อาร์เนอ สลอต สามารถพาลิเวอร์พูลครองแชมป์พรีเมียร์ลีกเพียงปีแรกที่รับงานแทนเยอร์เกน คลอปป์ ตำนานผู้จัดการทีม ซึ่งเคยทำสำเร็จ 1 ครั้งระหว่างชีวิต 9 ปีในแอนฟิลด์ ทำให้สลอตเป็นกุนซือดัตช์คนแรกที่ชนะเลิศลีกเทียร์ 1 ประเทศอังกฤษ
สลอตเกิดในหมู่บ้าน Bergentheim ในเขตเทศบาลเมือง Hardenberg ทางตะวันออกของประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อ 17กันยายน 1978 ไม่ถึง 3 เดือนหลังจากทีมอัศวินสีส้มแพ้เจ้าภาพ อาร์เจนตินา 1-3 ในนัดชิงชนะเลิศเวิลด์ คัพ ครั้งที่ 11
สลอตเริ่มเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลกับทีมสมัครเล่น วีวี แบร์เกนไธม์ (VV Bergentheim) ก่อนย้ายมาอยู่ พีอีซี ซโวลเล (PEC Zwolle) และได้เล่นทีมชุดใหญ่ขณะอายุ 17 ปีเมื่อปี 1995 ซึ่งสลอตได้ฉายาว่า Miss Slot เพราะสภาพร่างกายไร้ความฟิต เกียจคร้าน เชื่องช้า เป็นนักฟุตบอลประเภทเสื้อไม่เปื้อน
ยอง เอเวอร์เซ (Jan Everse) โค้ชตอนนั้นของซโวลเล ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในชีวิตนักเตะของสลอต ยอมรับว่า ความสัมพันธ์ช่วงแรกกับมิดฟิลด์หนุ่มไม่ดีนัก
เอเวอร์เซ ซึ่งปัจจุบันอายุ 71 ปี ให้สัมภาษณ์กับ SunSport ว่า “ไม่มีใครเล่นบอลจังหวะเดียวได้แบบอาร์เนอ แต่ถ้าเป็นเรื่องร่างกาย เขาไม่เร็ว เวลาวิ่งจึงดูเหมือนขี้เกียจ ถ้าวันไหนอากาศแย่ สนามเต็มไปด้วยโคลน เนื้อตัวอาร์เนอสะอาดเสมอ ชนิดเอาเสื้อกลับไปแขวนตู้ได้เลย แต่หากส่งบอลให้เขา เกือบทุกครั้งเลยนะจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น เขามีเทคนิคดีมากๆ”
“แต่ผมต้องพูดตรงๆกับเขาว่า ‘อาร์เนอ นายเป็นนักฟุตบอลเก่งที่สุดของฉัน แต่ปัญหาคือ คู่แข่งของนายกลับเป็นนักฟุตบอลที่เหนือกว่า ถ้าจะเล่นให้ซโวลเล นายต้องเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกว่าคู่แข่ง แต่ฉันมองแบบนั้นไม่เห็นเลย นายมีงานต้องทำมากเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้ร่างกาย นายง่ายๆ สบายๆ และเกียจคร้านมากเกินไป”

ขอบคุณภาพจาก https://www.thesun.co.uk/sport/34632087/arne-slot-liverpool-journey-home-town/
ด้วยเหตุนี้ เอเวอร์เซจึงตั้งฉายาให้มิดฟิลด์ตัวรุกวัย 17 ว่า Juffrouw Slot หรือ Miss Slot (นางสาวสลอต) ในภาษาอังกฤษ ยืนยันด้วยสไตล์การเล่นของสลอต ซึ่งไม่เคยเข้าแทคเกิลหนักๆเลย
อดีตโค้ช ซึ่งเคยติดทีมชาติ 2 นัดช่วงทศวรรษ 1970s หรือยุค Total Football ของทีมชาติฮอลแลนด์ กล่าวต่อ “จากนั้น อาร์เนอก็เริ่มฝึกซ้อมอย่างหนัก”
“เราเริ่มความสัมพันธ์ระหว่างกันไม่ดีนัก อาร์เนอไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนาม ซึ่งแน่นอนทำให้เขาโกรธผม แต่อาร์เนอกล้าพอที่จะตระหนักถึงเหตุผล ซึ่งเขาเป็นแบบนั้นอยู่ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าตนเองเป็นคนเปลี่ยนกรอบความคิด (mindset) ของอาร์เนอในการเป็นนักฟุตบอลที่ดี อย่างชีวิตช่วงแรกที่บาดเจ็บ เขามั่นใจจะต้องได้เล่นทันทีเมื่อกลับมาฟิตอีกครั้ง แต่ความจริงคือต้องรอถึง 1 ปีครึ่ง”
