Categories
Column

“เมสซี่ x ซัวเรซ” : เราและนาย..เพื่อนกันตลอดกาล

แม้ตัวห่างไกลแต่หัวใจยังใกล้ชิด อีกหนึ่งเรื่องราวมิตรภาพดีๆที่เพิ่งเกิดขึ้นระหว่างสองยอดกองหน้าเวิลด์คลาส “ลิโอเนล เมสซี่” กับ “หลุยส์ ซัวเรซ” ซึ่งเริ่มสร้างสายใยความผูกพันช่วงเป็นนักเตะร่วมค่ายบาร์เซโลน่าระหว่างปี 2014 – 2020  เมื่อเมสซี่ไม่เพียงอัดคลิปร่วมแสดงความยินดีที่ซัวเรซกลับคืนสู่รากเหง้าของอาชีพค้าแข้งกับสโมสรนาซิอองนาล แต่ยังให้ยืมเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวพาเพื่อนรักเดินทางไปยังประเทศอุรุกวัยอีกด้วย

ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองผูกพันขนาดไหนเกิดขึ้นช่วงกลางปี 2020 เมสซี่ขอขื้นบัญชีย้ายทีมขณะเหลือสัญญากับบาร์โซลน่าอีกหนึ่งปี เหตุผลลึกๆแล้วเขาไม่พอใจที่สโมสรขายซัวเรซไปให้แอตเลติโก มาดริด ในราคาแค่หกล้านยูโร แถมโรนัลด์ คูมัน ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม พูดจาตัดเยื่อใยไม่ให้เกียรติเพื่อนรักของเขา แม้ท้ายที่สุดเมสซี่ยอมเล่นให้บาร์ซ่าแต่นั่นเพราะไม่อยากมีคดีความ

เป็นที่ทราบผ่านหน้าข่าวว่า เมสซี่และซัวเรซรวมถึงภรรยาและลูกๆของทั้งสองมักหาโอกาสไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยกันช่วงไม่มีแข่งฟุตบอล แม้ซัวเรซเคยให้สัมภาษณ์ เอล ปาอิส หนังสือพิมพ์ในอุรุกวัยว่า “เอ็นเอสเอ็น” ฟรอนท์ทรีจากอเมริกาใต้ของบาร์เซโลน่า ตัวเขา เมสซี่ และ เนย์มาร์ สนิทกันทั้งในและนอกสนาม แต่แหล่งข่าววงระบุว่าเมสซี่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดในบาร์เซโลน่าของซัวเรซ

“พวกเรามีเรื่องให้หัวเราะกันได้เสมอ เราหัวเราะทั้งในและนอกสนาม เนย์เป็นคนสนุก ลีโอก็ด้วยแม้ผู้คนจะไม่ค่อยมองเขาในลักษณะนั้นนัก ความสัมพันธ์นี้ส่งผลดีและช่วยเหลือพวกเรา”

“ลีโอมีลูกคนหนึ่งที่แก่กว่าเบนญ่าของผม และอีกคนก็อ่อนกว่าเดลฟี่ ลูกๆชอบเล่นด้วยกัน ผมกับลีโออายุใกล้กัน เราชอบเล่าเรื่องกระจุกกระจิกเล็กๆน้อยๆสมัยเป็นวัยรุ่น พ่อแม่ญาติๆก็เข้ากันได้ดี”

แม้ต้องแยกจากกันเมื่อซัวเรซย้ายไปอยู่แอตเลติโก มาดริด ทั้งสองยังติดต่อกัน สตาร์ทีมชาติอุรุกวัยเปิดใจกับ มาร์ก้า สื่อใหญ่ประเทศสเปน ช่วงปลายปี 2020 ว่า “เราคุยกันเยอะนะแต่ด้วยความสัตย์จริง เราคุยเรื่องชีวิตทั่วๆไป” 

“เมื่อไม่นานมานี้เป็นวันเกิดลูกคนหนึ่งของผม ของเขาด้วย เราคุยเรื่องชีวิตทั่วๆไป ไวรัสโควิด นู้นนั้นนี้ แต่คุยเรื่องฟุตบอลน้อยมากๆ พูดนิดหน่อยถึงการทำประตูที่พลาดหรือระบบแทคติกการเล่น ว่ากันตามจริงเราห่วงสิ่งที่อาจเกิดกับครอบครัวมากกว่าความเป็นไปของฟุตบอล”

ย้อนกลับไปปลายเดือนตุลาคม 2021 ซึ่งตอนนั้น เมสซี่ได้ย้ายไปค้าแข้งที่ปารีส แซงต์ แยร์กแมง หลังหมดสัญญากับบาร์เซโลน่า เดอะ มิร์เรอร์ สื่อแท็บลอยด์ชั้นนำของอังกฤษ รายงานว่าสองเพื่อนซี้ลาตินอเมริกันมีแผนเล่นด้วยกันอีกครั้งก่อนแขวนสตั๊ด

ช่วงฤดูร้อนปี 2023 หลังจบซีซั่น 2022-23 เมสซี่จะหมดสัญญากับเปแอสเช ตอนนั้นเมสซี่อายุ 36 ปีแล้ว ส่วนซัวเรซแก่กว่าหกเดือน ทั้งสองคงเริ่มมองหาสถานที่เพื่อปิดฉากชีวิตนักเตะอาชีพ ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่เป้าหมายจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา โดย อินเตอร์ ไมอามี่ ซึ่ง เดวิด เบ็คแฮม เป็นเจ้าของสโมสร(ร่วม) มีความสนใจที่จะเซ็นสัญญาแพ็คคู่เพื่อให้เมสซี่และซัวเรซวิ่งเคียงบ่าเคียงไหล่บนฟลอร์หญ้าระดับอาชีพเป็นครั้งสุดท้าย

“เมสซี” ให้ยืมเจ็ตพา “ซัวเรซ” และครอบครัวกลับอุรุกวัย

ฤดูกาล 2022-23 เมสซี่ยังคงร่วมไล่ล่าความสำเร็จกับปารีส แซงต์ แยร์กแมง ซึ่งมุ่งมั่นครองแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนซัวเรซแยกทางกับแอตเลติโก มาดริด หลังหมดสัญญาสองปีที่เซ็นไว้ ดาวยิงวัย 35 ปี ซึ่งน่าจะลงสังเวียน เวิลด์คัพ เป็นครั้งสุดท้ายช่วงปลายปีนี้ ปฏิเสธข้อเสนอจาก แอลเอ เอฟซี ในเมเจอร์ ซอคเกอร์ ลีก แต่เลือกเดินทางกลับบ้านเกิด ประเทศอุรุกวัย เพื่อค้าแข้งกับ นาซิอองนาล ซึ่งเขาเคยค้าแข้งระหว่างปี 2005 – 2006 ก่อนเดินทางข้ามทวีปไปสร้างชื่อเสียงกับ โกรนิงเก้น, อาแจ็กซ์, ลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า และ แอตเลติโก มาดริด

นาซิอองนาล เตรียมจัดงานเปิดตัวและต้อนรับการคืนสู่เหย้าของซัวเรซอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกิจกรรมเฉลิมฉลองความยาวร่วมสามชั่วโมงที่ กรัน ปาร์เก้ เซ็นทรัล สนามของสโมสร เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (31 ก.ค.2022)

ซัวเรซเดินทางจากแผ่นดินใหญ่ทวีปยุโรปมาถึงสนามบินนานาชาติที่คาร์ราสโก้ กรุงมอนเตวิเดโอ้ โดยมีโฮเซ่ ฟูเอ็นเตส ประธานสโมสร ให้การต้อนรับ ก่อนเดินทางตรงไปยังสนามที่มีแฟนบอลรออยู่ร่วมห้าหมื่นคน

ก่อนเริ่มงาน ซัวเรซเซลฟี่อัพขึ้นอินสตาแกรม เป็นภาพตัวเขาชูนิ้วโป้งให้กับเสื้อหมายเลข 9 ของเขาที่แขวนเป็นแถวอยู่ในห้องพักนักกีฬา พร้อมบรรยายความรู้สึกว่า การต้อนรับช่างเหลือเชื่อและไม่มีวันลืม ส่วนภรรยาก็ไม่น้อยหน้า โพสต์คลิปแฟนบอลที่ยืนให้การต้อนรับริมถนนระหว่างสนามบินถึงสนามแข่ง และรุมล้อมรถของซัวเรซด้วยความตื่นเต้นที่ได้ใกล้ชิดไอดอลของตัวเอง

ซัวเรซ พร้อมด้วยภรรยา โซเฟีย บัลบี้ และลูกทั้งสาม เดลฟิน่า เบนจามิน และเลาตาโร่ เดินทางมาลงสนามบินด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมูลค่า 12 ล้านปอนด์ของเมสซี่ ซึ่งมีเบอร์ 10 อยู่ที่หางเครื่อง และแต่ละขั้นบันไดเป็นชื่อภรรยา แอนโตเนล่า รวมถึงลูกสามคน ติอาโก้ คีโร่ และมาเตโอ้

เครื่องบินเจ็ตสุดหรูสร้างโดยบริษัทแห่งหนึ่งในอาร์เจนตินา ออกแบบเพื่อให้ครอบครัวเมสซี่ใช้งานโดยเฉพาะ ประกอบด้วยห้องครัว สองห้องน้ำ และเก้าอี้ 16 ที่นั่ง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงนอน 8 เตียง

นอกจากส่งเครื่องบินเจ็ตมาอำนวยความสะดวกแก่การเดินทางของเพื่อน เมสซี่ยังอัดคลิปร่วมแสดงความยินดีซึ่งถูกเปิดภายในงานด้วย ขณะที่เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 7 สมัย พักผ่อนอยู่ในแมนชั่นที่ค่าพักตกสัปดาห์ละ 250,000 ปอนด์ บนเกาะส่วนตัวทางชายฝั่งทะเลด้านเหนือของเกาะอีบิซ่า ประเทศสเปน

เมสซี่ ซึ่งเล่นกับซัวเรซที่บาร์เซโลน่านานหกปี กล่าวว่า “ฉันขอส่งกอดและอวยพรให้นายโชคดีกับช่วงเวลาใหม่ในอาชีพนักฟุตบอล นายรู้ดีว่าฉันรักนายมากแค่ไหน ฉันจะติดตามนาซิอองนาลจากที่นี่ พวกเราแฟนบอลทีมนีเวลล์มีความทรงจำไม่ค่อยดีกับพวกนาซิอองนาลเท่าไหร่ แต่นายก็รู้ ฉันห่วงใยนายและพร้อมไปที่นั่นเสมอเมื่อนายต้องการ หวังว่าเราจะได้เจอกันเร็วๆนี้ บาย!”

“เมสซี่” ขอย้ายออกบาร์ซ่าหลังไม่พอใจ “ซัวเรซ” ถูกโละไร้เยื่อใย

เหตุการณ์ที่เป็นประจักษ์พยานอย่างชัดเจนถึงความรักและความห่วงใยของเมสซี่ที่มีต่อซัวเรซ หนีไม่พ้นช่วงที่กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งทำสกอร์ให้บาร์เซโลน่ารวม 198 ประตู ถูกขายให้แอตเลติโก มาดริด หลังจากคูมันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมประมาณหนึ่งเดือน

ซัวเรซยอมรับว่าไม่พอใจคูมันปฏิบัติต่อเขาแบบไม่ให้เกียรติด้วยการคุยผ่านโทรศัพท์แค่ 40 วินาที ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่าเรื่องนี้กับนักข่าวดัง เจอราร์ด โรเมโร่ ผ่านวิดีโอสตรีมมิ่ง ทวิตซ์ ว่า

“คูมันโทรศัพท์บอกผมโดยใช้เวลาเพียง 40 วินาที ซึ่งไม่ใช่วิธีที่สมควรใช้บอกลานักเตะระดับตำนาน เรื่องแรก เขาบอกว่าผมไม่อยู่ในแผนงานของเขา จากนั้นบอกว่า ถ้าไม่จัดการสัญญาให้เรียบร้อย ผมจะถูกลดบทบาท เขาไร้ซึ่งบุคลิกภาพที่ดีที่จะถ่ายทอดให้ชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการผมหรือว่าสโมสรไม่ต้องการผมกันแน่”

ต่อจากนั้น ซัวเรซยังระบุด้วยว่า เมสซี่พยายามที่จะไปจากสโมสรหลังเหตุการณ์ดังกล่าว

“ผมคุยเรื่องนี้กับโซเฟีย (ภรรยา) และลีโอหลังวางหูจากคูมัน มันเป็นวันเวลาที่ยากลำบากเมื่อมองจากทุกสิ่งที่ผมทุ่มเทให้สโมสร เมสซี่ทำเรื่องขอย้ายทีม ส่วนผมก็โดนให้ออก เป็นช่วงเวลาที่แย่มากสำหรับครอบครัวของเราสองคน”

เมื่อเพื่อนโดนทำร้าย ก็เหมือนตัวเองโดนทำให้บาดเจ็บด้วยเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่เพื่อนอย่างเมสซี่แสดงปฏิกิริยาออกต่อคูมันและบาร์เซโลน่า

Categories
Special Content

ทำเนียบดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล ของ 20 สโมสรลาลีกา 2022/23

“การทำประตู” ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์คลาสสิกที่เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอล และมีนักเตะบางคน ที่สร้างความมหัศจรรย์ ด้วยการยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ จนถูกยกย่องให้เป็น “ตำนาน” ของสโมสรนั้น ๆ

ในประวัติศาสตร์ของลาลีกา สเปน ตลอด 91 ฤดูกาลที่ผ่านมา มีนักเตะทีทำประตูได้มากที่สุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วยลิโอเนล เมสซี่,  คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เทลโม ซาร์ร่า, อูโก้ ซานเชซ และราอูล กอนซาเลซ

นอกจากดาวซัลโวประจำการแข่งขันแล้ว ยังมีนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ทำประตูได้มากที่สุดของแต่ละสโมสรด้วย และนี่คือรายชื่อดาวยิงสูงสุดตลอดกาล ของทั้ง 20 ทีม ในลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ ซีซั่น 2022/23

แอธเลติก บิลเบา : เทลโม ซาร์ร่า (251 ประตู)

