Categories
Special Content

หลุยส์ ดิอาซ ยกระดับกองหน้าหงส์แดงจาก FAB THREE เป็น FAB FIVE

ต้องถูกจัดให้ติดหนึ่งในสุดยอดการซื้อขายที่คุ้มค่ามากที่สุดอันดับต้นๆในประวัติศาสตร์ตลาดนักเตะฤดูหนาวนับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกเริ่มใช้ระบบ transfer window ในฤดูกาล 2002-03 อย่างแน่นอนสำหรับ หลุยส์ ดิอาซ ปีกและกองหน้าฝั่งซ้ายของ ลิเวอร์พูล ซึ่งแทบไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวกับชีวิตใหม่ในถิ่นแอนฟิลด์เลย สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงอย่างรวดเร็วและช่วยให้หงส์แดงชู 2 ถ้วยแชมป์ภายในเวลาสามเดือนครึ่งแรก คาราวบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ

เยอร์เกน คลอปป์ เคยให้สัมภาษณ์ถึงอดีตปีกทีมปอร์โตว่า “หลุยส์เป็นผู้เล่นที่โดดเด่น เป็นนักเตะในแบบที่เรามองหามานานแล้ว ตอนที่แข่งกับเขาต้นซีซั่น เรารู้ทันทีว่าเขาเป็นตัวอันตรายและรวดเร็วขนาดไหน เขาเข้ามาช่วยยกระดับทีมของเราอย่างแน่นอน”

ขอบคุณภาพจาก  https://www.thesun.co.uk/sport/football/17598470/luis-diaz-liverpool-tottenham-transfer/

“สเปอร์ส” ช่วยกระตุ้นให้คลอปป์เร่งซื้อดิอาซเร็วขึ้นกว่าครึ่งปี

ดีลนี้เหล่า เดอะ ค็อป ต้องให้เครดิตท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เพราะคลอปป์อยากได้ตัวปีกวัย 25 ปีทีมชาติโคลอมเบียเพราะประทับใจฟอร์มตอนเจอ เอฟซี ปอร์โต ในแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม และตั้งใจเปิดโต๊ะเจรจาช่วงตลาดซัมเมอร์กลางปี แต่พอรู้ข่าวทีมไก่เดือยทองสนใจดิอาซระดับเอาแน่ คลอปป์จึงเร่งเครื่องปาดหน้าเค้กไฮแจ็คดิอาซจากลีกโปรตุเกสด้วยสัญญา5 ปี เมื่อวันที่ 30 มกราคม จ่ายค่าตัว 37.5 ล้านปอนด์ บวกโบนัสแอดออน 12.5 ล้านปอนด์

พ่อของดิอาซเปิดเผยภายหลังว่า “ท็อตแนมสนใจลูกชายของผมจริงๆ โรมาก็อีกหนึ่งทีม แต่พวกเขาลังเลมากไปและปล่อยให้ลิเวอร์พูลเข้ามา ลิเวอร์พูลเร็วกว่าสองทีม พวกเขาต้องการหลุยส์และโฉบตัวไป”

แม้ดิอาซเพิ่งเข้าประเทศอังกฤษได้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์เนื่องจากเสียเวลาเคลียร์ปัญหาเวิร์คเพอร์มิท คลอปป์ได้รีบใช้งานเขาอีกสองวันต่อมา ส่งลงสนามแทน เคอร์ติส โจนส์ ในนาทีที่ 58 ของ เอฟเอ คัพ รอบ 4 ซึ่งลิเวอร์พูลชนะคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 3-1 โดยดิอาซทำแอสซิสต์จากสกอร์ของ ทาคุมิ มินามิโนะ

19 กุมภาพันธ์ ดิอาซที่เพิ่งลงตัวจริงบอลพรีเมียร์ลีกเป็นนัดที่สอง เบิกสกอร์แรกในสีเสื้อลิเวอร์พูลได้ ทำประตูที่สามให้ต้นสังกัดชนะนอริช ซิตี้ 3-1 จากนั้นไม่ถึงสองสัปดาห์ เขาเป็นหนึ่งในขุนพล 11 คนแรกชุดแชมป์ คาราบาว คัพ 2022 และล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ยังได้รับเลือกให้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2022

ดิอาซยังมีโอกาสลุ้นแชมป์กับลิเวอร์พูลอีกสองรายการคือพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งมีคิวเตะรอบชิงชนะเลิศกับ เรอัล มาดริด ในวันที่ 28 พฤษภาคม โดยตอนนี้ ดิอาซมีผลงานกับลิเวอร์พูล 24 นัด 6 ประตู คลอปป์ไม่ใช้งานดิอาซแค่สองนัดเท่านั้น

ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/ThailandLiverpoolFC

หงส์ขึ้นนำพรีเมียร์ลีกหากคิดผลแข่งช่วงดิอาซร่วมทีม

หากนับผลแข่งขันเฉพาะเกมพรีเมียร์ลีกตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นนัดแรกในยูนิฟอร์มหงส์แดงของดิอาซจนถึงเกมล่าสุดของลิเวอร์พูลที่บุกไปเฉือน แอสตัน วิลล่า 2-1 ลิเวอร์พูลจะมี 38 คะแนนจาก 14 นัด มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ทิ้งห่างอันดับสอง อาร์เซนอล ที่มี 30 คะแนน (14 นัด) ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รั้งอันดับสาม มี 26 คะแนน (11 นัด) เท่ากับอันดับสี่ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (14 นัด) แต่ผลต่างสกอร์ดีกว่า 6 ประตู นั่นแสดงให้เห็นถึงลิเวอร์พูลได้รับอิมแพ็คมากเพียงใดหลังจากได้ดิอาซ

ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานเซ็นเตอร์แบ็คของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยพูดถึงดิอาซว่า “ดิอาซเป็นตัวสร้างความแตกต่างให้กับทีม มีชั้นเชิงที่สามารถดวลตัวต่อได้เหนือชั้น การเลี้ยงบอลของเขาทำให้กองหลังต้องปวดหัวและอาจช็อคกับลูกเล่นที่เจอ เขาเป็นนักเตะที่มหัศจรรย์ สำหรับผมแล้ว ดิอาซเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญายอดเยี่ยมแห่งปี เพื่อนร่วมทีมต้องรักเขาและพลังงานที่เขาส่งออกมาบนสนาม”

ดิอาซติดอันดับ 10 ดีลการซื้อสุดคุ้มค่าของคลอปป์

ราวกลางเดือนมีนาคม planetfootball ได้วิเคราะห์ 25 อันดับการเซ็นสัญญายอดเยี่ยมของคลอปป์นับตั้งแต่คุมทีมหงส์แดงในเดือนตุลาคม 2015 ปรากฏว่า ดิอาซถูกจัดให้อยู่อันดับสิบ ซึ่งเป็นการประเมินค่าที่สูงมากจากการเข้ามาอยู่ถิ่นแอนฟิลด์เพียงหนึ่งเดือนครึ่ง ลงสนาม 11 นัด ทำ 2 ประตู ซึ่งหากปีกทีมชาติโคลอมเบียยังรักษาฟอร์มเก่งได้อย่างต่อเนื่องตลอด 3-4 ปีข้างหน้า อันดับของเขาคงเลื่อนขึ้นสูงระดับท็อป-5 ได้ไม่ยาก ซึ่งตอนนี้ โม ซาลาห์ รั้งอันดับหนึ่งตามด้วย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ซาดิโอ มาเน่ และ อลิสซง เบ็คเกอร์

เมื่อครั้งชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก 2019 และ พรีเมียร์ลีก 2020 ลิเวอร์พูลสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยกองหน้า Fab Three แต่หลังการเข้ามาของ ดีโอโก้ โซต้า ในเดือนกันยายน 2020 ตามด้วยดิอาซ ทำให้คลอปป์มีแผงหน้าระดับ Fab Five ซึ่ง ราล์ฟ รังนิก ผู้จัดการทีมชั่วคราวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งตกเป็นข่าวอยากได้ดิอาซในเดือนมกราคม ยังเคยเสนอแนะบอร์ดบริหารให้ซื้อกองหน้าสไตล์ โมเดิร์น สไตรเกอร์ ระดับท็อปเข้ามาอย่างน้อยสองคน เพื่อเลือกใช้งานได้หลากหลายและสะดวกต่อการโรเตชั่นเหมือนกับทีมหงส์แดงและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีกองหน้าสมัยใหม่ฝีเท้ายอดเยี่ยมถึงห้าคน

ซีซั่นที่แล้ว ซึ่งลิเวอร์พูลเสียถ้วยพรีเมียร์ลีกคืนให้กับทีมเรือใบสีฟ้า มีคำถามขึ้นมาว่าลิเวอร์พูลจะเป็นอย่างไรหากขาด ซาลาห์, มาเน่ และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ แต่คำตอบก็ชัดเจนแล้วเมื่อคลอปป์ได้โซต้าและดิอาซเข้ามา ซึ่งยังช่วยให้บรรดาเดอะ ค็อป รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นกับสถานการณ์ที่ Fab Three กำลังจะหมดสัญญาหลังสิ้นสุดฤดูกาลหน้า