“ผมพูดกับผู้ช่วยหลังเห็นการซ้อมของเขาว่า ‘อีก 2-3 เดือน อาร์เนอจะกลายเป็นนักฟุตบอลอย่างที่พวกเราต้องการ’ เนื่องจากเขามีความอดทนมากขึ้น”
เมื่อสภาพร่างกายสมบูรณ์ อาร์เนอก็มีทักษะทางกีฬาเพิ่มขึ้น มีไดนามิกมากขึ้น กลายเป็นตัวจริงและไม่เคยถูกเอเวอร์เซดร็อปเป็นตัวสำรอง จนกระทั่งปี 2002 ซโวลเลคว้าแชมป์เอร์สเตอดีวีซี และกลับขึ้นมาเล่นเอเรอดีวีซีหลังจากหายไป 13 ปี และปีเดียวกัน สลอตได้ย้ายไปอยู่กับ เอ็นเอซี เบรดา (NEC Breda)
ได้ปรัชญาจากนิทาน “ชาวสะมาเรียผู้ใจบุญ”
แบร์เกนไธม์ เป็นหมู่บ้านเล็กๆมีประชากรเพียง 3,500 คน อยู่ใกล้กับเส้นทางรถไฟสาย เอ็มเมน-ซโวลเล (Emmen-Zwolle) ที่มีผู้คนพลุกพล่าน และมีคลองกั้นอยู่ เมืองมีเพียงโบสถ์ 2 หลัง, ซูเปอร์มาร์เก็ต 1 แห่ง, โรงเรียนประถมศึกษา 2แห่ง และเป็นบ้านของทีมฟุตบอลท้องถิ่น วีวี แบร์เกนไฮม์ ซึ่งสลอตใช้ชีวิตที่นี่ช่วงทศวรรษ 1980s
สลอตมักเดินประมาณ 1 ไมล์และข้ามสะพานในหมู่บ้านเพื่อไปสนามกีฬา Sportpark Moscou เล่นฟุตบอลจนกระทั่งเข้าตาแมวมองของซโวลเลเมื่ออายุ 12 ขวบ และได้ทำงานกับเอเวอร์เซ

ขอบคุณภาพจาก https://www.thesun.co.uk/sport/34632087/arne-slot-liverpool-journey-home-town/
แต่ก่อนหน้านั้นเป็นเวลาหลายปีที่คนดังของตระกูลสลอตในแบร์เกนไธม์คือ อาร์เอน์ด (Arend Slot) พ่อของเขา ซึ่งเป็นอดีตครูใหญ่ และเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกว่าลูกชาย เคยติดทีมฟุตบอลสมัครเล่นดัตช์ ซึ่งเกือบผ่านไปเล่นฟุตบอลในมอนทรีออล โอลิมปิก ปี 1976 ปัจจุบันสลอตซีเนียร์ชมการแข่งขันของลิเวอร์พูลทางโทรทัศน์ และเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของ วีวี แบร์เกนไธม์ ซึ่งติดภาพของเขาบนผนังห้องบอร์ดบริหารสโมสร
เบิร์ท ไนเยนฮาวส์ (Bert Nijenhuis) วัย 66 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานสโมสร 7 ปี และเคยเล่นฟุตบอลกับอาร์เอน์ด กล่าวว่า “เราล้วนภูมิใจในตัวลูกชายของอาร์เอน์ด อาร์เนอทั้งฉลาด รอบรู้ แข็งแกร่งเชิงแทคเกิล และมีหัวใจรักกีฬาฟุตบอลมากๆ เขายังเป็นพวกทุ่มเทให้การทำงาน มีระเบียบวินัยสูง และสามารถพัฒนาผู้เล่นให้ดีขึ้นได้ อาร์เนอจะปล่อยให้ลูกทีมทำในสิ่งที่พวกเขาเก่งในเรื่องนั้นๆ”
“คุณพ่อยังเป็นโค้ชของเขาด้วย อาร์เนอมักนั่งอยู่ในการประชุมของทีมตั้งแต่เด็กๆและคอยฟังว่าคุณพ่อพูดอะไร พวกเราเป็นแค่คนธรรมดาๆในหมู่บ้านแสนเรียบง่าย แต่สิ่งที่อาร์เนอทำอยู่ตอนนี้เป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความเคารพ นับถือ และยกย่องมาก”
มีชาวแบร์เกนไธม์บางส่วนเสนอให้สร้างรูปปั้นเป็นเกียรติแก่สลอตจูเนียร์ในหมู่บ้านเนื่องจากพาลิเวอร์พูลครองแขมป์พรีเมียร์ลีก