เทลโม ซาร์ร่า อดีตเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของลาลีกา 251 ประตู จาก 277 นัดกับบิลเบา และชื่อของเขา ถูกนำไปตั้งเป็นรางวัล “ซาร์ร่า โทรฟี่” ที่มอบให้กับดาวซัลโวชาวสเปนในแต่ละซีซั่น

แอตเลติโก มาดริด : อาเดรียน อเสคูเดโร่ (150 ประตู)

อาเดรียน อเสคูเดโร่ เคยค้าแข้งให้กับแอต.มาดริด ในช่วงทศวรรษที่ 1940s ถึง 1950s และทำไปได้ถึง 150 ประตู จากการลงเล่น 287 นัด เฉพาะในลีกสูงสุด และจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีใครที่ทำลายสถิตินี้ได้

โอซาซูน่า : ซาบิโน่ อันโดเนกุย (57 ประตู)

ซาบิโน่ อันโดเนกุย ลงเล่นให้กับโอซาซูน่ามามากกว่า 10 ฤดูกาล ในช่วงทศวรรษที่ 1950s ถึง 1960s ยิงได้ 57 ประตู จาก 131 นัด ในลาลีกา และสถิติดาวซัลโวตลอดกาลของเขา ก็ยังคงอยู่จนถึงตอนนี้

กาดิซ : มากิโก้ กอนซาเลซ (41 ประตู)

ช่วงที่ค้าแข้งกับกาดิซ มากิโก้ กอนซาเลซ ทำได้ 41 ประตู จาก 149 นัดในลาลีกา ทำให้สหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลนานาชาติ (IFFHS) ยกให้เป็นผู้เล่นชาวเอล ซัลวาดอร์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

เอลเช่ : ฮวน อังเคล โรเมโร่ อิซาซี่ (79 ประตู)

ฮวน อังเคล โรเมโร่ อิซาซี่ อดีตกองหน้าชาวปารากวัยของเอลเช่ ในช่วงทศวรรษที่ 1960s ถึง 1970sยังคงเป็นเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรแห่งนี้ ด้วยผลงาน 79 ประตู จาก 183 นัดในลาลีกา

บาร์เซโลน่า : ลิโอเนล เมสซี่ (474 ประตู)

เจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของบาร์เซโลน่า คงเป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกจากลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนติน่า ลงเล่นตั้งแต่ปี 2004 – 2021 ถล่มตาข่ายได้ถึง 474 ลูก จาก 520 นัดเฉพาะในลีก

เกตาเฟ่ : มานู เดล โมราล (37 ประตู)

มานู เดล โมราล อดีตกองหน้าชาวสเปน ลงเล่นให้กับเกตาเฟ่ ตั้งแต่ซีซั่น 2006/07 ถึง 2010/11 ทำได้ 37 ประตู จาก 159 ในลาลีกา ซึ่งเขายังคงเป็นเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรจนถึงตอนนี้

กิโรน่า : คริสเตียน ซตูอานี่ (40 ประตู)

คริสเตียน ซตูอานี่ แม้จะเคยเล่นในลีกสูงสุดเพียงแค่ 2 ฤดูกาล แต่ยิงไปถึง 40 ประตู จาก 65 นัด และในฤดูกาลนี้ ก็หวังจะทำประตูเพิ่มอีก เพื่อครองสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรนี้ไว้ให้นานที่สุด

ราโย บาเยกาโน่ : อัลแบร์โต้ บูเอโน่ (28 ประตู)

อัลแบร์โต้ บูเอโน่ อดีตแข้งอคาเดมี่ของเรอัล มาดริด เคยค้าแข้งอยู่กับราโย บาเยกาโน่ 2 ซีซั่น ทำได้ 28 ประตู จาก 73 นัดในลีกสูงสุด ซึ่งทำให้เขาเป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรนี้

เซลต้า บีโก้ : ยาโก้ อัสปาส (133 ประตู)

8 ฤดูกาลในลาลีกาของยาโก้ อัสปาส กับเซลต้า บีโก้ ยิงได้ 133 ประตู จากการลงเล่น 269 นัด และแน่นอนว่า เขายังมีโอกาสเพิ่มสถิติไปได้เรื่อย ๆ ตราบใดที่สโมสรของเขา ยังคงโลดแล่นอยู่บนเวทีลีกสูงสุด

เอสปันญ่อล : ราอูล ตามูโด้ (130 ประตู)

ราอูล ตามูโด้ ตำนานกองหน้าชาวสเปน ช่วงปลายทศวรรษที่ 1990s ถึง 2000s ลงเล่นกับเอสปันญ่อล13 ฤดูกาล ทำได้ 130 ประตู จาก 340 นัด เฉพาะในลาลีกา ยึดอันดับ 1 ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสร

เรอัล มายอร์ก้า : ซามูเอล เอโต้ (54 ประตู)

ก่อนที่จะโด่งดังกับบาร์เซโลน่า ซามูเอล เอโต้ กองหน้าชาวแคเมอรูน เป็นนักเตะเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดอันดับ 1 ในประวัติศาสตร์ของเรอัล มายอร์ก้า ด้วยผลงาน 54 ประตู จาก 133 นัดในลีกสูงสุดของสเปน

เรอัล เบติส : โปลี่ รินคอน (78 ประตู)

โปลี่ รินคอน อดีตกองหน้าเรอัล เบติส ในช่วงทศวรรษที่ 1980s ลงเล่น 8 ฤดูกาล ยิงได้ 78 ประตู จาก 223 นัดในลาลีกา และยังคงเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์สโมสร จนถึงปัจจุบันนี้

เรอัล มาดริด : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (311 ประตู)

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกส ผู้ที่เข้ามาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของเรอัล มาดริดไปตลอดกาล ด้วยการระเบิดตาข่าย 311 ประตู จาก 292 เกมในลาลีกา ขึ้นแท่นดาวยิงสูงสุดอันดับ 1 ของสโมสรเรียบร้อย

เรอัล โซเซียดัด : เฆซุส มาเรีย ซาทรูสเตกี (133 ประตู)

เฆซุส มาเรีย ซาทรูสเตกี ตำนานกองหน้าของเรอัล โซเซียดัด ในช่วงทศวรรษที่ 1970s ถึง 1980s เขาคือเจ้าของสถิติอันดับ 1 ดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรแห่งนี้ ด้วยการยิง 133 ประตู จาก 297 นัด เฉพาะในลาลีกา

เรอัล บายาโดลิด : อลัน ปีเตอร์แนค (55 ประตู)

อลัน ปีเตอร์แนค กองหน้าชาวโครเอเชีย ลงเล่นให้กับเรอัล บายาโดลิด ตั้งแต่ฤดูกาล 1995/96 ถึง 1999/2000 ทำได้ 55 ประตู จาก 153 นัด ในลีกสูงสุด และยังครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรจนถึงปัจจุบัน

เซบีย่า : ฆวน อาร์ซ่า (181 ประตู)

ฆวน อาร์ซ่า สุดยอดดาวยิงของเซบีย่า ในช่วงทศวรรษที่ 1940s ถึง 1950s ลงเล่นให้กับเซบีย่าตั้งแต่อายุ 20 ปี ยิงได้ 181 ประตู จาก 347 นัด กลายเป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร จนถึงปัจจุบันนี้

อัลเมเรีย : อัลบาโร่ เนเกรโด้ (32 ประตู)

อัลบาโร่ เนเกรโด้ ดาวยิงเลือดมาดริด เคยค้าแข้งกับอัลเมเรีย สมัยที่ทีมอยู่ในลีกสูงสุด 2 ฤดูกาล และเขาคือเจ้าของสถิติผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรอยู่ในเวลานี้ โดยยิงไป 32 ประตู จาก 70 นัด

บาเลนเซีย : มุนโด้ (186 ประตู)

มุนโด้ อดีตตำนานนักเตะบาเลนเซีย ในช่วงทศวรรษที่ 1940s ถึง 1950s ยิงได้ถึง 186 ประตู จากการลงเล่น 208 นัด เฉพาะในลีกสูงสุด และครองอันดับ 1 ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสร จนถึงปัจจุบันนี้

บียาร์เรอัล : เคราร์ด โมเรโน่ (65 ประตู)

เคราร์ด โมเรโน่ กองหน้าเลือดคาตาลัน ลงเล่นกับบียาร์เรอัลเฉพาะในลีกสูงสุดมาแล้ว 5 ฤดูกาล ยิงได้ 65 ประตู จาก 146 นัด และยังคงเป็นหนึ่งในความหวังการทำประตูให้กับสโมสรแห่งนี้ เพื่อเพิ่มสถิติต่อไป

สำหรับลาลีกา สเปน 2022/23 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า มีนักเตะเพียง 3 คนเท่านั้น ที่ยังลงเล่นให้กับสโมสรปัจจุบัน คือ คริสเตียน ซตูอานี่, ยาโก้ อัสปาส และเคราร์ด โมเรโน่

ในวงการฟุตบอล นอกจากจะวัดความสำเร็จของทีมแล้ว ความสำเร็จส่วนบุคคลก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะเป็นตัวชี้วัดที่บอกถึงระดับความสามารถ และมูลค่าของนักฟุตบอลคนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

Categories
Special Content

ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ : เพชรเม็ดงามจากนอกลีก ว่าที่ “นิว คูตินโญ่” คนต่อไป ?

ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ คือนักเตะใหม่คนแรก ที่ลิเวอร์พูลเสริมเข้ามาในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากจบภารกิจในการพาฟูแล่ม เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2022/23

และในนัดเปิดซีซั่นใหม่ที่จะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์นี้ “หงส์แดง” มีโปรแกรมออกไปเยือนที่คราเวน ค็อทเทจ นั่นหมายความว่า มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 20 ปีรายนี้ มีโอกาสเผชิญหน้ากับทีมเก่า

วันนี้ SoccerSuck x ไข่มุกดำ จะพาไปทำความรู้จักอดีตแข้งเยาวชนของ “เจ้าสัวน้อย” กับเส้นทางสู่การเป็นนักฟุตบอลของเขากันครับ

ประสบการณ์เฉียดตายในวัยเด็ก

ในวัยเด็ก ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ มีความสนใจในการเล่นฟุตบอลเป็นอย่างมาก แต่อุปสรรคสำคัญคือ พ่อแม่ห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน เนื่องจากบ้านตั้งอยู่ใกล้กับถนน ซึ่งมีความเสี่ยงมาก ๆ ที่จะเกิดอันตราย

แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเล่นฟุตบอลให้ได้ เจ้าหนูคาร์วัลโญ่ได้อาศัยช่วงที่ทุกคนในครอบครัวออกจากบ้านทั้งหมด รอเวลาสักครู่ แล้วเขาค่อยออกจากบ้านไปข้ามถนน เพื่อไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้บ้าน

ซึ่งเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ได้เห็นเจ้าหนูคาร์วัลโญ่วิ่งข้ามถนน จึงออกมาเตือนว่าไม่ให้ทำแบบนี้อีก แต่เขาไม่ฟังคำเตือนจากเพื่อนบ้านคนนั้นเลย แล้ววันต่อ ๆ มา ก็ข้ามถนนเพื่อไปสวนสาธารณะอีก

ความคลั่งไคล้ในกีฬาลูกหนังของเจ้าหนูคาร์วัลโญ่ ทำให้เขาเกือบถูกรถบรรทุกชน เพื่อนบ้านจึงไปบอกให้ครอบครัวของเขาได้ทราบ ครอบครัวรู้สึกเป็นห่วงชีวิตของลูกชายมาก

อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์เฉียดตายในครั้งนั้น ก็ไม่อาจฉุดรั้งความฝันของคาร์วัลโญ่ และได้เริ่มต้นฝึกวิชาฟุตบอลกับอคาเดมี่ของเบนฟิก้า ทีมยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดของเขา เมื่ออายุ 7 ขวบ

จนกระทั่งในปี 2013 เมื่อคาร์วัลโญ่อายุได้ 11 ขวบ โปรตุเกสประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ครอบครัวของเขา ได้ตัดสินใจย้ายไปอาศัยอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

เข้าตาสโมสรระดับนอกลีกในลอนดอน

เมื่อฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เข้ามาที่ลอนดอน พร้อมพกความฝันในการเป็นนักฟุตบอล คุณแม่ของเขาได้พาไปที่สนามซ้อมของสโมสรบัลแฮม ทีมนอกลีกอาชีพ และได้พบกับเคร็ก ครัทเวลล์ ประธานสโมสร

ครัทเวลล์ กล่าวว่า “ฟาบิโอและคุณแม่ เพิ่งมาอยู่ลอนดอนได้ไม่นาน และคุณแม่กำลังมองหาทีมฟุตบอลให้ลูกชาย พอดีว่าทั้งคู่ได้มาที่สนามซ้อมของเรา ตอนนั้นผมกำลังดูนักเตะชุด ยู-11 ลงซ้อมอยู่”

“ในช่วง 30 วินาทีแรกของการซ้อม สต๊าฟฟ์ได้เปิดบอลระยะ 30 หลาไปให้ฟาบิโอ สิ่งที่เขาทำคือ เปิดบอลกลับคืนได้อย่างแม่นยำ ผมและโค้ชคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากัน ก่อนที่ผมจะตอบว่า โอเค!”

และเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนต้องทึ่งในความสามารถของคาร์วัลโญ่ เป็นการแข่งขันฟุตบอล 6 คน ที่เมืองกิลด์ฟอร์ด เขาได้โชว์การทำ “ราโบนา” (Rabona) หรือการเปิดบอลแบบไขว้จากริมเส้น

ครัทเวลล์ กล่าวต่อว่า “สิ่งที่ผมได้เห็นจากตรงหน้า คือการไชว้บอลจากริมเส้น และโชว์ลูกเล่นสารพัด ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้รับการติดต่อจากฟูแล่มแล้ว แต่หลังจากนั้นสโมสรยักษ์ใหญ่ก็ติดต่อเข้ามา”

“เขามีคลาสฟุตบอลที่เหนือกว่าคนอื่นๆ แน่นอนว่าเขามีความทะเยอทะยาน แต่ยังถ่อมตัว ไม่เคยมองว่าตัวเองอยู่สูงกว่าคนอื่น ไม่เคยพูดโอ้อวดว่า ฉันจะไปเล่นพรีเมียร์ลีกให้ได้ อะไรประมาณนั้น”

หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ในท้ายที่สุด ครัทเวลล์ ประธานสโมสร และเปโดร โซอาเรส โค้ชผู้รักษาประตูของบัลแฮม ช่วยกันผลักดันให้คาร์วัลโญ่ ย้ายไปอยู่กับอคาเดมี่ของฟูแล่ม

“สโมสรใหญ่ต่างหยิบยกเหตุผลดีๆ มากมายเพื่อล่อใจ แต่ครอบครัวของเขามองว่า ไม่ได้ยึดติดกับการที่เขาต้องเป็นนักเตะดาวดัง ฟูแล่มคือสโมสรที่ใช่สำหรับเขาแล้ว” ครัทเวลล์ กล่าวปิดท้าย

แจ้งเกิดกับฟูแล่ม ช่วยคว้าแชมป์ลีกรอง

หลังจากใช้เวลา 2 ปี กับทีมนอกลีกอย่างบัลแฮม ในปี 2015 ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ก็ได้ก้าวสู่สโมสรที่ใหญ่กว่าอย่างฟูแล่ม ซึ่งเป็นสโมสรที่ขึ้นชื่อเรื่องปั้นนักเตะเยาวชนระดับต้น ๆ ของวงการฟุตบอลอังกฤษ

ซึ่งก่อนหน้านี้ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งของลิเวอร์พูล ก็เคยอยู่กับอคาเดมี่ของฟูแล่มมาแล้ว ก่อนที่จะย้ายเข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อปี 2019 (เคยถูกแบล็กเบิร์น โรเวร์ส ยืมตัวไปใช้งาน 1 ซีซั่น)

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/FulhamFC

ช่วงเวลา 5 ปี ที่อยู่กับอคาเดมี่ของฟูแล่ม คาร์วัลโญ่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ จนได้ขึ้นมาอยู่ในทีมชุด ยู-18 ในปี 2018 ทำได้ 17 ประตู จาก 43 นัด และต่อด้วยทีมชุดสำรอง 39 นัด ยิง 16 ประตู

ฤดูกาล 2020/21 คาร์วัลโญ่ในวัย 18 ปี ได้รับสัญญานักเตะระดับอาชีพเป็นครั้งแรกกับฟูแล่ม และได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ 6 นัด รวมทุกรายการ แต่ต้นสังกัดของเขา มีอันต้องตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลถัดมา ถือเป็นซีซั่นที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของคาร์วัลโญ่ เมื่อยิงไป 10 ประตู 8 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 36 นัด ช่วยให้ “เจ้าสัวน้อย” เสื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ในฐานะแชมป์ลีกรอง

นอกจากนี้ คาร์วัลโญ่ยังทำ 1 ประตู ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แม้ท้ายที่สุด ฟูแล่มจะถูกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม 4 – 1 แต่อย่างน้อย เขาก็มีชื่อเป็นผู้ยิงประตูใส่ยอดทีมอย่าง “เรือใบสีฟ้า”

คาร์วัลโญ่ เป็นนักเตะดาวรุ่งอายุย่างเข้าเลข 2 ที่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง ทำให้หลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกต่างจ้องที่จะล่าตัวมาให้ได้ และเป็นลิเวอร์พูล ที่ไม่ปล่อยให้เพชรเม็ดงามหลุดมือไป

แล้วตัวเขา จะให้อะไรกับลิเวอร์พูล ?

ที่จริงแล้ว ลิเวอร์พูลจะปิดดีลฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ได้ตั้งแต่ช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถดำเนินการให้ทันวันเส้นตาย อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้เป็นนักเตะใหม่ของ “หงส์แดง” ในท้ายที่สุด

สไตล์การเล่นของคาร์วัลโญ่ จะมีบทบาทคล้ายกับฟิลิปเป้ คูตินโญ่ คือเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก หรือเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 ที่มีไอเดียในการสร้างสรรค์เกม อีกทั้งมีสกิลในการครองบอล และเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม

พื้นที่ที่คาร์วัลโญ่โปรดปรานเป็นพิเศษคือ การเล่นบอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ อาจจ่ายบอลแบบสั้น ๆ ให้เพื่อน ก่อนวิ่งเข้าเขตโทษเพื่อรอรับบอล เมื่อเข้าเขตโทษก็เลือกที่จะส่งให้เพื่อน หรือลุ้นยิงประตูในทันที

นอกจากจะเป็นเพลย์เมกเกอร์ หรือกองหน้าตัวต่ำในระบบ 4-2-3-1 คาร์วัลโญ่ ยังเป็นนักเตะที่สามารถโยกไปเล่นเป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้ายในระบบ 4-3-3 ซึ่งเป็นแผนการเล่นหลักของเจอร์เก้น คล็อปป์

แต่ด้วยอายุที่ยังน้อย คาร์วัลโญ่จึงถูกวางตัวในการสร้างทีมสำหรับแผงกองกลางรุ่นใหม่ของลิเวอร์พูลในอนาคต เพื่อเข้ามาทดแทนมิดฟิลด์รุ่นพี่บางคน ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงบั้นปลายอาชีพกันแล้ว

ยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่าฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ จะก้าวขึ้นมาเป็น “นิว คูตินโญ่” แต่ด้วยสายตาอันแหลมคมในการดึงนักเตะของเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็อาจจะมีเซอร์ไพรส์ที่ทำให้ “เดอะ ค็อป” คาดไม่ถึงก็เป็นได้

เรียบเรียง: จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://www.bbc.com/sport/football/61654325

https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-10846023/Fabio-Carvalho-tipped-thrive-Liverpools-superstars-starting-career-ninth-tier.html

https://theathletic.com/3251727/2022/04/24/what-fabio-carvalho-will-bring-to-liverpool/

https://lifebogger.com/fabio-carvalho-childhood-biography-story-facts/

Categories
Special Content

“ฌูลส์ กุนเด้” แนวรับคนใหม่บาร์ซ่า กับ 5 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้

ชื่อของ “ฌูลส์ กุนเด้” เป็นที่พูดถึงมากขึ้น หลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในเกมรับของเซบีย่า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ ต่างหมายปองที่จะล่าลายเซ็นของปราการหลังรายนี้มาให้ได้

โดยเฉพาะเชลซี เป็นทีมที่มีข่าวให้ความสนใจดาวเตะวัย 23 ปี มากที่สุด เพื่อหวังที่จะเข้ามาแทนที่ของอันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่ตัดสินใจย้ายไปเรอัล มาดริด แต่เป็นบาร์เซโลน่า ที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาอย่างจริงจัง

ในที่สุด ก็เป็นเจ้าบุญทุ่มแห่งสเปน ที่ปาดหน้าคว้าเซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติฝรั่งเศส ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 50 ล้านยูโร บวกกับแอด-ออนอีกประมาณ 5-10 ล้านยูโร กลายเป็นนักเตะใหม่คนที่ 6 ในช่วงซัมเมอร์นี้

ตลอด 3 ฤดูกาลกับเซบีย่า ในยุคของกุนซือฆูเลน โลเปเตกี กุนเด้ได้แสดงให้เห็นถึงความคงเส้นคงวาที่ดีในการเล่นเกมรับ เสียรวม 97 ประตู น้อยสุดเป็นอันดับ 3 รองจากเรอัล มาดริด และแอตเลติโก้ มาดริด

กุนเด้ ต้องการที่จะย้ายไปสปอติฟาย คัมป์ นู แทนที่จะเป็นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพราะมองว่ามีความทะเยอทะยานมากกว่า และนี่คือ 5 เรื่องราวของเขา ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/jkeey4

เติบโตกับอคาเดมี่ของบอร์กโดซ์

เมื่อปี 2013 กุนเด้ในวัย 15 ปี ได้เริ่มต้นฝึกวิชาฟุตบอลกับทีมเยาวชนของบอร์กโดซ์ ในฝรั่งเศส จากนั้นได้เลื่อนขึ้นสู่ทีมสำรอง ก่อนที่จะได้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่ 70 นัด รวมทุกรายการ ตลอด 2 ซีซั่นกับบอร์กโดซ์

เคยเล่นตำแหน่งแบ็คขวามาก่อน

ในช่วงแรกที่อยู่กับบอร์กโดซ์ กุนเด้เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็กฝั่งขวา แต่ในเวลาต่อมา กุสตาโว โปเยต์ กุนซือของทีมในเวลานั้น ขอให้เขาไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก ซึ่งก็ทำได้ยอดเยี่ยม และกลายเป็นตำแหน่งการเล่นหลักในปัจจุบัน

อดีตเพื่อนร่วมทีมของชูอาเมนี่

กุนเด้ เคยเป็นเพื่อนร่วมสโมสรเดียวกับออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตั้งแต่อยู่กับทีมเยาวชนของบอร์กโดซ์ และเมื่อชูอาเมนี่ย้ายไปเรอัล มาดริด ในซัมเมอร์นี้ นั่นหมายความว่า ทั้งคู่จะมีโอกาสพบกันในศึก “เอล กลาซิโก้” ซีซั่นนี้

เหตุผลที่สวมเสื้อหมายเลข 12

สมัยที่อยู่กับเซบีย่า กุนเด้เลือกสวมเสื้อหมายเลข 12 เพราะเป็นวันเกิดของเขา และได้แรงบันดาลใจจากเฟเดริก กานูเต้ ตำนานดาวยิงชาวมาลีที่เคยสร้างชื่อในถิ่นรามอน ซานเชซ ปิซฆวน ซึ่งสวมเสื้อหมายเลข 12

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/jkeey4

แฟนพันธุ์แท้บาสเกตบอล NBA

กุนเด้ เป็นผู้ที่หลงใหลในกีฬาบาสเก็ตบอลเป็นอย่างมาก และเคยไปชมการแข่งขัน NBA ที่สหรัฐอเมริกามาแล้ว โดยเขาเป็นแฟนคลับของอัลเลน ไอเวอร์สัน ตำนานนักยัดห่วงชื่อดัง เนื่องจากชื่นชอบในทรงผมสุดเท่

ถึงแม้ว่ากุนเด้จะมีส่วนสูงแค่ 179 เซนติเมตร แต่มีสไตล์การเล่นที่ครบเครื่อง ทั้งความแข็งแกร่ง ยืนตำแหน่งได้ดี อ่านเกมได้ยอดเยี่ยม เข้าถึงบอลเร็ว เอาชนะในการดวลตัวต่อตัวได้บ่อยๆ แถมเล่นบอลได้ดีทั้ง 2 เท้า

บาร์เซโลน่า ดึงตัวฌูลส์ กุนเด้มาเสริมทัพ เพื่อหวังเพิ่มศักยภาพเกมรับของบาร์เซโลน่าให้ดีขึ้นกว่าเดิม และคาดว่าจะเป็นตัวแทนที่ดีของเคราร์ด ปิเก้ ที่เตรียมนับถอยหลังอาชีพค้าแข้งในอีกไม่นานนี้

Categories
Special Content

ชีวิตราวหนัง สปอร์ต-ดราม่า ของ “โคลเอ้ เคลลี่” วีรสตรีผู้มอบความสุขให้กับแฟนบอลอังกฤษ

พล็อตแบบนี้ต้องหยิบมาเขียนบทเพื่อสร้างภาพยนตร์สปอร์ต-ดราม่าแนว based on true story กับเรื่องราวของ โคลเอ้ เคลลี่ เด็กหญิงที่ต้องนั่งรถไฟไปกลับสองชั่วโมงเพื่อฝึกซ้อมฟุตบอลที่สโมสรอาร์เซนอล แต่ไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งในทีมได้ ก่อนย้ายไปแจ้งเกิดกับเอฟเวอร์ตันและแมนฯ ซิตี้

เหตุการณ์สำคัญในอาชีพค้าแข้งเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2021 เอ็นไขว้หน้าเข่าของเธอฉีกถึงขั้นอาจต้องแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียง 23 ปี แต่เธอต่อสู้จนได้เล่นฟุตบอลอีกครั้งในปีต่อมา จากนั้นเพียงสามเดือนเธอกลายเป็นฮีโร่แห่งชาติ เมื่อลงเป็นตัวสำรองและทำประตูชัยให้ทีมชาติอังกฤษครองแชมป์ยูโร 2022 เป็นความสำเร็จระดับเมเจอร์รายการแรกของอังกฤษนับจากเวิลด์ คัพ 1966

แฟนบอลทั่วประเทศอังกฤษไม่เคยดีใจบ้าคลั่งนับตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 1966 เมื่อทีมชาติอังกฤษมีชัยเหนือทีมชาติเยอรมนี 4-2 ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชาย เวิลด์ คัพ ครั้งที่ 8 ที่เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ในกรุงลอนดอน 

56 ปีต่อมาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ณ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนสนามเดิมที่มีหอคอยคู่เป็นเอกลักษณ์ อังกฤษและเยอรมนีโคจรมาพบกันในนัดชิงชนะเลิศระดับเมเจอร์อีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่ชัยชนะตกเป็นของทีมสิงโตคำราม ซึ่งผงาดครองแชมป์ฟุตบอลหญิง ยูโร 2022 แฟนบอลทั่วประเทศอังกฤษที่จับจ้องการถ่ายทอดสดร่วมกับคนดูในสนาม87,192 คน ได้ฉลองชัยแบบบ้าคลั่งอีกครั้ง

เอลลา ทูเน่ แนวรุกจากแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเพิ่งถูกเปลี่ยนลงมาแค่หกนาที ยิงให้อังกฤษขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 62 ก่อนที่ ลินา มากูลล์ ตีเสมอให้เยอรมนีจากระยะเผาขนในนาทีที่ 79 ทำให้เกมต้องขยายออกไปอีกครึ่งชั่วโมง และก็เป็น โคลเอ้ เคลลี่กองหน้าจากแมนฯ ซิตี้ ซึ่งลงสนามในนาทีที่ 64 เป็นผู้ส่งลูกหนังซุกก้นตาข่ายเป็นประตูชัยในนาทีที่ 110 ให้อังกฤษมีชัยเหนืออดีตแชมป์เก้าสมัยไปอย่างเร้าใจ 2-1 ครองแชมป์ฟุตบอลหญิงแห่งชาติทวีปยุโรปเป็นสมัยแรก

