Khaimukdam Group

SPECIAL CONTENT

“มาตรฐาน” ไทยลีก 2019

“มาตรฐาน” ไทยลีก 2019

ฟุตบอลลีกสูงสุดของบ้านเรา “โตโยต้า ไทยลีก” หรือ “T1” ฤดูกาล 2019 เตรียมได้ฤกษ์ระเบิดฉากสุดสัปดาห์นี้เริ่มศุกร์ 22 ก.พ.แล้วนะครับ

ผมตั้งชื่อเรื่องแบบนี้ และมีคำว่า “มาตรฐาน” เพราะค่อนข้างมั่นใจจะได้เห็นคุณภาพฟุตบอลไทยที่ดีขึ้นในปีนี้ เพราะเชื่อว่าด้วยหลากหลาย “ปัจจัย” และสำคัญที่สุด คือ “เวลา”

ฤดูกาล 2019 น่าจะเป็นปีที่ “สุกงอม” กำลังดีของวงการฟุตบอลระดับสโมสรของเมืองไทยครับ 🙂

ในโซนหัวตาราง หรือ “ลุ้นแชมป์” การที่ บุรีรัมย์ ยอมปล่อย ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ให้กับ ยะโฮร์ ดารุล ทักซิม นั่นเท่ากับเปิดช่อง “ความเสี่ยง” ในการป้องกันแชมป์ และช่วยขยับช่อง “โอกาส” ในการลุ้นแชมป์ให้เปิดกว้างมากขึ้น

แน่นอนครับว่า คุณเนวิน ชิดชอบ กล่าวมั่นใจว่า “ทุกครั้ง” ก็สามารถมีตัวแทนมาทำหน้าที่ได้โดยตลอด และในช่วงพรีซีซั่น ตัวแทนดาวเตะจากมาลี มาติโบ ไมก้า ก็ดูเหมือนว่าจะทำได้ดีไม่นับ เปโดร จูเนียร์ อีกคน

รวมกับนโยบาย “ปั้นเด็ก” และเก็บไว้ อย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ, ศศลักษณ์ ไหประโคน, ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา ฯลฯ ทำให้ซีซั่นนี้ จะเป็นปี “จุดเปลี่ยน” อีกครั้งของทีมได้ไม่ยาก

ถัดมาที่ต้องพุดถึง คือ ทรู แบงคอก ยูไนเต็ด กับความ “พร้อม” ซะขนาดนั้นด้วยการเสริมทัพนำโดย เนลสัน โบนีญ่า และทริสตอง โด กับพีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ความน่ากลัวจึงไม่ต้องพูดถึง และสโลแกน “The Time is now” ก็บ่งบอกแล้วว่า ท่านประธานสโมสรฯ คุณขจร เจียรวนนท์ เอาจริงเพียงใด

มาโน่ โพลกิ้ง ประกาศเช่นกันว่า นี่คือทัพนักเตะที่ดีที่สุด และสโมสรฯได้สนับสนุนให้ซื้อผู้เล่นในตำแหน่งที่ต้องการ

มาโน่ จะเจอบททดสอบที่ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเล่นระบบ “หลัง 3” หรือระบบใด

แต่การ “ตกรอบ” คัดเลือก AFC แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ฮานอย เอฟซี ถือเป็น “สัญญาณ” แจ้งเตือน

ทรู แบงคอกฯ ต้องมีลุ้นถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาลเท่านั้น!

เอสซีจี เมืองทอง กับการเติมทัพแบบ “รูปธรรม” โดยเฉพาะตำแหน่งนายทวารเวียดนาม-รัสเซีย ดัง วาน ลัม และเซนเตอร์ฮาล์ฟ โอ บัน ช็อก กับตำแหน่งต่าง ๆ ที่ค่อนข้างดีอยู่แล้วทำให้ผู้อำนวยการสโมสร คุณรณฤทธิ์ ซื่อวาจา กล่าวอย่างมั่นใจว่า พร้อมลุ้นทุกแชมป์

แต่ประเด็น ผมอยากให้เกาะติดการทำงานของ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรรัตนดิลก เพราะนี่คือ โค้ช “โลว์โปรไฟล์” ที่ดึงสิ่งที่ดีที่สุดจากผู้เล่น และวางแท็คติกส์แบบ “มัธยัสถ์” ได้ดีที่สุดคนหนึ่ง

แต่ “โค้ชเบ๊” จะเป็นอย่างไรกับทีมที่ใหญ่ขึ้น สตาร์มากขึ้น?