ดิอาซช่วยให้หงส์อุ่นใจหากเสียมาเน่หรือซาลาห์

โอกาสที่ลิเวอร์พูลจะเสีย Fab Three คนใดคนหนึ่งหรือกระทั่งสองคนในตลาดซัมเมอร์ปีนี้มีความเป็นไปได้สูง ซาลาห์เรียกร้องค่าเหนื่อยมากขึ้น ส่วนมาเน่ไม่คิดย้ายออกแต่สโมสรรอจบซีซั่นนี้ก่อนจึงจะหยิบสัญญาฉบับใหม่ขึ้นมาคุยกับโต๊ะ

มีรายงานว่า มาเน่ ดาราทีมชาติเซเนกัล ต้องการค่าเหนื่อย 250,000 – 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้เขาเป็นนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงสุดในลิเวอร์พูลเว้นเสียแต่กลุ่มทุน เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป จะยอมอัพค่าเหนื่อยให้ซาลาห์ขึ้นเป็น 400,000 ปอนด์ตามที่สตาร์ทีมชาติอียิปต์เรียกร้อง ซึ่งดูเหมือนว่าไม่น่าเป็นไปได้ นั่นเท่ากับว่าลิเวอร์พูลอาจจำใจต้องปล่อยซาลาห์หรือมาเน่ออกไป

ผู้สันทัดกรณีมองว่า ลิเวอร์พูลอาจเลือกมาเน่ ซึ่งประเมินค่าตัวไว้ที่ 50-80 ล้านปอนด์ แล้วนำเงินไปซื้อกองหน้าที่อายุอ่อนกว่าและถูกกว่าทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อย พร้อมกับลุ้นให้ดิอาซหรือโซต้าสามารถก้าวขึ้นมาแบกภาระผลิตสกอร์อย่างต่ำ 20ประตูต่อซีซั่น โดยการเข้ามาของโซต้าและดิอาซทำให้ตอนนี้คลอปป์ไม่จำเป็นต้องมีซาลาห์หรือมาเน่มากเทียบกับสถานการณ์หกเดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่บอร์ดบริหารก็ดูเหมือนกุมความได้เปรียบบนโต๊ะเจรจากับดารากองหน้าทั้งสองคน

แน่นอนว่า การเซ็นสัญญากับดิอาซในตลาดเดือนมกราคมช่วยให้คลอปป์หายใจหายคอโล่งขึ้นกับปัญหากองหน้า โชคดีที่ทีมสเปอร์สช่วยเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้กุนซือชาวเยอรมันเลื่อนคิวเซ็นสัญญาเร็วขึ้นกว่าครึ่งปี “ผมดีใจมากที่เราสามารถปิดดีลนี้ได้” คลอปป์เปิดใจเมื่อครั้งเพิ่งได้ตัวปีกวัย 25 ปีอย่างเป็นทางการ

อะไรที่ทำให้คลอปป์ต้องการดิอาซมากขนาดนั้นหลังเห็นฟอร์มจากข้างสนามในเกมปะทะกับปอร์โต 2 นัดช่วงต้นฤดูกาล

คลอปป์เห็นความอันตรายของดิอาซในเสื้อปอร์โต

ดิอาซเป็นปีกซ้ายที่เล่นบอลด้วยเท้าขวา มีความคล่องแคล่วว่องไวและเคลื่อนไหวตัวได้ชาญฉลาด บ่อยครั้งขณะที่เติมเกมรุกทางฝั่งซ้าย เขาจะสปีดหนีกองหลังวิ่งเข้าตรงกลางในตำแหน่งศูนย์หน้าเพื่อรอรับบอลที่เพื่อนร่วมทีมเจาะทะลุฝ่ายตรงข้าม ซึ่งดิอาซสามารถใช้เท้าขวารับบอลและง่ายต่อการลากบอลจี้เข้าหาประตูเพื่อเผด็จศึกจังหวะสุดท้าย หรือหากคู่ต่อสู้ปราดเข้ามาสกัดอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้นักเตะปอร์โตเป็นอิสระ ดิอาซสามารถเลือกจ่ายบอล ซึ่งการสร้างสรรค์เกมรุกเป็นความอันตรายอีกข้อหนึ่งของปีกทีมชาติโคลอมเบีย