เชื่อว่าภาพเคลลี่ กองหน้าวัย 24 ปี ถอดเสื้อสีขาวออกมาชูขึ้นไปหมุนสะบัดเหนือศีรษะหลังทำสกอร์สำคัญ จะกลายเป็นภาพแห่งความทรงจำไปอีกนานเช่นเดียวกับหลายภาพในประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองผู้ดี

“ยูโร 2022” เป็นแรงพลักดันให้เธอกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง

ซาริน่า เวคแมน โค้ชทีมชาติอังกฤษ ใส่ชื่อ โคลเอ้ เคลลี่ เป็นหนึ่งในนางสิงห์ชุดยูโร 2022 ทั้งที่เธอเพิ่งกลับมาเล่นฟุตบอลในเดือนเมษายนที่ผ่านมาหลังหายหน้าไปจากฟลอร์หญ้าเกือบหนึ่งปีเพราะเอ็นไขว้หน้าเข่าข้างขวาฉีกในเดือนพฤษภาคม2021 ซึ่งเกือบทำให้เธอต้องอำลาวงการฟุตบอลหญิง และพลาดเดินทางไปแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทีมสหราชอาณาจักรเข้าไปถึงรอบแปดทีมสุดท้ายและพ่ายต่อออสเตรเลีย

เคลลี่เคยให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เธอกัดฟันต่อสู้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูสภาพร่างกายก็คือ การได้เป็นส่วนหนึ่งของศึกลูกหนังยูโร 2022

“มันเป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์มากแต่ฉันตระหนักดีว่าต้องทุ่มเทฟื้นฟูร่างกายเท่านั้นที่จะทำให้ฉันได้รับประโยชน์จากมัน ฉันมองเป้าหมายหนึ่งเดียวคือยูโร นั่นจึงทำให้ฉันผ่านชีวิตแต่ละวันไปได้”

“มันดูเหมือนเป็นเวลาที่ยาวนานมากแต่ฉันก็มาอยู่ที่นี่ได้แล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่เมื่อสามารถกลับลงสนาม ฉันก็ลืมเรื่องพวกนั้นไปหมด ฉันขอบคุณที่ได้โอกาสลงมาอยู่ในสนามเพิ่มขึ้นอีกแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี”

บางทียูโร 2022 เป็นเพียงเป้าหมายที่จับต้องได้เพื่อพลักดันให้เธอผ่านเวลาที่ยากลำบาก แต่ความปรารถนานั้นอาจมีพื้นฐานมาจากความรักกีฬาฟุตบอลอย่างแรงกล้าของเธอ

จากเด็กหญิงที่เล่นฟุตบอลกับพี่ชายห้าคน สู่วีรสตรีแห่งชาติ

โคลเอ้ แม็กกี้ เคลลี่ เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 1998 ที่มหานครลอนดอน เธอเคยนั่งรถเมล์สาย 92 จากบ้านในเออลิ่งไปเวมบลีย์เพียงเพื่อซื้อโปรแกรมการแข่งขันเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศนัดหนึ่ง และต้องเดินทางไปกลับสองชั่วโมงด้วยรถไฟสมัยที่ฝึกซ้อมกับอะคาเดมี่ของอาร์เซนอล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลอนดอนตอนเหนือ

เคลลี่เป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวที่มีลูกๆเจ็ดคน เธอเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กกับพี่ชายห้าคน เคยฝึกฟุตบอลที่อะคาเดมี่ของทีมควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส ก่อนย้ายมาอยู่อาร์เซนอลระหว่างปี 2015 – 2017 แต่ไม่สามารถเบียดแทรกเป็นส่วนหนึ่งของทีมได้

23 กรกฎาคม 2015 ในวัย 17 ปี เคลลี่ลงสนามนัดแรกให้ทีมชุดใหญ่ของอาร์เซนอลในการแข่งขันคอนติเนนตัล คัพ กับวัตฟอร์ด และทำประตูแรกได้หลังเกมเริ่มไปได้แค่ 22 นาที ก่อนมีโอกาสเซ็นสัญญาอาชีพระดับซีนียร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016อย่างไรก็ตามหลังทำ 5 ประตูจาก 16 นัด อาร์เซนอลอนุญาตให้เธอย้ายไปเล่นให้ทีมเอฟเวอร์ตันด้วยสัญญายืมตัวสามเดือนในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน เคลลี่ลงตัวจริง 9 นัดทำ 2 ประตูให้กับทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ซึ่งเล่นใน เอฟเอ วีเมนส์ ซูเปอร์ลีก 2(เอฟเอ ดับเบิลยูเอสแอล 2)

หลังจากกลับมาร่วมทีมอาร์เซนอลในเดือนตุลาคม เคลลี่ลงสนามอีกสามนัดใน เอฟเอ ดับเบิลยูเอสแอล 1 ประจำปี 2016 ซึ่งทีมปืนใหญ่จบด้วยอันดับสาม มีสถิติชนะ 10 นัด เสมอ 4 นัด แพ้ 2 นัด และครองแชมป์ เอฟเอ วีเมนส์ คัพ ปี 2016 ด้วยชัยชนะเหนือเชลซี 1-0 เคลลี่ไม่ได้ลงสนามแม้มีชื่ออยู่ในทีม

เดือนกุมภาพันธ์ 2017 เคลลี่เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับอาร์เซนอล มีโอกาสลงสนาม 7 นัด ทำ 2 ประตู ก่อนถูกเอฟเวอร์ตันยืมใช้งานอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน แต่ครั้งนี้ ทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงินเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่น เอฟเอ ดับเบิลยูเอสแอล 1 แล้ว เคลลี่มีผลงาน 4 นัด 2 ประตู เอฟเวอร์ตันประทับใจจึงขอซื้อขาดจากอาร์เซนอลในเดือนมกราคม 2018 มีการเซ็นสัญญาผูกมัดถึงซัมเมอร์ปี 2020

ซีซั่น 2017-18 เคลลี่ทำ 2 ประตูจาก 15 นัด เอฟเวอร์ตันจบอันดับเก้า ส่วนซีซั่น 2018-19 เคลลี่มีปัญหาบาดเจ็บข้อเท้า แต่ยังทำ 1 ประตูจาก 11 นัด เอฟเวอร์ตันจบอันดับสิบ

เคลลี่เข้ารับการผ่าตัดในปี 2019 เธอกลับมาด้วยฟอร์มแข็งแกร่งกว่าเดิม ทะลวงตาข่ายได้มากถึง 9 ประตูจาก 12 นัด และเอฟเวอร์ตันจบอันดับหกของ เอฟเอ ดับเบิลยูเอสแอล ซีซั่น 2019-20 ซึ่งเธอยังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของลีกประจำเดือนกันยายน 2019

เดือนมกราคม 2020 เคลลี่ทำแฮททริกเหมาประตูพาเอฟเวอร์ตันชนะเรดดิ้ง 3-1 แต่กลางปีนั้นเอง เคลลี่โบกมือลากูดิสันปาร์คหลังจากปฏิเสธต่อสัญญาใหม่กับเอฟเวอร์ตัน และวันที่ 3 กรกฎาคม แมนฯ ซิตี้ ประกาศเซ็นสัญญาสองปีกับเคลลี่ แต่แล้วก่อนปิดซีซั่น เธอได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่เอ็นไขว้หน้าเข่าข้างขวาเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2021 หลังจากเปิดตัวได้สวยในฤดูกาลแรกกับทีมเรือใบสีฟ้า ทำ 16 ประตูจาก 34 นัด, ครองแชมป์เอฟเอ คัพ, ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร และติดทีมรวมดาราประจำปีของ พีเอฟเอ

กับทีมชาติอังกฤษ เคลลี่เคยเล่นให้ทีมชุด ยู-17, ยู-19 และ ยู-20 ซึ่งอยู่ในทีมที่ครองอันดับสาม วีเมนส์ เวิลด์คัพ ยู-20 เมื่อปี 2018 เธอติดทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกในเดือนพฤศจิกายน 2018 ลงเป็นตัวสำรองในเกมกระชับมิตรที่ชนะออสเตรีย 3-0 

เคลลี่ถูกเรียกตัวร่วมทีมชาคิอังกฤษชุด ยูโร 2022 ทั้งที่ลงเล่นในซีซั่น 2021-22 ให้แมนฯ ซิตี้ ในเกมลีกแค่นัดเดียวและเกมเอฟเอ คัพ อีกหนึ่งนัด ซึ่งเธอทำได้ 1 ประตู เคลลี่เล่นให้ทีมสิงโตคำรามทั้งสิ้น 16 นัด ทำได้ 2 ประตู ซึ่งประตูล่าสุดก็คือ ประตูชัยนัดประวัติศาสตร์นั้นเอง

ชิ่งสัมภาษณ์หลังเกม ไม่พลาดซีนร้องเพลงฉลองแชมป์กับเพื่อน

หลังพาทีมชนะเลิศยูโร 2022 โคลเอ้ เคลลี่ ย้อนพูดถึงช่วงเวลาที่ต้องฟื้นฟูร่างกายเกือบหนึ่งปีเต็มว่า “ฉันขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในการกายภาพบำบัดครั้งนั้น ฉันเชื่อเสมอว่าจะได้มาอยู่ที่นี่ แต่ได้มาอยู่ที่นี่แล้วยิงประตูชัยด้วยนี่ ว้าววว….”

“ทีมเราเป็นกลุ่มเด็กหญิงที่เหลือเชื่อมาก ผู้จัดการทีมสุดพิเศษ สตาฟฟ์โค้ชก็เป็นกลุ่มที่วิเศษมาก ฉันขอบคุณทุกคน นี่เป็นความฝันที่เป็นจริงในฐานะเด็กหญิงที่เคยเฝ้าตามการแข่งขันฟุตบอลหญิง มันเหลือเชื่อ”

ก่อนที่จะพูดอะไรมากกว่านี้หรือเปิดโอกาสให้นักข่าวถามคำถามข้อต่อไป โคลเอ้ กองหน้าวัย 24 ปี ก็ผละไปจากการให้สัมภาษณ์ดื้อๆ พร้อมร้องเพลง “สวีท แคโรลีน” ที่กำลังเปิดกระหึ่มทั่วทั้งสนาม และวิ่งไปร่วมกระโดดโลดเต้นฉลองชัยชนะกับเพื่อนร่วมทีม

ต่อมาแฟนบอลทวีตเล่าถึงฉากนั้นของโคลเอ้ว่า “โคลเอ้ เคลลี่ วิ่งออกไปจากกลางวงสัมภาษณ์พร้อมไมโครโฟนในมือเพราะไม่อยากพลาดร่วมร้องเพลง สวีท แคโรลีน กับเพื่อน ๆ”

“โคลเอ้ เคลลี่ ยกเลิกการให้สัมภาษณ์หลังเกมซะอย่างนั้นเพื่อไปร้องเพลง สวีท แคโรลีน กับสาว ๆ บา บา บาส โดยมีไมค์ติดมือไปด้วย มันเพอร์เฟ็คมากเลย”

“ว่ากันตามจริง บีบีซี ควรหยุดช่วงสัมภาษณ์ทันทีที่ทางสนามเปิดเพลง สวีท แคโรลีน”

หลังเพลงจบ โคลเอ้ก็กลับมาพูดคุยกับนักข่าวต่อ “ทุกคนในครอบครัวของฉันอยู่ในกลุ่มคนดู แม่ฉัน พี่ชายทุกคน พี่สาว หลานๆด้วย ทุกคนเลย ตอนนี้ฉันแค่ต้องการฉลองชัยชนะ”

คนเก่งทำอะไรก็สวย !!!

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Editor)

Categories
Column

การกลับมาของ “เชซุส” จอมกระซวกตาข่ายใบหน้าเปื้อนยิ้ม

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 ก.ค.2022) สปอตไลท์ถูกส่องไปที่คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม สนามแข่งขันเอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ ครั้งที่ 100 เพื่อจับฟอร์มของสองสตาร์กองหน้าที่เพิ่งย้ายเข้ามาพรีเมียร์ลีกด้วยราคาแพงและตกเป็นข่าวดัง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กับ ดาร์วิน นูนเญซ แต่วันเดียวกัน กาเบรียล เชซุส กองหน้าที่ย้ายทีมในตลาดรอบเดียวกันด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์ ลงเล่นในบ้านใหม่ เอมิเรตส์ สเตเดียม เป็นครั้งแรก และสามารถระเบิดฟอร์มทำแฮททริกต่อหน้ากองเชียร์อาร์เซนอล

เชซุส กองหน้าทีมชาติบราซิลวัย 25 ปี ส่งลูกหนังซุกก้นตาข่ายในนาทีที่ 13, 15 และ 77 ช่วยให้อาร์เซนอลถลุงเซบีญา ทีมอันดับ 4 ลาลีกา 6-0 ครองแชมป์รายการเอมิเรตส์ คัพ นั่นทำให้รวมแล้ว เชซุสทำไป 7 ประตูจาก 5 นัดอุ่นเครื่องปรีซีซัน ซึ่งอาร์เซนอลชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ เนิร์นแบร์ก 5-3, เอฟเวอร์ตัน 2-0, ออร์แลนโด ซิตี 3-1, เชลซี 4-0 และเซบีญา 6-0

อาร์เซนอล ทุ่มเงิน 45 ล้านปอนด์ซื้อเชซุส ซึ่งค้าแข้งห้าปีครึ่งกับแมนฯ ซิตี หลังย้ายมาจากพัลไมรัสในเดือนมกราคม 2017เพื่อมาทดแทนสองกองหน้าคนสำคัญ ปีแยร์-แอเมริก โอบาเมย็อง และ อาแล็กซ็องดร์ ลากาแซ็ต ซึ่งย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนาและลียง ทีมปืนใหญ่ได้มอบเสื้อเบอร์ 9 ให้กับเชซุส ซึ่งสามารถทำประตูหลังถูกเปลี่ยนลงสนามเพียง 90 วินาทีของนัดแรกในสีเสื้อเดอะ กันเนอร์ส ที่ประเทศเยอรมนี

เชซุส ให้สัมภาษณ์กับชีวิตใหม่ในกรุงลอนดอนว่า “ผมเคยคิด (เรื่องย้ายออกจากแมนฯ ซิตี) ได้สัก 1-2 ปีแล้ว การย้ายมาอยู่ที่อาร์เซนอลถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา”