ไนเยนฮาวส์ให้ความเห็นต่อประเด็นนี้ว่า “รูปปั้นเหรอ แต่เมื่อปี 1945 มีคนเสียชีวิตมากมายในสงครามที่ต่อสู้เพื่ออิสรภาพของพวกเรา ผู้คนแบบนั้นต่างหากที่สมควรได้รับเกียรตินั้น แล้วผมก็ไม่คิดว่าอาร์เนอต้องการรูปปั้นตัวเองนะ เขาเป็นคนถ่อมตัว เขามักไปโบสถ์ของหมู่บ้านพร้อมกับพ่อแม่พี่น้อง และจากไบเบิล คุณเรียนรู้ว่าควรรับมือกับโลกนี้อย่างไร”
อดีตประธานสโมสรแบร์เกนไธม์ย้อนอดีตว่า สลอตในวัย 12 สนใจนิทานอุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจบุญ
หมายเหตุ : the Good Samaritan เป็นอุปมาของพระเยซูที่ปรากฏในพระวรสารนักบุญลูกา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักเดินทาง (โดยนัยแล้วเข้าใจได้ว่าเป็นชาวยิว) ผู้ถูกโจรแย่งชิงเสื้อผ้า ถูกทุบตี และถูกทิ้งไว้ข้างทางในสภาพเกือบตาย แต่ได้รับการเพิกเฉยจากนักเดินทางที่ผ่านมา จนกระทั่งมีชาวสะมาเรียมาพบเข้า แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วชาวสะมาเรียและชาวยิวไม่ถูกกัน แต่ชาวสะมาเรียคนนี้กลับเข้าไปช่วยเหลือนักเดินทาง
พระเยซูทรงเล่าอุปมานี้เพื่อตอบคำถามที่ท้าทายจากผู้เชี่ยวชาญบัญญัติในบริบทของบัญญัติเอกว่า “ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?” และสรุปได้ว่า บุคคลที่เป็นเพื่อนบ้านในอุปมาเรื่องนี้ คือผู้ที่แสดงความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ไนเยนฮาวส์เสริมว่า นิทานอุปมาเรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสลอตจูเนียร์ ซึ่งตระหนักว่า มนุษย์ควรให้ความเคารพซึ่งและกัน ไม่ก่อสงคราม แต่สร้างความสงบสุข
“เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนา อาร์เนอก็ประทับใจและซาบซึ้งเรื่องราวนี้มาก ทำให้อาร์เนอกลายเป็นคนที่เท้าอยู่บนพื้นทั้ง 2ข้าง (เป็นคนไม่ลืมตัว มีทัศนคติที่สมเหตุสมผล)”
นับ 1 ถึง 10 เสมอก่อนพูดอะไรออกไป
เอเวอร์เซ อดีตแบ็คซ้ายของเฟเยนูร์ดและอาแจ็กซ์ เชื่อเสมอว่าสลอตจะทำผลงานในอังกฤษได้ดีกว่าเอริก เทน ฮาก กุนซือร่วมชาติ ซึ่งถูกแมนฯยูไนเต็ดปลดเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว
“ความฉลาดของอาร์เนอทำให้เขานับ 1 ถึง 10 ก่อนจะพูดอะไรออกมา เขารู้แก่ใจเสมอว่ากำลังสื่อสารอะไรออกไป”
แต่คนอย่างเฮดโค้ชวัย 46 ปียังเคยน็อตหลุด ถูกไล่ออกและโดนแบน 2 นัด พร้อมเสียค่าปรับ 7 หมื่นปอนด์โทษฐานพูดคำไม่เหมาะสมกับกรรมการ ไมเคิล โอลิเวอร์ หลังจบเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี เสมอเอฟเวอร์ตัน 2-2 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025

ขอบคุณภาพจาก https://www.espn.com/soccer/story/_/id/43813982/everton-vs-liverpool-three-red-cards-shown-full-brawl
ไนเยนฮาวส์ยอมรับว่านั่นเป็นครั้งเดียวที่สลอตปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ ตามปกติแล้วสลอตเป็นคนสงบนิ่ง