สปีดของดิอาซสร้างความปั่นป่วนให้ตัวประกบทั้งการวิ่งอินไซด์และเอาท์ไซด์ อาวุธเก่งคือการตัดเข้าด้านในและครอสส์บอลไปทางเสาไกล หรือเลี้ยงจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อผ่านบอลไปบริเวณหน้าเส้นประตูหวังให้เพื่อนร่วมทีมอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้าชาร์จ เขายังเป็นคนที่เล่นบอลในพื้นที่แคบได้ดีอีกด้วย แต่มักไม่ค่อยเห็นเขาเลี้ยงบอลไปถึงเส้นหลังประตูแล้วเปิดบอลยัดเข้ามา

อิดาซยังมีความสามารถจบสกอร์ด้วยตัวเอง อย่างในจังหวะที่ลากบอลผ่านเส้นกรอบเขตโทษและเห็นช่องว่างของแผงหลังฝ่ายตรงข้าม เขาจะแต่งบอลเพื่อสร้างจังหวะซัลโวด้วยการขยับถอยหลังแล้วง้างเท้ายิงด้วยความรุนแรงแม้การจัดร่างกายไม่เอื้ออำนวย

ยามไม่มีบอล ดิอาซยังใช้สปีดเคลื่อนที่ไปตามพื้นที่ต่างๆอย่างรวดเร็ว สามารถเข้าเพรสส์คู่ต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพ บ่อยครั้งมีการเร่งสปีดขึ้นด้วยเวลาอันน้อยนิดเพื่อเคาน์เตอร์แอ็ทแท็คหรือกดดันฝ่ายตรงข้าม นอกจากนี้ปีกทีมชาติโคลอมเบียยังถอยหลังลงไปช่วยฟูลแบ็คในยามจำเป็น อาศัยความดุดันและนิสัยกัดไม่ปล่อยดวลกับกองหน้าตัวต่อตัว พร้อมระเบิดความเร็วออกไปข้างหน้าเมื่อแย่งบอลมาครอบครอง เปลี่ยนรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว

กับทีมปอร์โต ดิอาซถูกวางตัวอยู่ฝั่งซ้ายทั้งระแบบ  4-2-3-1 และ 4-4-2 หากเป็น 4-2-3-1 เมื่อเปิดเกมรุก ดิอาซได้รับไฟเขียวให้เคลื่อนตัวเข้าตรงกลางเพื่อช่วยศูนย์หน้า แต่ถ้าเป็น 4-4-2 ดิอาซจะเปลี่ยนตำแหน่งไปเล่นเป็นกองหน้าแทนเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งที่ถอยลงไปเป็นมิดฟิลด์ หรือบางครั้งก็เปลี่ยนแผนเป็น 4-3-3 ใช้ประโยชน์จากดิอาซทั้งแอสซิสต์และการจบสกอร์

ในทีมชาติโคลัมเบอร์ ผู้เล่นตำแหน่งเบอร์ 10 จะฉีกตัวไปด้านซ้ายเพื่อเปิดโอกาสให้ดิอาซเลี้ยงบอลเข้าด้านในและยิงประตู บางครั้งเบอร์ 9 และ 10 จะดันตัวขึ้นสูงเพื่อกดดันเซ็นเตอร์แบ็คให้ถอยหลังกลับไป สร้างช่องว่างบริเวณแนวรับให้ดิอาซทะลวงเข้าไป

ด้วยทักษะและเชิงชั้นเหล่านี้เองเมื่อดิอาซเข้ามาอยู่ในระบบ 4-3-3 ภายใต้การคุมทีมของคลอปป์ บวกกับเพื่อนร่วมทีมรอบตัวที่มีเซนส์บอลสูงทันกัน จึงทำให้ดิอาซกลายเป็นตัวอันตรายอย่างที่กุนซือชาวเยอรมันให้สัมภาษณ์ไว้เพราะเคยประสบด้วยตาตนเอง

ผลงานในสนามตลอดสามเดือนครึ่งที่ผ่านมาของดิอาซในสีเสื้อลิเวอร์พูลเป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจนอยู่แล้ว จากการลงสนาม 24 นัดจาก 4 รายการ 1,536 นาที 6 ประตู 4 แอสซิสต์ กับเหรียญรางวัลชนะเลิศ คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา

อ้างอิง : 

https://www.planetfootball.com/trending/luis-diaz-liverpool-villarreal-impact-sub-best-january-signing-goal-champions-league/

https://www.planetfootball.com/quick-reads/luis-diaz-liverpool-premier-league-table-since-debut-february-impact/

https://www.planetfootball.com/quick-reads/ranking-every-signing-jurgen-klopp-has-made-as-liverpool-manager/

https://www.90min.com/posts/luis-diaz-instant-impact-means-liverpool-can-do-without-sadio-mane