Categories
Column

“โยคะ” ช่วยฝึกความสงบด้านจิตใจ และยืดอาชีพนักฟุตบอลได้อย่างไร ?

การที่นักฟุตบอลอาชีพ จะยืนระยะอยู่ในวงการลูกหนังได้ยาวนานนั้น นอกจากจะต้องอาศัยการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังต้องมีทัศนคติที่ดีในการดูแลสภาพร่างกายอีกด้วย

และหนึ่งในวิธีที่แข้งชื่อดังหลาย ๆ คน เลือกใช้ในการยืดอาชีพค้าแข้ง นั่นคือ “โยคะ” อาจฟังดูเหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องกับ “ฟุตบอล” แต่ความจริงแล้ว มันเกี่ยวข้องกันแบบไม่น่าเชื่อ

เหตุใด “โยคะ” จึงมีประโยชน์สำหรับนักเตะทั้งด้านจิตใจและร่างกาย ติดตามได้ที่ SoccerSuck x ไข่มุกดำ กันได้เลยครับ

️รวมกาย ใจ และจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียว

โยคะ (Yoga) มีต้นกำเนิดที่ประเทศอินเดียเมื่อหลายพันปีมาแล้ว โดยศาสตร์ของโยคะ คือการเน้นความยืดหยุ่นทางด้านร่างกาย ที่ส่งผลให้ทุกส่วนในระบบร่างกายของมนุษย์ทำงานได้ดีขึ้น

โยคะ มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งอยู่ที่กระบวนการในการฝึกร่างกายอย่างช้า ๆ ประสานกับลมหายใจเข้าออก รวมทั้งการฝึกจิต สมาธิให้สงบนิ่งในขณะที่เคลื่อนไหว ซึ่งต้องปฏิบัติรวมเข้าด้วยกัน

สำหรับท่าในการเล่นโยคะ ก็มีหลายท่าให้เลือกตามขีดความสามารถด้านร่างกายของแต่ละคน สำหรับนักฟุตบอล ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการอบอุ่นร่างกายก่อนแข่งขัน และการผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังแข่งขัน

ตัวอย่างเช่น “ท่าต้นไม้” (Tree Pose) ท่าดีใจของโมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ หลังยิงประตูใส่เชลซี ในปี 2019 และอีกครั้งกับการยิงประตูใส่แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียล

ลักษณะของท่าต้นไม้ หรือ Tree Pose นั้น เริ่มจากยืนขาชิด งอขาข้างหนึ่ง ยกเท้าขึ้น เอาส้นเท้ามาแปะที่ต้นขาอีกข้างหนึ่งที่ใช้ยืนทรงตัว ทิ้งปลายเท้าข้างที่งอลงด้านล่าง ลักษณะคล้ายเลข 4

จากนั้นให้ใช้มือประกบกันทั้งสองข้าง คล้าย ๆ การไหว้ แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ ค้างไว้ 2-3 วินาที ก่อนกลับไปท่ายืนขาชิด แล้วทำแบบเดียวกันแต่สลับข้าง

“ใช่แล้ว! ผมคือมนุษย์โยคะ ผมเล่นโยคะโดยปกติอยู่แล้ว พอยิงประตูได้ อยู่ดี ๆ สิ่งนั้นก็แล่นเข้ามาในหัว” ดาวเตะอียิปต์ กล่าวไว้หลังเกมที่ “หงส์แดง” เปิดบ้านเอาชนะ “สิงห์บลูส์” เมื่อ 2 ปีก่อน

ชีล่า แม็ควิตตี้ ครูสอนโยคะที่เคยร่วมงานกับหลายสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ เช่นเอฟเวอร์ตัน, วีแกน, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และแมนฯ ยูไนเต็ด (ทีมหญิง) ก็เป็นอีกคนที่มองเห็นความสำคัญของโยคะ

เธอกล่าวว่า “ฉันเห็นเด็ก ๆ ได้ฝึกเล่นโยคะที่โรงเรียน ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาอยู่ในอคาเดมี่ฟุตบอล มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม เพราะพวกเขาเข้าใจถึงประโยชน์ที่ได้รับตั้งแต่อายุยังน้อย”

“ถ้าคุณเป็นนักฟุตบอล มักจะฝึกซ้อมเป็นเวลานาน ทั้งการวิ่ง และอื่นๆ ทำให้เอ็นร้อยหวายมีความตึงมาก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ดังนั้นคุณต้องหาวิธีที่จะทำให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น”

⚽️ “ไฮดาริปูร์” ครูสอนโยคะผู้เปลี่ยนโลกลูกหนัง

ชารอน ไฮดาริปูร์ อดีตนักฟุตบอลหญิงที่ได้ผันตัวมาเป็นครูสอนโยคะ และมีเรื่องราวในการเปลี่ยนแปลงชีวิตนักฟุตบอลบางคน ให้กลับมาทำในสิ่งที่พวกเขารักอย่างมีความสุขทั้งในและนอกสนาม

ไฮดาริปูร์ในวัยเด็ก มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งความฝันของเธอก็เป็นจริง เมื่อได้เล่นให้กับจิเท็กซ์ สโมสรชั้นนำในลีกฟุตบอลหญิงของสวีเดน แต่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า

“ฉันมีเวลาฝึกซ้อม 2 สัปดาห์ ที่จะสะสมความฟิตและรักษามันไว้ แต่ไม่สามารถทำได้ ฉันต้องถูกส่งโรงพยาบาลทันที และพบว่าเจ็บตรงที่เอ็นไขว้หน้า (ACL) มันแย่มากจริง ๆ ฟุตบอลของฉันจบลงแล้ว”

จากนั้น ไฮดาริปูร์ได้กลับไปรักษาตัวในบ้านเกิดที่โกเตนเบิร์ก และหวังที่จะทำในสิ่งที่เธอยังรัก แต่ถ้ากลับมาเล่นไม่ได้อีกต่อไป ก็จะใช้ความรู้ที่มีอยู่ ในการช่วยเหลือนักเตะที่บาดเจ็บจากการเล่นฟุตบอล

หลังจากไฮดาริปูร์ จบการศึกษาปริญญาตรีด้านกีฬาบำบัด และปริญญาโทด้านการฟื้นฟูร่างกายสำหรับฟุตบอล เธอได้เข้าทำงานที่สโมสรเชลซี และอาร์เซน่อล ในการดูแลนักเตะทั้งทีมเยาวชน และทีมชุดใหญ่

ในปี 2015 ไฮดาริปูร์ได้รับทุนสนับสนุนการศึกษาเกี่ยวกับโยคะเป็นเวลา 1 ปี และได้มีโอกาสเดินทางไปที่สโมสรเดปอร์ติโว ซาปริสซ่า ในคอสตาริกา และได้พบกับนักเตะที่หายเจ็บจาก ACL ไปนาน 9 เดือนครึ่ง

ไฮดาริปูร์ ได้อธิบายว่า “คนส่วนใหญ่หายใจไม่ถูกวิธี ลมหายใจของพวกเขาไม่ลึกมากพอ นักฟุตบอลก็ไม่มีข้อยกเว้น โยคะสามารถฝึกเรื่องลมหายใจ เพราะมันช่วยกระตุ้นระบบประสาทได้จริง”

ต่อมาในปี 2018 ไฮดาริปูร์ได้ลูกค้าคนสำคัญอย่างโลร็องต์ กอสเซียนี่ ที่ตอนนั้นค้าแข้งให้กับอาร์เซน่อล ซึ่งได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายฉีกในช่วงปลายฤดูกาล อดไปฟุตบอลโลกที่รัสเซีย

ไฮดาริปูร์ เปิดเผยว่า “หลังจากผ่าตัด เขา (กอสเซียนี่) กลับมาเล่นโยคะเบา ๆ สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง หลังการฝึกซ้อม เพื่อไม่ให้เอ็นร้อยหวายของเขาได้รับผลกระทบมากเกินไป”

“เขาอยู่ที่สนามซ้อม แต่ไม่สามารถซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ เขารู้สึกเบื่อหน่ายและหงุดหงิดมาก แต่โยคะช่วยทำให้เขาใจเย็นมากขึ้น การหาจุดสมดุลทางด้านอารมณ์ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ”

นักเตะทั้งอดีตและปัจจุบัน ล้วนเป็นโยคะแมน

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ใช้พละกำลังที่มาก ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บได้ง่าย นักฟุตบอลบางคน ทั้งอดีตและปัจจุบัน ได้มองเห็นประโชยน์จาก “โยคะ” ในการช่วยเพิ่มสมาธิ และยืดอาชีพค้าแข้งให้นานขึ้น

เปแดร็ก ราโดซาวิเยวิช อดีตมิดฟิลด์เอฟเวอร์ตัน และพอร์ทสมัธ ยุค 90’s ซึ่งในบั้นปลายอาชีพนักฟุตบอล เลือกที่จะย้ายไปค้าแข้งที่สหรัฐอเมริกา แต่เมื่อเข้าสู่อายุ 38 ปี เขารู้สึกว่าร่างกายเริ่มไม่ไหวแล้ว

อย่างไรก็ตาม ด้วยคำแนะนำจากภรรยา ที่ให้ราโดซาวิเยวิชลองเล่นโยคะ ตอนแรกก็ยังไม่คุ้นชินมากเท่าใดนัก แต่ในที่สุดเขาก็เปิดใจกับสิ่งนี้ และสามารถยืดอาชีพนักเตะ จนกระทั่งรีไทร์ตอนอายุ 42 ปี

แกเร็ธ แบร์รี่ ตำนานนักเตะเจ้าของสถิติลงเล่นมากที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก 653 นัด เริ่มค้าแข้งกับแอสตัน วิลล่า ในปี 1998 และประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพที่เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในปี 2020

“ผมเริ่มเล่นโยคะตั้งแต่ตอนอายุ 20 ปลายๆ แน่นอนว่ามันช่วยได้ในช่วงท้ายของอาชีพค้าแข้ง ก่อนที่จะเลิกเล่นกับเวสต์บรอมวิช ผมยังเล่นโยคะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง” แบร์รี่ เปิดเผยกับ The Athletic

ไรอัน กิ๊กส์ ตำนานปีกพ่อมด ที่ลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 963 นัด และอันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก รองจากแบร์รี่ ประกาศรีไทร์เมื่อปี 2014 ขณะมีอายุ 40 ปี 6 เดือน

“เมื่ออายุประมาณ 29 หรือ 30 ผมตัดสินใจเริ่มเล่นโยคะ เพราะเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย โยคะสามารถช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงเล่นฟุตบอลได้นานขึ้นอีก 10 ปี” กิ๊กส์ กล่าว

แม้กระทั่งนักเตะซูเปอร์สตาร์ระดับโลกคนอื่น ๆ อย่าง เดวิด เบ็คแฮม, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือแม้แต่ลิโอเนล เมสซี่ ก็ได้ใช้โยคะ ในการลดความเสี่ยงเรื่องอาการบาดเจ็บ และยืดอาชีพค้าแข้งให้นานขึ้นด้วย

เรียบเรียง : จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://theathletic.com/3764075/2022/11/06/footballers-yoga-extending-careers-inner-calm/

– https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/mohamed-salah-liverpool-yoga-celebration-26749831

https://www.thesun.co.uk/sport/football/7941506/arsenal-football-yoga-sharon-heidaripour-koscielny-pires-cazorla/

– https://www.fourfourtwo.com/performance/training/how-yoga-could-reduce-your-risk-injury

https://www.topendsports.com/sport/soccer/yoga.htm

https://www.artofliving.org/in-en/yoga/yoga-benefits/yoga-for-footballers

https://www.londonmet.ac.uk/profiles/students/sharon-heidaripour/

https://www.rsng.com/categories/movement-fuel/articles/ryan-giggs-reveals-how-yoga-helped-him-become-the-most-successful-british-footballer-in-history

https://www.amplifiedsoccerathlete.com/coachguide/more-footballers-turn-to-yoga-to-extend-their-careers

Categories
Column

ออยอาน ซานเซ็ต : มิดฟิลด์ดาวรุ่งบิลเบา ที่พร้อมเขย่าเวทีลาลีกา

แอธเลติก บิลเบา เป็นสโมสรฟุตบอลที่ยึดมั่นกับวัฒนธรรมการค้นหานักเตะเยาวชนที่มาจากท้องถิ่นของตัวเอง เพื่อเข้าสู่อคาเดมี่ที่ชื่อว่า “เลซามา” ศูนย์ฝึกฟุตบอลของยอดทีมจากแคว้นบาสก์