เอเวอร์เซเสริมถึงอดีตลูกทีมว่า “อาร์เนอมีปรัชญาที่ดี ผมรู้เพราะเป็นปรัชญาของผม นั่นคือคุณต้องเตรียมตัวนักเตะให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน เพื่อที่ว่าจะไม่แปลกใจต่ออะไรที่เกิดขึ้นในสนาม และคุณต้องฝึกจิตใจของตัวเอง เพราะคุณเล่นฟุตบอลด้วยสมอง”
สไตล์การโค้ชของสลอตได้รับการพัฒนาขณะทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชของคัมบูร์ (Cambuur) และอาแซด อัลค์มาร์ (AZ Alkmaar) ซึ่งเคยจบอันดับ 2 ต่อจากอาแจ็กซ์ระหว่างปี 2016 – 2020 ก่อนรับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมเฟเยนูร์ดเมื่อเดือนธันวาคม 2020
ซีซันแรก สลอตพาเฟเยนูร์ดผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของแชมเปียนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี และต่อมาในซีซัน 2021-22 ยังได้ชิงชนะเลิศ คอนเฟอเรนซ์ ลีก แต่แพ้ต่อทีมโรมาของโชเซ มูรินโญ ตามด้วยแชมป์เอเรอดีวีซี ซีซัน 2022-23 สิ้นสุดการครองบัลลังก์ 3 สมัยติดต่อกันของอาแจ็กซ์ (มีการยกเลิกซีซัน 2019-20 เพราะการระบาดของโควิด) และแชมป์ดัตช์ คัพ ซีซัน 2023-24
สลอตคุมทีมเฟเยนูร์ดนัดสุดท้ายเมื่อ 19 พฤษภาคม 2024 ชนะเอสบีวี เอ็กเซลซิเออร์ 4-0 ปิดฉากด้วยตำแหน่งอันดับ 2 ลีกเนเธอร์แลนด์
ก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน 2024 มีรายงานว่า ลิเวอร์พูลบรรลุข้อตกลงกับสลอตเพื่อคุมทีมแทนคลอปป์ในซีซัน 2024-25 ก่อนมีข่าวยืนยันอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม โดยสลอตจะเริ่มทำงานวันที่ 1 มิถุนายนจากเหตุล่าช้าเรื่องใบอนุญาตทำงานในอังกฤษ
เอเวอร์เซเคยทำนายว่าสลอตจะประสบความสำเร็จทันทีที่เมอร์ซีย์ไซด์ “ก่อนเปิดซีซัน ผมพูดไว้ว่า อาร์เนอเป็นโค้ชที่ดีกว่าคลอปป์ และอย่างที่เรามักกล่าวกันในฮอลแลนด์ คุณต้องมีโชคด้วย และโค้ชเก่งๆทุกคนมักดวงดี”
นอกจากแชมป์พรีเมียร์ลีก ทีมของสลอตยังเป็นรองแชมป์คาราบาว คัพ ซึ่งแพ้นิวคาสเซิลในรอบชิงชนะเลิศ และมีสถิติอันดับ 1 รอบลีกเฟสของแชมเปียนส์ ลีก ก่อนแพ้ต่อปารีส แซงต์-แยร์กแมงในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ขอบคุณภาพจาก https://sports.yahoo.com/making-arne-slot-more-intelligent-161743723.html
ระหว่างทำงานในอังกฤษ สลอตมักหาโอกาสพาลูกๆ ยูป (Joep) กับ อิซา (Isa) และภรรยา มีร์ยัม (Mirjam) กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ญาติพี่น้อง และใช้โอกาสสอนเด็กๆในฟุตบอลคลินิกของ วีวี แบร์เกนไธม์ แต่การเดินทางกลับบ้านเกิดครั้งหน้า เขาจะมีเหรียญรางวัลพรีเมียร์ลีกไปให้ชาวเมืองสัมผัสด้วย
ไนเยนฮาวส์ อดีตประธานสโมสรแบร์เกนไธม์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ความปรารถนายิ่งใหญ่ของพวกเราคือ อยากเห็นลิเวอร์พูลแข่งกับแบร์เกนไธม์ที่นี่สักครั้ง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง จะเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ของเมืองนี้แน่นอน”
เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)

Senior Football Editor