“ผมอยากเล่นฟุตบอลโดยมีรอยยิ้มบนใบหน้าอีกครั้ง คุณแม่ได้โทรศัพท์มาหาผมหลังดูการแข่งขันของเรา (พบออร์แลนโด) ท่านพูดว่า แม่เห็นลูกเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ลูกกำลังเล่นฟุตบอลด้วยความสุขอีกครั้ง ผมตื้นตันใจมากที่ได้ยินแบบนั้น”

“ทุกคนในสโมสรให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี ผมอายุมากกว่านักเตะส่วนใหญ่ประมาณ 2-3 ปี แต่พวกเขามองผมเป็นผู้เล่นที่ผ่านประสบการณ์มามาก ผมชอบนะ ผมชอบที่จะเป็นต้นแบบให้กับนักฟุตบอลคนอื่น”

“เอดู” ต้องการ “เชซุส” คนก่อนหน้าฤดูกาล 2021-22

เอดู ผู้อำนวยการด้านฟุตบอลของอาร์เซนอล ซึ่งเข้ามาทำงานที่ถิ่นเอมิเรตส์ในเดือนกรกฎาคม 2019 อยู่เบื้องหลังการดึงตัวเชซุสมาจากแมนฯ ซิตี เขาคุ้นเคยเชซุสเมื่อครั้งทำหน้าที่ประสานงานทั่วไปให้กับทีมชาติบราซิลระหว่างปี 2016 – 2019

“ผมทำงานกับกาเบรียลที่ทีมชาติบราซิล ผมรู้จักทั้งเขาและทุกคนในครอบครัวของเขา นั่นทำให้ผมตัดสินใจไปคุยกับครอบครัวเขาด้วย มีเรื่องหนึ่งที่ผมพูดกับเขาและเอเยนต์ชอบมาก ผมบอกว่า กาเบรียล…ผมมาที่นี่ (แมนเชสเตอร์) และพยายามเซ็นสัญญากับคุณ แต่ไม่ใช่กาเบรียลจากซีซั่นนี้ (ฤดูกาล 2021-22) แต่เป็นกาเบรียลจากซีซั่นอื่นเพราะซีซั่นนี้ คุณไม่ได้เล่นอย่างที่ผมเคยรู้จัก คุณสูญเสียแสงที่เคยเปล่งประกาย ตอนที่เห็นคุณในซีซั่นนี้มันไม่ใช่ตัวคุณอย่างที่เคยเป็น ซึ่งผมรู้จักคุณเป็นอย่างดี ผมต้องการกาเบรียลคนก่อนหน้านี้ และคุณจะต้องกลับมาเป็นกาเบรียลคนเดิม

“เขามองผมแล้วพูดว่า คุณพูดถูก” ผู้บริหารวัย 44 ปี ชาวบราซิล กล่าวทิ้งท้ายถึงเชซุส ซึ่งกลับมาเป็นนักเตะคนเดิมที่เล่นด้วยความสุขอีกครั้ง

“โอเดการ์ด” เป็นนักเตะที่ช่วยงัดฟอร์มเก่งของ “เชซุส” คืนมา

มิเกล อาร์เตตา ผู้จัดการทีมวัย 40 ปี ให้ความเห็นว่า มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมคนใหม่ของอาร์เซนอล มีส่วนสำคัญช่วยยกระดับการเล่นของเชซุสให้สูงขึ้นทั้งที่เพิ่งเข้าร่วมทีมได้ไม่นาน

“มาร์ตินเป็นคนช่วยให้แก๊บบีดีขึ้น มาร์ตินจำเป็นต้องมีตัวอันตรายอยู่ข้างหน้าเพราะเขาเป็นผู้เล่นที่ต้องจ่ายบอลสุดท้ายไม่จังหวะใดก็จังหวะหนึ่งไม่ว่ากำลังอยู่ในพื้นที่เปิดหรือไม่ ที่ผ่านมาเรามองหาคนที่จะเข้ามาพัฒนาทีมด้วยสิ่งที่เราไม่เคยมีมาก่อน และตอนนี้การเชื่อมโยงระหว่างมาร์ตินและแก๊บบีได้เกิดขึ้นแล้ว”

อิดริส เอลบา นักแสดงดังที่รับบทไฮม์ดัลล์ในหนังแฟรนไชส์เรื่อง ธอร์ และ อเวนเจอร์ส ซึ่งเป็นสมาชิก “กูเนอร์ส” นานหลายปี ให้ความเห็นถึงนักเตะเบอร์ 9 คนใหม่ของอาร์เซนอลว่า เชซุสเป็นผู้เล่นที่เข้ามาเพิ่มเติมเสน่ห์ความเร้าใจให้กับอาร์เซนอลที่เล่นบอลได้สนุกตื่นเต้นมากขึ้น

“การเซ็นสัญญา (กับเชซุส) จะเพิ่มเติมความเซ็กซี่และความเร้าใจให้กับทีม เขาเป็นกองหน้าที่สามารถอธิบายคุณค่าด้วยเบอร์เสื้อของตัวเอง ผมเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้นักเตะคนอื่นๆมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น”

“ผมยังคิดว่าฤดูก่อน เราเป็นทีมที่แข็งแกร่ง การพลักดันช่วงควอเตอร์สุดท้ายของซีซั่นสร้างความตื่นเต้นมากเพียงแต่เราไม่ได้จบด้วยอันดับที่ต้องการ แต่ผมยังเป็นกูเนอร์ร้อยเปอร์เซ็นต์”

“เชซุส” เพิ่มทางเลือกและการยืดหยุ่นให้กับเกมบุก “อาร์เซนอล”

นอกจากเชซุสแล้วยังมีนักเตะใหม่อีกสองคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมอาร์เซนอลอย่างมีนัยยะคือ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโกแบ็คซ้ายราคา 30 ล้านปอนด์จากแมนฯ ซิตี และ ฟาบิโอ วิเอรา มิดฟิลด์ตัวรุกวัย 30 ปีจากปอร์โต

เชซุสเล่นได้ทั้งศูนย์หน้าตัวเป้าและกองหน้าริมเส้น ซินเชนโกไม่เพียงรับหน้าที่แบ็คและวิงแบ็คแต่เป็นมิดฟิลด์ตัวรุกและกลางสนาม วิเอราสามารถลงทุกตำแหน่งในแดนกลาง ทั้งสามช่วยเพิ่มอ็อปชั่นและความยืดหยุ่นให้กับการวางหมากเกมของอาร์เตตา

สมัยสวมเสื้อแมนฯ ซิตี เป๊ป กวาร์ดิโอลา กำกับเชซุสให้เล่นกองหน้าด้านข้างหรือฟอลส์ไนน์แม้ตำแหน่งที่ถนัดของเขาคือศูนย์หน้าตัวเป้า แต่เมื่อย้ายมาสวมเสื้ออาร์เซนอล อาร์เตตามีแผนให้เชซุสเล่นบทบาทเบอร์ 9 แต่กองหน้าทีมชาติบราซิลสามารถถอยลงต่ำหรือเคลื่อนที่ไปด้านข้างเพื่อรับบอลและเพิ่มมิติให้กับเกมรุกของทีมปืนใหญ่

ตัวอย่างเกมชนะเซบียา อาร์เตตาใช้แผน 3-4-1-2 ให้เชซุสยืนกองหน้าคู่กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี หรือเกมที่ถลุงเชลซี กุนซือสเปนเปลี่ยนเป็นฟอร์แมท 4-2-3-1 โดยมีเชซุสยืนตำแหน่งหัวหอก หรือบางจังหวะที่ใช้ระบบ 4-3-3 เชซุสสามารถลงต่ำจากฟรอนท์ไลน์และสร้างพื้นที่ให้โอเดการ์ดหรือซากาเข้าโจมตีทะลุทะลวง

ด้วยวัย 25 ปี เชซุสมีเทคนิคแพรวพราว เป็นตัวอันตรายในกรอบเขตโทษ สามารถเล่นบอลขณะหันหลังให้ประตู เคลื่อนไหวเพื่อดึงตัวประกบ และมองหาพื้นที่ว่างเพื่อรับบอล

เกมอุ่นเครื่องปรีซีซัน 5 นัดเป็นเพียงออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อยของบรรดาเดอะ กูเนอร์ส เชซุสจะเริ่มเสิร์ฟอาหารจานหลักที่เอร็ดอร่อยตั้งแต่วันศุกร์นี้ (5 ส.ค.2022) ซึ่งอาร์เซนอลจะออกไปเปิดฤดูกาลใหม่ของพรีเมียร์ลีกที่สนามของคริสตัล พาเลซ

Categories
Column

ทีมรวมดาราพรีเมียร์ลีก “ย้ายทีมสุดคุ้ม? ตลาดซัมเมอร์ 2022”

ตลาดนักเตะซัมเมอร์ปีนี้ผ่านไปแล้วเกือบสองเดือน พรีเมียร์ลีกมีการเซ็นสัญญาย้ายทีมที่น่าสนใจหลายคนโดยเฉพาะกองหน้านำโดยผู้เล่นไฮโปรไฟล์อย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ และไฮไพรซ์อย่างดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งทำลายสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดของลิเวอร์พูล รวมถึงตัวท็อปของลีก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, กาเบรียล เชซุส, ริชาร์ลิซอน, จิอันลูกา สกามัคกา ที่ข้ามฟากมาจากเซเรีย อา หรือตัวเก๋าที่คัมแบ็คเมืองผู้ดีอย่างเป็นทางการ ฟิลิเป คูตินโญ เป็นต้น

หากให้จัดทีม Best Transfers XI หรือรวมดาราผู้เล่นที่ย้ายทีมในตลาดรอบนี้ (แม้ยังไม่ปิดทำการ) คงเป็นโจทย์ที่ต้องใช้จินตนาการสูงเพราะฤดกาลใหม่ยังไม่เริ่มทำการแข่งขัน คงต้องพิจารณาจากฟอร์มอุ่นเครื่องปรีซีซัน และอิทธิพลทางบวกที่คาดว่าจะมีต่อต้นสังกัดใหม่ว่ามีแววเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพียงไหน

เริ่มที่สามประสานแนวรุกในระบบ 4-3-3 ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการเล่นยอดนิยมยุคปัจจุบัน ตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าควรตกเป็นของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่ราคาก้อนแรกยังไม่รวมโบนัสแอดออนที่แมนฯ ซิตี้ จ่ายไปให้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตกเพียง 51ล้านปอนด์สำหรับว่าที่ซูเปอร์สตาร์แห่งทศวรรษ 2020 แถมยังเป็นผู้เล่นเบอร์ 9 ตัวจริงเสียงจริงที่เป๊ป กวาร์ดิโอลา เฝ้ารอนานหนึ่งปีเต็มหลังล่าลายเซ็นของแฮร์รี เคน ไม่สำเร็จ

กองหน้าตัวซ้ายได้แก่ กาเบรียล เชซุส ที่ย้ายจากแมนฯซิตีด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์ สามารถสร้างอิมแพ็คให้กับแนวรุกทีมอาร์เซนอล เขาส่งลูกหนังซุกก้นตาข่ายไปแล้ว 4 ประตูจากการอุ่นเครื่อง 3 นัด อีกทั้งเป็นหนึ่งตัวเต็งที่จะครอบครอง “โกลเดน บู๊ท” ในฐานะดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก

กองหน้าตัวขวาได้แก่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง สตาร์กองหน้าอีกคนหนึ่งที่ย้ายออกจากถิ่นเอติฮัด และเพิ่มเงินเข้ากองคลังแมนฯซิตี สูงถึง 50 ล้านปอนด์ ปีกทีมชาติอังกฤษไม่ได้รับโอกาสมากนักในซีซันที่ผ่านมาแต่ก็ไม่เคยทำให้กวาร์ดิโอลาผิดหวังทุกครั้งส่งลงสนาม รวมถึงนัดปิดซีซั่นที่ทำแอสซิสต์ประตูแรกช่วยตีไข่แตกให้ทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งแซงชนะแอสตัน วิลลา 3-2 คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างระทึกใจ เชื่อได้ว่าสเตอร์ลิ่งจะช่วยเพิ่มมิติและทางเลือกให้กับทีมเชลซีของโธมัส ทูเคิล อย่างแน่นอน พร้อมเป็นอีกคนที่มีลุ้นรองเท้าทองคำ

มาถึงกองกลาง คัลวิน ฟิลลิปส์ มิดฟิลด์เนื้อหอมที่แมนฯ ซิตี จีบสำเร็จและจ่ายเงินให้ลีดส์ ยูไนเต็ด ไป 42 ล้านปอนด์ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทีมรวมดารา แต่เมื่อชั่งน้ำหนักผลตอบแทนแล้ว อีฟส์ บิสซูมา ที่ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ซื้อจากไบรท์ตันในราคา 26 ล้านปอนด์ น่าจะสร้างความพึงพอใจอย่างมากแก่อันโตนิโอ คอนเต

ขนาบข้างด้านขวาของบิสซูมาคือ คริสเตียน อีริคเซน ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตัวมาฟรีๆ เอริค เทน ฮาก คงปวดหัวที่จะตัดสินใจเลือกบทบาทไหนให้มิดฟิลด์เวิลด์คลาสรายนี้ที่เล่นได้ทั้งเบอร์สิบ เบอร์แปด และมิดฟิลด์ริมเส้น เช่นเดียวกับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เซ็นเตอร์แบ็คร่วมทีมปีศาจแดงที่ย้ายจากอาแจ็กซ์ในราคา 46 ล้านปอนด์ เพราะ “นักเชือดแห่งอัมสเตอร์ดัม” สามารถเล่นได้ถึงสี่ตำแหน่ง

มิดฟิลด์ด้านซ้ายคือ โจ อารีโบ ของเซาแธมป์ตัน สตาร์ทีมชาติไนจีเรียที่ย้ายมาจากเรนเจอร์สในสกอตติช พรีเมียร์ชิพ เขาจะช่วยยกระดับการต่อสู้ในแดนกลางกับคู่แข่งอีก 19 ทีมในพรีเมียร์ลีกของทีมนักบุญแดนใต้ได้อย่างแน่นอน