ออยอาน ซานเซ็ต มิดฟิลด์วัย 22 ปี ของแอธเลติก บิลเบา ถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามองของลาลีกา โดยลงสนามในลีกสูงสุดครบทั้ง 11 นัดในฤดูกาลนี้ และทำไปแล้ว 3 ประตู

ซานเซ็ต เกิดที่เมืองปัมโปลน่า ในแคว้นนาบาร์ร่า ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นบาสก์ เริ่มต้นฝึกวิชาฟุตบอลกับทีมเยาวชนของโอซาซูน่า ก่อนที่ในปี 2015 จะย้ายมายังศูนย์ฝึก “เลซามา” ของบิลเบา

ช่วงพรี-ซีซั่นของปี 2018 ซานเซ็ตถูกเรียกตัวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของบิลเบา แต่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าเข่าซ้ายฉีก (ACL) ในช่วงต้นเดือนกันยายน หมดสิทธิ์ลงสนามตลอดทั้งฤดูกาล 2018/19

แม้อาการบาดเจ็บจะหนักเพียงใด แต่ซานเซ็ตก็พยายามฟื้นฟูร่างกายให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสามารถลงสนามได้เป็นนัดแรก ในเกมเปิดฤดูกาล 2019/20 บิลเบาเอาชนะบาร์เซโลน่า 1 – 0 ที่ซาน มาเมส

ในซีซั่นแรกของซานเซ็ต เขาได้ลงสนามให้บิลเบาทั้งหมด 19 นัด คิดเป็น 764 นาที จากนั้นซีซั่นถัดมา ก็ได้โอกาสลงสนามเพิ่มขึ้นเป็น 26 เกม (1,126 นาที) และเมื่อซีซั่นที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็น 33 เกม (1,682 นาที)

ซานเซ็ต เป็นมิดฟิลด์ที่เล่นได้ทั้งรับและรุก หรือในบางครั้งก็ขึ้นไปเป็นศูนย์หน้าตัวกลาง หรือด้านข้างก็ได้ โดยเฉพาะเมื่อซีซั่นที่แล้ว ที่รับบทบาทศูนย์หน้าโดยส่วนใหญ่ และยิงได้ 6 ประตู กับทำ 4 แอสซิสต์

ผลงานที่ดีที่สุดของซานเซ็ตในสีเสื้อบิลเบา เกิดขึ้นในนัดที่บุกไปชนะโอซาซูน่า 3 – 1 เมื่อเดือนมกราคม 2022 เจ้าตัวทำคนเดียว 3 ลูก กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ทำแฮตทริก นับตั้งแต่ฆูเลน เกร์เรโร่ เมื่อปี 1994

สำหรับในฤดูกาลนี้ เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ที่กลับมาคุมทีมบิลเบาเป็นรอบที่ 3 ได้วางแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1 โดยให้ซานเซ็ต รับบทบาทเป็นมิดฟิลด์ตัวรับตามถนัด แต่ก็สามารถเล่นมิดฟิลด์ตัวรุกได้ดีไม่แพ้กัน

ซานเซ็ต ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “โค้ช (บัลเบร์เด้) คิดว่าผมทำได้ดีในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก เพราะผมสามารถเข้าไปในกรอบเขตโทษ ช่วยผ่านบอลแล้วยิงประตู ผมเคยชินกับตำแหน่งนี้ไปแล้ว”

ออยอาน ซานเซ็ต ลงเล่นในทุกรายการไปแล้ว 89 นัด เป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญ ที่จะช่วยแอธเลติก บิลเบา คว้าโควตาฟุตบอลยุโรปในซีซั่นหน้า และอาจจะมีลุ้นติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่ในอนาคตก็เป็นได้

Categories
Column

เซบีย่า VS แอตเลติโก้ มาดริด : บิ๊กแมตช์ที่เดิมพันด้วยชัยชนะ เพื่อกลับสู่หัวตาราง

เซบีย่า และแอตเลติโก้ มาดริด คือ 2 สโมสรใหญ่ ที่ต่างทำผลงานยอดเยี่ยมจนติดอันดับ “ท็อป 4” ตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ในฤดูกาลนี้ กับการออกตัว 6 นัดแรก ทั้งคู่ทำผลงานได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ

ฟุตบอลลาลีกา สเปน ในสุดสัปดาห์นี้ เป็นนัดที่ 7 ของซีซั่น 2022/23 ทั้งเซบีย่า และแอตฯ มาดริด จะทำศึก “บิ๊กแมตช์” ที่สนามรามอน ซานเชซ ปิชฆวน ในคืนวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคมนี้ เวลา 23.30 น.

เซบีย่า ที่ก่อนหน้านี้จบในอันดับที่ 4 มา 3 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่ในซีซั่นนี้ออกสตาร์ทได้อย่างน่าผิดหวัง ขนะ 1 เสมอ 2 และแพ้ 3 เกม อยู่อันดับ 15 ของตาราง มีแต้มมากกว่าโซนตกชั้นแค่คะแนนเดียว

ทีมของกุนซือฆูเลน โลเปเตกี เริ่มต้น 4 นัดแรกด้วยการแพ้ โอซาซูน่า, เสมอ เรอัล บายาโดลิด, แพ้ อัลเมเรีย, แพ้ บาร์เซโลน่า ก่อนปลดล็อกเก็บชัยเหนือเอสปันญ่อล และนัดล่าสุดเสมอกับบียาร์เรอัล

โฆอัน ฆอร์ดัน มิดฟิลด์ของเซบีย่า กล่าวว่า “ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งดี ๆ จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ เราเล่นได้ดีแล้ว แต่เรายังต้องทำงานอย่างหนักตลอด 90 นาที ผมเชื่อมั่นในเพื่อนร่วมทีม และจะนำฟอร์มที่ดีที่สุดกลับมาในนัดต่อไป”

ทางฝั่งของแอตเลติโก มาดริด ก็เริ่มต้นซีซั่นได้ไม่ดีเท่าที่ควรเช่นเดียวกัน ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 อยู่ในอันดับที่ 7 ของตาราง ตามหลังจ่าฝูงห่างถึง 8 แต้ม โดยนัดล่าสุดเปิดบ้านแพ้เรอัล มาดริด 1 – 2 ในศึกดาร์บี้แมตช์

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แอตฯ มาดริด มีผลงานที่กระท่อนกระแท่นเช่นนี้ คือ 2 นักเตะแนวรุกคนสำคัญทั้งอัลบาโร่ โมราต้า และเจา เฟลิกซ์ ที่ยิงประตูไม่ได้มาแล้ว 4 และ 8 นัดติดต่อกันในระดับสโมสร ตามลำดับ

ฤดูกาล 2012/13 เป็นครั้งแรกที่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เฮดโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ ทำหน้าที่คุมทีมแบบเต็มซีซั่น และพา “ตราหมี” อยู่ในท็อป 3 ของลาลีกาทุกซีซั่น แต่ตอนนี้พวกเขาต้องกลับสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นให้ได้ก่อน

⚽️ เซบีย่า 4 นัดหลังสุดในบ้าน ไม่แพ้แอตฯ มาดริด

ก่อนที่จะลงสนามในสัปดาห์นี้ มีสถิติที่อาจจะเป็นลางดีสำหรับเซบีย่า เพราะพวกเขาเปิดบ้านเจอกับแอตเลติโก้ มาดริด 4 นัดหลังสุดในลาลีกา ไม่เคยแพ้เลย และเอาชนะได้ใน 2 นัดหลังสุดที่พบกัน

4 นัดหลังที่เซบีย่าไร้พ่ายในบ้าน เริ่มจากเสมอกัน 1 – 1 ในฤดูกาล 2018/19 และ 2019/20 ต่อด้วยชนะ 1 – 0 ในฤดูกาลถัดมา และล่าสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ชนะ 2 – 1 อิวาน ราคิติช และลูคัส โอคัมโปส ทำคนละประตู

ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์แอตฯ มาดริด มีสถิติการคุมทีมพบกับเซบีย่า 25 เกม ชนะ 10 เสมอ 10 แพ้ 5 อย่างไรก็ตาม ถ้านับเฉพาะ 8 นัดหลังสุดที่พบกันเฉพาะในลาลีกา ซิเมโอเน่เก็บชัยชนะได้แค่เกมเดียว

⚽️ “เอล โชโล่” เคยค้าแข้งให้กับเซบีย่ามาก่อน

ก่อนที่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ จะเป็นนักเตะที่โด่งดังกับแอตเลติโก้ มาดริด เขาเคยเป็นนักเตะของเซบีย่ามาก่อน โดยลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาล กับ 2 ผู้จัดการทีมอย่างคาร์ลอส บิลาร์โด้ และหลุยส์ อราโกเนส

ซีซั่น 1992/93 ซิเมโอเน่ เป็นเพื่อนร่วมทีมของดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังทีมชาติอาร์เจนติน่าผู้ล่วงลับ ก่อนที่บิลาร์โด้ และมาราโดน่า จะอำลาถิ่นรามอน ซานเชซ ปิชฆวน หลังจบซีซั่นไปพร้อมกัน

และซีซั่น 1993/94 ในยุคของกุนซือหลุยส์ อราโกเนส “เอล โชโล่” ได้มีความทรงจำที่ดีในการลงเล่นนัดที่เปิดบ้านพบกับ “ตราหมี” เมื่อโหม่งคนเดียว 2 ประตู พายอดทีมจากอันดาลูเซีย แซงกลับมาชนะ2 – 1

เซบีย่า และแอตเลติโก้ มาดริด ต่างมีเป้าหมายในการกลับสู่หัวตารางให้เร็วที่สุด ผลเสมอคงจะไม่ใช่เรื่องดีต่อทั้งสองฝ่าย  ต้องมาติดตามกันว่า ทีมใดจะเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะที่ต้องการนี้ไปได้

Categories
Column

15 ดาวเด่นลาลีกา ช่วงต้นฤดูกาล 2022/23

ผ่านไปแล้ว 6 นัด สำหรับลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2022/23 ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ทั้งจังหวะทำประตู และแอสซิสต์ของนักเตะ รวมถึงผู้จัดการทีมบางคนที่เริ่มต้นคุมทีมด้วยผลงานที่ดี

และนี่คือ 15 รายชื่อที่มีการรวบรวมมาแล้วว่าทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด ในช่วงออกสตาร์ท 6 เกมแรก ที่อาจจะพาทีมประสบความสำเร็จ หรือคว้ารางวัลส่วนบุคคลหลังจบซีซั่นนี้ก็เป็นได้

️ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

เลวานดอฟสกี้ ประเดิมลงสนามในลาลีกาเป็นเกมแรก ในนัดเปิดซีซั่นที่พบกับราโย บาเยกาโน่ แต่อีก 5 นัดหลังจากนั้น ศูนย์หน้าทีมชาติโปแลนด์ ยิงได้ทุกนัด รวม 8 ประตู ขึ้นนำดาวซัลโวแบบเดี่ยว ๆ อีกทั้งกดแฮตทริกแรกในสีเสื้อของบาร์เซโลน่า ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เอาชนะวิคตอเรีย พิลเซ่น

️ วินิซิอุส จูเนียร์

ในช่วงที่คาริม เบนเซม่า ดาวยิงหมายเลข 1 ของเรอัล มาดริด ประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ วินิซิอุส คือความหวังคนสำคัญในแนวรุก ที่พกสถิติยิงประตู 4 นัดติดต่อกันในลาลีกา ซีซั่นนี้ และล่าสุดในเกม “มาดริด ดาร์บี้” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จัด 1 แอสซิสต์ให้เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ยิงประตู

️ อเล็กซ์ บาเอน่า

บาเอน่า ถือเป็นสุดยอด “ซูเปอร์ซับ” ของบียาร์เรอัลอย่างแท้จริง 3 ประตูในลาลีกา ซีซั่นนี้ ทำได้ในฐานะตัวสำรองทั้งหมด นอกจากนี้ ปีกดาวรุ่งชาวสเปน วัย 21 ปี ยังทำได้ 3 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ จาก 2 นัดแรก ในถ้วยยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก

️ ยาโก้ อัสปาส

อัสปาส ยังคงเป็นความหวังอันดับ 1 ในการทำประตูให้กับเซลต้า บีโก้ ดาวยิงชาวสเปนวัย 35 ปี เริ่มต้นลาลีกาซีซั่นนี้ ด้วยการยิงได้ 5 ประตู จากการลงเล่น 6 นัดแรก ถือเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงรางวัลส่วนบุคคลทั้ง “ปิชิชี่ โทรฟี่” และ “ซาร์ร่า โทรฟี่”

