักใหม่ และในมุมกลับกัน หาก “ราฟา” ไม่ประสบความสำเร็จ และจากเอฟเวอร์ตันไปคุมทีมอื่น เราก็จะยินดีไม่แพ้กัน และขอให้ประสบความสำเร็จต่อ ๆ ไป

Story: หลังจาก แชมป์ เอฟเอ คัพ, คอมมิวนิตี ชิลด์, ยูฟา ซูเปอร์ คัพ และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ที่ราฟาเอล เบนิเตซ เคยฝากความสำเร็จเอาไว้กับ ลิเวอร์พูล การต้องมาเห็นกุนซือสแปนิชคุมทีมในถิ่น กูดิสัน ปาร์ก อาจจะไม่ใช่เรื่องที่แฟน ‘หงส์แดง’ คุ้นเคยสักเท่าไหร่ แต่ในทางตรงกันข้าม มันก็ย่อมไม่ใช่ภาพที่แฟนบอลเอฟเวอร์ตันคุ้นชินเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นคำว่า ‘ทีมเล็ก’ ยังเป็นแผลที่แฟน ท็อฟฟี บางคนยากจะลืมลงได้ง่าย ๆ

อย่างไรก็ตาม ราฟา เบนิเตซ ก็ยืนยันว่าเขาเองไม่มีอะไรต้องกลัว และเรื่องราวในอดีตทั้งหมดจัถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาถ้าสามารถสร้างความสำเร็จเป็นตำนานบทใหม่ให้กับแฟนเอเวอร์โตเนียนได้ แต่ถึงอย่างนั้น นายใหญ่ชาวสเปนก็ออกมายอมรับความผิดพลาดที่เคยพูดไม่ดี และสร้างความเจ็บช้ำให้กับแฟนบอลทีมสีน้ำเงินแห่งเมอร์ซีย์ไซด์เอาไว้ในปี 2007 กับคำว่า ‘ทีมเล็ก’ ตั้งแต่สมัยที่เขายังคุมทีม ลิเวอร์พูล อยู่

คำถามแรก ๆ ในฐานะกุนซือเอฟเวอร์ตันที่ ราฟา ต้องตอบเมื่อสัปดาห์เข้ารับตำแหน่งคือคำถามที่ว่า ‘การมารับงานในครั้งนี้คุ้มค่าหรือไม่กับการถูกประนามจากแฟนบอล’ โดยนายใหญ่ชาวสเปนยังมองเรื่องนี้ในเชิงบวกว่า “ผมมั่นใจเมื่อตัดสินใจตอบตกลง หรือแม้กระทั่งเมื่อตัดสินใจเริ่มพูด มันเป็นโอกาสที่ดีและสำหรับผม ความท้าทายไม่ใช่สิ่งที่ผมกลัว ตรงกันข้าม ผมต้องการที่จะเอาชนะมัน ผมต้องการที่จะทำมันให้ออกมาดี ถึงตรงนี้คุณจะพูดหรือจะทำล่ะ ผมชอบทำมากกว่า และมารอดูว่าเราจะทำได้หรือไม่”

ครอบครัวของ ราฟา ยังอยู่ที่เมืองลิเวอร์พูลมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2010 ที่เขาออกไปรับงานกับ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้เขาสามารถยืนยันได้ว่าคนในเมืองส่วนใหญ่ยังให้การสนับสนุนเขาเป็นอย่างดี

“พูดตามตรง เอฟเวอร์โตเนียน รอบตัวผมค่อนข้างมีความสุข และให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี” เบนิเตซ กล่าว “แม้แต่แฟนบอลลิเวอร์พูล พวกเขาก็ให้การยอมรับ มันจึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับผมที่จะได้กลับมาสู่พรีเมียร์ลีก เพื่อทำอะไรบางอย่างที่ผมเคยทำได้ดีให้เรียบร้อย”

ถึงจะมีคำยืนยันจากเจ้าตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนการเซ็นสัญญากับ เอฟเวอร์ตัน จะเกิดขึ้น ข้อความความต่อต้านจำนวนไม่น้อยก็ไปปรากฎที่สนาม กูดิสัน ปาร์ค เพื่อบอกกับสโมสรว่าแฟนบอลไม่แฮปปีกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และที่หนักข้อหน่อยก็เป็นข้อความข่มขู่ซึ่งเขียนไว้ว่า “เรารู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน จงอย่าเซ็นสัญญา” ซึ่งถูกทิ้งไว้ใกล้ ๆ กับบ้านของเขาที่ย่าน เวียร์รอล แต่ เบนิเตซ ยังมองว่าข้อความเหล่านั้นมาจากคนกลุ่มน้อยมากกว่า

