Khaimukdam Group

SPECIAL CONTENT

3 ปัญหาที่อาร์เตตาต้องเร่งแก้ไข พาอาร์เซนอลกลับเส้นทางลุ้นแชมป์

3 ปัญหาที่อาร์เตตาต้องเร่งแก้ไข พาอาร์เซนอลกลับเส้นทางลุ้นแชมป์

ก่อนการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024-25 เริ่มขึ้น หลายคนเชื่อว่าการแย่งถ้วยรางวัลจะเป็นการต่อสู้ระหว่าง แมนชสเตอร์ ซิตี กับ อาร์เซนอล แต่เมื่อแชมป์เก่าเสียโรดรีเพราะบาดเจ็บยาว ส่งผลให้ “เดอะ กันเนอร์ส” เลื่อนขึ้นมาเป็นเต็ง 1

แต่เมื่อผ่านไป 10 นัด อาร์เซนอลกลับหล่นมาอันดับ 5 อยู่ต่ำกว่า นอตติงแฮม ฟอเรสต์ และ เชลซี ตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูล 7 คะแนน และ แมนฯซิตี 5 คะแนน

สถานการณ์ตอนนี้สั่นคลอนความหวังของเหล่า “เดอะ กูนเนอร์ส” ที่จะได้สัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีกหลังห่างเหินกว่า 2ทศวรรษ บวกกับการลาออกของคีย์แมน เอดู ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของสโมสร ทำให้อะไรดูแย่ลงไปอีก รวมถึงการเริ่มไม่มั่นใจต่อแผนการสร้างทีมระยะยาวและแทคติกของ มิเกล อาร์เตตา

ลี สกอตต์ และ โทนี โรเบิร์ตสัน ร่วมกันวิเคราะห์และมองปัญหาทางแทคติกของอาร์เตตาผ่านสื่อใหญ่อังกฤษ “เดอะ ซัน” ไว้ 3 ข้อ ซึ่งอาจช่วยพลักดันอาร์เซนอลกลับเข้าสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ลีกเมืองผู้ดีอีกครั้ง

ขาดผู้เชี่ยวชาญในการพาบอลไปข้างหน้า

หากเปรียบเทียบกับแมนฯซิตีที่อ่อนลงเพราะไม่มีโรดรี อาร์เซนอลก็ประสบปัญหาเดียวกับเนื่องจากขาด มาร์ติน โอเดการ์ดที่ต้องหยุดพักรักษาข้อเท้า ไม่ต้องสงสัยเลยอาร์เตตาต้องคิดถึงการผ่านบอลและพาบอลไปข้างหน้าจากพื้นที่กลางสนามของโอเดการ์ดอย่างแน่นอน

ระหว่างนี้ มิดฟิลด์กลางสนามอยู่ในความรับผิดชอบของ เดแคลน ไรซ์ และ มิเกล เมริโน ซึ่งเพิ่งย้ายมาจาก เรอัล โซเซียดาด ในตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทั้งสองเป็นกองกลางที่มีร่างกายแข็งแกร่ง แต่คุ้นเคยกับการอยู่หลังบอลในพื้นที่ที่สามารถรับและครองบอลต่อไป

ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2023-24 ที่เซนต์เจมส์ ปาร์ค ซึ่งอาร์เซนอลแพ้นิวคาสเซิล 0-1 เลอันโดร ทรอสซาร์ด ทำหน้าที่ผสมผสานระหว่างเบอร์ 10 กับกองหน้าตัวต่ำ (second striker) ในจังหวะบุกด้วยระบบ 4-2-4 โดยโอเดการ์ดเล่นตำแหน่งเบอร์8 ตัวขวา ซึ่งสามารถลงมารับบอล จ่ายบอลทะลุแนว และหาพื้นที่ว่างในแดนฝ่ายตรงข้าม ซึ่งช่วยให้ทีมพาบอลเข้าไปยังโซน final third ได้