️ นิโก้ วิลเลียมส์

วิลเลียมส์ ปีกดาวรุ่งวัย 20 ปี เริ่มต้นซีซั่นนี้ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีกับแอธเลติก บิลเบา ผลงาน 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ จากลาลีกา 6 นัดแรก ก็เพียงพอที่จะทำให้หลุยส์ เอ็นริเก้ เรียกติดทีมชาติสเปน ชุดลุยศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2 นัด ในเดือนนี้ 

️ ออเรเลียง ชูอาเมนี่

ผลงานของชูอาเมนี่ ในช่วงออกสตาร์ทซีซั่นกับเรอัล มาดริด ทำ 2 แอสซิสต์ในเกมที่พบกับเอสปันญ่อล และแอตเลติโก้ มาดริด นอกจากนี้ มิดฟิลด์วัย 22 ปี ยังได้รับเลือกให้เป็น “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” ในเกมที่พบกับเรอัล เบติสอีกด้วย

️ อุสมาน เดมเบเล่

ลาลีกาออกสตาร์ทในซีซั่นนี้ไปแล้ว 6 นัด เดมเบเล่มีส่วนร่วมทั้งหมด 4 ประตู (2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์) นอกจากนี้ ปีกทีมชาติฝรั่งเศสวัย 25 ปี ของบาร์เซโลน่า ยังทำ 2 แอสซิสต์ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ชนะวิคตอเรีย พิลเซ่นอีกด้วย

️ บอร์ฆา อิเกลเซียส

อิเกลเซียส ศูนย์หน้าวัย 29 ปี ของเรอัล เบติส ทำไป 6 ประตู เป็นดาวซัลโวอันดับที่ 2 หลังผ่านไป 6 นัดในลาลีกา ซีซั่นนี้ เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่มีลุ้นรางวัล “ปิชิชี่ โทรฟี่” และล่าสุด ถูกเรียกติดทีมชาติสเปนเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับนิโก้ วิลเลียมส์ 

️ ชิมี่ อาบีล่า

อาบีล่า กองหน้าชาวอาร์เจนติน่าวัย 28 ปี ทำได้ 3 ประตู จาก 6 นัดแรกในลาลีกา ฤดูกาลนี้ โดยยิงใส่เซบีย่า, กาดิซ และอัลเมเรีย นัดละ 1 ประตู ช่วยให้โอซาซูน่าออกสตาร์ตซีซั่นได้ดีเกินคาด และหวังทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปให้ได้

️ เกโรนิโม่ รุลลี่

รุลลี่ ผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนติน่าวัย 30 ปีของบียาร์เรอัล เสียไปเพียง 2 ประตู จาก 6 นัดแรกในลาลีกา ซีซั่นนี้ มีลุ้นก้าวขึ้นมาท้าชิงรางวัลนายทวารยอดเยี่ยม “ซาโมร่า โทรฟี่” โดยเฉพาะจังหวะเซฟมหัศจรรย์ในนัดที่พบกับแอตเลติโก้ มาดริด

️ เวดาต มูริกี

มูริกี ดาวยิงทีมชาติโคโซโววัย 28 ปี ที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดกับเรอัล มายอร์ก้า เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลาลีกา ประจำเดือนพฤษภาคม ส่วนในซีซั่นนี้เขาเริ่มต้นได้ดีเกินคาด ยิงได้ 3 ประตู จาก 6 นัดแรกในลาลีกา

️ อิซี่ ปาลาซอน

ปาลาซอน ปีกชาวสเปนวัย 27 ปี ทำได้ 2 ประตู จากการลงสนาม 5 นัดในลาลีกา ฤดูกาลนี้ โดยยิงใส่เอสปันญ่อล และบาเลนเซีย นัดละ 1 ลูก ช่วยให้ราโย บาเยกาโน่ ต้นสังกัดของเขา เริ่มต้นซีซั่นได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับเมื่อซีซั่นที่แล้ว

️ อองตวน กรีซมันน์

แม้ว่ากรีซมันน์จะไม่ได้อยู่ในสนามช่วยแอตเลติโก้ มาดริด แบบเต็ม 90 นาที ครบทุกนัด แต่ดาวยิงชาวฝรั่งเศสวัย 31 ปี ยังถือเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม ด้วยผลงาน 2 ประตู และจัด 1 แอสซิสต์ ให้มาริโอ เอร์โมโซ่ ยิงตีไข่แตกในมาดริด ดาร์บี้

️ ทาเคฟุสะ คุโบะ

คุโบะ ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่นวัย 21 ปี ย้ายมาค้าแข้งกับเรอัล โซเซียดัดในซีซั่นนี้ 6 นัดแรกในลาลีกา ยิง 1 ประตู ในนัดเปิดซีซั่นกับกาดิซ และ 1 แอสซิสต์ ในนัดล่าสุดกับเอสปันญ่อล ต้องดูกันต่อว่าจะสามารถรักษาฟอร์มที่ดีในระยะยาวได้หรือไม่

️ เจนนาโร่ กัตตูโซ่

ผู้จัดการทีมเพียงหนึ่งเดียวที่ติดอยู่ในลิสต์นี้ เฮดโค้ชคนใหม่ของบาเลนเซีย ทำทีมสไตล์เกมรุก มีความกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น ผลงานคุมทีมในช่วงต้นซีซั่นถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ชนะ 3 แพ้ 3 จาก 6 นัดแรก ตามหลังท็อปโฟร์เพียง 4 แต้มเท่านั้น

การที่นักเตะและผู้จัดการทีมหลายคน เริ่มต้นฤดูกาลได้ดีเกินความคาดหมายจนได้รับคำชื่นชมมากมาย แต่จะสามารถรักษาผลงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอไปจนจบซีซั่นได้หรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ

Categories
Column

แข้งดาวรุ่งพุ่งแรงที่น่าจับตามองในลาลีกา 2022/23

แม้ว่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ จะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงนักเตะชื่อดัง โปรไฟล์เด่นมาร่วมทีมมากแค่ไหน แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ลงทุนกับนักเตะอายุน้อย ที่คอยขึ้นมาทดแทนนักเตะรุ่นใหญ่อยู่เสมอ

ฤดูกาล 2022/23 สโมสรในลาลีกา สเปน ได้มีนักฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปี ที่มีพรสวรรค์สูง พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีม หรือบางคนสามารถโชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่น เป็นที่น่าจับตามอง

นักเตะต่างชาติที่ลงเล่นในลาลีกา เช่น 3 ดาวรุ่งจากฝรั่งเศส เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า (19 ปี), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (22 ปี) และ ฌูลส์ กุนเด้ (23 ปี) อีกทั้ง 3 แข้งวัยทีนจากบราซิล วินิซิอุส จูเนียร์ (19 ปี), โรดริโก้ (22 ปี) และมัทเธอุส คุนญ่า (23 ปี)

นอกจากนี้ ยังมีวันเดอร์คิดต่างชาติคนอื่น ๆ อย่างเข่นโรนัลด์ อเราโฆ่ เซ็นเตอร์แบ็กอนาคตไกล ที่ติดทีมชาติอุรุกวัยชุดใหญ่ไปแล้ว 11 นัด และเจา เฟลิกซ์ ดาวเตะโปรตุเกส ซึ่งทั้งคู่อายุ 23 ปีเท่ากัน

แต่ลาลีกา ไม่ได้มีแค่เยาวชนจากต่างชาติเท่านั้น เพราะยังมีนักเตะดาวรุ่งสัญชาติสเปน ที่มีโอกาสแจ้งเกิดในลีกสูงสุดแดนกระทิงดุ และทีมชาติชุดใหญ่ อย่างเช่น 5 ดาวเตะจากบาร์เซโลน่า กาบี้ (18 ปี), เปดรี้ (19 ปี), อันซู ฟาติ (19 ปี), เอริก การ์เซีย (21 ปี) และ เฟร์ราน ตอร์เรส (22 ปี)

ทีมอื่น ๆ อาทิ บาเลนเซีย ที่มี 4 ดาวรุ่งอย่าง ยูนุส มูซ่าห์ (19 ปี), นิโก้ กอนซาเลซ (20 ปี), อูโก้ กิลลาม่อน (22 ปี), และจัสติน ไคลเวิร์ต (23 ปี) รวมถึง 2 แข้งจากบียาร์เรอัล เยเรมี ปิโน่ (19 ปี ) และ ซามูเอล ชุควูเซ่ (23 ปี)

ขณะที่เรอัล โซเซียดัด มี 3 แข้งคลื่นลูกใหม่ โมฮาเหม็ด อาลี-โช (18 ปี), ทาเคฟุสะ คุโบะ (21 ปี) และ มาร์ติน ซูบีเมนดี้ (23 ปี) เช่นเดียวกับ 3 นักเตะแอธเลติก บิลเบา นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (20 ปี), อูไน เบนเซดอร์ (21 ปี) และ โออิฮาน ซานเซต (22 ปี)

หลังจากลาลีกา ในซีซั่นนี้ ผ่านไป 4 นัด ได้มีนักเตะดาวรุ่งบางคน เริ่มโชว์ผลงานได้น่าประทับใจ อย่างเช่น ไอมาร์ โอรอซ มิดฟิลด์วัย 20 ปี จากโอซาซูน่า ที่ยิง 2 ประตู มีส่วนช่วยให้ทีมอยู่ในอันดับท็อป 5 ของตาราง

คนอื่นๆ ได้แก่ อเล็กซ์ บาเอน่า วัย 21 ปี ที่ทำคนเดียว 2 ลูกให้บียาร์เรอัล ในนัดเปิดซีซั่น, อเลฮอานโดร บัลเด้ วัย 18 ปี แบ็กซ้ายอนาคตไกลของบาร์เซโลน่า และกาบรี้ เบอิก้า วัย 20 ปี ของเซลต้า บีโก้ กับ 1 แอสซิสต์ ในเกมล่าสุดกับกาดิซ

นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคทศวรรษ 2020s มีดาวรุ่งบางคนประสบความสำเร็จแล้ว เช่น เจา เฟลิกซ์ ที่พาแอตเลติโก้ มาดริด คว้าแชมป์ลาลีกา 2020/21 และวินิซิอุส จูเนียร์ ที่คว้า 2 แชมป์กับเรอัล มาดริด เมื่อซีซั่น 2021/22

และยังมีนักเตะวัยเยาว์บางคน ที่ได้รับรางวัลส่วนบุคคล คือ เปดรี้ เจ้าของรางวัลโกลเด้น บอย ปี 2021 ส่วนกาบี้ ของบาร์เซโลน่า และเอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า ของเรอัล มาดริด ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโกลเด้น บอย ในปีนี้

จากรายชื่อที่กล่าวมาทั้งหมด ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ใครจะเป็นนักเตะที่สามารถเบียดขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมในระยะยาว จนกลายเป็นสุดยอดแข้งดาวดังระดับหัวแถวของวงการฟุตบอลได้บ้าง

Categories
Column

ใครเข้า-ใครออก : สรุปตลาดนักเตะลาลีกา ช่วงซัมเมอร์ 2022

ลาลีกา สเปน เป็นลีกที่รวบรวมบรรดาสุดยอดนักเตะระดับโลกไว้มากมาย และหลาย ๆ สโมสร ต่างยกระดับขึ้นมาทัดเทียมกับทีมยักษ์ใหญ่ ทำให้การแข่งขันในทุกเกมมีความเข้มข้นมากขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ทำให้สโมสรฟุตบอลมีความแข็งแกร่งคือ “ตลาดซื้อขายนักเตะ” ที่มีการเสริมผู้เล่นเข้าสู่ทีมอย่างคึกคัก และนี่คือดีลที่เกิดขึ้นทั้งหมดของตลาดนักเตะลาลีกา ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022

 อัลเมเรีย

👉 นักเตะเข้า

กุย เกเดส (วิคตอเรีย กิมาไรส์), ฮูบูแลง เมนเดส (ลอริยองต์), มาร์ติน ไซเดอร์สกี้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), มาร์โก้ มิโลวาโนวิช (ปาร์ติซาน เบลเกรด), กายกี้ เฟอร์นานเดส (ซานโต๊ส), เลโอ บัปติสเตา (ซานโต๊ส), เฟอร์นานโด ปาเชโก้ (อลาเบส), อาเดรียน เอ็มบาร์บ้า (เอสปันญ่อล), กอนซาโล่ เมเลโร่ (เลบันเต้), เอล บิลาล ตูเร่ (แรงส์), ลาซซาโร่ วินิซิอุส (ฟลาแมงโก้), อเลฮานโดร โปโซ่ (เซบีย่า, ยืมตัว), เซอร์จาน บาบิช (เรด สตาร์ เบลเกรด, ยืมตัว)