สำหรับปราการหลังคู่กลาง มาร์ติเนซยืนฝั่งซ้าย และเป็นเซ็นเตอร์แบ็คถนัดซ้ายที่ทีมปีศาจแดงตามหามานาน ฝั่งขวาของทีมรวมดาราตกเป็นของ คาลิดู คูลิบาลีย์ กำแพงเหล็กทีมชาติเซเนกัลจากนาโปลีที่หลายสโมสรชั้นนำหมายปองในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และเป็นทีมเชลซีที่ได้ลายเซ็นไปในที่สุด การมาของคูลิบาลีย์ช่วยให้ทูเคิลคลายความกดดันที่เสียอันโตนิโอ รูดิเกอร์ และอันเดรียส คริสเตนเซน ไปได้มาก

อาร์เซนอลเป็นทีมหนึ่งที่เสริมทีมได้น่าจับตา นอกเหนือเชซุส ทีมปืนใหญ่ยังได้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก จากแมนฯซิตี แบ็คซ้ายทีมชาติยูเครนไม่เพียงมาแทน คีแรน เทียร์นีย์ ซึ่งระยะหลังมีปัญหาบาดเจ็บ แต่เขายังสามารถเล่นวิงแบ็คและมิดฟิลด์ตัวรุกได้อีกด้วย

ในบรรดาสมาชิกใหม่ของสเปอร์ส ริชาร์ลิซอน มีค่าตัวแพงที่สุดคือ 60 ล้านปอนด์ กองหน้าบราซิลเก่งแน่นอนแต่คงสร้างอิมแพ็คให้กับทีมไก่เดือยทองน้อยกว่า ดีเจค สเปนซ์ ถ้านำค่าตัวเข้ามาชั่งน้ำหนักด้วย แบ็คขวาวัย 21 ปีของมิดเดิลสโบรห์ ที่ถูกปล่อยยืมและช่วยให้ฟอเรสต์เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 23 ปี เป็นการลงทุนมูลค่าเพียง 20 ล้านปอนด์ที่สร้างกำไรให้สเปอร์สแน่นอน

มาถึงตำแหน่งสุดท้าย ผู้รักษาประตู ทีมมหาเศรษฐีใหม่อย่างนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จ่ายเงินให้เบิร์นลีย์เพื่อแลกกับ นิค โป๊ปนายทวารทีมชาติอังกฤษ เพียง 10 ล้านปอนด์เท่านั้น

สรุปทีมรวมดารา Best Transfers XI ประจำตลาดซัมเมอร์ปี 2022

ผู้รักษาประตู : นิค โป๊ป

กองหลัง : ดีเจด สเปนซ์, คาลิดู คูลิบาลีย์, ลิซานโดร มาร์ตินเนซ, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก

กองกลาง : คริสเตียน อีริคเซน, อีฟส์ บิสซูมา, โจ อารีโบ

กองหน้า : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์, กาเบรียล เชซุส

Categories
Special Content

หวังน้อยได้ไง? “หงส์” กับขุมกำลังที่แข็งแกร่งเพียบพร้อมกว่าเดิม

ถึงแม้เยอร์เกน คล็อปป์ จะถ่อมตัวยกให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-23 และยอมรับว่าการช่วงชิงโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นภารกิจที่ยากลำบากขึ้น แต่กูรูลูกหนังยังมองว่า ขุมกำลังตอนนี้ของลิเวอร์พูลแข็งแกร่งและเพียบพร้อมกว่าเดิม

แม้ยังเหลือเวลาร่วมเดือนก่อนที่ตลาดซื้อขายรอบนี้จะปิดทำการ แต่ภารกิจของลิเวอร์พูลจบลงแล้วหลังจากได้นักเตะครบสามคนตามเป้าหมายได้แก่ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ แนวรุกดาวรุ่งจากฟูแล่ม, ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าค่าตัวแพงจากเบนฟิกา และ คัลวิน แรมเซย์  แบ็คขวาอนาคตไกลจากอเบอร์ดีน เยอร์เกน คล็อปป์ กล่าวกับนักข่าวว่ามีสองเงื่อนไขเท่านั้นที่ทำให้ลิเวอร์พูลต้องกลับเข้าตลาด 

“ถ้าไม่มีใครอยากย้ายทีม งานเราก็จบ และอีกอย่างถ้าไม่มีใครบาดเจ็บรุนแรงซึ่งเราหวังให้เป็นเช่นนั้น แฟนบอลลิเวอร์พูลสามารถเริ่มโฟกัสกับเรื่องอื่นไปได้เลย”

หากถามใจเหล่าเดอะค็อป หนึ่งในเรื่องสำคัญที่พวกเขาให้ความสนใจต้องเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งลิเวอร์พูลเป็นทีมเดียวที่สามารถขวางทางไม่ให้แมนฯ ซิตี้ ผงาดชนะเลิศห้าสมัยติดต่อกันจากความสำเร็จของทีมหงส์แดงในซีซั่น 2019-20 ที่คั่นกลางอยู่ระหว่างแชมป์สองสมัยรวดของทีมเรือใบสีฟ้า และถ้าลูกทีมของคล็อปป์ทำสำเร็จ พวกเขาจะดับฝันแชมป์สามสมัยติดต่อกันของแมนฯ ซิตี้ เป็นครั้งที่สอง

อาจเป็นสงครามจิตวิทยาเพื่อโยนความกดดันก็ได้เมื่อคล็อปป์ยกให้แมนฯ ซิตี้ เป็นตัวเต็งยืนบนบัลลังก์สูงสุดของลีกลูกหนังอังกฤษ

“ทุกคนต่างต้องการชนะพรีเมียร์ลีกแต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นทีมไหน ดูเหมือนซิตี้จะเป็นแชมป์ในบั้นปลาย ที่ผ่านมาถ้าเราไม่ได้เป็นแชมป์ พวกเขาจะชนะเลิศห้าสมัยติดต่อกันเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องบ้าจริงๆเลย”

“สำหรับพวกเราแล้วยังคาดหวังที่จะเล่นให้เป็นซีซั่นที่ดีที่สุด แล้วมาดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเราบีบเค้นสิ่งนั้นออกมาได้ เราเฝ้ารอที่จะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจริง ๆ”

คล็อปป์ยังให้ความเห็นด้วยว่าก่อนจะหันไปท้าทายความยิ่งใหญ่ของแมนฯ ซิตี้ เขาต้องทำให้มั่นใจว่าพาทีมติดท็อป-4 ให้ได้เสียก่อน

“สำหรับฟุตบอลลีกแล้ว เป้าหมายหลักของพวกเราคือเข้าไปเล่นแชมเปียนส์ลีกให้ได้ เท่านี้ก็เป็นงานที่ยากลำบากพอแรงแล้ว พอคุณบรรลุภารกิจนั้นได้ก็ถึงเวลาที่จะต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งแชมป์ แต่ส่วนใหญ่แล้วในแต่ละซีซั่น เราจะต่อสู้เพื่อสิทธิแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีก”

“พอผ่านเข้ารอบติดต่อกัน 4-5 ปี ผู้คนจะไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนปีแรกที่ทำได้สำเร็จหลังจากว่างเว้นมาระยะเวลาหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นนี่เป็นงานหลักที่เรายังต้องทำ โดยเฉพาะปีนี้ที่มีแข่งขันดุเดือดมาก”

ฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกถึงนัดสุดท้าย รวมถึงเข้ารอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ และลีก คัพ แม้เพิ่งเสีย ซาดิโอ มาเน หนึ่งในสามประสานกองหน้าคนสำคัญ แต่ผลกระทบคงไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ที่ย้ายออกไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้วเพราะลิเวอร์พูลเสริมกองหน้าทดแทนได้ดีระดับหนึ่ง ไม่เพียงนูนเญซแต่เป็น หลุยซ์ ดิอาซ ซึ่งเล่นตำแหน่งตรงกับมาเนมากกว่า 

และหากมองภาพรวมขุมกำลังส่วนต่างๆที่จะลงสมรภูมิฤดูกาล 2022-23 แจ็ค เชียร์ ผู้ช่วยบรรณธิการแห่งสำนัก This is Anfield หนึ่งในกูรูลูกหนังเมืองผู้ดี ได้เคาะผลการประมวลข้อมูลจนมีข้อสรุปว่า นักเตะลิเวอร์พูลชุดนี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าซีซั่นที่แล้ว

ผู้รักษาประตู-กองหลัง : ตัวเลือกมากพอให้ใช้งาน

แจ็ค เชียร์ มองว่า สัญญาใหม่ที่ทำกับ โจ โกเมซ อาจเป็นการเจรจาทางธุรกิจฟุตบอลที่ได้รับการประเมินค่าต่ำกว่าความเป็นจริงมากที่สุดของลิเวอร์พูลในซัมเมอร์ปีนี้

หลังจากไม่ค่อยได้ลงสนามเท่าที่ควรในซีซั่นที่แล้ว หลายคนเชื่อว่าเซ็นเตอร์แบ็ควัย 25 ปี น่าจะย้ายไปอยู่ทีมอื่นเพื่อเพิ่มโอกาสติดทีมชาติอังกฤษลุยเวิลด์คัพปลายปีที่กาตาร์ แต่สโมสรกลับโน้มน้าวจนโกเมซต่อสัญญาอยู่แอนฟิลด์เพิ่มอีกห้าปี ซึ่งเป็นหลักประกันให้ลิเวอร์พูลได้ใช้งานโกเมซในช่วงพีคของอาชีพค้าแข้ง

ซีซั่นใหม่ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ยังสามารถยืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็คตัวหลักแม้อายุ 31 ปี เขาและโกเมซน่าจะมีสภาพร่างกายดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ขณะที่ อิบราฮิมา โคนาเต ในวัย 23 ปี ได้รับการขัดเกลาให้ฉายแววเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน โจเอล มาติป ที่พยายามเอาชนะอาการบาดเจ็บเพื่อเปล่งประกายความรุ่งโรจน์กับสีเสื้อของเดอะ เรดส์ 

ทั้งหมดต่างต้องเฟ้นฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาเพื่อเป็นปราการหลังคู่กับฟาน ไดจ์ค ขณะที่ เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก และ แนท ฟิลลิปส์ มีโอกาสรออยู่ในฐานะเซ็นเตอร์แบ็คตัวเลือกอันดับห้า ส่วนข้างหลังคู่ปราการหลัง อลิสซอน ยังเป็นผู้รักษาประตูที่สร้างความอุ่นใจได้เช่นเดิมแถมมี ควีวีน เคลเลเฮอร์ นายทวารทีมชาติไอร์แลนด์ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จซีซั่นที่ผ่านมาของลิเวอร์พูล

ฟูลแบ็คเป็นตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด คัลวิน แรมเซย์ แบ็คขวาวัย 18 ปี เข้ามาแทน เนโก วิลเลี่ยส์ ที่ย้ายออกไปร่วมทีมน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ด้วยราคา 17 ล้านปอนด์ เข้ามากดดันให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยกระดับฝีเท้าให้สูงขึ้นเพื่อการันตีตำแหน่งตัวจริง ขณะที่ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส ทำหน้าที่เดียวกันกับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่อีกฝั่งของสนาม

ผู้รักษาประตู : อลิสซอน, เคลเลเฮอร์ / แบ็คขวา : อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แรมเซย์, มิลเนอร์ / เซ็นเตอร์แบ็คขวา : โคนาเต, มาติป / เซ็นเตอร์แบ็คซ้าย : ฟาน ไดจ์ค, โกเมซ / แบ็คซ้าย : โรเบิร์ตสัน, ซิมิกาส

กองกลาง : คาร์วัลโญทำให้อ็อปชั่นตัวเลือกเพิ่มขึ้น

น่าสนใจทีเดียวว่า คล็อปป์จะใช้ประโยชน์อย่างไรกับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ มิดฟิลด์โปรตุกีสวัย 19 ปี ซึ่งเล่นตำแหน่งเบอร์ 10ตามหมากเกม 4-2-3-1 ที่ฟูแล่ม กุนซือชาวเยอรมันยังไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนในปรีซีซั่นแต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ คาร์วัลโญช่วยให้คล็อปป์มีอ็อปชั่นมากขึ้นและวางแผนการเล่นได้ยืดหยุ่นขึ้น

นัดแรกที่แพ้แมนฯ ยูไนเต็ด 0-4 ที่กรุงเทพฯ คาร์วัลโญเล่นมิดฟิลด์กลางสนามในฟอร์แมท 4-3-3 สูตรที่คุ้นตาแฟนบอลหงส์แดง แต่เป็นตำแหน่งที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียต อดีตเด็กอะคาเดมี่ของฟูแลม ครอบครองอยู่ โดยนัดนี้ เอลเลียตขยับขึ้นไปเล่นด้านขวาของฟรอนท์ทรี แถมฉายแววได้ดีกว่าที่หลายคนคิด

ครึ่งหลังของนัดสองที่ชนะคริสตัล พาเลซ 2-0 ที่สิงคโปร์ เอลเลียตกลับไปทำหน้าที่กองกลาง ขณะที่คาร์วัลโญถ่างตัวเองออกไปบริเวณริมสนาม แม้มีความเห็นมากมายให้ลิเวอร์พูลเสริมผู้เล่นมิดฟิลด์แต่คล็อปป์ยังมั่นใจว่าขุมกำลังตอนนี้ยังเอาอยู่ อย่างน้อยก็หนึ่งฤดูกาล ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ธีอาโก ยังจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นเหมือนซีซั่นที่แล้ว ขณะที่เอลเลียตน่าจะได้รับโอกาสมากขึ้น

เคอร์ติส โจนส์ ยังไม่สามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาในสนาม นาบี เกอิตา และ อเล็กซ์ ออกเลด-แชมเบอร์เลน เป็นอ็อปชั่นที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่ามาตรฐานตัวสำรอง ส่วน เจมส์ มิลเนอร์ ยังเป็นลูกทีมที่ไว้ใจได้ของคล็อปป์

มิดฟิลด์กลางสนาม : ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์ / มิดฟิลด์ขวา : เฮนเดอร์สัน, เอลเลียต, ออกเลต-แชมเบอร์เลน /มิดฟิลด์ซ้าย : ธีอาโก, เกอิตา, โจนส์, คัลวาโญ