ส่วนตัวสอดแทรกก็หนีไม่พ้น การท่าเรือ เอฟซี ที่ยัง “เติมทีม” ไม่หยุด และได้ตัวอย่าง สุมัญญา กับโก ซุล กิ กลับไทยอีกหนมาเสริมแดนกลางให้แน่นปึ้ก และ “มาดามแป้ง” ก็ลั่นวาจาแล้วว่า ปีนี้ต้องมี “ถ้วย” ติดไม้ติดมือ

ทีมอย่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งเก่งฉกาจในการเล่นบอลถ้วย แต่ปีนี้ไม่มีกุนซือ อเล็กซานเดอร์ กามา และนายทวารฉัตรชัย บุตรพรหม แล้ว ทว่า “ทรัพยากร” ยังถือว่าเป็นหัวแถวทั้งตัวต่างชาติอย่าง บิล หรือตัวไทยที่ยังได้ขวัญใจผมเอง พีระพงษ์ พิชิตโชติรัตน์ มาเป็นกัปตันทีม

ชลบุรี เอฟซี ก็ไม่เคยลงทุนกับนักเตะต่างชาติมากเท่าปีนี้ที่นำโดย ลูเคียน อดีตดาวยิงจากพัทยา ยูไนเต็ด รวมถึงบรรดาดาวรุ่งก็ดูเหมือนจะ “พร้อม” กันมากขึ้นไล่ตั้งแต่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, สิทธิโชค ภาโส.

ทีมอื่น ๆ ก็ถือว่า มีหลายทีมที่ล้วนอยู่ในข่ายลุ้น “ท็อป 10” ได้สบาย อาทิ สุพรรณบุรี, ราชบุรี, ประจวบฯ รวมถึงน้องใหม่ พีทีที ระยอง ที่เติมทัพได้น่าสนใจ เพราะได้ วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ ปราการหลังมาจากเชียงราย และเอมมานูเอล เจย์ โธมัส อดีตดาวรุ่ง อาร์เซนอล มายืนหัวหอก

การหั่นเหลือ 16 ทีม หรือเตะเพียง 30 นัดเท่านั้น คือ “เนื้อ ๆ” ไม่มีหนังจากจำนวนทีมที่น้อยลง และแมตช์ที่ควรจะมีความหมาย และมีความใกล้เคียงกันมากขึ้น

สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และไทยลีก มองตรงนี้ และหวังว่า ปีนี้จะได้เห็นมาตรฐานดังกล่าว แม้จะมีเสียงแว่ว ๆ แล้วว่า ฤดูกาลหน้าอาจจะกลับไปสู่ระบบ 18 ทีมอีกครั้งก็ตาม

ด้วยจำนวนแมตช์ที่น้อยลง ระยะเวลาทำงานของกุนซือจึงต้องน้อยลงไปด้วย และผมเชื่อว่า ประมาณ 3 เกมแรก, 5 เกม, 7-10 เกมแรกจะได้เห็นการปลดโค้ชกันเรื่อย ๆ (จริง ๆ ปลดกันไปตั้งแต่ยังไม่เปิดฤดูกาลแล้ว เช่น โชเซ อัลเวส บอร์จีส กับเชียงราย)

เพราะ “เวลา” ไม่มีเหลือให้รอคอย ขณะที่การเตรียมทีมปีนี้ คือ 4 เดือน เพราะฉะนั้นข้ออ้างว่า “ไม่พร้อม” ก่อนเปิดฤดูกาลจึงไม่มี!