👉 นักเตะออก

อูมาร์ ซาดิค (เรอัล โซเซียดัด), ไอตอร์ บันนูเอล (เตเนริเฟ่), อาร์วิน อัปเปียห์ (เตเนริเฟ่, ยืมตัว), ฆอร์ดี้ เอสโคบาร์ (เรอัล เบติส), จอร์จี้ มาการิดเซ่ (ปอนเฟอร์ราดิน่า), เนลสัน มอนเต้ (ดนิโปร), โฆเซ่ คาร์ลอส ลาโซ่ (เอสปันญ่อล), คริสเตียน โอลิเวียร่า (บอสตัน ริเวอร์, ยืมตัว), ฆาวี่ โรเบิลส์ (ฟลูเอนลาบราด้า, ยืมตัว), นิโกล่า มาราส (อลาเบส, ยืมตัว), อาเนา โซล่า (เรอัล มูร์เซีย, ยืมตัว), โจนาธาน ซิลวา (หมดสัญญา), แดเนียล คาริโก้ (หมดสัญญา),  เคอร์โร่ ซานเชซ (หมดสัญญา), ดาร์แกน โรซิช (หมดสัญญา)

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/anderherrera

 แอธเลติก บิลเบา

👉 นักเตะเข้า

อันเดร เอร์เรร่า (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, ยืมตัว), กอร์ก้า กูรูเซต้า (อาโมเรบิเอต้า), ฆอน โมซิลโล่ (เรอัล บายาโดลิด), อินนิโก้ กอร์โดบา (โก อเฮด อีเกิลส์)

👉 นักเตะออก

โฆกิน เอสกิเอต้า (ราซิ่ง ซานตานเดร์), อินนิโก้ บิเซนเต้ (ราซิ่ง ซานตานเดร์), อูไน, นูนเนส (เซลต้า บีโก้, ยืมตัว), อูไน โลเปซ (ราโย บาเยกาโน่), นิโก้ เซอร์ราโน่ (มิรันเดส), เปรู โนลาสโกอิน (เออิบาร์, ยืมตัว), อิมานอล การ์เซีย (เออิบาร์, ยืมตัว)

 แอตเลติโก มาดริด

👉 นักเตะเข้า

อองตวน กรีซมันน์ (บาร์เซโลน่า, ยืมตัว), อักเซล วิตเซล (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), นาฮูเอล โมลิน่า (อูดิเนเซ่), เซร์คิโอ เรกีลอน (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์), ซาอูล นิเกซ (เชลซี), อัลบาโร่ โมราต้า (ยูเวนตุส), ซานติอาโก้ อาเรียส (กรานาด้า), อิโว เกอร์บิช (ลีลล์)

👉 นักเตะออก

เอคเตอร์ เอร์เรร่า (ฮูสตัน ไดนาโม), หลุยส์ ซัวเรซ (คลับ นาซิอองนาล), เนฮุน เปเรซ (อูดิเนเซ่), ซิเม่ เวอร์ซัจโก้ (โอลิมเปียกอส), จูเลียโน่ ซิเมโอเน่ (เรอัล ซาราโกซ่า), วิคตอร์ โมลเลโฆ (เรอัล ซาราโกซ่า), บอร์ฆา การ์เซส (เตเนริเฟ่, ยืมตัว), บิโตโล่ (ลาส พัลมาส, ยืมตัว), มานู ซานเชซ (โอซาซูน่า, ยืมตัว), ซามูเอล ลิโน่ (บาเลนเซีย, ยืมตัว), โรดริโก้ ริเกลเม่ (กิโรน่า, ยืมตัว), เซร์คิโอ คาเมลโล่ (ราโย บาเยกาโน่, ยืมตัว), มาร์กอส เปาโล (มิรันเดส, ยืมตัว), ดาเนียล วาสส์ (บรอนบี้), เรนัน โลดี้ (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์), เบนจามิน เลคอมเต้ (โมนาโก)

ขอบคุณภาพ : https://www.facebook.com/fcbarcelona

⚽️ บาร์เซโลน่า

👉 นักเตะเข้า

ปาโบล ตอร์เร่ (ราซิ่ง ซานตานเดร์), ฟรองค์ เคสซี่ (เอซี มิลาน), อันเดรียส คริสเตนเซ่น (เชลซี), ราฟินญ่า (ลีดส์ ยูไนเต็ด), ฌูลส์ กุนเด้ (เซบีย่า), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาเยิร์น มิวนิค), เฮคเตอร์ เบเยริน (อาร์เซน่อล), มิราเล็ม ปานิช (เบซิคตัส), อินากี้ ปิน่า (กาลาตาซาราย)

👉 นักเตะออก

ดานี่ อัลเวส (พูมาส), เกลมองต์ ล็องเล่ต์ (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ยืมตัว), เรย์ มานาจ (วัตฟอร์ด), ฟรานซิสโก้ ตรินเกา (สปอร์ติ้ง ลิสบอน, ยืมตัว), ออสการ์ มิงเกซ่า (เซลต้า บีโก้), ริกิ ปูอิก (ลอสแองเจลิส แกแล็กซี่), เนโต้ (บอร์นมัธ), นิโก้ กอนซาเลซ (บาเลนเซีย, ยืมตัว), อเล็กซ์ กอลลาโด้ (เอลเช่, ยืมตัว), ซามูเอล อูมติตี้ (เลชเช่, ยืมตัว), แซร์จินโญ่ เดสต์ (เอซี มิลาน, ยืมตัว), อับเดสซาหมัด เอซซัลซูลี่ (โอซาซูน่า, ยืมตัว), มาร์ติน เบรธเวท (เอสปันญ่อล), ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (เชลซี), อดาม่า ตราโอเร่ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), ลุค เดอ ยอง (เซบีย่า), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (แอสตัน วิลล่า)

 เรอัล เบติส

👉 นักเตะเข้า

วิลเลี่ยน โฆเซ่ (เรอัล โซเซียดัด), หลุยส์ เฮนริเก้ (ฟลูมิเนเซ่), หลุยส์ เฟลิเป้ (ลาซิโอ), โลเรน โมรอน (เอสปันญ่อล), ดานี่ มาร์ติน (มาลาก้า), โรเบอร์ กอนซาเลซ (ลาส พัลมาส)

👉 นักเตะออก

คริสเตียน เตลโล่ (ลอสแองเจลิส เอฟซี), โจเอล โรเบิลส์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด), มาร์ค บาร์ตร้า (แทร็บซอนสปอร์), เฮคเตอร์ เบเยริน (อาร์เซน่อล), กิเก้ เฮร์โมโซ่ (หมดสัญญา)

 กาดิซ

👉 นักเตะเข้า

เอแวร์ มาบิล (มิดทิลแลนด์), บิคตอร์ ชูสต์ (เรอัล มาดริด, ยืมตัว), โฆเซบา ซัลดูอา (เรอัล โซเซียดัด), อันโตนิโอ บลังโก้ (เรอัล มาดริด, ยืมตัว), เตโอ บงกองด้า (เกงค์), ไบรอัน โอคัมโป (นาซิอองนาล), ฆอน อันเดร การิโด้ (มิรันเดส), อัลบาโร่ กิเมเนซ (เรอัล ซาราโกซ่า)

👉 นักเตะออก

รูเบน อัลการาซ (เรอัล บายาโดลิด, ยืมตัว), มิลูติน ออสมายิช (วิเซล่า), อัลบาโร่ ฆิเมเนซ (ลาส พัลมาส), ซัลบี้ ซานเชซ (ราโย บาเยกาโน่), เยนส์ จอนส์สัน (เออีเค เอเธนส์), วาราซดัด ฮาโรยาน (อนอร์โธซิส), มาร์ติน กัลเดร่อน (เซลต้า บีโก้, ยืมตัว), อัลแบร์โต้ เปเรอา (กรานาด้า), ฆอร์เก้ ปอมโบ (ราซิ่ง ซานตานเดร์), อุสซามา อิดริสซี่ (เซบีย่า), เฟเด้ ซาน อีเมเตริโอ (เรอัล บายาโดลิด), ฟลอริน อันโดเน่ (ไบรท์ตัน), นาโน เมซ่า (หมดสัญญา)

 เซลต้า บีโก้

👉 นักเตะเข้า

วิลเลียต สเวดเบิร์ก (ฮัมมาร์บี้), ออสการ์ โรดริเกซ (เซบีย่า, ยืมตัว), ลูก้า เด ลา ตอร์เร่ (เฮอร์ราเคิลส์), อูไน นูเนซ (แอธเลติก บิลเบา, ยืมตัว), ออสการ์ มิงเกซ่า (บาร์เซโลน่า), ออกุสติน มาร์เชซิน (ปอร์โต้), กอนซาโล่ ปาเชนเซีย (ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต), การ์เลส เปเรซ (โรม่า, ยืมตัว), มาร์ติน กัลเดร่อน (กาดิซ, ยืมตัว), เยอร์เก้น สตรานด์ ลาร์เซ่น (โกรนิงเก้น), อิวาน บิลลาร์ (เลกาเนส)

👉 นักเตะออก

เนสตอร์ อเราโฆ่ (คลับ อเมริกา), โนลิโต้ (อิบิซ่า), เอ็มเร่ มัวร์ (คารากุมรุค), โฆเซ่ ฟอนตัน (โก อเฮด อีเกิลส์, ยืมตัว), โอเกย์ โยกุสลู (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), กาเบรียล เฟอร์นานเดซ (ฆูอาเรซ, ยืมตัว), บราอิส เมนเดซ (เรอัล โซเซียดัด), ฆูเลน โลเบเต้ (อาร์เคซี วาลไวจ์ค), ซานติ มิน่า (อัล ชาบาบ, ยืมตัว), มิเกล เบอีซ่า (ริโอ อาฟ, ยืมตัว), เซร์คิโอ การ์ไรร่า (บียาร์เรอัล), ติอาโก้ กัลอาร์โด้ (อินเตอร์นาซิอองนาล), มัทธิอัส ดิตูโร่ (ยูนิเวอร์ซิดัด คาโตลิก้า), เจสัน มูริลโล่ (ซามพ์โดเรีย)

 เอลเช่

👉 นักเตะเข้า

เอเซเกล ปอนเซ่ (สปาร์ตัก มอสโก), การ์ลอส เคิร์ก (เลบันเต้), โรเจอร์ มาร์ตี้ (เลบันเต้), อเล็กซ์ กอลลาโด้ (บาร์เซโลน่า, ยืมตัว), ปอล ลิโรล่า (โอลิมปิก มาร์กเซย, ยืมตัว), โดมิงกอส กีน่า (วัตฟอร์ด, ยืมตัว), เฟเดริโก้ เฟอร์นานเดซ (นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด), นิโคลัส เมอร์เกา (ซาน ลอเรนโซ่), อักเซล เวอร์เนอร์ (อาร์เซน่อล ซารานดี้)

👉 นักเตะออก

กุยโด การ์ริลโย่ (เหอหนาน), อิวาน มาโกเน่ (อินดิเพนเดียนเต้), ปาโบล ปิอัตติ (เอสตูเดียนเตส), กิเก้ กาซิลย่า (ลีดส์ ยูไนเต็ด), โยฮัน โมจิก้า (บียาร์เรอัล), มูรัด เอล เกซูอานี่ (บูอากอส), มานู ฆุสโต้ (ราซิ่ง คลับ), โฆเซม่า (เลกาเนส), กิเก้ เปเรซ (เรอัล บายาโดลิด), ลูคัส โอลาซ่า (เรอัล บายาโดลิด), โฆเซ่ ซาลินาส (มิรันเดส), อันโตนิโอ บาร์รากัน (หมดสัญญา)

 เอสปันญ่อล

👉 นักเตะเข้า

ไบรอัน โอลิแวน (เรอัล มายอร์ก้า), โฆเซลู (อลาเบส), วินิซิอุส ซูซ่า (ลอมเมล, ยืมตัว), เบนจามิน เลกอมเต้ (โมนาโก, ยืมตัว), เอดู เอ็กซ์โปซิโต้ (เออิบาร์), ดานี่ โกเมซ (เลบันเต้), โฆเซ่ การ์ลอส ลาโซ่ (อัลเมเรีย), อัลบาโร่ เฟอร์นานเดซ (อูเอสก้า, ยืมตัว), มาร์ติน เบรธเวท (บาร์เซโลน่า), ปอล โลซาโน่ (กิโรน่า), ฮวน คามิโล่ บีเซอร์ร่า (กิมนาสติก)