“เมื่อพูดถึงป้ายข้อความ เราอาจจะพูดถึงคนแค่ 1 ถึง 2 คน คุณไม่มีทางรู้แน่นอน ดังนั้นผมคิดว่ามันดีกว่าที่จะคิดเกี่ยวกับข้อดีและวิธีที่คนจำนวนมากแสดงออกถึงการสนับสนุนให้ผมทำผลงานออกมาได้ดี” กุนซือวัย 61 ปี กล่าว แต่กระนั่นเขาก็รู้ดีว่าต้นเหตุความไม่พอใจที่เกิดขึ้นมาตากคำพูดของเขาในปี 2007 ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมายอมรับความผิดพลาดในคราวนั้นพร้อมกับอธิบายมุมมองของตัวเอง

“มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว คุณจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อสโมสร และนั่นคือสิ่งที่ผมจะทำในตอนนี้ด้วย ถ้าคุณเป็นผู้จัดการทีม คุณต้องปกป้องสโมสรของคุณในทุกบริบท ซึ่งในตอนนี้ผมก็จะสู้เพื่อเอฟเวอร์ตัน” เบนิเตซ กล่าว 

อย่างไรก็ตาม แม้จะเจอกับปฏิกิริยาต่อต้านที่รุนแรง แต่ ราฟา เบนิเตซ ก็ไม่ใช่กุนซือคนแรกที่เจอกับกระแสต่อต้านจากแฟนบอล เพราะที่ผ่านมาก็มีกุนซือนับสิบคนที่เคยคุมทีมใดทีมหนึ่งก่อนย้ายไปคุมทีมอริร่วมเมือง อาทิ จอร์จ แกรแฮม เทรนเนอร์ที่เคยพาอาร์เซนอลคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย แต่กลับไปรับงานคุมทีม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แถมพา ‘ไก่เดือยทอง’ 

คว้าแชมป์ ลีก คัพ หรือ ไบรอัน คลัฟ กุนซือ ดาร์บี เคาน์ตี กับ น็อตติงแฮม ฟอร์เรสต์ ในยุค 70 ที่มีงานอดิเรกอย่างการด่า ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายกลับตัดสินใจเข้ารับงานกับ “ยูงทอง” ซึ่งสร้างความเดือดดาลให้กับแฟนบอลเป็นอย่างมาก ขณะที่ผู้เล่นของ ลีดส์ ก็ไม่ให้กับเขาสักเท่าไหร่ นำมาสู่ผลงานอันอย่างย่ำแย่ของทีม และโดนไล่ออกหลังจากคุมทีมไปแค่ 44 วัน

ในยุคหลังเหตุการณ์ที่คล้าย ๆ กันนี้กับเกิดขึ้นไม่มาก แม้จะเคยมีกุนซือที่เคยคุมทีมซึ่งเป็นอริกันแล้วไปคุมทีมฝรั่งตรงข้าม อาทิ โชเซ มูรินโญ ที่เคยคุม เชลซี ก่อนข้ามฟากไปคุม ท็อตแนม แต่ในกรณีนี้อาจจะพออธิบายได้ว่าช่วงเวลาระหว่างที่นายใหญ่ชาวโปรตุกีสคุมทีมทั้ง 2 ถูกคั่นด้วยการไปรับงานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้แฟนบอลอาจจะมองข้ามเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นไปได้บ้าง 

ขณะที่เหตุการณ์ที่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านอย่างรุนแรงจากแฟนบอลกลับไปเกิดขึ้นในอิตาลี เมื่อตอนที่ เมาริซิโอ ซาร์รี ตัดสินใจไปรับงานกับ ยูเวนตุส เนื่องจากในอดีต กุนซือ ‘สิงห์อมควัน’ รายนี้เคยแจกนิ้วกล้างใส่แฟนบอล ‘ม้าลาย’ แม้ว่าสุดท้ายเขาจะคุมยูเวนตุส คว้าแชมป์เซเรียอา ได้ ก็ยังไม่สามารถซื้อใจแฟนบอลคืนมา และต้องออกจากทีมไปหลังคุมทีมได้แค่ปีเดียวเท่านั้น

ถึงตรงนี้อาจจะพอจะสรุปใด ๆ วัดกันที่ความสำเร็จ แม้ในตอนแรกแฟนบอลอาจจะเกลียดขี้หน้าและไม่พอใจ แต่ถ้าทำทีมประสบความสำเร็จ และมีผลงานที่ดี แฟนบอลก็อาจจะพร้อมหลับตาข้างหนึ่งและไม่พูดถึงเรื่องราวในอดีต ไม่ใช่ว่าลืม หากแต่พร้อมจะดื่มด่ำกับความสุขที่กุนซือคนนั้นบัลดาลให้มากกว่า และเมื่อไรก็ตามที่ผลงานไม่ดี ร้อยราวในอดีตก็พร้อมจะถูกขุดขึ้นมาพูดอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย และมันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าความสำเร็จและความจริงใจของกุนซือคนนั้น ๆ จะเอาชนะใจแฟนบอลได้จริง ๆ 

ขอบคุณภาพจากทวิตเตอร์@Everton

Facebook
Twitter
Pinterest
Email

Comments are closed.