กองหน้า : ขุมกำลังแห่งอนาคตที่สดใสขึ้นเรื่อย ๆ

มาเนย้ายไปสวมยูนิฟอร์มของบาเยิร์น มิวนิค ไม่มีอิมแพ็คต่อกองหน้าหงส์แดงมากเท่าที่หลายคนวิตกเพราะลิเวอร์พูลมีการเตรียมแผนรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว แม้ ดาร์วิน นูนเญซ ถูกมองว่าเป็นคำตอบแต่เมื่อเทียบกับตำแหน่งถนัดคือกองหน้าฝั่งซ้าย หลุยส์ ดิอาซ ซึ่งย้ายมาร่วมทีมในตลาดเดือนมกราคม เป็นตัวตายตัวแทนที่แท้จริงของกองหน้าทีมชาติเซเนกัล แถมพิสูจน์ตัวเองไปแล้วในครึ่งฤดูกาลหลัง

นูนเญซน่าจะเป็นศูนย์หน้าแห่งอนาคตแทน โรแบร์โต เฟียร์มิโน มากกว่าแต่ระหว่างนี้ คล็อปป์ยังมั่นใจว่า ซีซั่นนี้ เฟียร์มิโนจะกลับมาสมบูรณ์เต็มร้อยและยังมีฝีเท้าระดับเวิลด์คลาสเช่นเดิมหลังจากฤดูกาลที่แล้วมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน เช่นเดียวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่นายใหญ่เมืองเบียร์ยังเชื่อว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของสตาร์ทีมชาติอียิปต์กำลังรออยู่เบื้องหน้า ขณะที่ ดิโอโก โชตา กำลังพัฒนาตัวเองและเพิ่มคุณประโยชน์ต่อทีมอย่างช้าๆแต่มั่นคง

ถึงเสียเมเน, ดิวอค โอริกี และ ทาคูมิ มินามิโนะ แต่การเข้ามาของคาร์วัลโญและนูนเญซ สามารถอุดรอยรั่วดังกล่าวได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะคาร์วัลโญ เอื้อประโยชน์ให้คล็อปป์ใช้งานเอลเลียตในตำแหน่งตัวรุกด้านขวาได้มากขึ้นทั้งกองหน้าและกองกลาง

ศูนย์หน้า : นูนเญซ, โซตา, เฟียร์มิโน / กองหน้าขวา : โซลาห์, เอลเลียต, ออกเลด-แชมเบอร์เลน / กองหน้าซ้าย : ดิอาซ, โซตา, คาร์วัลโญ

เสริมมิดฟิลด์กลางสนามยังเป็นภารกิจสำคัญในปีหน้า

แม้คล็อปป์มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งอยู่ในมือพร้อมไล่ล่าสี่ถ้วยแชมป์อีกครั้งในฤดูกาลใหม่ แต่กองกลางยังเป็นขุมกำลังที่จะต้องได้รับการเสริมแกร่งมากที่สุดในอีกหนึ่งปีหน้า ปัจจุบันทีมซีเนียร์ของลิเวอร์พูลมีผู้เล่นกองกลางอยู่แปดคน หากรวมคาร์วัลโญเข้าไปด้วยก็เป็นเก้า ยังไม่รวมนักเตะเยาวชนหรือทีมสำรอง

เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์ และ ธีอาโก ต่างมีอายุทะลุหลักสามสิบไปแล้ว ทั้งสามมีโอกาสบาดเจ็บวันใดวันหนึ่งในเกมแข่งขันที่มากและดุเดือด ชื่อของ จู้ด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จึงถูกยกขึ้นมาเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งในตลาดซัมเมอร์ปีหน้า แต่ซีซั่นนี้ โจนส์, เอลเลียต และคาร์วัลโญ จึงถูกคาดหวังให้ยกระดับผลงานมากขึ้นกว่าเดิม

ซีซั่นที่แล้ว โจนส์เล่นเกมลีก 856 นาที เอลเลียตลงสัมผัสสนาม 346 นาที ซึ่งเพิ่มมากกว่านี้แน่หากไม่บาดเจ็บ ขณะที่คาร์วัลโญเล่นให้ฟูแลมมากกว่า 2,800 นาที ในบรรดาสามคนนี้ โจนส์ ซึ่งอายุเพียง 21 ปีแต่แก่กว่าเอลเลียตและคาร์วัลโญ มีประสบการณ์มากที่สุดและมีโอกาสได้รับการพลักดันจากคล็อปป์มากที่สุดเช่นกัน แต่ถือเป็นโชคดีของว่าที่ตัวตายตัวแทนเหล่านี้ที่จะได้รับโอกาสมากขึ้นในฤดูกาลใหม่เมื่อพรีเมียร์ลีกแก้ไขกฎให้เปลี่ยนตัวสำรองลงสนามได้ถึงห้าคน คล็อปป์เคยให้สัมภาษณ์ถึงทั้งสามว่า

โจนส์ : “ผมรู้จักเขามานานแล้วและเป็นหนึ่งในแฟนตัวจริงของเขา ทักษะการเล่นของเขายังต้องเรียนรู้และทำงานหนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำอยู่ทุกวัน บางคนต้องการการพลักดันซึ่งเคอร์ติสดูเหมือนเป็นคนแบบนั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบสนองของเขาว่าเป็นอย่างไร”

เอลเลียต : “ฮาร์วีย์เป็นผู้เล่นที่ดีจริงๆไม่ต้องสงสัยเลย แต่ที่ผ่านมายังไม่ใช่ซีซั่นที่ดีที่สุดของเขาแน่นอนเพราะเขาเพิ่งได้เล่นแค่ 20 นัด แต่เชื่อว่าเขาจะเริ่มต้นได้ดีอีกครั้งในซีซั่นใหม่ ตอนนี้เราก็ต้องทำงานร่วมกับเขาต่อไปเช่นเดียวกับคนอื่น”

คาร์วัลโญ : “เป็นทั้งโปรเจ็คต์ระยะสั้นและยาว เขาสามารถลงตัวจริงได้เลยพรุ่งนี้ แต่ยังต้องใช้เวลาปรับตัว เขาไม่มีตำแหน่งตายตัว บางทีอาจเป็นปีก เบอร์แปด เบอร์สิบ หรือเบอร์เก้าหลอกก็ได้หากเพิ่มกล้ามเนื้อขึ้นมาอีก”

ด้วยขุมกำลังของลิเวอร์พูลที่คล็อปป์มีอยู่ ฤดูกาล 2022-23 ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับบรรดาเดอะ ค็อป ทั่วโลกโดยแท้จริง

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา

Categories
Football Business

สรุปการรับชม “พรีเมียร์ลีก” ฤดูกาลใหม่ 2022/23 ผ่าน 4 วิธีการหลักจาก “กลุ่มทรู”

ปีนี้เป็นปีที่สำคัญของคอบอล เพราะเป็นปี “ฟุตบอลโลก” ซึ่งจะทำการแข่งขันระหว่าง 21 พ.ย. ถึง 18 ธ.ค.2022 อันทำให้ฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลลีกต่าง ๆ ยุโรปเริ่มเร็วกว่าปกติ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็เช่นกันที่จะคิกออฟซีซั่นใหม่ 6 ส.ค. นี้ (พักเบรกให้เวิลด์คัพ 12 พ.ย.) โดยเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังคงเป็นผู้เล่นตัวเก๋า “ทรูวิชั่นส์” ซึ่งครองการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในประเทศไทยมาแทบจะทุกยุคทุกสมัยทั้งทางตรง (ซื้อตรงผ่านพรีเมียร์ลีก) หรือทางอ้อม (ซื้อผ่านเจ้าของสิทธิ์ที่ได้สิทธิ์ตรงจากพรีเมียร์ลีกอีกทอดหนึ่ง)

โดยเมื่อ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์สยามพารากอน ทรู วิชั่นส์ เป็นเจ้าภาพของ “กลุ่มทรู” จัดแถลงข่าวอย่างยิ่งใหญ่เพื่อป่าวประกาศความมันส์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยิงสดต่อไปอีก 3 ฤดูกาลเต็ม ๆ 2022/23 – 2024/25 อย่างเป็นทางการในฐานะ Official Broadcaster 

นอกจากนี้ “กลุ่มทรู” ยังจัดหนักแพ็คเกจหลากหลายเพื่อตอบสนองการรับชมทุกช่องทางผ่านทุก Business Units ของกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มทีวี (ทรู วิชั่นส์), สมาร์ตโฟน (ทรูมูฟ เอช), ทรูไอดี (ระบบอินเทอร์เน็ต – ทรู ออนไลน์) รวมถึงการสื่อสารถึงคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกในรุปแบบสมัยใหม่ผ่าน โซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์ม อย่าง เฟซบุ๊ก, ยูทูป, tiktok, IG ฯลฯ เพื่อให้แฟนฟุตบอลเข้าถึง และมีส่วนร่วมได้มากขึ้น

รวมไปถึงในปีนี้จะมีกิจกรรมร่วมกับแฟนบอลผ่านเกมแฟนตาซี พรีเมียร์ลีก ที่มีคนเล่นทั่วโลกกว่า 9 ล้านคน มาเปิดลีกพิเศษสำหรับคนไทยอย่าง “ทรู วิชั่นส์ ลีก” ที่มีของรางวัลสุดพรีเมี่ยมให้ลุ้นทุกสัปดาห์อีกด้วย

ว่าแล้ว ไปรับชมโปรโมชั่นสำหรับรับชมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในแต่ละช่องทางของ “กลุ่มทรู” กันค่ะ:

1. ทรู วิชั่นส์ หรือกล่องทรู ดีที่สุด มีให้ดูครบถ้วนทุกอย่าง เหมาะสำหรับครอบครัว

– แพ็กเกจแพลตินัม เอชดี เริ่มต้นเพียง 2,155.15 บาท/เดือน ชมฟรี EPL 3 ฤดูกาล (2022/23 – 2024/25 

) และชมฟรี beIN SPORTS  2 ฤดูกาล (2022/23 – 2023/24) พร้อมรับ 1,000 True Point  และ True Black Card

– แพ็กเสริม ทรูพรีเมียร์ ฟุตบอล เอชดี พลัส (True Premier Football HD+) สมาชิกทรู วิชั่นส์ แพลตินัม ชมฟรีตลอด 3 ฤดูกาล สิ้นสุด 31 พฤษภาคม 2568 สมาชิกแพ็กอื่น ๆ พิเศษ ผูกเบอร์ทรูมูฟ เอช เพียง 299 บาทต่อเดือน (จากปกติ 399 บาท)

– แพ็กเสริม “EPL Season Pass” เหมาจ่ายตลอดฤดูกาล พิเศษสุด!! เฉพาะสมาชิกทรู วิชั่นส์ 1 ฤดูกาล เพียง 2,500.- บาท (จากปกติ 3,990 บาท )พร้อมชมฟรี beIN Sports 3 เดือน (90 วัน) หรือสมัคร 3 ฤดูกาล เพียง 7,000.- บาท (จากปกติ 11,970 บาท) สมัครด่วน!! วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2565 เท่านั้น

2. ทรูมูฟ เอช ดูบอลสด ผ่านมือถือ สะดวก สบาย ดูบอลได้ทุกที่ ทุกเวลา

– ดูฟรี! ครบ 380 แมตช์ ตลอดฤดูกาล เพียงเปิดเบอร์ใหม่ หรือย้ายค่าย แบบรายเดือน แพ็กเกจ 5G Ultra Max Speed 1,199 บาทต่อเดือน เล่นเน็ตไม่อั้น เต็มสปีด โทรฟรีไม่อั้นในเครือข่าย โทรนอกเครือข่าย 350 นาที Wi-Fi ฟรีไม่จำกัด

– แพ็กเกจเสริม ดูฟุตบอล ทรูพรีเมียร์ลีก ครบทุกแมตซ์ ตลอดฤดูกาล สำหรับลูกค้าทรูมูฟเอช แบบรายเดือนและเติมเงิน ราคา 2,700 บาท พิเศษ!ราคา Early Bird เพียง 2,200 บาทเท่านั้น เมื่อสมัครภายใน 31 ก.ค.นี้ 

– แพ็กเกจเสริมดูฟุตบอล ทรูพรีเมียร์ลีก พร้อมเน็ตดูทรูไอดีไม่อั้น แบบ 30 วัน ราคา 399บาท, แบบ 7 วัน ราคา 219 บาท

– สิทธิพิเศษ! ลูกค้าทรูมูฟ เอชทั้งแบบรายเดือน และเติมเงิน ทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าปัจจุบัน ดูฟรี ทีมโปรด บนมือถือ ครบทุกแมตช์ ตลอดฤดูกาล (ก็คือ 38 นัดตามทีมโปรด) ผ่านแอปทรูไอดี กับแพ็กเกจทรูอันล็อก ลูกค้าทรูมูฟ เอช รับสิทธิ์ กด *555*56# โทรออก (และติดตามรายละเอียดการเลือกทีมโปรด ได้บนแอปทรูไอดี ส.ค. นี้) มาเป็นลูกค้าทรูมูฟเอชแบบเติมเงินง่ายๆ แค่เปิดซิมใหม่ “ซิมทรูไอดี” เพียง 49.- บาท หรือเปิดซิมรายเดือนแพ็กเกจ 299 บาทขึ้นไป

3. ทรูออนไลน์ ทางเลือกเพื่อการรับชมบนจอทีวี กับไลฟ์สไตล์แบบ OTT ยุคปัจจุบัน

– แพ็กเกจ True Gigatex Fiber 999 บาทต่อเดือน ดูฟรี สดครบทุกแมตช์ มาพร้อมเน็ตบ้านไฟเบอร์1000/500Mbps, ซิมทรูมูฟ เอช 15GB 60 นาที, อุปกรณ์เราเตอร์อัจฉริยะ และ อุปกรณ์กระจายสัญญาณ Gigatex Mesh WiFi, กล่องทรูไอดีทีวี พร้อมดูฟรี TrueID+ 24 เดือน (สำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช รับส่วนลด 200 บาท สมัครราคาพิเศษเพียง 799 บาทต่อเดือน)

– แพ็กเกจ True Gigatex Unlock TV เริ่มเพียง 599 บาทต่อเดือน ดูฟรีทีมโปรด สด ครบทุกแมตช์ ปลด
ล็อกทุกแมตช์ทีมโปรด ตลอดฤดูกาล (ฟรี! 38 นัดเกาะติดทีมรัก) และความบันเทิงทั้งหนังดัง ซีรีส์ฮิต อนิเมะ สารคดีดังระดับโลก คมชัดบนทีวี และดูได้ทุกที่ผ่านมือถือ พร้อมความเร็วเน็ตบ้าน 1000/300Mbps, กล่องทรูไอดีทีวี พร้อมซิมทรูมูฟ เอช 2 ซิม