👉 นักเตะออก

ดิเอโก้ โลเปซ (ราโย บาเยกาโน่), ดาบิด โลเปซ (กิโรน่า), ฟราน เมริด้า (เทียนจิน), โอเอียร์ โอลาซาบัล (ปาฟอส), บิคตอร์ โกเมซ (บราก้า, ยืมตัว), ออสการ์ เมเลนโด้ (กรานาด้า), มิเกลอน (เรอัล โอเบียโด้, ยืมตัว), อู๋ เหล่ย (เซี่ยงไฮ้ พอร์ท), มัทธิอัส วาร์กาส (เซี่ยงไฮ้ พอร์ท), ทอนนี่ วิลเฮน่า (ซาแลร์นิตาน่า, ยืมตัว), โฆแฟร์ การ์เรราส (มิรันเดส, ยืมตัว), อาเดรียน เอ็มบาร์บา (อัลเมเรีย), ลอนดรี้ ดิมาต้า (เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น, ยืมตัว), ยังเกล เอร์เรร่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), มานู มอร์ลาเนส (บียาร์เรอัล), ลอเรน โมรอน (เรอัล เบติส), อัลบาโร่ บาดิลโล่ (เออิบาร์), ดิดัค บิล่า (หมดสัญญา) 

 เกตาเฟ่

👉 นักเตะเข้า

ปอร์ตู (เรอัล โซเซียดัด, ยืมตัว), ไฆเม่ ซีโอเน่ (อูเอสก้า), โดมิงกอส ดูอาเต้ (กรานาด้า), หลุยส์ มิลย่า (กรานาด้า), ฟาบริซิโอ อันจิเลรี่ (ริเวอร์เพลท), บอร์ฆา มาโยรัล (เรอัล มาดริด), กิโก้ กาซิลย่า (ลีดส์ ยูไนเต็ด), โอมาร์ อัลเดอร์เต้ (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน, ยืมตัว), ฆวนมี่ ลาตาซ่า (เรอัล มาดริด, ยืมตัว), มูเนียร์ เอล ฮัดดาดี้ (เซบีย่า)

👉 นักเตะออก

มัทธิอัส โอลิเวียร่า (นาโปลี), อูโก้ ดูโร่ (บาเลนเซีย), ดาริโอ โปเบด้า (อิบิซ่า, ยืมตัว), แจ็ค ฮาร์เปอร์ (เออร์กูเลส, ยืมตัว), เชม่า โรดริเกซ (เออิบาร์), อีริค กาบาโก้ (กรานาด้า, ยืมตัว), อิกนาซี่ มิเกล (กรานาด้า, ยืมตัว), มิเกล รูบิโอ (กรานาด้า, ยืมตัว), โจนาธาน ซิลบา (กรานาด้า, ยืมตัว), ซาบิต อับดุลลาย (ปอนแฟร์ราดิน่า, ยืมตัว), ยาค็อบ ยังโต้ (สปาร์ต้า ปราก), กอนซาโล่ บิลลาร์ (โรม่า), ออสการ์ โรดริเกซ (เซบีย่า), บิโตโล่ (แอตเลติโก้ มาดริด), ฟลอเรนติโน่ (เบนฟิกา), ฆอร์เก้ กูเอนก้า (บียาร์เรอัล), ซานโดร รามิเรซ (อูเอสก้า), โอเกย์ โยกุสลู (เซลต้า บีโก้)

 กิโรน่า

👉 นักเตะเข้า

อิวาน มาร์ติน (บียาร์เรอัล, ยืมตัว), ดาบิด โลเปซ (เอสปันญ่อล), ยาน คูโต้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ยืมตัว), ทาตี้ กาสเตลลานอส (นิวยอร์ค ซิตี้, ยืมตัว), โรดริโก้ ริเกลเม่ (แอตเลติโก้ มาดริด, ยืมตัว), ยานเกล เอร์เรร่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ยืมตัว), ไรเนียร์ (เรอัล มาดริด, ยืมตัว), ฆาบี้ เอร์นานเดซ (เลกาเนส, ยืมตัว), โทนี่ ฟูอิดิอาส (เรอัล มาดริด), ออริออล โรเมอู (เซาธ์แธมป์ตัน), เปาโล กาซซานิก้า (ฟูแล่ม, ยืมตัว), มานู บัลเยโร่ (บาเลนเซีย), โทนี่ บีย่า (เรอัล บายาโดลิด)

👉 นักเตะออก

ไฆโร อิซเควียโด้ (การ์ตาเยน่า), อเล็กซ์ กัลลาร์ (มาลาก้า), โจนาธาน ดูบาสซิน (อัลบาเซเต้), อเล็กซ์ ซาล่า (ซาบาเดลล์), นาฮูเอล บัสโตส (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ปาโบล โมเรโน่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ดาริโอ ซาร์เมียนโต้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), ปอล โลซาโน่ (เอสปันญ่อล), อเล็กซ์ บาเอน่า (บียาร์เรอัล), ฆอร์ดี้ คัลลาเบร่า (ลูโก้), ดาบิด ฆังก้า (หมดสัญญา), บิคตอร์ ซานเชซ (หมดสัญญา)

 เรอัล มายอร์ก้า

👉 นักเตะเข้า

โฆเซ่ โกเปเต้ (ปอนเฟร์ราดิน่า), มิเกล แอลลาเบรส (แอนดรากซ์), ติโน่ กาเดแวร์ (โอลิมปิก ลียง, ยืมตัว), มาติย่า นาสตาซิช (ฟิออเรนติน่า), ลาโก้ จูเนียร์ (อูเอสก้า), ไบรอัน คูเฟร (มาลาก้า)

👉 นักเตะออก

มาโนโล ไรน่า (มาลาก้า), ซัลบา เซบีย่า (อลาเบส), ไบรอัน โอลิแวน (เอสปันญ่อล), อเล็กซ์ เฟบาส (มาลาก้า), โฆอัน ซาสเตร (พีเอโอเค ซาโลนิก้า), อเล็กซานเดอร์ เซดลาร์ (อลาเบส), ปาโบล มาฟเฟว (สตุ๊ตการ์ท), ฆอร์ดี้ เอ็มบูล่า (ราซิ่ง ซานตานเดร์, ยืมตัว), อเล็กซ์ อเลเกรีย (ฟูเอนลาบราด้า, ยืมตัว), เวดัต มูริกี (ลาซิโอ), เซร์คิโอ ริโก้ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล มาดริด), แฟร์ นิโน่ (บียาร์เรอัล), โรดริโก้ บัตตาเกลีย (สปอร์ติ้ง ลิสบอน)

 โอซาซูน่า

👉 นักเตะเข้า

รูเบน ปีน่า (บียาร์เรอัล), ไอตอร์ เฟอร์นันเดซ (เลบันเต้), โมอิ โกเมซ (บียาร์เรอัล), เซร์คิโอ โมเรโน่ (ราโย บาเยเกาโน่, ยืมตัว), อับเดสซาหมัด เอซซัลซูลี่ (บาร์เซโลน่า, ยืมตัว), กิเก้ ซาเบริโอ (ปอนเฟร์ราดิน่า), ฆอร์เก้ เอร์รันโด้ (ลอโกรเนส), อิวาน มาร์ติเนซ (กาสเตลย่อน)

👉 นักเตะออก

มานู ซานเชซ (แอตเลติโก มาดริด, ยืมตัว), อันโตนิโอ โอเตกี (บาดาฆอซ), โอเอียร์ ซานฆัวโฆ่ (เออีเค ลาร์นาก้า), โจนัส รามัลโฮ (มาลาก้า), มาร์ค การ์โดน่า (ลาส พัลมาส), โรเบอร์ อิบาเนซ (เลบันเต้), เฆซุส อาเรโซ่ (บูอากอส, ยืมตัว), ฆาบี้ มาร์ติเนซ (อัลบาเซเต้, ยืมตัว), อินนิโก้ เปเรซ (เลิกเล่น)

 ราโย บาเยกาโน่

👉 นักเตะเข้า

ซัลบี้ ซานเชซ (กาดิซ), ดิเอโก้ โลเปซ (เอสปันญ่อล), ฟลอเรียง เลชูเน่ (อลาเบส, ยืมตัว), เซร์คิโอ กาเมลโล่ (แอตเลติโก้ มาดริด, ยืมตัว), เป๊ป ชาบาร์เรีย (เรอัล ซาราโกซ่า), อบิดัล มูมิน (วิคตอเรีย กิมาไรส์), โฆเซ่ โปโซ่ (อัล-อาห์ลี), มิเกล อังเคล มอร์โร่ (ฟูเอนลาบราด้า), อันเดรส มาร์ติน (เตเนริเฟ่), ลาสส์ บังกูร่า (พีเอเอส ลาเมีย)

👉 นักเตะออก

มาร์ติน ปาสคาล (อิบิซ่า, ยืมตัว), ฆอร์เก้ โมเรโน่ (กอร์โดบา, ยืมตัว), โฆนี่ มอนเทียล (เลบันเต้, ยืมตัว), เซร์คิโอ โมเรโน่ (โอซาซูน่า, ยืมตัว), ลูก้า ซีดาน (เออิบาร์), เซร์กี้ กวาร์ดิโอล่า (เรอัล บายาโดลิด), นิโกล่า มาราส (อัลเมเรีย), มามาดูร์ ซิลล่า (อลาเบส), มาร์ติน เมอร์เกลันซ์ (เรอัล โซเซียดัด), คาวิง โรดริเกส (เรอัล โซเซียดัด)

 เรอัล มาดริด

👉 นักเตะเข้า

ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (โมนาโก), อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (เชลซี), อัลบาโร่ ออดริโอโซล่า (ฟิออเรนติน่า)

👉 นักเตะออก

คาเซมิโร่ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), แกเร็ธ เบล (ลอสแองเจลิส เอฟซี), มาร์เชโล่ (โอลิมเปียกอส), ลูก้า โยวิช (ฟิออเรนติน่า), อิสโก้ (เซบีย่า), บิคตอร์ ชูสต์ (กาดิซ), ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล โซเซียดัด), บอร์ฆา มาโยรัล (เกตาเฟ่), โทนี่ ฟูอิดิอาส (กิโรน่า), อันโตนิโอ บลังโก้ (กาดิซ, ยืมตัว), ไรเนียร์ (กิโรน่า, ยืมตัว)

 เรอัล โซเซียดัด

👉 นักเตะเข้า

โมฮัมเหม็ด-อาลี โช (อองเชร์), บราอิส เมนเดส (เซลต้า บีโก้), ทาเคฟุสะ คุโบะ (เรอัล มาดริด), อูมาร์ ซาดิค (อัลเมเรีย), มาร์ติน เมอร์เกลันซ์ (ราโย บาเยกาโน่)

👉 นักเตะออก

เควิน โรดริเกส (อดาน่า เดมิสปอร์), วิลเลียน โฆเซ่ (เรอัล เบติส), ลูก้า ซังกาลี (การ์ตาเยน่า), ปอร์ตู (เกตาเฟ่, ยืมตัว), โรแบร์โต้ โลเปซ (มิรันเดส, ยืมตัว), อัตนาน ยานาไซ (เซบีย่า), อเล็กซานเดอร์ อิซัค (นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด), โมดิโบ แซกนาน (อูเทร็คท์, ยืมตัว), โฆเซบา ซัลดูอา (กาดิซ), ฆอน กูริดี้ (อลาเบส), ฆูเลน โลเบเต้ (เซลต้า บีโก้), แมทธิว ไรอัน (โคเปนเฮเก้น), ฆอน เบาติสต้า (เออิบาร์), อเล็กซานเดอร์ โซลอธ (แอร์เบ ไลป์ซิก, ยืมตัว), ราฟินญ่า (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), นาโช่ มอนเรอัล (เลิกเล่น)

 เซบีย่า

👉 นักเตะเข้า

มาร์เกา (กาลาตาซาราย), อเล็กซ์ เตลเลส (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ยืมตัว), อิสโก้ (เรอัล มาดริด), ตุนกาย นิอันซู (บาเยิร์น มิวนิค), อัตนาน ยานาไซ (เรอัล โซเซียดัด), โดลเบิร์ก (นิซ่า, ยืมตัว)