การนำ VAR (Video Assistant Referee) มาใช้เป็นลีกแรกในอาเซียน และกำเนิดระบบโควต้าต่างชาติ 3+1+3 (ต่างชาติ + เอเชีย + อาเซียน) = 7 Maximum นักเตะที่ไม่ใช่ไทย มองในมุมบวก คือ มาตรฐานที่ดีขึ้นของลีก

VAR ไม่ว่าจะ “สมบูรณ์” ระดับไหนในการนำมาใช้ แต่ก็จะช่วยยกระดับการตัดสิน เช่นเดียวกับ “โควต้าต่างชาติ” ที่ไม่จำเป็นต้องใช้จนครบ ทว่านี่คือ “ทางเลือก” ของแต่ละสโมสร (ส่วนใหญ่ก็เลือกใช้โควต้า อาเซียน กันเท่าที่จำเป็นเท่านั้น)

โควต้า อาเซียน อย่างน้อย ๆ ทำให้ “นักเตะไทย” ขยับตัว และต้องปรับตัวหนี หากไม่อยากถูกทิ้งไว้กลางทาง และทำให้ได้เห็นนักเตะไทย “บิ๊กเนม” ยอมลงไปเล่นลีกรองมากขึ้นกว่าทุกปี

ขณะที่ นักเตะไทยใน T1 ก็จะนิ่งเฉย หรือเรียกค่าตัวแพงเกินจริงไม่ได้ เพราะสโมสรฯมีโอกาสเลือกสรรผู้เล่นมากขึ้น

นักเตะต่างชาติก็เช่นกันที่ต้อง “เก่งจริง” จึงจะอยู่รอดในไทยลีก หาไม่แล้วก็ต้องลงไปเล่นลีกพระรอง หรือกลับบ้านเก่าไป

ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมแข้ง “ดาวรุ่งไทย” ที่แต่ละสโมสรฯเห็นพ้องต้องกัน และมีนโยบายสนับสนุนมากขึ้นอันทำให้ทีมชาติชุด ยู-23 ปี หรือนักเตะในช่วงอายุประมาณนี้มีความน่าสนใจ และมีศักยภาพจะพัฒนาเป็น “เจนเนอเรชั่น” ที่ดีที่สุด มีตัวเลือกมากที่สุด และรอแค่เวลาฉายแววเท่านั้น

ยิ่งในทีมชาติได้ อเล็กซาเดอร์ กามา ไปคุมทีม ขณะที่ “ช่องทาง” การพัฒนายังสามารถต่อยอดไป “เจ ลีก” เหมือนรุ่นพี่ ๆ ที่กำลังทำได้ดี

ทั้งหลายทั้งปวงทำให้ผมเชื่อว่า ปีนี้จะเป็น “ปีทอง” สำหรับฟุตบอลไทยไม่เฉพาะ T1 นะครับ

ดูไทยลีกครบทุกแมตช์ และไม่พลาดบอลทุกลีกดัง ที่ทรูวิชั่นส์แพลทินัม หรือ โกลด์ สมัครวันนี้ ฟรีค่าประกันอุปกรณ์ทุกจุด พร้อมรับ 1,000 ทรูพ้อยท์ ตั้งแต่วันนี้ - 31 มี.ค. 2562

สมาชิกทรูวิชั่นส์ สมัครทรู ซูเปอร์ ซอคเกอร์ เพียง 199 บาท ใช้ทรูมูฟเอชกด *482*199*สมาร์ทการ์ด# โทรออก

หรือคุ้มยิ่งขึ้น! สมัครพร้อมบริการ ทรู ไฟเบอร์ 1Gbps ครบ! ทั้งเน็ตไฟเบอร์พร้อมดูรายการดัง สนใจคลิก https://bit.ly/2KR1zgA

เพิ่มเติม โทร. 02-700-8000 หรือ ทรูช้อป

#ไข่มุกดำ

#FootballThai

Facebook
Twitter
Pinterest
Email

Comments are closed.

RELATED CONTENT