โอเดการ์ดยังรับมือความกดดันได้ดี สามารถเอาชนะกองกลางคู่แข่งในสถานการณ์ตัวต่อตัว แต่ตอนนี้ อาร์เซนอลไม่มีนักเตะลักษณะดังกล่าว อาจยกเว้น อีธาน เอ็นวาเนรี ดาวรุ่งวัย 17 ซึ่งมีคุณภาพคล้ายคลึงกันที่สุด

ช่วงที่อาร์เซนอลไม่มีโอเดการ์ดอยู่ในสนาม จะพบว่าคู่ต่อสู้หลายทีมมักถอยลงไปลึกขึ้นและตั้งรับกระชับแน่นหนาขึ้นในแบบ mid-block ซึ่งบีบให้ “เดอะ กันเนอร์ส” ต้องพยายามเจาะแนวรับที่แข็งแกร่ง ซึ่งกลายเป็นงานหนักเมื่อขาดผู้เล่นที่โดดเด่นด้าน ball progression จากกลางสนาม นั่นเป็นสิ่งที่คู่แข่งต้องการเพราะง่ายต่อการเพรสซิ่งเมื่ออาร์เซนอลจำเป็นต้องเล่นบอลไดเร็คมากขึ้น หรือไม่ก็ออกบอลไปทางด้านข้างของสนาม

ด้วยเหตุนี้ อาร์เตตาต้องเร่งหาวิธีลำเลียงบอลไปข้างหน้ามากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายแนวรับฝ่ายตรงข้ามให้ได้

ไม่สามารถแนวรับแบบมิด-บล็อกของคู่แข่งขัน

กลางปี 2023 อาร์เซนอลทุ่มเงินกว่า 100 ล้านปอนด์ให้กับเวสต์แฮมเพื่อซื้อ เดแคลน ไรซ์ เข้ามายืนหน้าคู่เซ็นเตอร์แบ็ค วิลเลียม ซาลิบา และ กาเบรียล มากัลเญส เท่ากับอาร์เตตามีนักเตะ 3 คน ที่เพียบพร้อมด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและความคล่องตัวในการเล่นทรานซิชัน ซึ่งทำให้คู่แข่งพบความยากลำบากที่จะทะลวงโจมตีอาร์เซนอล ซึ่งไม่ใช่เพียงจังหวะบิลด์อัพปกติ แต่รวมถึงเมื่อมีโอกาสเคาน์เตอร์แอทแทคด้วย

ดีลดังกล่าวทำให้อาร์เซนอลถูกมองว่า เป็นทีมที่พยายามเสริมเขี้ยวเล็บให้เกมรุก และหวังพลักดันผู้เล่นขึ้นไปยังแดนหน้ามากขึ้น แต่ตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา อาร์เซนอลกลับเซ็นสัญญากับกองกลางที่มีความเก่งฉกาจในการดวลปะทะ (duels) เข้ามาเพิ่มอย่าง มิเกล เมริโน ไม่ใช่ผู้เล่นที่สามารถขึ้นไปยังพื้นที่ข้างบนเพื่อทำลายเกมรับฝ่ายตรงข้าม

แน่นอนอาร์เซนอลอุดมด้วยนักเตะที่ได้เปรียบด้านสภาพร่างกาย เหนือกว่าในด้านดวลปะทะทั้งเมื่อมีและไม่มีบอล แต่อีกด้านหนึ่งเป็นการลดทอนไอเดียสร้างสรรค์เกมรุก ซึ่งหมายความว่า เมื่อคู่ต่อสู้ถอยลงไปปักหลักป้องกันแบบ medium blockยินยอมให้อาร์เซนอละครองบอลได้มากกว่า แต่อาร์เซนอลก็ไม่มีผู้เล่นที่ดีและมากพอที่จะเจาะทะลวงเข้าไปสร้างอันตรายในพื้นที่ final third หรือกรอบเขตโทษ

สิ่งที่ตามมาคือ อาร์เซนอลต้องพึ่งการเล่นที่รวดเร็วบริเวณริมสนาม เห็นได้ชัดจากบทบาทที่มากขึ้นของ บูกาโย ซากา ปีกขวาทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเท่ากับช่วยให้คู่ต่อสู้รู้แผนของอาร์เซนอลล่วงหน้า และสามารถเตรียมตัวเพื่อรับมือ