👉 นักเตะออก

ดิเอโก้ คาร์ลอส (แอสตัน วิลล่า), อเลฮานโดร โปโซ่ (อัลเมเรีย, ยืมตัว), ลุค เดอ ยอง (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น), ออสการ์ โรดริเกซ (เซลต้า บีโก้, ยืมตัว), ลุควิค ออกัสตินสัน (แอสตัน วิลล่า, ยืมตัว), อุสซามา อิดริสซี่ (เฟเนยูร์ด, ยืมตัว), ฌูลส์ กุนเด้ (บาร์เซโลน่า), อิวาน โรเมโร่ (เตเนริเฟ่, ยืมตัว), มูเนียร์ เอล-ฮัดดาดี้ (เกตาเฟ่), ลูคัส โอคัมโปส (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, ยืมตัว), โรนี่ โลเปส (ทรัวส์), ฆวน แบร์โรกัล (เออิบาร์), อองโตนี่ มาร์กซิยาล (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

 บาเลนเซีย

👉 นักเตะเข้า

ซามู กาสติลเยโฆ่ (เอซี มิลาน), จัสติน ไคลเวิร์ต (โรม่า), อังเดร อัลเมด้า (วิคตอเรีย กิมาไรส์), นิโก้ กอนซาเลซ (บาร์เซโลน่า, ยืมตัว), เซงค์ ออซกาคาร์ (โอลิมปิก ลียง, ยืมตัว), คริสเตียน ริเบโร่ (อัลกอร์กอน), บิเซนเต้ เอสเกวโด้ (กาสติเยล่อน)

👉 นักเตะออก

อูโก้ ดูโร่ (เกตาเฟ่), มานู บัลเยโร่ (กิโรน่า), อิลัช มูริบา (แอร์เบ ไลป์ซิก, ยืมตัว), เดนิส เชรีเชฟ (เวเนเซีย), ฆอร์เก้ ซานซ์ (เลกาเนส, ยืมตัว), กอนซาโล่ กูเอเดส (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส), ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น (เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น), โกบา กอยน์เดรดี้ (เรอัล โอเบียโด้, ยืมตัว), มักซี่ โกเมซ (แทร็บซอนสปอร์), คาร์ลอส โซแลร์ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), อูลอส ราซิช (บราก้า), มานู บัลเยโร่ (กิโรน่า), โอมาร์ เอแดร์ต (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน), เฮลเดอร์ คอสต้า (ลีดส์ ยูไนเต็ด), ไบรอัน จิล (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์), อิลัช มูริบา (แอร์เบ ไลป์ซิก)

 เรอัล บายาโดลิด

👉 นักเตะเข้า

มิกาเอล มัลซ่า (เลบันเต้), เซร์จิโอ อาเซนโฆ่ (บียาร์เรอัล), ฆวนโฆ่ นาร์วาเรซ (เรอัล ซาราโกซ่า), เซร์คิโอ เอสกูเดโร่ (กรานาด้า), เคเนดี้ (เชลซี), ซูเอีย เฟดดัล (สปอร์ติ้ง ลิสบอน), กิเก้ เปเรซ (เอลเช่), ลูคัส โอลาซ่า (เอลเช่), เซร์กี้ กวาร์ดิโอล่า (ราโย บาเยกาโน่)

👉 นักเตะออก

รูเบน อัลการาซ (กาดิซ), เฟเด้ ซาน อีเมเตริโอ (กาดิซ), ดิเอโก้ อลันเด้ (เอฟซี อันดอร์รา), โฆเซ่ อันโตนิโอ คาโร่ (บูร์กอส), เซกู กัสซาม่า (ราซิ่ง ซานตานเดร์), วิคเตอร์ การ์เซีย (อัลกอร์กอน), อิวาน ซานเชซ (เบอร์มิงแฮม ซิตี้, ยืมตัว), มอนชู (กรานาด้า, ยืมตัว), กอนซาโล่ พลาต้า (สปอร์ติ้ง ลิสบอน, ยืมตัว), ซาอิดี้ ยานโก้ (โบคุ่ม, ยืมตัว), กิโก้ โอลิวาส (การ์ตาเยน่า), ปาโบล เอเวียส (มาลาก้า), ราอูล การ์เนโร่ (เดปอร์ติโว ลา คอรุนญ่า, ยืมตัว), เปาโล วิตอร์ (ริโอ อาฟ, ยืมตัว), โรแบร์โต้ วิคตอร์ การ์เซีย (อัลกอร์กอน), วัลโด้ รูบิโอ (เตเนริเฟ่), สตีเว่น พลาซ่า (นิวยอร์ก เรด บูลส์), อูโก้ บัลเลโฆ่ (ปอนเฟร์ราดิน่า, ยืมตัว), โทนี่ บีย่า (กิโรน่า), โฆเซม่า (เอลเช่), มอร์กิโล่ (แอธเลติก บิลเบา), คริสโต้ กอนซาเลซ (อูดิเนเซ่), นาโช่ (หมดสัญญา)

 บียาร์เรอัล

👉 นักเตะเข้า

โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส (เลบันเต้), เปเป้ เรน่า (ลาซิโอ), กิโก้ เฟเมเนีย (วัตฟอร์ด), มามาดู เอ็มบัคเก้ (ลอสแองเจลิส เอฟซี), โยฮันน์ โมจิก้า (เอลเช่), ฆอร์เก้ คูเอ็นก้า (เกตาเฟ่), มานู โมราเนส (เอสปันญ่อล), แฟร์ นิโน่ (เรอัล มายอร์ก้า), อเล็กซ์ บาเอน่า (กิโรน่า)

👉 นักเตะออก

รูเบน ปีน่า (โอซาซูน่า), เซร์จิโอ อาเซนโฆ่ (เรอัล บายาโดลิด), ซาบี้ ควินติลย่า (ซานต้า คลาร่า), โมอิ โกเมซ (โอซาซูน่า), มาริโอ กาซปาร์ (วัตฟอร์ด), เพอร์วิส เอสตูพินัน (ไบรท์ตัน), บูลาย ดิอา (ซาแลร์นิตาน่า), ปาโก้ อัลคาเซร์ (ชาร์จาห์ เอฟซี), บิเซนเต้ อิบอร์ร่า (เลบันเต้, ยืมตัว), อิวาน มาร์ติน (กิโรน่า, ยืมตัว), แซร์จ ออริเย่ร์ (หมดสัญญา), โจวานนี่ โล เซลโซ่ (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ยืมตัว)

อ้างอิง : https://www.transfermarkt.com/laliga/transfers/wettbewerb/ES1

Categories
Column

เอดินสัน คาวานี่ : ดาวยิงคนใหม่บาเลนเซีย กับ 5 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้

เอดินสัน คาวานี่ หนึ่งในสุดยอดจอมถล่มประตูของวงการฟุตบอลในศตวรรษที่ 21 เคยผ่านการค้าแข้งกับสโมสรชื่อดังในลีกใหญ่ยุโรป ทั้งนาโปลี, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แต่หลังจากหมดสัญญากับ “ปิศาจแดง” ก็เป็นบาเลนเซีย ทีมยักษ์หลับแห่งลาลีกา สเปน ที่จัดการสอยกองหน้าจอมเก๋าอุรุกวัยรายนี้ มาเสริมเกมรุกในถิ่นเมสตาย่า แบบไม่มีค่าตัว เซ็นสัญญา 2 ปี

ดาวเตะวัย 35 ปี จะได้โอกาสโชว์ฝีเท้าบนเวทีลีกสูงสุดแดนกระทิงดุเป็นครั้งแรกในชีวิตกับ “โลส เช” และนี่คือ 5 เรื่องราวของเขา ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน

คนบ้านเดียวกันกับ “ซัวเรซ”

เมืองซัลโต้ ประเทศอุรุกวัย ถือเป็นบ้านเกิดของ 2 สุดยอดกองหน้าในวงการฟุตบอล ทั้งเอดินสัน คาวานี่ และหลุยส์ ซัวเรซ อดีตดาวยิงลาลีกา ซึ่งทั้งคู่เกิดห่างกันเพียงแค่ 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์เท่านั้น โดยวันเกิดของคาวานี่ คือ 14 กุมภาพันธ์ 1987 ส่วนวันเกิดของซัวเรซ คือ 24 มกราคม 1987

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/EdiCavaniOfficial

เริ่มไว้ผมยาวตั้งแต่อายุ 15 ปี

เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก คาวานี่มีผมที่สั้น เนื่องจากคุณแม่มักจะตัดผมให้เป็นประจำ แต่เมื่ออายุได้ 15 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ย้ายไปฝึกวิชาลูกหนังกับอคาเดมี่ของดานูบิโอ เอฟซี สโมสรในมอนเตวิเดโอ เมืองหลวงของอุรุกวัย เขาจึงเริ่มไว้ผมยาวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และเขาคงจะไม่กลับไปตัดผมสั้นอีกแล้ว

ได้รับฉายา “เอล มาทาดอร์”

คำว่า “เอล มาทาดอร์” เป็นภาษาสเปน หมายถึง “นักสู้วัวกระทิง” แต่คาวานี่ได้รับฉายานี้ ขณะที่เล่นอยู่กับปาแลร์โม ในอิตาลี เนื่องจากการจบสกอร์ที่เยือกเย็นของเขา ในฤดูกาล 2008/09 ทำได้ถึง 15 ประตู รวมทุกรายการ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่ากับซีซั่น 2009/10 ซีซั่นสุดท้ายของเขากับปาแลร์โม

200 ประตู ดาวซัลโวตลอดกาล “เปแอสเช”

หลังจากลงเล่นให้กับปาแลร์โม และนาโปลี ในระดับลีกสูงสุดของอิตาลีมา 7 ปี คาวานี่ก็ย้ายมาค้าแข้งกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศส ทำได้ถึง 200 ประตู รวมทุกรายการ ตลอดการค้าแข้ง 7 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของ “เปแอสเช” เป็นที่เรียบร้อย

ขอบคุณภาพ https://www.facebook.com/EdiCavaniOfficial

มักจะหาโอกาสไปใช้ชีวิตแบบชนบท

ในช่วงที่ฟุตบอลลีกยุโรปหยุดพักฤดูกาล คาวานี่มักจะหาโอกาสกลับบ้านเกิดที่อุรุกวัย เพื่อเดินทางไปยังพื้นที่ที่ห่างไกลจากสังคมเมือง โดยเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาอาจจะไปเป็นสัตวแพทย์ เพราะเป็นคนที่รักสัตว์เลี้ยง และสัตว์ป่าเป็นอย่างมาก

เจนนาโร่ กัตตูโซ่ เทรนเนอร์คนใหม่ของบาเลนเซีย กล่าวถึงคาวานี่ว่า “เขาไม่ใช่นักเตะธรรมดา เขาทำประตูและคว้าแชมป์มามากมายกับทีมที่ยอดเยี่ยม ผมเข้าใจเลยว่าทำไมผู้คนถึงตื่นเต้นกับการมาของเขา”

นับจากนี้ไป แฟนๆ ลาลีกาจะได้ชมฟอร์มการเล่นของเอดินสัน คาวานี่ กับบาเลนเซีย ซึ่งเขาจะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยง เพื่อถ่ายทอดจิตวิญญาณให้กับนักเตะวัยหนุ่ม ที่จะเป็นกำลังหลักของทีมในวันข้างหน้าอีกด้วย

Categories
Column

คาเซมิโร่ : การเดิมพันครั้งสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาแดนกลางของ “ปิศาจแดง”

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คาเซมิโร่ ประเดิมลงสนามเป็นนัดแรกให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยได้ลงเล่นช่วง 10 นาทีสุดท้าย ก่อนที่ต้นสังกัดใหม่ของเขา บุกชนะเซาธ์แธมป์ตัน 1 – 0

ถือเป็นชัยชนะ 2 นัดติดต่อกันของยูไนเต็ด ต่อยอดจากศึก “แดงเดือด” ที่กำราบศัตรูที่รักอย่างลิเวอร์พูล ซึ่งคาเซมิโร่ ได้เปิดตัวต่อหน้าแฟน ๆ เรด อาร์มี่ ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นครั้งแรก

SoccerSuck x ไข่มุกดำ จะมาขยายให้ฟังว่า มิดฟิลด์หมายเลข 18 เจ้าของดีกรีแชมป์ยุโรป 5 สมัย จะให้ประโยชน์อะไร กับ “ปิศาจแดง” ได้บ้าง ?

“คาเซมิโร่” คือดีลหน้ามืด ?