4. ทรูไอดี เริ่มเพียง 179 บาทต่อวันเท่านั้น ไม่จำกัดค่ายก็รับชมได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และกล่องทรูไอดี ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการเชื่อมต่อเพื่อรับชมโดยใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต ดังนั้นหากใช้กล่องทรูไอดี ควบคู่ไปกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทรูออนไลน์ แพ็คเกจต่าง ๆ (ตามข้อ 3 ข้างต้น) ก็จะได้รับประโยชน์สูงสุด แต่ทว่าหากไม่สะดวกก็สามารถเลือกค่ายได้ตามต้องการ แต่ราคาค่าบริการจะแพงกว่านะคะ

ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ ภาพรวมช่วยให้เพื่อน ๆ คอบอลไปเสาะแสวงหาช่องทางเพื่อติดตาม และรับชมทีมโปรดผ่านลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกได้ในรูปแบบวิธีตามถนัดของตัวเอง

อย่างไรก็ดี ในฐานะแฟนบอลผู้ชาญฉลาด (Smart Supporters) การเจาะศึกษาข้อมูลโปรโมชั่นที่ “กลุ่มทรู” มีอยู่มากมาย กับคอนเทนท์ที่มากมาย (มากกว่าแค่ พรีเมียร์ลีก แต่เป็นแทบทุกลีก และทุกประเภทกีฬาหลัก รวมถึงภาพยนตร์, สารคดี, การ์ตูน ฯลฯ) เพื่อตอบโจทย์การรับชมส่วนตัว หรือครอบครัว หรือที่พักอาศัย หรือตามไลฟ์สไตล์ คือ สิ่งที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุด และอรรถรสดีที่สุดในการติดตามพรีเมียร์ลีก เช่น การ unlock (ทรู ออนไลน์ หรือทรูมูฟ เอช) หรือ season pass ราคาพิเศษ 1 หรือ 3 ฤดูกาลรวด ไปจนถึง “เต็มแมกซ์” ไม่พลาดอะไรแน่นอนกับ ทรู วิชั่นส์ แพลตินัม เอชดี ที่จะได้รับชมความคมชัดในแมตช์ หรือคอนเทนท์พิเศษถึงระดับ 4K ด้วยซ้ำไป

สุดท้าย หวังว่า ข้อมูลครั้งนี้จะช่วยทุกคนได้บ้าง และแน่นอนว่า ขอให้สนุกที่สุดกับพรีเมียร์ลีก ซีซั่นใหม่ 2022/23 กันถ้วนหน้าค่ะ

📝ภาวินีย์ สูญสิ้นภัย (แนน)

Categories
Special Content

รู้จักที่มา “ฉายา” 20 สโมสรฟุตบอลในลาลีกา สเปน 2022/23

เมื่อพูดถึง “ฉายา” ในวงการฟุตบอล ก็เปรียบเสมือนชื่อเล่น ที่ใช้เรียกแทนชื่อจริงของสโมสรนั้น ๆ โดยในแต่ละสโมสร จะตั้งฉายาที่แตกต่างกันไป มีทั้งตั้งแบบเรียบง่าย หรือตั้งแบบแปลกประหลาดจนน่าตกใจ

เหตุผลในการตั้งฉายาของแต่ละสโมสรฟุตบอล ก็มีที่มาแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะมาจากชื่อสถานที่ตั้ง, ชื่อบุคคลสำคัญ, สัญลักษณ์, ประวัติศาสตร์, ตำนานหรือความเชื่อในท้องถิ่น และอื่น ๆ อีกมากมาย

ลาลีกา จะพาไปทำความรู้จักกับฉายาของทั้ง 20 สโมสร ในลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ ฤดูกาล 2022/23ว่ามีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไรกันบ้าง

แอธเลติก บิลเบา : The Lions

ฉายา “The Lions” ของแอธเลติก บิลเบา มาจากชื่อของซาน มาเมส (San Mamés) นักบุญไบแซนไทน์ที่ถูกทรมานร่างกาย และกำลังจะกลายเป็นอาหารของสิงโต แต่ก็สามารถทำให้สิงโตเชื่อง และรอดพ้นจากการเป็นเหยื่อได้สำเร็จ

แอตเลติโก มาดริด : The Mattress Makers หรือ The Indians

ฉายาแรก “Mattress Makers” หมายถึง สีแดง-ขาวจากวัสดุที่ใช้ปูที่นอนในสมัยก่อน อีกฉายาคือ “Indians” มีที่มาจากในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970s แอตเลติโก มาดริด นิยมดึงนักเตะจากอเมริกาใต้เข้าสู่ทีมหลายคน ซึ่งเป็นนักเตะผิวสี และไว้ผมยาว จนถูกแฟนบอลทีมคู่แข่งล้อเลียนว่าเป็นพวกอินเดียนแดง

โอซาซูน่า : The Rojillos (The Reds)

ฉายา “The Rojillos” ของโอซาซูน่า ในภาษาสเปน หมายถึง “The Reds” หรือ สีแดง ซึ่งมาจากสีพื้นหลังของธงแคว้นนาวาร์ (Navarre) ที่ตั้งของสโมสร นอกจากนี้ สีแดงยังปรากฎอยู่บนเสื้อแข่งขันชุดเหย้า และโลโก้ของสโมสรอีกด้วย

กาดิซ : The Yellow Submarine

มีฉายา “Yellow Submarine” เช่นเดียวกับบียาร์เรอัล แต่มีที่มาที่แตกต่างกัน โดยกาดิซได้รับฉายานี้ เพราะในช่วงปี 1980-1986 สถานะของสโมสรอยู่ในลีกดิวิชั่น 2 และลีกสูงสุด ขึ้น-ลงสลับกันไป คล้ายกับการเคลื่อนไหวของเรือดำน้ำ

เอลเช่ : The Green Stripes

ในยุคแรก เสิ้อแข่งขันของเอลเช่มีสีขาวล้วน แต่ในปี 1926 ได้เพิ่มแถบสีเขียวแนวขวางไว้ส่วนบนของเสื้อ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากต้นปาล์ม ต้นไม้ที่นิยมปลูกกันมากในเมืองเอลเช่ จึงทำให้สโมสรฟุตบอลแห่งนี้ ได้รับฉายาว่า “Green Stripes”

บาร์เซโลน่า : The Culés

ในอดีต มีแฟนบอลบาร์เซโลน่าจำนวนหนึ่งที่อยู่ในสนาม “La Escopidora” สนามเหย้าแห่งแรกของสโมสรที่มีขนาดเล็กมาก นั่งเรียงกันเป็นแถวยาวด้านบนสุดของกำแพงบนอัฒจันทร์ ซึ่งคนที่เดินผ่านไปมาก็ได้เห็นแผ่นหลัง และก้นของพวกเขาเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของฉายา “Culés” ที่แปลว่า กลุ่มคนที่ชอบโชว์แผ่นหลัง

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/fcbarcelona

เกตาเฟ่ : The Dark Blues

ในยุคแรก สโมสรแห่งนี้ใช้ชื่อว่า “Club Getafe Deportivo” ใช้ชุดแข่งสีน้ำเงินเข้ม ก่อนถูกยุบทีมในปี 1982 และในปีต่อมา ได้ก่อตั้งสโมสรขึ้นมาใหม่ ใช้ชื่อว่า “Getafe Club de Fútbol” ใช้ชุดแข่งสีน้ำเงินเข้มเช่นเดิม จึงได้ฉายาว่า “Dark Blues”

กิโรน่า : The White and Reds

ฉายา “White and Reds” หรือสีขาว-แดง มีที่มาจากสีของชุดแข่งชัน และโลโก้ของสโมสรที่มีลักษณะคล้ายหยดน้ำเรียงสลับกันสีละ 4 แถว สื่อถึงเมืองกิโรน่า จุดที่มีแม่น้ำ 4 สาย ไหลมาบรรจบกัน ซึ่งอยู่บนธง และตราประจำเมืองกิโรน่าด้วย

ราโย บาเยกาโน่ : The Red Sashes

ก่อนหน้านี้ เสื้อแข่งขันของราโย บาเยกาโน่ มีสีขาวล้วน จนกระทั่งในช่วงกลางทศวรรษที่ 1940s ได้เพิ่มแถบสีแดงทแยงพาดผ่าน ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสโมสรฟุตบอลริเวอร์เพลท ในประเทศอาร์เจนติน่า จึงได้รับฉายาว่า “Red Sashes”

เซลต้า บีโก้ : The Sky Blues หรือ The Olívicos

ฉายา “Sky Blues” มาจากสีของท้องฟ้าที่อยู่บนเสื้อแข่งขัน ส่วนฉายา “Olívicos” ในภาษาสเปนหมายถึง Olive หรือต้นมะกอกที่ปลูกไว้ในโบสถ์แห่งหนึ่ง สื่อความหมายถึงสันติภาพและความสามัคคี ซึ่งอยู่บนธง และตราประจำเมืองบีโก้ด้วย

เอสปันญ่อล : The Parakeets

คำว่า “Parakeet” แปลตรงตัวว่า นกแก้ว มีที่มาจากฝูงนกแก้วที่มาทำรังบนต้นไม้รอบ ๆ สนาม Estadio de Sarriá ซึ่งเคยถูกใช้เป็นสนามเหย้าของเอสปันญ่อล ตั้งแต่ปี 1923 ถึง 1997 ก่อนจะย้ายมาใช้สนาม “อาร์ซีดีอี สเตเดี้ยม” ในปัจจุบัน

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/RCDEspanyol

เรอัล มายอร์ก้า : The Vermilions

ฉายาของเรอัล มายอร์ก้าคือ “Vermilion” ที่แปลว่า สีแดงสด ซึ่งเป็นสีชุดแข่งหลักของสโมสร เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 1922 โดยก่อนหน้านั้นได้ใช้ชุดแข่งสีดำมาก่อน และสีแดงสด ยังเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในตราสัญลักษณ์ หรือโลโก้ของสโมสรอีกด้วย

เรอัล เบติส : The Béticos หรือ The Green and Whites หรือ The Heliopolitanos

นอกจากฉายา “Béticos” ที่หมายถึงชื่อสโมสรเรอัล เบติสแล้ว ยังมีฉายา “Green and Whites” หรือสีเขียว-ขาว สีของชุดแข่งขัน และฉายา “Heliopolitanos” มีที่มาจากชื่อย่าน Heliópolis ย่านที่อยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสโมสร

เรอัล มาดริด : The Meringues หรือ The Vikings

ฉายาแรก “Meringues” มาจากชุดแข่งขันสีขาว ส่วนอีกฉายาคือ “Vikings” มาจากพาดหัวของหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษ หลังจาก “โลส บลังโกส” คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 5 ติดต่อกันในปี 1960 ความว่า “เรอัล มาดริด ออกอาละวาดไปทั่วยุโรปเหมือนพวกไวกิ้ง ทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า”

เรอัล โซเซียดัด : The Txuri-Urdin

ฉายาของเรอัล โซเซียดัด มาจากเพลงประจำสโมสร คำว่า “Txuri-Urdin” ในภาษาบาสก์หมายถึง “White and Blues” หรือสีขาว-น้ำเงิน ซึ่งเป็นสีธงประจำเมืองซาน เซบาสเตียน ที่ตั้งของสโมสร และกลายเป็นสีชุดแข่งของสโมสรตั้งแต่ปี 1909

เรอัล บายาโดลิด : The Pucelanos (Pucela)

คำว่า “Pucela” สันนิษฐานว่ามีที่มาจาก Joan of Arc หญิงสาวที่ได้ต่อสู้ในสงครามร้อยปี ซึ่งเรียกตัวเองว่า “Maid of Orleans” ซึ่งคำว่า maid ในภาษาสเปนยุคโบราณ จะเรียกว่า pucela และถูกนำไปตั้งเป็นฉายาของบายาโดลิดในที่สุด

เซบีย่า : The Washbasins

คำว่า “Washbasin” แปลตรงตัวว่า อ่างล้างหน้า มีที่มาจากเสื้อแข่งของเซบีย่าในช่วงกลางทศวรรษที่1970s ซึ่งเป็นเสื้อสีขาวล้วน มีเส้นขอบสีแดงเล็ก ๆ ที่บริเวณแขนเสื้อ และบนปกคอเสื้อ มีลักษณะคล้ายกับอ่างล้างหน้าที่เป็นที่นิยมในยุคนั้น

อัลเมเรีย : The Indálicos

ฉายา “Indálicos” มาจากสัญลักษณ์ Indalo เป็นภาพวาดลักษณะคล้ายกับมนุษย์ ถูกค้นพบในถ้ำลอสเลเตรอส (Los Letreros) ที่เมืองอัลเมเรีย ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก และสัญลักษณ์ดังกล่าว ก็อยู่ภายในโลโก้ของสโมสรด้วย

บาเลนเซีย : The Che

ฉายาในภาษาสเปนคือ “Los Che” ซึ่งเป็นคำอุทานที่ชาวเมืองบาเลนเซียใช้เรียกกัน มีลักษณะคล้ายกับการอุทาน “hey” ในภาษาอังกฤษ เป็นการแสดงออกถึงความเป็นชาวเมืองบาเลนเซียโดยเฉพาะ และกลายเป็นชื่อเรียกที่ติดปากในที่สุด

บียาร์เรอัล : The Yellow Submarine

มีฉายา “Yellow Submarine” เหมือนกับกาดิซ มีที่มาจากชื่อเพลง “Yellow Submarine” ของเดอะ บีทเทิลส์ วงดนตรีร็อกชื่อดังของอังกฤษ ที่เปิดตัวเมื่อปี 1966 และแฟนบอลได้นำเพลงของวงเดอะ บีทเทิลส์ มาเปิดให้ฟังในสนามนับแต่นั้นมา

ฉายาของสโมสรฟุตบอล ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ชื่อนั้นติดหู จดจำง่าย พร้อมกับเสริมความน่าเกรงขามเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ไปในตัวด้วย ถือเป็นสีสัน และช่วยเพิ่มอรรถรสในการติดตามเกมลูกหนังมากยิ่งขึ้น