การมีไรซ์และเมริโนช่วยให้อาร์เซนอลมีฐานที่มั่นคง มีความแข็งแกร่งของร่างกาย และเหนือกว่าคู่แข่งในการเข้าดวลปะทะ แต่อีกมุมหนึ่งกลายเป็นว่าอาร์เตตาได้สร้างทีมที่ลดน้อยถอยลงทั้งความคล่องตัวและความหลากหลาย ไม่สามารถขับเคลื่อนทีมไปยังโซน advanced attacking ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ “เดอะ กันเนอร์ส” ไม่สามารถเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่องเหมือนมีโอเดการ์ดอยู่ในสนาม

คู่ต่อสู้ต่างเตรียมแผนรับมือการโจมตีทางขวา

บูกาโย ซากา มีทักษะความสามารถระดับโลก แต่บางครั้งก็เล่นได้แย่มาก แม้ซีซันนี้ ปีกขวาวัย 23 ปี มีผลงาน 4 ประตู 7แอสซิสต์จากการเล่น 12 นัดในพรีเมียร์ลีกและแชมเปียนส์ ลีก

ซากาเป็นกำลังสำคัญให้กับการโจมตีของอาร์เซนอล และสามารถทำให้หลายทีมพ่ายแพ้ด้วยตัวของเขาเอง ขณะเดียวกันคู่แข่งต่างตระหนักดีกว่า การคุมคามที่อันตรายของอาร์เซนอลมักมาจากฝั่งขวาของสนาม อาร์เซนอลจะพบปัญหาขึ้นทันทีเมื่อเจอทีมที่มีการโค้ชและวางระเบียบจัดการที่ดี พวกเขาสามารถปล่อยพื้นที่ด้านนั้นให้โดดเดี่ยว แล้วหันไปมุ่งกับการตัดช่องทางส่งบอลไปยังซากา คือไม่ปล่อยให้บอลไปถึงซากานั่นเอง

ดังนั้นเมื่ออาร์เซนอลได้บอลทางฝั่งขวา คู่แข่งมักอาศัยผู้เล่น 2 คน แม้กระทั่ง 3 คน เข้าเพรสซิ่ง และปิดกั้นช่องทางของซากา ขณะที่ฝั่งซ้าย กาเบรียล มาร์ติเนลลี เล่นแบบบอลไดเร็คมากกว่า แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าขณะครองบอลเมื่อนำไปเทียบกับซากา

ส่วนพื้นที่ตรงกลาง อาร์เซนอลก็ไม่มีผู้เล่นที่สามารถวิ่งขึ้นมาจากแนวลึกเพื่อสนับสนุนช่วยให้การรุกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ง่ายที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าเพรสทางฝั่งขวาของอาร์เซนอล เป็นการจำกัดบทบาทของซากา

อาร์เตตาจึงจำเป็นต้องหาทางสร้างสรรค์การโจมตีจากตรงกลางและด้านซ้ายให้มากขึ้น เพื่อเป็นการปลดล็อกให้กับซากาโจมตีในพื้นที่อันตรายของตัวเขา

บทสรุป

ลี สกอตต์ และ โทนี โรเบิร์ตสัน ให้ความคิดเห็นร่วมกันตอนท้ายว่า อาร์เซนอลยังไม่หลุดพ้นการแข่งขันเพื่อลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่เห็นได้ชัดว่ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะปัญหาเหล่านั้นทำให้ “เดอะ กันเนอร์ส” ตกอยู่ในความเสี่ยงมากจนเกินไป จากการยอมให้ผู้เล่นต้องเฝ้าระวังและป้องกันการคุกคามจากการสวนกลับเร็วของฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะมอบอิสระให้ขึ้นไปมีส่วนร่วมกับการโจมตี

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer) 

Facebook
Twitter
Pinterest
Email

Comments are closed.