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022/23 ซีซั่นแรกของเอริค เทน ฮาก กุนซือคนใหม่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ท 2 นัดแรก ด้วย 0 คะแนน เสียประตูถึง 6 ลูก ทำให้บรรยากาศภายในสโมสรเต็มไปด้วยความโกลาหล

นั่นทำให้เบื้องบนของยูไนเต็ด อยู่เฉยไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการของเทน ฮาก และหวังลดกระแสความไม่พอใจของแฟนบอลที่สะสมความคับแค้นมานานเกือบ 20 ปี

แฟรงกี้ เดอ ยอง มิดฟิลด์บาร์เซโลน่า เป้าหมายแรกในการเสริมทัพ ที่เทน ฮาก หวังดึงลูกน้องเก่าสมัยอยู่กับอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัมมาร่วมงาน พยายามเจรจามานานกว่า 3 เดือน แต่ปิดดีลไม่สำเร็จ

ในขณะเดียวกัน ทีมงานซื้อขายของยูไนเต็ด ก็ไปเจรจากับ อาเดรียง ราบิโอต์ ของยูเวนตุส ที่ค่าตัวไม่แพงนัก เพราะเหลือสัญญาแค่ปีเดียว แต่ติดเงื่อนไขเรื่องค่าจ้างที่สูงมาก จึงถอนตัวจากดีลนี้ไป

ขอบคุณภาพ https://web.facebook.com/manchesterunited

จนกระทั่ง สโมสรเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ 20 สมัย ตัดสินใจคว้าตัว คาเซมิโร่ กองกลางทีมชาติบราซิลวัย 30 ปี จากเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 70 ล้านปอนด์ ชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

จากมิดฟิลด์ที่คว้าแชมป์ 18 โทรฟี่กับ “ราชันชุดขาว” สู่ความท้าทายครั้งใหญ่กับแมนฯ ยูไนเต็ด แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว แต่อย่างน้อยก็คือก้าวแรก ในยุคใหม่ของ “ปิศาจแดง”

ปิดตำนานคู่หู “แม็ค-เฟรด” ได้แล้ว ?

ตำแหน่ง “กองกลางตัวรับ” คือตำแหน่งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหามานาน เพราะหลังจากไมเคิล คาร์ริก ประกาศเลิกเล่นหลังจบฤดกาล 2017/18 ทำให้มิดฟิลด์ตัวรับ มีเนมันย่า มาติช เพียงคนเดียวเท่านั้น

ในเดือนธันวาคม 2018 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่แทนโชเซ่ มูรินโญ่ ได้ใช้เฟร็ด และสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มารับหน้าที่เป็นกลางรับ 2 ตัว ตามแผนการเล่น 4-2-3-1 ซึ่งทั้งคู่ไม่ใช่กลางรับธรรมชาติ

คู่หู “แม็ค-เฟรด” ลงเล่นด้วยกันให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ยุคของโซลชา, ราล์ฟ รังนิก และเอริค เทน ฮาก เป็นระยะเวลาเกือบ 4 ปี แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทั้งคู่ทำได้ไม่ดีพอตามที่ทุกคนในสโมสรคาดหวัง

ย้อนกลับไปในนัดเปิดซีซั่น 2022/23 ที่ทีมของเทน ฮาก แพ้ไบรท์ตัน คาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 1 – 2 ทั้งเฟร็ด และแม็คโทมิเนย์ ต่างก่อความผิดพลาด จ่ายบอลเสียหลายจังหวะ แถมการป้องกันเกมรับทำได้เข้าชั้นเลวร้าย

พอล สโคลส์ ตำนานมิดฟิลด์เบอร์ 18 ของยูไนเต็ด วิเคราะห์ผ่าน BT Sport หลังเกมชนะเซาธ์แธมป์ตันว่า “ผมคิดว่าเฟร็ด กับแม็คโทมิเนย์ ถูกร้องขอให้เล่นมิดฟิลด์ตัวรับ แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะทำได้ดีขนาดนั้น”

“การมีนักเตะอย่างคาเซมิโร่ ที่คอยอยู่ด้านหลังหรือด้านข้างนั้น เป็นอะไรที่ดีมาก ๆ ทำให้คุณเล่นได้อย่างมีอิสระ เพราะคุณจะรู้ว่า คนที่อยู่ด้านหลังหรือด้านข้าง มันอยู่ในตำแหน่งที่ดีอยู่แล้ว”

ขอบคุณภาพ https://web.facebook.com/Casemiro92

ปลดปล่อยเพื่อนร่วมทีมทั้งรับและรุก

การเข้ามาของคาเซมิโร่ นอกจากจะแก้ปัญหาในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับที่ขาดหายมาหลายปีแล้ว อาจจะช่วยยกระดับการเล่นของเพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดให้ดีขึ้นได้ ทั้งเกมรับและเกมรุก

แผนการเล่น 4-2-3-1 สูตรกลางรับ 2 คน ที่เอริค เทน ฮาก ใช้มาแล้ว 3 นัด (พบกับเบรนท์ฟอร์ด, ลิเวอร์พูล และเซาธ์แธมป์ตัน) ต่อจากนี้ไป คาเซมิโร่ จะได้จับคู่กับคนใดคนหนึ่งระหว่างเฟร็ด หรือสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์

หรือถ้าเป็นแผนการเล่น 4-3-3 สูตรถนัดของกุนซือชาวดัตช์ ที่เน้นเกมรุกแบบเต็มที่ บทบาทของคาเซมิโร่ ก็จะยืนต่ำกว่ามิดฟิลด์ด้านข้าง 2 คน ทั้งคริสเตียน อิริคเซ่น และบรูโน่ เฟอร์นันเดส ที่จะเล่นเกมรุกมากขึ้น

คาเซมิโร่ ยังสามารถเปลี่ยนกระแสการเล่นจากรับเป็นรุก หากเขาสามารถเคลื่อนบอลให้อิริคเซ่น และบรูโน่เข้าไปในเขตโทษ ก็อาจเป็นการช่วยปลดล็อกปัญหาในเกมรุกของแมนฯ ยูไนเต็ดได้

และเมื่อมีกลางรับระดับโลกสไตล์ถึงลูกถึงคน และขยันแบบฉลาดอย่างคาเซมิโร่อยู่ในทีม ก็ช่วยให้เกมรับได้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน เนื่องจากเจ้าตัวจะคอยทำหน้าที่เก็บกวาดการบุกของคู่แข่งอยู่แล้ว

ดีลของคาเซมิโร่ จะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ช่วยยกระดับทีมให้ดีขึ้น หรือจะเป็นอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวอีกครั้ง ของทีมยักษ์หลับที่รอวันตื่นอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เรียบเรียง: จักรพันธ์ ภู่ทอง

อ้างอิง :

https://www.bbc.com/sport/football/62603699

https://www.telegraph.co.uk/football/2022/08/19/what-casemiro-will-do-manchester-united/

https://worldfootballindex.com/2020/04/real-madrid-tactics-win-the-champions-league-three-years-in-a-row-zidane/

https://www.si.com/soccer/manchesterunited/exclusive-interviews/what-manchester-united-can-expect-from-casemiro

Categories
Column

เบนเซม่า VS เลวานดอฟสกี้ : การเริ่มต้นที่ดีของ 2 ดาวยิง “เบอร์ 9” ที่ดีที่สุดในโลก

หากพูดถึงกองหน้าตัวเป้า หรือ Lone striker ที่สามารถยีนระยะในเกมฟุตบอลระดับสูงนานกว่า 10 ปี ก็จะนึกถึงคาริม เบนเซม่า และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แม้ว่าอายุจะล่วงเลยมาถึงช่วง 34 – 35 ปีแล้วก็ตาม

และเมื่อบาร์เซโลน่า ได้อาวุธหนักอย่างเลวานดอฟสกี้มาเสริมแนวรุก ดวลความคมกับคาริม เบนเซม่า ดาวเตะเรอัล มาดริด ทำให้ “เอล กลาซิโก้” ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว

เหตุการณ์สำคัญจากเกมลาลีกา สเปน นัดที่ 2 ของฤดูกาล 2022/23 ทั้งเบนเซม่า และเลวานดอฟสกี้ ดาวยิงที่สวมเสื้อหมายเลข 9 ด้วยกันทั้งคู่ ต่างเริ่มต้นทำประตูได้เป็นนัดแรก ในสุดสัปดาห์เดียวกัน

ก่อนที่จะมาดวลกันในลีกแดนกระทิงดุ ซีซั่นนี้ ทั้งเบนเซม่า และเลวานดอฟสกี้ ต่างก็พาสโมสรต้นสังกัดประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ พร้อมทั้งได้รับรางวัลส่วนบุคคลมาครอบครอง จากซีซั่นที่แล้ว

เริ่มจากเบนเซม่า ที่พาเรอัล มาดริด คว้าดับเบิลแชมป์ ทั้งลาลีกา และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พ่วงด้วยตำแหน่งดาวซัลโว ประจำการแข่งขันทั้ง 2 รายการ ด้วยผลงาน 27 ประตู กับ 15 ประตู ตามลำดับ

ด้วยผลงานที่โดดเด่นสุดๆ กับเรอัล มาดริด เมื่อซีซั่นก่อน ทำให้ดาวยิงชาวฝรั่งเศสวัย 35 ปีรายนี้ มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะคว้ารางวัล “บัลลง ดอร์” รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ประจำปีนี้ด้วย

ทางฝั่งของเลวานดอฟสกี้ ที่พาบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกา พร้อมกับคว้ารางวัลส่วนตัว ทั้งดาวซัลโวลีกเยอรมัน (35 ประตู) และรางวัลดาวซัลโวลีกยุโรป (โกลเด้น ชูส์) เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

ตลอด 8 ฤดูกาลที่อยู่กับ “เสือใต้” ศูนย์หน้าชาวโปแลนด์วัย 34 ปี เคยได้รับรางวัลส่วนตัวอื่นๆ เช่น นักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า 2 สมัยซ้อน ในปี 2020 และ 2021 รวมถึงกองหน้ายอดเยี่ยมบัลลง ดอร์ ในปี 2021

จนกระทั่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ลาลีกา เดินทางมาถึงนัดที่ 2 ของฤดูกาลนี้ กองหน้าหมายเลข 9 ของ 2 สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลสเปน สามารถทำประตูได้เป็นนัดแรกให้กับต้นสังกัดของแต่ละคน

เริ่มจากวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม เรอัล มาดริด บุกไปเยือน เซลต้า บีโก้ เบนเซม่า ยิงจุดโทษให้ “ราชันชุดขาว” ขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 14 และท้ายที่สุด ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ เก็บชัยชนะด้วยสกอร์ 4 – 1

ต่อด้วยวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม บาร์เซโลน่า บุกไปเยือน เรอัล โซเซียดัด เลวานดอฟสกี้ ได้ลงสนามในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง ยิง 2 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ พา “เจ้าบุญทุ่ม” ชนะ 4 – 1 เช่นเดียวกัน

ส่วนนักเตะคนอื่นๆ นอกจากจะเป็นผู้ป้อนบอลให้กองหน้าอันดับ 1 ของแต่ละทีมยิงประตูแล้ว พวกเขาก็สามารถทำประตูด้วยตัวเองได้เช่นกัน และมีสิทธิ์ที่จะแข่งขันในอันดับดาวซัลโวของลาลีกาได้ตลอดเวลา

หลังผ่านไป 2 นัด ผู้นำดาวซัลโวลาลีกาในเวลานี้ คือ บอร์ฆา อิกเลเซียส ของเรอัล เบติส ทำได้ 3 ประตู ส่วน 2 ประตูของเลวานดอฟสกี้ ทำได้เท่ากับอัลบาโร่ โมราต้า, ยาโก้ อัสปาส, ชิมี่ เอบิล่า, อเล็กซ์ บาเอน่า และฆวนมี่

สำหรับนัดต่อไป ทั้งบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด จะลงเตะในคืนวันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม โดย “เจ้าบุญทุ่ม” เปิดบ้านพบเรอัล บายาโดลิด (00.30 น.) ต่อด้วย “ราชันชุดขาว” ออกไปเยือนเอสปันญ่อล (03.00 น.)

ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของคาริม เบนเซม่า และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีโอกาสมากที่สุด สำหรับการท้าชิงรางวัล “ปิชิชี่” หรือดาวซัลโวลาลีกา ที่จะทราบผลอย่างแน่นอน ในเดือนมิถุนายน ปีหน้า

Categories
Column

“เมสซี่ x ซัวเรซ” : เราและนาย..เพื่อนกันตลอดกาล

แม้ตัวห่างไกลแต่หัวใจยังใกล้ชิด อีกหนึ่งเรื่องราวมิตรภาพดีๆที่เพิ่งเกิดขึ้นระหว่างสองยอดกองหน้าเวิลด์คลาส “ลิโอเนล เมสซี่” กับ “หลุยส์ ซัวเรซ” ซึ่งเริ่มสร้างสายใยความผูกพันช่วงเป็นนักเตะร่วมค่ายบาร์เซโลน่าระหว่างปี 2014 – 2020  เมื่อเมสซี่ไม่เพียงอัดคลิปร่วมแสดงความยินดีที่ซัวเรซกลับคืนสู่รากเหง้าของอาชีพค้าแข้งกับสโมสรนาซิอองนาล แต่ยังให้ยืมเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวพาเพื่อนรักเดินทางไปยังประเทศอุรุกวัยอีกด้วย

ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองผูกพันขนาดไหนเกิดขึ้นช่วงกลางปี 2020 เมสซี่ขอขื้นบัญชีย้ายทีมขณะเหลือสัญญากับบาร์โซลน่าอีกหนึ่งปี เหตุผลลึกๆแล้วเขาไม่พอใจที่สโมสรขายซัวเรซไปให้แอตเลติโก มาดริด ในราคาแค่หกล้านยูโร แถมโรนัลด์ คูมัน ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม พูดจาตัดเยื่อใยไม่ให้เกียรติเพื่อนรักของเขา แม้ท้ายที่สุดเมสซี่ยอมเล่นให้บาร์ซ่าแต่นั่นเพราะไม่อยากมีคดีความ

เป็นที่ทราบผ่านหน้าข่าวว่า เมสซี่และซัวเรซรวมถึงภรรยาและลูกๆของทั้งสองมักหาโอกาสไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยกันช่วงไม่มีแข่งฟุตบอล แม้ซัวเรซเคยให้สัมภาษณ์ เอล ปาอิส หนังสือพิมพ์ในอุรุกวัยว่า “เอ็นเอสเอ็น” ฟรอนท์ทรีจากอเมริกาใต้ของบาร์เซโลน่า ตัวเขา เมสซี่ และ เนย์มาร์ สนิทกันทั้งในและนอกสนาม แต่แหล่งข่าววงระบุว่าเมสซี่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดในบาร์เซโลน่าของซัวเรซ

“พวกเรามีเรื่องให้หัวเราะกันได้เสมอ เราหัวเราะทั้งในและนอกสนาม เนย์เป็นคนสนุก ลีโอก็ด้วยแม้ผู้คนจะไม่ค่อยมองเขาในลักษณะนั้นนัก ความสัมพันธ์นี้ส่งผลดีและช่วยเหลือพวกเรา”

“ลีโอมีลูกคนหนึ่งที่แก่กว่าเบนญ่าของผม และอีกคนก็อ่อนกว่าเดลฟี่ ลูกๆชอบเล่นด้วยกัน ผมกับลีโออายุใกล้กัน เราชอบเล่าเรื่องกระจุกกระจิกเล็กๆน้อยๆสมัยเป็นวัยรุ่น พ่อแม่ญาติๆก็เข้ากันได้ดี”

แม้ต้องแยกจากกันเมื่อซัวเรซย้ายไปอยู่แอตเลติโก มาดริด ทั้งสองยังติดต่อกัน สตาร์ทีมชาติอุรุกวัยเปิดใจกับ มาร์ก้า สื่อใหญ่ประเทศสเปน ช่วงปลายปี 2020 ว่า “เราคุยกันเยอะนะแต่ด้วยความสัตย์จริง เราคุยเรื่องชีวิตทั่วๆไป” 

“เมื่อไม่นานมานี้เป็นวันเกิดลูกคนหนึ่งของผม ของเขาด้วย เราคุยเรื่องชีวิตทั่วๆไป ไวรัสโควิด นู้นนั้นนี้ แต่คุยเรื่องฟุตบอลน้อยมากๆ พูดนิดหน่อยถึงการทำประตูที่พลาดหรือระบบแทคติกการเล่น ว่ากันตามจริงเราห่วงสิ่งที่อาจเกิดกับครอบครัวมากกว่าความเป็นไปของฟุตบอล”

ย้อนกลับไปปลายเดือนตุลาคม 2021 ซึ่งตอนนั้น เมสซี่ได้ย้ายไปค้าแข้งที่ปารีส แซงต์ แยร์กแมง หลังหมดสัญญากับบาร์เซโลน่า เดอะ มิร์เรอร์ สื่อแท็บลอยด์ชั้นนำของอังกฤษ รายงานว่าสองเพื่อนซี้ลาตินอเมริกันมีแผนเล่นด้วยกันอีกครั้งก่อนแขวนสตั๊ด

ช่วงฤดูร้อนปี 2023 หลังจบซีซั่น 2022-23 เมสซี่จะหมดสัญญากับเปแอสเช ตอนนั้นเมสซี่อายุ 36 ปีแล้ว ส่วนซัวเรซแก่กว่าหกเดือน ทั้งสองคงเริ่มมองหาสถานที่เพื่อปิดฉากชีวิตนักเตะอาชีพ ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่เป้าหมายจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา โดย อินเตอร์ ไมอามี่ ซึ่ง เดวิด เบ็คแฮม เป็นเจ้าของสโมสร(ร่วม) มีความสนใจที่จะเซ็นสัญญาแพ็คคู่เพื่อให้เมสซี่และซัวเรซวิ่งเคียงบ่าเคียงไหล่บนฟลอร์หญ้าระดับอาชีพเป็นครั้งสุดท้าย

“เมสซี” ให้ยืมเจ็ตพา “ซัวเรซ” และครอบครัวกลับอุรุกวัย

ฤดูกาล 2022-23 เมสซี่ยังคงร่วมไล่ล่าความสำเร็จกับปารีส แซงต์ แยร์กแมง ซึ่งมุ่งมั่นครองแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนซัวเรซแยกทางกับแอตเลติโก มาดริด หลังหมดสัญญาสองปีที่เซ็นไว้ ดาวยิงวัย 35 ปี ซึ่งน่าจะลงสังเวียน เวิลด์คัพ เป็นครั้งสุดท้ายช่วงปลายปีนี้ ปฏิเสธข้อเสนอจาก แอลเอ เอฟซี ในเมเจอร์ ซอคเกอร์ ลีก แต่เลือกเดินทางกลับบ้านเกิด ประเทศอุรุกวัย เพื่อค้าแข้งกับ นาซิอองนาล ซึ่งเขาเคยค้าแข้งระหว่างปี 2005 – 2006 ก่อนเดินทางข้ามทวีปไปสร้างชื่อเสียงกับ โกรนิงเก้น, อาแจ็กซ์, ลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า และ แอตเลติโก มาดริด

นาซิอองนาล เตรียมจัดงานเปิดตัวและต้อนรับการคืนสู่เหย้าของซัวเรซอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกิจกรรมเฉลิมฉลองความยาวร่วมสามชั่วโมงที่ กรัน ปาร์เก้ เซ็นทรัล สนามของสโมสร เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (31 ก.ค.2022)

ซัวเรซเดินทางจากแผ่นดินใหญ่ทวีปยุโรปมาถึงสนามบินนานาชาติที่คาร์ราสโก้ กรุงมอนเตวิเดโอ้ โดยมีโฮเซ่ ฟูเอ็นเตส ประธานสโมสร ให้การต้อนรับ ก่อนเดินทางตรงไปยังสนามที่มีแฟนบอลรออยู่ร่วมห้าหมื่นคน

ก่อนเริ่มงาน ซัวเรซเซลฟี่อัพขึ้นอินสตาแกรม เป็นภาพตัวเขาชูนิ้วโป้งให้กับเสื้อหมายเลข 9 ของเขาที่แขวนเป็นแถวอยู่ในห้องพักนักกีฬา พร้อมบรรยายความรู้สึกว่า การต้อนรับช่างเหลือเชื่อและไม่มีวันลืม ส่วนภรรยาก็ไม่น้อยหน้า โพสต์คลิปแฟนบอลที่ยืนให้การต้อนรับริมถนนระหว่างสนามบินถึงสนามแข่ง และรุมล้อมรถของซัวเรซด้วยความตื่นเต้นที่ได้ใกล้ชิดไอดอลของตัวเอง

ซัวเรซ พร้อมด้วยภรรยา โซเฟีย บัลบี้ และลูกทั้งสาม เดลฟิน่า เบนจามิน และเลาตาโร่ เดินทางมาลงสนามบินด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมูลค่า 12 ล้านปอนด์ของเมสซี่ ซึ่งมีเบอร์ 10 อยู่ที่หางเครื่อง และแต่ละขั้นบันไดเป็นชื่อภรรยา แอนโตเนล่า รวมถึงลูกสามคน ติอาโก้ คีโร่ และมาเตโอ้

เครื่องบินเจ็ตสุดหรูสร้างโดยบริษัทแห่งหนึ่งในอาร์เจนตินา ออกแบบเพื่อให้ครอบครัวเมสซี่ใช้งานโดยเฉพาะ ประกอบด้วยห้องครัว สองห้องน้ำ และเก้าอี้ 16 ที่นั่ง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงนอน 8 เตียง

นอกจากส่งเครื่องบินเจ็ตมาอำนวยความสะดวกแก่การเดินทางของเพื่อน เมสซี่ยังอัดคลิปร่วมแสดงความยินดีซึ่งถูกเปิดภายในงานด้วย ขณะที่เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 7 สมัย พักผ่อนอยู่ในแมนชั่นที่ค่าพักตกสัปดาห์ละ 250,000 ปอนด์ บนเกาะส่วนตัวทางชายฝั่งทะเลด้านเหนือของเกาะอีบิซ่า ประเทศสเปน

เมสซี่ ซึ่งเล่นกับซัวเรซที่บาร์เซโลน่านานหกปี กล่าวว่า “ฉันขอส่งกอดและอวยพรให้นายโชคดีกับช่วงเวลาใหม่ในอาชีพนักฟุตบอล นายรู้ดีว่าฉันรักนายมากแค่ไหน ฉันจะติดตามนาซิอองนาลจากที่นี่ พวกเราแฟนบอลทีมนีเวลล์มีความทรงจำไม่ค่อยดีกับพวกนาซิอองนาลเท่าไหร่ แต่นายก็รู้ ฉันห่วงใยนายและพร้อมไปที่นั่นเสมอเมื่อนายต้องการ หวังว่าเราจะได้เจอกันเร็วๆนี้ บาย!”

“เมสซี่” ขอย้ายออกบาร์ซ่าหลังไม่พอใจ “ซัวเรซ” ถูกโละไร้เยื่อใย

เหตุการณ์ที่เป็นประจักษ์พยานอย่างชัดเจนถึงความรักและความห่วงใยของเมสซี่ที่มีต่อซัวเรซ หนีไม่พ้นช่วงที่กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งทำสกอร์ให้บาร์เซโลน่ารวม 198 ประตู ถูกขายให้แอตเลติโก มาดริด หลังจากคูมันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมประมาณหนึ่งเดือน

ซัวเรซยอมรับว่าไม่พอใจคูมันปฏิบัติต่อเขาแบบไม่ให้เกียรติด้วยการคุยผ่านโทรศัพท์แค่ 40 วินาที ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่าเรื่องนี้กับนักข่าวดัง เจอราร์ด โรเมโร่ ผ่านวิดีโอสตรีมมิ่ง ทวิตซ์ ว่า

“คูมันโทรศัพท์บอกผมโดยใช้เวลาเพียง 40 วินาที ซึ่งไม่ใช่วิธีที่สมควรใช้บอกลานักเตะระดับตำนาน เรื่องแรก เขาบอกว่าผมไม่อยู่ในแผนงานของเขา จากนั้นบอกว่า ถ้าไม่จัดการสัญญาให้เรียบร้อย ผมจะถูกลดบทบาท เขาไร้ซึ่งบุคลิกภาพที่ดีที่จะถ่ายทอดให้ชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการผมหรือว่าสโมสรไม่ต้องการผมกันแน่”

ต่อจากนั้น ซัวเรซยังระบุด้วยว่า เมสซี่พยายามที่จะไปจากสโมสรหลังเหตุการณ์ดังกล่าว

“ผมคุยเรื่องนี้กับโซเฟีย (ภรรยา) และลีโอหลังวางหูจากคูมัน มันเป็นวันเวลาที่ยากลำบากเมื่อมองจากทุกสิ่งที่ผมทุ่มเทให้สโมสร เมสซี่ทำเรื่องขอย้ายทีม ส่วนผมก็โดนให้ออก เป็นช่วงเวลาที่แย่มากสำหรับครอบครัวของเราสองคน”

เมื่อเพื่อนโดนทำร้าย ก็เหมือนตัวเองโดนทำให้บาดเจ็บด้วยเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่เพื่อนอย่างเมสซี่แสดงปฏิกิริยาออกต่อคูมันและบาร์เซโลน่า